Author: Bao Ngan Nguyen
Yet ใช้ยังไง ? โครงสร้าง Yet เป็นหนึ่งในโครงสร้างพื้นฐานที่ใช้กันโดยทั่วไปในภาษาอังกฤษ แล้วคุณล่ะ มีความรู้เกี่ยวกับคําว่า “Yet” หรือยังเอ่ย งั้นตอนนี้เรามาทบทวนโครงสร้าง Yet กับ ELSA Speak เพื่อหาคําตอบเกี่ยวกับวิธีการใช้โครงสร้างนี้อย่างถูกต้องกันนะ
Yet คืออะไร?
ผู้เรียนภาษาอังกฤษรู้อยู่แล้วว่า “Yet” เป็นคำวิเศษณ์ที่อยู่ท้ายประโยคเพื่อ “อธิบายสิ่งที่ยังไม่เกิดขึ้น” อย่างไรก็ตาม ในภาษาอังกฤษ Yet เป็นคำที่มีความยืดหยุ่นในความหมาย ซึ่งจะขึ้นอยู่กับบริบทนั้นๆ
Yet เป็นคำวิเศษณ์
หากเป็นคำวิเศษณ์ Yet มักจะปรากฏในประโยคปฏิเสธหรือประโยคคำถามของปัจจุบันกาลสมบูรณ์เพื่อบ่งบอกถึงสิ่งที่ยังไม่เกิดขึ้นหรือยังไม่จบสมบูรณ์และผู้พูดคาดว่าจะเกิดขึ้นในอนาคต
ความหมาย: ยัง หรือยัง ยังไม่ได้
ตัวอย่าง:
- I haven’t finished my homework yet. (แปล: ฉันยังทําการบ้านไม่เสร็จเลย)
- Have you emailed our boss about the proposal yet? (แปล: คุณส่งอีเมลถึงหัวหน้าเกี่ยวกับข้อเสนอนี้แล้วหรือยัง)
Yet เป็นคําเชื่อม
Yet อาจเป็นคำเชื่อมที่คล้ายกับคําว่า “but” หรือ “nevertheless” เพื่อแสดงความแตกต่างระหว่างสองประโยค และมักจะอยู่หลังคำว่า “and”
ความหมาย: แต่ อย่างไรก็ตาม
ตัวอย่าง:
- She was tired, yet she kept going. (แปล: เธอเหนื่อยแต่เธอก็ยังเดินต่อ)
- He is young, yet he is wise beyond his years. (แปล: เขายังเด็ก แต่เขาฉลาดเกินกว่าอายุของเขา)
>>> Read more: Linking verb คืออะไร – คำกริยาเชื่อมทั่วไปและแบบฝึกหัดพร้อมคำเฉลย
Yet ใช้กับ tense อะไร?
โครงสร้าง Yet ในปัจจุบันกาลสมบูรณ์
ในประโยคปฏิเสธปัจจุบันกาลสมบูรณ์
ในกรณีนี้ “Yet” มักจะอยู่ท้ายประโยค
S + have/ has + not (haven’t/ hasn’t) + V3 + yet
ข้อสังเกต: S = เป็นประธาน; V3 = กริยาในรูปอดิต (Past Participle)
ตัวอย่าง: They haven’t arrived yet. (แปล: พวกเขายังไม่มาเลย)
ในประโยคคําถามปัจจุบันกาลสมบูรณ์
- ในประโยคคำถามแบบรับ Yet แสดงให้เห็นว่าผู้พูดกําลังคาดหวังว่าจะมีบางสิ่งเกิดขึ้น
Have/ has + S + V3 + yet?
Note: S = ประธาน; V3 = กริยาในรูปอดิต (Past Participle)
ตัวอย่าง: Have you eaten lunch yet? (แปล: คุณทานข้าวเที่ยงหรือยัง?)
- ในประโยคคําถามเชิงปฏิเสธที่มีคําว่า Yet ผู้พูดเดาได้ว่าคําตอบจะเป็นเชิงลบ
ตัวอย่าง: Hasn’t he called back yet? (แปล: เขายังไม่โทรกลับเหรอ?)
>>> Read more: ปัจจุบันกาลสมบูรณ์ (Present Perfect Tense) ในภาษาอังกฤษ
วลี “have yet to”
ใช้ในประโยคปฏิเสธและประโยคคําถามปัจจุบันกาลสมบูรณ์
S + have/ has yet to + V_inf
ข้อสังเกต: S = ประธาน; V_inf = กริยาตัวเดิมที่ไม่เติมแล้วก็ไม่ผัน
ตัวอย่าง 1: Lisa has yet to read the book required for the class. (แปล: ลิซ่ายังไม่ได้อ่านหนังสือที่จำเป็นสำหรับชั้นเรียน)
ตัวอย่าง 2: Have you seen the latest movie? – No, I have yet to watch it. (แปล: คุณดูหนังเรื่องล่าสุดหรือยัง – ยัง ฉันยังไม่ได้ดูเลย)
โครงสร้าง Yet ในประโยคที่มีคำว่า “be”
วลี “be yet to”
ใช้เพื่อเน้นสิ่งที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในอนาคต
S + be yet to + V_inf
ข้อสังเกต: S = ประธาน; V_inf = กริยาตัวเดิมที่ไม่เติมแล้วก็ไม่ผัน
ตัวอย่าง: The festival is yet to take place. (แปล: การเฉลิมฉลองยังไม่เกิดขึ้น)
หลังการเปรียบเทียบขั้นสุด
ใช้เพื่ออธิบายความประหลาดใจหรือความคาดหวังเกี่ยวกับสถานการณ์ที่ยังไม่เกิดขึ้นจนถึงขณะนี้
S + to be (am/is/are) + the + superlative adjective + yet + present perfect
ตัวอย่าง: He is the fastest runner on the team, yet he hasn’t won a race this season. (แปล: เขาเป็นนักวิ่งที่เร็วที่สุดในทีม แต่เขายังไม่ชนะการแข่งขันในฤดูนี้เลย)
Yet ในฐานะคําเชื่อม
ตามที่ได้กล่าวไว้ Yet เป็นคำสันธานที่แสดงความแตกต่างระหว่างสองเหตุการณ์ในประโยค ซึ่งมักจะอยู่ตรงกลางประโยคหลังเครื่องหมายจุลภาคหรือหลังคำว่า “and”
ตัวอย่าง 1: I am tired and hungry, yet I want to finish this project. (แปล: ฉันเหนื่อยและหิว แต่ก็อยากทำโปรเจ็กต์นี้ให้เสร็จก่อน)
ตัวอย่าง 2: So many questions and yet so few answers. (แปล: มีคำถามตั้งมากมายแต่มีไม่กี่คำตอบ)
ขยายโครงสร้าง Yet
โครงสร้างที่ต้องเน้นยํ้า
Yet ยังใช้เพื่อเน้นความหมายที่คล้ายกับ “even” โดยเฉพาะหน้าคำว่า “more” “another” และ “again”
ตัวอย่าง 1: I have been washing the dishes, and yet more dirty ones keep piling up. (แปล: ฉันล้างจานแล้ว แต่จานที่สกปรกก็ยังมีอยู่เรื่อย ๆ)
ตัวอย่าง 2: The cost of electricity increased yet again. (แปล: ค่าไฟสูงขึ้นอีกแล้ว)
ใช้กับคำกริยาช่วย
ใช้กับคำกริยาช่วย เช่น “may” “could” “might”… เพื่อแสดงสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต แม้ว่าสถานการณ์ในปัจจุบันจะไม่เอื้ออำนวยก็ตาม
ตัวอย่าง: You may win yet. (แปล: คุณอาจจะชนะในอนาคต)
ข้อสังเกตเกี่ยวกับข้อผิดพลาดทั่วไปเมื่อใช้ Yet
มีข้อผิดพลาดทั่วไปบางประการเมื่อใช้โครงสร้าง Yet ในภาษาอังกฤษ ต่อไปนี้คือข้อสังเกตเพื่อหลีกเลี่ยงการเกิดข้อผิดพลาด:
เรียงลำดับคำไม่ถูกต้อง
การวางคําว่า Yet ในตำแหน่งที่ไม่เหมาะสมจะทำให้เนื้อหาเข้าใจยาก
ตัวอย่าง:
- ผิด: Yet the bank hasn’t approved my loan application.
- ถูก: The bank hasn’t yet approved my loan application. (แปล: ธนาคารยังไม่ได้อนุมัติการสมัครสินเชื่อของฉันเลย)
ข้อผิดพลาดทางไวยากรณ์
ผู้เรียนควรตรวจสอบไวยากรณ์ของประโยคอย่างรอบคอบ และมั่นใจว่าการระบุกาลปัจจุบันหรือกาลอดีตถูกต้อง เพื่อหลีกเลี่ยงข้อผิดพลาดทางไวยากรณ์หรือโครงสร้างประโยคที่ไม่ถูกต้อง
ตัวอย่าง:
- ผิด: The students have yet understood the lesson.
- ถูก: The students have yet to understand the lesson. (แปล: นักเรียนยังไม่เข้าใจบทเรียนที่)
ใช้คำว่า Yet เยอะเกินไป
การใช้คำนี้บ่อยเกินไปในบทความจะทำให้ประโยคสับสน จำเจ และมีแนวโน้มที่จะซํ้าคํา
ตัวอย่าง:
- ผิด: I haven’t yet completed the assignment yet, and I still have yet to research the topic.
- ถูก: I haven’t completed the assignment yet, and I still need to research the topic. (แปล: ฉันยังทำการบ้านไม่เสร็จและฉันยังต้องหาข้อมูลในหัวข้อนี้อีก)
แยกแยะ yet, still, just, already
ความหมาย | ตำแหน่งในประโยค | ตัวอย่าง | |
Yet | “จนถึงตอนนี้ ก็ยังไม่ได้ทำอะไร” เพื่อเน้นย้ำว่าเรามีความคาดหวังว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นเร็ว ๆ นี้ | Yet มักอยู่ท้ายประโยค | Have you finished your task yet? I haven’t finished it yet. (คุณทำงานของคุณเสร็จหรือยัง ฉันยังทำไม่เสร็จเลย) |
Still | “สิ่งที่ยังไม่เกิดขึ้น” เพื่อเน้นย้ำว่าเราคาดหวังว่าจะมีบางสิ่งเกิดขึ้นเร็ว ๆ นี้ | Still อยู่ระหว่างประธาน (The bus, they,…) กับกริยานุเคราะห์ (haven’t/hasn’t) | Susan still hasn’t replied to my email. (ซูซานยังไม่ได้ตอบอีเมลของฉันเลย) |
Just | “เมื่อไม่นานนี้” หมายถึง สิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้น | Just อยู่ระหว่างกริยานุเคราะห์ (have/has) กับกริยาในรูปแบบอดิต | I’ve just seen Justin coming out of the classroom. (ฉันเพิ่งเห็นจัสตินออกมาจากห้องเรียน) |
Already | “ก่อนหน้านี้ ทำอะไรมาแล้ว” เพื่อเน้นว่ามีบางอย่างเกิดขึ้นก่อนสิ่งอื่นหรือเร็วกว่าที่คาดไว้ | สามารถอยู่ระหว่างกริยานุเคราะห์กับกริยาหลักหรืออยู่ท้ายประโยคก็ได้ | Rolex wanted to see “Sudden Risk” but I’ve already seen it. (โรเล็กซ์อยากดูหนังเรื่อง Sudden Risk แต่ฉันดูแล้ว) |
คำ/วลีที่ใช้กับ Yet
คํา/วลี | วิธีใช้ | ตัวอย่าง |
Yet again | ใช้เพื่อเน้นเหตุการณ์ที่ได้เกิดขึ้นครั้งหนึ่งแล้วและกําลังเกิดขึ้นอีก | He was late yet again for the meeting. (เขามาประชุมสายอีกแล้ว) |
As yet | ใช้เพื่อแสดงความหมายของ “จนถึงตอนนี้” “จนถึงบัดนี้” หรือ “จนถึงปัจจุบัน” | As yet, we have not received any information about the schedule for the conference. (จนถึงตอนนี้ เรายังไม่ได้รับข้อมูลใด ๆ เกี่ยวกับกำหนดการประชุมเลย) |
Yet more | ใช้เพื่ออ้างถึงจำนวนที่เยอะขึ้น มักมาพร้อมกับความประหลาดใจหรือข้อร้องเรียน | We have yet more work to do before the deadline. (เรายังมีงานอีกมากมายที่ต้องทำก่อนถึงวันกําหนดส่ง) |
Not just yet | ใช้เพื่อแสดงความล่าช้าหรือไม่เต็มใจที่จะดำเนินการใด ๆ ทันที แต่มีแนวโน้มที่จะดำเนินการในอนาคตอันใกล้นี้ | Can you start the presentation now?” – “Not just yet, I need a few more minutes to set up the slides.” (“คุณสามารถเริ่มนำเสนอตอนนี้เลยได้ไหม” – “ยังเลย ฉันต้องการเวลาเตรียมสไลด์สัก 2-3 นาที”) |
Better yet | ใช้เพื่อให้คำแนะนำหรือข้อเสนอแนะที่ดีกว่าในสถานการณ์เฉพาะ | Why don’t we go for a walk in the park, or better yet, let’s go for a hike in the mountains? (ทำไมเราไม่ไปเดินเล่นในสวนสาธารณะหรือไปเดินป่าบนภูเขากันเนอะ) |
So near (and) yet so far | แสดงความผิดหวังและเสียดายเมื่อโอกาสหรือเป้าหมายอยู่ไม่ไกลเกินเอื้อมแต่ไม่สามารถทำได้ด้วยเหตุผลบางประการ | They were minutes away from catching the train, but the traffic jam made them miss it. So near, yet so far. (พวกเขาอยู่ห่างจากรถไฟเพียงไม่กี่นาที แต่รถติดทำให้พวกเขาดูห่างออกไป จริง ๆ ใกล้และไม่ไกลมาก) |
แบบฝึกหัดเพื่อเข้าใจคำถาม: Yet ใช้ยังไง
เรียงคำให้เป็นประโยคที่มีคำว่า “yet”
- homework / finished / I / my / haven’t / yet.
