Author: Bao Ngan Nguyen
“Where do you live?” เป็นคำถามที่ใช้บ่อยในภาษาอังกฤษเมื่อพบกันครั้งแรก และมักจะปรากฏในการสอบ IELTS Speaking บทความนี้จาก ELSA Speak จะวิเคราะห์และเสนอวิธีการตอบคำถาม “Where do you live?” รวมถึงแนะนำคำศัพท์ที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้ผู้เรียนสามารถฝึกฝนสำหรับสถานการณ์การสื่อสารต่างๆ
Where do you live แปลว่าอะไร (Where do you live meaning)

Where do you live คำอ่าน : /wer də juː lɪv/
“Where do you live?” (แปลว่า: คุณอาศัยอยู่ที่ไหน?) ใช้ถามข้อมูลเกี่ยวกับสถานที่ ที่คู่สนทนาอาศัยอยู่ เมื่อพบกันครั้งแรก พวกเรามักจะใช้คำถามนี้ในการสนทนา เพื่อทำความรู้จักกับอีกฝ่าย ซึ่งขึ้นอยู่กับแต่ละสถานการณ์ ผู้เรียนสามารถตอบได้หลายวิธี ซึ่งอาจเป็นคำตอบเกี่ยวกับภูมิภาค ประเทศ เมือง หรือที่อยู่เฉพาะของที่พัก
แม้ว่าจะเป็นประโยคที่ดูเรียบง่าย แต่การตอบคำถามนี้ ควรให้ข้อมูล อย่างกระชับและมั่นใจ
โดยปกติแล้ว ในคำถามนี้ นอกเหนือจากการให้ข้อมูลเกี่ยวกับที่อยู่อาศัยแล้ว ผู้เรียนอาจเพิ่มลักษณะเด่นของสถานที่นั้นๆ เพื่อให้การสนทนาน่าสนใจมากขึ้น
ตัวอย่าง: I live in Bangkok, the capital of Thailand. (ฉันอาศัยอยู่ในกรุงเทพมหานคร เมืองหลวงของประเทศไทย)
>>> Read more: วิธีการเขียนที่อยู่ภาษาอังกฤษให้ถูกต้องที่สุด
Where do you live ต้องตอบว่าอะไรในสถานการณ์จริง
ต่อไปนี่คือวิธีการตอบทั่วไปในการให้ข้อมูลเกี่ยวกับที่อยู่อาศัยของคุณเอง จากภาพรวมไปจนถึงรายละเอียด ผู้เรียนสามารถนำมาใช้ในสถานการณ์ต่างๆ ในชีวิตจริงได้อย่างเหมาะสม
ตอบแบบภาพรวมเกี่ยวกับที่อยู่อาศัย
ปกติเมื่อถูกถามว่า “Where do you live?” จากคนต่างชาติเมื่อเดินทาง หรือในสถานการณ์ที่ต้องสื่อสารในสภาพแวดล้อมระหว่างประเทศ ทุกคนมักต้องการทราบแค่ภาพรวมเกี่ยวกับที่อยู่อาศัยของกันและกัน ในกรณีนี้ การตอบเกี่ยวกับประเทศหรือเมืองที่อาศัยอยู่ก็เพียงพอและเหมาะสม
โครงสร้างไวยากรณ์:
I live + in + ประเทศ/เมือง
ในกรณีที่ประเทศหรือเมืองนั้นไม่เป็นที่รู้จักมากนัก ผู้เรียนสามารถให้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับตำแหน่งทางภูมิศาสตร์ของสถานที่นั้น
ตัวอย่าง:
- I live in America. (ฉันอาศัยอยู่ในอเมริกา)
- I live in Paris. (ฉันอาศัยอยู่ในปารีส)
- I live in Thailand, a small and peaceful country in Southeast Asia. (ฉันอาศัยอยู่ในประเทศไทย ประเทศเล็กๆ ที่เงียบสงบในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้)

ตอบแบบละเอียดเกี่ยวกับที่อยู่อาศัย
โครงสร้างไวยากรณ์:
I live + in + ชื่อหมู่บ้าน/อำเภอ/จังหวัด/เมือง
ตัวอย่าง: I live in Nonthaburi City. (ฉันอาศัยอยู่ในเมืองนนทบุรี)
I live + at + ที่อยู่บ้านที่เฉพาะเจาะจง (เลขที่บ้าน/ชื่อถนน/ตำบล/อำเภอ/จังหวัด)
ตัวอย่าง: I live at 165/4 Village No.10, Wangban Sub-district, Lomkao District, Phetchabun Province. (ฉันอาศัยอยู่ที่ 165/4 หมู่บ้านที่ 10 ตำบลวังบาน อำเภอลมเก่า จังหวัดเพชรบูรณ์)
