Author: [email protected]

ไม่เหมือนกับเดือนในภาษาไทย เดือนภาษาอังกฤษ ล้วนมีชื่อและความหมายพิเศษที่แตกต่าง นอกจากนี้ ยังมีหลายวิธีสำหรับการอ่านและเขียนอีกด้วย ไม่เพียงแต่เรียงตามวัน เดือน ปีเท่านั้น ดังนั้นในบทความนี้ ELSA Speak จะสรุปรายละเอียดเกี่ยวกับวิธีการใช้งาน พร้อมทั้งข้อมูลที่น่าสนใจที่จะช่วยให้คุณจำเดือนภาษาอังกฤษได้อย่างง่ายดาย

แนะนำ เดือนภาษาอังกฤษ

เดือนของปีในภาษาอังกฤษเป็นความรู้พื้นฐานที่ใครก็ตามที่เพิ่งเริ่มเรียนภาษาอังกฤษจะข้ามไม่ได้ อย่างไรก็ตาม คุณอาจจะจำเดือนภาษาอังกฤษได้ยาก เพราะวิธีการเขียนและอ่านเดือนภาษาอังกฤษนั้นไม่เป็นไปตามกฎเกณฑ์ใดๆ ดังนั้นด้านล่างนี้คือวิธีการอ่านเดือนทั้งหมดเป็นภาษาอังกฤษเพื่อช่วยคุณเพิ่มแหล่งคำศัพท์ได้ง่ายขึ้น

เดือนที่ 1January [‘dʒænjʊərɪ]
เดือนที่ 2February [‘febrʊərɪ]
เดือนที่ 3March [mɑːtʃ]
เดือนที่ 4April [‘eɪprəl]
เดือนที่ 5May [meɪ]
เดือนที่ 6June [dʒuːn]
เดือนที่ 7July [/dʒu´lai/]
เดือนที่ 8August [ɔː’gʌst]
เดือนที่ 9September [sep’tembə]
เดือนที่ 10October [ɒk’təʊbə]
เดือนที่ 11November [nəʊ’vembə]
เดือนที่ 12December [dɪ’sembə]

>>> Read more

นอกจากนี้ ด้านล่างนี้คือตารางคำศัพท์ตัวย่อของเดือนภาษาอังกฤษพร้อมการถอดความ:

เดือนที่ภาษาอังกฤษตัวย่อการถอดความ
มกราคมJanuaryJan[‘dʒænjʊərɪ]
กุมภาพันธ์FebruaryFeb[‘febrʊərɪ]
มีนาคมMarchMar[mɑːtʃ]
เมษายนAprilApr[‘eɪprəl]
พฤษภาคมMayMay[meɪ]
มิถุนายนJuneJun[dʒuːn]
กรกฎาคมJulyJul[/dʒu´lai/]
สิงหาคมAugustAug[ɔː’gʌst]
กันยายนSeptemberSep[sep’tembə]
ตุลาคมOctoberOct[ɒk’təʊbə]
พฤศจิกายนNovemberNov[nəʊ’vembə]
ธันวาคมDecemberDec[dɪ’sembə]
Test

ความหมายของชื่อเดือนภาษาอังกฤษ

เนื่องจากเดือนภาษาอังกฤษส่วนใหญ่มาจากตัวอักษรละตินและยังได้รับการตั้งชื่อตามเทพเจ้าโรมันโบราณองค์ต่างๆ ดังนั้นชื่อของเดือนมีที่มาที่น่าสนใจและมีความหมายที่แตกต่างกัน มาค้นพบความหมายกับที่มาของชื่อเดือนภาษาอังกฤษพร้อมกับ ELSA Speak เพื่อช่วยให้คุณเข้าใจและจดจำได้ง่ายขึ้น

มกราคม ภาษาอังกฤษ: January

ชื่อ January มาจากเทพเจ้าโรมัน Janus เทพองค์นี้มีสองหน้าที่สามารถมองเห็นอดีตและอนาคต เขาเป็นตัวแทนของการเริ่มต้นใหม่และการเปลี่ยนแปลง ดังนั้นชื่อของเขาจึงถูกกำหนดให้กับเดือนแรกของปีใหม่ มกราคมหรือเดือนอ้ายของปีที่เกี่ยวข้องกับความหมายของ Januarius Mensis ก่อนศตวรรษที่ 14 ชาวอังกฤษใช้วลีนี้ในรูปของ Gevenen จากปี 1391 เดือนมกราคมถูกเรียกว่า January

กุมภาพันธ์ ภาษาอังกฤษ : February

February มาจากคำว่า Februarius ในภาษาละติน หมายถึงพิธีกรรมชำระล้างบาปในสมัยโบราณซึ่งจัดขึ้นในวันที่ 15 กุมภาพันธ์ของทุกปี สันนิษฐานว่าเพราะมันเป็นสัญลักษณ์ของความชั่วร้าย เดือนกุมภาพันธ์จึงมีวันน้อยกว่าเดือนต่างๆ ซึ่งมี 28 หรือ 29 วันเท่านั้น

Februar เป็นเทศกาลที่มีชื่อเสียงซึ่งจัดขึ้นในเดือนกุมภาพันธ์ของทุกปี เทศกาลนี้ในช่วงต้นศตวรรษที่ 13 เป็นที่รู้จักในภาษาอังกฤษว่า Federer และเปลี่ยนเป็น Feoverel ไม่นานหลังจากนั้น ในปี 1373 เพื่อให้สามารถสะกดและเขียนง่ายกว่า ชาวอังกฤษเลยเรียกว่ากุมภาพันธ์เป็น Februar ชื่อของเดือนกุมภาพันธ์นี้ยังคงถูกเรียกโดยทั่วประเทศอังกฤษจนถึงทุกวันนี้

มีนาคม ภาษาอังกฤษ: March

ชื่อ March ในภาษาอังกฤษมาจากภาษาฝรั่งเศสโบราณ หมายถึงเทพเจ้าแห่งสงคราม Mars ในเดือนมีนาคม ชาวโรมันจะจัดเทศกาลเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับสงครามและถวายเกียรติแด่เทพเจ้าองค์นี้ เดือนนี้เป็นที่นิยมของหลาย ๆ คนเนื่องจากมีสภาพอากาศที่เย็นสบายและเป็นสีฟ้าสดใจ

เมษายน ภาษาอังกฤษ: April

คำภาษาอังกฤษ April มาจากคำ Aprillis ในภาษาละติน ในปฏิทินเก่าของบางประเทศ เดือนเมษายนถือเป็นเดือนแรกของปี ซึ่งเป็นเดือนแห่งฤดูใบไม้ผลิ

ในภาษาลาติน April เป็นเดือนที่ดอกไม้บานในต้นฤดูใบไม้ผลิ ก่อนหน้านี้ April ถูกเรียกว่า Aprilis ในภาษาละติน และ Avril ในภาษาฝรั่งเศส เมื่อเข้าสู่ศตวรรษที่ 13 เมษายนถูกเรียกด้วยชื่อใหม่ว่า Averil อย่างไรก็ตาม ชื่อนี้คงอยู่จนถึงปี 1375 และก็ถูกเปลี่ยน ตั้งแต่นั้นมาจนถึงปัจจุบัน เมษายนในภาษาอังกฤษเลยถูกเรียกว่า April

พฤษภาคม ภาษาอังกฤษ: May

May ในภาษาอังกฤษได้ตั้งชื่อตามเทพธิดา Maia เทพีแห่งดินและความเจริญรุ่งเรือง เพราะในประเทศตะวันตก เดือนพฤษภาคมที่อบอุ่นถึงทำให้ต้นไม้และพืชผลเติบโต ชื่อ Magnus มาจากภาษาลาติน แปลว่าการเติบโต อย่างไรก็ตาม ชื่อนี้ก็ถูกเปลี่ยนเมื่อต้นศตวรรษที่ 12 เนื่องจากอิงจากคำภาษาฝรั่งเศส Mai ชาวอังกฤษเลยเรียกพฤษภาคมว่า May

มิถุนายน ภาษาอังกฤษ: June

June ตั้งชื่อตามเทพเจ้าโบราณ Juno ซึ่ง Juno เป็นเทพีแห่งการแต่งงานและการเกิด และวันเด็กสากลก็เป็นวันที่ 1 มิถุนายนด้วย ซึ่งก็สมเหตุสมผล นี่คือที่มาของชื่อ June เพื่อหมายถึงเดือนมิถุนายนโดยเฉพาะ เพื่อหลีกเลี่ยงความสับสนกับเดือนภาษาอังกฤษอื่นๆ ชื่อ June ได้ใช้เรียกเดือนมิถุนายนตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 11 จนถึงปัจจุบัน

กรกฎาคม ภาษาอังกฤษ: July

เดือนกรกฎาคมถูกตั้งชื่อว่า July เพื่อระลึกถึงจักรพรรดิคาร์ซาเร จักรพรรดิแห่งโรมันชื่อ Carsare เกิดในเดือนกรกฎาคม บุคคลนี้มีสติปัญญาเหนือมนุษย์ ซึ่งได้รับการยกย่องเนื่องจากช่วยปรับปรุงระบบปฏิทินโรมัน ตามชื่อ Julius Caesar คนอังกฤษตั้งชื่อกรกฎาคมว่า July เพื่อระลึกถึงจักรพรรดิพระองค์นี้

สิงหาคม ภาษาอังกฤษ: August

แม้ชื่อของพระองค์ผู้อ้างว่าเป็นเทพเจ้า Julius Caesar นั้นถูกใช้อย่างมากมาย แต่ก็ถูกดัดแปลงอย่างมีนัยสำคัญเช่นกัน โดยที่โดดเด่นที่สุดคือ Augustus Caesar หลานชายของจักรพรรดิพระองค์เก่งกาจองค์นี้ได้นำชื่อของเขามาตั้งเป็นชื่อเดือนภาษาอังกฤษ ดังนั้นจึงใช้ชื่อ August ตั้งแต่นั้นมาจนถึงปัจจุบัน

เดือนภาษาอังกฤษ

กันยายน ตุลาคม พฤศจิกายน ธันวาคม ภาษาอังกฤษ : September, October, November, December

เนื่องจาก Julius และ August ได้ใส่ชื่อไว้ในปฏิทินแล้ว 4 เดือนหลังนี้จึงต้องเลื่อนกลับไป 2 เดือนตามลำดับ

วิธีอ่านและเขียนวันที่เป็นภาษาอังกฤษ

หากเรียนคำศัพท์เกี่ยวกับเดือนทั้ง 12 เดือนเสร็จแล้วแต่ไม่รู้ว่าเดือนภาษาอังกฤษอ่านว่าอะไรและเขียนวันในภาษาอังกฤษอย่างไร ให้ติดตามบทความด้านล่างนี้ต่อไป!

วิธีเขียนวันที่เป็นภาษาอังกฤษ

วิธีเขียนวันที่เป็นภาษาอังกฤษ – อังกฤษ

ในการเขียนแบบอังกฤษ – อังกฤษ วันที่จะได้เขียนก่อนเดือนเสมอ เลขลำดับจะตามหลังวันที่ (เช่น st, th…) อาจมีหรือไม่มีก็ได้ สามารถใช้เครื่องหมายจุลภาคก่อนปี แต่การเขียนแบบนี้ไม่ได้รับความนิยมมาก คำบุพบท of ก่อนเดือนอาจมีหรือไม่มีก็ได้

ตัวอย่าง: 6 July 2020 หรือ 6th of July, 2020

วิธีเขียนวันที่เป็นภาษาอังกฤษ – อเมริกัน

สำหรับการเขียนนี้ เดือนจะเขียนก่อนวันเสมอ และมีคำนำหน้านามก่อนวัน เครื่องหมายจุลภาคใช้ก่อนปี

ตัวอย่าง: August (the) 19(th), 2020 หรือ August 19, 2020

วิธีอ่านวันที่เป็นภาษาอังกฤษ

วิธีอ่านวันที่เป็นภาษาอังกฤษ – อังกฤษ

เมื่ออ่านในรูปแบบอังกฤษ – อังกฤษ ให้ใช้ คำนำหน้าที่เฉพาะเจาะจง “the” ก่อนวันที่

ตัวอย่าง: April 2, 2019 – April the second, two thousand and nineteen

วิธีอ่านวันที่เป็นภาษาอังกฤษ – อเมริกัน

เมื่ออ่านในรูปแบบอังกฤษ – อเมริกัน สามารถละเว้นคำนำหน้าที่เฉพาะเจาะจง “the”

ตัวอย่าง: March 1, 2020 – March first, two thousand and twenty

ตารางวิธีอ่านวันเดือนภาษาอังกฤษ

นอกจากเดือนภาษาอังกฤษของปีแล้ว ELSA Speak ขอแนะนำให้คุณเรียนรู้คำศัพท์เพิ่มเติมรวมถึงวิธีการอ่านวันเดือนเป็นภาษาอังกฤษซึ่งระบุไว้ในตารางด้านล่างนี้ด้วย เพื่อช่วยให้คุณขยายคลังคำศัพท์และประโยคในการสื่อสารของตนเอง

1first11eleventh21twenty-first
2second12twelfth22twenty-second
3third13thirteenth23twenty-third
4fourth14fourteenth24twenty-fourth
5fifth15fifteenth25twenty-fifth
6sixth16sixteenth26twenty-sixth
7seventh17seventeenth27twenty-seventh
8eighth18eighteenth 28twenty-eighth
9ninth19nineteenth29twenty-ninth
10tenth20twenty30thirtieth

