Author: Tươi Triệu Thị

การฝึกภาษาอังกฤษด้วยตัวเองทำให้คุณไม่ต้องกังวลว่าจะพลาดบทเรียนของผู้สอนหรือเรียนตามเพื่อนไม่ทัน คุณสามารถเลือกเรียนได้ทุกที่ทุกเวลาอย่างอิสระ ซึ่งจะทำให้การเรียนมีประสิทธิภาพมากขึ้น ที่สำคัญคือคุณจะพึ่งพาผู้อื่นน้อยลงและพิสูจน์ว่า คุณสามารถเรียนภาษาอังกฤษได้ด้วยตัวเอง บทความด้านล่างนี้คือคำแนะนำจากประสบการณ์ของผู้เชี่ยวชาญ ที่จะช่วยให้คุณฝึกภาษาอังกฤษด้วยตัวเองได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

ฟังเพลงภาษาอังกฤษ

ทุกคนมักจะชอบฟังเพลง สำหรับการเรียนภาษาอังกฤษด้วยเพลง คุณต้องหาแนวเพลงและเนื้อเพลงที่คุณชื่นชอบ ซึ่งจะทำให้คุณอยากฟังทุกที่ทุกเวลา เช่น ในรถ เมื่อเดินเล่นในห้างสรรพสินค้า ฯลฯ คุณสามารถหาเพลงภาษาอังกฤษได้บนอินเทอร์เน็ตหรือบนสถานีวิทยุออนไลน์ภาษาอังกฤษ อย่างไรก็ตาม คุณควรหลีกเลี่ยง rock และ rap เพราะมักจะร้องเร็วหรือฟังยากเกินไป ซึ่งไม่ดีต่อการฝึกอ่านและฝึกการออกเสียง

คุณสามารถหาเพลงที่คุณชอบบน Youtube ฟังซ้ำไปซ้ำมาจนถึงจำทำนองให้ได้ จากนั้นหาวิดีโอที่มีเนื้อเพลงนี้และร้องตาม

ดูวิดีโอภาษาอังกฤษตามความสนใจ

การดูวิดีโอภาษาอังกฤษบน Youtube เป็น วิธีเรียนการสื่อสารภาษาอังกฤษได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งช่วยให้คุณคุ้นเคยกับการสนทนาภาษาอังกฤษและพัฒนาทักษะการฟัง โดยเฉพาะ รายการ talk show การสัมภาษณ์ รายการวิจารณ์เกี่ยวกับสิ่งที่คุณชื่นชอบ

หากคุณชอบเทคโนโลยี การรีวิว iPhone 10 และ iPhone 11 อาจจะน่าสนใจ นอกจากนี้ หากคุณชอบดูหนัง ก็สามารถดูการสัมภาษณ์นักแสดงที่คุณชื่นชอบได้

ดูหนังและรายการโทรทัศน์ภาษาอังกฤษ

การดูหนังและรายการโทรทัศน์ภาษาอังกฤษช่วยปรับปรุงการพูดและการเข้าใจภาษา เพราะคุณสามารถได้ฟังผู้คนพูดคุยกันเป็นภาษาอังกฤษ ซึ่งจะช่วยให้คุณเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับคำศัพท์ใหม่ คำสแลง สำนวนและวลีที่ใช้กันทั่วไป 

ช่วงแรกๆ หากคุณไม่เข้าใจสิ่งที่นักแสดงพูด คุณสามารถลองใช้ซับได้ เมื่อคุณคุ้นเคยกับคำศัพท์แล้ว ลองติดซับและตรวจการฟังของตน นอกจากนี้คุณสามารถพูดตามบทสนทนาในหนัง หากไม่เข้าใจ คุณสามารถค้นหาสคริปต์ได้บนเว็บไซต์ IMDb

ตรวจหลักไวยากรณ์ภาษาอังกฤษ

ฝึกภาษาอังกฤษด้วยตัวเอง

เมื่อเรียนภาษาอังกฤษด้วยตัวเอง คุณสามารถทำผิดโดยไม่รู้ตัว หนึ่งในวิธีที่ช่วยคุณตรวจความรู้นั้นคือลองทำแบบทดสอบภาษาอังกฤษออนไลน์ฟรี

แบบทดสอบเหล่านี้จะช่วยให้คุณตรวจหลักไวยากรณ์ การฟัง และทักษะอื่นๆ การทำแบบทดสอบเป็นประจำจะทำให้คุณแนะนอนว่ากำลังไปถูกทิศทางในการเรียนภาษาอังกฤษหรือเปล่า

พูดคุยออนไลน์กับเพื่อนๆ

การพูดคุยออนไลน์กับเพื่อนๆ เป็นวิธีเรียนภาษาอังกฤษที่สนุกสนาน เพราะคุยกับเพื่อนจะสบายใจและง่ายกว่าเมื่อคุยกับครูหรือเพื่อนร่วมงาน 

คุณควรเข้าร่วมกลุ่มเรียนภาษาอังกฤษออนไลน์ และพูดคุยกับเพื่อนที่ต้องการพัฒนาภาษาต่างประเทศหรือคุยกับเจ้าของภาษา บน: Facebook Messenger, Twitter หรือ Skype … คุณจะได้ฝึกภาษาอังกฤษโดยไม่ต้องกังวลหรือเครียด

หนึ่งในเว็บไซต์ที่คุณสามารถลองใช้ได้คือ Speaky – คุณจะได้พบเจอเจ้าของภาษาที่ยินดีพูดคุยและช่วยเหลือคุณเสมอ นอกจากนี้ยังมี Coeffee – คุณสามารถเล่นเกมออนไลน์เกี่ยวกับการออกเสียงและคำศัพท์ภาษาอังกฤษกับผู้อื่น เมื่อคุยกันออนไลน์ คุณสามารถตรวจหลักไวยากรณ์ก่อนที่จะกด “Send” ได้

นอกจากนี้ การสื่อสารภาษาอังกฤษกับเพื่อนๆ ยังส่งเสริมการเรียนของตนเองอีกด้วย เพราะคุณจะพิสูจน์ให้เพื่อนเห็นว่าภาษาอังกฤษของคุณดีขึ้นเรื่อยๆ และทำให้เกิดความรู้สึกพอใจเพราะสามารถพูดภาษาอังกฤษได้ง่ายๆ

อ่าน e-books หนังสือพิมพ์และนิตยสารภาษาอังกฤษ

การอ่านก็มีความสำคัญเหมือนการฟังในการเรียนภาษาอังกฤษ การผสมผสานทักษะทั้งสองนี้จะช่วยให้คุณฝึกคิดและพูดภาษาอังกฤษได้ดีขึ้น

ผู้เริ่มพูดภาษาอังกฤษมักจะแปลภาษาแม่เป็นภาษาอังกฤษก่อนที่จะพูด ซึ่งทำให้เกิดความล่าช้าและไม่เป็นธรรมชาติในการสื่อสาร อย่างไรก็ตาม หากคุณฝึกคิดเป็นภาษาอังกฤษเป็นประจำจะทำให้สมองเข้าใจและพูดภาษานั้นได้ง่ายขึ้น

ยิ่งคุณอ่านมากเท่าไร คุณยิ่งจะได้เรียนรู้เรื่องโครงสร้าง คำศัพท์ และสำนวนพูดแบบใหม่ๆ รวมทั้งรูปแบบการสื่อสารอย่างเป็นทางการหรือไม่เป็นทางการ ซึ่งสามารถนำมาประยุกต์ใช้ในการสื่อสารได้ดียิ่งขึ้น นอกจากนี้อินเตอร์เน็ตยังเป็นแหล่งข้อมูลที่เต็มไปด้วย e-books หนังสือพิมพ์และนิตยสารภาษาอังกฤษ ที่จะช่วยให้คุณจดจำคำที่เรียนไปแล้วได้ดีขึ้นและเรียนรู้คำศัพท์ใหม่ๆมากขึ้นด้วย

>>> Read more

เขียนทุกสิ่งที่คุณคิดลงบนกระดาษ

คุณควรนำความรู้ที่ได้เรียนมาประยุกต์ใช้ในการเขียน วิธีเริ่มต้นที่ดีก็คือเขียนอะไรบางอย่างเกี่ยวกับตัวเอง เช่นการจดบันทึกส่วนตัว ในการเขียนจะใช้ทุกสิ่งที่ได้เรียนมาแล้ว เช่น หลักไวยากรณ์ คำศัพท์ โครงสร้างประโยค ฯลฯ