I live + on + ชื่อถนน
ตัวอย่าง: I live on Suthisarnvinijchai Road. (ฉันอาศัยอยู่บนถนนสุทธิสารวิจิตรชัย)
>>> Read more: บทความเกี่ยวกับการใช้ IN ON AT ช่วยให้คุณแยกแยะได้ง่าย

วิธีการตอบคำถาม where do you live IELTS
หัวข้อ “where do you live” มักปรากฏในการสอบ IELTS Speaking ด้านล่างนี้คือตัวอย่างคำถามและคำตอบที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อนี้:
คำถาม | คำอธิบาย | ตัวอย่างวิธีการตอบ |
Where do you live? | คุณอาศัยอยู่ที่ไหน? | I currently live in [ชื่อเมืองหรือสถานที่]. It’s a [คำอธิบายเกี่ยวกับเมือง/สถานที่], and I’ve been here for [จำนวนปีหรือระยะเวลา] now. |
Can you describe your neighborhood? | คุณสามารถอธิบายละแวกบ้านของคุณได้ไหม? | Certainly, my neighborhood is [คำอธิบายเกี่ยวกับพื้นที่ที่อาศัย]. It’s [tข้อมูลเกี่ยวกับสภาพแวดล้อม สิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ], which makes it a very convenient and pleasant place to live. |
What do you like about your city/town? | คุณชอบอะไรเกี่ยวกับเมืองของคุณ? | There are several things I like about my city/town. Firstly, the [ลักษณะเด่นของเมือง/สถานที่]. Moreover, it’s a [การประเมินเชิงบวกเกี่ยวกับสภาพแวดล้อม วัฒนธรรม กิจกรรมต่างๆ]. |
Do you prefer living in a city or a rural area? | คุณชอบอาศัยอยู่ในเมืองหรือในชนบท? | I personally prefer living in a [เมือง/บริเวณชานเมืองหรือชนบท]. Although cities offer [ข้อดีของการอยู่อาศัยในเมือง], I also appreciate the tranquility and simplicity of [ชนบท/บริเวณชานเมือง]. |
What changes would you like to see in your area? | คุณต้องการเปลี่ยนแปลงอะไรในพื้นที่ของคุณ? | I believe there’s always room for improvement. In my area, I’d like to see [ข้อเสนอแนะเกี่ยวกับการปรับปรุงหรือการเปลี่ยนแปลง], as it would enhance the overall quality of life for residents. |
How do you think your area will change in the future? | คุณคิดว่าพื้นที่ของคุณจะเปลี่ยนแปลงอย่างไรในอนาคต? | I think my area will undergo [การคาดการณ์เกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงในอนาคต]. With [ปัจจัยที่อาจมีผลกระทบ], I believe it will evolve in [ทิศทางการพัฒนาที่คาดหวัง] over time. |
What are some advantages and disadvantages of living in your city/town? | ข้อดีและข้อเสียบางประการของการอาศัยอยู่ในเมือง/ชุมชนของคุณคืออะไร? | Living in my city/town has its pros and cons. On the one hand, [ข้อดีของการอยู่อาศัยที่นั่น]. On the other hand, [ข้อเสียเกี่ยวกับสภาพแวดล้อม การคมนาคม หรือแง่มุมอื่นๆ]. |
โปรดทราบว่าคำตอบควรนำเสนออย่างเป็นธรรมชาติและเป็นระบบ ใช้คำศัพท์และไวยากรณ์ที่เหมาะสมเพื่อแสดงความคิดเห็นของคุณอย่างชัดเจน

คำศัพท์หัวข้อ Where do you live?
