Author: [email protected]

Because of, Because และ So ล้วนได้ใช้ในประโยคที่ซับซ้อนเพื่อแสดงความสัมพันธ์ระหว่างเหตุและผล อย่างไรก็ตาม การใช้งานยังมีจุดต่างๆ มากมายที่ผู้เรียนภาษาอังกฤษต้องทราบเพื่อสามารถใช้งานได้ถูกต้อง

ถัดจากบทความเกี่ยวกับคำสันธานภาษาอังกฤษ (Despite, In spite of…) วันนี้ ELSA Speak จะแชร์วิธีแยกแยะคำสันธานสองคำเหล่านี้ ซึ่งมักทำให้ผู้เรียนเกิดความสับสน: So, Because และ Because of มาเริ่มกันเลย!

เรียนภาษาอังกฤษด้วยแอป ELSA Speak ดีหรือไม่

ความหมาย หน้าที่ และการใช้ Because of, So และ Because

โดยทั่วไปแล้ว ทั้ง So, Because และ Because of ล้วนได้ใช้ในประโยคที่ซับซ้อนเพื่อแสดงความสัมพันธ์ระหว่างเหตุและผล อย่างไรก็ตามมีข้อแตกต่างดังนี้

ตัวอย่าง:

(1) Yesterday, Because it rained, we didn’t go camping.

⟶ เนื่องจากเมื่อวานฝนตก พวกเราเลยไม่ได้ไปแค้มปิ้ง

(2) Yesterday, Because of the rain, we didn’t go camping.

⟶ เมื่อวานเนื่องจากฝนตก พวกเราเลยไม่ได้ไปแค้มปิ้ง

(3) Yesterday, it rained, So we didn’t go camping.

⟶ เนื่องจากฝนตกเมื่อวาน ดังนั้นพวกเราไม่ได้ไปแค้มปิ้ง

การวิเคราะห์: ทั้งสามประโยคด้านบนอธิบายเนื้อหาเดียวกันและแสดงความสัมพันธ์เชิงเหตุและผลระหว่าง “ฝนตก” และ “ไม่ได้ไปแค้มปิ้ง” อย่างไรก็ตาม เราจะเห็นว่าในประโยค (1) และ (2) มีการใช้ ‘Because’ กับ ‘Because of’ ซึ่งได้ใช้ในอนุประโยคแสดงสาเหตุเพื่อเน้นสาเหตุ ในขณะเดียวกัน ในประโยค (3) จะใช้ ‘So’ ในอนุประโยคแสดงผลลัพธ์เพื่อเน้นผลลัพธ์

โครงสร้าง Because

Because แปลว่า เพราะ/เนื่องจาก คำสันธาน Because นำหน้าอนุประโยคสาเหตุเพื่อบอกสาเหตุ และมีโครงสร้างดังต่อไปนี้:

Because + Clause 1, Clause 2

หรือ Clause 1 + Because + Clause 2

ตัวอย่าง:

Because she works hard, she earns lots of money.

⟶ เพราะเธอทำงานหนัก เธอจึงได้เงินมากมาย

She earns lots of money Because she works hard.

⟶ เธอหาเงินได้มากมายเพราะเธอทำงานหนัก

โครงสร้าง Because of

Because of หมายถึงเพราะบางสิ่ง แทนที่จะไปกับทั้งอนุประโยค คำบุพบท Because of จะนำหน้าคำนาม นามวลี คำสรรพนาม หรือกริยานาม โดยมีโครงสร้างดังนี้

Because of + (นามวลี) คำนาม/ v-ing, Clause

หรือ Clause + Because of + (นามวลี) คำนาม/ v-ing

ตัวอย่าง:

Because of his good personality, everyone likes him.

⟶ เพราะบุคลิกดีของเขา ใครๆ ก็ชอบเขา

Everyone likes him because of his good personality.

⟶ ทุกคนชอบเขาเพราะบุคลิกดีของเขา

Because of having a good job, she always feels happy.

⟶ เพราะเธอมีงานที่ดีเธอจึงมีความสุขเสมอ

She always feels happy because of having a good job.

⟶ เธอมีความสุขเสมอเพราะมีงานที่ดี

Because และ Because of ใช้ต่างกันอย่างไร

แม้ว่าจะแสดงความหมายเหมือนกัน แต่การแยกแยะ Because & Because of จะช่วยให้เราใช้งานได้อย่างถูกต้องในไวยากรณ์ภาษาอังกฤษ

โดย Because กับ Because of จะแตกต่างกันในโครงสร้าง:

โครงสร้าง So

ซึ่งแตกต่างจาก Because กับ Because of คุณเพียงสามารถใช้ ‘So’ ต้นอนุประโยคที่ 2 ของประโยคที่ซับซ้อนเท่านั้น และแน่นอนว่าอนุประโยคที่มี ‘So’ นำหน้าจะเป็นอนุประโยคที่อธิบายผลลัพธ์

โครงสร้าง ‘So’:

Clause 1, + So + Clause 2

ตัวอย่าง:

She’s quiet, So they think that she’s unfriendly.

⟶ เธอไม่ค่อยพูดมาก ดังนั้นพวกเขาเลยคิดว่าเธอไม่เป็นมิตร

แยกแยะ Because และ So

หากคุณอ่านข้อ 1 และข้อ 5 อย่างละเอียด คุณอาจจะเห็นความแตกต่างระหว่าง ‘Because’ และ ‘So’ อย่างไรก็ตาม เพื่อช่วยให้คุณเข้าใจมากยิ่งขึ้น ELSA Speak จะยังคงแยกส่วนนี้มาเพื่อเปรียบเทียบคำบุพบททั้งสองนี้ให้คุณ

ความคล้ายคลึงกัน: ทั้ง Because และ So ล้วน นำหน้าอนุประโยคและไม่นำหน้า (นามวลี) คำนามหรือ v-ing เหมือน ‘Because of’

ความแตกต่าง:

ตัวอย่าง:

1. Because my mother doesn’t like crowded places, she rarely goes out.

⟶ เพราะแม่ไม่ชอบคนพลุกพล่านจึงไม่ค่อยออกไปข้างนอก

2. My mother rarely goes out Because she doesn’t like crowded places.

⟶ แม่ไม่ค่อยออกไปไหนเพราะแม่ไม่ชอบคนพลุกพล่าน

My mother doesn’t like crowded places, So she rarely goes out.

⟶ แม่ไม่ชอบคนพลุกพล่าน ดังนั้นแม่จึงไม่ค่อยออกไปไหน

>>> Read more

ข้อผิดพลาดทั่วไปเมื่อใช้ Because – Because of และ So

Because of 1

ใช้ทั้ง ‘Because’ และ ‘So’’ ในประโยคเดียวกัน

ในภาษาไทย เรามักจะใช้ “เพราะว่า” และ “ดังนั้น” ในประโยคเดียวกัน นี่คือสิ่งที่ทำให้ผู้เรียนบางคนติดนิสัยการใช้ทั้ง ‘because’ และ ‘so’ ในประโยคเดียวกันในภาษาอังกฤษ แต่นี่เป็นข้อผิดพลาดทางไวยากรณ์ขั้นพื้นฐานซึ่งเราควรหลีกเลี่ยง ดังนั้นให้จำไว้ว่าเมื่อแสดงเหตุและผลในภาษาอังกฤษ เราจะใช้เพียง ‘because’ หรือ ‘so’ เท่านั้น

ตัวอย่าง:

+ ถูกต้อง:

Because he was tired, he went home early.

He was tired, so he went home early.

+ ผิด: Because he was tired, so he went home early.

ลืมเครื่องหมายจุลภาคในโครงสร้างที่ต้องใช้เครื่องหมายจุลภาค

เมื่ออ่านมาถึงตรงนี้แล้ว คงมีผู้อ่านหลายคนจะลากไปที่ส่วนโครงสร้างอีกครั้งเพื่อดูว่ามีเครื่องหมายจุลภาคตรงไหนบ้าง ในความเป็นจริง การลืมใช้เครื่องหมายจุลภาคในประโยคที่ใช้ ‘Because’ หรือ ‘Because of’ ในอนุประโยคหรือในประโยคที่ใช้ ‘So’ เป็นเรื่องที่พบบ่อย เพราะผู้อ่านจำนวนมากมักแค่อ่านโครงสร้างแบบคร่าวๆ และไม่ค่อยใส่ใจมากเกี่ยวกับเครื่องหมายวรรคตอน

อย่างไรก็ตาม เมื่อเขียนบทความ โดยเฉพาะในการทำข้อสอบ การลืมใช้เครื่องหมายจุลภาคอาจทำให้คุณเสียคะแนนได้ง่าย ดังนั้น ตอนนี้เรามาดูรายละเอียดเพิ่มเติมว่าโครงสร้างใดที่เราต้องใช้เครื่องหมายจุลภาค

ELSA Speak ได้ยกสามตัวอย่างไว้ด้านล่างนี้ นี้คือ 3 ตัวอย่างของ 3 โครงสร้างที่มี Because’, ‘Because of’ และ ‘So’ ที่ต้องมีเครื่องหมายจุลภาคคั่นระหว่างสองอนุประโยค

– Because she behaves politely, everybody likes her.

– Because of her polite behavior, everybody likes her.

– She behaves politely, So everybody likes her.

banner (compare free vs pro)

ใช้ Because และ Because of แทนกันในทางที่ผิด

ตามที่กล่าวไว้ในข้อ 2 ในขณะที่ ‘Because’ นำหน้าอนุประโยค ‘Because of’ จะนำหน้า (นามวลี) คำนามหรือ v-ing

อย่างไรก็ตาม เนื่องจาก ‘Because’ และ ‘Because of’ ดูค่อนข้างคล้ายกัน ผู้เรียนหลายคนมักจะใช้คำเหล่านี้ผิดที่ อย่างเช่น เราใช้ ‘Because’ นำหน้า (นามวลี) คำนามหรือ v-ing และใช้ ‘Because of’ นำหน้าอนุประโยค

ตัวอย่าง:

ประโยคผิด:

Because his broken leg, he couldn’t join that race.

⟶ ‘his broken leg’ เป็นนามวลี ดังนั้นต้องใช้ ‘Because of’ นำหน้า

Because of his leg was broken, he couldn’t join that race.

⟶ ‘his leg was broken’ เป็นอนุประโยค ต้องใช้ ‘Because’ นำหน้า

ประโยคถูกต้อง:

Because of his broken leg, he couldn’t join that race.

Because his leg was broken, he couldn’t join that race.

เพียง 10 นาทีต่อวัน

วิธีเปลี่ยนจากโครงสร้าง Because เป็น Because of

ถ้าหากต้องการเปลี่ยนจากประโยคที่ใช้ ‘Because’ เป็นประโยคที่ใช้ ‘Because of’ เราจะเปลี่ยนเฉพาะประโยคที่ขึ้นต้นด้วย ‘Because’ และอนุประโยคที่เหลือจะยังคงเหมือนเดิม

การเปลี่ยนอนุประโยคที่มี ‘Because’ ขึ้นอยู่กับรูปแบบดั้งเดิมของอนุประโยคนั้น โดยจะมี 8 กรณีทั่วไปดังนี้

Subject (ประธาน) ของสองอนุประโยคเหมือนกัน

ตอนนี้ สำหรับอนุประโยคที่มี ‘Because’ เราจะลบประธานและเปลี่ยนกริยาเป็นรูปแบบ v-ing หมายเหตุว่า ถ้าประธานเป็นชื่อเฉพาะ เราต้องย้ายชื่อเฉพาะนี้ไปถึงอนุประโยคที่เหลือ

ตัวอย่าง:

Because he didn’t work hard, he lost his job. 

⟶ Because of not working hard, he lost his job. 

⟶ เพราะเขาไม่ขยันทำงาน เขาจึงตกงาน

Because Susan didn’t wear a jacket yesterday, she is sick now.  

⟶ Because of not wearing a jacket yesterday, Susan is sick now. 

⟶ เนื่องจากซูซานไม่ได้สวมแจ็กเก็ตเมื่อวาน ตอนนี้เธอจึงป่วย

อนุประโยคที่มี ‘Because’ ในรูปแบบ: (นามวลี) คำนาม + be + คำคุณศัพท์

ตอนนี้ เราลบ “be” และวางคำคุณศัพท์ไว้หน้าคำนาม

ตัวอย่าง:

Because the weather was bad, they decided to stay home.

⟶ Because of the bad weather, they decided to stay home.

⟶ เนื่องจากสภาพอากาศไม่ดี พวกเขาจึงตัดสินใจอยู่บ้าน

Because her parents are strict, she Sometimes feels stressed.

⟶ Because of her strict parents, she Sometimes feels stressed.

⟶ เนื่องจากพ่อแม่ของเธอเข้มงวด เธอจึงรู้สึกเครียดในบางครั้ง

อนุประโยคที่มี ‘‘Because’’ ในรูปแบบ: บุรุษสรรพนาม (I, we, you, he, she, it และ they)/ (นามวลี) คำนาม + be + คำคุณศัพท์

ตอนนี้ ถ้าประธานเป็นบุรุษสรรพนาม เราจะเปลี่ยนบุรุษสรรพนามเป็นคำคุณศัพท์แสดงความเป็นเจ้าของที่สอดคล้องกัน ถ้าประธานเป็น (นามวลี) คำนาม เราจะใช้คำแสดงความเป็นเจ้าของ ’s จากนั้นเราก็ลบ be และเปลี่ยนคำคุณศัพท์ให้เป็นคำนาม

ตัวอย่าง:

Because she is unfriendly, they don’t like her.

⟶ Because of her unfriendliness, they don’t like her.

⟶ เพราะเธอไม่เป็นมิตร พวกเขาจึงไม่ชอบเธอ

My boss doesn’t like that employee Because he is lazy.

⟶ My boss doesn’t like that employee Because of his laziness.

⟶ เจ้านายของฉันไม่ชอบพนักงานคนนั้นเพราะเขาขี้เกียจ

อนุประโยคที่มี ‘Because’ ในรูปแบบ: บุรุษสรรพนาม (I, we, you, he, she, it และ they)/(นามวลี) คำนาม + คำกริยา + คำวิเศษณ์

ตอนนี้ ถ้าประธานเป็นบุรุษสรรพนาม เราจะเปลี่ยนบุรุษสรรพนามเป็นคำคุณศัพท์แสดงความเป็นเจ้าของที่สอดคล้องกัน ถ้าประธานเป็น (นามวลี) คำนาม เราจะใช้คำแสดงความเป็นเจ้าของ ’s จากนั้นเราเปลี่ยนคำกริยาเป็นคำนามและคำวิเศษณ์เป็นคำคุณศัพท์และวางไว้ข้างหน้าคำนาม

ตัวอย่าง:

Because behaved badly, she was mad at him.

⟶ Because of his bad behavior, she was mad at him.

⟶ เพราะความประพฤติไม่ดีของเขา เธอจึงโกรธเขา

Because her boyfriend drove carelessly, they are now in hospital.

⟶ Because of her boyfriend’s careless driving, they are now in hospital.

⟶ เนื่องจากแฟนของเธอขับรถโดยประมาท ตอนนี้พวกเขาอยู่ที่โรงพยาบาล

อนุประโยคที่มี ‘Because’ ในรูปแบบ: There + be + (นามวลี) คำนาม

ตอนนี้ เราจะลบ there + be ออก

ตัวอย่าง:

Because there was a traffic jam, we got to the meeting late. 

⟶ Because of a traffic jam, we got to the meeting late.

⟶ เนื่องจากรถติด เราจึงไปประชุมสาย

I’m not healthy Because there is a problem with my lifestyle. 

⟶ I’m not healthy Because of a problem with my lifestyle.