วิธีใช้คำบุพบทกับจุดเวลา

นี่คือวิดีโอเกี่ยวกับวิธีใช้คำบุพบทบอกเวลา: nếu có video thì chèn vào giúp em ạ

การใช้คำบุพบทเป็นสิ่งที่ท้าทายสำหรับผู้เริ่มต้นเรียนภาษาอังกฤษทุกคน เนื่องจากมีกฎมากมายและมีการเปลี่ยนแปลงการใช้อย่างต่อเนื่อง ตัวอย่างเช่น หากคุณพูดถึงเดือนอย่างเดียว ให้ใช้คำบุพบท “in” (in April) แต่ถ้ามีวันและเดือน ต้องใช้ “on” (on 5th April) ต่อไปนี้คือกฎบางประการที่คุณควรทราบ:

การเขียนเวลาพร้อมคำบุพบท at

ตัวอย่าง:

(หนังเริ่มตอน 8 โมง)

(พ่อฉันตื่นนอนตอน 6 โมงเช้าทุกวัน)

(คลาสสุดท้ายของฉันเลิกตอน 5 โมงเย็น)

วันที่ไปกับคำบุพบท on

ตัวอย่าง:

(ในวันอาทิตย์ฉันมักจะพาสุนัขไปเดินเล่น)

(วันศุกร์นี้ฉันจะไปทำผม)

เดือน/ปี ไปกับคำบุพบท in

ตัวอย่าง:

(ในเดือนธันวาคมฉันจะนำมาให้คุณ)

วัน + เดือน ไปกับคำบุพบท on

ตัวอย่าง:

(วันเกิดคุณย่าของฉันคือวันที่ 23 มีนาคม)

(ในวันที่ 22 กันยายน ฉันจะซื้อทีวีใหม่)

career advancement

วัน + เดือน + ปี ไปกับคำบุพบท on

ตัวอย่าง:

(วันที่ 16 พฤศจิกายน 1991 ตำนานแห่งวงการฟุตบอลถือกำเนิดขึ้น)

วิธีถามเดือนเป็นภาษาอังกฤษ

ต่อไปนี้เป็นคำถามบางอย่างเกี่ยวกับเดือนในภาษาอังกฤษที่ใช้บ่อยที่สุดในการสื่อสารในชีวิตประจำวัน:

1. What date is it today?/What is today’s date?

(วันนี้เป็นวันอะไร)

– Today is the fifth (วันนี้วันที่สิบห้า)

– Today it is the second (วันนี้เป็นวันที่สอง)

– It is the first (วันที่หนึ่ง)

2. What day is it today?/What is today’s day?

(วันนี้เป็นวันอะไร?)

– Today is Monday (วันนี้เป็นวันจันทร์)

– Monday (วันจันทร์)

– It is Monday (วันจันทร์)

วิธีจำเดือนภาษาอังกฤษ

แม้ว่าคำศัพท์เกี่ยวกับเดือนไม่ค่อยซับซ้อนเท่าไหร่ แต่บางครั้งอาจทำให้สับสนได้ งั้นมีวิธีช่วยให้เรียนรู้คำศัพท์เหล่านี้ได้ง่ายและมีประสิทธิภาพหรือไม่? ต่อไปนี้เป็นเคล็ดลับที่มีประสิทธิภาพมากในการเรียนรู้เดือนภาษาอังกฤษ ไม่เพียงจะช่วยให้คุณจำได้นานขึ้นเท่านั้น แต่ยังช่วยให้ใช้เดือนเป็นภาษาอังกฤษเพื่อสื่อสารกับคนรอบตัวได้อย่างเป็นธรรมชาติอีกด้วย

เรียนคำศัพท์เดือนพร้อมกับตัวอย่าง

การเรียนคำศัพท์เดือนพร้อมกับตัวอย่างจะช่วยให้คุณจำได้นานขึ้น นอกจากนั้น คุณสามารถฝึกทักษะการเขียนและจำสถานการณ์ในการใช้คำๆนั้นได้มากขึ้น นอกจากนี้คุณยังสามารถคิดถึงบริบทและตั้งคำถามและคำตอบตามคำศัพท์ที่คุณต้องการเรียนรู้ได้อีกด้วย

เรียนรู้คำศัพท์วันที่เป็นภาษาอังกฤษผ่านรูปภาพ

การเรียนรู้คำศัพท์วันที่เป็นภาษาอังกฤษผ่านรูปภาพที่สดใสจะทำให้คุณจำคำศัพท์ได้ง่ายอย่างแน่นอน

ฝึกฟังและอ่านตามการถอดเสียงคำศัพท์เกี่ยวกับวัน เดือน ปี

นอกจากการใช้รูปภาพแล้ว คุณยังสามารถเรียนรู้ด้วยเสียงหรือวิดีโอได้อีกด้วย

คุณยังสามารถเรียนภาษาอังกฤษผ่านบทเพลงตามธีมเกี่ยวกับเดือนภาษาอังกฤษเพื่อให้ได้ผลดีที่สุด เพราะนักวิจัยสมองกล่าวว่าการฟังเพลงจะช่วยให้สมองของคุณแข็งแรงขึ้น มีความสามารถในการจดจำและเรียนรู้ภาษาต่างๆ มากขึ้นอย่างมีประสิทธิภาพ เมื่อคุณฟังเพลงพร้อมกับจดบันทึกเดือนที่คุณกำลังเรียน มันไม่เพียงช่วยให้คุณจำตัวอักษรได้อย่างรวดเร็วเท่านั้น แต่ยังช่วยเพิ่มความสามารถในการฟังของคุณด้วย แถมยังช่วยปรับปรุงการตอบสนอง

เรียนรู้เดือนภาษาอังกฤษทั้ง 12 เดือนโดยนึกภาพถึงหัวข้อต่างๆ

นอกเหนือจากการระบุเดือนภาษาอังกฤษที่น่าเบื่อแล้ว คุณยังสามารถจัดกลุ่มเดือนตามการนึกภาพได้อีกด้วย จากรายการเดือนของปี คุณสามารถนึกถึงฤดูกาล สภาพอากาศของฤดูกาลเหล่านั้น หรือวันเทศกาลในเดือนนั้นได้อย่างง่ายดาย การเรียนรู้ดังกล่าวไม่เพียงช่วยให้คุณจำเดือนของปีเท่านั้น แต่ยังขยายคำศัพท์ของคุณในหัวข้อต่างๆ อีกด้วย

คุณสามารถจัดเดือนตามฤดูกาลเพื่อเรียน ก่อนอื่นให้แบ่ง 4 ฤดูกาลออกเป็น 3 เดือนที่แตกต่างกัน จากนั้นนึกถึงลักษณะของฤดูกาลนั้น คุณสามารถเรียงลำดับเดือนได้ดังนี้:

เดือนภาษาอังกฤษ ฤดู

จากนั้นคุณสามารถเชื่อมโยงแต่ละฤดูกาลกับลักษณะสภาพอากาศหรือเหตุการณ์และเทศกาลต่างๆ ในระหว่างปีได้ ตัวอย่างเช่น ฤดูหนาว (Winter) จะมีหิมะตกมาก (snowy) สภาพอากาศที่รุนแรง (harsh weather) และคุณจะรู้สึกหนาว (cold) หากคุณเรียนรู้ด้วยวิธีนี้ คุณจะไม่เพียงเพิ่มพูนคำศัพท์ของคุณเท่านั้น แต่คุณยังสามารถค้นพบสิ่งที่น่าสนใจเกี่ยวกับวัฒนธรรมของประเทศที่ใช้ภาษาอังกฤษได้อีกด้วย

สุดท้ายนี้ อย่าลืมฝึกฝนเยอะๆ เพื่อพัฒนาทักษะภาษาอังกฤษของตนเองนะ!

แบบฝึกหัดเกี่ยวกับเดือนภาษาอังกฤษ

เพื่อช่วยให้คุณจำคำศัพท์ได้นานขึ้นและเข้าใจวิธีการใช้คำบุพบทกับเดือนง่ายขึ้น ให้ลองทำฝึกแบบฝึกหัดเกี่ยวกับวันที่และเดือนเป็นภาษาอังกฤษด้านล่างนี้!

แบบฝึกหัด

/แบบฝึกหัดที่ 1: กรอกชื่อเดือนเป็นตัวอักษรภาษาอังกฤษ

1. 35. 49. 11
2. 66. 10 10. 5
3. 97. 811. 7
4. 18. 212. 12

แบบฝึกหัดที่ 2: เติมคำบุพบทในช่องว่าง

  1. …………… summer, I love swimming in the pool next to my department
  2. He has got an appointment with a student …………… Monday morning.
  3. We’re going away …………… holiday …………… September 2019.
  4. The weather is very hot here …………… May.
  5. I visit my grandparents …………… Sundays.
  6. I am going to travel to Phu Quoc …………… April 15th.
  7. Would you like to play games with me …………… this weekend?
  8. My son was born …………… October  20th, 1999.
  9. The factory closed …………………. June.
  10. The anniversary is ………………….. May 10th.
  11. Henry’s birthday is ……………….. November.
  12. Justin Bieber was born ……………….. March 1, 1994.
  13. The pilgrims arrived in America ……………….. 1620.

แบบฝึกหัดที่ 3: เติมชื่อเดือนที่ตรงกับบริบทของประโยคในช่องว่าง

  1. Halloween takes place in ………
  2. The last month of the year is ………
  3. The month between August and October is ………
  4. Christmas and Hanukkah are celebrated in ……..
  5. The first month of the year is …………
  6. Thanksgiving takes place in ………..
  7. ………. has 28 days.
  8. The 6th month of the year is ……….
  9. The International Women’s day is celebrated in …..
  10.  ..…. has International Labor’s day. 

แบบฝึกหัดที่ 4: ออกเสียงคำที่เป็นตัวหนาต่อไปนี้

She’s flying back home on Tuesday, February 15th. (ออกเสียง ‘on Tuesday, February the fifteenth’)

My mother’s birthday is on November 2nd. (ออกเสียง ‘on November the second’)

They’re having a party on 22nd July. (ออกเสียง: on the twenty second of July.)

Their Wedding is on August 23th in the biggest restaurant in Ha Noi. (ออกเสียง ‘on August the twenty third’.)

New Year’s Day is on 1st January. (ออกเสียง ‘on the first of January’)

แบบฝึกหัดที่ 5: เติมคำบุพบทในช่องว่าง

  1. …………… spring, I like play video games with my friends
  2. He has to meet his family …… Friday morning.
  3. The weather is very cold here …………… October.
  4. I visit my grandparents …………… Mondays.
  5. Would you like to play games with me …………… this weekend?
  6. My son was born …………… October  20th, 1999.

คำตอบ

แบบฝึกหัดที่ 1

1. March5. April9. November
2. June6. October10. May
3. September7. August11. July
4. January8. February12. December

แบบฝึกหัดที่ 2

1. In 4. In 7. On10. On13. In
2. On 5. On8. In11. In
3. For – In 6. On 9. In 12. On

แบบฝึกหัดที่ 3

1. October6.  November
2.  December7.  February 
3.  September8.  June
4.  December9.  March
5.  January10.  May

แบบฝึกหัดที่ 4

ออกเสียง ‘on Tuesday, February the fifteenth’
ออกเสียง ‘on November the second’
ออกเสียง: on the twenty second of July.
ออกเสียง ‘on August the twenty third’.
ออกเสียง ‘on the first of January’

แบบฝึกหัดที่ 5

  1. In spring, I like play video games with my friends
  2. He has to meet his family on Friday morning.
  3. The weather is very hot here in October.
  4. I visit my grandparents on Mondays.
  5. Would you like to play a game with me at/on this weekend?
  6. My son was born on October  20th, 1999.

หวังว่าความรู้ที่น่าสนใจข้างต้นของ ELSA Speak จะช่วยให้คุณไม่เพียงจำคำศัพท์ของเดือนได้นานขึ้นและง่ายขึ้นเท่านั้น แต่ยังทราบถึงวิธีการอ่านและเขียนเดือนเป็นภาษาอังกฤษอีกด้วย ซึ่งสามารถ ช่วยให้คุณสื่อสารภาษาอังกฤษได้อย่างมั่นใจ ให้พยายามศึกษาและฝึกฝนทุกวันเพื่อพัฒนาระดับของคุณนะ!

คนวัยทำงานยังเรียนภาษาอังกฤษได้อย่างดี

นอกจากนี้ อย่าพลาดบทความช่วยจำภาษาอังกฤษอย่างได้ผลที่ ELSA Speak หรือลงทะเบียนการตรวจวัดระดับภาษาอังกฤษและรับคำปรึกษาฟรีที่นี่!

ขอให้เรียนได้ผลดี ๆ กันหมดนะ 

ปัจจุบันมีงานจำนวนมากที่มีเงินเดือนสูงแต่ต้องการผู้สมัครที่มีทักษะภาษาอังกฤษ ดังนั้นการเขียน email สมัครงานภาษาอังกฤษและการส่งประวัติย่อและ จดหมายสมัครงานภาษาอังกฤษ ของคุณแบบมืออาชีพเป็นขั้นตอนแรกที่คุณสามารถทำได้เพื่อสร้างความประทับใจให้นายจ้าง มาดูวิธีการเขียน จดหมาย ภาษาอังกฤษแบบมืออาชีพได้งานง่ายๆ

เคล็ดลับการเขียนเขียน email สมัครงานภาษาอังกฤษคืออะไร?