หลังจากเขียนจบแล้ว ให้ตรวจสักครั้งงว่ามีข้อผิดพลาดหรือไม่ คุณควรใช้เครื่องมือตรวจสอบหลักไวยากรณ์บนอินเทอร์เน็ตเพื่อแนะใจว่า ข้อผิดคืออะไรและจะแก้ไขได้อย่างไร

สำหรับ 7 วิธี ฝึกภาษาอังกฤษด้วยตัวเอง ในบทความข้างต้น คุณต้องขยันหมั่นเพีนรตั้งใจเรียน และตั้งเป้าหมายในการเรียน ซึ่งจะช่วยให้คุณพัฒนาทักษะภาษาอังกฤษได้อย่างมีประสิทธิภาพ 

ELSA Speech Analyzer คืออะไร และใช้ยังไง? เพื่อฝึกการสื่อสารภาษาอังกฤษได้อย่างมีประสิทธิภาพ ในบทความนี้ เรามาทำความเข้าใจเกี่ยวกับการใช้งานคุณสมบัติต่าง ๆ ของ ELSA Speech Analyzer กับ ELSA กันนะคะ

ELSA Speech Analyzer – The world’s best way to improve your English pronunciation

หลังจากแอปพลิเคชันการเรียนภาษาอังกฤษ ELSA Speak ประสบความสำเร็จ ELSA ได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ คือ ELSA Speech Analyzer

ELSA Speech Analyzer เป็นโปรแกรมฝึกพูดภาษาอังกฤษที่สามารถจำแนกเสียง วิเคราะห์ และประเมินการพูดภาษาอังกฤษของผู้ใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ จากนั้นให้คำแนะนำเพื่อปรับปรุงการพูดภาษาอังกฤษให้ดีขึ้น ด้วยเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) และเทคโนโลยีการวิเคราะห์เสียงพูด

“ผู้ช่วยที่ทรงพลัง” สำหรับผู้เรียนภาษาอังกฤษ ผู้เชี่ยวชาญด้านภาษาชั้นนำหลายๆ คน แนะนำ ELSA Speech Analyzer ว่าจะช่วยให้ผู้ใช้หลายล้านคนฝึกพูดภาษาอังกฤษได้อย่างคล่องแคล่ว

จุดเด่นของ ELSA Speech Analyzer

ทำไมควรเลือก ELSA Speech Analyzer

ELSA Speech Analyzer คืออะไร

ELSA Speech Analyzer เป็นฟีเจอร์ใหม่ของแอปฯ ELSA Speak ด้วยคุณสมบัติที่โดดเด่น ดังนี้

การเปรียบเทียบระหว่าง ELSA Speech Analyzer และ ELSA Speak

คุณสมบัติELSA Speech AnalyzerELSA Speak
ทำนายผลคะแนนสอบวัดระดับภาษาอังกฤษทำนายคะแนนการพูดในการสอบ 5 รายการ: IELTS, TOEFL, TOEIC, PTE, CEFRทำนายเฉพาะคะแนนIELTS Speaking
การแจ้งเตือนในการเรียนมีให้เชื่อมต่อกับ Google Calendar, Outlook, Zoomแอปฯ ELSA จะส่งการแจ้งเตือนในโทรศัพท์ตามกรอบเวลา
อุปกรณ์คอมพิวเตอร์โทรศัพท์แท็บเล็ต
หลักสูตรการเรียนสร้างขึ้นตามความต้องการในการพูดภาษาอังกฤษ ประกอบด้วย +5 หัวข้อ เช่น สัมภาษณ์เป็นภาษาอังกฤษ การนำเสนอเป็นภาษาอังกฤษ การศึกษาและตั้งถิ่นฐานในต่างประเทศมากกว่า 290 หัวข้อ เช่น:- ครอบครัว- การศึกษา- งาน
วิธีเรียนผู้เรียนสามารถกำหนดบทพูดภาษาอังกฤษได้ด้วยตนเองและให้ Speech Analyzer ให้คะแนนผู้เรียนจะอ่านตามคำตอบของแอปฯ ELSA
ทักษะที่ได้รับการประเมินการออกเสียง น้ำเสีย งความคล่องแคล่ว คำศัพท์ไ วยากรณ์การออกเสียง น้ำเสียงความคล่องแคล่ว

วิธีลงทะเบียนและเข้าสู่ระบบ ELSA Speech Analyzer

วิธีลงทะเบียนบัญชี ELSA Speech Analyzer

ขั้นตอนภาพประกอบ
ขั้นตอนที่ 1: เข้าเว็บไซต์ https://speechanalyzer.elsaspeak.com/  และคลิก Sign in
ขั้นตอนที่ 2: คลิก Sign up 
ขั้นตอนที่ 3: กรอกชื่อ นามสกุล email  รหัสผ่าน แล้วคลิก Create an account
ขั้นตอนที่ 4: รับสิทธิ์ใช้ ELSA SA ฟรี  30 นาที

วิธีเข้าสู่ระบบบัญชี ELSA Speech Analyzer 

ขั้นตอนภาพประกอบ
ขั้นตอนที่ 1: เข้าเว็บไซต์ https://speechanalyzer.elsaspeak.com/ และเลือก Sign in 
ขั้นตอนที่ 2: กรอก email และรหัสผ่านไว้ในช่องเข้าสู่ระบบ แล้วเลือก Sign in 
ขั้นตอนที่ 3: ฝึกพูดภาษาอังกฤษกับ ELSA Speech Analyzer

วิธีบันทึกเสียงพูดเพื่อฝึกการสื่อสารภาษาอังกฤษ

วิธีบันทึกเสียงการสื่อสารภาษาอังกฤษ

ขั้นตอนภาพประกอบ
ขั้นตอนที่ 1: ในอินเทอร์เฟซหลักของ Speech Analyzer เลือกหัวข้อที่ต้องการบันทึกเสียง
ขั้นตอนที่ 2: คลิกปุ่มไมโครโฟนที่มีสีฟ้าแล้วอ่านคำตอบอย่างชัดเจนตามคำแนะนำ
ขั้นตอนที่ 3: ระบบจะบันทึกเสียงคำตอบ คุณตอบคำถามต่อไปในหัวข้อเดียวกัน
ขั้นตอนที่ 4: หลังจากตอบคำถาม 5 ข้อแล้ว คลิก Finish
ขั้นตอนที่ 5: คลิก Save 
ขั้นตอนที่ 6: คลิก View my results เพื่อดูผลการวิเคราะห์
ขั้นตอนที่ 7: ระบบจะวิเคราะห์ การออกเสียง น้ำเสียง ความคล่องแคล่ว คำศัพท์ ไวยากรณ์ และทำนายคะแนนสอบ IELTS, TOEIC,…
ขั้นตอนที่ 8: เลื่อนลงและคลิก Click to see details เพื่อดูการวิเคราะห์อย่างละเอียด หรือกดปุ่มสามเหลี่ยม Play เพื่อฟังเสียงที่บันทึกอีกครั้ง

วิธี upload file บันทึกเสียงพูดภาษาอังกฤษ

ขั้นตอนภาพประกอบ
ขั้นตอนที่ 1: ในอินเทอร์เฟซหลักของ Speech Analyzer คลิกปุ่ม Upload Recording แล้ว upload file บันทึกเสียง
ขั้นตอนที่ 2: ที่ด้านซ้ายของหน้าจอ คลิก Recordings แล้วคลิก file บันทึกเสียงที่เพิ่งอัปโหลด
ขั้นตอนที่ 3: ดูการวิเคราะห์อย่างละเอียดตามคำแนะนำข้างต้น

วิธีดูผลทำนายคะแนน IELTS Speaking, TOEFL, TOEIC, CEFR, PTE 

นอกจากคุณสมบัติประเมินการออกเสียงตาม IPA เหมือนกับ ELSA Speak ELSA SA ยังสามารถทำนายคะแนนสอบ IELTS Speaking, TOEFL, TOEIC, PTE, CEFR,…ได้อย่างแม่นยำ

เพราะ ELSA SA วิเคราะห์และประเมินการพูดของผู้ใช้ตามเกณฑ์การให้คะแนนของข้อสอบ

เกณฑ์การให้คะแนนของการสอบวัดระดับภาษาอังกฤษ

วิธีดูคะแนน IELTS Speaking, TOEFL, TOEIC, CEFR, PTE ที่ได้คาดหวังด้วย Speech Analyzer