สถานที่
คำศัพท์ | การอ่าน | ความหมาย | ตัวอย่าง |
Quarter | /ˈkwɔːrtər/ | ย่าน | As a student in Paris, she loved the Latin quarter. (ตอนเป็นนักเรียนในปารีส เธอชอบย่านละตินมาก) |
Ward | /wɔːrd/ | เขต | He lives in the 12th ward of the city. (เขาอาศัยอยู่ในเขตที่ 12 ของเมือง) |
Commune | /ˈkɑːmjuːn/ | ชุมชน | She lives in a commune. (เธออาศัยอยู่ในชุมชน) |
Hamlet | /ˈhæmlət/ | หมู่บ้านเล็กๆ | We live in a little fishing hamlet. (พวกเราอาศัยอยู่ในหมู่บ้านชาวประมงเล็กๆ) |
Town | /taʊn/ | เมือง | The nearest town is ten miles away. (เมืองที่ใกล้ที่สุดห่างออกไปสิบไมล์) |
Province | /ˈprɑːvɪns/ | จังหวัด | A shy young man from the provinces. (ชายหนุ่มขี้อายจากต่างจังหวัด) |
Apartment building | /əˈpɑːrtmənt ˈbɪldɪŋ/ | อาคารอพาร์ตเมนต์ | The old apartment building was recently renovated. (อาคารอพาร์ตเมนต์เก่าถูกปรับปรุงเมื่อเร็วๆนี้) |
Condo (Condominium) | /ˈkɑːndəʊ/ | คอนโดมิเนียม | He bought an ocean-front condo in his native Florida. (เขาซื้อคอนโดมิเนียมติดทะเลในบ้านเกิดที่ฟลอริดา) |
Townhouse | /ˈtaʊn.haʊs/ | ทาวน์เฮาส์ | We are looking for a townhouse with at least three bedrooms and two bathrooms. (เรากำลังมองหาทาวน์เฮาส์ที่มีอย่างน้อยสามห้องนอนและสองห้องน้ำ) |
Suburb | /ˈsʌb.ɝːb/ | ชานเมือง | They live in the suburbs. (พวกเขาอาศัยอยู่ในชานเมือง) |
Neighborhood | /ˈneɪ.bɚ.hʊd/ | ละแวก | We grew up in the same neighborhood. (พวกเราเติบโตมาในละแวกเดียวกัน) |
Rural area | /ˈrʊr.əl ˈer.i.ə/ | พื้นที่ชนบท | I prefer living in a rural area to the hustle and bustle of the city. (ฉันชอบอยู่ในพื้นที่ชนบทมากกว่าพื้นที่ความวุ่นวายในเมือง) |
Urban area | /ˈɝː.bən ˈer.i.ə/ | พื้นที่ในเมือง | The air quality in urban areas is often poor due to pollution. (คุณภาพอากาศในพื้นที่ในเมืองมักแย่เนื่องจากมลพิษ) |
Residential area | /ˌrez.əˈden.ʃəl ˈer.i.ə/ | พื้นที่อยู่อาศัย | I live in a quiet residential area near the park. (ฉันอาศัยอยู่ในพื้นที่อยู่อาศัยที่เงียบสงบใกล้สวนสาธารณะ) |
Housing project | /ˈhaʊ.zɪŋ ˈprɑː.dʒekt/ | โครงการที่อยู่อาศัย | The government is investing in a number of new housing projects to help address the affordable housing crisis. (รัฐบาลกำลังลงทุนในโครงการที่อยู่อาศัยใหม่ๆ หลายโครงการเพื่อช่วยแก้ไขปัญหาที่อยู่อาศัยราคาไม่แพง) |
Gated community | /ˈɡeɪ.t̬əd kəˈmjuː.nə.t̬i/ | ชุมชนที่มีการรักษาความปลอดภัย | I live in a gated community in California. (ฉันอาศัยอยู่ในชุมชนที่มีการรักษาความปลอดภัยในแคลิฟอร์เนีย) |
Downtown | /ˌdaʊnˈtaʊn/ | ใจกลางเมือง | The park is located downtown. (สวนสาธารณะตั้งอยู่ในใจกลางเมือง) |

ตำแหน่งที่ตั้ง
คำศัพท์ | การอ่าน | ความหมาย | ตัวอย่าง |
Across from | /əˈkrɑːs frʌm/ | ตรงข้ามกับ | My school is across from the post office. (โรงเรียนของฉันอยู่ตรงข้ามกับที่ทำการไปรษณีย์) |
Near | /nɪr/ | ใกล้ | Do you live near here? (คุณอาศัยอยู่ใกล้ที่นี่หรือไม่?) |
Far from | /fɑːr frʌm/ | ไกลจาก | The store is far from my house. (ร้านค้าอยู่ไกลจากบ้านของฉัน) |
On the outskirts | /ɑːn ðiː ˈaʊt.skɝːts/ | ในชานเมือง | The factory is located on the outskirts of Bangkok. (โรงงานตั้งอยู่ในชานเมืองของกรุงเทพฯ) |
In the heart of | /ɪn ðiː hɑːrt ɑːv/ | ในใจกลางของ | The hotel is located in the heart of the city. (โรงแรมตั้งอยู่ใจกลางเมือง) |

คำกริยา
คำศัพท์ | การอ่าน | ความหมาย | ตัวอย่าง |
Move into | /muːv ˈɪn.tuː/ | ย้ายเข้ามา | Our new neighbors moved in yesterday. (เพื่อนบ้านใหม่ของเราย้ายเข้ามาเมื่อวานนี้) |
Move out of | /muːv aʊt ɑːv/ | ย้ายออกไป | She moved out of the house when she got married. (เธอย้ายออกจากบ้านเมื่อตอนเธอแต่งงาน) |
Own | /əʊn/ | เป็นเจ้าของ/ของตัวเอง | It was her own house. (นั่นเป็นบ้านของเธอเอง) |
Rent | /rent/ | เช่า | How much rent do you pay for this place? (คุณจ่ายค่าเช่าที่นี่เท่าไหร่?) |
Relocate | /ˌriːˈləʊkeɪt/ | ย้าย | The firm may be forced to relocate from New York to Stanford. (บริษัทอาจถูกบังคับให้ย้ายจากนิวยอร์กไปสแตนฟอร์ด) |
Settle in | /ˈset̬.əl ɪn/ | ตั้งรกราก/ลงหลักปักฐาน | After a few months of exploring the bustling streets of Bangkok, I finally started to settle in to my new life in Thailand. (หลังจากที่ได้สำรวจถนนที่พลุกพล่านในกรุงเทพฯ อยู่สองสามเดือน ในที่สุดฉันก็เริ่มตั้งรกรากในชีวิตใหม่ของฉันในประเทศไทย) |

>>> Read more:
- คำกริยา (Verb) คืออะไร? การจำแนกรูปแบบคำกริยาในภาษาอังกฤษ
- ตาราง Irregular Verbs ในภาษาอังกฤษที่ครบถ้วนและถูกต้องที่สุด
วลีที่คล้ายกันกับ Where do you live?