เช่นเดียวกับการเขียน จดหมายสมัครงานภาษาอังกฤษ แบบอื่นๆ (อีเมล์สัมภาษณ์ อีเมล์เจรจา…) อีเมล์สมัครงานภาษาอังกฤษจะประกอบด้วย:

จดหมายสมัครงานภาษาอังกฤษ แบบมืออาชีพจะช่วยให้คุณเข้าใกล้งานในฝันมากขึ้น

จดหมายสมัครงานภาษาอังกฤษ
จดหมายสมัครงานภาษาอังกฤษ แบบมืออาชีพจะช่วยให้คุณเข้าใกล้งานในฝัน

เริ่มด้วยหัวเรื่องที่ชัดเจน

คำบรรยายลักษณะงานจำนวนมากมีคำแนะนำเกี่ยวกับการเขียนหัวเรื่องอีเมล์ ในกรณีนี้ โปรดปฏิบัติตามคำแนะนำ ถ้าไม่ โปรดระบุเหตุผลทำไมคุณถึงเปลี่ยนหัวเรื่องสำหรับอีเมล์นี้ ผู้สรรหาได้รับอีเมล์หลายฉบับทุกวัน ดังนั้นการมีหัวเรื่องที่ชัดเจนจะช่วยทำให้อีเมล์ของคุณได้เพิ่มโอกาสจะได้รับความสนใจ คุณสามารถดูโครงสร้าง: [Your Name] – [Job Title] Application

สัมภาษณ์งานภาษาอังกฤษ ตัวอย่าง: Devon Lewis – Marketing Manager Application

คำทักทายอย่างเป็นทางการใน จดหมายสมัครงานภาษาอังกฤษ

ถ้าเป็นไปได้ ให้พยายามค้นหาบุคคลที่จะรับอีเมล์ของคุณและส่งไปให้คนๆนั้น หากคุณไม่พบข้อมูลนี้จากที่ใด คุณสามารถส่งอีเมล์ของคุณไปที่ Hiring Manager

สัมภาษณ์งานภาษาอังกฤษ ตัวอย่าง: Dear Hiring Manager

อธิบายจุดประสงค์ของจดหมายสมัครงานคืออะไร?

ให้อธิบายว่าเหตุใดคุณจึงเขียนจดหมายสมัครงานไว้ที่ด้านบนสุดของจดหมาย คุณต้องแน่ใจว่าคุณระบุตำแหน่งที่คุณสมัครอย่างถูกต้อง คุณยังสามารถระบุว่าคุณเห็นประกาศรับสมัครงานที่ไหนและเหตุผลที่คุณสนใจสมัครงานนี้ นี่เป็นโอกาสของคุณที่จะดึงดูดความสนใจของนายจ้าง ดังนั้นจงพยายามแสดงตัวให้เป็นมืออาชีพ

ตัวอย่างเช่น:

I recently saw your job posting for the [Job Title] position on [where you saw it]. Based on the information you provided, I am quite interested in this position. Upon review of my application materials, I hope that you can see why I would be a good fit for this job.

พิสูจน์ว่าคุณเป็นคนที่เหมาะสมในอีเมล์สมัครงานภาษาอังกฤษ

ในช่วงกลางของอีเมล์ คุณควรระบุว่าเหตุใดคุณจึงเหมาะสมกับบริษัทของนายจ้าง อย่าลืมแบ่งปันทักษะหรือประสบการณ์เฉพาะใด ๆ ที่ทำให้คุณมีคุณสมบัติเหมาะสมกับงานนั้น คุณยังสามารถกล่าวถึงทักษะหรือความสำเร็จที่คุณได้รับในอาชีพการงานของคุณ นอกจากนี้คุณยังสามารถอธิบายงานใดๆ ที่คุณทำให้สำเร็จในงานก่อนหน้าของคุณได้อีกด้วย

ตัวอย่างเช่น:

In my position as an Assistant Communications Director for ABC Company, I wrote articles for the company website, edited and posted contributed articles, managed their social media presence, and wrote and sent out a weekly email newsletter to subscribers. I also implemented an automated email tool that grew the company’s subscriber base by 40% within six months.

While Assistant Communications Director for Assemblyperson Janet Brown, I researched, drafted, and amended legislation, wrote press releases, and was responsible for office communications and correspondence.

My resume is attached. If I can provide you with any further information on my background and qualifications, please let me know.

 4 เคล็ดลับสำหรับการเรียนด้วย ELSA Speak

ขอบคุณผู้จัดการการจ้างงาน

อย่าลืมกล่าวขอบคุณที่ผู้จัดการการจ้างงานสละเวลาดูจดหมายสมัครงานของคุณ คุณสามารถระบุเพิ่มเติมได้ว่าประวัติส่วนตัวและเอกสารการสมัครงานอื่น ๆ ของคุณได้แนบมากับอีเมล์

คุณสามารถแสดงความต้องการที่รอการตอบสนองโดยกล่าวว่า:

“I look forward to hearing back from you and potentially discussing this opportunity in more detail.”

ใช้คำลงท้ายที่สุภาพ

ข้อสุดท้าย ให้ลงท้ายอีเมล์ด้วยวลีที่เป็นทางการ เช่น “Best“ หรือ “Sincerely”, “Best Regard”,… 

หลังจากนั้นคุณควรลงชื่อให้ครบถ้วนและใส่ข้อมูลติดต่อของคุณด้านล่าง ส่วนนี้อาจรวมถึงที่อยู่อีเมล์ หมายเลขโทรศัพท์ URL โปรไฟล์ LinkedIn และลิงก์ไปยังพอร์ตโฟลิโอของคุณ

จดหมายสมัครงานภาษาอังกฤษ
ใช้คำลงท้ายที่สุภาพ

จดหมายสมัครงานภาษาอังกฤษ แบบมืออาชีพจากผู้เชี่ยวชาญ

ตัวอย่างอีเมล์ / จดหมายสมัครงาน – cover letter ที่สามารถใช้กับทุกอาชีพที่ไม่ควรพลาด

แต่ละอาชีพจะมีข้อกำหนดเฉพาะ แม้ว่าคุณจะอ่านคู่มือในการเขียนอีเมลสมัครงานภาษาอังกฤษทั่วไปแล้ว คุณก็ยังควรทราบเคล็ดลับบางอย่างในการเขียนจดหมายสมัครงานเพื่อให้ประสบความสำเร็จสำหรับอาชีพต่างๆ 

อีเมล์สัมภาษณ์งานภาษาอังกฤษ ตัวอย่าง 1

Dear [Hiring Manager’s Name],

I recently saw your job posting for the [Job Title] position on [where you saw it]. Based on the information you provided, I am quite interested in this position. Upon review of my application materials, I hope that you can see why I would be a good fit for this job.

[Two paragraphs that detail your previous job experience. Explain how it directly relates to the role you’re applying to.]

My resume is attached to the email. Thank you for taking the time to look through my application materials. If you have any questions about the information I included, please reach out. I look forward to hearing from you.

Sincerely,

[Your Name]

อีเมล์สัมภาษณ์งานภาษาอังกฤษ ตัวอย่าง 2

Dear Mr. Davies,

I recently saw your job posting for the Dog Walker position on Glassdoor. Based on the information you provided, I am quite interested in this position. Upon review of my application materials, I hope that you can see why I would be a good fit for this job.

Ever since I was a child, I have had a deep love for animals, especially dogs. I grew up with two Yellow Labs, so I understand the importance of staying in control while walking strong dogs. Along with walking my own dogs, I have over five years of experience taking care of my neighbor’s two dogs while they are away.

For the past two years, I have been taking dog training courses through We Love Dogs. I have learned a lot about dog behavior, especially when they are on a lead. With this knowledge of dog training, I can ensure your dog will be safe and well-behaved on walks.

My resume is attached to the email. Thank you for taking the time to look through my application materials. If you have any questions about the information I included, please reach out. I look forward to hearing from you.

Sincerely,

Leslie Reals

คนวัยทำงานยังเรียนภาษาอังกฤษได้อย่างดี

อีเมล์สัมภาษณ์งานภาษาอังกฤษ ตัวอย่าง 3

Dear Hiring Manager,

Your job posting on Craigslist for an Assistant Communications Director piqued my interest. Your description of the work responsibilities for the Assistant Director role closely matches my experience, and so I am excited to submit my resume to you for your consideration.

In my position as an Assistant Communications Director for ABC Company, I wrote articles for the company website, edited and posted contributed articles, managed their social media presence, and wrote and sent out a weekly email newsletter to subscribers. I also implemented an automated email tool that grew the company’s subscriber base by 40% within six months.

While Assistant Communications Director for Assemblyperson Janet Brown, I researched, drafted, and amended legislation, wrote press releases, and was responsible for office communications and correspondence.

My resume is attached. If I can provide you with any further information on my background and qualifications, please let me know.

I look forward to hearing from you. Thank you for your consideration.

Sincerely,

Joseph Green.

อีเมล์สัมภาษณ์งานภาษาอังกฤษ ตัวอย่าง 4

Dear Ms. Smith,

I was keenly interested in reading the job posting for the position of Anatomy and Physiology Professor at Middleburg University. I believe my experience is a strong match for the responsibilities pertaining to this role, and I’m pleased to submit my application for the position.

My most recent teaching position was at Amery University, where I taught both anatomy and physiology as an adjunct professor. In addition, I served on two faculty committees and participated in a research project.

I have attached my resume to this letter. Through it, I hope you will learn more about my background, education, achievements, and awards.

If I can provide you with any further information, please let me know. I look forward to hearing from you about this opportunity.

Thank you for your consideration.

Jane Lee.

>>> Read more

อีเมล์สัมภาษณ์งานภาษาอังกฤษ ตัวอย่าง 5

Dear Mr. Linus,

I came across the open Junior Marketing Associate position you currently have available at DE Marketing Firm. I found this listing on Indeed and feel that I am a great fit for it after reading the job description and requirements.

I am a recent graduate from New York Community College with a Bachelor of Arts in Marketing. I am eager to put my knowledge and experience to work in a well-known marketing firm such as yours. During my time at New York Community College, I participated in several marketing internships with marketing companies throughout the city and have gained the necessary skills needed to be a successful marketing professional.

Attached you will find my cover letter, resume, and marketing samples for your consideration. Please do not hesitate to reach out if you would like additional information.

Thank you so much for your time and consideration for this position and I look forward to hearing from you soon.

Sincerely,

Amy Little.

อีเมล์สัมภาษณ์งานภาษาอังกฤษ ตัวอย่าง 6

Dear Mr. Grady,

I recently came across your Director of Marketing job opening at Sawmill Marketing Firm (reference #8495) on your website and feel that I would be a great fit for this position. My skills, education, and experience in marketing would make me a valuable asset to your company.

With more than 10 years of experience in both traditional and online marketing, I have gained extensive knowledge and expertise in the most important marketing strategies used today. In my previous position, I created and implemented a marketing program that increased sales by 30% in only three months. Using this skill set, I feel that I could bring similar results to your organization.

My cover letter, resume, and certifications are attached for your review. If you would like more information regarding my qualifications for this position, please do not hesitate to reach out.

I look forward to hearing from you soon about this opportunity and I thank you for your time and consideration in this matter.

Sincerely,

Walter Black.

เคล็ดลับการเขียนเขียน email สมัครงานภาษาอังกฤษ
เคล็ดลับการเขียนเขียน email สมัครงานภาษาอังกฤษ

เช่นนั้น ELSA Speak ได้แนะนำวิธีและเคล็ดลับบางอย่างในการเขียน อีเมลสมัครงานภาษาอังกฤษ ( จดหมายสมัครงานภาษาอังกฤษ) อย่างมืออาชีพที่สุดให้กับคุณ หวังว่าหลังจากอ่านบทความนี้แล้ว คุณจะสามารถสมัครงานในฝันที่บริษัทขนาดใหญ่ๆที่มีเงินเดือนสูงได้สำเร็จ ขอให้โชคดีค่ะ!

ในฐานะผู้เรียนภาษาอังกฤษ คุณคงต้องเคยได้ยินแอป ELSA Speak แล้วใช่ไหม? เครื่องมือการเรียนภาษาอังกฤษใหม่นี้ได้รับคำวิจารณ์เชิงบวกมากมายจากผู้ใช้ และได้รับการโฆษณาอย่างมากบนอินเทอร์เน็ต การเรียนออกเสียงผ่าน ELSA Speak ได้ผลสมคำร่ำลือจริงหรือไหม? ภาษาอังกฤษใช้ได้สำหรับทุกคนหรือไม่

ต่อไปนี้ เราขอเชิญคุณมาเรียนรู้เกี่ยวกับแอป ELSA Speak (รีวิว) ด้วย ELSA เพื่อทำความเข้าใจเครื่องมือการเรียนภาษาอังกฤษนี้ให้ดียิ่งขึ้น! เริ่มกันเลย!