- arrived / have / they / yet?
- talented / held / exhibition / she / yet / hasn’t / an.
- made / decision / yet / haven’t / they.
- the / decision / yet / hasn’t / been / made.
- results / been / announced / the / yet / of / experiment / have / not / been.
- recognized / haven’t / they / any / yet / received / for / efforts / their.
- team / yet / dedicated / the / received / members / any / haven’t / recognition / most.
- weather / decided / for / go / the / they / picnic / to / cloudy / was / yet.
- exciting / of / come / the / is / trip / to / most / yet / part / the.
คําเฉลย:
- I haven’t finished my homework yet.
- Have they arrived yet
- She is the most talented artist I’ve seen, yet she hasn’t held an exhibition.
- They haven’t made a decision yet.
- The decision hasn’t been made yet.
- The results of the experiment have not yet been announced.
- They are the most dedicated team members, yet they haven’t received any recognition for their efforts.
- They haven’t yet received any recognition for being the most dedicated team members.
- The weather was cloudy, yet they decided to go for a picnic.
- The most exciting part of the trip is yet to come.
ในบทความนี้ ELSA Speak ได้นําข้อมูล Yet ใช้ยังไง และแบบฝึกหัดที่มีประโยชน์มากมายมาให้คุณ หวังว่าจะช่วยให้คุณเรียนรู้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ อย่าลืมติดตาม ELSA Speak เพื่อเรียนภาษาอังกฤษด้วยกันทุกวันนะ
ในชีวิตประจำวันจะมีหลายครั้งที่เรารู้สึกไม่มั่นใจ เหนื่อยล้า หรือสูญเสียศรัทธาในชีวิตไปจนหมด นั่นคือเวลาที่เราต้องการคำพูดให้กำลังใจมากที่สุด งั้นตาม ELSA Speak มาเรียนรู้ คําให้กําลังใจ ภาษาอังกฤษ สั้นๆ มากกว่า 100 ประโยคกันเถอะ!
คำศัพท์ให้กำลังใจภาษาอังกฤษ
คำศัพท์ภาษาอังกฤษ | คำแปล |
Encourage | ให้กำลังใจ |
Motivate | กระตุ้น |
Inspire | ดลใจ |
Support | สนับสนุน |
Boost | ส่งเสริม |
Cheer on | ให้กำลังใจ |
Positive reinforcement | การเสริมแรงบวก |
Uplift | ความยินดีปรีดา |
Empower | เสริมพลัง |
Strengthen | มีพลังมากขึ้น |
Reassure | ปลอบใจ |
Rally | รวมกำลัง |
Hearten | ให้กำลังใจ |
Persuade | โน้มน้าว |
Applaud | ปรบมือ สรรเสริญ |
Drive | แรงกระตุ้น |
Lift spirits | ยกจิตวิญญาณ |
Revitalize | ให้พลังใหม่ |
Bolster | สนับสนุน |
Encouraging words | การให้กำลังใจ |
ประโยคให้กําลังใจ สั้นๆ เป็นภาษาอังกฤษ
หลายๆ คนอยากใช้ประโยคให้กำลังใจความหมายดีๆ เป็นภาษาอังกฤษเพื่อให้กำลังใจเพื่อนและญาติก่อนเหตุการณ์สำคัญ ที่ทั้งกระชับและสื่อความหมายได้ครบถ้วนตามที่ผู้พูด/ผู้เขียนต้องการสื่อ งั้นมาดู ประโยคให้กําลังใจ ภาษาอังกฤษ สั้นๆ พร้อมคําแปลด้านล่างนี้กันเลย:
ประโยคให้กําลังใจ สั้นๆ เป็นภาษาอังกฤษ | คำแปล |
Give it a try/ Give it a shot. | ลองดูสิ |
Go for it! | ลุยเลย |
Give it your best shot! | ทำมันให้ดีที่สุด |
How matter you are so good at working. | ยังไงคุณก็ทำได้อยู่แล้ว |
I trust you. | ฉันเชื่อคุณ |
I totally believe in you. | ฉันเชื่อในตัวคุณ |
I’m sure you can do it. | ฉันมั่นใจว่าคุณจะทำมันได้ดี |
I will help if necessary. | ฉันจะช่วยคุณถ้าจำเป็น |
I am always by your side/I will be right here to help you. | ฉันอยู่ข้างคุณเสมอ |
It is life. | นี่แหละชีวิต |
I’m very happy to see you well. | ฉันดีใจเมื่อเห็นคุณสบายดี |
It’s not the end of the world. | มันไม่ใช่จุบจบของโลกหรอกนะ |
It could be worse. | มันสามารถแย่กว่านี้ได้อีกนะ |
If you never try, you will never know. | หากคุณไม่ลองทำดู คุณก็ไม่มีวันได้รู้ว่าตัวเองทำอะไรได้บ้าง |
It will be okay. | ทุกอย่างจะดีขึ้น |
Nothing is serious | ไม่มีอะไรเลวร้ายหรอก |
It’s going to be alright. | ทุกอย่างจะดีขึ้น |
I’m rooting for you. | สู้ๆ ฉันเป็นกำลังใจให้คุณนะ |
Keep up the good work/great work. | ทำได้ดีอยู่แล้ว จงทำต่อไป |
Keep at it/Keep your nose to the grindstone/Keep working hard! | ตั้งใจทำงานต่อไปนะ |
Let’s forget everything in the past. | ลืมเรื่องที่เกิดขึ้นในอดีตไปนะ |
Let’s be happy! | ร่าเริงหน่อยสิ |
Come on, you can do it! | สู้ๆ คุณสามารถทำได้ |
Lighten up! | ร่าเริงหน่อยสิ |
Don’t worry too much. | อย่ากังวลมากเกินไป |
Don’t break your heart | อย่าเสียใจเลย |
Don’t be discouraged. | อย่าท้อสิ |
Stick with it. | เกาะไปกับทุกๆการเคลื่อนไหว |
Stay at it. | พยายามแบบนี้ต่อไปนะ |
Take this risk. | ไปตายดาบหน้า |
Nice job! I’m impressed! | ทำดีมาก ฉันรู้สึกประทับใจนะ |
Believe in yourself. | เชื่อมั่นในตัวเองนะ |
Be brave, it will be ok. | กล้าหาญไว้ ทุกอย่างจะผ่านไปด้วยดี |
Make yourself more confident! | เชื่อใจตัวเองหน่อยสิ |
Take it easy. | ใจเย็นๆ |
We’ve turned the corner. | ต่อไปนี้ทุกสิ่งจะดีขึ้น |
Take this chance/ opportunity. | คุณไม่ต้องกังวลอะไรหรอกนะ |
คําคมให้กําลังใจ ภาษาอังกฤษ อย่ายอมแพ้
เมื่อคุณต้องการให้กำลังใจใครสักคนว่าให้พยายามมากขึ้นอีกหน่อยหรืออย่ายอมแพ้ในภาษาอังกฤษ สามารถใช้ 10 ประโยคดังต่อไปนี้
ประโยคให้กําลังใจ อย่ายอมแพ้ | คำแปล | บริบทการใช้งาน |
Keep up the good work! | ทำได้ดีอยู่แล้ว จงทำต่อไป | ใช้เมื่อเห็นคนนั้นกำลังทำบางสิ่งได้ดีและคุณต้องการให้เขาทำต่อไป |
That was a nice try/good effort. | คุณทำได้ดีอยู่แล้ว | ใช้เมื่อคนๆนั้นทำอะไรบางอย่างได้ดี และคุณอยากทำให้เขารู้สึกดีขึ้น |
That’s a real improvement/you’ve really improved. | คุณมีการพัฒนาการที่ดี | ใช้เมื่อเห็นคนๆนั้นกำลังทำได้ดีกว่าครั้งที่ผ่านมา |
You’re on the right track. | คุณมาถูกทางแล้ว | ใช้เมื่อเห็นคนๆนั้นทำถูกต้องแต่ยังไม่สำเร็จ |
You’ve almost got it. | คุณเกือบจะทำได้แล้ว | ใช้เมื่อคนๆนั้นทำใกล้สำเร็จแล้วแต่ยังไม่สำเร็จจริงๆ |
Don’t give up! | อย่ายอมแพ้ | เพื่อส่งกำลังใจให้คนๆนั้นทำต่อไป |
Come on, you can do it! | สู้ๆ คุณทำได้ | ใช้เพื่อเน้นว่าคนๆนั้นสามารถทำได้ เขาแค่ต้องพยายามมากขึ้น |
Give it your best shot! | พยายามให้เต็มที่ | ให้กำลังใจใครบางคนให้ทำให้เต็มที่ |
Don’t lose hope! | อย่าหมดความหวังนะ | ใช้เมื่อคนๆนั้นรู้สึกท้อ |
What have you got to lose? | คุณมีอะไรต้องเสียอีกเหรอ? | เพื่อสนับสนุนให้คนๆนั้นก้าวต่อไป ถึงล้มเหลวก็ไม่เป็นไร |
Nice job! I’m impressed! | ทำดีมาก ฉันรู้สึกประทับใจนะ | ใช้เพื่อชมเชยคนที่ทำหน้าที่ของตนเองได้ดีมาก |
Do it again! | ลองทำมันอีกครั้งนะ | ให้กำลังใจใครบางคนเพื่อก้าวต่อไปแม้ว่าจะล้มเหลวก็ตาม |
It’s not all doom and gloom = It’s not the end of the world. | มันไม่ใช่จุบจบของโลกหรอกนะ | ให้กำลังใจเมื่อมีคนล้มเหลว |
>>> Read more:
ประโยคให้กําลังใจภาษาอังกฤษที่คนอื่นชอบฟัง
ประโยคให้กําลังใจภาษาอังกฤษที่คนอื่นชอบฟัง | คำแปล |
Act as if what you do makes a difference. It does. – William James | ทำเสมือนว่าสิ่งที่คุณทำอยู่นี้สร้างความแตกต่าง แล้วมันจะประสบความสำเร็จ |
Success is not final, failure is not fatal: it is the courage to continue that counts. – Winston Churchill | ความสำเร็จ ไม่ใช่สิ่งสุดท้าย ความล้มเหลว ก็ไม่ใช่สิ่งที่ร้ายแรง |
Never bend your head. Always hold it high. Look the world straight in the eye. – Helen Keller | อย่ามัวแต่ก้มหัว เชิดหน้าเอาไว้ ทำให้โลกทั้งใบอยู่ในสายตาเรา |
What you get by achieving your goals is not as important as what you become by achieving your goals. – Zig Ziglar | สิ่งที่คุณได้รับจากการบรรลุเป้าหมายนั้นไม่สำคัญเท่ากับสิ่งที่คุณจะเป็นจากการบรรลุเป้าหมาย |
Believe you can and you’re halfway there. – Theodore Roosevelt | แค่เชื่อว่าทำได้ ก็สำเร็จไปครึ่งหนึ่งแล้ว |
I can’t change the direction of the wind, but I can adjust my sails to always reach my destination. – Jimmy Dean | เราไม่สามารถบังคับทิศทางลมได้ แต่เราสามารถบังคับเรือให้ไปสู่จุดหมายได้เสมอ |
Life is like riding a bicycle. To keep your balance, you must keep moving. – Albert Einstein | ชีวิตก็เหมือนการขี่จักรยาน การที่คุณจะทรงตัวได้ แสดงว่าคุณจะต้องก้าวไปข้างหน้า |
Just don’t give up trying to do what you really want to do. Where there is love and inspiration, I don’t think you can go wrong.– Ella Fitzgerald | อย่ายอมแพ้ พยายามทำสิ่งที่คุณต้องการจะทำจริงๆ ที่ใดมีความรักและแรงบันดาลใจและฉันไม่คิดว่าคุณจะผิดพลาดได้ |
You do not find a happy life. You make it. – Camilla Eyring Kimball | เมื่อคุณหา คุณจะไม่พบชีวิตที่มีความสุข แต่คุณทำให้มีความสุขได้ |
Happiness is not by chance, but by choice. – Jim Rohn | ความสุขไม่ใช่ความบังเอิญ แต่เกิดจากการเลือกของคุณเอง |
As time goes by, everything will be better. | เมื่อเวลาผ่านไปทุกอย่างจะดีขึ้น |
After rain comes sunshine. | ฟ้าหลังฝนย่อมดีเสมอ |
Breath is the power behind all things…. I breathe in and know that good things will happen. – Tao Porchon-Lynch. | ลมหายใจคือพลังเบื้องหลังของทุกสิ่ง…. เมื่อหายใจเข้าก็จะรู้ว่าสิ่งดีๆกำลังเกิดขึ้น |