นอกเหนือจากการถามว่า “Where do you live?” เมื่ออยากรู้เกี่ยวกับที่อยู่อาศัยของใครสักคน ผู้เรียนสามารถใช้วลีอื่นๆ เหล่านี้เพื่อทำให้การสนทนายืดหยุ่นและน่าสนใจมากขึ้น
คำถาม | คำอธิบาย | ตัวอย่างวิธีการตอบ |
Where are you based? | “Where are you based?” (คุณอาศัยอยู่ที่ไหน?) ใช้ในบริบทสุภาพมากกว่า มักใช้ในการสนทนาอย่างเป็นทางการ “Where are you based?” ช่วยให้ทราบที่อยู่ปัจจุบันหรือสถานที่ทำงานของบุคคลเพื่อการวางแผนการเดินทางหรือเข้าร่วมกิจกรรม คำถามนี้เหมาะกับบริบทการทำงานที่เป็นทางการและมืออาชีพ | Q: The meeting will be held in San Francisco. Where are you based? That will help me determine if you’ll need to travel. (การประชุมจะจัดขึ้นที่ซานฟรานซิสโก คุณอาศัยอยู่ที่ไหน? เพื่อให้ผมทราบว่าคุณต้องเดินทางหรือไม่) A: I’m currently in San Jose, but I frequently travel for work. (ฉันอยู่ที่ซานโฮเซ แต่ฉันเดินทางเพื่อทำงานบ่อยครั้ง) |
What’s your address? | “What’s your address?” (ที่อยู่ของคุณคืออะไร?) เป็นวิธีการพูดตรงไปตรงมามากที่สุด มีความแม่นยำและเป็นกลาง คำถามนี้มุ่งเน้นไปที่ที่อยู่เฉพาะของบุคคลเพื่อการส่งจดหมาย สินค้า การติดต่อโดยตรง หรือเพื่อวัตถุประสงค์ทางการ | Hey, long time no see! What’s your address? I’d like to send you a small gift. (เฮ้ ไม่ได้เจอกันนาน ที่อยู่ของคุณคืออะไร? ฉันอยากจะส่งของขวัญเล็กๆ ให้คุณ) |
Where do you hang your hat? | คุณเคยได้ยินสำนวน “where do you hang your hat?” (คุณแขวนหมวกไว้ที่ไหน?) หรือไม่ สำนวนนี้หมายถึงสถานที่ที่คุณไว้วางใจ เช่น บ้านของคุณ ที่ที่คุณสามารถพักผ่อนและวางกังวลของคุณลง “Where do you hang your hat?” เป็นการพูดเชิงเปรียบเทียบและไม่เป็นทางการเพื่อถามเกี่ยวกับที่อยู่ของคุณ คำถามนี้ใช้ในสถานการณ์ปกติและไม่เป็นทางการ เช่น การสนทนากับเพื่อนหรือคนในครอบครัว หรือในเรื่องราวชีวิตประจำวัน | • After college, did you find a job and where do you hang your hat now? (หลังจากเรียนจบ คุณได้งานหรือยัง และตอนนี้คุณอาศัยอยู่ที่ไหน?) • I heard you’ve been traveling a lot. Where do you hang your hat these days? (ฉันได้ยินมาว่าคุณเดินทางเยอะมาก ช่วงนี้คุณอาศัยอยู่ที่ไหน?) |
แยกความหมายของสองประโยค “Where do you live?” และ “Where are you living?”