เกี่ยวกับ ELSA Speak: ELSA Speak ดีไหม

ELSA Speak (ย่อมาจาก English Language Speech Assistant) เป็นแอปพลิเคชันที่ช่วยให้ผู้ใช้ฝึกออกเสียงภาษาอังกฤษเพื่อรู้จำเสียงผ่านการใช้ปัญญาประดิษฐ์ (AI)

ELSA Speak ก่อตั้งขึ้นในปี 2015 โดยมีคำขวัญว่า “Anyone can speak English” ผู้ใดก็สามารถพูดภาษาอังกฤษได้) การใช้งานหลักของแอปพลิเคชันนี้คือการตรวจจับและแก้ไขการออกเสียงของผู้ใช้ที่ไม่ถูกต้องอย่างแม่นยำ ช่วยให้คุณยกระดับความสามารถในการพูดภาษาอังกฤษ

แอปพลิเคชัน ELSA อยู่ใน Top 5 แอปพลิเคชันปัญญาประดิษฐ์ที่ดีที่สุดในโลกที่เสนอชื่อโดย Research Sniper โดยมีผู้ใช้มากกว่า 10 ล้านคนทั่วโลก

elsa speak official

วิธีใช้แอป ELSA Speak

วัดระดับภาษาอังกฤษ

หลังจากลงชื่อเข้าใช้แอปพลิเคชันเรียบร้อยแล้ว ให้เข้าไปที่ “วัดระดับภาษาอังกฤษ” ด้วยแบบฝึกหัด 4 แบบ: การออกเสียง การสนทนา น้ำเสียง และแบบทดสอบก่อนเรียน

ELSA จะประเมินการออกเสียงของคุณโดยเปรียบเทียบกับเจ้าของภาษาตามเกณฑ์ที่แตกต่างกัน เช่น การออกเสียง น้ำเสียง และความคล่องแคล่ว คะแนนสำหรับแต่ละเกณฑ์จะแสดงเป็นเปอร์เซ็นต์

การพูดภาษาอังกฤษใน ELSA แบ่งเป็น 3 ระดับเมื่อเทียบกับเจ้าของภาษา ได้แก่ พื้นฐาน ปานกลาง และขั้นสูง

ระบบการเรียน

เมื่อกำหนดระดับปัจจุบันเสร็จแล้ว ELSA จะแนะนำเส้นทางการเรียนรู้เฉพาะบุคคลด้วย 5 ทักษะ ได้แก่ การออกเสียง การฟัง การใช้น้ำเสียง การเน้นเสียง และการสนทนา มีบทเรียนทั้งหมดประมาณ 6,000 บทสอดคล้องกับหัวข้อต่างๆ กว่า 260 หัวข้อ

ในแต่ละบทเรียนของ ELSA มีวิดีโอการออกเสียงที่อธิบายถึงวิธีการวางตำแหน่งฟัน – ริมฝีปาก – ลิ้น เพื่อช่วยให้คุณออกเสียงได้อย่างถูกต้องที่สุด

การเปลี่ยนโหมดการเรียน

ในแต่ละบทเรียน ส่วนการสนทนาและการออกเสียงจะมี 2 โหมด: ปกติและขั้นสูง ผู้เรียนสามารถสลับไปมาระหว่างสองโหมดได้อย่างอิสระโดยขึ้นอยู่กับความต้องการของตนเอง

ELSA Speak ดีไหม
โหมดบทเรียนของ ELSA Speak

รีวิว ELSA Speak: ข้อดีและข้อเสีย

ฟีเจอร์พิเศษ

ELSA Speak มี 8 ฟีเจอร์ที่ผู้ใช้ชื่นชอบมากที่สุดดังนี้:

– ดัชนีเปอร์เซ็นต์ (EPS): แสดงความสามารถในการพูดภาษาอังกฤษของคุณเมื่อเทียบกับเจ้าของภาษา

– คะแนนรวมที่ได้รับ (Total Point Earned): จำนวนคะแนนรวมที่คุณได้รับหลังจากบทเรียนต่างๆ

ELSA Speak ดีไหม
ดัชนีเปอร์เซ็นต์ EPS

แนะนำในการใช้ ELSA Speak เพื่อทดสอบการออกเสียง: Chèn video nếu có ạ

เพื่อสามารถใช้คุณสมบัติที่โดดเด่นทั้งหมดข้างต้น คุณจะต้องจ่ายค่าธรรมเนียมโดยสามารถผ่อนเป็นรายเดือนได้ขึ้นอยู่กับความต้องการของผู้ใช้

ข้อดีของแอป ELSA Speak

มีทีมผู้เชี่ยวชาญในด้านการพัฒนา

แอป ELSA Speak มีทีมเขียนโปรแกรมและพัฒนาแบบมืออาชีพ ดังนั้นเนื้อหาของแอปพลิเคชันได้รับการลงทุนอย่างละเอียดและถี่ถ้วนมากขึ้น นอกจากนี้ ทีมฯ ยังสามารถแก้ไขเนื้อหาได้อย่างยืดหยุ่นตามการตอบรับและแนะนำของผู้ใช้

เป็นมิตรกับผู้ใช้

ตั้งแต่อินเทอร์เฟซไปจนถึงวิธีการใช้งาน ELSA Speak สามารถเข้าถึงได้ง่ายด้วยภาพประกอบที่มีสีสัน และวิดีโอจำนวนมากมาย เมื่อคุณลงชื่อเข้าใช้สำเร็จ แต่ละขั้นตอนของการใช้งานจะได้รับคำแนะนำจาก ELSA ผ่านปุ่มง่ายๆ เช่น “Start” หรือ “Next” นอกจากนี้ แอปพลิเคชั่นนี้ยังติดตั้งภาษาไทยเพื่อให้ใช้งานได้ง่ายชึ้นอีกด้วย

เนื้อหาการเรียนรู้ที่หลากหลาย

ระบบบทเรียนของ ELSA มีความหลากหลายและสมบูรณ์ ซึ่งประกอบด้วย

ฟีเจอร์การแจ้งเตือนและสร้างเส้นทางการเรียนที่เหมาะสมกับเวลาที่คุณเลือก

นี่เป็นหนึ่งในข้อดีที่ ELSA และผู้ใช้ ELSA Speak รายอื่น ๆ ชื่นชอบ ตัวอย่างเช่น หากคุณเลือกเรียน 10 นาทีต่อวัน เวลา 20.00 น. ถึงเวลา 20.10 น. ผู้ช่วยเสมือนจริง ELSA จะส่งข้อความแจ้งเตือนให้คุณกลับมาทบทวนบทเรียน สิ่งนี้จะช่วยคุณพัฒนาการเรียนภาษาอังกฤษแบบเชิงรุก หากคุณทบทวนตามกำหนดเวลาอย่างสม่ำเสมอ หลังจากผ่านไปเพียง 3 เดือน การออกเสียงของคุณจะดีขึ้นอย่างแน่นอน

นอกจากนี้ คุณยังสามารถเลือกเวลาเรียนที่เหมาะกับตารางเวลาของคุณ (อาจเป็น 10 นาทีต่อวันหรือ 1 ชั่วโมงวันเว้นวัน …) ด้วยระยะเวลาเรียนที่แตกต่างกัน ELSA Speak จะให้เส้นทางการเรียนรู้ที่สอดคล้องกันแก่คุณ ตัวอย่างเช่น:

ช่วยให้ผู้เรียนกล้าออกเสียง

ผู้ฝึกพูดภาษาอังกฤษหลายคนมักจะรู้สึกอายและกลัวที่จะถูกตัดสินเมื่อพูดผิด เมื่อใช้ ELSA Speak ปัญหานี้จะไม่เป็นอุปสรรคต่อคุณอีกต่อไป “โค้ชอัจฉริยะ” ELSA จะไม่ตัดสินหรือหัวเราะเยาะเย้ยการออกเสียงของคุณอย่างเด็ดขาด ในทางกลับกัน ELSA จะเป็นเพื่อนคุณในเส้นทางการฝึกพูดภาษาอังกฤษให้เหมือนเจ้าของภาษา

ELSA Speak ดีไหม
5 ข้อดีของ ELSA Speak

ข้อเสียของ แอป ELSA Speak

ELSA Speak เป็นแอปที่ต้องจ่ายเงินเพื่อเรียนเพิ่ม

ฟีเจอร์โดดเด่นทั้งหมดที่ ELSA นำเสนอข้างต้นใช้ได้กับบัญชี ELSA Pro เท่านั้น ผู้ใช้บัญชีฟรียังคงสามารถใช้ฟีเจอร์หลักบางอย่างได้ เช่น การแก้ไขการออกเสียง การวัตระดับก่อนเรียน และการสร้างเส้นทางการเรียนรู้

จำนวนบทเรียนของบัญชีฟรีคือ 1,600 บทเรียนใน 30 หัวข้อ ระยะเวลาการใช้งานคือ 7 วัน

การวัดระดับก่อนเรียนค่อนข้างยาก

หากคุณเพิ่งเริ่มเรียนภาษาอังกฤษและกำลังลองใช้ ELSA Speak จะมีบางคำหรือบางประโยคที่ปรากฏในแบบทดสอบวัดระดับความรู้อาจจะทำให้คุณกังวล โดยปกติคุณจะใช้เวลาประมาณ 5-6 นาทีในการทดสอบให้เสร็จสิ้น

ต้องออกเสียงช้าและชัด

ปัญญาประดิษฐ์ไม่ว่าจะอัจฉริยะขนาดไหนก็เป็นเพียงสิ่งประดิษฐ์ ดังนั้นจึงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะเกิดข้อผิดพลาดทางเทคนิคในการจดจำเสียงของผู้ใช้ บางคนอาจจะเบื่อเวลาอ่านคำเดิมๆ ซ้ำไปซ้ำมา แต่ยังได้คะแนนน้อย เพื่อลดปัญหานี้ เมื่อฝึกพูดกับ ELSA ให้ตรวจสอบให้แน่ใจว่าสปีกเกอร์โฟนของคุณใช้งานได้ดีอยู่หรือไม่ และในขณะเดียวกัน ให้พูดช้าๆ และชัดเจนทุกคำเพื่อให้ ELSA “ได้ยิน” ชัดขึ้น

ไม่เหมาะสำหรับนักเรียนภาษาอังกฤษขั้นสูง

แม้ว่าปริมาณคำศัพท์และบทสนทนามีความหลากหลาย แต่ส่วนใหญ่จะเกี่ยวข้องกับหัวข้อการสื่อสารทั่วไปเท่านั้น โดยเฉพาะในส่วน “การเตรียมสอบ IELTS” คำศัพท์ใน ELSA Speak จะอยู่ที่คะแนนแบนด์ 5.0 – 6.0 IELTS (ระดับกลาง) เท่านั้น หากคุณต้องการเครื่องมือฝึกพูดภาษาอังกฤษขั้นสูง ELSA Speak อาจไม่ใช่ตัวเลือกที่เหมาะสมที่สุด

>>> Read more

ไม่มีทฤษฎี

ELSA Speak เน้นการพัฒนาทักษะการอ่านออกเสียงของผู้ใช้ ดังนั้นจึงไม่ได้เน้นส่วนทฤษฎี แม้ว่าในแต่ละบทเรียน ELSA ได้จัดเตรียมวิดีโอสาธิตวิธีการอ่าน แต่จะจำกัดเฉพาะหัวข้อของบทเรียนเหล่านั้น (ตัวอย่าง: วิธีออกเสียง u เสียงยาว และเสียงสั้น)

ผู้ใช้จะมีปัญหาในการทำความเข้าใจอย่างลึกซึ้งเนื่องจากไม่มีความรู้ทางทฤษฎีและมักจะสงสัยว่า “ทำไมต้องอ่านอย่างนั้น”

ELSA Speak ดีไหม

ฉันควรอัปเกรดเป็น ELSA PRO หรือไม่ (ELSA Pro ดีไหม)

ELSA Speak ราคา

ELSA Speak Pro เป็นบัญชีที่อัปเกรดแล้ว และผู้ใช้สามารถใช้คุณสมบัติทั้งหมดของแอปพลิเคชันได้

ELSA Speak ราคาแบ่งเป็น 3 แพ็คเกจดังนี้:

ขึ้นอยู่กับเป้าหมายการเรียนรู้ของแต่ละคนเพื่อเลือกแพ็คเกจที่เหมาะสม ตัวอย่างเช่น:

เปรียบเทียบ ELSA ฟรีกับ ELSA Pro

ฟีเจอร์ELSA FreeELSA Pro
จำนวนแบบฝึกหัด2 บทความ/หัวข้อ สูงสุด 10 บทความ/วันเต็ม 6,000+ บทเรียนไม่จำกัด
การวิเคราะห์เชิงลึกเกี่ยวกับคะแนนการออกเสียงไม่มีมี
พจนานุกรมฟรีตลอดชีพฟรีตลอดชีพ
ติดตามความคืบหน้าการเรียนรู้ไม่มีมี
เตือนให้เข้าศึกษาไม่มีมี

ด้วย ELSA Speak Pro คุณสามารถใช้ฟีเจอร์ที่สำคัญทั้งหมด (ซึ่ง ELSA แนะนำในส่วนที่ 2) เพื่อช่วยปรับปรุงการออกเสียงของคุณ ในทางกลับกัน ELSA Speak ฟรีจะ มีแบบฝึกหัดและฟีเจอร์จำกัดที่สามารถใช้ได้