⟶ ฉันมีสุขภาพไม่แข็งแรงเพราะมีปัญหาในการใช้ชีวิต

อนุประโยคที่มี ‘Because’ ในรูปแบบ: it + be + คำคุณศัพท์บอก weather

ตอนนี้ เราจะลบ be และเปลี่ยนคำคุณศัพท์ให้เป็นคำนาม แล้วเติม ‘the’ นำหน้าคำนาม

ตัวอย่าง:

Yesterday, we couldn’t go to the zoo Because it was rainy. 

⟶ Yesterday, we couldn’t go to the zoo Because of the rain.

⟶ เมื่อวานเราไม่สามารถไปสวนสัตว์ได้เนื่องจากฝนตก

อนุประโยคที่มี ‘Because’ ในรูปแบบ: (นามวลี) คำนาม + be + V3/Ved (กรรมวาจก)

ตอนนี้ เราจะเปลี่ยน V3/Ved เป็นคำนาม โดยเติม ‘the’ ข้างหน้าและ ‘of’ ตามหลัง และ (นามวลี) คำนามที่เป็นประธานในตอนแรกจะถูกเลื่อนลงหลังจาก ‘of’

ตัวอย่าง:

Because dishwashers were invented, lots of people don’t have to wash the dishes themselves.

⟶ Because of the invention of dishwashers, lots of people don’t have to wash the dishes themselves.

⟶ เนื่องจากการคิดค้นเครื่องล้างจาน หลายคนไม่ต้องล้างจานด้วยตัวเอง

วิธีที่ง่ายที่สุด: แทน ‘Because’ ด้วย ‘Because of’ จากนั้นเติม ‘the fact that’ และไว้อนุประโยคที่เหลือเป็นเหมือนเดิม

ตัวอย่าง:

Because I don’t have many friends, I sometimes feel lonely. 

⟶ Because of the fact that I don’t have many friends, I sometimes feel lonely. 

⟶ เพราะฉันมีเพื่อนน้อยคน ฉันเลยรู้สึกเหงาในบางครั้ง

ดูวิดีโอไวยากรณ์เกี่ยวกับ Because และ Because of:

แบบฝึกหัด: So Because และ Because of ใช้ยังไง

ใส่ ‘Because’ หรือ ‘Because of’ ในตำแหน่งที่เหมาะสม

1. ……………….. not feeling well, he left the company early.

2. I don’t really trust him ……………….. he seems dishonest.

3. You shouldn’t stay up late ……………….. it’s not good for your health.

4. ……………….. his small room, he can’t adopt a dog.

5. ……………….. my younger brother is inactive, he rarely exercises.

6. ……………….. my son went to bed late last night, he is late for school today.

7. Yesterday, I woke up in the middle of the night ……………….. a strange noise.

8. Last week, she couldn’t take part in that singing competition ……………….. her sore throat.

9. ……………….. his impatience, he easily gives up.

10. His younger sister is hungry now ……………….. she skipped breakfast this morning.

คำตอบ:

1. Because of6. Because
2. because7. because of
3. because8. because of
4. Because of9. because of
5. Because10. because

ใส่ ‘Because’ หรือ ‘So’ ในตำแหน่งที่เหมาะสม

1. ………………… she is always busy, she can’t spend time with her family.

2. I didn’t choose that dress ……………….. I didn’t like the color. 

3. My younger brother doesn’t get enough sleep, ……………….. he always feels tired.

4. They live far from their school, ……………….. they have to get up early every day.

5. His elder sister feels exhausted now ……………….. she has swum for nearly 1 hour.

6. Her husband laughed too loudly, ……………….. the baby woke up and cried.

7. ……………….. I don’t like crowded places, I rarely go to coffee shops.  

8. Two weeks ago, I bought lots of clothes, ……………….. I’m out of money now.

9. I don’t really like this city ……………….. it’s crowded and polluted.  

10. I don’t really like this city, ……………….. I have decided to move to another.  

คำตอบ:

1. Because6. so
2. because7. Because
3. so8. so
4. so9. because
5. because10. so

เปลี่ยนประโยคที่ใช้ ‘Because’ เป็นประโยคที่ใช้ ‘Because of’

1. I went to work late this morning because the traffic was heavy.

⟶ …………………………………………………. because of ………………………………………………….

2. My brother never exercises because he is lazy.

⟶ …………………………………………………. because of ………………………………………………….

3. Because that employee is honest, our boss really likes her.

⟶ Because of …………………………………………………., ………………………………………………….

4. Because he didn’t think carefully when doing the Math exercises, he made lots of mistakes.

⟶ Because of …………………………………………………., ………………………………………………….

5. Our parents didn’t let us go out last night because it was stormy.

⟶ …………………………………………………. because of ………………………………………………….

6. We won’t rent this house because the neighborhood is noisy.

⟶ …………………………………………………. because of ………………………………………………….

7. Last week, because she worked too hard, she felt stressed and tired.

⟶ Last week, because of ……………………………………………, ………………………………………

8. Because that employee is irresponsible, she lost her job.

⟶ Because of …………………………………………………., ………………………………………………….

9. Because the environment is polluted, our health is getting worse.

⟶ Because of …………………………………………………., ………………………………………………….

10. This morning, because I left my phone at home, I couldn’t contact my customers.

⟶ This morning, because of …………………………………………., …………………………………….

คำตอบ:

1. I went to work late this morning because of the heavy traffic.

2. My brother never exercises because of his laziness.

3. Because of that employee’s honesty, our boss really likes her.

4. Because of not thinking carefully when doing the Math exercises, he made lots of mistakes.

5. Our parents didn’t let us go out last night because of the storm.

6. We won’t rent this house because of the noisy neighborhood.

7. Last week, because of working too hard, she felt stressed and tired.

8. Because of that employee’s irresponsibility, she lost her job.

9. Because of the polluted environment, our health is getting worse.

10. This morning, because of leaving my phone at home, I couldn’t contact my customers.

ด้านบนคือสรุปความรู้เกี่ยวกับการแยกแยะ ‘Because’ – ‘Because of’ และ ‘So’ ด้วยแบบฝึกหัดและคำตอบ ELSA Speak หวังว่าบทความนี้จะช่วยให้คุณใช้คำสันธานเหล่านี้ได้อย่างมั่นใจและถูกต้อง ขอบคุณที่อ่านบทความ แล้วพบกันใหม่ในบทความหน้า!

ให้เยี่ยมชมเว็บไซต์ ELSA Speak เป็นประจำเพื่อรับความรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับการศึกษาการสื่อสารภาษาอังกฤษด้วยตนเองสำหรับคนวัยทำงานและวัยเรียน!

คำกริยา To Be เป็นหนึ่งในความรู้พื้นฐานที่คุณสามารถเรียนรู้ได้ตั้งแต่เนิ่นๆ ในการเรียนภาษาอังกฤษ อย่างไรก็ตาม หากคุณไม่ได้เข้าใจอย่างถ่องแท้เกี่ยวกับความรู้ด้านไวยากรณ์นี้ คุณจะเข้าถึงความรู้ด้านไวยากรณ์ที่เกี่ยวข้องได้ยากขึ้น ในบทความนี้ ELSA Speak ได้รวมความรู้ที่จำเป็นทั้งหมดของ Verb to be คือ อะไร เพื่อให้คุณสามารถนำไปใช้งานได้ทันที

นิยาม Verb to be คือ อะไร?

Verb to be คือกริยาช่วย (auxiliary verb) ที่มีหน้าที่เชื่อมโยงภาคประธานกับภาคแสดงของประโยคที่ใช้ในการแนะนำ อธิบาย หรือประเมินวัตถุ เหตุการณ์ และบุคคล เป็นต้น Verb to be หมายถึง “เป็น คือ ที่” และมีรูปแบบต่างๆ กันซึ่งขึ้นอยู่กับสรรพนามและกาลในประโยค ตัวอย่างเช่น:

verb to be คือ verb to be มีอะไรบ้าง
verb to be มีอะไรบ้าง

รูปแบบของ verb to be มีอะไรบ้าง

กาลประธารTo Beตัวอย่าง
รูปแบบ Infinitive beThis book is big. (หนังสือเล่มนี้มีขนาดใหญ่)
ประโยคปัจจุบันกาลIamI am smart. (ฉันฉลาด)
He/She/ItisShe is beautiful. (เธอสวยมาก)
You/We/TheyareWe are unite. (เราเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน)
ประโยคอดีตกาลI/He/She/ItwasI was in cinema yesterday. (เมื่อวานฉันอยู่ที่โรงหนัง)
You/We/TheywereYou were here. (คุณได้อยู่ที่นี่)
ประโยคอนาคตกาลI/You/He/She/It/We/Theywill beI will be strong. (ฉันจะเข้มแข็ง)
รูปแบบ ContinuousbeingHe is being unusual. (เขากำลังผิดปกติ)
รูปแบบ PerfectbeenIt has been fun. (มันได้สนุกมาก)

>>> Read more

รูปแบบ Infinitive

สำหรับรูปแบบ infinitive โดยปกติจะขึ้นอยู่กับโครงสร้างทางไวยากรณ์ของประโยคเมื่อต้องผันกริยา To Be ในรูปแบบ infinitive หลังจากกริยาช่วย (can, could, may, might,…) คำกริยาจะต้องผันใน infinitive ตัวอย่างเช่น It might be easy (มันอาจจะง่าย)

คำกริยา To Be อยู่ในประโยคปัจจุบันกาล

โครงสร้างที่มีคำกริยา To Be ในประโยคปัจจุบันกาลมีดังนี้:

รูปแบบประโยคโครงสร้างตัวอย่าง
ประโยคบอกเล่า (+)S + am/is/are + OHe is a student. (เขาเป็นนักเรียน)
ประโยคปฏิเสธ (-)S + am/is/are + not + OHe is not a student. (เขาไม่ใช่นักเรียน)
ประโยคคำถาม(?)Am/Is/Are + S +…?
What/Why/How… + am/is/are + S +…?
Is he a student? (เขาเป็นนักเรียนหรือไม่?)
verb to be คือ
verb to be อยู่ในประโยคปัจจุบันกาล

การผันคำกริยา To Be:

คำกริยา To Be ในประโยคอดีตกาล

โครงสร้าง:

รูปแบบประโยคโครงสร้างตัวอย่าง
ประโยคบอกเล่า (+)S + was/were +…She was here yesterday. (เธออยู่ที่นี่เมื่อวานนี้)
ประโยคปฏิเสธ (-)S + was/were + not +…She was not here yesterday. (เมื่อวานนี้เธอไม่ได้อยู่ที่นี่)
ประโยคคำถาม(?)Was/Were + S +…?
What/Why/How… + was/were + S +…?
Was she here yesterday?(เมื่อวานนี้เธออยู่ที่นี่หรือไหม)

การผันคำกริยา To Be:

คำกริยา To Be ในประโยคอนาคตกาล

โครงสร้าง:

รูปแบบประโยคโครงสร้างตัวอย่าง
ประโยคบอกเล่า (+)S + will be + OHe will be at home tomorrow. (พรุ่งนี้เขาจะอยู่ที่บ้าน)
ประโยคปฏิเสธ (-)S + will + not + be + OHe will not be at home tomorrow. (พรุ่งนี้เขาจะไม่อยู่บ้าน)
ประโยคคำถาม(?)Will + S + be…?
What/Why/How… + will + S + be…?
Will he be at home tomorrow? (พรุ่งนี้เขาจะอยู่บ้านไหม)
verb to beมีอะไรบ้าง
verb to be ในประโยคอนาคตกาล

การผันกริยา to be: ด้วยประโยคอนาคตกาล คำกริยา To Be จะอยู่ในรูปแบบ infinitive และจะได้รวมกับ “Will” ตามโครงสร้างในตารางด้านบน

คำกริยา To Be ในรูปแบบ Continuous

โครงสร้าง:

รูปแบบประโยคโครงสร้างตัวอย่าง
ประโยคบอกเล่า (+)S + is/are/am + being + OThey are being at school now. (ตอนนี้พวกเขาอยู่ที่โรงเรียน)
ประโยคปฏิเสธ (-)S + is/are/am + not + being + OThey are not being at school now. (ตอนนี้พวกเขาไม่ได้อยู่ที่โรงเรียน)
ประโยคคำถาม(?)Is/are/am + S + being…?
What/Why/How… + is/are/am + S + being…?
Are they being at school now? (ตอนนี้พวกเขาอยู่ที่โรงเรียนหรือเปล่า)

การผันคำกริยา To Be:

ในกาลนี้ คำกริยา To Be ถูกผันในรูปแบบ Being ที่ไปพร้อมกับ is/are/am การใช้ is, are หรือ am แล้วแต่ประธารเหมือนการผันคำกริยาใน Present Simple tense

คำกริยา To Be ในรูปแบบ Perfect

โครงสร้าง:

รูปแบบประโยคโครงสร้างตัวอย่าง
ประโยคบอกเล่า (+)S + has/have been + OJohn has been at the bus stop for 30 minutes. (John อยู่ที่ป้ายรถเมล์ได้ 30 นาทีแล้ว)
ประโยคปฏิเสธ (-)S + has/have + not + been + OJohn has not been at bus stop for 30 minutes.
(John ไม่ได้อยู่ที่ป้ายรถเมล์เป็นเวลา 30 นาทีแล้ว)
ประโยคคำถาม(?)Has/have + S + been…?What/Why/How… + has/have + S + been…?Has John been at bus stop for 30 minutes.
(John อยู่ที่ป้ายรถเมล์เป็นเวลา 30 นาทีแล้วใช่ไหม)

การผันคำกริยา To Be:

คำกริยา To Be ในรูปแบบ Passive

โครงสร้าง:

รูปแบบประโยคโครงสร้างตัวอย่าง
ประโยคบอกเล่า (+)S + To Be + V2 + OThe house is cleaned by my mother.
(บ้านนี้ทำความสะอาดโดยแม่ของฉัน)
ประโยคปฏิเสธ (-)S + To Be + not + V2 + OThe house is not cleaned by my mother.
(บ้านไม่ได้ทำความสะอาดโดยแม่ของฉัน)
ประโยคคำถาม(?)To Be + S + V2…?
What/Why/How… + To Be+ S + V2…?
Is the house cleaned by my mother?
(แม่เป็นคนทำความสะอาดบ้านเองใช่ไหม?
verb to be คือ การใช้verb to be
verb to be ในรูปแบบ Passive

การผัน v. to be:  ในรูปแบบนี้ เราจะขึ้นอยู่กับประธารและกาลของประโยคเพื่อผันกริยา To Be ที่เหมาะสม

ตำแหน่งของกริยา To Be ในประโยค & หลักการใช้ verb to be

ประโยค verb to be นี้ใช้เพื่อแนะนำ อธิบาย ประเมินสิ่งของ เหตุการณ์ และบุคคล เป็นต้น คำกริยา To Be ในประโยค จะมีตำแหน่งต่อไปนี้:

ตำแหน่งของคำกริยา To Beโครงสร้างตัวอย่าง
นำหน้าคำนามS + To Be + NMy father is a teacher.
(พ่อของฉันเป็นครู)
นำหน้าคำคุณศัพท์S + To Be + AdjShe is beautiful.
(เธอสวยมาก)
นำหน้าบุพบทวลีS + To Be + PrepositionThe pencil is on my desk.
(ดินสออยู่บนโต๊ะของฉัน)
นำหน้ากริยาS + To Be + Ving (ในปัจจุบันกาลต่อเนื่อง)The house is cleaned.
(บ้านได้รับการทำความสะอาดแล้ว)
S + To Be + Ved (ในประโยค Passive)I am given a candy.
(ฉันได้รับลูกอม)

การใช้ verb to be ขั้นสูง

การใช้ verb to be ขั้นสูงบางอย่าง:

1. verb to be ในโครงสร้าง To Be + of + noun (=have)

ใช้เพื่อบ่งบอกลักษณะและความรู้สึกของวัตถุบางอย่าง ตัวอย่างเช่น:

2. verb to be ในโครงสร้าง To Be + to + V

ใช้เพื่อแสดงคำแนะนำ คำสั่ง และความตั้งใจจะถูกจัดไว้ ตัวอย่าง: He is to finish her homework by 10pm (เขาต้องทำการบ้านให้เสร็จภายในเวลา 22.00 น.)