April showers bring May flowers. | ฝนเดือนเมษาจะนำมาซึ่งดอกไม้ในเดือนพฤษภา หมายความว่า เวลาที่ดีๆมาภายหลังเวลาแย่ๆเสมอ |
Think and affirm yourself. | คิดและเชื่อมั่นในตัวเอง |
I’m very happy to see you well | ฉันดีใจมากที่ได้พบคุณ |
Worse things happen at sea | คุณยังโชคดี แต่คนที่ไปเที่ยวชายหาดมีแนวโน้มที่จะเจอเรื่องเลวร้ายก้ได้นะ |
You have nothing to worry about | ไม่ต้องห่วงอะไรเลยนะ |
You’re on the right track | คุณมาถูกทางแล้ว |
Hang in there! | สู้ๆนะ |
Hang tough! | พยายามให้เต็มที่นะ |
I will help if necessary. | ฉันจะช่วยคุณถ้าจำเป็น |
How matter you are so good at working. | ยังไงคุณก็ทำได้ดีอยู่แล้ว |
Do the best you can. | ทำให้ดีที่สุดเท่าที่คุณจะทำได้แล้วกันนะ |
Every cloud has a silver lining. | ในสิ่งที่เลวร้ายยังพอมีสิ่งที่ดีปรากฏอยู่ |
Look on the bright sight. | มองโลกในแง่ดีนะ |
People are beside you to support you. | ฉันอยู่ข้างคุณเสมอนะ |
That’s a real improvement. | คุณมีการพัฒนาการที่ดีขึ้นนะ |
There’s a light at the end of the tunnel. | มีแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์เสมอ |
Time heals all the wounds. | เวลาจะรักษาบาดแผลทั้งหมด |
Don’t cry because you did try your best. | อย่าร้องไห้เพราะคุณพยายามเต็มที่แล้ว |
Everything will be fine. | ทุกอย่างจะดีขึ้น |
>>> Read more: 150+ คำชมภาษาอังกฤษที่เรียบง่ายและดีที่สุดในทุกสถานการณ์
ประโยคฮีลใจ ภาษาอังกฤษ
ประโยคฮีลใจ ภาษาอังกฤษ | คำแปล |
There are times when we stop, we sit still. We listen and breezes from a whole other world begin to whisper. – James Carroll | มีบางครั้งที่เราอยากหยุดพัก เราอยากนั่งนิ่งๆ เพื่อฟังเสียงสายลมจากอีกโลกหนึ่งเท่านั้นเอง |
Breath is the power behind all things…. I breathe in and know that good things will happen. – Tao Porchon-Lynch | ลมหายใจคือพลังของเบื้องหลังทุกอย่าง…. หายใจเข้าก็รู้ว่าสิ่งดีๆจะเกิดขึ้น |
Within you, there is a stillness and a sanctuary to which you can retreat at any time and be yourself. – Hermann Hesse | ภายในตัวคุณมีความนิ่งและสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่คุณสามารถถอยได้ตลอดเวลาและเป็นตัวของตัวเอง |
Feelings come and go like clouds in a windy sky. Conscious breathing is my anchor. – Thích Nhất Hạnh | ความรู้สึกไปมาเหมือนเมฆในท้องฟ้าที่มีลมแรง การหายใจอย่างมีสติเป็นสิ่งยึดเหนี่ยวจิตใจของฉัน |
Calmness is the cradle of power. – Josiah Gilbert Holland | ความสงบเป็นบ่อเกิดแห่งพลัง |
Simply let experience take place very freely so that your open heart is suffused with the tenderness of true compassion. —Tsoknyi Rinpoche | เพียงปล่อยให้ประสบการณ์เกิดขึ้นอย่างอิสระเพื่อที่ใจเปิดกว้างของคุณจะเต็มไปด้วยความอ่อนโยนแห่งความเมตตาที่แท้จริง |
Don’t try to force anything. Let life be a deep let-go. God opens millions of flowers every day without forcing their buds. – Osho | อย่าพยายามบังคับอะไร ปล่อยให้ชีวิตปล่อยวางอย่างที่เป็น พระเจ้าทรงเด็ดดอกไม้นับล้านดอกทุกวันโดยไม่ได้เด็ดดอกตูม |
Understand this and be free: we are not in our bodies; our bodies are inside us. —Sean A. Mulvihill | เข้าใจความเป็นจริงและเป็นอิสระ: เราไม่ได้อยู่ในร่างกายของเรา แต่ร่างกายของเราอยู่ข้างในเราต่างหาก |
Set peace of mind as your highest goal, and organize your life around it. —Brian Tracy | ตั้งความอุ่นใจเป็นเป้าหมายสูงสุด และจัดระเบียบชีวิตให้เป็นไปตามนั้น |
Many a calm river begins as a turbulent waterfall, yet none hurtles and foams all the way to the sea. —Mikhail Lermontov | แม่น้ำอันเงียบสงบหลายแห่งเริ่มต้นจากน้ำตกที่เชี่ยวกราก แต่มีเพียงสายน้ำสงบเท่านั้นที่ไหลลงสู่ทะเล |
If one day we can not be together, keep me in your heart, I‘ll be there forever. ~A. A. Milne | ถ้าวันที่เราไม่สามารถอยู่ด้วยกันได้มาถึง เพียงแค่เก็บฉันไว้ในใจ แล้วฉันจะอยู่กับเธอตลอดไป |
If we love someone who did not love her back, just be gentle with me because I did not do anything wrong. All because love has not chosen a place to stay in the heart of that person alone. | ถ้าเรารักใครที่ไม่รักเราตอบขอแค่อ่อนโยนกับฉัน เพราะฉันไม่ได้ทำอะไรผิด ทั้งหมดเป็นเพราะความรักไม่ได้เลือกสถานที่ที่จะอยู่ในใจของคนนั้นเพียงผู้เดียว |
I can not change the painful past and nor bleak future change awaits you in the front, but I‘ll be with you when you need me. | ฉันไม่สามารถเปลี่ยนอดีตที่เจ็บปวดและมืดมนได้ และไม่สามารถเปลี่ยนอนาคตที่รอคุณอยู่ได้ แต่ฉันจะอยู่เคียงข้างคุณเมื่อคุณต้องการฉัน |
I can not attribute to you the limits of what I think about you, but I can always make you change, mature, and become yourself. | ฉันไม่สามารถกำหนดข้อจำกัดของคุณได้ แต่ฉันสามารถปล่อยให้คุณเปลี่ยนแปลง เติบโต และเป็นตัวของตัวเองได้เสมอ |
Do not ever forget me, because if I thought you would forget me, I will never leave. ~A. A. Milne | อย่าลืมฉันนะ เพราะถ้าคุณลืมฉัน ฉันก็จะไม่ไปไหน |
Let the tears fall and soften the wound in your heart. ~Eileen Mayhew | ปล่อยให้น้ำตาไหลลงมาและบาดแผลในใจก็จะเบาลง |
Nothing lasts forever. | ไม่มีอะไรอยู่กับเราตลอดกาล |
>>> Read more:
ประโยคที่สร้างแรงบันดาลใจ ภาษาอังกฤษ
ประโยคที่สร้างแรงบันดาลใจในภาษาอังกฤษ | คำแปล |
Your limitation – it’s only your imagination. | ข้อจำกัด เป็นเพียงแค่คำในจินตนาการของคุณเท่านั้น |
Push yourself, because no one else is going to do it for you. | คุณต้องผลักดันตัวคุณเองเพราะไม่มีใครมาทำให้คุณ |
You should learn from your competitor but never copy. Copy and you die. – Jack Ma | จงเรียนรู้จากคู่แข่ง แต่อย่าลอกเลียนแบบ การลอกเลียนแบบคือหนทางนำไปสู่ “ความล้มเหลว” |
The only person you should try to be better than is the person you were yesterday. — Khuyết danh | คนๆเดียวที่คุณต้องดีกว่าให้ได้ ก็คือตัวคุณเองในเมื่อวาน |
No one can make you feel inferior without your consent. — Eleanor Roosevelt | ไม่มีใครทำให้คุณรู้สึกต่ำต้อยได้ ถ้าคุณไม่ยินยอม |
Sometimes later becomes never. Do it now. | จงทำซะตอนนี้ บางครั้งคำว่า “ไว้ทีหลัง” จะกลายเป็นคำว่า “ไม่มีวัน” |
Great things never come from comfort zones. | สิ่งดีๆมาจากการออกไปผจญภัยรอบโลก |
Dream it. Wish it. Do it. | ฝันแล้วต้องลงมือทำ |
Do it your way! | ทำมันตามแบบของคุณ |
Success doesn’t just find you. You have to go out and get it. | ความสำเร็จมันไม่ได้วิ่งมาหาคุณ คุณต้องออกไปหามันเอง |
The harder you work for something, the greater you’ll feel when you achieve it. | ยิ่งคุณทุ่มเทกับอะไรมากเท่าไหร่ คุณก็ยิ่งรู้สึกมากขึ้นเมื่อคุณประสบความสําเร็ว |
Dream bigger. Do bigger. | จงฝันให้ใหญ่และทำให้เต็มที่ |
Don’t stop when you’re tired. Stop when you’re done. | อย่าหยุดตอนที่คุณเหนื่อย แต่หยุดเมื่อคุณทำมันสำเร็จแล้ว |
Don’t cry because it’s over, smile because it happened. ― Dr. Seuss | อย่าร้องไห้เมื่อบางสิ่งจบลง จงยิ้มเพราะมันเกิดขึ้นแล้ว |
Wake up with determination. Go to bed with satisfaction. | จงตื่นเช้ามาพร้อมกับความมุ่งมั่น เข้านอนพร้อมความอิ่มเอิบใจ |
You only live once, but if you do it right, once is enough. ― Mae West | คุณใช้ชีวิตได้เพียงแค่ครั้งเดียว แต่ถ้าใช้มันอย่างถูกต้อง ครั้งเดียวก็เพียงพอ |
Do something today that your future self will thank you for. | จงทำสิ่งที่ตัวคุณในอนาคตจะขอบคุณคุณที่ทำอย่างนั้นในวันนี้ |
Little things make big days. | สิ่งเล็กๆ น้อยๆ ก็สามารถสร้างวันที่ยิ่งใหญ่ได้ |
Life is not fair – get used to it! | ชีวิตไม่มีอะไรที่ยุติธรรมหรอก ชินซะ! |
It’s going to be hard but hard does not mean impossible. | มันอาจจะยาก แต่ยากก็ไม่ได้หมายความว่าเป็นไปไม่ได้ |
Don’t wait for an opportunity. Create it. | อย่ารอคอยโอกาส แต่จงสร้างโอกาส |
Sometimes we’re tested not to show our weaknesses, but to discover our strengths. | บางทีเรากำลังถูกทดสอบ ไม่ใช่เพื่อโชว์ความอ่อนแอให้ใครเห็น แต่เพื่อให้ค้นพบความแข็งแกร่งที่ซ่อนอยู่ภายในเรา |
Do the impossible. | จงทำสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ |
The sky’s the limit. | ไม่มีอะไรหยุดยั้งได้ |
If you want to go fast, go alone. If you want to go far, go together. | อยากไปเร็วก็ไปคนเดียว อยากไปไกลก็ต้องไปด้วยกัน |
Defeat is simply a signal to press onward. — Helen Keller | ความพ่ายแพ้ เป็นเพียงสัญญาณให้เดินหน้าต่อไป |
Life is short, smile while you still have teeth. | ชีวิตมันสั้น รีบยิ้มตอนที่ยังมีฟันอยู่เต็มปาก |
What doesn’t kill you makes you stronger! | อุปสรรคและปัญหาต่าง ๆ จะหล่อหลอมให้เราเป็นคนแข็งแกร่งขึ้น |
โปรดแบ่งปันและบันทึก คําให้กําลังใจ ภาษาอังกฤษ สั้นๆ ที่สร้างแรงบันดาลใจไว้ เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับให้กำลังใจตัวเองและคนที่คุณรักเมื่อเผชิญกับความท้อแท้ อย่าลืมติดตาม ELSA Speak เพื่อเรียนรู้ประโยคให้กําลังใจแบบน่ารักๆ ภาษาอังกฤษอีกหลายๆหัวข้อนะ!