การตอบรับจากผู้ใช้

ELSA Speak ให้การใช้งานใน 101 ประเทศทั่วโลกและได้รับคำวิจารณ์เชิงบวกมากมาย เพื่อให้มีภาพรวมที่ชัดเจนขึ้นเกี่ยวกับแอปพลิเคชันปัญญาประดิษฐ์ที่โดดเด่นนี้ โปรดดูรีวิวของผู้ใช้ก่อนหน้าผ่านวิดีโอและรูปภาพด้านล่าง

ELSA Speak ดีไหม
ELSA Speak review จากชาวต่างชาติ

บน Google Play ELSA Speak ได้คะแนน 4.7/5 พร้อมรีวิวมากกว่า 749,000 รายการ

ELSA Speak ดีไหม

คำถามที่พบบ่อย

ELSA สามารถใช้งานได้พร้อมกันกี่เครื่อง

ปัจจุบัน หนึ่งบัญชีสามารถใช้บนอุปกรณ์ต่างๆ ได้สูงสุด 3 เครื่องเพื่อเพิ่มความปลอดภัยและรับรองสิทธิ์ของผู้ใช้ เมื่อ login บัญชีบนอุปกรณ์ที่ 4 จะถูกล็อค

สามารถใช้ ELSA แบบออฟไลน์ได้หรือไม่

ไม่ได้ ELSA ทำงานได้อย่างต่อเนื่องเมื่อมีการเชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ตเท่านั้น เนื่องจากข้อมูลมีปริมาณมาก

ปัจจุบัน ELSA มีจำนวนบทเรียนเท่าไหร่

ปัจจุบัน ELSA มีบทเรียนประมาณ 6,000 บท (ประกอบด้วยแบบฝึกหัดมากกว่า 29,000 บท) และมากกว่า 261 หัวข้อ

บทสรุป

ไม่เพียงแต่ ELSA Speak แอปพลิเคชันเรียนภาษาอังกฤษทุกแอปต่างก็มีข้อดีและข้อเสีย สิ่งสำคัญคือคุณต้องตัดสินใจว่าเครื่องมือใดที่จะเหมาะที่สุดกับคุณ และใช้ฟีเจอร์ที่โดดเด่นอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด จากบทความเกี่ยวกับ ELSA Speak Review ทาง ELSA หวังว่าจะมีส่วนช่วยให้คุณในการค้นพบแอปพลิเคชันฝึกออกเสียงภาษาอังกฤษที่มีประสิทธิภาพ อย่างไรก็ตาม ปัญญาประดิษฐ์ก็คุ้มค่าที่จะลองสักครั้งใช่ไหมล่ะ

ประโยคอนาคตกาล (Future Simple Tense) เป็นหนึ่งในกาลพื้นฐานของภาษาอังกฤษ ใช้เพื่ออธิบายการกระทำหรือเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต บทความนี้จะแนะนำโครงสร้างและตัวอย่างการใช้งาน รวมถึงแบบฝึกหัดบางอย่างที่จะช่วยให้คุณฝึกใช้ future simple tense ได้อย่างมีประสิทธิภาพ หากคุณกำลังเรียนภาษาอังกฤษและต้องการพัฒนา โปรดอ่านต่อบทความนี้เพื่อได้รับความรู้เกี่ยวกับ Future Simple Tense!

Future Simple Tense คืออะไร

ประโยคอนาคตกาล (Future Simple Tense) ใช้เพื่ออธิบายการกระทำหรือสถานการณ์ที่ยังไม่เกิดขึ้นในปัจจุบัน หรือ (อาจ)จะ เกิดขึ้นในอนาคต

ตัวอย่าง:

I think she will win the race.

(ฉันคิดว่าเธอจะชนะการแข่งขัน)

This drink tastes good. I’ll take 3 bottles. 

(เครื่องดื่มนี้อร่อยดี ฉันจะเอา 3 ขวด)

I promise I won’t be late for class again.  

(ฉันสัญญาว่าจะไม่ สายอีก)

future simple tense
แนวคิด Simple Future Tense

โครงสร้าง Future Simple Tense

Future Simple Tense โครงสร้าง
ประโยคบอกเล่าS + will + V (bare) + O
ประโยคปฏิเสธS + will not + V (bare) + O
ประโยคคำถามWill + S + V(bare)+ …?
คำถาม Wh-Wh + will + (not) + S + V(bare) ?

ประโยคบอกเล่า Future Simple Tense

S + will + V (bare) + O
โดย:
– S: ประธาน (Subject) 
– V: คำกริยา (V-bare: คำกริยาที่อยู่ในรูปปกติ)
– O: กรรม
หมายเหตุ:
กริยาช่วย WILL สามารถเขียนย่อเป็น ”LL
(She will = She’ll, He will = He’ll, I will = I’ll, They will = They’ll, You will = You’ll..)

ตัวอย่าง:

It will rain soon. 

(ฝนจะตกเร็ว ๆ นี้)

Take some rest. I will do it for you. 

(พักผ่อนบ้างเถอะ เดี๋ยวฉันจัดให้)

ประโยคปฏิเสธ Future Simple Tense

S + will not + V (bare) + O
โดย:
– S: ประธาน (Subject) 
– V: คำกริยา (V-bare: คำกริยาที่อยู่ในรูปปกติ)
– O: กรรม
หมายเหตุ:
คำปฏิเสธของ will คือ won’t
กริยาช่วย WILL NOT = WON’T

ตัวอย่าง:

She won’t come to the party. I think so.

(เธอคงไม่มางานเลี้ยงหรอก ฉันว่านะ)

I think they won’t stop until they get what they want.

(ฉันคิดว่าพวกเขาจะไม่หยุดจนกว่าจะได้สิ่งที่ต้องการ)

ประโยคคำถาม Future Simple Tense

Will + S + V(bare)+ …?
Yes, S + will.
No, S + won’t.
โดย:
– S: ประธาน (Subject) 
– V: คำกริยา (V-bare: คำกริยาที่อยู่ในรูปปกติ)
– O: กรรม

ตัวอย่าง:

Will you take this dress? (คุณจะเอา/ ซื้อชุดนี้ไหม?)

Yes, I will. (เอาค่ะ) 

Will they buy that house? (พวกเขาซื้อบ้านหลังนั้นหรือเปล่า)

No, they won’t. I think so. (ไม่ ฉันคิดอย่างนั้น)

>>> Read more

คำถาม Wh- Future Simple Tense

Wh + will + (not) + S + V(bare) ?
โดย:
– S: ประธาน (Subject) 
– V: คำกริยา (V-bare: คำกริยาที่อยู่ในรูปปกติ)
– O: กรรม
หมายเหตุ:
Wh- คือคำใช้เพื่อถาม What/ Where/ When/ Why/ How/ Who/ Whom

ตัวอย่าง:

What will we have to do when we get there?

(เราจะทำอะไรเมื่อเราไปถึงที่นั่น?)

Who(m) will we see at the meeting this afternoon, you think?

(คุณคิดว่าเราจะพบใครในการประชุมบ่ายนี้?)

Which drink will you take?

(คุณจะดื่มอะไร?)

future simple tense
โครงสร้าง Future Simple Tense

สัญญาณเพื่อรับรู้ Simple Future Tense

วลี คำวิเศษณ์บอกเวลาในอนาคต

in the next 5 minutes (ในอีก 5 นาที)

in the next 3 days (ในอีก 3 วันข้างหน้า)

within next week (ภายในสัปดาห์หน้า )

tomorrow/ this weekend/ next month/…

วลีแสดงความคิดเห็น การคาดคะเน หรือคำวิเศษณ์บอกระดับความเป็นไปได้ในอนาคต

future simple tense

วลีแสดงความสัญญาหรือความหวัง คาดหวัง สันนิษฐานว่าจะมีบางอย่างเกิดขึ้น

I promiseฉันสัญญา
I hopeฉันหวังว่า
I expectฉันคาดหวัง/ว่า (สิ่งที่จะเกิดขึ้น)

ประโยคเงื่อนไขแบบที่ 1 (รวมถึง if clause และ main clause) หรือประโยคที่ซับซ้อนเกี่ยวกับอนาคต โดยมีหนึ่งในสองประโยคที่มีคำเชื่อมเวลา (as soon as, when, before, after,…)

→ Future Simple Tense ใช้ใน main clause ของประโยคเงื่อนไขประเภทที่ 1 และใน clause ที่ไม่มีคำเชื่อมเวลา

ตัวอย่าง:

If anything bad happens, I will let you know right away. 

(หากมีอะไรไม่ดีเกิดขึ้น ฉันจะแจ้งให้คุณทราบทันที)

As soon as/ When/ After/… I get there, I will call you. 

(ทันที/ เมื่อไหร่/ หลังจาก/… ฉันไปถึง ฉันจะโทรหาคุณ)

วิธีใช้ Future Simple Tense

แสดงการพยากรณ์หรือความคิดเกี่ยวกับอนาคตตามความรู้สึกส่วนตัว ไม่อิงความเป็นจริง

in/ within + ช่วงเวลา  (ในอีก +… ข้างหน้า)

ตัวอย่าง:

I think she will become the next manager.

(ฉันคิดว่าเธอจะกลายเป็นผู้จัดการคนต่อไป)

Lucy and Brian won’t come to the party, we suppose. 

(เราคิดว่า Lucy กับ Brian จะไม่ไปงานปาร์ตี้หรอก)

การวิเคราะห์:

ในการแสดงความเป็นส่วนตัวเมื่อทำการทำนายเกี่ยวกับอนาคต ผู้พูดมักจะใช้ Future Simple Tense ตามข้างต้น นอกจากนี้เรายังเห็นว่าผู้พูดไม่ได้ให้หลักฐานใด ๆ เพื่อสนับสนุนการทำนายของเขา

เมื่อมีการให้หลักฐาน การคาดคะเนจะแสดงในโครงสร้างอื่น ซึ่งถูกระบุในส่วนที่ 5

การแสดงเจตนาจะตัดสินใจทันทีในขณะที่พูดโดยไม่ต้องใช้เวลาคิดมากนัก

ตัวอย่างที่ 1:

Look! That cup is so cute. I will buy one. 

(ดูสิ แก้วนั่นน่ารักจัง ฉันจะซื้อหนึ่งอัน)

ตัวอย่างที่ 2:

A: It’s so hot in here. (ที่นี่ร้อนจัง)     

B: I will open the window. (ฉันจะเปิดหน้าต่าง)

การวิเคราะห์:

การตัดสินใจที่จะ “ซื้อแก้ว” และ “เปิดหน้าต่าง” ล้วนเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วมาก โดยตามลำดับ: เห็น ได้ยิน รู้สึก → ตัดสินใจและพูดออกมาเลย

อธิบายถึงแผนการในอนาคตแต่ (ค่อนข้าง) ไม่ชัดเจน โดยมีความเป็นไปได้ต่ำที่จะเกิดขึ้น มักจะไม่รู้ว่าจะเกิดขึ้นเมื่อใด และไม่มีแผนเฉพาะที่จะดำเนินการ

ตัวอย่าง:

I will become a singer when I grow up.  

(ฉันจะเป็นนักร้องเมื่อฉันโตขึ้น)

I will buy a house someday. 

(ฉันจะซื้อบ้านสักวันหนึ่ง)

การวิเคราะห์:

แผนการ “กลายเป็นนักร้อง” และ “ซื้อบ้าน” นั้นคลุมเครือมาก ไม่แน่นอน และไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะดำเนินการ

แสดงคำสัญญา (มักจะตามด้วย I promise)

I promise I will concentrate more. (ฉันสัญญาว่าฉันจะตั้งใจมากขึ้น)

We promise we won’t miss any other deadlines. 

(เราสัญญาว่าเราจะไม่พลาดกำหนดเวลาอีกต่อไป)

เสนอความช่วยเหลือ

You have worked enough today. Take a nap! I’ll do the rest.

(วันนี้คุณทำงานหนักมามากพอแล้ว ไปงีบเถอะ! ที่เหลือฉันจะจัดการให้)

Get in! I will take you home.

(เข้าไป! ฉันจะพาคุณกลับบ้าน)

ใช้ใน main clause ของประโยคเงื่อนไขหลักประเภทที่ 1

If I have time, I will call you.

(ถ้ามีเวลาฉันจะโทรหาคุณ)

We will inform you if there are any changes.

(เราจะแจ้งให้คุณทราบหากมีการเปลี่ยนแปลงใดๆ)

โครงสร้างอื่น ๆ ที่พูดถึงอนาคต

โครงสร้าง: be going to- V(bare)

แสดงแผนการ ความตั้งใจในอนาคตที่ได้มีหลังจากคิดไปในช่วงเวลาหนึ่ง มีความน่าจะเกิดขึ้นมากกว่าความตั้งใจที่จะแสดงโดย Future Simple Tense มักจะพร้อมกับคำบอกเวลาเฉพาะ

ตัวอย่าง:

My parents are going to buy a car next month.

(พ่อแม่ของฉันกำลังจะซื้อรถในเดือนหน้า)

elsa speak official

Present Continuous Tense เป็นการแสดงแผน/ความตั้งใจที่จะเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้และมีความน่าจะเกิดขึ้นมากว่า be going to + V(bare) อีก; มักจะไปกับคำบอกเวลาเฉพาะ

ตัวอย่าง:

I am eating out with my friend tonight.