ขั้นตอนภาพประกอบ
ขั้นตอนที่ 1: ไปที่ Recordings,  เลือก file การบันทึกเสียงที่คุณต้องการวิเคราะห์
ขั้นตอนที่ 2: ผลการวิเคราะห์จะปรากฏพร้อมกับคะแนนที่ทำนายในการสอบวัดระดับภาษาอังกฤษ เช่น IELTS Speaking, TOEFL, TOEIC, PTE, CEFR คลิกปุ่มปรัศนีเพื่อดูความหมายของคะแนนที่ได้คาดหวัง
ขั้นตอนที่ 3: อ่านและทำความเข้าใจความหมายของคะแนนที่ทำนาย
ขั้นตอนที่ 4: เลื่อนลง Your Score Breakdown เพื่อดูการประเมินทักษะการพูดตามเกณฑ์ 5 ข้อ ดังนี้:การออกเสียง (Pronunciation) น้ำเสียง (Intonation) ความคล่องแคล่ว (Fluency) หลักไวยากรณ์ (Grammar) และคำศัพท์ (Vocabulary)

วิธีทำข้อสอบ Speaking ภาษาอังกฤษแบบจำลอง

นอกจากการวิเคราะห์เสียงพูดอย่างเชิงลึก คุณยังสามารถทำข้อสอบกับ ELSA SA แบบจำลองเพื่อ ฝึกทดสอบ Speaking

วิธีทำ

ขั้นตอนภาพประกอบ
ขั้นตอนที่ 1: ด้านซ้ายของอินเทอร์เฟซหลักของ ELSA SA คลิก Guided Practice
ขั้นตอนที่ 2: ไปที่ Guided Practice เลือกแบบทดสอบที่เหมาะกับความต้องการ แล้วคลิก Startมีการทดสอบ 3 แบบให้เลือก ได้แก่:  Nail your interview (สัมภาษณ์งาน), Ace your English Test (ฝึก Speaking), Sound natural in English (ฝึกพูดเหมือนเจ้าของภาษา)
ขั้นตอนที่ 3: เลือกหัวข้อ (หรือใบรับรอง) ที่คุณต้องการ
ขั้นตอนที่ 4: เลือก part ที่คุณต้องการทดสอบ หรือ Full test
ขั้นตอนที่ 5: แบบทดสอบจะมีคำถาม 5 ข้อคลิกปุ่มไมโครโฟนสีฟ้าเพื่อเริ่มตอบคำถาม ระบบจะบันทึกเสียงและแสดง transcript ทันทีตอบคำถามทั้ง 5 ข้อและรับผลการประเมินจาก ELSA SA

สรุป 

ในบทความนี้ เราได้สัมผัสกับวิธีใช้คุณสมบัติของ ELSA Speech Analyzer “ผู้ช่วยที่ทรงพลัง” สำหรับผู้เรียนภาษาอังกฤษ อย่ารอช้า รีบลงทะเบียน ELSA Speech Analyzer เดี๋ยวนี้เลย

A, An, The หรือที่เรียกว่า “Articles” เป็นคำที่ใช้กันทั่วไปในภาษาอังกฤษ เราจะแยกแยะและเรียนรู้ว่า a an ใช้ยังไง มาหาคำตอบในบทความด้านล่างกับ ELSA Speak นะ

Articles คืออะไร?

A/An/The (Articles) คือคำนำหน้าคำนาม เพื่อระบุว่า คำนามนั้นเป็นวัตถุที่ชัดเจนหรือไม่ เฉพาะเจาะจงหรือทั่วไป A An The เป็นส่วนหนึ่งของคำคุณศัพท์และใช้เพื่อขยายคำนาม

ตัวอย่าง:

การจำแนก article ในภาษาอังกฤษ 

ในประโยคหรือย่อหน้า คํานําหน้านาม A – An – The มักปรากฏหน้าคำนามเพื่อระบุว่าคำนามนั้นหมายถึงสิ่งหรือวัตถุที่เฉพาะเจาะจงหรือทั่วไป โดยพื้นฐานแล้ว คํานําหน้านามเปรียบเสมือนบุพบทหรือคำสันธาน: กล่าวคือมีคุณค่าทางไวยากรณ์และไม่มีความหมายโดยอิสระเมื่ออยู่เดี่ยว ๆ

การจำแนก article ในภาษาอังกฤษ 

หลักการใช้ a an the ในภาษาอังกฤษ

a an the ใช้ยังไง: A และ An ใช้กับสิ่งหรือเหตุการณ์ที่ผู้ฟังยังไม่รู้จัก ส่วน The ใช้กับสิ่งที่ทั้งผู้พูดและผู้ฟังรู้จักอยู่แล้ว.

The ใช้ยังไง

“The” ใช้กับคำนามเฉพาะเจาะจง โดยก่อนหน้านี้ คำนามนั้นได้กล่าวถึงในประโยคหรือบริบทการสนทนาไปแล้ว ดังนั้น ทั้งผู้พูดและผู้ฟังจึงต่างเข้าใจว่า กำลังพูดถึงใครหรือสิ่งใดอยู่.

ตัวอย่าง:

“The” ใช้ในกรณีต่อไปนี้

ตัวอย่าง: Did you lock the car? ( คุณล็อครถหรือยัง)

→ ผู้ฟังรู้ว่าผู้พูดกำลังกล่าวถึง “the car” = your car/our car.

ตัวอย่าง: What did you do with the camera I lent you? ( คุณทำอะไรกับกล้องที่ฉันให้คุณยืม)

→ “the camera” ถูกระบุโดยอนุประโยค “I lent you”

ตัวอย่าง: Turn left here for the station.(ตรงนี้ เลี้ยวซ้ายจะไปถึงสถานี)

ตัวอย่าง: the earth (โลก), the sky (ท้องฟ้า), the sun (ดวงอาทิตย์)

ตัวอย่าง: the environment (สิ่งแวดล้อม ), the country (ประเทศ), the weather (อากาศ)

ตัวอย่าง: I am the tallest in my family. (ฉันเป็นคนที่สูงที่สุดในครอบครัว)

ตัวอย่าง: He was the first person I dated. (เขาเป็นคนแรกที่ฉันคบกัน)

ตัวอย่าง: The Beatles were an internationally famous British pop group. (Beatles เป็นวงดนตรีป๊อปอังกฤษที่มีชื่อเสียงระดับโลก)

ตัวอย่าง: The Johns have lived in this town for over 40 years (ครอบครัว Johns อาศัยอยู่ในเมืองนี้มานานกว่า 40 ปีแล้ว)

ตัวอย่าง: the rich (คนรวย), the old (ผู้อาวุโส), the poor (คนจน)

ตัวอย่าง: The tiger is in danger of becoming extinct (เสือกำลังเสี่ยงต่อการสูญพันธุ์)

A An ใช้ยังไง

ใช้ยังไง A

“A” นำหน้าคำนามที่ขึ้นต้นด้วยพยัญชนะ (ขึ้นอยู่กับการออกเสียง) นอกจากนี้ ในบางกรณี “a” ใช้กับคำนามที่ขึ้นต้นด้วย “u, y, h” อีกด้วย

ตัวอย่าง: A university (มหาวิทยาลัย); A union (องค์กร); A eulogy (คำสรรเสริญ)

ตัวอย่าง: a couple (คู่); a lot of (มากมาย)

ตัวอย่าง: a/one third (1/3); a/one fifth (1/5)

ตัวอย่าง: $5 a kilo (โลละ $5); 3 times a day (วันละ 3 ครั้ง)

ตัวอย่าง: A hundred (ร้อย); A thousand (พัน)

ใช้ยังไง An

“An” นำหน้าคำนามที่ขึ้นต้นด้วยสระ (u,e,o,a,i) ซึ่งขึ้นอยู่กับการออกเสียง ไม่ใช่การสะกดคำ

ตัวอย่าง:

นอกจากนี้ “an” ยังนำหน้าคำบางคำที่ขึ้นต้นด้วยอักษรเงียบในภาษาอังกฤษ เช่น an heir, an hour… หรือใช้กับตัวย่อ: An MSc ( มหาบัณฑิต 1 คน), an  S.O.S (สัญญาณขอความช่วยเหลือ )

An heir – ทายาท

An hour – หนึ่งชั่วโมง

An MSc – มหาบัณฑิต

An S.O.S – สัญญาณขอความช่วยเหลือ

หลักการใช้ a an the ในภาษาอังกฤษ

แยกแยะระหว่าง A, An กับ The

ชนิดของคํานําหน้านามวิธีใช้ลักษณะเฉพาะตัวอย่างความหมาย
A / Anกล่าวถึงวัตถุเป็นครั้งแรกในบทความกล่าวถึงวัตถุทั่วไปที่ไม่ได้ระบุใช้เฉพาะกับคำนามที่นับได้ หรือคํานามเอกพจน์There’s a rat in the kitchen. (มีหนูหนึ่งตัวอยู่ในครัว)ผู้ฟังยังไม่ได้เห็นหนู
Theหมายถึงวัตถุที่กล่าวถึงก่อนหน้านี้หมายถึงวัตถุที่ระบุเฉพาะเจาะจงใช้กับทั้งคำนามนับได้และคำนามนับไม่ได้Could you pass me the salt? (เอาเกลือมาให้ฉันหน่อยได้ไหม?)ทั้งผู้พูดและผู้ฟังรู้ว่าเกลือขวดไหน