3. คำกริยา To Be ใช้ในโครงสร้าง be about + to do something

ใช้เพื่อแสดงความตั้งใจหรือการวางแผน ตัวอย่าง: I am about to travel around the world (ฉันกำลังวางแผนที่จะไปรอบโลก)

โครงสร้าง To Beคำจำกัดตัวอย่าง
To Be + of + noun (=have)ใช้เพื่อบ่งบอกลักษณะและความรู้สึกของวัตถุบางอย่างThis chair is of elegant format.
(เก้าอี้ตัวนี้ดูหรูหรามาก)
Sommai is of medium height.
(Sommai มีความสูงปานกลาง)
To Be + to + Vใช้เพื่อแสดงคำแนะนำ คำสั่ง และความตั้งใจจะถูกจัดไว้He is to finish her homework by 10pm.
(เขาต้องทำการบ้านให้เสร็จภายในเวลา 22.00 น.)
To be about + to do somethingใช้เพื่อแสดงความตั้งใจหรือการวางแผนI am about to travel around the world.
(ฉันกำลังวางแผนที่จะไปรอบโลก)

แบบฝึกหัด verb to be

ต่อไปนี้คือแบบฝึกหัดพร้อมคำกริยา To Be เพื่อให้คุณฝึกฝน ELSA Speak แนะนำว่าหลังจากที่คุณอ่านทฤษฎีเสร็จแล้ว ควรใช้เวลาในการทำแบบฝึกหัดเพื่อจะได้จำได้นานขึ้นมาก

บทที่ 1: ใส่กริยา To Be ในรูปแบบที่เหมาะสม

  1. It……cold today.
  2. She……. an engineer.
  3. They……so kindful yesterday.
  4. He……12 years old 2 years ago.
  5. Everything will….better soon. Don’t worry!
  6. I………. very tired now.
  7. We………….studied English for 6 years.
  8. That patient……..treated by a good doctor.
  9. Those dogs.……..taken care of by him since 2016.

คำตอบ:

  1. is
  2. is
  3. were
  4. was
  5. be
  6. Am being
  7. has been
  8. is
  9. has been

บทที่ 2: แต่ละประโยคกำลังขาดกริยา To Be เพื่อให้เป็นประโยคสมบูรณ์ ให้เติมกริยา To Be เพื่อให้ประโยคสมบูรณ์

คำตอบ:

  1. He is my good friend.
  2. You are generous to give me this pen.
  3. It is a good opportunity for us to discuss this issue.
  4. Her grandparents were 70 years old when she was born.
  5. It will be completed  the next day.
  6. The television is next to the book.
  7. We were taken by Mr.Tom by car.
  8. His house is on Hai Ba Trung street.

บทสรุป verb to be

เช่นนั้น ELSA Speak ได้ให้ความรู้โดยละเอียดเพื่อให้คุณเข้าใจโครงสร้างคำกริยา To Be ตั้งแต่พื้นฐานจนถึงขั้นสูงแล้ว ให้อ่านทฤษฎีด้านบนอย่างตั้งใจพร้อมกับทำแบบฝึกหัดด้านล่างเพื่อทำความเข้าใจความรู้นี้ให้ดีขึ้น

ELSA Speak หวังว่าจะได้ไปกับคุณในกระบวนการพิชิตภาษาอังกฤษ รวมทั้งการสอบต่างๆเช่น IELTS, Toeic, การสอบ ภาษาอังกฤษระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย

เพียง 10 นาทีต่อวัน

ในระหว่างเวลาสัมภาษณ์งานภาษาอังกฤษ คุณจะต้องตอบคำถามของนายจ้างอย่างไรให้สร้างสัมภาษณ์มากที่สุด? แน่นอนว่าเพียงประวัติส่วนตัวที่สวยงามก็จะไม่พอ เนื่องจากมีผู้สมัครที่มีประวัติส่วนตัวดีพอๆ กับคุณมากๆอยู่ เช่นนั้นเราควรจะทำอย่างไรเพื่อให้การสัมภาษณ์ครั้งแรกได้เป็นไปอย่างราบรื่น?

ให้ ELSA Speak พิชิตคำถามที่พบบ่อยในการสัมภาษณ์ภาษาอังกฤษด้วยคำตอบที่น่าประทับใจ!

ตารางสรุปคำถาม-คำตอบในการสนทนาสัมภาษณ์งานภาษาอังกฤษ

QuestionAnswer
Can you introduce yourself?I’m Luk Kaew. My major is Graphic Design and I have 3 years of experience in this field.

Graphic Design is always one of my greatest passions.

I enjoy creating art, being around different types of people and challenging myself in everything I do.

That’s why I applied for this job!
What are your strengths?Three of my greatest strengths are my creativity, independent working skills and willingness to learn.
What are your weaknesses?Sometimes, I’m a bit/quite careless.

To overcome this weakness, I often double-check my work.
What are your short-term goals?Currently, the most important short-term goal is becoming a creative and proficient content writer.

Besides, I also aim at improving my soft skills.
What are your long-term goals?My long-term goals are becoming a marketing executive and gaining more knowledge of SEO in the next 3 years.

Additionally, I want to challenge myself in other fields of marketing.
Can you tell me about your experience?I have 3 years’ experience in HR. I have held relevant positions at several companies.

Therefore, I’m confident about my ability to handle HR tasks such as recruitment, employee profit management, v.v.
Do you work well under pressure?Yes. I can work pretty well under pressure.

When I’m at work, I always try to manage and reduce stress.

My tips are drinking a cup of warm tea and breathing deeply.
Why did you leave your last job?My previous job has given lots of valuable experience. However, I think it’s time to get out of my comfort zone and challenge myself in a new field.
Why do you want this job?First of all, I would like to challenge myself in the marketing field.

Additionally, when reading the job description, I was really impressed with the tasks of this position.

I think I will gain lots of knowledge and experience.
Why should we hire you?From what I’ve learned, it seems like you are looking for someone who can handle customer concerns quickly and effectively.

With my 2 years’ experience in Customer Service, I believe I’m the employee you’re looking for.
What do you know about our company?I read on your website that you’re one of the top data security companies in Vietnam, and that you serve more than 30 tech companies including the big ones such as TechLeap, Vina Vision, etc.

I always see becoming a part of your company as a great opportunity to develop myself and create more value in the technology field.
What do you expect from the new job?My expectations for this position would be giving me opportunities to widen my horizon and sharpen my skills in order to bring more value to the company.
How long do you plan on staying with our company?To tell you the truth, I have been working hard to get into this company.

Therefore, if I’m offered the job, I will absolutely plan on staying here for a long time.
How much salary do you expect?May I ask what the average salary of this position is?

I want my salary to match my qualifications and experience.

Can you introduce yourself? (แนะนำตัว สัมภาษณ์งานภาษาอังกฤษ)

ในช่วงเริ่มต้นของการสัมภาษณ์งาน จะเป็นคำถามให้แนะนำตัวเป็นภาษาอังกฤษ คุณอาจจะสงสัยว่าทำไมนายจ้างถึงมี CV ของแล้ว แต่ยังคงต้องการที่จะได้ยินอีกครั้ง เหตุผลก็คือพวกเขาต้องการดูงานนำเสนอของคุณ

แล้วเราจะตอบอย่างไรให้น่าประทับใจจากคำถามแรก? ทางที่ดีสุดก็คืออย่าพูดถึงบ้านเกิดหรือความชอบส่วนตัวมากเกินไป ให้ตอบคำถามอย่างมืออาชีพที่ข้อมูลยังไม่ได้รวมอยู่ในประวัติย่อของคุณ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ควรเน้นการให้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับอาชีพหรือตำแหน่งที่คุณต้องการสมัครในการสัมภาษณ์

สัมภาษณ์งานภาษาอังกฤษ แนะนําตัว – คำถามที่คล้ายกัน:

+ Can you talk a little about yourself?

⟶ ช่วยเล่าเกี่ยวกับตัวคุณให้ฟังหน่อยได้ไหม?

+ Can you tell me a little about yourself?

⟶ ช่วยเล่าเกี่ยวกับตัวคุณให้ฟังหน่อยได้ไหม?

+ We would like to know more about you. Can you introduce yourself?

⟶ เราต้องการทราบเพิ่มเติมเกี่ยวกับคุณ คุณสามารถแนะนำตัวเองหน่อยได้ไหม?

คำศัพท์และโครงสร้าง:

graduate from [university/college] in [year]จบการศึกษาจาก [มหาวิทยาลัย/วิทยาลัย] ใน [ปี]
have [number] years’ experience in [major/field]มีประสบการณ์ [ตัวเลข] ปีใน [อุตสาหกรรม/สาขา]
My major is [noun (phrase)]วิชาเอกของฉันคือ [คำนาม (นามวลี)]
[major/field] is one of my greatest passions[อุตสาหกรรม/สาขา] เป็นหนึ่งในความรักที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของฉัน
I enjoy [noun (phrase)/V-ing]ฉันชอบ [(วลี) noun/V-ing]
ฉันเล็งไปที่ [นาม (วลี)/ V-ing] เสมอฉันเล็ง/กำหนดเป้าหมายไปที่ [(นามวลี) noun/V-ing]

ตอบคําถามสัมภาษณ์งานภาษาอังกฤษ ตัวอย่าง:

I’m Jasmine. I graduated from Bangkok University in 2017. My major is Graphic Design and I have 3 years of experience in this field. Graphic Design is always one of my greatest passions. I enjoy creating art, being around different types of people and challenging myself in everything I do. That’s why I applied for this job!

(ฉันชื่อ Jasmine ฉันจบการศึกษาจาก Bangkok University ในปี 2017 วิชาเอกของฉันคือการออกแบบกราฟิก และฉันมีประสบการณ์ 3 ปีในสาขานี้ การออกแบบกราฟิกเป็นหนึ่งในความรักที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของฉันเสมอมา ฉันรักการสร้างสรรค์งานศิลปะ ชอบทำงานร่วมกับหลายคน และท้าทายตัวเองในทุกสิ่งที่ฉันทำ นั่นเป็นเหตุผลที่ฉันสมัครงานนี้!

สัมภาษณ์งานภาษาอังกฤษ
เน้นให้ข้อมูลเพิ่มเติมที่เกี่ยวข้องกับอาชีพหรือตำแหน่งที่คุณต้องการสมัครในการสัมภาษณ์ภาษาอังกฤษนะ!

What are your strengths? (จุดแข็งของคุณคืออะไร?)

ต่อไปในการสัมภาษณ์ภาษาอังกฤษ คำถามที่ขาดไม่ได้คือ “จุดแข็งของคุณคืออะไร” ในความเป็นจริง จุดประสงค์หลักของคำถามนี้ก็คือให้นายจ้างรู้ว่าจุดแข็งของคุณจะช่วยงานได้อย่างไรหากคุณได้งาน

คำถามที่คล้ายกัน:

+ What are your strong points?

⟶ จุดแข็งของคุณคืออะไร?

+ Can you tell me about your strengths?

⟶ คุณช่วยบอกเกี่ยวกับจุดแข็งของคุณได้ไหม

+ Can you tell me about your strong points?

⟶ คุณสามารถบอกฉันเกี่ยวกับจุดแข็งของคุณได้ไหม?

+ Can you talk about your strengths?

⟶ คุณช่วยพูดถึงจุดแข็งของคุณได้ไหม?

+ Can you talk about your strong points?

⟶ คุณช่วยพูดถึงจุดแข็งของคุณได้ไหม?

คำศัพท์และโครงสร้าง:

1. โครงสร้างบางอย่างสามารถเพิ่มคำนาม (นามวลี) ด้านล่าง:

โครงสร้าง 1: One of my greatest/biggest strengths is [noun (phrase)]

⟶ หนึ่งในจุดแข็งที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของฉันคือ [คำนาม (วลี)]

โครงสร้าง 2: I have confidence in my [noun (phrase)]

⟶ ฉันมั่นใจใน[คำนาม (วลี)] ของฉัน

(สามารถใส่คำนาม วลีนามได้หลายอย่าง)

เราสามารถใส่เพิ่มในโครงสร้างด้านบนนามวลีดังนี้

2. โครงสร้างที่มีกริยาช่วย ‘can’

โครงสร้าง: I can [bare infinitive] … (very) well/efficiently/…

⟶ ฉันสามารถ [กริยารูปปกติ] … ดี (มาก)/ได้ผล/…

ตัวอย่างคำตอบ:

(จุดแข็งที่สุดสามประการของฉันคือความคิดสร้างสรรค์ ทักษะการทำงานอิสระ และความเต็มใจที่จะเรียนรู้)

(ฉันสามารถทำงานได้ดีทั้งทำร่วมกับกลุ่มและคนเดียว)

สัมภาษณ์งานภาษาอังกฤษ
ให้มั่นใจในความเป็นตัวเองในการสัมภาษณ์ภาษาอังกฤษ!

What are your weaknesses? (จุดอ่อนของคุณคืออะไร?)

หลังจากถามเกี่ยวกับจุดแข็งของคุณแล้ว แน่ใจว่าต่อไปนายจ้างจะถามเกี่ยวกับจุดอ่อนของคุณ ดังนั้นให้เตรียมตัวดีๆก่อนตอนที่จะเจอคำถามนี้ระหว่างการสัมภาษณ์นะ ในความเป็นจริง นายจ้างต้องการทราบว่าคุณจัดการกับจุดอ่อนของคุณอย่างไร และสำหรับคำถามนี้ ให้ซื่อสัตย์เกี่ยวกับจุดอ่อนของคุณในการสัมภาษณ์ภาษาอังกฤษนี้ แต่อย่าลืมเพิ่มส่วนที่คุณสามารถแก้ไขได้!

คำถามที่คล้ายกัน:

+ What are your weak points?

⟶ จุดอ่อนของคุณคืออะไร?

+ Can you tell me about your weaknesses?

⟶ คุณช่วยบอกเกี่ยวกับจุดอ่อนของคุณได้ไหม?

+ Can you talk about your weaknesses?

⟶ คุณช่วยพูดถึงจุดอ่อนของคุณได้ไหม?

คำศัพท์และโครงสร้าง:

1. โครงสร้างบางอย่างสามารถเพิ่มคำนาม (นามวลี) ด้านล่าง:

โครงสร้าง 1: Right now, I’m not absolutely satisfied with my [noun (phrase)]. However, I’ve been trying my best to improve it/them.

⟶ ตอนนี้ ฉันไม่พอใจกับ [คำนาม (วลี)] ของฉัน แต่ฉันกำลังพยายามอย่างดีที่สุดเพื่อปรับปรุงมัน

(สามารถใส่คำนาม วลีนามได้หลายอย่าง)

โครงสร้าง 2: I think my [noun (phrase)] still need(s) improvement. Therefore, I have been [V-ing] …

⟶ ฉันคิดว่า [คำนาม (วลี] ของฉันยังคงต้องปรับปรุงหน่อย ดังนั้นฉันจึงได้/กำลัง …

(สามารถใส่คำนาม วลีนามได้หลายอย่าง)

คุณสามารถเพิ่มเข้าในโครงสร้างด้านบนนามวลีที่กล่าวถึงในข้อ 2

2. โครงสร้างอื่น ๆ:

โครงสร้าง 1: To be honest, sometimes, I’m a bit/quite [adjective (phrase)]. To overcome this weakness, I…

⟶ พูดตามตรง บางครั้ง ฉันค่อนข้าง [(วลี) คำคุณศัพท์] เพื่อเอาชนะความอ่อนแอนี้ ฉัน…

โครงสร้าง 2: I sometimes can’t [bare infinitive]. However, I’ve been trying my best to solve this problem.