คำถาม “Where do you live?” และ “Where are you living?” มีความหมายใกล้เคียงกันแต่มีความแตกต่างในวิธีการใช้และเวลาที่เหมาะสม
Where do you live? (คุณอาศัยอยู่ที่ไหน?)
- ประโยคนี้มักใช้ถามเกี่ยวกับที่อยู่ถาวรของคนหนึ่งหรือสถานที่ที่พวกเขาอยู่เป็นประจำ
- โดยปกติแล้วใช้กับข้อมูลที่คงที่ ไม่เปลี่ยนแปลงบ่อยๆ เช่น เมื่อต้องการทราบว่าคนรู้จักอาศัยอยู่ที่ไหนหรือซื้อบ้านที่ไหน
ตัวอย่าง:
Q: Where do you live? (คุณอาศัยอยู่ที่ไหน?)
A: I live in New York City. (ฉันอาศัยอยู่ในเมืองนิวยอร์ก)
Where are you living? (คุณกำลังอาศัยอยู่ที่ไหน?)
- ประโยคนี้มักใช้ถามเกี่ยวกับสถานที่กำลังอาศัยอยู่ในช่วงเวลาหนึ่ง โดยปกติแล้วจะเป็นสถานการณ์ปัจจุบันหรือเมื่อไม่นานมานี้
- มันอาจจะบ่งบอกว่าสถานะหรือสถานที่อาจจะเปลี่ยนแปลงในอนาคตหรือเปลี่ยนแปลงชั่วคราว ตัวอย่างเช่น ผู้เรียนสามารถใช้ประโยคนี้เมื่อถามเกี่ยวกับที่ที่ใครบางคนกำลังอาศัยอยู่ในช่วงเวลาที่พวกเขาทำงานในเมืองใหม่ หรือเมื่อพวกเขากำลังเช่าที่พักในสถานที่เฉพาะในช่วงเวลาสั้นๆ
ตัวอย่าง:
Q: Where are you living? (คุณกำลังอาศัยอยู่ที่ไหน?)
A: I’m currently living in an apartment in Boston while I attend university. (ตอนนี้ฉันกำลังอาศัยอยู่ในอพาร์ทเมนต์ในบอสตันในช่วงที่ฉันเรียนมหาวิทยาลัย)

บทสนทนาที่ใช้ Where do you live?
ตัวอักษร | ภาษาอังกฤษ | ความหมาย |
Joseph | Hi, it’s been a while! How have you been? | สวัสดีครับ ไม่ได้เจอกันนานเลย! ช่วงนี้คุณเป็นอย่างไรบ้าง? |
Henry | Hey there! I’ve been good, thanks for asking. Just keeping busy with work and all. How about you? | เฮ้! ฉันสบายดี ขอบคุณที่ถาม แค่ยุ่งกับงานและทุกๆอย่าง แล้วคุณล่ะ? |
Joseph | I hear you; work can be quite demanding. I’ve been managing too. By the way, I moved to a new apartment recently. | ฉันเข้าใจคุณ งานสามารถกดดันได้มากเหมือนกัน ฉันก็กำลังจัดการอยู่เหมือนกัน โดยวิธีนี้ ฉันเพิ่งย้ายไปอพาร์ตเมนต์ใหม่ |
Henry | Oh, really? That’s exciting! Where do you live now? | โอ้ จริงเหรอ? น่าตื่นเต้นจัง! ตอนนี้คุณอาศัยอยู่ที่ไหน? |
Joseph | I found a really nice place in the suburbs. It’s a bit quieter than the city, which I like. The neighborhood is lovely. | ฉันพบสถานที่ที่ดีมากในชานเมือง มันเงียบกว่าตัวเมืองนิดหน่อย ซึ่งฉันชอบมาก ละแวกใกล้เคียงก็น่ารักมาก |
Henry | That sounds wonderful. How’s the commute to work from there? | ฟังดูดีมาก การเดินทางไปทำงานจากที่นั่นเป็นอย่างไรบ้าง? |
Joseph | It’s not too bad. I take the train, and it’s about a 30-minute ride to the office. It’s much better than my previous hour-long commute. | ไม่เลวเลย ฉันขึ้นรถไฟและใช้เวลาประมาณ 30 นาที ในการไปสำนักงาน ดีกว่าการเดินทางหนึ่งชั่วโมงก่อนหน้านี้มาก |
Henry | That’s a significant improvement, then. Tell me more about your new neighborhood. What’s it like? | นั่นคือการปรับปรุงที่สำคัญมาก บอกฉันเพิ่มเติมเกี่ยวกับละแวกใกล้เคียงใหม่ของคุณหน่อย มันเป็นอย่างไรบ้าง? |
Joseph | Well, it’s a family-friendly area with a park nearby. The neighbors are really friendly, and there’s a great little café just down the street. | ก็เป็นพื้นที่ที่เหมาะกับครอบครัว มีสวนสาธารณะใกล้ๆ เพื่อนบ้านก็เป็นมิตรดี และมีคาเฟ่เล็กๆ ที่น่ารักอยู่ไม่ไกล |
Henry | It sounds like you’ve found a gem of a neighborhood. I’ll have to visit sometime. | ฟังดูเหมือนคุณเจอที่พักที่ดีแล้วล่ะ ฉันต้องไปเยี่ยมสักครั้งให้ได้ |
Joseph | You’re always welcome! Let’s plan a weekend get-together soon. | คุณได้ยินดีต้อนรับเสมอ! มาวางแผนพบกันสุดสัปดาห์เร็วๆ นี้กันเถอะ |
Henry | Absolutely! I’m looking forward to it. | แน่นอน! ฉันรอคอยอยู่แล้ว |
คำถามที่พบบ่อย
Where do you live or stay?