>>> Read more:

กรณีที่ใช้ a an the ไม่ได้

นอกจากหลักการใช้ a an the ดังกล่าวข้างต้นแล้ว คุณต้องเหลีกเลี่ยงการใช้ a an the ในบางกรณีดังต่อไปนี้

กรณีที่ the ใช้ไม่ได้

ตัวอย่าง:

1. Elephants are intelligent animals. → ถูก

2. The elephants are intelligent animals.→ ผิด

(ช้างเป็นสัตว์ที่ฉลาด)

ตัวอย่าง:

1. He plays golf. → ถูก

2. He plays the golf. → ผิด

(เขาเล่นกอล์ฟ)

ตัวอย่าง

1. They have gone for lunch. → ถูก

2. They have gone for the lunch. → ผิด

(พวกเขาไปกินข้าวเที่ยงกันแล้ว)

ตัวอย่าง:

1. Korea is one of the countries that I want to visit. → ถูก

2. The Korea is one of the countries that I want to visit. → ผิด

(เกาหลีเป็นประเทศหนึ่งที่ฉันอยากไปเที่ยว)

ตัวอย่าง:

1. My friend just bought a new car.→ ถูก

2. My the friend just bought a new car.→ ผิด

(เพื่อนของฉันเพิ่งซื้อรถใหม่คันหนึ่ง)

กรณีที่ “a/an” ใช้ไม่ได้

“A/An” ไม่นำหน้าคำนามพหูพจน์หรือคำนามนับไม่ได้

ตัวอย่าง:

1. Birds are flying in the sky. → ถูก

2. A birds are flying in the sky. → ผิด

(นกบินอยู่บนท้องฟ้า)

“A/An” ไม่นำหน้ามื้ออาหาร เว้นแต่มีคำคุณศัพท์นำหน้า

ตัวอย่าง:

1. We have breakfast at eight. → ถูก

2. We have a breakfast at eight. → ผิด

(เรากินอาหารเช้าตอน 8 โมงเช้า)

“A/An” ไม่นำหน้าคำคุณศัพท์หรือคำสรรพนามแสดงความเป็นเจ้าของ ใช้โครงสร้าง “a…of mine/yours/hers,…”

ตัวอย่าง:

1. He is a friend of mine. → ถูก

2. He is a my friend. → ผิด

(เขาเป็นเพื่อนของฉัน)

ข้อผิดพลาดที่พบบ่อยเมื่อใช้คํานําหน้านาม

เมื่อเรียนรู้และใช้คํานํานหาในภาษาอังกฤษ ผู้เรียนมักทำผิดพลาดทั่วไปดังต่อไปนี้:

สับสยระหว่าง A กับ An

ทั้ง A และ An ใช้สำหรับคำนามนับได้เอกพจน์ แต่การเลือกใช้คำนำหน้านามขึ้นอยู่กับการออกเสียงของคำแรก ไม่ใช่ตัวอักษรตัวพิมพ์ใหญ่หรือตัวพิมพ์เล็ก::

ตัวอย่าง:

>>> Read more:

การละเว้นคัานําหน้าในวลีคำนามยาว

เมื่อใช้วลีคำนามที่ประกอบด้วยคำคุณศัพท์ + คำนาม ผู้เรียนบางครั้งอาจลืมเพิ่มคํานําหน้านามที่จำเป็น โดยเฉพาะกับวลีที่ยาวและซับซ้อน

ตัวอย่าง:

อย่าใช้คํานําหน้านาม The ก่อนสถานที่สาธารณะที่คุ้นเคย

สถานที่สาธารณะที่คุ้นเคยบางแห่งไม่จำเป็นต้องใช้ The เว้นแต่จะเน้นสถานที่ใดสถานที่หนึ่งโดยเฉพาะ.

ตัวอย่าง:

ใช้ The เมื่อพูดถึงทั้งกลุ่มโดยทั่วไป

เมื่อต้องการพูดถึงวัตถุทั้งหมดประเภทเดียวกันโดยทั่วไป คุณไม่ควรเพิ่มคําว่า The.

ตัวอย่าง:

สรุปวิธีใช้งาน a, an, the ที่ง่ายที่สุด

คํานําหน้านามใช้เมื่อเกณฑ์ตัวอย่าง
Aอ้างถึงวัตถุที่ไม่ได้ระบุ ซึ่งถูกกล่าวถึงเป็นครั้งแรกหน้าคำนามนับได้เอกพจน์ที่ขึ้นต้นด้วยพยัญชนะA cat (แมวหนึ่งตัว)
Anอ้างถึงวัตถุที่ไม่ได้ระบุ ซึ่งถูกกล่าวถึงเป็นครั้งแรกหน้าคำนามนับได้เอกพจน์ที่ขึ้นต้นด้วยสระ (u, e, o, a, i)An apple (แอปเปิ้ลหนึ่งลูก)
Theอ้างถึงวัตถุที่เจาะจง ระบุ หรือมีลักษณะเฉพาะ– ก่อนคำนามที่กล่าวถึง / พร้อมประโยคเฉพาะ
– ก่อนวิสามานยนาม (The sun, The earth)
– ก่อนคำนามพหูพจน์ กลุ่มบุคคล หรือสิ่งของทั่วไปที่ระบุไว้แล้ว
The book I bought yesterday (หนังสือที่ฉันซื้อเมื่อวาน)
The sun The rich (พระอาทิตย์ ผู้มั่งคั่ง)

หมายเหตุสำคัญ:

การใช้ a an the แบบฝึกหัด [มีคำตอบ] 

แบบฝึกหัด

เลือกคำตอบที่ถูกต้องแบบฝึกหัดที่

คำถามคำตอบ
1. Jackson wanted _____ new motorbike for Christmas. A. A
B. An
C. The
2. Mary tasted _____ birthday cake her sister had made.A. A
B. An
C. The
3. The children have _____ new teacher called Mrs. An.A. A
B. An
C. The
4. All students must obey _____ rulesA. A
B. An
C. The
5. He turned on _____ radio to listen to _____ newsA. A
B. An
C. The
6. Mai is in Boston studying for _____ MABA. A
B. An
C. The
7. The teacher read _____ interesting article from the book.A. A
B. An
C. The
8. There was _____ huge crowd of people outside the museum. A. A
B. An
C. The
9. Hung talked for _____ hour about his school projectA. A
B. An
C. The

แบบฝึกหัดที่ 1: 

1. A2. C3. A4. C5. C
6. B7. B8. A9. B

คำตอบ

 เติม a/an/the ลงในช่องว่าง

1. Can you recommend me … good restaurant?

2. I saw … accident this afternoon.

3. They live in the city. It is … most developed city in Vietnam.

4. This house is very large, do you have .. garden?

5. We ate dinner at … quality restaurant in the city.

6. There isn’t … airport near where I live. 

7. There are two bikes in the parking lot. …black one and a white one.

8. Let’s sit in … .garden.

แบบฝึกหัดที่ 2: 

1. a2. an3. the4. a
5. a6. an7. a8. the

คําถามที่พบบ่อย

a, an, the ใช้ยังไง?

วิธีการใช้ the?

an ใช้กับคํานามอะไร?