⟶ บางครั้งฉันไม่สามารถ [กริยารูปปกติ] แต่ฉันได้พยายามแก้ไขปัญหานี้แล้ว

ตัวอย่างคำตอบ:

Sometimes, I’m a bit/quite careless. To overcome this weakness, I often double-check my work.

(บางครั้งฉันค่อนข้างสะเพร่า เพื่อจัดการจุดอ่อนนี้ ฉันมักจะตรวจสอบงานของฉันสองครั้ง)

Right now, I’m not absolutely satisfied with my presentation skills. Therefore, I have been practicing them regularly.

(ตอนนี้ฉันยังไม่ค่อยพอใจกับทักษะการนำเสนอของฉัน ดังนั้นฉันจึงฝึกฝนอย่างสม่ำเสมอ)

career advancement

What are your short-term goals? (เป้าหมายระยะสั้นของคุณคืออะไร?)

สำหรับคำถามนี้ คุณควรมุ่งเน้นไปที่เป้าหมายที่คุณต้องการบรรลุภายในหนึ่งปี ในขณะเดียวกัน ก็ควรเป็นเป้าหมายที่อาจเป็นไปได้ บรรลุผลได้ และเกี่ยวข้องกับงานและตำแหน่งที่คุณสมัคร

คำถามที่คล้ายกัน:

+ Can you tell me about your short-term goals?

⟶ คุณช่วยบอกเกี่ยวกับเป้าหมายระยะสั้นของคุณได้ไหม

+ Can you talk about your short-term goals?

⟶ คุณสามารถพูดเกี่ยวกับเป้าหมายระยะสั้นของคุณได้หรือไม่?

คำศัพท์และโครงสร้าง:

โครงสร้าง 1:

My short-term goals are [V-ing 1], [V-ing 2],… and… before [point of time].

⟶ เป้าหมายระยะสั้นของฉันคือ [V-ing 1], [V-ing 2]… และ… ก่อน [timeline]

โครงสร้าง 2:

Currently, my most important short-term goal is [Ving] before [point of time].

⟶ ปัจจุบัน เป้าหมายระยะสั้นที่สำคัญของฉันคือ [V-ing] ก่อน [timeline]

โครงสร้าง 3:

Besides, I also aim at [V-ing] this year.

⟶ นอกจากนี้ ฉันยังตั้งเป้าที่จะ [V-ing] ในปีนี้ด้วย

(สามารถใส่ V-ing ได้หลายตัว)

เราสามารถเพิ่มเข้าโครงสร้างด้านบนโดยใช้นามวลีที่เริ่มต้นด้วย V-ing ดังต่อไปนี้:

becoming a/an…: กลายเป็น…

developing myself in the… field: พัฒนาตัวเองในด้าน…

gaining more knowledge of…:  สะสมความรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับ…

getting a/an… certificate: รับใบรับรอง…

improving my professional/ soft/… skills:  พัฒนาทักษะมืออาชีพ

ตัวอย่างคำตอบ:

Currently, the most important short-term goal is becoming a creative and proficient content writer. Besides, I also aim at improving my soft skills.  

(ปัจจุบัน เป้าหมายระยะสั้นที่สำคัญที่สุดของฉันคือการเป็นนักเขียนเนื้อหาที่เชี่ยวชาญและสร้างสรรค์ นอกจากนั้น ฉันยังตั้งเป้าที่จะพัฒนาทักษะทางสังคมของฉันด้วย)

What are your long-term goals? (เป้าหมายระยะยาวของคุณคืออะไร?)

สำหรับคำถามนี้ คุณควรมุ่งเน้นไปที่เป้าหมายที่คุณต้องการบรรลุภายใน 2 ปีหรือมากกว่านั้น อาจเป็นเป้าหมายที่คุณพบว่าต้องใช้เวลาและความพยายามอย่างมากในการบรรลุเป้าหมาย ให้พรรคควรระบุเป้าหมายระยะยาวตามลำดับจากใกล้ที่สุดไปไกลที่สุด และโดยปกติแล้วความใกล้-ไกลนี้แปรผันตามความง่าย-ความยากในการบรรลุเป้าหมายด้วย

คำถามที่คล้ายกัน:

+ Can you tell me about your long-term goals?

⟶ คุณช่วยบอกฉันเกี่ยวกับเป้าหมายระยะยาวของคุณได้ไหม?

+ Can you talk about your long-term goals?

⟶ คุณสามารถพูดถึงบเป้าหมายระยะยาวของคุณได้หรือไม่?

คำศัพท์และโครงสร้าง:

1. โครงสร้างบางอย่างสามารถเพิ่มคำนาม (นามวลี) ด้านล่าง:

โครงสร้าง 1:

My long-term goals are [V-ing 1], [V-ing 2],… and… before [point of time].

⟶ เป้าหมายระยะยาวของฉันคือ [V-ing 1], [V-ing 2]… และ… ก่อน [timeline]

โครงสร้าง 2:

Currently, my most important long-term goal is [Ving] before [point of time].

⟶ ปัจจุบัน เป้าหมายระยะยาวที่สำคัญของฉันคือการ [V-ing] ก่อน [timeline]

โครงสร้าง 3:

Besides, I also aim at [V-ing] within… years.

⟶นอกจากนี้ ฉันยังตั้งเป้าที่จะ [V-ing] ภายใน…ปี

(สามารถใส่ V-ing ได้หลายตัว)

เราสามารถเพิ่มเข้าโครงสร้างด้านบนโดยใช้นามวลีหรือวลีที่ขึ้นต้นด้วย V-ing ดังต่อไปนี้

2. โครงสร้างที่มีกริยารูปปกติ:

Additionally, I want to [bare infinitive] within the next … years.

⟶ นอกจากนี้ ฉันต้องการ [กริยารูปปกติ] ภายใน … ปีข้างหน้า

ตัวอย่างคำตอบ:

My long-term goals are becoming a marketing executive and gaining more knowledge of SEO in the next 3 years. Additionally, I want to challenge myself in other fields of marketing.

(เป้าหมายระยะยาวของฉันคือการเป็นผู้บริหารการตลาดและได้รับความรู้ด้าน SEO เพิ่มเติมในอีก 3 ปีข้างหน้า นอกจากนี้ ฉันยังต้องการท้าทายตัวเองในด้านอื่นๆ ของการตลาดด้วย)

Can you tell me about your experience? (คุณช่วยเล่าประสบการณ์ของคุณให้ฟังหน่อยได้ไหม)

เมื่อได้รับคำถามนี้ในการสัมภาษณ์งานภาษาอังกฤษ ผู้สมัครบางคนมักจะแชร์งานและตำแหน่งทั้งหมดที่พวกเขาเคยทำงานมา สิ่งนี้สามารถส่งผลให้คำตอบกลายเป็นคำพูด เพ้อเจ้อ ไม่เน้นความ คำแนะนำสำหรับคำตอบเมื่อคุณได้รับคำถามนี้ก็คือเน้นการกล่าวถึงและให้ความสำคัญกับประสบการณ์ที่คุณคิดว่าจะเป็นประโยชน์ต่อตำแหน่งที่คุณสมัคร และสามารถสร้างความประทับใจให้นายจ้างได้

เมื่อตอบคำถามนี้ คุณสามารถใช้ Past simple tense (หากมีเวลาดำเนินการเหตุการณ์) หรือ Present perfect tense หากไม่มีเวลา หรือคุณต้องการเน้นความคงอยู่จากอดีตถึงปัจจุบัน

คำถามที่คล้ายกัน:

+ Can you talk about your (work) experience?

⟶ คุณสามารถพูดคุยเกี่ยวกับประสบการณ์ (การทำงาน) ของคุณได้ไหม?

+ Can you share with me/us about your (work) experience?

⟶ คุณสามารถแบ่งปันกับเราเกี่ยวกับประสบการณ์ (การทำงาน) ของคุณได้ไหม?

+ What relevant experience do you have?

⟶ คุณมีประสบการณ์ที่เกี่ยวข้องอะไรบ้าง?

คำศัพท์และโครงสร้าง:

โครงสร้าง 1:

Since my graduation, I have challenged myself in different fields such as [field 1], [field 2], etc. However, I’m most passionate about [field]. I have… years’ experience in this field. Therefore, I’m familiar with, and I can say, good at [noun (phrase) 1/V-ing 1], [noun (phrase) 2/V-ing 2], and…

⟶ ตั้งแต่เรียนจบ ฉันได้ท้าทายตัวเองในหลากหลายสาขา เช่น [สาขา 1], [สาขา 2] เป็นต้น อย่างไรก็ตาม ฉันชอบทำงานใน [สาขา] มากที่สุด ฉันมี… ประสบการณ์… ปีในสาขานี้ ดังนั้นฉันจึงคุ้นเคยและทำงานเก่งมากใน… (เล่าถึงงานเฉพาะของสาขานั้น)

I have … years’ experience in [field]. I have held relevant positions at several companies. Therefore, I’m confident about my ability to handle [field] tasks such as [noun (phrase) 1/V-ing 1], [noun (phrase) 2/ V-ing 2], etc.

⟶ ฉันมี… ประสบการณ์…ปีใน [สาขา] ฉันเคยดำรงตำแหน่งที่เกี่ยวข้องสาขานี้ในหลายบริษัท ดังนั้น ฉันจึงมั่นใจในความสามารถในการจัดการกับงาน [ฟิลด์] เช่น [(นามวลี) คำนาม 1/V-ing1], [(นามวลี) คำนาม 2/V-ing2] เป็นต้น

ตัวอย่างคำตอบ:

I have 3 years’ experience in HR. I have held relevant positions at several companies. Therefore, I’m confident about my ability to handle HR tasks such as recruitment, employee profit management, v.v.

เรียนภาษาอังกฤษด้วยแอป ELSA Speak ดีหรือไม่

Do you work well under pressure? (คุณทำงานได้ดีภายใต้ความกดดันหรือไม่?)

นี่เป็นหนึ่งในคำถามที่ผู้สมัครหลายคนสงสัยว่าจะตอบอย่างไรระหว่างสัมภาษณ์งานภาษาอังกฤษ จะไม่มีปัญหาอะไรหากคุณจะทำงานภายใต้แรงกดดันได้ แต่ถ้าคุณทำไม่ได้ ควรตอบตรงๆ หรือไม่? จากมุมมองของ ELSA Speak เราควรตอบตรงๆ การพูดความจริงเป็นอันดับแรกจะช่วยให้คุณสบายใจขึ้น และนายจ้างเห็นความจริงใจของคุณ

อย่างไรก็ตาม ให้ซื่อสัตย์อย่างแนบเนียน แทนที่จะพูดว่าคุณไม่สามารถทำงานภายใต้แรงกดดันได้ ให้แบ่งปันเพิ่มเติมเกี่ยวกับสิ่งที่คุณได้ทำและกำลังทำเพื่อเอาชนะสิ่งนี้ ตัวอย่างเช่น: “ตัวฉันเองทำงานภายใต้ความกดดันได้ไม่ดีนัก แต่ในทางกลับกัน ฉันพยายามวางแผนทุกอย่างอย่างรอบคอบเสมอ สิ่งนี้ช่วยให้ฉันสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ และลดความกดดันที่อาจเกิดขึ้นระหว่างกระบวนการทำงาน”

คำถามที่คล้ายกัน:

+ Can you work under pressure?

⟶ ทำงานภายใต้ความกดดันได้ไหม?

+ Do you have difficulty working under pressure?

⟶ คุณมีปัญหาในการทำงานภายใต้ความกดดันหรือไม่?

คำศัพท์และโครงสร้าง:

หมายเหตุ: วลีข้างต้นล้วนเริ่มต้นด้วยกริยารูปปกติ เราต้องผันคำกริยาเมื่อนำไปใช้

ตัวอย่างคำตอบ:

(ใช่ ฉันสามารถทำงานได้ค่อนข้างดีภายใต้ความกดดัน เมื่อทำงาน ฉันพยายามควบคุมและลดความเครียดเสมอ เคล็ดลับของฉันคือดื่มชาอุ่นๆ และหายใจเข้าลึกๆ)

(พูดตามตรง ฉันทำงานภายใต้ความกดดันไม่เก่งนัก อย่างไรก็ตาม ฉันได้พบวิธีแก้ปัญหาของฉันแล้ว ฉันวางแผนล่วงหน้าเสมอเพื่อที่ฉันจะได้อยู่ในสถานะเตรียมพร้อมสำหรับทุกสิ่ง ช่วยให้ฉันหลีกเลี่ยงความเครียดและรักษาประสิทธิภาพการทำงานของฉันไว้ได้)

banner (compare free vs pro)

Why did you leave your last job? (ทำไมคุณถึงออกจากงานเก่าของคุณ?)

ไม่เหมือนกับคำถามข้อที่ 7 เมื่อตอบคำถามนี้ เราไม่ควรซื่อสัตย์เกินไป หากคุณลาออกจากงานเพราะไม่พอใจกับบริษัทเก่า งานเก่า ฯลฯ คุณควรหลีกเลี่ยงพูดถึงสิ่งนั้น ให้มุ่งเน้นไปที่เหตุผลที่ไม่เป็นส่วนตัวและละเอียดอ่อนมากขึ้นแทน

คำถามที่คล้ายกัน:

+ What made you leave your last job?

⟶ อะไรทำให้คุณลาออกจากงานเก่า

+ Can you share with us why you left your last job?

⟶ คุณช่วยเล่าให้เราฟังได้ไหมว่าทำไมคุณถึงออกจากงานเก่า

คำศัพท์และโครงสร้าง:

challenge myself in a new field: ท้าทายตัวเองในสาขาใหม่

experience different work environments: สัมผัสกับสภาพแวดล้อมการทำงานที่แตกต่างกัน

get out of my comfort zone: ก้าวออกจากเขตความสะดวกสบายของคุณ

have more opportunities to advance my career: มีโอกาสก้าวหน้าในอาชีพการงานมากขึ้น

widen my horizon in the… field: ขยายความรู้ของฉันในสาขา…

ตัวอย่างคำตอบ:

(งานเก่าของฉันได้ให้ประสบการณ์อันมีค่ามากมายแก่ฉัน อย่างไรก็ตาม ฉันคิดว่าถึงเวลาแล้วที่จะก้าวออกจากเขตความสะดวกสบายของฉันและท้าทายตัวเองในสาขาใหม่)

(อย่างแรกคือฉันอยากมีโอกาสพัฒนาอาชีพมากกว่านี้ อีกอย่าง บริษัทเก่าของฉันอยู่ไกลจากบ้านพอสมควร)

Why do you want this job? (ทำไมคุณถึงต้องการงานนี้)

สำหรับคำถามนี้ ให้ระบุเหตุผลของคุณอย่างตามใจชอบ อย่างไรก็ตาม คุณควรระวังอย่าให้ความสำคัญกับเหตุผลที่เกี่ยวข้องกับเงินเดือนหรือสวัสดิการมากเกินไป

คำถามที่คล้ายกัน:

+ What made you apply for this job?

⟶ อะไรทำให้คุณสมัครงานนี้

+ Why did you apply for this job?

⟶ ทำไมคุณถึงสมัครงานนี้?