คํานําหน้าชื่อ ภาษาอังกฤษ Mr Mrs Ms Miss Sir และ Madam เป็นวิธีเรียกชื่อหรือแสดงความเคารพในภาษาอังกฤษ งั้นวิธีใช้และแยกแยะอย่างไร มาเรียนรู้กับ ELSA Speak ตอนนี้เลย
วิธีแยกแยะ Mr Mrs Ms Miss Sir และ Madam
Key takeaway:
- Mr คือคำนำหน้าชื่อใช้สำหรับผู้ชาย รวมทั้งคนที่แต่งงานแล้วหรือไม่ก็ตาม Mr ย่อมาจาก “mister”
- Ms (ต่างกับ Miss) สามารถใช้เพื่อเรียกผู้หญิงที่แต่งงานแล้วหรือไม่ก็ตาม ส่วน Mrs ใช้กับผู้หญิงโสดเท่านั้น
- Sir และ Madam ใช้ในบริบทที่เป็นทางการ เมื่อผู้ถูกเรียกมีอายุมากกว่า หรือบุคคลที่มีสถานะหรือมีอำนาจ มีตำแหน่งแต่เราไม่รู้จักชื่อ
- ภาษาอังกฤษ – อังกฤษ ไม่จำเป็นต้องมีมหัพภาค (.) ตามหลัง เวลาที่ส่งจดหมาย การ์ดเชิญจะเขียนว่า Mr Ms Mrs
- ภาษาอังกฤษ – อเมริกา ต้องมหัพภาค (.) ตามหลัง: Mr. Ms. Mrs
- ตามหลัง Mr Ms Mrs และ Mrs ต้องมีชื่อจริงเสมอ
Mr คืออะไร?
Mr /ˈmɪs.tər/ เป็นคํานําหน้าชื่อภาษาอังกฤษที่ใช้สำหรับผู้ชาย ไม่ว่าเขาจะแต่งงานแล้วหรือไม่ก็ตาม Mr. มีการใช้มาตั้งแต่ศตวรรษที่ 15 เป็นตัวย่อของคำว่า “Mister” ที่แปลว่า “นาย” และมีรูปแบบอีกหนึ่งคือ “Master” มักใช้เพื่อเรียกเด็กผู้ชาย (มีอายุต่ำกว่า 12 ปี) และคำนี้เขียนย่อไม่ได้
Mr + ชื่อ/ตำแหน่ง/ชื่อเต็ม
ตัวอย่าง
- Mr. Evans – คุณ Evans.
- Mr. Cook is a chef.
- Mr. Griffin gave a regretful smile.
Miss คืออะไร?
Miss /mɪs/ (แปลว่า นางสาว) เป็นคำนำหน้าชื่อผู้หญิง แต่ขึ้นอยู่กับอายุด้วย ผู้หญิงที่ยังไม่ได้แต่งงานสามารถเรียกว่า Miss ได้ แต่คำนำหน้าตัวนี้อาจไม่เหมาะสมสำหรับผู้หญิงสูงอายุหรือผู้หญิงที่ได้หย่าร้างมา ด้วยเหตุผลข้างต้น Ms จึงเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมและปลอดภัยกว่าในบริบทที่เป็นทางการ
Miss + ชื่อ/ตำแหน่ง/ชื่อเต็ม
ตัวอย่าง
- Miss Keith – คุณ Keith.
- I always get too much homework from Miss Jonas.
- Miss Singleton didn’t call back, did she?
Ms คืออะไร?
Ms ย่อมาจากอะไร? Ms เป็นคำภาษาอังกฤษที่ประกอบด้วยสองคำ “Miss” และ “Missus”.
Ms /mɪz/ (แปลว่า นาง หรือ นางสาว) เป็นคำนำหน้าชื่อของผู้หญิง ไม่ว่าสถานภาพจะสมรสและหรือพวกเขาจะมีอายุเท่าไหร่ คำนี้เป็นคำผสมระหว่าง “Miss” และ “Missus” ในสำนักงานและสภาพแวดล้อมการทำงาน เมื่อผู้คนรู้สึกไม่สบายใจที่จะพูดถึงสถานภาพสมรสของตนเอง การใช้ Ms จะปลอดภัยและสุภาพกว่ามาก ควรสังเกตว่าวิธีออกเสียงของ Ms คือ /mɪz/ มันต่างกับ Miss /mɪs/
Ms + ชื่อ/ ตำแหน่ง/ ชื่อเต็ม
ตัวอย่าง
- Ms. Vivian – คุณ Vivian.
- Ms. Nielsen is a talented pianist. I hope she’ll play for us at the party.
- Have you met Ms. Sofi before?
Mrs คืออะไร?
Mrs /ˈmɪs.ɪz/ (แปลว่า นาง) เป็นคำนำหน้าชื่อของผู้หญิงที่แต่งงานแล้ว และย่อมาจาก “Missus” คำนี้ได้ใช้มาตั้งแต่ศตวรรษที่ 16 ต้นกำเนิดดั้งเดิมเป็นคำย่อของคำว่า “Mistress” มีกรณีที่ว่า ผู้หญิงที่หย่าร้างยังคงอยากถูกเรียกว่า Mrs แม้ว่าสิ่งนี้จะขึ้นอยู่กับอายุและความคิดเห็นของผู้ถูกเรียกก็ตาม
ในประเทศไทย หลังจากที่แต่งงานแล้ว ผู้หญิงมักใช้ชื่อของตนต่อและไม่เปลี่ยนคำนำหน้าชื่อ
Mrs + ชื่อ/ ตำแหน่ง/ ชื่อเต็ม
ตัวอย่าง
- Mrs. James – คุณ James.
- Mrs. Smith is the CEO of the company.
- Mrs. Hull says I would make a good mathematician.
- I’d like to thank Mrs. Pavel for all her support during the renovations.
Mx คืออะไร?
Mx /mɪks/ หรือ /məks/ ใช้นำหน้านามสกุล/ชื่อเต็มของบุคคล ในกรณีที่เขาไม่อยากกล่าวถึงเพศของตนเองว่าเป็นผู้ชายหรือผู้หญิง
Mx + ชื่อ/ ตำแหน่ง/ ชื่อเต็ม
ตัวอย่าง Mx. Patel
Sir and Madam (Ma’am) คืออะไร
Sir
อ่านว่า เซอร์
แปลว่า ท่าน คุรผู้ชาย
ใช้เรียกผู้ชายที่เราไม่รู้จักชื่อและมีอายุเท่าไหร่ก็ได้ (มีความสุภาพมาก ๆ) นอกจากสามารถใช้เรียกแทนชื่อภาษาอังกฤษแล้ว สามารถวางหลังประโยคแสดงความสุภาพก็ได้เช่นกัน
ตัวอย่างประโยค
Sir, is there some way we can get in touch with you?
ท่านคะ/ครับ พวกเราสามารถติดต่อท่านได้ด้วยวิธีใดบ้างคะ/ครับ?
I can’t do that, sir.
ฉันทำอย่างนั้นไม่ได้ค่ะ/ครับท่าน
Sir, can we quickly inspect your luggage please?
ท่านคะ/ครับ ขออนุญาติตรวจสอบกระเป๋าได้ไหมคะ/ครับ?
Madam
อ่านว่า มาดาม
แปลว่า คุณผู้หญิง
Ma’am ย่อมาจาก Madam (มาดาม) ใช้เรียกผู้หญิงที่เราไม่รู้จักชื่อ (มีความสุภาพมาก ๆ) นิยมใช้กันมากในฝั่งอเมริกาเหนือ นอกจากสามารถใช้เรียกแทนชื่อภาษาอังกฤษแล้ว สามารถใช้วางหลังประโยคแสดงความสุภาพก็ได้เช่นกัน แต่ปัจจุบัน อาจไม่นิยมใช้กันสักเท่าไหร่ เพราะดูโบราณและทำให้ผู้ถูกเรียกรู้สึกมีอายุ
ตัวอย่างประโยค
Right this way, ma’am.
ทางนี้เลยค่ะ/ครับคุณผู้หญิง
Here you go, ma’am. This is your boarding pass.
นี่ค่ะ/ครับคุณผู้หญิง บัตรผ่านขึ้นเครื่องบินของคุณ
Can I help you, ma’am?
มีอะไรให้ช่วยไหมคะ/ครับคุณผู้หญิง
คํานําหน้าชื่อ ภาษาอังกฤษ ในบัตรประชาชน
ภาษาไทย | ภาษาอังกฤษ |
นางสาว | Miss |
นาง | Mrs |
นาย | Mr |
เด็กหญิง | Miss |
เด็กชาย | Master |
พระสงฆ์ | Buddhist Monk |
บาทหลวง | Rev |
หม่อมหลวง | Mom Luang (M.L.) |
หม่อมราชวงศ์ | Mom Rajawong (M.R.) |
หม่อมเจ้า | Mom Chao (M.C.) |
ศาสตราจารย์เกียรติคุณ (กิตติคุณ) | Emeritus Professor |
ศาสตราจารย์ | Professor |
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ | Assistant Professor |
รองศาสตราจารย์ | Associate Professor |
ข้อสังเกตเมื่อใช้ คํานําหน้าชื่อ ภาษาอังกฤษ
- ภาษาอังกฤษ – อังกฤษ ไม่ต้องมีมหัพภาค (.) ตามหลัง เวลาที่ส่งจดหมาย บัตรเชิญ…จะเขียนว่า Mr Ms Mrs
- ภาษาอังกฤษ – อเมริกา ต้องมีมหัพภาค (.) ตามหลัง: Mr Ms Mrs
- ตามหลัง Mr Ms Mrs และ Mrs จะต้องมีชื่อจริงเสมอ
- ในการเขียนจดหมายหรือบัตรเชิญ ถ้าอยากเชิญสามีภรรยาคู่หนึ่งและภรรยาที่ใช้นามสกุลของสามีอยู่แล้ว เราสามารถเขียนว่า Mr & Mrs + ชื่อ นามสกุลของสามีได้
ตัวอย่าง Dear Mr and Mrs Smith.