ใช้ก่อนคำนามนับได้เอกพจน์ที่ขึ้นต้นด้วยสระ (a, e, i, o, u) หมายเหตุ: ขึ้นอยู่กับการออกเสียง ไม่ใช่ตัวอักษรตัวแรก

>>> Read more:

บทความข้างต้นแนะนำความรู้และหลักการใช้ a, an, the ในภาษาอังกฤษ นอกจากนี้ คุณควรฝึกฝนเป็นประจำกับแอป ELSA Speak เพื่อการเรียนภาษาอังกฤษได้มีประสิทธิภาพ โดยตัวอย่างประโยคและบทสนทนาที่งายๆ คุณจะสื่อสารภาษาอังกฤษได้อย่างแม่นยำและสะสมคำศัพท์ได้มากยิ่งขึ้น

โดยเฉพาะ ELSA Speak เป็นแอปพลิเคชั่นฝึกพูดภาษาอังกฤษชั้นนำของโลก ที่สามารถจำรู้เสียงพูดและแก้ไขข้อผิดพลาดในการออกเสียงด้วยเทคโนโลยี A.I ผู้เรียนจะได้รับคำแนะนำให้แก้ไขข้อผิดพลาดในการออกเสียง รูปปาก วิธีหายใจออก และการวางลิ้นอีกด้วย

ELSA Speak จะช่วยพัฒนาทักษะภาษาอังกฤษอย่างครอบคลุม โดยเฉพาะทักษะการออกเสียง การฟัง  น้ำเสียง การสนทนา การเน้นเสียง…ปัจจุบัน ELSA Speak ได้ช่วยให้ผู้เรียน 40 ล้านคนพัฒนาทักษะภาษาอังกฤษได้ดีขึ้น 40% ด้วยการฝึกวันละ 10 นาที ลงทะเบียน ELSA Pro เพื่อพิชิตภาษาต่างประเทศตอนนี้เลย

ในภาษาอังกฤษ นอกจากคำศัพท์ที่เป็นคำเดี่ยว ยังมี collocation – วลีอีกด้วย  การใช้ collocation ได้อย่างถูกต้องและหยืดหยุ่นจะช่วยให้สามารถใช้ภาษาได้อย่างคล่องแคล่วและเป็นธรรมชาติ บทความนี้จะแนะนำให้ทุกคนเกี่ยวกับ collocations คือ อะไร collocation 7 ประเภท collocation 180 ภาษาอังกฤษคำที่ใช้กันทั่วไปเพื่อช่วยผู้เรียนจดจำคำได้อย่างรวดเร็ว

Collocations คือ อะไร

ตามพจนานุกรม Oxford: Collocation แปลว่า “a combination of words in a language that happens very often and more frequently than would happen by chance” – การรวมคำและคำอย่างสม่ำเสมอในภาษาใดภาษาหนึ่ง 

ตามพจนานุกรม Cambridge: Collocation แปลว่า “a word or phrase that is often used with another word or phrase, in a way that sounds correct to people who have spoken the language all their lives, but might not be expected from the meaning” – คำหรือวลีที่มักใช้กับคำหรือวลีอื่นๆ ตามวิธีใช้ของเจ้าของภาษา อย่างไรก็ตาม ความหมายของวลีนี้ไม่อาจอนุมานได้จากความหมายของคำแต่ละคำเดียว

ดังนั้น collocation คือการนำคำมารวมกันเป็นวลีตามกิจวัตรของเจ้าของภาษา จริงๆ แล้วในแต่ละภาษาต่างมีระบบ collocation ที่แตกต่างกัน

คนไทยมักใช้วลี “เสือคำราม” หรือ “ลิงร้อง” เพื่อเรียกสัตว์เหล่านี้ส่งเสียงแทน “เสือร้อง” “ลิงคำราม”

ในภาษาอังกฤิษก็เหมือนกัน มีหลายคำที่มารวมกันเป็นวลีเพื่อแสดงความหมายอย่างใดอย่างหนึ่ง

ตัวอย่าง

ในการสื่อสาร ผู้เรียนใช้ “yellow hair” หรือ “strong rain” ก็สามารถสื่อความหมายบางส่วนต่อเจ้าของภาษาได้

อย่างไรก็ตาม การใช้ภาษาแบบนี้จะไม่เป็นธรรมชาติ และในบางกรณีอาจทำให้ผู้ฟังเข้าใจผิดได้

Collocation 7 ประเภทที่ใช้กันทั่วไป

Adjective + Noun (คำคุณศัพท์ + คำนาม)

ตัวอย่าง

Adverb + Adjective (คำวิเศษณ์ + คำคุณศัพท์)

ตัวอย่าง

Noun + Noun (นามวลี)

ตัวอย่าง

collocations คือ

Noun + Verb (คำนาม + กริยา)

ตัวอย่าง

Adverb + Verb (คำวิเศษณ์ + กริยา)

ตัวอย่าง

Verb + Noun (กริยา + คำนาม)

ตัวอย่าง

Verb + Expression with preposition (กริยา + คำบุพบท)

ตัวอย่าง

Collocation 180 ภาษาอังกฤษคำที่ใช้กันทั่วไป 

* Collocation Take

Collocation takeตัวอย่าง
Take a breakShe wants people to take a break once a week.
(เธออยากให้ทุกคนได้พักผ่อนสัปดาห์ละหนึ่งครั้ง)
Take a breakSo finally I decide to take a chance.
(ในที่สุด ฉันตัดสินใจจะจับโอกาสนี้)
Take a lookLet’s take a look at those doors on the third floor.
(ฉันไปดูประตูชั้นสามสักหน่อย)
Take a taxiTake a taxi for about 20 minutes.
(นั่งแท็กซี่ประมาณ 20 นาที)
Take a seatTake a seat here at A12.
(นั่งตรงที่ A12)
Take an examThey can also take an exam to check their level.
(พวกเขาสามารถทำการทดสอบเพื่อตรวจระดับของตนได้)

* Collocation Do

collocations คือ collocation with DO

* Collocation Have

Collocation haveตัวอย่าง
Have a bathMake your cat have a bath, at least twice a month.
(อาบน้ำให้แมวเป็นประจำ อย่างน้อยเดือนละสองครั้ง)
Have a good timeDon’t worry, you will still have a good time in Ha Noi
(ไม่ต้องกังวล คุณจะมีช่วงเวลาที่ดีในฮานอย)
Have a problemWhat do you do when you have a problem on Tiktok?
(เมื่อประสบปัญหาบน Tiktok คุณจะทำอย่างไร )
Have a restYou will have a rest at my home.
(คุณจะพักผ่อนที่บ้านของฉัน.)
Have a holidayLan has rarely had a holiday.
(Lan ไม่ค่อยมีวันหยุด)
Have lunchI always have lunch with my father on Sundays.
(ฉันกินข้าวเที่ยงกับพ่อทุกวันอาทิตย์

* Collocation Pay

Collocation payตัวอย่าง
Pay a fineShe also must pay a fine of $500.
(เธอก็ต้องจ่ายค่าปรับ ๕๐๐ USD)
Pay by credit cardCan I pay by credit card in Laos?
(ฉันสามารถจ่ายเงินด้วยบัตรเครดิตในประเทศลาวได้หรือปล่าว)
Pay interestYou pay interest every 2 months.
(คุณต้องจ่ายดอกเบี้ยทุกๆ 2 เดือน)
Pay your respectsPaying your respects to someone who has died.
(แสดงความเคารพต่อผู้ที่เสียชีวิตไปแล้ว)
Pay the billWe finished our food, payed the bill and go home.
(เรากินอาหารเสร็จ จ่ายเงิน และกลับบ้าน)

* Collocation Come

Collocation comeตัวอย่าง
Come directThe traffic that comes direct to my Fanpage is real and valid.
(ปริมาณการเข้าชม Fanpage ของฉันนั้นมีจริงและมีคุณภาพด้วย)
Come to an endAcknowledge that your relationship has come to an end.
(ยอมรับว่าความสัมพันธ์ของคุณจบลงแล้ว)
Come lateIf I come late, my boss won’t be happy.
(ถ้าฉันมาสาย เจ้านายของฉันจะไม่พอใจ)
Come on timeThe train doesn’t always come on time.
(รถไฟไม่ได้มาถึงตรงเวลาเสมอ)
Come to a decisionWe quickly came to a decision in those 5 minutes.
(เรารีบตัดสินใจภายใน 5 นาที)
collocations คือ collocation with COME

วิธีเรียน collocation อย่างมีประสิทธิภาพ

ขั้นตอน เนื้อหา
ขั้นตอนที่ ๑เตรียม collocation ที่ต้องเรียน – รวบรวมวลีเหล่านี้ตามหัวข้อหรือลักษณะทั่วไป ผู้เรียนควรเลือกเรียน collocation ๘ – ๒๐ คำแต่ละครั้ง หลีกเลี่ยงการเรียนความรู้ใหม่มากเกินไปในเวลาเดียวกัน ส่งผลให้ประสิทธิภาพในการจำคำศัพท์ลดลง
ขั้นตอนที่ ๒สร้างบริบท – เราสามารถสร้างเรื่องใดเรื่องหนึ่งโดยใช้ collocation ทั้งหมดได้ ทำให้เกิดจุดร่วมในการจดจำ
ขั้นตอนที่ ๓ทำซ้ำข้อมูล – ทำซ้ำ collocation เหล่านี้เมื่อบริบทเหมาะสม

วิธีสร้างบริบท collocation ดังนี้ 

เมื่ออยากจำคำ “comparison” – การเบียบเทียบ ผู้เรียนได้ประยุกต์ใช้วิธีนี้โดยใส่คำศัพท์ในบริบท: “The performance of new employees is examined by comparison.” (ผลการปฏิบัติงานของพนักงานใหม่ได้ตรวจสอบโดยการเปรียบเทียบ)

ตัวอย่าง

บริบท: The teacher draws a comparison between the two concepts after evaluating them.