คำศัพท์และโครงสร้าง:

I would like to [bare infinitive]: ฉันต้องการ [infinitive]

I think this job will give me lots of value such as [(noun) phrase 1], [noun (phrase) 2],… and…: ฉันคิดว่างานนี้จะให้คุณค่าแก่ฉันมากมาย เช่น [(วลี) ) คำนาม 1], [(วลี) คำนาม 2],… และ…

When reading the job description, I was really impressed with [(noun) phrase 1], [noun (phrase) 2],… and…: เมื่ออ่านรายละเอียดงาน ฉันรู้สึกประทับใจมากกับ [(วลี) นาม 1] , [(วลี) คำนาม 2],… และ…

ตัวอย่างคำตอบ:

(อย่างแรกคือฉันอยากท้าทายตัวเองในสายงานการตลาด นอกจากนี้ พออ่านรายละเอียดงานแล้ว ฉันรู้สึกประทับใจกับงานตำแหน่งนี้มาก คิดว่าจะฉันจะสามารถสั่งสมความรู้และประสบการณ์อีกเยอะ)

(ฉันคิดว่างานนี้จะให้คุณค่ากับฉันมากมาย เช่น ประสบการณ์ในการจัดการห่วงโซ่อุปทาน ทักษะทางสังคมที่ดีขึ้น และความสัมพันธ์ที่ดีกับเพื่อนร่วมงานที่น่ารัก)

Why should we hire you? (ทำไมเราควรจ้างคุณ?)

เมื่อตอบคำถามนี้ คุณควรแสดงความมั่นใจและความจริงใจ ก่อนอื่น คุณสามารถระบุได้ว่าบริษัทต้องการพนักงานแบบไหน โดยอ้างอิงจากสิ่งที่คุณอ่านใน JD หรือได้ยินผู้สัมภาษณ์พูดถึงมาก่อน จากนั้น ชี้ประเด็นที่คุณคิดว่าทำให้คุณตรงตามคุณสมบัติของพนักงานคนนั้น และจะดีกว่า ถ้าคุณสามารถยกตัวอย่างที่เป็นรูปธรรม ข้อเท็จจริง และมีตัวเลข (หากจำเป็น)

คำถามที่สอดคล้องกัน:

+ In your opinion, what makes you stand out from other candidates?

⟶ ในความคิดเห็นของคุณ อะไรทำให้คุณโดดเด่นกว่าผู้สมัครคนอื่นๆ

+ Why are you suitable for this job?

⟶ ทำไมคุณถึงเหมาะกับงานนี้?

คำศัพท์และโครงสร้าง:

From what I have learned, it seems like you are looking for someone who can [bare infinitive]จากสิ่งที่ฉันได้ศึกษามา ดูเหมือนว่าคุณกำลังมองหาคนที่สามารถ…
With my … years’ experience in [noun (phrase)/ V-ing], I believe I’m the employee you are looking forด้วยประสบการณ์…ปีในสายงาน… ฉันเชื่อว่าฉันคือพนักงานที่คุณกำลังมองหา
With my ability to [bare infinitive], I think I’m suitable for this positionด้วยความสามารถ…ของฉัน ฉันคิดว่าฉันเหมาะกับตำแหน่งนี้
At my previous/former company, [clause in Past Simple]ที่บริษัทก่อนหน้าของฉัน [ประโยคใช้ Past Simple เพื่อให้หลักฐาน]

ตัวอย่างคำตอบ:

(จากสิ่งที่ฉันได้ศึกษามา บริษัทของคุณกำลังมองหาคนที่สามารถจัดการกับข้อกังวลของลูกค้าได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ ด้วยประสบการณ์ 2 ปีในการบริการลูกค้า ฉันเชื่อว่าฉันคือพนักงานที่คุณกำลังมองหา)

>>> Read more

What do you know about our company? (คุณรู้อะไรเกี่ยวกับบริษัทของเราบ้าง?)

สำหรับคำถามนี้ คุณต้องแสดงความรู้ของคุณเกี่ยวกับบริษัทเพื่อแสดงให้นายจ้างเห็นว่าคุณสนใจจริงๆ และได้ทำการวิจัยบริษัทและตำแหน่งที่คุณสมัครอย่างละเอียดถี่ถ้วน สิ่งที่คุณควรกล่าวถึง ได้แก่ บริการ/สินค้าของบริษัท ขนาดของบริษัท ความสำเร็จและชื่อเสียงที่โดดเด่นของบริษัท วิสัยทัศน์และทิศทาง ลักษณะของสภาพแวดล้อมในการทำงาน ฯลฯ  จงแสดงให้พวกเขาเห็นว่าคุณสนใจและต้องการทำงานให้กับบริษัทของพวกเขาจริงๆ

คำถามที่สอดคล้องกัน:

What have you learned about our company?

⟶ คุณได้เรียนรู้อะไรเกี่ยวกับบริษัทของเราบ้าง?

คำศัพท์และโครงสร้าง:

I have read on your website that [clause]ฉันได้อ่านบนเว็บไซต์ของบริษัทของคุณว่า [clause]
From the articles that I have read, I have got to know that [clause]จากบทความที่ฉันได้อ่าน ฉันทราบว่า [clause]
I have got to know about your [noun (phrase)] through your recruitment post. I have to say that I’m really impressed with it and I think it’s really suitable for meฉันได้เรียนรู้เกี่ยวกับ [(นามวลี) ของบริษัทของคุณผ่านประกาศรับสมัครงาน ฉันต้องบอกว่าฉันประทับใจมากและฉันคิดว่ามันเหมาะกับฉันจริงๆ
develop myselfพัฒนาตัวเอง
create more valueสร้างมูลค่าเพิ่ม

ตัวอย่างคำตอบ:

(จากสิ่งที่ฉันอ่านบนเว็บไซต์ บริษัทของคุณเป็นหนึ่งในบริษัทรักษาความปลอดภัยข้อมูลชั้นนำที่ไทย และยังให้บริการบริษัทเทคโนโลยีกว่า 30 แห่ง รวมถึงรายใหญ่ เช่น TechLeap, Vision เป็นต้น ฉันพิจารณาว่าการได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของ บริษัทของคุณเป็นโอกาสที่ดีในการพัฒนาตัวเองและสร้างมูลค่าเพิ่มในภาคเทคโนโลยี)

(ฉันได้เรียนรู้เกี่ยวกับสภาพแวดล้อมการทำงานที่เป็นมิตรและพลวัตที่บริษัทของคุณผ่านประกาศรับสมัครงาน และฉันรู้สึกประทับใจจริงๆ  ฉันคิดว่ามันเหมาะมากสำหรับฉันที่จะขยายความรู้และพัฒนาตนเองและสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับบริษัท)

>>> Read more

What do you expect from the new job? (คุณคาดหวังอะไรจากงานใหม่นี้?)

เมื่อตอบคำถามนี้ ให้แบ่งปันความปรารถนาของคุณด้วยความจริงใจ แต่ไม่ควรเน้นเรื่องเงินเดือนและโบนัส แต่ควรเน้นที่คุณค่า เช่น การพัฒนาตนเอง การปรับปรุงคุณสมบัติและประสบการณ์ เป็นต้น นอกจากนี้ อย่าลืมแสดงความคาดหวังของคุณเกี่ยวกับสิ่งที่คุณจะมอบให้กับบริษัท

คำถามที่สอดคล้องกัน:

+ What are your expectations for this job/position?

⟶ คุณคาดหวังอะไรสำหรับงาน/ตำแหน่งนี้?

+ What are your expectations for our company?

⟶ ความคาดหวังของคุณที่มีต่อบริษัทของเราคืออะไร?

คำศัพท์และโครงสร้าง:

My expectation(s) for the company would be [V-ing]ความคาดหวังของฉันที่มีต่อบริษัทคือ…
My expectation(s) for this job/position would be [V-ing]ความคาดหวังของฉันสำหรับตำแหน่ง/งานนี้คือ…

*วลีที่ขึ้นต้นด้วย V-ing สามารถใส่เข้าโครงสร้างด้านบนได้:

* วลีที่ขึ้นต้นด้วยกริยารูปปกติที่สามารถแทรกลงในโครงสร้างด้านบน:

ตัวอย่างคำตอบ:

(ความคาดหวังของฉันสำหรับตำแหน่งนี้คือทำให้ฉันมีโอกาสเพิ่มพูนความรู้และฝึกฝนทักษะทางวิชาชีพเพื่อเพิ่มมูลค่าให้กับบริษัท)

(ฉันหวังว่าจะได้ร่วมงานกับคนที่น่ารัก พัฒนาตัวเอง ช่วยเหลือบริษัทและก้าวหน้าในการงาน)

How long do you plan on staying with our company? (คุณวางแผนที่จะอยู่กับบริษัทของเรานานแค่ไหน?)

สำหรับคำถามนี้ คำตอบของคุณควรมีอย่างน้อย 1 ปีหรือมากกว่านั้น เนื่องจากนายจ้างต้องการหาพนักงานที่จะอยู่กับพวกเขาไปนานๆ

คำถามที่สอดคล้องกัน:

+ How long are you going to stay with our company?

⟶ คุณวางแผนที่จะอยู่กับบริษัทของเรานานแค่ไหน?

+ How long are you going to work here?

⟶ คุณวางแผนที่จะทำงานที่นี่นานแค่ไหน?

+ How long do you plan on working here?

⟶ คุณวางแผนที่จะทำงานที่นี่นานแค่ไหน?

คำศัพท์และโครงสร้าง:

ตัวอย่างคำตอบ:

(พูดตามตรง ฉันทำงานอย่างหนักเพื่อได้สามารถเข้าบริษัทนี้ ดังนั้นหากฉันได้งานนี้ ฉันคงอยู่ต่อไปอีกนานอย่างแน่นอน)

(บริษัทของคุณมีทุกอย่างที่ฉันกำลังมองหา ดังนั้นหากฉันได้รับเลือก ฉันจะถือโอกาสนี้ไว้และตัดสินใจอยู่กับบริษัทในระยะยาว)

คนวัยทำงานยังเรียนภาษาอังกฤษได้อย่างดี

How much salary do you expect?  (คุณต้องการเงินเดือนเท่าไหร่?)

เมื่อพูดถึงเงินเดือนที่คุณต้องการ คุณควรพิจารณาจากความสามารถที่แท้จริงของคุณ นายจ้างจะชื่นชมความสามารถของคุณอย่างมากในการเห็นคุณค่าในตนเองและความตรงไปตรงมาของคุณ ดังนั้นอย่าเกรงใจที่จะบอกนายจ้างว่าคุณต้องการเงินเดือนเท่าไหร่!

คำถามที่สอดคล้องกัน:

+ What are your salary expectations?

⟶ เงินเดือนที่คุณคาดหวังคือเท่าไหร่?

+ What’s your expected salary?

⟶ เงินเดือนที่คาดหวังของคุณคือเท่าไหร่?

คำศัพท์และโครงสร้าง:

May I know the average salary of this position?

⟶ ขอทราบเงินเดือนเฉลี่ยของตำแหน่งนี้ได้ไหม?

May I ask what the average salary of this position is?

⟶ ขอถามว่าตำแหน่งนี้เงินเดือนเฉลี่ยเท่าไหร่?

Could you tell me the average salary of this position?

⟶ คุณสามารถช่วยบอกเงินเดือนเฉลี่ยของตำแหน่งนี้หน่อยได้ไหม?

ตัวอย่างคำตอบ:

วิธีตอบคำถามนี้จะแบ่งเป็นสองกรณี

ในกรณีที่หนึ่ง สำหรับผู้ที่ไม่ทราบตารางเงินเดือนที่นายจ้างระบุสำหรับตำแหน่งที่คุณสมัครและยังไม่ได้กำหนดเงินเดือนที่เหมาะสมสำหรับตำแหน่งนี้จริงๆ คุณควรสอบถามนายจ้างเกี่ยวกับเงินเดือนเฉลี่ยสำหรับตำแหน่งนี้ จากนั้นให้ตอบตามเงินเดือนที่นายจ้างเสนอ! คำตอบมีดังนี้:

May I ask what the average salary of this position is? I want my salary to match my qualifications and experience. 

(ขอถามหน่อยค่ะว่าตำแหน่งนี้เงินเดือนเฉลี่ยเท่าไหร่คะ อยากได้เงินเดือนที่ตรงกับความสามารถและประสบการณ์ค่ะ)

ในกรณีที่สอง คุณรู้อยู่แล้วว่าเงินเดือนที่คุณต้องการคือเท่าไร:

+ I think a monthly salary of… would match my qualifications and experience.

⟶ ฉันคิดว่าเงินเดือน… เหมาะสมกับความสามารถและประสบการณ์ของฉัน

+ With my skills and experience, I would like to earn … per month.

⟶ ด้วยทักษะและประสบการณ์ของฉัน ฉันต้องการสร้างรายได้… ต่อเดือน

+ I’m seeking a position that pays around … per month.

⟶ ฉันกำลังมองหาตำแหน่งที่มีเงินเดือน … ต่อเดือน

* ประโยคตัวอย่าง:  With my skills and experience, I would like to earn $1000 per month. 

(ด้วยทักษะและประสบการณ์ของฉัน ฉันอยากให้เงินเดือนของฉันอยู่ที่ $1,000 ต่อเดือน)

Do you have any questions for me/us? (คุณมีคำถามสำหรับฉัน/พวกเราไหม)

เราควรหลีกเลี่ยงการเงียบเมื่อเราได้รับคำถามนี้ ก่อนเข้าร่วมการสัมภาษณ์งานภาษาอังกฤษ คุณควรสรุปคำถามที่คุณต้องการถามนายจ้าง สิ่งนี้จะช่วยให้คุณสร้างภาพลักษณ์ของคนที่ระมัดระวังและกระตือรือร้นในสายตาของนายจ้าง

คำถามที่คล้ายกัน:

+ Would you like to ask me/us anything?

⟶ คุณต้องการถามอะไรฉัน/เราไหม?

+ Is there anything else you would like to know?

⟶ มีอะไรอีกที่คุณอยากรู้?

elsa speak official

คำถามบางข้อที่คุณอาจต้องการถามนายจ้าง:

+ If I were hired for this position, what would you want me to achieve in my first… months?

⟶ ถ้าฉันได้รับการว่าจ้างในตำแหน่งนี้ คุณคาดหวังให้ฉันทำอะไรให้สำเร็จใน… เดือนแรกของฉัน?

+ Could you tell me about the responsibilities of this position?

⟶ คุณสามารถช่วยบอกหน้าที่ความรับผิดชอบของตำแหน่งนี้หน่อยได้ไหม?

+ How would you describe the management style of your company?

⟶ คุณสามารถอธิบายรูปแบบการจัดการของบริษัทของคุณว่าอย่างไรได้ไหม?

+ Could you share more about the company culture?

⟶ คุณสามารถแบ่งปันเพิ่มเติมเกี่ยวกับวัฒนธรรมของบริษัทได้หรือไม่?

+ May I know more about the work environment here?

⟶ ฉันสามารถทราบข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับสภาพแวดล้อมการทำงานที่นี่ได้หรือไม่?

+ What are the company’s goals for the upcoming year?

⟶ เป้าหมายของบริษัทในปีหน้าคืออะไร?

+ What are some of the challenges you have seen people in this position encounter?

⟶ ความท้าทายอะไรบ้างที่คุณเห็นว่าคนดำรงตำแหน่งนี้ต้องเอาชนะได้?

+ If I were chosen for this position, how would my performance be measured?

⟶ หากฉันได้รับเลือกในตำแหน่งนี้ คุณจะประเมินผลงานอย่างไร?

ตัวอย่างประโยคภาษาอังกฤษเพื่อขอให้นายจ้างทวนคำถาม

ในระหว่างการสัมภาษณ์งานภาษาอังกฤษ อาจมีคำถามบางข้อที่คุณได้ยินไม่ชัดเจน ในตอนนั้น ให้สงบสติอารมณ์และขอให้ผู้สัมภาษณ์ถามคำถามซ้ำด้วยวิธีใดวิธีหนึ่งต่อไปนี้:

+ I’m sorry, but could you repeat the question?

⟶ ฉันขอโทษ แต่คุณช่วยถามคำถามซ้ำได้ไหม

+ Could you please repeat the question?

⟶ คุณสามารถทวนคำถามได้ไหม?

+ I’m sorry. Could you please repeat that? 

⟶ ฉันขอโทษ คุณสามารถพูดอีกครั้งได้ไหม

+ I didn’t quite catch that. Can you ask again, please?