วิธีอื่นในการเรียกชื่อเป็นภาษาอังกฤษ
นอกจากการใช้คำนำหน้าชื่อ Mr Mrs Miss Ms Sir และ Madam แล้ว ปกติแล้วยังมีหลายวิธีในการเรียกชื่อที่ใช้ได้อีกมากมาย
วิธีเรียกชื่อเป็นภาษาอังกฤษในที่ทำงาน
คำนำหน้าชื่อ | ความหมาย | ตัวอย่าง |
Doctor + นามสกุล | ใช้สำหรับหมอ/หรือผู้ที่จบปริญญาเอก | Dr. Washington is a specialist in genetics. |
Professor + นามสกุล | ใช้สำหรับศาสตราจารย์ | I need to find my professor to give him this assignment. |
วิธีเรียกชื่อคนใกล้ชิดเป็นภาษาอังกฤษ
คำนำหน้าชื่อ | ความหมาย | ตัวอย่าง |
Honey | เป็นคำทักทายใกล้ชิดที่ผู้ใหญ่มักใช้กับคนรัก | Sleep tight, honey! See you tomorrow. |
Sweetie | ใช้กับคนที่กำลังรักกัน | It’s time for bed, sweetie. |
Buddy | ใช้เพื่ออ้างถึงเพื่อนที่เป็นผู้ชาย/เด็ก/สัตว์เลี้ยง | Drink up and go home, buddy! |
วิธีเรียกชื่อเมื่อสื่อสารกับผู้มีอำนาจเป็นภาษาอังกฤษ
คำนำหน้าชื่อ | ความหมาย | ตัวอย่าง |
President + นามสกุล | วิธีเรียกอย่างเป็นทางการที่ใช้สำหรับผู้นำขององค์กร/ประธานาธิบดี | President Trump visited Thailand. |
Senator + นามสกุล | ใช้เพื่อเรียกสมาชิกของวุฒิสภา | Sergeant Jones is reporting to work. |
Officer + นามสกุล | ใช้เรียกตำรวจทั้งชายและหญิง | Officer Clarke is in charge of traffic. |
Father + นามสกุล/ชื่อ | ตำแหน่งที่ใช้สำหรับนักบวชคาทอลิก | Are you giving a sermon, Father Adam? |
วิธีเรียกชื่อในการสื่อสารผ่านบันทึกและจดหมายเป็นภาษาอังกฤษ
Dear + Mr./Mrs./Miss + ชื่อ
ตัวอย่าง
- Dear Mr. Nguyen,
- Dear Mrs. Smith,
- Dear Miss Jones,
- Dear Professor Williams,
- Dear Doctor Brown,
>>> Read more: วิธีเขียนอีเมลภาษาอังกฤษแบบมืออาชีพและเหมาะสำหรับทุกสถานการณ์
แบบฝึกหัด คํานําหน้าชื่อ ภาษาอังกฤษ
1. You are replying to a letter in which the woman has written her name as “Mrs + surname” (คุณกำลังตอบกลับจดหมายที่ผู้หญิงคนนั้นเขียนชื่อของเขาว่า “Mrs + ชื่อ”)
“Dear _____ Jones
Thank you for your letter”
2. You are writing to a person in a company whose name you don’t know. (คุณกำลังเขียนจดหมายส่งให้ใครบางคนในบริษัท แต่คุณไม่รู้จักชื่อ)
“Dear _____
I’m enclosing my CV for your attention”
3. A man introduces his wife to you and the woman is older than you. (ผู้ชายคนหนึ่งแนะนำภรรยาของเขาให้คุณรู้จัก และภรรยาคนนั้นมีอายุมากกว่าคุณ)
Mr Kim: This is my wife, Lucy
You: It’s a pleasure to meet you, _____ Kim
4. You are writing to invite a couple to your wedding. (คุณกำลังเขียนบัตรเชิญเพื่อเชิญคู่รักคู่หนึ่งเข้าร่วมงานแต่งงานของคุณ)
“Dear ______ Kim
5. You are helping your child write a birthday invitation to his 8 year old friend. (คุณกำลังช่วยลูกเขียนบัตรเชิญวันเกิดเพื่อส่งให้เพื่อนวัย 8 ขวบของลูก)
“Dear ____ Sam
I would like to invite you to my birthday which is going to take place on Friday.”
6. You are speaking to or referring to a woman and (a) you know the woman’s surname, (b) the woman has a position of authority, (c)you don’t know the woman’s marital status, and (d) the woman is your age or older than you. (คุณกำลังพูด/พูดถึงผู้หญิงคนหนึ่ง และ (a) คุณรู้จักชื่อของเขา (b) เขาเป็นคนที่มีสถานะ (c) และคุณไม่ทราบสถานภาพสมรสของเขา (d) เขามีอายุเท่ากันหรือมากกว่าคุณ)
What should you call her:
A. Miss B. Ms C. Madam D. Mrs
เฉลย
1. Mrs
2. Sir or Madam/ Ma’am
3. Mrs
4. Mr and Mrs
5. Master
6.
A. Miss | B. Ms | C. Madam | D. Mrs |
คำถามที่พบบ่อย
MS กับ MRS ต่างกันยังไง
Mr. Mrs. Miss Ms.
Mr. Mrs. Miss และ Ms. ทั้ง 4 คำนี้ ทุกคนคงคุ้นเคยกันอยู่แล้วเป็นคำนำหน้าชื่อที่ใช้บอกเพศและสถานะทางกฎหมายว่าแต่งงานแล้วหรือยัง
- Mrs. = นาง ใช้นำหน้าบุคคลเพศหญิง ที่แต่งงานแล้ว
- Ms. = นาง หรือ นางสาว ใช้นำหน้าบุคคลเพศหญิง โดยไม่ระบุสถานะว่าแต่งงานหรือยัง
คํานําหน้าชื่อ ภาษาอังกฤษ มีอะไรบ้าง
English คำนำหน้านามในภาษาอังกฤษ
คำนำหน้านาม The : the. คำนำหน้านาม A An : a an. คำนำหน้านามชี้เฉพาะ: this that these those. คำสรรพนามและคำนำหน้านามเพื่อแสดงความเป็นเจ้าของ: my your his her its our their
คำนำหน้าเด็กหญิงภาษาอังกฤษคืออะไร
Miss อ่านว่า มิส เป็นคำนำหน้าที่ใช้สำหรับผู้หญิงที่ยังเด็กอยู่หรือยังไม่ได้แต่งงาน หรือในภาษาไทยคือ นางสาวนั่นเอง เช่น Miss Johnson หรืออาจจะเรียกเป็นชื่อเต็มก็ได้ เช่น Miss Urassaya Sperbund
Ex. How’s going? Miss Kwon
Ms คือผู้ชายหรือผู้หญิง
Ms ใช้สำหรับผู้หญิง
Mrs คือผู้ชายหรือผู้หญิง
Mrs ใช้สำหรับผู้หญิง
Mr คือผู้ชายหรือผู้หญิง
Mr ใช้สำหรับผู้ชาย
ELSA Speak ได้แบ่งปันวิธีใช้ Mr Mrs Ms ให้กับทุกคน หวังว่าความรู้ที่ ELSA Speak นำเสนอข้างต้นจะเป็นประโยชน์แก่คุณไม่มากก็น้อย และอย่าลืมดาวน์โหลดแอปของ ELSA Speak ตอนนี้ เพื่อเรียนรู้ภาษาอังกฤษในทุกๆวันนะ
กริยาช่วย do และ does เป็นไวยากรณ์พื้นฐานที่ผู้เรียนภาษาอังกฤษได้เรียนในบทเรียนมาบ้างแล้ว แต่เมื่อไหร่ถึงจะใช้ do does ก็ยังคงเป็นความท้าทายสำหรับผู้เรียนหลายคน ดังนั้นบทความนี้จะให้ผู้เรียนรู้ว่า do does ใช้ยังไง คำจำกัดความและการใช้งานที่เกี่ยวข้องกับไวยากรณ์พร้อมทั้งแบบฝึกหัดและเฉลยแก่ผู้เรียนด้วย
คำจำกัดความ do does
“Do” เป็นคำกริยาที่พิเศษซึ่งจะเปลี่ยนไปตามคำนาม: do และ does หรือเปลี่ยนไปตาม: did และ Done อย่างไรก็ตาม do และ does ส่วนใหญ่จะใช้เป็นกริยาช่วย ในประโยคบอกเล่า do และ does มีโครงสร้างดังนี้: ประธาน + do/does + กรรม
S +do/does + O
ตัวอย่าง:
● I do my homework really fast. (ฉันทำการบ้านเร็วมาก)
● He does the housework to help his mom. (เขาช่วยแม่ทำความสะอาดบ้าน)
เมื่อไหร่ถึงจะใช้ do does
เมื่อไหร่ถึงจะใช้ “do”
“Do” มีหลายความหมาย เช่น ทำ ดำเนินการ บรรลุ เสร็จสมบูรณ์ และมักใช้กับบุรุษสรรพนามพหูพจน์ เช่น “you we they” และกรณีพิเศษคือใช้กับ “I” เช่นเดียวกับคำนามพหูพจน์อื่นๆ ที่นับได้
ในประโยคปฏิเสธ
นอกเหนือจากการทำหน้าที่เป็นคำกริยาปกติที่มีความหมายตามที่กล่าวข้างต้นแล้ว “do” ยังใช้เป็นคำกริยาช่วยในประโยคปฏิเสธที่มีโครงสร้าง: ประธาน + do + not + infinitive + กรรม
S + do + not + Vbare + O
ตัวอย่าง:
● I do not like horror movies. (ฉันไม่ชอบหนังสยองขวัญ)
● We do not order this dish. (อาหารจานนี้เราไม่ได้สั่ง)
หมายเหตุ: “do not” สามารถย่อเป็น “don’t” ได้
ตัวอย่าง:
● They don’t drink coffee. (พวกเขาไม่ดื่มกาแฟ)
● I don’t go to school today. (วันนี้ฉันไม่ได้ไปโรงเรียน)
ในคำถามที่มีประธาน: I you we they
เมื่อใช้ในประโยคคำถาม “do” จะมีโครงสร้างที่แตกต่างจากประโยคปฏิเสธและประโยคบอกเล่า เพราะกริยาช่วย “do” จะขึ้นต้นประโยคโดยมีโครงสร้างดังนี้: Do/Don’t + ประธาน + infinitive + กรรม?
Do/Don’t + S + Vbare + O?
ตัวอย่าง:
● Do I wait here? (ฉันต้องรออยู่ที่นี่เหรอ?)
● Do they walk to school? (พวกเขาเดินไปโรงเรียนใช่ไหม?)
● Don’t we have homework? (เราไม่มีการบ้านใช่ไหม?)
● Don’t you need my car? (คุณไม่ต้องการรถของฉันแล้วเหรอ?)
เมื่อใดจะใช้ “does”
“Does” เป็นรูปแบบดัดแปลงของ “do” มักใช้ร่วมกับบุรุษสรรพนาม เช่น “he/she/it” คำนามเอกพจน์ หรือคำนามนับไม่ได้ (water, music, homework,…).
ในประโยคปฏิเสธ
เช่นเดียวกับ “do” นอกเหนือจากการทำหน้าที่เป็นคำกริยาปกติแล้ว “does” ยังใช้เป็นกริยาช่วยในประโยคปฏิเสธที่มีโครงสร้าง: ประธาน + does + not + infinitive + กรรม
S + does + not + Vbare + O
ตัวอย่าง:
● He does not live here. (เขาไม่ได้อาศัยอยู่ที่นี่)
● It does not work. (มันไม่ทำงาน)
● The music does not sound good at all. (เพลงนี้ไม่เพราะเลย)
หมายเหตุ: “does not” สามารถย่อเป็น “doesn’t” ได้
ตัวอย่าง:
● She doesn’t want to meet him. (เธอไม่อยากพบเขา)
● It doesn’t move when I touch it. (เมื่อฉันเตะมัน มันไม่ขยับเลย)
● The water doesn’t flow. (น้ำไม่ไหล)
ในประโยคคำถาม
ในประโยคคำถามจะมีโครงสร้างที่แตกต่างจากประโยคปฏิเสธและประโยคบอกเล่า นั้นคือกริยาช่วย “Does” จะอยู่ที่ต้นประโยคโดยมีโครงสร้าง: Does/Doesn’t + ประธาน + infinitive + กรรม?
Does/Doesn’t + S + Vbare + O ?
ตัวอย่าง:
● Does he know about us? (เขารู้เรื่องของเราไหม?)
● Does it bite? (มันกัดไหม?)
● Doesn’t she have a meeting to attend? (เธอต้องเข้าร่วมประชุมไหม?)
วิธีใช้ ‘do’ และ ‘does’ ใน Tag questions และ Wh-questions
ในท้ายประโยค (Tag questions)
ในคำถามท้ายประโยค กริยาช่วย “do/does” จะไม่อยู่ต้นประโยคเหมือนกับคำถามปกติ แต่จะเปลี่ยนไปตามโครงสร้างสองอย่างต่อไปนี้:
S + V1 + O, don’t/doesn’t + S?S + don’t/doesn’t + Vbare + O, do/does + S?
ตัวอย่าง:
● They cook the dinner, don’t they? (พวกเขาทำอาหารเย็นใช่ไหม)
● I don’t have to come to the party, do I? (ฉันไม่จำเป็นต้องมางานปาร์ตี้ใช่ไหม?)
● She cleans the house, doesn’t she? (เธอทำความสะอาดบ้านใช่ไหม?)
● He doesn’t need the pen, does he? (เขาไม่ต้องการปากกาใช่ไหม?)