ครูอนุมานได้การเปรียบเทียบระหว่างสองนิยามหลังจากประเมินแล้ว

บริบท: In comparison with other candidates, she was very good  (ถ้าเบียบเทียบกับผู้สมัครคนอื่น ๆ เธอเก่งมาก)

บริบท: The education system bears/stands no comparison with (= is not as good as) that in many Asian countries.

ระบบการศึกษานี้เทียบไม่ได้กับระบบของทั้งหลายประเทศในเอเชีย

หนังสือเรียน collocation ที่จำเป็น

Oxford Collocation Dictionary

Oxford Collocation Dictionary

พจนานุกรมเล่มนี้ไม่ใช้แค่เหมาะสำหรับผู้เรียน IELTS เท่านั้น แต่ยังเหมาะกับผู้เรียนภาษาอังกฤษทั่วไปด้วย Collocation มีความหมายชัดเจนและมีตัวอย่างให้ผู้เรียนสามารถจินตนาได้ตามบริบท

อย่างไรก็ตาม ในพจนานุกรม Collocation จะได้จัดระเบียบตามลำดับตัวอักษร ผู้เรียนจึงต้องค้นหาและรวบรวม collocation ที่ต้องการ

English Collocations In Use

English Collocations In Use

การแสดงความคิดเห็นจากภาษาไทยเป็นภาษาอังกฤษไม่ใช่เพียงแค่การแปลแต่ละคำตามตัวอักษรและรวมคำเหล่านั้นด้วยกันเป็นประโยค

หลังจากเข้าใจอย่างชัดเจนว่า collocation คืออะไร ผู้เรียนจึงต้องค้นหา ประยุกต์ และปรับปรุงได้  “English Collocations In Use” เป็นเอกสารที่น่าเชื่อจากสำนักพิมพ์มหาวิทยาลัย Cambridge ซึ่งมีประโยชน์สำหรับการเรียน collocation

ชุดหนังสือ Understanding Vocab for IELTS Speaking & Writing

Understanding Vocab for IELTS Speaking & Writing

ชุดหนังสือสองเล่มนี้ไม่ใช่แค่ให้คำศัพท์เท่านั้น แต่ยังให้  collocation, idioms ตามหัวข้อทั่วไป ๑๖ หัวข้อในการสอบ IELTS Speaking และ Writing.

นอกจากนี้ หนังสือชุดนี้ใช้วิธี Context Exploring – การเรียนรู้คำศัพท์ตามบริบท ช่วยให้ผู้เรียนเข้าใจและประยุกต์คำศัพท์ในสถานการณ์ต่างๆ

ในที่สุด ผู้เรียนจะใช้คำศัพท์เหล่านี้เพื่อตอบคำถามในการสอบ IELTS และได้อ้างอิงข้อเสนอของหนังสือ

แบบฝึกหัด collocation ตามบริบท

แบบฝึกหัดที่ ๑

จากบริบทที่ได้กำหนด โปรดเดาความหมายของ collocation ด้านล่าง 

After graduating, I started my career by doing an internship at a start-up company to acquire experience. Although I only earned a minimum wage, I had a chance to put my knowledge gained during university into practice. After finishing the 6-month-internship, the company offer me an official position in the organization due to my excellent performance. But for me, perhaps the most important factor when choosing a job was the promotion opportunity. And I failed to see that in this company. As a result, I turned down the offer and applied for another job. It was true that people with good qualifications and experience usually had the best job prospects. Because I had both, I was able to get a job with a more competitive salary and generous benefits. The most tempting offer was from an investment bank and I accepted it. It was a high-pressure environment, but I felt motivated and I did very well. The high salary was not the most crucial factor in my job satisfaction. As an ambitious person, I always found a chance to move up the career ladder. However, after 7 years of hard working, I had a change of heart. I realised I’d stopped enjoying the excitement and the job wasn’t fulfilling anymore. Consequently, I handed in my resignation and now I’m running my own business. Despite the huge amount of workload, I’m blissfully happy because I don’t have to work under anyone’s supervisor. 

  1. Doing an internship 
  2. Acquire experience 
  3. Put knowledge gained into practice
  4. Promotion opportunity
  5. Job prospects
  6. Competitive salary
  7. Generous benefits
  8. Job satisfaction
  9. Move up the career ladder
  10. Fulfilling job
  11. Run my own business

คำตอบ

collocations คือ
  1. Doing an internship – ฝึกงาน
  2. Acquire experience – ประสบการณ์ที่ได้รับ
  3. Put knowledge gained into practice – นำความรู้ที่เรียนมาประยุกต์ใช้จริง
  4. Promotion opportunity – โอกาสในการก้าวขึ้นบันไดอาชีพ
  5. Job prospects – โอกาสในการทำงาน
  6. Competitive salary- เงินเดือนที่แข่งขันได้
  7. Generous benefits – ประโยชน์มากมาย
  8. Job satisfaction  – ความพึงพอใจในงาน
  9. Move up the career ladder  – ก้าวขึ้นบันไดอาชีพ
  10. Fulfilling job – งานที่คุ้มค่า
  11. Run my own business – ดำเนินธุรกิจของตัวเอง

แบบฝึกหัดที่

ใช้  collocation ในแบบฝึกหัดที่  ๑ ลงในบริบทที่ถูกต้อง

1. The company offers … including health insurance, discounts and a company car for employees.

(ทางบริษัทเสนอ…รวมทั้ง ประกันสุขภาพ ส่วนลด และรถบริษัทสำหรับพนักงาน)

2. Some high school graduates take a gap year to  … working in a chosen profession before entering university.

(ผู้สำเร็จการศึกษาระดับมัธยมปลายบางคนใช้เวลาหนึ่งปีเพื่อ… ทำงานในอาชีพใดอาชีพหนึ่งก่อนที่เข้ามหาวิทยาลัย)

3. I want to startup when I graduate from university, so I could take control and …

(ฉันอยากเริ่มต้นธุรกิจเมื่อเรียนจบมหาวิทยาลัย เพราะฉันสามารถเป็นเจ้าของและ…)

4. The boss will retire soon, so anyone who is hard working and competitive will have a good … in the future.

(เจ้านายจะเกาียณในไม่ช้า ดังนั้นใครที่ทำงานขยันและแข่งขันได้จะมี…ในอนาคต.)

5. Ambitious employees always look for a job in which there is a chance to …

(คนที่มีความทะเยอทะยานมักจะค้นหางานที่มีโอกาส …)

6. Senior students have to … for at least 3 months to gain experience before graduating from university.

(นักศึกษาชั้นปีสุดท้ายจะต้อง … อย่างน้อย ๓ เดือนเพื่อได้รับประสบการณ์ก่อนที่เรียนจบมหาวิทยาลัย)

7. Companies with high levels of … tend to have higher profitability and productivity.

(บริษัทที่มีอัตรา … สูง มักจะมีผลกำไรและมีผลิตภาพแรงงานสูง.)

8. The organization offered a … of 1000$ to attract talent for the company.

(องค์กรเสนอ…1,000$ เพื่อดึงดูดผู้มีความสามารถมาทำงานที่บริษัท)

9. Vocational training courses enable students to … during their studies …

(หลักสูตรการฝึกอบรมวิชาชีพช่วยให้นักเรียน… ได้รับในการศึกษา…)

10. Being a doctor means working under huge pressure, but it’s still a … because you can help a lot of people.

(หมอต้องทำงานด้วยความกดดันที่ยิ่งใหญ่ อย่างไรก็ตาม นี่ก็คือ … เพราะคุณสามารถช่วยเหลือผู้คนได้มากมาย)

11. Learning a new language can improve your …

(การเรียนภาษาใหม่สามารถพัฒนา…ของคุณ.)

คำตอบ

  1. Generous benefits
  2. Acquire experience
  3. Run my own business
  4. Promotion opportunity 
  5. Move up the career ladder
  6. Do an internship
  7. Job satisfaction
  8. Competitive salary
  9. Put knowledge gained … into practice
  10. Fulfilling job
  11. Job prospect
คนวัยทำงานยังเรียนภาษาอังกฤษได้อย่างดี

แบบฝึกหัดที่ ๓

ใช้ collocation ข้างต้นเพื่อตอบคำถามต่อไปนี้

IELTS Speaking part 1:

IELTS Speaking part 3:

ใช้การจัดวางที่ได้เรียนเพื่อขยายหัวข้อต่อไปนี้:

คำตอบ

ขอแนะนำวิธีใช้ collocation เพื่อตอบคำถามข้างต้น:

Well, I guess that I’m really fond of it because it is such a fulfilling job. Although I have to work under huge pressure, I have a chance to put my knowledge gained during university into practice to acquire experience.