คำว่า “live” ใช้กับการพำนักอาศัยในระยะยาว ส่วน “stay” มักใช้เมื่อหมายถึงการเยี่ยมเยือนในระยะสั้น หากคุณถามลูกค้าว่า “Where do you stay” ก็หมายความว่าคุณกำลังถามลูกค้าเกี่ยวกับโรงแรมที่พวกเขาพักอาศัย
How do you ask where you live in different ways?
หากคุณอยากรู้ คุณอาจถามในแบบที่กว้างกว่า เช่น “Where are you from?”, “What part of town do you live in?”
บทความนี้ได้แนะนำวิธีการตอบคำถาม “Where do you live?” โดยการวิเคราะห์ความหมาย แสดงโครงสร้างไวยากรณ์สำหรับการตอบคำถามในหลายกรณี และเสนอคำศัพท์ที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อ Where do you live นอกจากนี้ ELSA Speak ยังเจาะลึกความแตกต่างระหว่างคำถาม Where do you live และ Where are you living เพื่อช่วยให้ผู้เรียนไม่สับสนเมื่อใช้งาน ขอให้เรียนรู้ได้ดี!
โครงสร้าง be going to มักใช้เพื่ออธิบายการกระทำหรือสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้นี้ งั้น Be going to คืออะไรและ be going to ใช้ยังไง มาดูรายละเอียดการใช้ be going to กับ will ข้างล่างเลย
Be going to คืออะไร
ในภาษาอังกฤษ be going to หมายถึง ‘จะ’ มักใช้ในโครงสร้างที่พูดถึงอนาคตอันใกล้ เพื่ออธิบายเหตุการณ์ที่วางแผนไว้ การดำเนินการ และวัตถุประสงค์เฉพาะในอนาคต
Be going to ตัวอย่างประโยค :
- I‘m going to the park this afternoon. (ฉันจะไปสวนสาธารณะบ่ายนี้)
- She is going to buy a new car next month. (เธอจะซื้อรถคันใหม่เดือนหน้า)

>>> Read more: ประโยคอนาคตกาล (Future Simple Tense): โครงสร้างและแบบฝึกหัด
Be going to ใช้ยังไง
วิธีใช้ | ตัวอย่าง |
อธิบายการตัดสินใจหรือแผนงานที่วางแผนไว้ในอนาคต | I am going to take a Math exam this weekend. (สุดสัปดาห์นี้ฉันจะมีสอบวิชาคณิตศาสตร์) |
ใช้เพื่อทำนายสิ่งที่วิเคราะห์ตามสถานการณ์ปัจจุบันซึ่งมีความเป็นไปได้สูงที่จะเกิดขึ้น | Look. It’s cloudy. It’s going to rain. (ดูเมฆนั่นสิ เต็มท้องฟ้าเลย ฝนกําลังจะตกแล้ว) |
เล่าถึงแผนที่ทำไว้แต่ยังทำไม่สำเร็จ จากนั้น to be จะถูกผันคำกริยาในอดีตกาล | We were going to go for a picnic but there were some problems. (เรากำลังวางแผนที่จะไปปิกนิกแต่ก็มีปัญหาอยู่) |
เมื่อคุณต้องการออกคำสั่งหรือต้องการบอกว่าต้องทําอะไรบางอย่าง | Kathy is going to pick up all of those toys right now! Her room is a mess! (เคธี่กำลังจะไปเก็บของเล่นทั้งหมดตอนนี้ เพราะห้องของเธอรกมาก!) |

โครงสร้าง Be going to
โครงสร้าง Be going to แบบบอกเล่าทั่วไป
Be going to โครงสร้างประโยค :
S + be going to + V (bare-inf)
ตัวอย่างประโยคบอกเล่าทั่วไปกับ Be going to:
- We are going to see a new movie after work tonight. (เราจะไปดูหนังเรื่องใหม่คืนนี้หลังเลิกงาน)
- I am going to go on a business trip at the weekend. (ฉันจะเดินทางไปทําธุรกิจสุดสัปดาห์นี้)
- She is going to buy a car after winning the lottery. (เธอจะไปซื้อรถยนต์หลังจากที่ถูกหวย)

โครงสร้าง Be going to แบบปฏิเสธ
โครงสร้าง:
S + be + not + going to + V (bare-inf)
Be going to ตัวอย่างประโยคปฏิเสธ :
- We are not going to see that new movie after work tonight. (หลังเลิกงานคืนนี้เราจะไม่ไปดูหนังเรื่องใหม่)
- I am not going to come home this weekend because of the final exam. (ฉันจะไม่กลับบ้านสุดสัปดาห์นี้เนื่องจากมีสอบปลายภาค)
- She is not going to go jogging tomorrow. Weather forecast says that tomorrow will be rainy. (พยากรณ์อากาศบอกว่าพรุ่งนี้จะมีฝนตก เธอจึงจะไม่ไปวิ่งจ็อกกิ้งพรุ่งนี้)