ในประโยคคำถามที่มีคำถาม (Wh-questions)
สำหรับคำถามที่มีคำตั้งคำถาม กริยาช่วย do/does จะอยู่หลังคำที่ใช้เพื่อถามซึ่งมีโครงสร้างดังนี้:
คำใช้เพื่อถาม (Wh-questions)+ do/does (not) + S + Vbare + O?
ตัวอย่าง:
● How do you go to work? (คุณไปทำงานยังไง?)
● Where does she live? (เธออาศัยอยู่ที่ไหน?)
● Why doesn’t he rest? (ทำไมเขาถึงไม่พักผ่อน?)
● What do they want for dinner? (คืนนี้พวกเขาอยากกินอะไร?)
>>> Read more:
หมายเหตุกรณีพิเศษเมื่อใช้ ‘do’ และ ‘does’
ใช้ “do/does” เป็นกริยาช่วยในประโยคบอกเล่า
สำหรับวิธีการใช้คำเหล่านี้ ผู้เรียนควรใช้เฉพาะสนทนาหรือการเขียนแบบไม่เป็นทางการ และควรใช้กับกริยาช่วยบางคำ เช่น ““like need want love hate…” โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเน้นย้ำความรู้สึก แสดงความจริงใจของตัวเองด้วยโครงสร้างดังนี้:
S + do/does + V Bare + O
ตัวอย่าง:
● I really do love you. (เน้นว่าฉันรักคุณจริงๆ)
● She does need to go to the hospital now. (เน้นว่าตอนนี้เธอต้องไปโรงพยาบาลจริงๆ)
● They do want to meet you. (เน้นว่าพวกเขาอยากพบคุณจริงๆ)
ใช้ “do not” ในการออกคำสั่งห้ามหรือป้องกัน
กรณีนี้เป็นกรณีที่กริยาช่วย “do not” จะมาขึ้นต้นประโยคโดยไม่จำเป็นต้องอยู่ในรูปแบบคำถามกับโครงสร้างดังนี้:
Don’t/Do not + Vbare + O
ตัวอย่าง:
● Don’t pet the cat. (อย่าแตะลูกแมว)
● Don’t disturb the students while they are taking their exam. (อย่ารบกวนนักเรียนในขณะที่เขากำลังทำข้อสอบ)
● Do not smoke in the library. (ห้ามสูบบุหรี่ในห้องสมุด)
แบบฝึกหัดการใช้งาน
แบบฝึกหัด
แบบฝึกหัดที่ 1: เลือกคำตอบที่ถูกต้องที่สุด
Example: Why __________ you always forget your keys at home?
A. do B. does C. did
—> Why do you always for get your keys at home?
- He __________ his best to finish the project on time.
A. do
B. does
C. did - __________ your sister enjoy hiking in the mountains?
A. Do
B. Does
C. Did - The teacher wants her students to complete the homework by tomorrow, __________?
A. does she
B. doesn’t she
C. do they - They __________ like to travel to exotic places during their vacations.
A. do
B. does
C. did - Your parents don’t approve of your decision to study abroad, __________?
A. do they
B. don’t you
C. doesn’t they
แบบฝึกหัดที่ 2: เติมคำว่า “do” หรือ “does” ในช่องว่าง
Example: We do not have enough time to finish the project, __________? → We do not have enough time to finish the project, do we?
- What __________ you enjoy doing in your free time?
- The cat __________ not like to be left alone for too long.
- Maria doesn’t do her laundry on Sundays, __________ she?
- You enjoy swimming in your free time, __________ you?
- How often __________ your friends go out for dinner?
แบบฝึกหัดที่ 3: แก้ไขคำผิดที่เป็นตัวหนา
Example: We does our best to support local businesses. → We do our best to support local businesses.
- Do your sister enjoy hiking in the mountains?
- The teacher does not allows late submissions.
- They don’t likes to attend crowded events.
- She understand the instructions correctly, don’t she?
- Your parents like your boyfriend, does they?
คำตอบ
แบบฝึกหัดที่ 1: เลือกคำตอบที่ถูกต้อง
Example: Why __________ you always forget your keys at home? a. do b. does c. did —> Why do you always for get your keys at home?
- He does his best to finish the project on time. a. do b. does c. did
- Does your sister enjoy hiking in the mountains? a. Do b. Does c. Did
- The teacher wants her students to complete the homework by tomorrow, doesn’t she? a. does she b. doesn’t she c. do they
- They do like to travel to exotic places during their vacations. a. do b. does c. did
- Your parents don’t approve of your decision to study abroad, do they? a. do they b. don’t you c. doesn’t they
แบบฝึกหัดที่ 2: เติมคำว่า “do” หรือ “does” ในช่องว่าง
Example: We do not have enough time to finish the project, __________? → We do not have enough time to finish the project, do we?
- What do you enjoy doing in your free time?
- The cat does not like to be left alone for too long.
- Maria doesn’t do her laundry on Sundays, does she?
- You enjoy swimming in your free time, don’t you?
- How often do your friends go out for dinner?
แบบฝึกหัดที่ 3: แก้ไขคำที่เป็นตัวหนา
Example: We does our best to support local businesses. → We do our best to support local businesses.
- Do your sister enjoy hiking in the mountains? → Does your sister enjoy hiking in the mountains?
- The teacher does not allows late submissions. → The teacher does not allow late submissions.
- They don’t likes to attend crowded events. → They don’t like to attend crowded events.
- She understand the instructions correctly, don’t she? → She understands the instructions correctly, doesn’t she?
- Your parents like your boyfriend, does they? → Your parents like your boyfriend, do they?
คำถามที่พบบ่อย
Do ใช้กับประธานอะไรบ้าง?
Do เป็นคำกริยาที่พิเศษซึ่งใช้กับสรรพนาม I you we they และคำนามนับพหูพจน์
Does ใช้กับประธานอะไร?
Does ใช้กับคำนามบางคำสรรพนามเท่านั้น นั้นคือ He she it และคำนามเอกพจน์ คำนามนับไม่ได้
Do กับ does ใช้ต่างกันอย่างไร?
“Do” เป็นคำกริยาที่พิเศษที่ใช้กับสรรพนาม “I you we they” และสำหรับคำนามนับพหูพจน์ “Does” เป็นรูปเอกพจน์บุรุษที่ 3 ของ “do” ใช้กับคำสรรพนาม “he she it” คำนามเอกพจน์ และคำนามนับไม่ได้บทความนี้ได้นำความรู้ที่สำคัญเกี่ยวเมื่อไหร่ที่ต้องใช้ do หรือ does นอกเหนือจากการทำแบบฝึกหัดทั้ง 3 แบบข้างต้นแล้ว ผู้เรียนควรฝึกทำแบบฝึกหัดอื่นๆเพิ่มเติมที่บ้านเพื่อให้เข้าใจ do does ใช้ยังไง หลักไวยากรณ์นี้ได้ดีขึ้น ติดตาม ELSA Speak เพื่อเรียนรู้ไวยากรณ์ภาษาอังกฤษเพิ่มเติมทุกวันนะ!
คุณคงเคยได้ยินมาว่า โสดภาษาอังกฤษ คือ Single แต่คุณอาจยังไม่รู้ว่า นอกจากความหมาย โสด แล้วมีความหมายอะไรอีก มีคำพ้องความหมายหรือไม่ วิธีการใช้เป็นอย่างไร มาเรียนรู้กับ ELSA Speak กันนะ
โสดภาษาอังกฤษ คือออะไร
โสดภาษาอังกฤษ คือ Single /ˈsɪŋgəl/ เป็นคำนาม (noun) ที่แสดงถึงบุคคลที่ยังไม่ได้แต่งงานหรือบุคคลที่หย่าร้างแต่ยังไม่ได้แต่งงานใหม่
ตัวอย่างเกี่ยวกับวิธีการใช้ความหมาย โสดภาษาอังกฤษ
- He’s been single for so long, I don’t think he’ll get married.
(เขาเป็นโสดมานานแล้ว ฉันไม่คิดว่าเขาจะแต่งงาน)
- How does it feel to be single again?
(กลับมาเป็นโสดอีกครั้งรู้สึกยังไงบ้าง?)
- I have been single for a year and I’m enjoying the freedom.
(ฉันเป็นโสดมาหนึ่งปีแล้วและฉันก็มีความสุขกับการมีอิสรภาพ)
- She is a successful career woman and chooses to remain single.
(เขาเป็นผู้หญิงที่ประสบความสำเร็จในหน้าที่การงานและเลือกที่จะอยู่เป็นโสด)
- Are you single or in a relationship?
(คุณโสดหรือมีแฟนแล้ว)
- He’s not looking for a serious commitment right now, so he prefers to stay single.
(เขาไม่ได้มองหาความจริงจังในตอนนี้ ดังนั้นเขาจึงเลือกที่จะอยู่เป็นโสดมากกว่า)
- Being single allows me to focus on my personal growth and goals.
(การเป็นโสดช่วยให้ฉันโฟกัสไปที่การเติบโตและเป้าหมายของตัวเองได้)
- She enjoys the single life and spends her weekends traveling and exploring new places.
(เขาพอใจกับชีวิตโสดและใช้เวลาในช่วงสุดสัปดาห์ท่องเที่ยวและสำรวจสถานที่ใหม่ๆ)
- As a single parent, she works hard to provide for her children.
(ในฐานะพ่อแม่เลี้ยงเดี่ยว เขาทำงานอย่างแข็งขันเพื่อเลี้ยงดูลูกๆ ของเขา)
- He recently got out of a long-term relationship and is adjusting to being single again.
(เขาเพิ่งออกจากความสัมพันธ์ระยะยาวและกำลังปรับตัวกลับเป็นโสดอีกครั้ง)
- Many people enjoy the independence and flexibility that comes with the single lifestyle.
(หลายๆ คนชื่นชอบความเป็นอิสระและความยืดหยุ่นที่พร้อมกับไลฟ์สไตล์คนโสด)
- Being single doesn’t mean you are lonely; it can be a fulfilling and empowering choice.
(การเป็นโสดไม่ได้หมายความว่าคุณเหงา อาจเป็นทางเลือกที่เติมเต็มและเสริมสร้างศักยภาพได้)
>>> Read more: คําคมภาษาอังกฤษ เท่ๆ เกี่ยวกับความรัก
นอกจากความหมาย โสด แล้ว single ยังมีความหมายอะไรบ้าง?
Single นอกจากแปลว่า โสด แล้ว ในภาษาอังกฤษยังแปลเป็นความหมายอื่นๆ ได้อีก ทั้งนี้ขึ้นอยู่สถานการณ์
ตัวอย่าง
- “a single room” (ห้อวเดี่ยว)
- “a single ticket” (ตั๋วใบเดี่ยว)
Single (ในด้านเพลง)
คำนิยาม: ในด้านเพลง “Single” คือเพลงที่ปล่อยออกมาเดี่ยว โดยปกติจะโพรโมตอัลบั้มที่กำลังจะเปิดตัว Single ก็มักจะมีเพลงเพียง 1 หรือ 2 เพลงเท่านั้น
ฝ่ายเดียว
คำนิยาม: สถานะของความสัมพันธ์ที่ฝ่ายเดียวเท่านั้นที่มีความรู้สึกหรือความสนใจ
ไม่ซับซ้อน
คำนิยาม: ไม่ซับซ้อนหรือไม่สับสน
เอกลักษณ์
คำนิยาม: มีเพียงหนึ่งเดียวไม่มีบุคคลหรือสิ่งของที่สอง
>>> Read more: คำศัพท์เกี่ยวกับความรักเมื่อมีปัญหา
ตัวอย่างเกี่ยวกับวิธีการใช้คำ single ในสถานการณ์อื่นๆ
- “I live in a single apartment.” (ฉันอาศัยอยู่ในอพาร์ตเมนต์แบบห้องเดี่ยว)
- “My favorite band just released a new single.” (วงโปรดของฉันเพิ่งออก Single ใหม่)
- “He has been single for a long time.” (เขาโสดมาเป็นเวลานาน)
- “This is a single task that can be completed in a short amount of time.” (นี่เป็นงานเดียวที่สามารถทำให้เสร็จได้ในระยะเวลาสั้น)
- “This is a single occurrence that will not happen again.” (นี่เป็นเหตุการณ์เดียวที่จะไม่เกิดขึ้นอีก)