(ฉันจะไปทานอาหารเย็นกับเพื่อนคืนนี้)

Present Simple Tense อธิบายถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นตามกำหนด ตายตัวหรือเปลี่ยนแปลงได้ยากมาก และใช้ได้กับหลาย ๆ คน เช่น กำหนดเวลาของรถไฟ รถยนต์ เครื่องบิน ตารางเวลา ตารางการเดินทาง เป็นต้น

ตัวอย่าง:

The train leaves at 5:30 this afternoon. 

(รถไฟออกเวลา 5:30 น. บ่ายวันนี้)

be going to- V(bare) แสดงการคาดการณ์ที่มีหลักฐานเกี่ยวกับอนาคต โดยอิงจากความเป็นจริง

ตัวอย่าง:

Look at the sky. It’s going to rain.  

(มองดูท้องฟ้าสิ ฝนกำลังจะตก)

Future Simple Tense ตัวอย่างประโยค

1. We think she will become a famous singer one day.

(เราคิดว่าเธอจะกลายเป็นนักร้องที่มีชื่อเสียงในวันหนึ่ง)

2. They won’t come to the wedding party, I suppose. 

(ฉันคิดว่าพวกเขาจะไม่มางานแต่งงาน)

3. This cookie is too sweet. I won’t buy it.

(คุกกี้นี้หวานเกินไป ฉันจะไม่ซื้อหรอก)

4. A: The music is too loud.

(เสียงเพลงดังเกินไป)

B: I will turn it down. 

(ฉันจะทำให้มันเล็กลง)

5. One day, I will open my own restaurant. 

(สักวันฉันจะเปิดร้านอาหารเอง)

6. When I grow up, I will travel around the world. 

(เมื่อฉันโตขึ้น ฉันจะไปเที่ยวรอบโลก)

7. I will love you forever. 

(ฉันจะรักเธอตลอดไป)

8. Do you feel cold? I will turn the AC off. 

(คุณหนาวไหม ฉันจะปิดแอร์นะ)

9. It’s raining. Get in my car! I will take you home. 

(ฝนกำลังตกอยู่ ขึ้นรถฉันสิ ฉันจะไปส่งคุณที่บ้าน)

10. If it stops raining soon, we will still go camping. 

(ถ้าฝนหยุดตกเร็วๆ นี้ เราจะยังคงไปตั้งแคมป์กัน)

elsa speak official

แยกแยะความแตกต่างระหว่าง Future Simple Tense และ Near future tense

ล้วนแสดงการทำนายเกี่ยวกับอนาคต

ความแตกต่าง:

Future Simple TenseNear future tense
การคาดคะเนเป็นเรื่องส่วนตัว และไม่มีหลักฐานในความเป็นจริงการคาดการณ์ซึ่งมีหลักนฐานของความเป็นจริง
She will win the race. 
(เธอจะชนะการแข่งขัน)
She is going to win the race. She runs very fast and she has won many races.
(เธอจะชนะการแข่งขัน เธอวิ่งเร็วมากและชนะการแข่งขันมาแล้วหลายรายการ)
→ ขึ้นอยู่กับ: “เธอวิ่งเร็วมาก และเธอก็ได้ชนะการแข่งขันหลายรายการแล้ว”

ล้วนอธิบายสิ่งที่วางแผนจะทำหรือตัดสินใจทำในอนาคต

ความแตกต่าง:

Future Simple TenseNear future tense (be going to- V(bare)
เจตนา คือ การตัดสินใจในขณะพูดโดยไม่คิดให้มาก หรือ เจตนาคลุมเครือ ความน่าจะเกิดขึ้นต่ำ ไม่รู้ว่า จะเกิดขึ้นเมื่อใด และไม่มีแผนจะทำยังไงอธิบายถึงแผนการในอนาคตหรือความตั้งใจที่ให้ไว้หลังจากคิดอยู่พักหนึ่ง มีโอกาสสูงที่จะเกิดขึ้น มักจะมีเวลาที่กำหนด
Look! That cup is so cute. I will buy one. 
(ดูสิ แก้วนั่นน่ารักจัง ฉันจะซื้อหนึ่งอัน)
พ่อแม่ของฉันกำลังจะซื้อรถในเดือนหน้า
(พ่อแม่ของฉันกำลังจะซื้อรถในเดือนหน้า)

แบบฝึกหัด Future Simple Tense

แบบฝึกหัดที่ 1: ใส่กริยาในวงเล็บเหลี่ยมในรูปแบบ Future Simple Tense

1. I__________________ (move) to another city when I have enough money.  

2. If you buy more than 20 products, we__________________ (give) you a 20% discount. 

3. Mom, I promise __________________ (not go) home late again. 

4. Don’t worry! I__________________ (help) you.

5. This shirt feels very comfortable. I__________________ (take) it. 

6. I think they__________________ (choose) him for that position.  

7. If I need help, I__________________ (let) you know. 

คำตอบ:

1. will move

2. will give 

3. won’t go 

4. will help

5. will take

6. will choose

7. will let

แบบฝึกหัดที่ 2: จัดเรียงคำด้านล่างใหม่เพื่อสร้างประโยคที่ถูกต้อง

1. get there/ we/ we/ , / will call you/ when/ .

2. complete the task/ I/ I/ on time/ promise/ will/ .

3. will/ I think/ the next manager/ that employee/ become/ .

4. , / I/ when/ will/ travel around the world/ I / grow up/ .

5. buy/ ten bottles of this drink/ because/ will/ it’s so delicious/ we/ .

คำตอบ:

1. When we get there, we will call you. 

2. I promise I will complete the task on time. 

3. I think that employee will become the next manager. 

4. When I grow up, I will travel around the world. 

5. We will buy ten bottles of this drink because it’s so delicious. 

 4 เคล็ดลับสำหรับการเรียนด้วย ELSA Speak

แบบฝึกหัดที่ 3: ค้นหาข้อผิดพลาดในแต่ละประโยคด้านล่างและแก้ไขให้ถูกต้อง

1. I think she will choose that car. 

2. My parents will buy a flat this July. They have planned this for a long time.  

3. You feel hot, right? I will turn off the air conditioner (AC).  

4. Look! He’s closest to the finish line. He will win. 

5. Wow! This fish is very fresh. I’m taking it. 

คำตอบ: 

1. will chooses → will choose

2. will buy → are going to buy (นี่คือการตัดสินใจ/แผนการที่ทำหลังจากช่วงระยะเวลาหนึ่ง ดังนั้นเราควรใช้ be going to-Vbare)

3. turn off → turn on

4. will win → is going to win (นี่เป็นการคาดการณ์ที่มีหลักฐานดังนั้นควรใช้ be going to-Vbare.)

5. I’m taking → I will take (นี่เป็นการตัดสินใจในขณะที่พูด ดังนั้นเราควรใช้ Future Simple Tense)

แบบฝึกหัดที่ 4: ใส่คำกริยาในวงเล็บลงในรูปแบบ Future Simple Tense หรือ Near future tense

1. This sofa is very comfortable. We__________________ (buy) it.

2. My sister__________________ (visit) her boyfriend’s family this summer. She has planned this for months.  

3. Look! Those dogs__________________ (catch) your cat. 

4. It’s okay. I__________________ (will) clean that. 

5. We think that our daughter__________________ (go) home late tonight. 

คำตอบ: 

1. will buy

2. is going to visit

3. are going to catch

4. will clean

5. will go home

>>> Read more

แบบฝึกหัดที่ 5: ใส่กริยาในวงเล็บลงในรูปแบบ Future Simple Tense หรือ Present Simple Tense

1. The plane__________________ (leave) at 9 this evening.  

2. We promise__________________ (not be) late again. 

3. The course__________________ (start) on July 25th.  

4. I think the train__________________ (arrive) late. 

5. This Friday, we__________________ (have) a meeting at 2:30pm. 

คำตอบ: 

1. leaves

2. won’t be

3. starts 

4. will arrive

5. have

แบบฝึกหัดที่ 6: จับคู่แต่ละคำในคอลัมน์ A กับคำที่เหมาะสมในคอลัมน์ B

AB
1. If the weather gets nicerA. as soon as I get there.
2. I will let you knowB. I will go everywhere I want.  
3. I promiseC. that team will win. 
4. When I grow upD. I will take good care of him.  
5. I thinkE. we will go on a picnic.  

คำตอบ:

1. E

2. A

3. D

4. B

5. C

แบบฝึกหัดที่ 7: ใช้ Future Simple Tense เพื่อเติมประโยคด้านล่างให้สมบูรณ์

1. If, one day, I have enough money,…  

2. I will text you as soon as…

3. I think my boss… 

4. I believe my (best) friend…

5. When I retire,… 

คำตอบ: 

ประโยคเหล่านี้เป็นประโยคที่มีคำตอบแบบเปิด ขึ้นอยู่กับความคิดของคุณเอง ดังนั้นคำตอบด้านล่างมีไว้สำหรับอ้างอิงเท่านั้น และเพื่อให้คุณเห็นวิธีใช้ Future Simple Tense

1. If, one day, I have enough money, I will move out of my parents’ house.  

2. I will text you as soon as I find your jacket. 

3. I think my boss will like this idea.  

4. I believe my (best) friend will be successful.

5. When I retire, I will travel around the world. 

หวังว่าบทความนี้จะช่วยให้คุณเข้าใจ Future Simple Tense ได้ดียิ่งขึ้น และสามารถนำไปใช้กับการพูดและการเขียนได้อย่างถูกต้อง ให้ฝึกฝนทักษะภาษาอังกฤษของคุณต่อไปและอย่าลืมฝึกฝนอย่างสม่ำเสมอเพื่อให้คล่องแคล่วยิ่งขึ้น ขอบคุณที่อ่านบทความนี้!

คุณคงเคยได้ยินเรื่องเล่าจากคนอื่นหรือเคยเล่าให้พวกเขาฟังเรื่องราวต่าง ๆ ใช่ไหม ในภาษาอังกฤษ เมื่อเราต้องการเล่าเรื่อง เราสามารถเลือกอดีตกาลธรรมดา (Simple Past Tense) และคำบอกเวลาที่เหมาะสมเพื่อให้ผู้ฟังเห็นภาพรวมของเรื่องราวที่ต้องการนำเสนอได้ดีขึ้น ถ้าอยากทำเช่นนั้น ให้เรียนหลักการใช้ Past Simple Tense อย่างถูกต้องและมีประสิทธิภาพต่อไปนี้

Past Simple Tense อยู่ในซีรีส์ไวยากรณ์และ Tense ต่าง ๆ ในภาษาอังกฤษ โปรดมาร่วมกับ ELSA Speak เพื่อเรียนรู้ทุกสิ่งที่คุณจำเป็นต้องรู้เกี่ยวกับอดีตกาลธรรมดาบทความในวันนี้นะ

Past Simple Tense
สรุปความรู้เกี่ยวกับอดีตกาลธรรมดา

Past Simple Tense คืออะไร

Past Simple Tense ใช้เพื่อแสดงการกระทำหรือสถานการณ์ในอดีต อดีตกาลธรรมดามักไปพร้อมกับเวลาที่การกระทำหรือสถานการณ์นั้นได้เกิดขึ้น

อย่างไรก็ตาม เมื่อวิเคราะห์อย่างละเอียดอดีตกาลธรรมดาจะมีหน้าที่เฉพาะหลายอย่างและสอดคล้องกับหลายกรณีที่แตกต่างกัน

Past Simple Tense ตัวอย่างประโยค:

Past Simple Tense โครงสร้าง

​Past Simple Tense โครงสร้างในรูปแบบต่างๆ

กริยา to beกริยาปกติ
 ประโยคบอกเล่าS + was/were + Adj/ N (phrase)S + V2/V-ed + (object)
ประโยคปฏิเสธS + was/were + NOT + Adj / N (phrase)S + didn’t + V(BARE) + (object)
ประโยคคำถามWas/Were + S + Adj / N (phrase) ?
– Yes, S + was/were
– No, S + was/were + not
Did + S + V-inf?
– Yes, S + did
– No, S + didn’t

Past Simple Tense โครงสร้างประโยคบอกเล่า

กริยา to beกริยาปกติ
 โครงสร้างS + was/were + Adj/ N (phrase)S + V2/V-ed + (object)
ตัวอย่างAt 5pm yesterday, that customer was at our company.

When that customer came this afternoon, we were out for lunch.
We lived in Bangkok for 5 years before moving to Chiang Mai.

Yesterday, my mom caught some rats in the kitchen.

ตารางประธาน (Subject) กับคำกริยาไปด้วยกัน:

SubjectVerb to be
I/He/She/It/Mybrother/The cat/…was
We/You/They/My parents/Our teachers/…were

*หมายเหตุ คำกริยาปกติ:

V2 เป็นกริยาช่องที่ 2 ที่ผันมาจากกริยาช่องที่ 1 ของคำกริยาอปกติ (ไม่เป็นไปตามกฎเพิ่ม -ed)

ตัวอย่าง: catch – caught – caught, begin- began– begun, v.v.

V-ed เป็นกริยาช่องที่ 2 ของกริยาปกติ (เป็นไปตามกฎเพิ่ม -ed ที่ช่อง 2 และช่อง 3 ของคำกริยา)

ตัวอย่าง: want- wanted– wanted, watch- watched– watched, v.v.