โครงสร้าง Be going to แบบคําถาม
คําถามแบบ Yes/No question:
โครงสร้าง:
Be + S+ going to + V (bare-inf)?
Yes, S + be.
No, S + be not.
ตัวอย่างคําถามกับ Be going to:
- Are we going to see that new movie after work tonight? (คืนนี้หลังเลิกงานเราจะไปดูหนังเรื่องใหม่กันไหม?)
→ No, We are not. (ไม่ เราไม่ไป)
- Are you going to go to the museum with me? (คุณจะไปพิพิธภัณฑ์กับฉันไหม?)
→ Yes, I am. (ไปดิ ฉันจะไป)
- Is she going to buy an apartment in the center city? (เธอจะซื้ออพาร์ทเมนท์ใจกลางเมืองเหรอ?)
→ Yes, She is. (ใช่)
คําถามแบบ Wh-question:
โครงสร้าง:
Wh-word + be + S + going to + Verb (bare-inf)?
-> S + be going to + V (bare-inf)
Be going to ตัวอย่างประโยคคำถาม :
- What are you going to do tomorrow? (พรุ่งนี้คุณจะทําอะไรเหรอ?)
→ I’m going to relax and read a book tomorrow. (ฉันจะพักผ่อนและอ่านหนังสือพรุ่งนี้)
- How is she going to go to school? (เธอจะไปโรงเรียนยังไง?)
→ She is going to go to school by bus. (เธอจะไปโรงเรียนโดยรถบัส)
- When is he going to come home? (เมื่อไหร่เขาจะกลับบ้าน?)
→ He is going to come home after the meeting. (เขาจะกลับบ้านหลังจากประชุม)

>>> Read more: WH question คืออะไร? วิธีการใช้ WH question พร้อมตัวอย่างแบบละเอียด
วิธีใช้และแยกแยะความแตกต่างระหว่าง Be going to กับ Will
Be going to | Will | |
โครงสร้าง | S + be (am/is/are) + going to + V (bare-inf) Ex: Sara is going to take a Math exam this weekend. (ซาร่าจะสอบคณิตศาสตร์สุดสัปดาห์นี้) | S + Will + V (bare-inf) Ex: I will be on holiday in July. (ฉันจะไปหยุดพักร้อนในเดือนกรกฎาคม) |
วิธีใช้ | • ใช้เพื่ออธิบายการดำเนินการที่วางแผนไว้และจัดเตรียมไว้ล่วงหน้า Ex: I go to the clothing store, I’m going to buy a glamorous dress. (ฉันจะไปร้านขายเสื้อผ้า ฉันจะซื้อชุดที่หรูหรา) • ขึ้นอยู่กับสถานการณ์และสถานที่ที่เกิดขึ้น เราใช้คำว่า “be going to” เพื่อคาดการณ์ผลลัพธ์ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต Ex: Since John has been practicing hard every day, he is going to win the upcoming marathon. (เนื่องจากจอห์นฝึกซ้อมอย่างหนักทุกวัน เขามั่นใจว่าจะชนะการวิ่งมาราธอนครั้งหน้าได้) | • ใช้เพื่ออธิบายการกระทำหรือปัญหาที่ผู้พูดจะดำเนินการในขณะที่พูดหรือหลังจากพูด การดำเนินการนี้มักไม่ได้วางแผนไว้ล่วงหน้า Ex: What a glamorous dress! I will buy it. (ชุดสวยหรูหรามากค่ะ ฉันจะซื้อมันเลย) • ตามความคิดเห็นของผู้พูดหรือจากประสบการณ์ เราสามารถใช้ “will” เพื่อทำนายได้ Ex: When Sue grows up, she will become a good person. (เมื่อซูโตขึ้นเธอจะเป็นคนดี) • ให้สัญญาหรือยอมรับข้อเสนอในขณะที่พูด Ex: I will gladly help you with this project. (ฉันยินดีที่จะช่วยคุณทําโครงการนี้) |

>>> Read more: คำว่า will – would ต่างกันอย่างไรและใช้ให้ถูกต้อง
แบบฝึกหัดเกี่ยวกับโครงสร้าง Be going to
แบบฝึกหัด
บทที่ 1: จงเต็มช่องกริยาของ be going to หรือ will ลงในช่องว่างให้ถูกต้อง
1. Lan……….. 10 next Wednesday. (be)
2. Next summer, I ……….. to Paris. My brother lives there and he bought me a plane ticket for my birthday. (travel)
3. It’s getting cold. I ……….. my coat! (take)
4. Are you going to the cinema? Wait for me. I……….. with you! (go)
5. Lan, those bags seem quite heavy. I……….. you carry them. (help)
6. Look at those black clouds. I think it ……….. . (rain)