คำพ้องความหมายกับโสดภาษาอังกฤษ
คำศัพท์ | การสำเนียง | ความหมาย |
individual | /ˌɪndɪˈvɪdʒuəl/ | คน ๆ เดียว |
lone | /loʊn/ | โดดเดี่ยว |
original | /əˈrɪdʒənl/ | แรกเริ่ม |
particular | /pərˈtɪkjələr/ | โดยเฉพาะ |
personal | /ˈpɜːrsənl/ | ส่วนตัว |
private | /ˈpraɪvət/ | สันโดษ |
separate | /ˈsɛpəreɪt/ | แยกกัน |
simple | /ˈsɪmpəl/ | เดี่ยว |
sole | /soʊl/ | เพียงคนเดียว |
special | /ˈspɛʃəl/ | พิเศษ |
specific | /spəˈsɪfɪk/ | เฉพาะ เจาะจง |
distinguished | /dɪˈstɪŋɡwɪʃt/ | เด่น พิเศษ |
exclusive | /ɪkˈskluːsɪv/ | กีดกัน ผูกขาด |
isolated | /ˈaɪsəleɪtɪd/ | โดดเดี่ยว |
loner | /ˈloʊnər/ | ผู้อยู่สันโดษ |
one | /wʌn/ | หนึ่ง |
restricted | /rɪˈstrɪktɪd/ | ถูกจำกัด |
secluded | /sɪˈkluːdɪd/ | แยกตัว |
separated | /ˈsɛpəreɪtɪd/ | แยกทางกัน |
singular | /ˈsɪŋɡjələr/ | เอกพจน์ |
solitary | /ˈsɒlɪtəri/ | อันเดียว สันโดษ |
especial | /ɪˈspɛʃəl/ | พิเศษ เฉพาะ |
exceptional | /ɪkˈsɛpʃənl/ | ยอดเยี่ยม |
indivisible | /ˌɪndɪˈvɪzəbəl/ | แบ่งแยกไม่ได้ |
not general | /nɑt ˈdʒɛnərəl/ | ไม่เป็นทั่วไป |
not public | /nɑt ˈpʌblɪk/ | ไม่เกี่ยวข้องกับส่วนรวม |
odd | /ɒd/ | แปลกประหลาด |
only | /ˈoʊnli/ | เพียงคนเดียว |
ประโยคภาษาอังกฤษที่บอกถึงสถานะโสด
1. I don’t have anyone in my heart.
ฉันยังไม่มีใครในหัวใจเลย หรืออีกนัยก็คือต้องการสื่อความหมายว่า ยังโสดอยู่ เธออยากเข้ามาอยู่ในใจเราไหมล่ะ
2. Love is not my first priority right now.
ความรักยังไม่ใช่เรื่องสำคัญอันดับแรกสำหรับฉัน คำตอบแบบมั่นๆ ตามสไตล์คนยุคใหม่ที่ไม่ได้โฟกัสเรื่องความรักเป็นหลัก แต่ระวังนิดนะถ้าจะตอบแบบนี้ เพราะอาจทำให้หนุ่มๆ หรือสาวๆที่กำลังหมายปองคุณอยู่หนีกระเจิงไปได้
3. I’m currently enjoying my independence and autonomy.
ฉันยังมีความสุขกับอิสระและชีวิตโสดมากๆ คือ ก็หมายถึงยังไม่มีแฟนนั่นแหละจ้า เรียกว่าเป็นคำตอบที่ให้สิบ สิบ สิบ ไปเลย เพราะนอกจากจะเป็นการอัปเดตสถานะแบบตรงๆ แล้วยังเป็นการสื่อด้วยว่า โสดแล้วไง ชีวีตแฮปปี้ก็แล้วกันได้อีกด้วยนะ
4. I am separated.
เลิกแล้วจ้า…โสดแล้วนะ สำหรับคนที่เลิกรากับคนรักเก่าไป สามารถหยิบคำนี้มาตอบคำถามว่า “โสดมั้ย?” แบบสตรองๆ ไปได้เลย
5. I’m too busy to date anyone.
ฉันยุ่งมากจนไม่มีเวลาไปเดทกับใครหรอก เป็นประโยคที่ต้องการจะสื่อว่า คุณมีอะไรต้องทำเยอะแยะมากมาย ไม่ใช่คนที่จะว่างมานั่งรอความรักไปวันๆ หรอกนะ
6. I am unattached and independent.
ฉันไม่มีพันธะใดๆ ทั้งสิ้น โสดมากบอกเลย
7. I haven’t met anyone that makes my heart beats so fast until this moment.
ฉันยังไม่เคยเจอใครที่ทำให้ใจเต้นแรงเลยจนกระทั่งตอนนี้ เอ้าสิ! งานหยอดต้องมา ถ้าเลือกจะตอบแบบนี้คนถามต้องเป็นอนาคตแฟนแน่ๆ นาทีต้องบริหารเสน่ห์กันต่อแล้ว
8. I’m too independent for most men/women to handle.
ฉันมีความเป็นตัวของตัวเองเกินกว่าใครจะรับมือได้ อารมณ์ประมาณแบบเป็นคนมั่นใจในตัวเอง มีความเป็นตัวเองสูง เลยไม่ค่อยจะมีใครเป็นเจ้าของได้ง่ายๆ แต่อีกมุมหนึ่งก็เป็นการพูดเชิงท้าทายหน่อยๆ ว่า ยังไม่เคยมีใครเอาฉันอยู่เลยนะ หรือว่าคุณจะลอง
9. I’m single and ready to mingle.
โสดจ้า แต่ก็พร้อมจะมีคู่นะ ประมาณว่าก็โสดแหละ แต่อยู่ในโหมดเปิดใจนะ ไม่เชื่อก็ลองจีบสิ
>>> Read more: แคปชั่นเกี่ยวกับความรักที่น่าเศร้า อกหัก ในภาษาอังกฤษ
ความแตกต่างกันระหว่าง Single และ Celibate
ความแตกต่าง | Single | Celibate |
คำนิยาม | ผู้ที่ไม่ได้มีความสัมพันธ์ต่อเนื่องหรือการแต่งงาน | ผู้ที่ไม่มีการร่วมเพศหรือไม่ได้แต่งงาน |
สถานภาพสมรส | อาจเป็นโสด หย่าร้าง หรือไม่มีคนรัก | ไม่แต่งงาน |
การร่วมเพศ | อาจมีการร่วมเพศ | ไม่มีการร่วมเพศ |
เหตุผล | อาจเกิดจากการเลือก ยังไม่หาคู่ครอง โฟกัสเรื่องอาชีพ ฯลฯ | อาจเกิดจากการเลือกส่วนบุคคล ศาสนา ความมุ่งมั่นที่จะไม่มีการร่วมเพศก่อนแต่งงาน ฯลฯ |
ทัศนคติต่อความรัก | อาจแสวงหาความสัมพันธ์ทางอารมณ์และคู่รัก | ไม่มองหาความสัมพันธ์ทางอารมณ์และคู่รัก |
ตัวอย่าง | “ฉันเป็นคนโสด” | “เขามุ่งมั่นที่จะเป็นโสด” |
คำถามที่พบบ่อย
สาวโสดในภาษาอังกฤษคืออะไร?
Single girl.
คนโสดที่รักสนุกในภาษาอังกฤษคืออะไร?
Fun-loving single.
ชีวิตโสดในภาษาอังกฤษคืออะไร?
Single life.
Single คืออะไร?
Single หมายถึง โสด ไม่มีคนรักหรือมีความสัมพันธ์แบบโรแมนติก
Single Life là gì?
Single Life หมายถึง ชีวิตโสด สภาวะที่ไม่มีคู่รักหรือความสัมพันธ์ทางอารมณ์
ไม่โสดอีกต่อไปในภาษาอังกฤษคืออะไร?
No longer single หรือแต่งงานแล้ว (สำหรับผู้ที่ได้ก้าวเข้าสู่ความสัมพันธ์ครั้งใหม่แล้ว)
ความเหงาในภาษาอังกฤษคืออะไร?
Lonely หรือ feeling lonely.
ELSA Speak ได้แชร์คำศัพท์เกี่ยวกับ โสดภาษาอังกฤษ ให้กับคุณ หวังว่ามันจะช่วยให้คุณเข้าใจความหมายและการใช้คำว่า “Single” ได้ดีขึ้น ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน ELSA Speak เพื่อเรียนภาษาอังกฤษผ่านแอปที่แสนสะดวกตอนนี้เลย!
คำประสมในภาษาอังกฤษ (compound words) มีบทบาทสำคัญในการขยายความหมายของคำศัพท์ โดยการนำเอาคำสองคำหรือมากกว่ามารวมกันเป็นคำใหม่ ที่มีความหมายใหม่ มีเอกลักษณ์ และมีความหลากหลายมากกว่าคำใดคำหนึ่งเพียงคำเดียว มาเรียนรู้ว่า compound words คืออะไรและมีคำประสมมีประเภทอะไรบ้างกับ ELSA Speak กันนะ
Compound words มีอะไรบ้าง?
คำนิยามของ compound words
คำประสม (compound words) ในภาษาอังกฤษเป็นโครงสร้างทางภาษาที่เกิดขึ้นจากการนำเอาคำสองคำหรือมากกว่ามารวมกันเพื่อสร้างคำใหม่ที่มีความหมายแตกต่างกัน
คำประสมสามารถเกิดขึ้นได้จากกระบวนการต่างๆ เช่น การประสมคำ (word compounding) การผสมคำ (word blending) หรือการยืมจากภาษาอื่น (borrowing from other languages)
Compound words ตัวอย่าง
ตัวอย่างเกี่ยวกับ compound words:
- “ice cream” – ไอศกรีมเป็นคำประสมคำหนึ่ง ที่เกิดจากคำว่า “ice” – น้ำแข็ง และ “cream” – ส่วนผสมมีเนื้อหนานุ่ม
- “armchair” – ก็เป็นคำประสมเช่นกัน ประกอบขึ้นจากคำว่า “arm” – แขน และ “chair” – เก้าอี้
คำประสมมักสับสนกับหน่วยคำควบ (blended words) หรือที่เรียกว่า “portmanteaus” คำประสมในภาษาอังกฤษประกอบด้วยคำสองคำ ในขณะที่หน่วยคำควบประกอบด้วยส่วนหนึ่งของคำ
ตัวอย่าง: หน่วยคำควบ: “stay” – อยู่ / อาศัยอยู่; “vacation” – ช่วงลาพักผ่อน
→ หน่วยคำควบจะถึงเป็น “staycation” – การท่องเที่ยวไม่ไกลจากบ้าน “cation” แยกออกจาก “vacation” เพื่อสร้างคำ “staycation”
>>> Read more: Vacation แปลว่า? แยกแยะ vacation, holiday, day off ในภาษาอังกฤษ
จำแนกประเภท (compound words) ในภาษาอังกฤษ
คำประสมแบบเขียนแยกกัน (Open compound words)
คำประสมแบบเขียนแยกกันมีช่องว่างระหว่างคำ ซึ่งทำให้ยากต่อการระบุ คำประสมแบบเขียนแยกกัน ทำหน้าที่เหมือนคำเดี่ยว พวกมันปรากฏพร้อมกันเสมอในลำดับเดียวกันและแต่ละคำก็มีความหมายเฉพาะของแต่ละประเภท
คำประสมแบบเขียนแยกกันส่วนใหญ่จะเป็นคำนามและใช้เหมือนคำนามทั่วไป หากต้องการสร้างคำประสมแบบเขียนแยกกัน โดยปกติคุณจะแปลงคำสุดท้ายในกลุ่มคำให้เป็นพหูพจน์เท่านั้น ไม่ใช่ทุกคำ
ถูก | ผิด |
Mia got sick from eating ten hot dogs. | Mia got sick from eating ten hots dogs. |
เมื่อคำประสมแบบเขียนแยกกันเป็นคำกริยา มักเรียกว่ากริยาวลีที่มีกฎพิเศษของตัวเอง แต่โดยทั่วไปมีเพียงคำเดียวในกลุ่มเท่านั้นที่จะเชื่อมโยงกัน และคำอื่นที่เหลือจะไม่มีความหมาย
ถูก | ผิด |
He found out too late. | He found outed too late. He find outed too late. |
อย่างไรก็ตาม บางครั้งคำประสมแบบเขียนแยกกันอาจต้องใช้เครื่องหมายยัติภังค์ หากใช้เป็นส่วนอื่นของคำพูด ตัวอย่างเช่น Test drive เป็นคำประสมแบบเขียนแยกกันเมื่อใช้เป็นคำนาม เมื่อใช้เป็นคำกริยาต้องเติมเครื่องหมายยัติภังค์ เป็น test-drive
Compound words ตัวอย่างประโยค : Test drives are important. I always test-drive a new car before purchasing.