⟶ ฉันยังไม่เข้าใจจริงๆ ฉันขอฟังคำถามอีกครั้งได้ไหม

+ So sorry, but would you mind repeating the second/last/… question?

⟶ ฉันขอโทษจริงๆ แต่คุณช่วยทวนคำถามที่สอง/สุดท้าย/… ได้ไหม

ข้อแนะนำในการเตรียมตัวและสัมภาษณ์งานภาษาอังกฤษ

เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับบริษัทและตำแหน่งที่คุณสมัคร

นอกจากการตอบคำถามเป็นภาษาอังกฤษอย่างคล่องแคล่วแล้ว การแสดงความเข้าใจของคุณเกี่ยวกับบริษัทและตำแหน่งที่คุณกำลังสมัครยังช่วยให้คุณสร้างความประทับใจให้กับนายจ้างอีกด้วย พวกเขาจะรู้สึกว่าคุณสนใจและจริงจังกับบริษัทของพวกเขาและตำแหน่งที่พวกเขากำลังจ้าง ดังนั้นอย่าลืมหาข้อมูลบริษัทและตำแหน่งงานที่คุณต้องการสมัครให้ดีเสียก่อน

เตรียมคำถามล่วงหน้าและมีคำตอบที่สอดคล้องกัน เตรียมการสัมภาษณ์งานภาษาอังกฤษพร้อมคําแปล

อีกสิ่งหนึ่งที่ช่วยให้คุณมีอัตรา “ชนะ” ในการสัมภาษณ์สูงขึ้นคือการเตรียมรายการคำถามที่คุณอาจถูกถามระหว่างการสัมภาษณ์ เมื่อคุณคาดการณ์ว่าจะถูกถามอะไร คุณจะสามารถเตรียมตัวและฝึกฝนล่วงหน้าได้ ซึ่งจะช่วยให้คุณหลีกเลี่ยงการตื่นเต้นเมื่อเข้าสู่การสัมภาษณ์จริง

สอบสัมภาษณ์กับญาติหรือเพื่อนๆ

ผู้สมัครหลายคนเมื่อต้องเตรียมตัวสัมภาษณ์มักจะเลือกปฏิบัติด้วยตัวเอง อย่างไรก็ตาม วิธีนี้ยังมีข้อจำกัดอยู่ เนื่องจากคุณจะขาดปฏิสัมพันธ์กับผู้สัมภาษณ์ และยังไม่สามารถตรวจทานและควบคุมคุณภาพของคำตอบได้ ดังนั้นจะเป็นการดีกว่ามากหากคุณสามารถขอให้เพื่อนหรือญาติช่วยเหลือ โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่สามารถพูดภาษาอังกฤษได้ในระดับปานกลางหรือสูงกว่า เพื่อทำหน้าที่เป็นผู้สัมภาษณ์และฝึกฝนกับคุณ พวกเขาจะช่วยให้คุณเข้าใกล้การสัมภาษณ์จริงมากขึ้นและยังสามารถให้คำแนะนำที่มีค่าแก่คุณได้

สัมภาษณ์งานภาษาอังกฤษ
เตรียมตัวสอบสัมภาษณ์ภาษาอังกฤษให้คล่อง!

ใช้ภาษาที่เป็นทางการ

เมื่อเข้าร่วมการสัมภาษณ์งานหรือการสัมภาษณ์ใด ๆ คุณควรหลีกเลี่ยงการใช้คำที่ไม่เป็นทางการ โดยเหมาะสำหรับชีวิตประจำวันเท่านั้น แต่ควรใช้คำหรือประโยค และสำนวนที่เหมาะสมกับบรรยากาศที่เป็นทางการตามแบบฉบับของการสัมภาษณ์ ดังนั้นในคำศัพท์และโครงสร้างทั้งหมดข้างต้น ELSA Speak จึงได้เลือกและใช้คำที่สุภาพและเป็นทางการ

เตรียมคำถามเพื่อถามนายจ้างเสมอ

สิ่งที่ขาดไม่ได้อย่างหนึ่งในการเตรียมตัวสัมภาษณ์งานคือการเตรียมคำถามเพื่อถามนายจ้าง สิ่งนี้สำคัญมากเพราะอย่างที่ ELSA Speak แสดงไว้ในข้อ 15 แทนที่จะตอบคำถามอย่างเดียว การถามนายจ้างด้วยคำถามที่ตรงกันข้ามจะแสดงให้เห็นว่าคุณเป็นคนกล้าหาญ กระตือรือร้น และขยันในการเรียนรู้ อย่างน้อยก็เกี่ยวกับบริษัทและตำแหน่งที่คุณกำลังสมัคร

>>> Read more

เขียนจดหมายขอบคุณหลังการสัมภาษณ์

มันจะเป็นความผิดพลาดครั้งใหญ่ถ้าเมื่อคุณเดินออกจากห้องสัมภาษณ์แล้วคิดว่า “ในที่สุดก็เสร็จแล้ว” ตอนนี้ ยังมีโอกาสให้คุณสร้างความประทับใจเพิ่มเติมให้กับนายจ้าง โปรดส่งจดหมาย/อีเมลขอบคุณอย่างจริงใจไปยังบริษัท และในขณะเดียวกันก็แสดงความคาดหวังของคุณเกี่ยวกับผลการสัมภาษณ์ ELSA Speak มั่นใจว่าสิ่งนี้จะเป็นแต้มบวก “ยิ่งใหญ่มาก” ในสายตาของนายจ้าง

นอกจากการสัมภาษณ์ภาษาอังกฤษแล้ว การฝึกทักษะอื่นๆ เช่น การนำเสนอเป็นภาษาอังกฤษหรือการเขียนอีเมลเป็นภาษาอังกฤษจะช่วยให้คุณมีความมั่นใจมากขึ้นเมื่อต้องรับมือกับสถานการณ์ต่างๆ ในการทำงานและในชีวิต

วิธีการเรียนภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสารที่บ้านอย่างไรให้ได้ผล / เรียนภาษาอังกฤษด้วยต

เช่นนั้น เราได้รู้ว่าเรวควรตอบคำถามสัมภาษณ์งานภาษาอังกฤษสำหรับคนวัยทำงานอย่างไรแล้ว และจำไว้ว่าด้วยการเตรียมตัว คุณประสบความสำเร็จไปแล้ว 80% ดังนั้นจึงฝึกฝนอย่างระมัดระวังและอย่าลืมทบทวนภาษาอังกฤษในแต่ละวัน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ให้เข้าร่วมการสัมภาษณ์อย่างมั่นใจและสร้างความประทับใจในนายจ้างนะ!

ให้เยี่ยมชมเว็บไซต์ th.elsaspeak.com เป็นประจำเพื่อรับความรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับการศึกษาด้วยตนเอง การสื่อสารภาษาอังกฤษ สำหรับคนวัยทำงานและวัยเรียน!

คุณเคยสงสัยหรือไม่ว่าคำสรรพนาม หรือ pronoun คือ อะไร? วิธีการใช้ไวยากรณ์นี้จะเป็นอย่างไร? บทความด้านล่างนี้จะสรุปความรู้ ความหมาย การแบ่งประเภท หน้าที่ การใช้ และแบบฝึกหัดเฉพาะของคำสรรพนามภาษาอังกฤษ ศึกษาตอนนี้เลยเพื่อรับรู้วิธีใช้คำสรรพนามในแต่ละสถานการณ์การสื่อสาร รวมถึงในการทดสอบภาษาอังกฤษที่สำคัญของคุณ!

ความหมายและหน้าที่ของคำสรรพนามบุคคล

Pronoun คืออะไร

คำสรรพนาม หรือ คำสรรพนามบุคคล หรือ pronoun คือคำที่ใช้ระบุและแทนคำนามที่แสดงบุคคล สิ่งของ หรือสิ่งต่างๆ วัตถุประสงค์หลักของการใช้คำสรรพนามก็คือให้หลีกเลี่ยงการใช้คำนามดังกล่าวซ้ำโดยไม่จำเป็น

คําสรรพนามภาษาอังกฤษพร้อมคําแปล ตัวอย่างเฉพาะ:

My brother is a gamer. He has a very expensive keyboard (พี่ชายของฉันเป็นนักเล่นเกม เขามีคีย์บอร์ดราคาแพงมาก)

คำอธิบาย: คำว่า “He” ได้แทนที่คำว่า “My Brother” เพื่อหลีกเลี่ยงการพูดซ้ำโดยไม่จำเป็นและการทำให้ประโยคน่าเบื่อ

 ตัวอย่างอื่น ๆ
pronoun ตัวอย่างอื่น ๆ

การจำแนกสรรพนามบุคคลในภาษาอังกฤษ

คำสรรพนามบุคคลในประโยคจะทำหน้าที่เป็นประธานหรือกรรมของประโยคนั้น ในภาษาอังกฤษ คำสรรพนามได้แบ่งออกเป็น 7 คำหลัก ได้แก่​​

คำสรรพนามบุรุษในภาษาอังกฤษความหมาย
Iบุรุษที่ 1 เอกพจน์ฉัน ดิฉัน ผม
Weบุรุษที่ 1  พหูพจน์เรา พวกเรา
Youบุคคลที่ 2 เอกพจน์และพหูพจน์คุณ
Heบุคคลที่ 3 เอกพจน์ เพศชายเขา
Sheบุคคลที่ 3 เอกพจน์ เพศหญิงเธอ
Itบุคคลที่ 3 เอกพจน์มัน
Theyบุคคลที่ 3 พหูพจน์พวกเขา
การจำแนกคําสรรพนามภาษาอังกฤษ pronoun คือ
การจำแนกคําสรรพนามภาษาอังกฤษ

ตารางสรุป pronoun ส่วนขยาย:

สรรพนามรูปประธานสรรพนามรูปกรรมสรรพนามตนเองคำคุณศัพท์ที่แสดงความเป็นเจ้าของuสรรพนามรูปประธาน
i (ฉัน ผม)me (ฉัน ผม)myself (ตนเอง/ฉันเอง)my (ของฉัน)mine (ของฉัน/เป็นของฉัน)
you (คุณ)you (คุณ)yourself, yourselves (คุณเอง)your (ของคุณ/ของพวกคุณ)yours(ของคุณ/เป็นของคุณ)
he, she, it (เขา/เธอ/มัน)him, her, it (เขา/เธอ/มัน)himself, herself, itself (เขาเอง/เธอเอง/มันเอง)his, her, its (ของเขา/เธอ/มัน)his, hers (ของเขา/เธอ)
we (พวกเรา)us (พวกเรา)ourselves (พวกเราเอง)our (ของเรา/ของพวกเรา)ours (ของพวกเรา/เป็นของพวกเรา)
they (พวกเขา)them (พวกเขา)themselves (พวกเขาเอง)their (ของพวกเขา/ของพวกมัน)theirs (ของพวกเขา/เป็นของพวกเขา)
ตารางขยายคำสรรพนาม pronoun คือ
ตารางขยายคำสรรพนาม

กำหนดบุรุษของสรรพนามบุคคล

คำสรรพนามภาษาอังกฤษมีหน้าที่หลักๆ เพียง 2 อย่างเท่านั้น นั่นคือ เป็นประธาน หรือกรรมในประโยค รายละเอียดในตารางด้านล่างจะช่วยให้คุณเข้าใจวิธีการใช้สรรพนามส่วนตัวเป็นประธาน/กรรม:

บุรุษของสรรพนามบุคคลประธารกรรม
บุรุษที่ 1IMe
WeYou
บุรุษที่ 2YouYou
บุรุษที่ 3TheyThem
ItIt
HeHim
SheHer

หมายเหตุ: ให้พยายามจำตารางกำหนดบุรุษนี้เพื่อที่จะใช้งานได้อย่างดี!

การใช้ pronoun

คำสรรพนามเป็นประธานในประโยค

วิธีใช้คำสรรพนามบุคคลอันแรกคือการใช้คำสรรพนามเป็นประธานของประโยค เมื่อเป็นประธานของประโยค คำสรรพนามจะอยู่ข้างหน้าคำกริยาหลักของประโยค นอกจากนี้กริยาหลักในประโยคจะต้องเปลี่ยนเพื่อให้เหมาะสมกับประธานนั้น ตัวอย่างเฉพาะ:

ประธานของประโยค
subject pronoun คือประธานของประโยค

คำสรรพนามเป็นกรรมของประโยค

นอกจากทำหน้าที่เป็นประธานในประโยคแล้ว คำสรรพนามยังทำหน้าที่เป็นกรรมในประโยคอีกด้วย เมื่อทำหน้าที่เป็นกรรม คำสรรพนามจะอยู่หลังคำกริยา

นอกจากนี้ คำสรรพนามยังทำหน้าที่เป็นกรรมรอง (Indirect object) ของประโยคอีกด้วย เมื่อเป็นกรรมรอง สรรพนามจะอยู่ข้างหน้าคำนามและหลังคำกริยา ตัวอย่างเฉพาะ:

object pronoun คือกรรมในประโยค pronoun คือ
object pronoun คือกรรมในประโยค

คำสรรพนามวมาหลังคำบุพบท

สุดท้าย คำสรรพนามบุคคลยังมีการใช้งานอื่นอีกด้วย นั้นคืออยู่หลังคำบุพบทภาษาอังกฤษของประโยคเฉพาะ ตัวอย่าง:

คำสรรพนามบุคคลมาหลังคำบุพบท pronoun คือ
คำสรรพนามบุคคลมาหลังคำบุพบท

แบบฝึกหัดเฉพาะ

ข้างต้นคือความรู้ทั้งหมดเกี่ยวกับไวยากรณ์คำสรรพนามภาษาอังกฤษ หวังว่าบทความนี้จะทำให้ผู้อ่านเข้าใจความหมาย การจัดหมวดหมู่ หน้าที่ และการใช้คำสรรพนามมากขึ้น ELSA Speak ขอให้คุณเรียนอย่างมีประสิทธิภาพและได้คะแนนสูงในการทดสอบภาษาอังกฤษที่กำลังจะมาถึง!

การใช้ pronoun

1. คำสรรพนามเป็นประธานในประโยค
2. คำสรรพนามเป็นกรรมของประโยค
3. คำสรรพนามวมาหลังคำบุพบท

ประโยคอดีตกาลต่อเนื่อง – Past Continuous เป็นหนึ่งในกาลพื้นฐานในภาษาอังกฤษที่คุณจำเป็นต้องรู้เมื่อเรียนภาษาอังกฤษ บทความนี้จะให้ความรู้อย่างครบถ้วนเกี่ยวกับ Past Continuous Tense รวมถึงแนวคิด โครงสร้างประโยค สัญญาณการรับรู้รู้ การใช้งาน และแบบฝึกหัดเพื่อให้ใช้โครงสร้างได้คล่องขึ้น ลองดูเลย!

Past Continuous Tense
สรุปความรู้เกี่ยวกับ Past Continuous

นิยาม

Past Continuous คือ Tense ที่อธิบายถึงการกระทำที่กำลังดำเนินอยู่ในช่วงเวลาหนึ่งในอดีต

Past Continuous Tense ตัวอย่างประโยค:

Yesterday at 7pm I was having dinner. 

(เมื่อวานนี้ เวลา 7pm ฉันกำลังรับประทานอาหารเย็น)

โครงสร้าง Past Continuous Tense

โครงสร้างตัวอย่าง
บอกเล่าS+ was/ were + V-ing + …When he came, I was cooking lunch
ปฏิเสธS + was/ were + not + V-ing + …He wasn’t having coffee with me this time yesterday
คำถามWas/ Were + S+ V-ing + …?
– Yes, S + was/ were
– No, S + wasn’t/ weren’t.
Were you working when I called you?
– No, I wasn’t.