โครงสร้างประโยคปฏิเสธ Past Simple Tense

กริยา to beกริยาปกติ
โครงสร้างS + was/were + NOT + Adj / N (phrase)S + didn’t + V(BARE) + (object)
ตัวอย่างShe wasn’t at home when you called this morning.
Those college students were not studious during their first year.
Those employees didn’t go on the company trip.
I tried to call that customer, but she didn’t pick up.
วิธีการเรียนภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสารที่บ้านอย่างไรให้ได้ผล / เรียนภาษาอังกฤษด้วยต

*หมายเหตุ:

โครงสร้างประโยคคำถาม Past Simple Tense

คำถาม Yes-No

กริยา to beกริยาปกติ
โครงสร้างWas/Were + S + Adj / N (phrase) ? Did + S + V(bare) ?
คำตอบYes, S + was/were
No, S + was/were + not
Yes, S + did
No, S + didn’t
ตัวอย่างWere you at Jack’s party last night?
→ Yes, I was.
Did you come across your high school friend this morning?
→ Yes, I did. I was so happy to see her again

คำถาม Wh-

คำกริยา Be

กลุ่มที่ 1: When/Where/Why/What/How + was/were (not) + S + Adj / N (phrase) + …? 
กลุ่มที่ 2: Who/What + was/were (not) + Adj / N (phrase)/… + …? (คำถามเป็น S: ประธาน)

Simple Past Tense ตัวอย่างประโยค:

คำกริยาที่บอกการกระทำ (Action Verbs)

กลุ่มที่ 1: When/Where/Why/What/How + did (not) + S + V(BARE) + (object) + …? 
กลุ่มที่ 2: Who/What + V2/V-ed + (object) + …?Who/What + didn’t + V(BARE) + (object) + …?(คำถามเป็น S: ประธาน)

Simple Past Tense ตัวอย่างประโยค:

Past Simple Tense

หลักการใช้ Past Simple Tense

อดีตกาลธรรมดามีการใช้งานหลักดังต่อไปนี้:

1. อธิบายการกระทำในอดีต มักจะมาพร้อมกับเวลา

They established this company in 1998 (พวกเขาก่อตั้งบริษัทนี้ในปี 1988)

Last night, my friend and I didn’t go to the cinema (เมื่อคืนฉันกับเพื่อนไม่ได้ไปโรงหนัง)

2. อธิบายการกระทำที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาหนึ่งในอดีต

My family lived in Bangkok for 4 years (ครอบครัวของฉันเคยอาศัยอยู่ที่กรุงเทพเป็นเวลา 4 ปี)

Our son didn’t study there for a year, just a few months (ลูกเราไม่ได้เรียนที่นั่น 1 ปี แค่ไม่กี่เดือนเอง)

3. อธิบายหลายการกระทำที่เกิดขึ้นติดต่อกันในอดีต

She parked her car, got out, put on her hat and walked towards the building. (เธอจอดรถ ออกไป สวมหมวก แล้วเดินไปที่ตึก)

4. อธิบายนิสัยในอดีต (ตอนนี้ไม่มีแล้ว)

When my younger sister was in high school, she went swimming every day. (ตอนที่น้องสาวของฉันเรียนมัธยมปลาย เธอเคยไปว่ายน้ำทุกวัน)

I didn’t drink enough water or eat vegetables when I was a teenager. (ฉันดื่มน้ำหรือกินผักไม่พอเมื่อฉันยังเป็นวัยรุ่น)

5. อธิบายคุณภาพ/คุณสมบัติ/คุณลักษณะ/… ในอดีต (ตอนนี้ไม่มีแล้ว)

Her younger brother was very naughty that day. (น้องชายของเธอเกเรมากในวันนั้น)

Last summer, it was very sunny and hot. (ฤดูร้อนที่แล้วมีแดดจัดและร้อนจัด)

6. อธิบายการกระทำหนึ่งที่ขัดจังหวะการกระทำที่กำลังดำเนินอยู่ในอดีต (ใช้พร้อมกับ ประโยคอดีตกาลต่อเนื่อง Past Continuous Tense)

This morning, I was discussing with my team when you called. (เมื่อเช้านี้ ฉันกำลังคุยกับทีมของฉันเมื่อคุณโทรมา)

This morning, you called while I was discussing with my team. (เมื่อเช้านี้ คุณโทรมาขณะที่ฉันกำลังคุยกับกลุ่มของฉัน)

past simple tense

สัญญาณเพื่อรับรู้ Past Simple Tense

ประโยคใช้โครงสร้างหนึ่งอยู่ในโครงสร้างของข้อ 2 และมีเครื่องหมายที่สำคัญที่สุดคือกริยาในรูปแบบ V2 หรือ V-ed

ในประโยคมีคำหรือกลุ่มคำ (วลี) หรือ clause ต่อไปนี้:

ก. วลี

ข. Clause

past simple tense

กฎบางอย่างเกี่ยวกับคำกริยาใน Past Simple Tense

ตามที่ระบุไว้โดยสังเขปในส่วนโครงสร้าง ใน Simple Past Tense กริยาปกติสามารถมีรูปแบบใดรูปแบบหนึ่งจากสองรูปแบบ ได้แก่ V-ed (กริยาปกติ) และ V2 (กริยาอปกติ) เพื่อทำความเข้าใจเพิ่มเติมเกี่ยวกับรูปแบบคำกริยา 2 รูปแบบนี้และวิธีใช้ ให้อ่านต่อ 2 บทความด้านล่าง:

awakeawokeawokenตื่น/ปลุกคนให้ตื่น
backslidebackslidbackslid
backslidden
กลับไปเป็นเหมือนเดิม
bewas/werebeenเป็น/คือ
bearborebornอดทน / พกบางสิ่ง / ให้กำเนิด
beatbeatbeat
beaten
ตี/โดน
becomebecamebecomeกลายเป็น
befallbefellbefallen(อะไร) เกิดขึ้น
beginbeganbegunเริ่ม
beholdbeheldbeheldดู
ตารางคำกริยาอปกติ

แยกแยะ Past Simple Tense กับ Tense อื่นๆ

1. แยกแยะ Past Simple Tense และ Past Continuous Tense

Past Simple TensePast Continuous Tense
ใช้โครงสร้างในส่วนที่ 2โครงสร้างประกอบด้วย: was/were (not) + V-ing
ไม่พูดเกี่ยวกับการกระทำที่เกิดขึ้นในขณะที่พูดหรือช่วงเวลาที่พูดหน้าที่หลักคือการอธิบายเหตุการณ์/การกระทำที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาหนึ่งในอดีต ตัวอย่างเช่น I was discussing with my team at 10 this morning
→ ฉันกำลังคุยกับกลุ่มของฉันตอน 10 โมงเช้าวันนี้

2. แยกแยะ Past Simple Tense และ Present Perfect Tense

Past Simple TensePresent Perfect Tense
ใช้โครงสร้างในส่วนที่ 2โครงสร้างประกอบด้วย: has/have + V3/V-ed
มีฟังก์ชันเดียวกันกับ Present Perfect Tense: แสดงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีต

– ข้อแตกต่างคือ Past Simple Tense มักจะมาพร้อมกับเวลาที่เกิดขึ้นของเหตุการณ์

เช่น My aunt bought a new car last week

→ ป้าของฉันซื้อรถใหม่เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
มีฟังก์ชันเดียวกันกับ Past Simple Tense คือแสดงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีต

– ข้อแตกต่างคือ Present Perfect tense ไม่ได้มาพร้อมเวลาที่เหตุการณ์เกิดขึ้นเนื่องจากผู้พูดไม่ทราบ หรือไม่อยากบอก

เช่น My aunt has bought a new car

→ ป้าของฉันซื้อรถใหม่

>>> Read more

แบบฝึกหัด Past Simple Tense

1. แบบฝึกหัด

ผันคำกริยาใน (…):

1. He ………… (wake) up, ………… (check) his phone, ………… (get) out of bed, ………… (drink) some water and ………… (rush) to the bathroom.

2. He ………… (spend) 4 years in that beautiful city. He ………… (no do) much there.

3. Last week, you ………… (go) to work late 4 times.

4. Yesterday, ………… (not meet) the deadline, so our boss ………… (be) very upset.

5. I ………… (enjoy) watching TV when I was a kid. Now, I prefer Netflix.

6. Yesterday evening, I was walking home when I ………… (see) a tragic accident.

7. They ………… (sign) their first contract in 2006.

ตั้งคำถามสำหรับส่วนที่ขีดเส้นใต้:

1. Peter prepared all of the documents last week.  

2. My family didn’t go camping last week because it rained all day.  

3. This morning, I woke my son up by playing some rock songs.  

4. Two days ago, he gave some money to a stranger.  

5. That employee started working for our company in 2016.  

6. Yesterday, we hid our memory box in the garden.

7. They first met each other 17 years ago.  

เรียนภาษาอังกฤษด้วยแอป ELSA Speak ดีหรือไม่

2. คำตอบสำหรับแบบฝึกหัด Past Simple Tense

ผันคำกริยาใน (…)

1. woke – cheked – got – drank – rushed

2. spent – didn’t do

3. went

4. didn’t meet – was  

5. enjoyed

6. saw

7. signed

ตั้งคำถามสำหรับส่วนที่ขีดเส้นใต้:

1. Who prepared all of the documents last week?

2. Why didn’t your family go camping last week?

3. How did you wake your son up this morning?

4. Whom did he give money to two days ago?

5. When did that employee start working for our company?

6. Where did you hide your memory box yesterday?

7. When did they first meet each other?

เช่นนั้นเราได้เรียนรู้ความรู้ที่จำเป็นทั้งหมดเกี่ยวกับอดีตกาลธรรมดา แล้ว ELSA Speak หวังว่าหลังจากอ่านบทความนี้ คุณจะสามารถใช้ Past Simple Tense ได้อย่างคล่องแคล่วและเป็นมืออาชีพเวลาสื่อสารภาษาอังกฤษ หวังว่าคุณจะเรียนรู้ได้ดี!

โครงสร้าง Past Simple Tense และ Past Continuous Tense มักจะใช้ร่วมกันในกรณีที่เกิดสถานการณ์ไม่คาดฝันขึ้น เข้าร่วม ELSA Speak เรียนรู้บทความ การผสมผสานระหว่าง Past Simple Tense และ Past Continuous Tense เพื่อให้สามารถใช้โครงสร้างนี้ได้อย่างคล่องแคล่วยิ่งขึ้นนะ 

เยี่ยมชมเว็บไซต์ th.elsaspeak.com เป็นประจำเพื่อรับความรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับการศึกษาการสื่อสารภาษาอังกฤษด้วยตนเองสำหรับคนวัยทำงานและวัยเรียน!

อาจกล่าวได้ว่าในบรรดา tense ในภาษาอังกฤษ กลุ่มกาล present สี่กาลคือกลุ่มที่ได้รับความสนใจและใช้บ่อยที่สุด ซึ่ง Present Perfect Continuous Tense ได้รับความสนใจอย่างมากจากผู้เรียนเนื่องจากมีโครงสร้างและคุณสมบัติพิเศษ อย่างไรก็ตาม มีผู้เรียนจำนวนมากที่ยังไม่สามารถแยกความแตกต่างของ Present Perfect Continuous Tense จาก Present Perfect Tense ได้อย่างชัดเจน

ในบทความของวันนี้ ELSA Speak จะแบ่งปันทุกสิ่งที่คุณจำเป็นต้องรู้เกี่ยวกับ Present Perfect Continuous Tense พร้อมแบบฝึกหัดเพื่อให้คุณสามารถนำความรู้ไปใช้ได้ มาเริ่มกันเลย!

สรุปความรู้เกี่ยวกับ Present Perfect Continuous Tense
สรุปความรู้เกี่ยวกับ Present Perfect Continuous Tense

คำจำกัดความของ Present Perfect Continuous Tense

ประโยคปัจจุบันสมบูรณ์แบบต่อเนื่อง Present Perfect Continuous Tense คือกาลที่ใช้อธิบายเหตุการณ์ การกระทำที่เริ่มต้นในอดีตและต่อเนื่องมาถึงปัจจุบันและสามารถดำเนินต่อไปในอนาคต หรือ เหตุการณ์สิ้นสุดลงแล้วแต่ผลยังคงอยู่ในปัจจุบัน กาลนี้ใช้เพื่อเน้นช่วงเวลาของการกระทำที่เกิดขึ้นแต่ยังไม่มีผลลัพธ์ที่ชัดเจน

ตามชื่อเรียกประโยคปัจจุบันสมบูรณ์แบบต่อเนื่อง เราอาจเข้าใจคุณสมบัติของกาลนี้ไปบ้างแล้ว:

Present Perfect Continuous Tense มักใช้เพื่ออธิบาย:

ตัวอย่าง Our daughter has been studying since 3pm.

⟶ ลูกสาวเราเรียนไม่หยุดตั้งแต่บ่าย 3

ตัวอย่าง: It has been raining the whole afternoon and now, most of the streets are flooded.

⟶ ฝนตกตลอดช่วงบ่าย (ตอนนี้ไม่มีแล้ว) และตอนนี้ถนนส่วนใหญ่ถูกน้ำท่วม

Present Perfect Continuous Tense โครงสร้าง

ตารางสรุปโครงสร้า

ประโยคโครงสร้าง
บอกเล่าSubject + has/have + been + V-ing + …
ปฏิเสธSubject + has/ have + not + been + V-ing + …
คำถามHas/ Have + subject + been + V-ing + … + ?
⟶ Yes, subject + has/ have.
หรือ
⟶ No, subject + has/ have not.