As far as I’m concerned, people tend to gravitate towards a job with a competitive salary and generous benefits. But in the long run, spending so much time and effort doing work that does not make you feel satisfied or enjoy can have negative effects such as stress and anxiety on your overall being. In my opinion, although it’s of great importance to make a living and support your family, people should also consider job satisfaction when embarking on a career.

Well, I used to be a full-time employee and felt very stressful. To be specific, most of the time, I had a hectic schedule & was up to ears in heavy workloads to meet deadlines. Therefore, although running my own business is really challenging, I do feel far more comfortable with it. 

สรุป

สรุปว่าการเข้าใจ collocations คือ อะไรและ การใช้ collocation ได้อถูกต้อง เป็นส่วนสำคํญในการพัฒนาทักษะภาษาอังกฤษ และจะช่วยให้คุณได้คะแนนสูงในการสอบ IELTS โดยการใช้ collocation อย่างยืดหยู่นจะช่วยผู้เรียนสามารถใช้ภาษอังกฤษเหมือนเจ้าของภาษา เพิ่มประสิทธิภาพในการแสดงความคิดเห็น รวมถึงสื่อสารข้อมูลได้รวดเร็วและแม่นยำยิ่งขึ้น

การเรียนการสื่อสารภาษาอังกฤษ ไม่ใช่แค่การเรียนคำศัพท์และหลักไวยากรณ์เท่านั้น แต่ต้องเรียนวิธีการสื่อสารและมีความมั่นใจในการสื่อสารอีกด้วย  มาดู ประโยคภาษาอังกฤษในชีวิตประจําวัน กับ ELSA Speak  นะคะ

ประโยคถามทางภาษาอังกฤษ

เมื่อเดินทางไปที่ต่างประเทศ คุณอาจจะสับสนในการค้นหาสถานที่ หาที่กิน หาศูนย์บันเทิง ฯลฯ หรือคุณอาจเจอชาวต่างชาติถามทางที่ไทย เมื่อนั้น คุณต้อง พูดภาษาอังกฤษ เพื่อชี้ทางหรือถามทางแน่นอน ด้านล่างนี้คือ ประโยคภาษาอังกฤษในชีวิตประจําวัน เกี่ยวกับการถามทางเพื่อช่วยให้คุณมั่นใจในการสื่อสารมากขึ้น

ภาษาอังกฤษภาษาไทย
Where are you exactly?คุณอยู่ที่ไหนกันแน่
Will you be coming by car, bus or by train?คุณจะนั่งรถยนต์ รถบัส หรือรถไฟคะ
It’s much easier if you take a taxi.นั่งแท็กซี่จะดีกว่า
Which hotel/homestay/apartment are you staying at?คุณจะพักที่โรงแรม/โฮมสเตย์/อพาร์ตเมนต์ไหน
We’re not far from… / We’re quite close to…เราอยู่ไม่ไกล… / เราอยู่ค่อนข้างใกล้…
It’s about a mile / kilometer / meter / two blocks from…ประมาณหนึ่งไมล์ / กิโลเมตร / เมตร / สองช่วงตึกจาก…
We’re opposite / next to / in front of / across the road from / round the corner from the hotel.เราอยู่ตรงข้าม / ติดกับ / ข้างหน้า / ข้ามถนน / หัวมุมจากโรงแรม
Can you tell me the best way of getting to your office/hotel?ขอชี้ทางที่ดีที่สุดไปสำนักงาน/โรงแรมของคุณหน่อยได้ไหม
How do I get to your office/hotel?ฉันจะไปสำนักงาน/โรงแรมของคุณได้อย่างไร
What’s the quickest way of getting to your office/hotel?ไปสำนักงาน/โรงแรมของคุณอย่างไรได้เร็วที่สุด

>>> Read more

ประโยคภาษาอังกฤษในชีวิตประจำวัน

ภาษาอังกฤษภาษาไทย
Absolutely!แน่นอนค่ะ
Of course!แน่นอน
Right on! (Great!)ถูกต้อง
Ask for it!แส่หาเรื่อง/เอามือไปซุกหีบ
Come here!มานี่สิ
Come over!มาเยี่ยมนะ
Do as I say!ทำอย่างที่ฉันพูด
Don’t go yet.อย่าเพิ่งไปนะ
Don’t peep!ห้ามแอบดู
Explain to me why.อธิบายให้ฉันว่าทำไม
Go for it!เอาเลย
How come?ทำไมล่ะ
How cute!น่ารักจัง
I can’t say for sure.ฉันไม่แน่นอน
I did it! (I made it!)ฉันทำได้แล้ว
I got it!ฉันเข้าใจแล้ว
I guess so.ฉันเดาอย่างนี้
I know I can count on you.ฉันรู้ว่าฉันสามารถพึ่งพาคุณได้
I won’t take but a minute.ใช้เวลาไม่นานนัก
In the nick of time.ทันเวลาพอดี
Is that so?จริงเหรอ
ประโยคภาษาอังกฤษในชีวิตประจําวัน
None of your business!ไม่ใช่เรื่องของคุณ
Poor you!น่าสงสาร
There’s no way to know.ไม่มีทางรู้ได้เลย
Have you seen Tom?คุณพบ Tom ใหม
So we’ve met again, eh?เราได้เจอกันอีกแล้วใช่ไหม
That’s a lie!โกหก
This is the limit!พอแล้ว
This is too good to be true.ไม่น่าเชื่อเลย
What a jerk!งี่เง่าซะจริง
What a relief!โล่งอกไปที
You better believe it.เป็นจริงอย่างไม่ต้องสงสัย
You’re a lifesaver.คุณเป็นผู้ช่วยชีวิต
Almost!เกือบเสร็จแล้ว
Be good!ดี
Be my guest.ตามสบายนะ
Bored to death.เบื่อมาก
Bottoms up.หมดแก้วเลย 
Can you show me?คุณแสดงให้ฉันดูหน่อยได้ไหม
Congratulations!ยินดีด้วย
Definitely!ถูกต้อง
Discourage me much.ฉันรู้สึกท้อมาก
Don’t make fun of me anymoreอย่าล้อเล่นฉันอีกนะ
Don’t mention it! / Not at allไม่เป็นไรค่ะ
Enjoy your meal!ทานอร่อยนะ
Excuse me, what did you say?ขอโทษค่ะ คุณพูดอะไรคะ
Give me a certain time.ให้เวลาฉันอีกสักหน่อย
Good job! / Well done!ดีมาก
Hit it off!ถูกชะตากัน
Here we go!ไปเถอ
It’s a kind of once-in-life.โอกาสที่หายาก
ประโยคภาษาอังกฤษในชีวิตประจําวัน

สำนวนภาษาอังกฤษ

ภาษาไทยมีสำนวนจำนวนมาก ภาษาอังกฤษก็เช่นกัน มารวบรวมความรู้เกี่ยวกับ การสื่อสารภาษาอังกฤษ ด้วยกันนะ

ภาษาอังกฤษภาษาไทย
Beggars can’t be choosers!ขอทานจะช่างเลือกได้อย่างไร
Love me love my dog.รักฉันจริงๆ ต้องยอมรับข้อเสีย ยอมรับทุกอย่างในตัวฉันให้ได้นะ
Hit or miss.อย่างไม่ระมัดระวัง อย่างไร้ทิศทาง
Add fuel to the fire.ทำให้สถานการณ์เลวร้ายยิ่งขึ้น
To eat well and can dress beautifully.หมายความว่าใช้ชีวิตอย่างมีความสุขและสบายๆ โดยไม่ต้องทำงานหนัก
No business is a success from the beginning.หมายความว่าเมื่อเริ่มต้นทำสิ่งใด คุณจะต้องเผชิญกับความยากลำบาก
Take as it comes.สิ่งที่มาเป็นสิ่ที่ต้องมา
Stop living in the past.อย่าอยู่ในอดีตอีกต่อไป
Women love through ears, while men love through eyes!ผู้หญิงตกหลุมรักทางหู ผู้ชายตกหลุมรักทางตา 
Don’t miss the boat.อย่าพลาดโอกาส
Time and tide wait for no man.เวลาไม่เคยรอคอยใคร
Always the same.เหมือนเดิมตลอด
Like father like son.ลูกไม้หล่นไม่ไกลต้น
สำนวนภาษาอังกฤษ Women love through ears, while men love through eyes!