ตัวอย่างเกี่ยวกับคำประสมแบบเขียนแยกกัน
คำประสมเขียนแยกกัน | ความหมาย |
black eye | ตาดำ |
cell phone | โทรศัพท์มือถือ |
close call | วางสาย |
common sense | สามัญสำนึก |
cotton candy | ขนมสายไหม |
dining room | ห้องรับประทานอาหาร |
first aid | ปฐมพยาบาล |
full moon | พระจันทร์เต็มดวง |
French fry | มันฝรั่งทอด |
heart attack | โรคหัวใจวาย |
high school | มัธยม |
hot dog | ไส้กรอก |
ice cream | ไอศกรีม |
life jacket | เสื้อชูชีพ |
living room | ห้องนั่งเล่น |
no one | ไม่มีใคร |
peanut butter | เนยถั่วลิสง |
post office | ไปรษณีย์ |
prime minister | นายกรัฐมนตรี |
real estate | อสังหาริมทรัพย์ |
remote control | รีโมตคอนโทรล |
report card | บัตรรายงาน |
rib cage | โครงกระดูก |
role model | เป็นแบบอย่าง |
roller coaster | รถไฟเหาะ |
salad dressing | น้ำสลัด |
search engine | โปรแกรมค้นหา |
slam dunk | การกระโดดเอาลูกยัดลงห่วง |
sleeping bag | ถุงนอน |
time capsule | แคปซูลกาลเวลา |
vacuum cleaner | เครื่องดูดฝุ่น |
vending machine | เครื่องจำหน่ายสินค้าอัตโนมัติ |
video game | วิดีโอเกม |
waiting room | ห้องพัก |
washing machine | เครื่องซักผ้า |
web page | แฟ้มข้อมูลที่มีเนื้อหาที่เราจะได้เห็นบนจอภาพ โดยผ่านทางอินเทอร์เน็ต |
คำประสมแบบเขียนติดกัน (Closed compound words)
เมื่อเปรียบเทียบกับคำประสมแบบเขียนแยกกัน คำประสมแบบเขียนติดกันจะจดจำและใช้งานได้ง่ายกว่ามาก ดังนั้นคำประสมแบบเขียนติดกันจึงไม่มีการเว้นวรรคระหว่างคำ คุณจะพบคำประสมแบบเขียนติดกันได้ในแทบทุกส่วนของคำพูด คำวิเศษณ์ เช่น sometimes หรือ any day ถือเป็นคำประสมแบบเขียนติดกัน เช่นเดียวกับคำบุพบท inside, outside, within และ without แม้แต่คำว่า “can’t” เป็นรูปแบบย่อของวลี “can not” ก็เป็นคำประสมที่เขียนติดกัน
ตัวอย่างเกี่ยวกับคำประสมแบบเขียนติดกัน
คำประสมเขียนติดกัน | ความหมาย |
---|---|
airport | สนามบิน |
anybody, everybody, nobody, somebody | ใคร ๆ ทุกคน ไม่มีใคร บางคน |
anyone, everyone, someone (but not no one), anything, everything, nothing, something | ใคร ๆ ทุกคน บางคน (ไม่ใช่ไม่มีใคร) อะไรก็ตาม ทุกสิ่งทุกอย่าง ไม่มีอะไร บางสิ่งบางอย่าง |
anywhere, everywhere, nowhere, somewhere | ที่ไหนก็ตาม ทุกที่ ไม่มีที่ไหน บางที่ |
babysit | พี่เลี้ยงเด็ก |
background | ภูมิหลัง |
barefoot | เท้าเปล่า |
baseball, basketball, football, etc. | กีฬาเบสบอล บาสเกตบอล ฟุตบอล ฯลฯ |
bathroom | ห้องน้ำ |
bedroom | ห้องนอน |
blackberry, blueberry, etc. | แบล็คเบอร์รี่ บลูเบอร์รี |
breakfast | อาหารเช้า |
cannot | ไม่ได้ ไม่สามารถ |
check out | แจ้งออก |
cowboy | คนที่มีความชำนาญในการขี่ม้า |
daylight | เวลากลางวัน |
desktop | คอมพิวเตอร์แบบตั้งโต๊ะ |
fingerprint | ลายนิ้วมือ |
firefly | หิ่งห้อย |
forever | ตลอดไป |
gentleman | สุภาพบุรุษ |
grandmother, grandfather, granddaughter, etc. | ย่ายาย ปู่ตา หลานชาย หลานสาว |
grapefruit | ส้มโอ |
grasshopper | ตั๊กแตน |
headquarters | สำนักงานใหญ่ |
handshake | การจับมือกับคนอื่นเพื่อทักทายหรือบอกลา |
inside | ข้างใน |
keyboard | แป้นพิมพ์ |
lipstick | ลิปสติก |
mailbox | ตู้ไปรษณีย์ |
nevertheless | แต่อย่างไรก็ตาม |
nonetheless | ถึงอย่างไรก็ตาม |
notebook | สมุดบันทึก |
outside | ข้างนอก |
payday | วันเงินเดือนออก |
railroad | ทางรถไฟ |
rainbow | รุ้งกินน้ำ |
raincoat | เสื้อกันฝน |
skateboard | กระดานสเก็ต |
smartphone | สมาร์ทโฟน |
snowball | ก้อนหิมะ |
sometimes | บางครั้ง |
sunflower | ดอกทานตะวัน |
toothbrush | แปรงสีฟัน |
turntable | เครื่องเล่นแผ่นเสียง |
undercover | ลึกลับ |
upstream | ต้นน้ำ |
waterfall | น้ำตก |
watermelon | แตงโม |
weekend | วันสุดสัปดาห์ |
within | ภายใน |
without | ไม่มี |
คำประสมแบบมีเครื่องหมายยัติภังค์ (Hyphenated compound words)
สุดท้ายก็คือคำประสมที่มีเครื่องหมายยัติภังค์ระหว่างคำ คำเหล่านี้อาจออกเสียงได้ยากหากคุณไม่แน่ใจว่ามีเครื่องหมายยัติภังค์หรือช่องว่าง ดังนั้นทางที่ดีควรจำคำประสมที่มียัติภังค์เพื่อที่คุณจะได้ออกเสียงและเขียนได้อย่างถูกต้อง
เมื่อคำประสมที่มีเครื่องหมายยัติภังค์เป็นคำนาม สิ่งสำคัญคือคุณต้องแปลงคำเหล่านั้นเป็นคำนามพหูพจน์ ซึ่งมันจะไม่เหมือนคำประสมที่เขียนแยกกัน และไม่ใช่ว่าจะต้องแปลงคำสุดท้ายในกลุ่มเป็นนามพหูพจน์เสมอไป ตัวอย่างเช่น mother-in-law คุณจะแปลงเป็นนามพหูพจน์ในคำว่า mother แทนที่ law
อย่างไรก็ตาม คำประสมแบบมีเครื่องหมายยัติภังค์แต่ละคำมีความแตกต่างกัน และบางครั้งตัวอักษร s จะปรากฏต่อท้าย
ตัวอย่างเช่น: พหูพจน์ของ merry-go-round คือ merry-go-rounds
ถูก | ผิด |
Some spouses don’t like their mothers-in-law, but I get along with mine. | Some spouses don’t like their mother-in-laws, but I get along with mine. |
ตัวอย่างเกี่ยวกับคำประสมที่แบบมีเครื่องหมายยัติภังค์
คำประสมที่แบบมีเครื่องหมายยัติภังค์ | ความหมาย |
check-in | ลงทะเบียนเพื่อเข้าพัก |
clean-cut | สะอาด |
editor-in-chief | หัวหน้า บรรณาธิการ |
empty-handed | มือเปล่า |
far-fetched | ไม่น่าเชื่อ |
father-in-law, mother-in-law, sister-in-law,etc. | พ่อตา แม่ยาย น้อวสะใภ้ ฯลฯ |
free-for-all | (การแข่งขัน) ที่เปิดรับคนทั่วไป |
know-how | ความรู้หรือวิธีการ |
know-it-all | ผู้ที่อ้างว่ารู้ทุกอย่างดีกว่าผู้อื่น |
life-size | เกี่ยวกับขนาดธรรมชาติของสิ่งมีชีวิต |
merry-go-round | ม้าหมุน |
long-distance | ทางไกล |
long-term | ระยะยาว |
mind-blowing | ตื่นเต้นมาก |
nitty-gritty | รายละเอียดสำคัญ |
one-sided | ฝ่ายเดียว |
one-dimensional, two-dimensional, etc. | มีขนาดเดียว มีสองขนาด |
over-the-counter | ซื้อขายกันโดยตรง |
run-in | การอบอุ่นร่างกาย |
runner-up | ผู้ที่ได้ตำแหน่งรองชนะเลิศ |
strong-arm | กล้าหาญ |
topsy-turvy | ยุ่งวุ่นวาย |
toss-up | การเสี่ยง |
up-to-date | ทันสมัย |
well-being | สวัสดิภาพ |
word-of-mouth | ปากต่อปาก |
>>> Read more:
Compound words แบบฝึกหัดพร้อมเฉลย
Compound words คําประสม แบบฝึกหัด
Exercise 1: Choose the correct compound word that best completes each sentence. Select the letter (A, B, C, D, or E) corresponding to your answer.
1. She bought a _______________ to protect her eyes from the sun.
A) sunglasses
B) sunflower
C) moonlight
D) starfish
E) rainfall
2. My sister has a collection of _______________ on her bookshelf.
A) bookcase
B) raincoat
C) newspaper
D) homework
E) bedtime
3. The _______________ was delicious! It had layers of chocolate and cream.
A) chocolate
B) cake
C) ice cream
D) pancake
E) cupcake
4. He went to the _______________ to withdraw some money from his account.
A) supermarket
B) library
C) restaurant
D) banknote
E) fisherman
5. We had a _______________ on the beach during our vacation.
A) moonlight
B) rainfall
C) firework
D) starfish
E) sandcastle
Exericse 2: Match the word in column A to column B to make it a compound word.
A | B |
1. birth | a. box |
2. break | b. day |
3. fire | c. fast |
4. high | d. fighter |
5. mail | e. ground |
6. play | f. light |
7. sun | g. paste |
8. tooth | h. way |
Exercise 3: Fill in the gaps the compound words.
1. A book with pages for writing or taking notes is called a _________book.
2. A waterproof coat worn to protect against rain is called a _______coat.
3. A team sport played with a spherical ball, where players use their feet to kick the ball and score goals is called a ______ball.
4. A place where aircraft take off, land, and are serviced, providing facilities for passengers and cargo is called an_______port.
5. A printed publication containing news, articles, and advertisements that is typically published daily or weekly is called a _______paper.
คำเฉลย
Exercise 1:
1. A) sunglasses (แว่นตากันแดด)
2. A) bookcase (ชั้นวางหนังสือ)
3. B) cake (ขนมเค้ก)
4. D) banknote (ธนบัตร)
5. E) sandcastle (ปราสาททราย)
Exercise 2:
1. B | 2. C | 3. D | 4. H |
5. A | 6. E | 7. F | 8. G |
Exercise 3:
1. Notebook (สมุดบันทึก)
2. Raincoat (เสื้อกันฝน)
3.Football (ฟุตบอล)
4. Airport (สนามบิน)
5.Newspaper (หนังสือพิมพ์)
คำถามที่พบบ่อย
คำประสมทำหน้าที่อย่างไร?
คำประสมทำหน้าที่เหมือนคำเดี่ยว ซึ่งหมายความว่าเมื่อคุณแปลงกริยาประสมหรือคำนามประสมเป็นพหูพจน์ คุณก็จะเปลี่ยนแปลงไวยากรณ์เพียงครั้งเดียวเท่านั้น ตัวอย่างเช่น หากคุณต้องการพูดถึงห้องนั่งเล่นมากกว่าหนึ่งห้อง คุณจะต้องพูดว่า living rooms ไม่ใช่ livings rooms
คำประสมมีกี่ประเภท?
คำประสมมีสามประเภท ได้แก่ คำประสมแบบเขียนแยกกันโดยมีช่องว่างระหว่างคำ (dining room) คำประสมแบบเขียนติดกันโดยไม่มีช่องว่าง (babysit) และคำประสมแบบมีเครื่องหมายยัติภังค์ (free-for-all)
บทความข้างต้นได้นำข้อมูลเกี่ยวกับ compound words พร้อมทั้งแบบฝึกหัด เพื่อให้ผู้เรียนสามารถประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน ELSA Speak หวังว่าผู้เรียนจะสามารถใช้คำประสมเหล่านี้เพื่อพัฒนาทักษะภาษาอังกฤษของตนเองได้