Present Perfect Continuous Tense ตัวอย่างประโยคและหมายเหตุสำหรับแต่ละกรณี

ประโยคบอกเล่า

Subject + has/have + been + V-ing + …

หมายเหตุ:

ตัวอย่างประโยค:

My mother has been working for that company for ten years.

⟶ แม่ของฉันทำงานให้กับบริษัทนั้น (อย่างต่อเนื่องไม่ขาดตอน) เป็นเวลาสิบปี

Those employees have been discussing the problem since 9am.

⟶ พนักงานเหล่านั้นหารือเกี่ยวกับเรื่องนั้นไม่หยุดตั้งแต่ 9 โมงเช้า

ประโยคปฏิเสธ

Subject + has/ have + not + been + V-ing + …

หมายเหตุ:

ตัวอย่างประโยค:

I haven’t been talking to my best friend Daniel since we argued last month.

⟶ ฉันไม่ได้คุยกับแดเนียลเพื่อนสนิทของฉันตั้งแต่เดือนที่แล้ว

We haven’t been playing soccer for many weeks.

⟶ เราไม่ได้เล่นฟุตบอลมาหลายสัปดาห์แล้ว

คำถาม Yes- No

Has/ Have + subject + been + V-ing + … + ?
⟶ Yes, subject + has/ have.
หรือ
⟶ No, subject + has/ have not.

หมายเหตุ:

ตัวอย่างประโยค:

A: Has your father been working for this company since 1995? (พ่อของคุณทำงานให้กับบริษัทนี้มาตั้งแต่ปี 1995 หรือเปล่า)

B: Yes, he has. (ใช่)

Present Perfect Continuous Tense ใช้ยังไง

2 กรณีการใช้งานสำหรับ Present Continuous Perfect tense ได้รับการแนะนำสั้นๆ โดย ELSA Speak ในหัวข้อ “Definitions” ข้างต้น ในส่วนนี้ ELSA Speak จะนำเสนอรายละเอียดเพิ่มเติมของสองวิธีในการใช้ Present Perfect Continuous Tense

Present Perfect Continuous Tense ใช้ยังไง
Present Perfect Continuous Tense ใช้ยังไง

อธิบายการกระทำที่ต่อเนื่อง

เป็นการแสดงออกถึงการกระทำที่ต่อเนื่องกันตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันและมีแนวโน้มจะดำเนินต่อไปในอนาคต

ในประโยคที่มักปรากฏ:

all morning/ afternoon/ evening/…: ทุกเช้า/บ่าย/เย็น/…

the whole morning/ day/ week/ year/…: ตลอดทั้งเช้า/วัน/สัปดาห์/ปี/…

(up) until now: จนถึงตอนนี้

so far: จนถึงขณะนี้ ฯลฯ

ตัวอย่างเช่น:

My co- workers have been working very hard since the beginning of the year.

⟶ เพื่อนร่วมงานของฉันทำงานหนักตั้งแต่ต้นปี

All of the students in my class haven’t been going to school since the pandemic began.

⟶ นักเรียนทุกคนในชั้นเรียนของฉันหยุดเรียนอย่างต่อเนื่องตั้งแต่เริ่มเกิดโรคระบาด

His younger sister has been reading that book for hours.

⟶ น้องสาวของเขาอ่านหนังสือไม่หยุดเป็นเวลาหลายชั่วโมง

My father has been painting the walls the whole morning.

⟶ พ่อของฉันทาสีผนังไม่หยุดตลอดทั้งเช้า (เวลาที่ผู้พูดพูดประโยคนี้น่าจะเป็นช่วงสายของเช้าวันนั้น)

Our son hasn’t been studying seriously up until now.

⟶ ลูกชายเราไม่เคยตั้งใจเรียนเลยจนถึงตอนนี้

อธิบายการกระทำที่เริ่มต้นและดำเนินไปในช่วงเวลาหนึ่งในอดีต

แสดงถึงการกระทำที่เริ่มต้นและดำเนินไปในช่วงเวลาหนึ่งในอดีตหรือดำเนินต่อเนื่องมาจนถึงใกล้ถึงปัจจุบัน สิ้นสุดลงในปัจจุบัน แต่ผลที่ตามมายังคงอยู่ในปัจจุบัน

ประโยค Present Perfect Continuous Tense เป็นหนึ่งในสองประโยคของประโยคที่ซับซ้อน อีกประโยคหนึ่งใช้ Present Simple Tense เพื่อแสดงผลที่ตามมา/ผลลัพธ์ที่ยังคงมีอยู่ในปัจจุบัน

ในประโยคที่ใช้ Present Perfect Continuous Tense อาจจะปรากฏ:

all morning/ afternoon/ evening/…: ทุกเช้า/บ่าย/เย็น/…

the whole morning/ day/ week/ year/…: ตลอดทั้งเช้า/วัน/สัปดาห์/ปี/…

(up) until now: จนถึงตอนนี้

so far: จนถึงขณะนี้

หมายเหตุ:

แม้ว่า Present Perfect Continuous Tense มักจะใช้ในกรณีที่การกระทำใน clause ที่ใช้ Present Perfect Continuous Tense สิ้นสุดลงแล้วในปัจจุบัน อันที่จริง มีบางกรณีที่การกระทำใน clause ที่ใช้ Present Perfect Continuous Tense ในปัจจุบันยังไม่สิ้นสุด และการกระทำนั้นยังทำให้เกิดผล/ผลลัพธ์ตามมาใน ปัจจุบัน

ในขณะนั้น แม้ว่าโครงสร้างจะเหมือนกัน แต่เราต้องอิงจากสถานการณ์จริงเพื่อทำความเข้าใจให้แน่ชัดว่าการกระทำในประโยคที่ใช้ Present Perfect Continuous Tense นั้นสิ้นสุดลงแล้วหรือยัง

ตัวอย่างเช่น:

It has been raining up until now, and the street in front of our house is flooded.

⟶ ตามความหมายของ Present Perfect Continuous Tense ในหัวข้อ 3.2.: ฝนยังตกต่อเนื่องมาจนถึงตอนนี้ (ตอนนี้หยุดแล้ว) และตอนนี้ถนนหน้าบ้านเราก็ท่วมแล้ว

⟶ ความหมายอีกอย่าง: ฝนยังตกต่อเนื่องจนถึงตอนนี้ (ตอนนี้ฝนยังตกอยู่) และตอนนี้ถนนหน้าบ้านเราก็ท่วมแล้ว

สัญญาณเพื่อรับรู้ Present Perfect Continuous Tense

สัญญาณเพื่อรับรู้ Present Perfect Continuous Tense
สัญญาณเพื่อรับรู้ Present Perfect Continuous Tense

ในประโยคหรืออนุประโยคจะปรากฏ:

all morning/ afternoon/ evening/…: ทุกเช้า/บ่าย/เย็น/…

the whole morning/ day/ week/ year/…: ตลอดทั้งเช้า/วัน/สัปดาห์/ปี/…

(up) until now: จนถึงตอนนี้

so far: จนถึงขณะนี้

โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเป็นกรณี Present Perfect Continuous Tense ใช้เพื่ออธิบายการกระทำที่เริ่มต้นและดำเนินไปในช่วงเวลาหนึ่งในอดีตหรือต่อเนื่องจนถึงใกล้ปัจจุบัน สิ้นสุดแล้วในปัจจุบันแต่ผลลัพธ์/ผลที่ตามมายังคงอยู่ ในปัจจุบัน (ข้อ 3.2.) มีอีกหนึ่งสัญญาณ:

ประโยค Present Perfect Continuous Tense เป็นหนึ่งในสองประโยคของประโยคที่ซับซ้อน อีกประโยคหนึ่งใช้ Present Simple Tense เพื่อแสดงผลที่ตามมา/ผลลัพธ์ที่ยังคงมีอยู่ในปัจจุบัน

banner (compare free vs pro)

การแยกแยะ Present Perfect Continuous Tense จาก Present Perfect Tense

ระหว่างสอง tense นี้ มีจุดเดียวที่มักทำให้ผู้เรียนสับสน ซึ่งในบรรดาฟังก์ชันของแต่ละ tense (Present Perfect Continuous Tense มี 2 ฟังก์ชัน และ Present Perfect Tense มีประมาณ 5 ฟังก์ชัน) มีฟังก์ชันหนึ่งที่คล้ายคลึงกันคือ

⟶ เป็นการแสดงออกถึงการกระทำที่เริ่มขึ้นในอดีต ดำเนินต่อไปจนถึงปัจจุบัน ดำเนินต่อไปในปัจจุบัน และมีแนวโน้มที่จะดำเนินต่อไปในอนาคต

อย่างไรก็ตาม ข้อแตกต่างก็คือ หากเราใช้ Present Perfect Continuous Tense เราจะแสดงและเน้นความต่อเนื่องโดยไม่หยุดชะงักของการกระทำข้างต้น Present Perfect Tense ไม่ได้ช่วยให้เราแสดงสิ่งนั้นได้

ตัวอย่างเช่น:

Present Perfect TensePresent Perfect Continuous Tense
ไม่เน้นความต่อเนื่อง ไม่หยุดชะงักเน้นความต่อเนื่อง ไม่หยุดชะงัก
I have worked here since 2016.

⟶ ฉันทำงานที่นี่มาตั้งแต่ปี 2016
I have been working here since 2016.

⟶ ฉันทำงานที่นี่มาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2016

โดยปกติแล้ว แบบฝึกหัดไวยากรณ์ทั่วไปจะไม่เน้นที่การแยกแยะระหว่าง Present Perfect Continuous Tense และ Present Perfect Tense เนื่องจากความแตกต่างระหว่างทั้งสอง กาลไม่มาก และการใช้กาลทั้งสองขึ้นอยู่กับสถานการณ์จริง การกระทำนั้นมีความต่อเนื่องไม่ขาดตอนหรือไม่ และขึ้นอยู่ผู้พูดต้องการระบุหรือเน้นความต่อเนื่องหรือไม่ขาดตอนหรือไม่

แบบฝึกหัด Present Perfect Continuous Tense

6.1. ใส่คำกริยาด้านล่างลงใน

Those employees ……… (work) very hard since the beginning of the year.

That lazy student ……… (not doing) exercises up until now.

My best friend Lucia ……… (sing) for nearly two hours. I think she will have a sore throat.

It ……… (not rain) for months, so the field is very dry now.

Jack ……… (reading) for over 3 hours, and his eyes are tired now.

His parents ……… (paint) the walls since noon.

My younger sister ……… (live) in this small old room for years. She needs to move to another place.

My best friend is very tired now because she ……… (practice) for hours.

They ……… (not talk) to each other since they argued last month.

Her dog Kiki ……… (not eat) well since it became sick last Friday.

คำตอบ:

1. have been working6. have been painting
2. hasn’t been doing7. has been living
3. has sung8. has been practicing
4. hasn’t been raining9. haven’t been talking
5. has been reading10. hasn’t been eating

6.2. ค้นหาและแก้ไขข้อผิดพลาดในประโยคต่อไปนี้

My younger sister have been working since noon.

I have been writing to him since last summer due to my busy schedule.

Our parents has been cleaning the house the whole day, so they are very tired now.

Everyone have been waiting for them for hours.

Somebody next door have been singing since 10pm, and it’s midnight now.

คำตอบ:

have ⟶ has.

have ⟶ haven’t.

has ⟶ have.

have ⟶ has.

have ⟶ has.

6.3. ตอบคำถามด้านล่างในรูปแบบ

………… you ………………………………… (wait) for me since noon?

………… our sister ………………………………… (cook) that beef for too long?

How long ………… our daughter ………………………………… (study)?

What ………… you ………………………………… (do) in the kitchen? It’s been hours.

Why ………… our father ………………………………… (play) that games since lunch? It’s not so interesting.

คำตอบ:

Have – been waiting

Has – been cooking

has – been studying

have – been doing

has – been playing

 4 เคล็ดลับสำหรับการเรียนด้วย ELSA Speak

6.4. ใช้ Present Perfect Tense และคำที่กำหนดเพื่อจัดเรียงใหม่และเติมประโยคด้านล่าง

noon/talk/ my mother/ my teacher/ since/ to/ .

they/ hours/ series/ watch/ that/ for/ .

since/ work/ her father/ this company/ for/ 1998/ .

rain/ since/ it/ got/ I/ home/ .

nearly/ for/ sing/ neighbours/ Karaoke/ our/ 4 hours.

คำตอบ:

My mother has been talking to my teacher since noon.

They have been watching that series for hours.

Her father has been working for this company since 1998.

It has been raining since I got home.

Our neighbors have been singing Karaoke for nearly 4 hours.

ข้างต้นคือความรู้ทั้งหมดที่คุณควรเข้าใจเกี่ยวกับ Present Perfect Continuous Tense เรา หวังว่าบทความนี้จะช่วยให้คุณเข้าใจอย่างดีและสามารถใช้กาลภาษาอังกฤษนี้ได้อย่างคล่องแคล่วขึ้น แล้วพบกันใหม่ในบทเรียนหน้าและขอขอบคุณที่ติดตามบทความ!

เยี่ยมชมเว็บไซต์ th.elsaspeak.com เป็นประจำเพื่อเติมความรู้เกี่ยวกับการสื่อสารภาษาอังกฤษด้วยตนเองสำหรับคนวัยทำงานและวัยเรียนกันนะ!