ประโยคใช้ในกรณีฉุกเฉิน

ในกรณีฉุกเฉิน คุณสามารถใช้ ประโยคภาษาอังกฤษในชีวิตประจําวัน ต่อไปนี้:

ภาษาอังกฤษภาษาไทย
Help me!ช่วยด้วย
Be careful!ระวังหน่อย
Look out! Or watch out!ระวังหน่อย
Please help me!ช่วยฉันด้วย
Medical emergencies.เหตุฉุกเฉินทางการแพทย์
Call an ambulance!โทรหารถพยาบาล
I need a doctor.ฉันต้องพบหมอ
There’s been an accident.มีอุบัติเหตุเกิดขึ้น
Please hurry!รีบๆ หน่อย
I’ve cut myself.ฉันกรีดมือตัวเอง
I’ve burnt myself.ฉันถูกแผดเผา
Are you OK?คุณโอเคไหม
Is everyone OK?ทุกคนโอเคไหม
ประโยคภาษาอังกฤษในชีวิตประจําวัน

บทความข้างต้นรวบรวม ประโยคภาษาอังกฤษในชีวิตประจำวัน เพื่อถามทางและใช้ในกรณีฉุกเฉิน หากคุณต้องการเรียน การออกเสียงภาษาอังกฤษสากล ดาวน์โหลด ELSA Speak เพื่อฝึกการออกเสียงและการสื่อสารได้ดีขึ้นนะ

หลักการเติม ing เป็นหนึ่งในหลักไวยากรณ์ที่สำคัญและใช้กันทั่วไปในภาษาอังกฤษ  ปกติ เราแค่เติม ing ท้ายคำกริยาเท่านั้น  อย่างไรก็ตาม คำกริยาที่ต่างกันจะมีหลักการเติม ing ไม่เหมือนกัน  ต้องเติม ing เมื่อไหร่ หลักการเติม ing เป็นอย่างไร be going to ใช้ยังไง  บทความด้านล่างนี้ของ ELSA Speak  จะช่วยคุณรู้จักหลักการเติม ing และกรณีที่ต้องใช้ ing ในภาษาอังกฤษ

กรณีการเติม “ing” หลังคำกริยา

การใช้ในกาลต่อเนื่อง

การผันคำกริยาตาม Continuous tenses เช่น คำกริยา present continuous tenses, present perfect continuous tenses, past continuous tenses, past perfect continuous tenses, future continuous tenses, future perfect continuous tenses.

ตัวย่าง:

>>> Read more

คำคุณศัพท์

คำกริยาบางคำเมื่อต่อท้ายด้วย -ing จะกลายเป็นคำคุณศัพท์ ใช้เพื่อบรรยายลักษณะหรือคุณสมบัติของสิ่งของหรือเหตุการณ์นั้น ๆ

ตัวอย่าง: The movie is interesting. (ภาพยนตร์เรื่องนี้น่าสนใจมากเลยครับ / ค่ะ.)

คำบุพบท

ตัวอย่าง: He learned English by listening to the radio. (เขาเรียนภาษาอังกฤษโดยการฟังวิทยุ)

ตัวอย่าง: Before leaving he said goodbye to everyone. (ก่อนจะออกไป เขาได้กล่าวลาทุกคนแล้ว)

>>> Read more: Adjective คืออะไรและต้องใช้อย่างไรในภาษาอังกฤษ

กริยานาม (Gerund)

คำกริยาบางคำมักใช้พร้อมกับ V-ing เช่น: keep, finish, avoid, enjoy, love, hate, can’t stand, can’t bear, can’t help, used to, keen on, acknowledge, delay, recall, resend, …

ตัวอย่าง:

หลักการเติม ing

กฎการเติม “ing” ในภาษาอังกฤษ

หลักการทั่วไป

ผู้เรียนจำเป็นต้องเติมคำต่อท้าย “ing” หลังคำกริยา ซึ่งเป็นกฎที่ใช้ทั่วไปกับคำกริยาส่วนใหญ่ในภาษาอังกฤษ

ตัวอย่าง: 

คำกริยาที่ลงท้ายด้วย “e”

เมื่อพยัญชนะตัวสุดท้ายของคำกริยาเป็นตัวอักษร “e” ผู้เรียนเพียงแค่ตัดตัว “e” ออกแล้วเติมคำต่อท้าย “ing”

ตัวอย่าง: 

คำกริยาที่ลงท้ายด้วย “ee”

เมื่อคำกริยาลงท้ายด้วยตัวอักษร “ee” สองตัว ผู้เรียนให้เติมคำต่อท้าย “ing” ตามกฎทั่วไปได้เลย

หมายถึง คำกริยา + ing

ตัวอย่าง:

>>> Read more

คำกริยาที่ลงท้ายด้วย “ie”

เมื่อคำกริยาลงท้ายด้วย “ie” ผู้เรียนต้องเปลี่ยน “ie” เป็น “y” แล้วจึงเติมคำต่อท้าย “ing” 

ตัวอย่าง:

คำกริยาที่ลงท้ายด้วย “c”

นี่เป็นกฎพิเศษที่พบไม่บ่อยนัก เมื่อคำกริยาลงท้ายด้วยตัวอักษร “c” ผู้เรียนต้องเติมตัว “k” ก่อน แล้วจึงเติมคำต่อท้าย “ing”

ตัวอย่าง: 

กฎที่เกี่ยวข้องกับสระและพยัญชนะตัวสุดท้าย

ตัวอย่าง: run → running , sit → sitting , swim → swimming , get → getting , stop → stopping

ตัวอย่าง: forget → forgetting, prefer → preferring

ตัวอย่าง: ski → skiing, dye → dyeing

การเรียนรู้วิธีออกเสียงคำที่มี “ing” ต่อท้าย

เมื่อเติม -ing ต่อท้ายคำกริยา การออกเสียงของคำจะเปลี่ยนไปที่เสียงท้าย -ing รายละเอียดการออกเสียงมีดังนี้:

ตัวอย่าง:

ข้อสังเกตเมื่อออกเสียง ing

แบบฝึกหัดเกี่ยวกับ หลัการเติม ing ท้ายคำกริยา

เพิ่ม “ing” ให้คำกริยาต่อไปนี้

1. Travel2. Shop3. Throw4. Occur5. Have
6. Hit7. Visit8. Lie9. Forget10. Pay

คำตอบ

1. Travelling (อังกฤษ-อังกฤษ), Traveling (อังกฤษ-อเมริกัน) (กรณีที่ 5)6. Hitting (กรณีที่ 2)
2. Shopping (กรณีที่ 2)7. Visiting (กรณีที่ 3)
3. Throwing (ข้อสังเกตในกรณีที่ 2)8. Lying (กรณีที่ 6)
4. Occurring (กรณีที่ 4)9. Forgetting (กรณีที่ 4)
5. Having (กรณีที่ 1)10. Paying (กรณีที่ 7)

>>> Read more

คำถามที่พบบ่อย 

หลักการเติม ing ในภาษาอังกฤษคือ?

คำต่อท้าย -ing คืออะไร?

คำต่อท้าย -ing มักใช้เพื่อสร้างรูปของ กริยานาม (gerund), กริยาช่องปัจจุบัน (present participle) หรือใช้เป็น คำคุณศัพท์

มีหมายเหตุอะไรบ้างเมื่อเติม – ing หลังคำกริยา?

เมื่อเติมคำต่อท้าย -ing หลังคำกริยา ควรสังเกตกรณีพิเศษดังนี้:

สามารถยกตัวอย่างคำศัพท์ที่เป็นคำกริยาเติม -ing ได้ไหม?

ตัวอย่างที่พบบ่อย ได้แก่:: 

การเข้าใจหลักการเติม ing หลังคำกริยาอย่างถ่องแท้ ไม่เพียงช่วยให้คุณเขียนได้ถูกต้องตามหลักไวยากรณ์ แต่ยังช่วยเพิ่มความมั่นใจในการสื่อสารภาษาอังกฤษในชีวิตประจำวันอีกด้วย อย่างไรก็ตาม เพื่อให้จดจำได้นานและนำไปใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ คุณควรฝึกฝนทั้ง การออกเสียงและจังหวะเสียง ควบคู่ไปกับการเรียนทฤษฎี ELSA Speak ถือเป็นเครื่องช่วยที่ยอดเยี่ยม ที่จะช่วยให้คุณฝึกพูดภาษาอังกฤษได้อย่างแม่นยำเหมือนเจ้าของภาษา พัฒนาทักษะการฟัง–พูด และทำให้คุณสามารถใช้ภาษาได้อย่างเป็นธรรมชาติมากยิ่งขึ้น