Past Continuous Tense โครงสร้างประโยคบอกเล่า

S+ was/ were + V-ing + … (be)

หมายเหตุ:

Subjectbe ที่สอดคล้อง
I/ He/ She/ It/ My mother/ His cat/… was
We/ You/ They/ My parents/ Those employeeswere

ตัวอย่าง:

When he came, I was cooking lunch. 

(ตอนที่เขามาถึง ฉันกำลังทำอาหารกลางวันอยู่)

That customer called while we were discussing the new project.  

(ลูกค้าคนนั้นโทรมาตอนที่เรากำลังคุยเรื่องโครงการใหม่)

Past Continuous Tense โครงสร้างประโยคปฏิเสธ

S + was/ were + not + V-ing + … (be)

*หมายเหตุ:

ตัวอย่าง: 

He wasn’t having coffee with me this time yesterday.   

(เขาไม่ได้ดื่มกาแฟกับฉันเวลานี้เมื่อวานนี้)

When I got to the office, they weren’t talking about the new product.

(เมื่อฉันไปถึงที่ทำงาน พวกเขาไม่ได้พูดถึงผลิตภัณฑ์ใหม่)

Past Continuous Tense โครงสร้างประโยคคำถาม

คำถาม Yes-No

Was/ Were + S+ V-ing + …? (be)
Yes, S + was/ were.No, S + wasn’t/ weren’t.

ตัวอย่างประโยค Past Continuous Tense:

Was our daughter playing in the garden when you got home?

(ลูกสาวของเราเล่นอยู่ในสวนเมื่อคุณกลับถึงบ้านหรือเปล่า)

➥ Yes, she was (เธอเล่นอยู่)

Were you working when I called you?

(คุณทำงานอยู่หรือเปล่าเมื่อฉันโทรหาคุณ)

➥ No, I wasn’t (ไม่ได้ทำ)

คำถาม Wh-

❖ คำถามไม่ใช่ Subject

What/ Where/ When/ Why/ How/ Who(m) + was/ were + (not) + S + V-ing + …?  (be)

ตัวอย่าง:

What were the employees doing when the boss came?

(พนักงานกำลังทำอะไรเมื่อเจ้านายมา?)

Where was she hiding while the bad guy was looking for her?

(เธอซ่อนตัวอยู่ที่ไหนในขณะที่คนเลวกำลังตามหาเธอ?)

Why weren’t you doing homework when we got home?

(ทำไมลูกไม่ทำการบ้านเมื่อเรากลับถึงบ้าน?)

❖ คำถามคือ Subject

What/ Who + was + V-ing + …? (be)

ตัวอย่าง:

What was happening when the plane landed?

(เกิดอะไรขึ้นเมื่อเครื่องบินลงจอด?)

Who was singing while we were sleeping last night?

(ใครร้องเพลงในขณะที่เรากำลังนอนหลับเมื่อคืนนี้?)

Past Continuous Tense
โครงสร้าง Past Continuous Tense

หลักการใช้ Past Continuous Tense

3.1. ใช้ในประโยคความเดียวเพื่อแสดงการกระทำที่ (ไม่ได้) กำลังดำเนินอยู่ ณ เวลาหนึ่ง (แสดงด้วยวลี) ในอดีต

ในกรณีนี้จะมีวลีในประโยคที่ระบุถึงช่วงเวลาในอดีตที่การกระทำ (ไม่ได้) ดำเนินไปไม่สิ้นสุด ตัวอย่าง: at 9am/ 7pm/… yesterday, this time yesterday, v.v.

ตัวอย่าง:

This time last week, we were flying to Singapore.

(เวลานี้เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เรากำลังบินไปสิงคโปร์)

That employee wasn’t writing a report at 9:30 this morning. 

(พนักงานคนนั้นไม่ได้เขียนรายงานเมื่อเวลา 9:30 น. เมื่อเช้านี้)

3.2. ใช้ในประโยคความซ้อนด้วยหนึ่ง clause ที่ใช้ Past Simple เพื่ออธิบายการกระทำที่ (ไม่ได้) กำลังดำเนินอยู่เมื่อมีการกระทำอื่นเกิดขึ้นหรือขัดจังหวะในอดีต

ประโยคทั้งสองจะเชื่อมต่อกันตามสูตร 4 สูตรต่อไปนี้:

When + Past Simple Clause + , + Past Continuous ClauseWhen the teacher came in, the students were talking noisily.
(เมื่ออาจารย์เข้ามา นักเรียนกำลังคุยกันเสียงดัง)
Past Continuous Clause + when +  Past Simple ClauseThe students were talking noisily when the teacher came in.
(นักเรียนกำลังคุยกันเสียงดังเมื่อครูเข้ามา)
While + Past Continuous Clause + , +  Past Simple ClauseWhile the students were talking noisily, the teacher came in.
(ขณะที่นักเรียนคุยกันเสียงดัง ครูก็เข้ามา)
Past Simple Clause + while + Past Continuous ClauseThe teacher came in while the students were talking noisily.
(ครูเข้ามาในขณะที่นักเรียนกำลังคุยกันเสียงดัง)

3.3. ใช้ในทั้งสอง Clause ของประโยคความซ้อนเพื่ออธิบายการกระทำ 2 อย่างที่เกิดขึ้นพร้อมกันในอดีต

ประโยคทั้งสองจะเชื่อมต่อกันตาม 2 สูตรต่อไปนี้:

While + Past Continuous Clause 1 + , + Past Continuous Clause 2.While the children were playing, we were singing karaoke.
→ ขณะที่เด็กๆ เล่น เรากำลังร้องเพลงคาราโอเกะ
Past Simple Clause + while + Past Continuous ClauseWe were singing karaoke while the children were playing.
→ เรากำลังร้องเพลงคาราโอเกะในขณะที่เด็กๆ กำลังเล่น

3.4. ใช้กับคำวิเศษณ์ (วลีวิเศษณ์) เพื่ออธิบายความถี่สูงเพื่อแสดงนิสัย (ไม่ดี) หรือการกระทำที่เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำอีกในอดีตและทำให้ผู้พูดรำคาญ

คำวิเศษณ์ (วลีวิเศษณ์) บอกความถี่สูงทั่วไปบางคำ ได้แก่: always (เสมอ), usually (บ่อย), constantly (ต่อเนื่อง/บ่อย), all the time (ตลอดเวลา) เป็นต้น

ตัวอย่าง:

When he was a kid, he was talking in class all the time. 

(ตอนเด็กเขาพูดในชั้นเรียนตลอด)

When they first moved to this company, they were constantly missing deadlines. 

(ตอนที่พวกเขาย้ายมาที่บริษัทนี้ครั้งแรก พวกเขาไปทำงานสายตลอด)

Past Continuous Tense

สัญญาณเพื่อรับรู้ Past Continuous

4.1. ระบุ Past Continuous Tense เมื่ออ่านเอกสารหรือฟังคนอื่นพูด

สัญญาณที่เห็นได้ชัดเจนที่สุดคือโครงสร้าง S + was/ were (not) + V-ing

หากคุณเห็นเอกสารหรือคนพูดที่ใช้โครงสร้างนี้ แสดงว่าพวกเขากำลังใช้ Past Continuous Tense

4.2. ระบุกรณีที่จำเป็นต้องใช้ Past Continuous Tense เมื่อพูดหรือทำแบบฝึกหัด

กรณีที่ 1:

ประโยคมี 1 clause และมีวลีระบุเวลาในอดีต เช่น

ตัวอย่าง:

ใส่คำกริยาในวงเล็บลงในกาลที่ถูกต้อง:

At 9pm yesterday, we _________ (dance) at the club.

(At 9pm yesterday, we were dancing at the club.) 

กรณีที่ 2:

ประโยคมี 2 clause โดยหนึ่งในนั้นเริ่มต้นด้วยคำเชื่อม ‘when’ และใช้ Past Simple Tense

ตัวอย่าง:

ใส่คำกริยาในวงเล็บลงในกาลที่ถูกต้อง:

When she came, we _________ (dance) at the club.

We _________ (dance) at the club when she came

→ were dancing

เรียนภาษาอังกฤษแบบ 1-1 กับ ELSA Speak

ประโยคมี 2 clause โดยหนึ่งในนั้นเริ่มต้นด้วยคำเชื่อม ‘ while’ และ clause ที่เหลือใช้ Past Simple Tense

ตัวอย่าง:

ใส่คำกริยาในวงเล็บลงในกาลที่ถูกต้อง:

While we _________ (dance) at the club,  she came.

She came while we _________ (dance) at the club.

→ were dancing

กรณีที่ 3:

ประโยคมี 2 clause หนึ่งในสอง clause จะขึ้นต้นด้วย ‘ while’ และใช้ Past Continuous Tense

ตัวอย่าง:

ใส่คำกริยาในวงเล็บลงในกาลที่ถูกต้อง:

While we _________ (dance) at the club,  they were studying.

They were studying while we _________ (dance) at the club.

→ were dancing

Past Continuous Tense ตัวอย่างประโยค

การกระทำที่กำลังดำเนินอยู่ ณ ช่วงเวลาหนึ่งในอดีต

(เมื่อเวลา 8pm เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา เธอกำลังแสดงอยู่ที่โรงละคร The Big)

(เวลานี้เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว น้องสาวของฉันกำลังเตรียมตัวสอบปลายภาค)

(พวกเขาร้องเพลงที่บาร์คาราโอเกะตอนสี่ทุ่มเมื่อคืนนี้)

การดำเนินการที่กำลังดำเนินการเมื่อมีการกระทำอื่นเกิดขึ้นหรือขัดจังหวะในอดีต

(เด็กๆ กำลังเล่นอยู่ในสวนเมื่อฝนเริ่มตก)

(เมื่อพ่อแม่กลับถึงบ้าน เรากำลังทำอาหารเย็น)

(พวกเขากำลังพูดถึงโครงการใหม่เมื่อเราเข้าไปในห้องประชุม)

การกระทำสองอย่างที่กำลังดำเนินอยู่พร้อมกันในอดีต

(เรากำลังกวาดบ้านในขณะที่พ่อแม่ของเรากำลังย้ายเฟอร์นิเจอร์)

(ขณะที่แมวของฉันนอนหลับอยู่ข้างหน้าต่าง สุนัขของฉันกำลังเล่นกับลูกบอล)

career advancement

นิสัย (ไม่ดี) หรือการกระทำที่เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำอีกและทำให้ผู้พูดรำคาญ

(ตอนที่เขาอายุ 20 ปี เขาสูบบุหรี่ตลอดเวลาเมื่อมีคนอื่นอยู่ด้วย)

(ลูกสาวเรานอนดึกบ่อยตอนเป็นวัยรุ่น)

การแยกแยะ Past Simple และ Past Continuous

ความคล้ายคลึงกัน: ใช้พูดถึงอดีต

ความแตกต่าง:

Past ContinuousPast Simple
ฟังก์ชั่นอธิบายการกระทำที่กำลังดำเนินอยู่หรือนิสัยที่น่ารำคาญในอดีตอธิบายการกระทำที่เสร็จสิ้นแล้วในอดีต
ตัวอย่างThis time yesterday, I was buying some food at the supermarket.
(เวลานี้เมื่อวานนี้ ฉันกำลังซื้ออาหารที่ซุปเปอร์มาร์เก็ต)
When he was young, he was always buying a lot after getting his salary.
(ตอนเด็กเขามักจะซื้อของมากมายหลังจากได้รับเงินเดือน) 
Last week, I bought a new phone. 
(อาทิตย์ที่แล้วฉันซื้อโทรศัพท์ใหม่)  

แบบฝึกหัด Past Continuous Tense

แบบฝึกหัดที่ 1. ใส่คำกริยาในวงเล็บลงใน Past Continuous

1. Andrew and I_____________ (watch) a movie at 10:15 last night. 

2. Their mother_____________ (water) the flowers while they_____________ (collect) the leaves.

3. When that customer called, we_____________ (talk) about the problem. 

4. We_____________ (buy) some food at the market when that accident happened. 

5. Our manager_____________ (talk) to a new customer when I entered the store. 

6. While our children were sweeping the floor, we_____________ (wash) the dishes. 

7. This time last weekend, we_____________ (build) sand castles at the beach.

คำตอบ:

1. was watching

2. was watering- were collecting

3. were talking 

4. were buying 

5. was talking

6. were washing

7. were building

แบบฝึกหัดที่ 2. จัดเรียงคำ (วลี) ใหม่เพื่อสร้างประโยคที่ถูกต้อง

1. was/ at 6:30 this morning/ my younger brother/ doing exercise/ .

2. were/ you came/ , /when/ watching a movie/ we/ .

3. while/ her husband/ her daughter/ was playing with the doll/ was moving the furniture/ . 

4. presenting their idea/ entered the meeting/ they/ I/ when/ were/ .

5. was play / to Singapore/my aunt/ this time last week/ .

คำตอบ:

1. My younger brother was doing exercise at 6:30 this morning. 

2. When you came, we were watching a movie. 

3. Her husband was moving the furniture while her daughter was playing with the phone. 

4. They were presenting their idea when I entered the meeting. 

5. My aunt was flying to Singapore this time last week. 

เพียง 10 นาทีต่อวัน

แบบฝึกหัดที่ 3. ค้นหาข้อผิดพลาด 1 ข้อในแต่ละประโยคด้านล่างและแก้ไขให้ถูกต้อง

1. Manny and I was skipping class all the time when we were young.

2. My sisters was walking to school when that accident happened. 

3. The kid were playing soccer when it started to rain. 

4. I was washing the clothes when my brother was sweeping the floor.

5. While she called, we were doing our homework. 

คำตอบ:

1. was skipping → were skipping

2. was walking → were walking

3. were playing → was playing

4. when → while

5. While → When

แบบฝึกหัดที่ 4. ​​ใส่กริยาในวงเล็บลงใน Past Continuous หรือ Past Simple

1. Last month, we_____________ (buy) a new TV.

2. This time yesterday, we_____________ (buy) a new TV at the mall. 

3. When our teacher_____________ (enter) the classroom, we_____________ (play) a game. 

4. They_____________ (not discuss) the problem when we_____________ (call). 

5. Our mother_____________ (work) on his computer while our father_____________ (read) a book. 

6. While Sarah_____________ (look) for her cat, she_____________ (find) a dog. 

7. This time last year, we_____________ (study) in Australia. 

คำตอบ:

1. bought

2. were buying

3. entered- were buying 

4. weren’t discussing- called  

5. was walking- was reading

6. was looking- found

7. were studying

แบบฝึกหัดที่ที่ 5. ตั้งคำถามสำหรับส่วนที่ขีดเส้นใต้

1. A stranger was standing in front of our door at 11 last night. 

2. When you came, the boys were playing soccer in the backyard. 

3. They were eating spaghetti when I brought them the food.  

4. Our neighbor was singing noisily when we knocked on his door. 

5. My mom was talking to my friend when I saw her on the street.  

คำตอบ:

1. Who was standing in front of our/ your door at 11 last night.

2. Where were the boys playing soccer when I came? 

3. What were they eating when you brought them the food? 

4. How was your neighbor singing when you knocked on his door? 

5. Who was your mom talking to when you saw her on the street?

แบบฝึกหัดที่ที่ 6. ใส่คำกริยาในวงเล็บลงในรูปแบบ Past Continuous หรือ Past Simple เพื่อเติมข้อความด้านล่างให้สมบูรณ์

Yesterday (1)_____________ (be) a busy day. I (2)_____________ (have) to do housework and take care of my baby sister. While I (3)_____________ (sweep) the floor, my sister (4)_____________ (wake) up and (5)_____________ (cry). When she (6)_____________ (stop) crying, I (7)_____________ (continue) sweeping the floor. She (8)_____________ (play) with her own hands and feets while I (9)_____________ (wash) the dishes. Finally, our parents (10)_____________ (get) home while I (11)_____________ (feed) her. 

คำตอบ:

1. was6. stopped
2. had7. continued
3. was sweeping 8. was playing
4. woke 9. was washing
5. cried10. got
11. was feeding
คนวัยทำงานยังเรียนภาษาอังกฤษได้อย่างดี

แบบฝึกหัดที่ 7. ตอบคำถามปลายเปิดด้านล่าง

1. Were you hanging out with friends at 6pm last Sunday? 

2. Were you spending time with your family at 11am last Saturday? 

3. What were you doing at 9:30 last night? 

4. What were you doing at 2:30pm last Thursday? 

5. What were you doing this time 2 days ago?

คำตอบ:

เนื่องจากคำถามนี้เป็นคำถามปลายเปิด คำตอบด้านล่างนี้จึงใช้สำหรับการอ้างอิงและช่วยให้คุณทบทวนโครงสร้างได้เท่านั้น คุณสามารถสร้างเนื้อหาอย่างสร้างสรรค์และอิสระได้ แต่อย่าลืมใช้ความรู้และโครงสร้างที่ถูกต้องนะ

1. Yes. I was eating out with my friends at 6pm last Sunday. 

2. No. I was working in my room. 

3. I was watching a movie with my younger sister. 

4. I was writing a report at 2:30pm last Thursday.  

5. I was feeding my dog this time 2 days ago. 

By the time – เป็นวลีที่พบบ่อยในภาษาอังกฤษ  ซึ่งเป็นเป็นวลีที่ใช้ในประโยคเพื่อแสดงเวลาหรือช่วงเวลาที่พบบ่อยในภาษาอังกฤษ อย่างไรก็ตาม ยังมีหลายคนที่ยังไม่เข้าใจและใช้งาน ‘By the time’ อย่างถูกต้องได้ ในบทความนี้ ELSA Speak จะมาแนะนำความรู้ที่เป็นประโยชน์และครบครันที่สุดเกี่ยวกับวลีนี้!

By the time แปลว่าอะไร

คำจำกัดความ: By the time เป็นคำเชื่อมบอกเวลา มีความหมายว่า “เมือถึงเวลานั้น/ในเวลานั้น/ในเวลาที่/ในตอนที่… หรือมีความหมายอีกอย่างว่า “ก่อนตอนที่/ก่อนเวลานั้น…” โดยโครงสร้างนี้มักใช้เพื่อเสริมคำวิเศษณ์บอกเวลาของอนุประโยคใจความหลักและช่วยอธิบายความหมายของประโยคชัดเจนขึ้น

By the time การใช้: By the time ใช้เพื่อเน้นลำดับของการกระทำสองอย่างในอดีตหรือในอนาคต: “ในเวลาที่” การกระทำ A เกิดขึ้น การกระทำ B ได้เกิดขึ้นแล้ว

ตัวอย่าง:

By the time I finished typing the report (Past Simple), all of my co-workers had left (Past Perfect)

⟶ ในตอนที่ฉันพิมพ์รายงานเสร็จ เพื่อนร่วมงานของฉันก็ออกไปหมดแล้ว

By the time you decide to buy that house (Present Simple), they will have sold it (Future Perfect)

⟶ เมื่อถึงเวลาที่คุณตัดสินใจซื้อบ้านหลังนั้น พวกเขาอาจขายมันไปแล้ว

ดูเพิ่มเติม: วิธีการอ่านและเขียนเดือนภาษาอังกฤษที่สมบูรณ์และแม่นยำที่สุดพร้อมแบบฝึกหัด

elsa speak official

การใช้งานและตำแหน่งของ By the time

By the time การใช้

จาก 2 ตัวอย่างในตอนที่ 1 คุณคงเข้าใจการใช้งานและตำแหน่งของ ‘By the time’ ในประโยคอยู่บ้างแล้ว ต่อไปนี้ ELSA Speak จะให้ความรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับการใช้งานและตำแหน่งของ By the time

ก่อนอื่น ‘By the time’ มักจะอยู่หนึ่งในสองอนุประโยคของประโยคที่ซับซ้อน ที่อธิบายถึงการกระทำที่เกิดขึ้นเมื่อมีการกระทำอื่นเกิดขึ้นมาก่อนในอดีตหรืออนาคต ดังนั้นหนึ่งในสองอนุประโยคของประโยคที่ซับซ้อนนี้จะใช้ Simple Tense และอีกประโยคหนึ่งจะใช้ Perfect Tense

อนุประโยค Simple Tense จะอธิบายถึงการกระทำที่เกิดขึ้นในภายหลัง และอนุประโยคใช้ Perfect Tense จะอธิบายถึงการกระทำที่เกิดขึ้นก่อน และ ‘By the time’ จะอยู่ในอนุประโยค Simple Tense

ตำแหน่งของ By the time tense

ขึ้นอยู่กับว่าประโยคที่ซับซ้อนนี้กำลังพูดถึงสองการกระทำที่เกิดขึ้นก่อนและหลังในอดีตหรืออนาคต จะมีหนึ่งในสองโครงสร้างดังนี้:

2.2.1. By the time ในประโยคที่ซับซ้อน Past Simple – Past Perfect

1. By the time + S1 + V2/V-ed (กริยาปกติ) +… + , + S2 + Had + V3/V-ed (กริยาปกติ) + …

2. By the time + S1 + was/were (คำกริยา to-be) +… + , + S2 + Had + been (คำกริยา to-be) +

หมายเหตุ:

ตัวอย่าง:

By the time they arrived at the meeting, we had presented our new project.

⟶ ในเวลาที่พวกเขาไปถึงที่ประชุม เราได้นำเสนอโครงการใหม่ของเราแล้ว

By the time we were there, they had eaten all the food.

⟶ ตอนที่เราอยู่ที่นั่น พวกเขากินอาหารหมดแล้ว

By the time we were there, they were (*) drunk.

⟶ ตอนที่เราอยู่ที่นั่น พวกเขาเมาแล้ว

(*) คำกริยา to-be ในที่นี้ไม่ผันคำกริยา Past Perfect เพราะผู้พูดหมายความว่า “พวกเขา” ไม่ใช่อยู่ในสภาพมึนเมาแล้วหายเมาก่อนที่ “เรา” จะมา (จะมีความหมายว่าหายเมาถ้าใช้ Past Perfect) แต่ต้องเป็น เมื่อ “เรา” อยู่ที่นั่น “พวกเขา” อยู่ในอาการมึนเมา

>>> Read more

2.2.2. By the time ในประโยคที่ซับซ้อน Present Simple – Future Perfect

1. By the time + S1 + V(s/es) (กริยาปกติ) +… + , + S2 + will + have + V3/V-ed (กริยาปกติ) +

2. By the time + S1 + am/is/are (คำกริยา to-be)  +… + , + S2 + will + have + been (คำกริยา to-be) + …

หมายเหตุ:

ตัวอย่าง:

By the time he gets married, he will have dated so many girls.

⟶ เมื่อถึงเวลาที่เขาแต่งงาน เขาคงจะออกเดทกับผู้หญิงหลายคนก่อนหน้านั้น

They will have completed all the tasks By the time we get there.

⟶ พวกเขาจะเสร็จสิ้นงานทั้งหมดในเมื่อเราไปถึงที่นั่น

By the time we are in Bangkok, Peter will be (*) there, too.

⟶ ตอนที่เราอยู่ในกรุงเทพฯ ปีเตอร์ก็จะ (*) อยู่ที่นั่นด้วย

(*) ในที่นี้ ผู้พูดไม่ได้ใช้ Future Perfect แต่ใช้ Future Simple เพราะผู้พูดต้องการเน้นการที่ Peter จะอยู่ที่กรุงเทพฯด้วยเมื่อ “พวกเขา” อยู่ที่นั่น ไม่ใช่อยากแสดงในแง่ว่า Peter จะอยู่กรุงเทพฯก่อน “พวกเขา” (นี่คือความหมายหากใช้ Future Perfect)

 4 เคล็ดลับสำหรับการเรียนด้วย ELSA Speak

แยกแยะ By the time และ When

ความหมาย:

ตำแหน่งในประโยค:

– By the time/ When + อนุประโยคที่ 1 + , + อนุประโยคที่ 2

– อนุประโยคที่ 1 + By the time/ When +อนุประโยคที่ 2

ฟังก์ชัน:

+ ฟังก์ชัน 1 – อธิบายความก่อนและหลัง:

By the time’‘when’
ข้อแตกต่าง– ‘By the time’ เน้นว่าเหตุการณ์ในอนุประโยคที่ใช้ Perfect Tense ได้เกิดขึ้นก่อนหรือกระทั่งคงอยู่และจบลงก่อนที่เหตุการณ์ในอนุประโยค Simple Tense จะเกิดขึ้น
– เมื่อเทียบกับ ‘when’ ‘by the time’ ให้ความรู้สึกว่า เหตุการณ์ในอนุประโยคที่ใช้ Perfect Tense ได้สิ้นสุดลงในช่วงระยะเวลาหนึ่งแล้ว และหลังจากนั้นเหตุการณ์ใน Simple Tense ถึงเกิดขึ้น
– ‘when’ แสดงว่าในเวลาที่เหตุการณ์ในประโยค Simple Tense เกิดขึ้น เหตุการณ์ในประโยค Perfect Tense ได้เกิดขึ้นแล้วหรือแม้กระทั่งคงอยู่และจบลง
– เมื่อเปรียบเทียบกับ ‘by the time’ ‘when’ ไม่ได้เน้นว่าเหตุการณ์ในประโยค Perfect Tense ได้สิ้นสุดลงในช่วงเวลาหนึ่ง จากนั้นเหตุการณ์ใน Simple Tense ก็เกิดขึ้น เราไม่ทราบว่าการกระทำที่เกิดขึ้นก่อนหน้าได้เกิดขึ้น/สิ้นสุดก่อนหน้านั้นหรือยัง หรือได้เกิดขึ้น/สิ้นสุดในเวลาที่การกระทำทัดไปเกิดขึ้น
ตัวอย่างBy the time we arrived at the party, they had eaten all the food.
⟶ ก่อนที่เราไปถึงงานเลี้ยง พวกเขากินอาหารจนหมดแล้ว
⟶ เน้นย้ำว่า “พวกเขากินอาหารจนหมดแล้ว” เกิดขึ้นก่อน “เราไปถึงงานเลี้ยง”
When we arrived at the party, they had eaten all the food.
⟶ เมื่อเราไปถึงงานเลี้ยง พวกเขากินอาหารจนหมดแล้ว
⟶ ไม่ระบุว่า “พวกเขากินอาหารจนหมดแล้ว” เกิดขึ้นก่อนหรือเกิดขึ้นตอนที่ “เราไปถึงงานเลี้ยง”

+ ฟังก์ชัน 2 – แสดงว่าในช่วงเวลาหนึ่งมีเหตุการณ์อื่นได้เกิดขึ้นแล้วหรือจะกำลังเกิดขึ้น:

ตัวอย่าง:

I think when we get to his house, he will be cooking.

⟶ ฉันคิดว่าเมื่อเราไปถึงบ้านเขา เขาคงกำลังทำอาหารอยู่

⟶ การกระทำ ‘‘get to his house’ ในอนุประโยคที่ใช้ ‘when’ เป็นการกระทำที่เกิดขึ้นและขัดจังหวะในขณะที่การกระทำ ‘cook’ กำลังดำเนินอยู่ ดังนั้นกริยา ‘get’ จึงใช้ Simple Tense และกริยา ‘cook’ ใช้ Continuous Tense

ความแตกต่างระหว่าง By the time และ Until

ความหมาย:

ตำแหน่งในประโยค:

– By the time/ Until + อนุประโคที่ 1 + , + อนุประโคที่ 2

– อนุประโคที่ 1 + By the time/ Until + อนุประโคที่ 2

รายละเอียด

By the time’‘until’
ข้อแตกต่าง‘By the time’ เน้นว่าเหตุการณ์ในอนุประโยคที่ใช้ Perfect Tense ได้เกิดขึ้นก่อนหรือกระทั่งคงอยู่และจบลงก่อนที่เหตุการณ์ในอนุประโยค Simple Tense จะเกิดขึ้น‘until’ แสดงว่าเหตุการณ์ในประโยคใช้ Perfect Tense ได้เกิดขึ้นแล้วและดำเนินต่อไปจนกว่าจะถึงเวลาที่เหตุการณ์ในประโยค Simple Tense เกิดขึ้น
ตัวอย่างBy the time we arrived home, our children had watched TV.
⟶ ก่อนที่เรากลับถึงบ้าน ลูกๆ ของเราดูทีวีเสร็จแล้ว
⟶ เน้นย้ำว่า “ลูกๆ ของเราดูทีวีเสร็จแล้ว” ได้เกิดขึ้นและจบลงก่อนที่ “เรากลับถึงบ้าน”
Until we arrived home, our children had watched TV.
⟶ จนกว่าเราจะถึงบ้าน ลูกๆ ของเราได้ดูทีวีแล้ว
⟶ เน้นย้ำว่า “ลูกๆ ของเราได้ดูทีวีแล้ว” ได้เกิดขึ้นและคงอยู่จนกระทั่ง “เราจะถึงบ้านน”

แบบฝึกหัด By the time

ใส่คำกริยาในวงเล็บด้านล่างเพื่อสร้างประโยคที่ถูกต้อง

  1. They …………………… (do) the housework by the time I get home.
  2. By the time I bought my first car, Peter …………………… (buy) 3 cars.
  3. By the time you …………………… (finish) your homework, your friends will have gone to the cinema.
  4. Jack and Lisa had eaten all my favorite dishes by the time I …………………… (get) home.
  5. Daisy …………………… (become) a manager by the time I get a job.
  6. By the time we found the dogs, they …………………… (run) around the neighborhood.
  7. They will have solved the problem successfully by the time Lucy …………………… (find) a solution.
  8. Our parents …………………… (cook) dinner by the time we got home.
  9. By the time she …………………… (become) a famous dancer, she will have practiced very hard.
  10. By the time the police came, the victim …………………… (be) killed (bị động).
  11. By the time we ended the meeting, the other teams …………………… (leave).
  12. My father had already bought all the necessary medicines by the time I …………………… (be) sick.
  13. She …………………… (fall) in love with another guy by the time you express your feeling for her.
  14. By the time I left home, they …………………… (arrive) at the party.
  15. The prince will have chosen his wife by the time Cinderella …………………… (finish) the housework.
วิธีการเรียนภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสารที่บ้านอย่างไรให้ได้ผล / เรียนภาษาอังกฤษด้วยต

คำตอบ:

  1. They will have done (do) the housework by the time I get home.
  2. By the time I bought my first car, Peter had bought (buy) 3 cars.
  3. By the time you finish (finish) your homework, your friends will have gone to the cinema.
  4. Jack and Lisa had eaten all my favorite dishes by the time I got (get) home.
  5. Daisy will have become (become) a manager by the time I get a job.
  6. By the time we found the dogs, they had run (run) around the neighborhood.
  7. They will have solved the problem successfully by the time Lucy finds (find) a solution.
  8. Our parents had cooked (cook) dinner by the time we got home.
  9. By the time she becomes (become) a famous dancer, she will have practiced very hard.
  10. By the time the police came, the victim had been (be) killed (bị động).
  11. By the time we ended the meeting, the other teams had left (leave).
  12. My father had already bought all the necessary medicines by the time I was (be) sick.
  13. She will have fallen (fall) in love with another guy by the time you express your feeling.
  14. By the time I left home, they had arrived (arrive) at the party.
  15. The prince will have chosen his wife by the time Cinderella finishes (finish) the housework.

ด้านบนคือบทสรุปของความรู้ที่คุณจำเป็นต้องรู้เพื่อให้สามารถใช้คำเชื่อมบอกเวลา ‘By the time’ ได้อย่างมั่นใจและถูกต้อง ELSA Speak หวังว่าบทความนี้จะนำคุณค่าบางอย่างมาสู่การเรียนการสื่อสารภาษาอังกฤษของคุณ เจอกันในบทความหน้า!