7. Bye Bye Tien, I ……….. you when I arrive home! (phone)
8. What ……….. you ……….. (do) tomorrow? I……….. (visit) my grandparents.
9. What a beautiful girl! I ………. her out next Monday! (ask)
10. Those watermelons seem delicious. We……….. (buy)
บทที่ 2: จงแต่งประโยคใหม่ในกาลอนาคตอันใกล้
1. I/go on/diet
2. My brother/tidy/his bedroom
3. They/discuss/problem
4. He/explore/a new territory
5. My sister/get married/next year
บทที่ 3: จงเลือกคําตอบที่ถูกต้อง
1. I (have)___________ a good time tonight.
A. is going to have
B. are going to have
C. am going to have
D. have
2. Janet (help)___________ me.
A. is going to help
B. are going to help
C. am going to help
D. helps
3. (he/ drive)__________ the car?
A. Is he going to drive
B. Am he going to drive
C. Are he going to drive
D. Does he drive
4. We (stay)__________ at home tonight.
A. are going to stay
B. am going to stay
C. is going to stay
D. stay
5. (you/ play)__________ tennis with Jenny?
A. Am you going to play
B. Is you going to play
C. Are you going to play
D. Do you play
6. A: Are you busy this evening?
B: No, Not at all. I _______________ do anything.
A. am not going to
B. will
C. am going to
D. don’t
7. A: Are you _______________ go out of the town this weekend?
B: Yes, I am. I am going to visit my sister and my brother.
A. will
B. going to
C. like
D. don’t
8. A: _________ you going to watch the soccer match tomorrow.
B: No, I am not. I ______________ be out of town.
A. Do / am going to
B. Will / will
C. Are / don’t
D. Are / am going to
9. A: Would you like to come over tomorrow?
B: I’d like to, but I am going to ___________ for my English exam.
A. studying
B. studied
C. study
D. studies
10. A: I _______ have a party at my place on Tuesday. Would you like ______?
B: I’d like to. Thank you for inviting me.
A. am going to / to come
B. will / coming
C. am going to / coming
D. will / to come
11. A: Are you going to join Kevin’s birthday party?
B: __________________. I am going to visit my aunt and my uncle.
A. Yes, I can
B. No, I don’t
C. Yes, I will
D. No, I am not
12. Would you like to join my tea party? I am sure you ________ have big fun.
A. will going to
B. are going to
C. going to
D. go to
13. A: Our school is organizing a tennis competition on Friday afternoon. It is _________ in the Sports Center. Would you like to join?
B: It would be great.
A. will be
B. be
C. going to be
D. will going to be
14. We are _____ have a barbecue with friends on Saturday. Would you like to join us?
A. going to
B. will
C. don’t
D. not
15. A: What a nice day! Do you want to go for a walk with me?
B: Sorry, but ________________.
A. I will be there on time
B. I am not going to do
C. I will come with you
D. I am going to help my mother do the household chores

คําเฉลย
บทที่ 1:
1. Will be | 2. Am going to travel | 3. will take | 4. will go | 5. will help |
6. is going to rain | 7. will phone | 8. are you doing – am going to | 9. will ask | 10. will buy |
บทที่ 2:
1. I am going to go on a diet.
2. My brother is going to tidy his bedroom.
3. They are going to discuss the problem.
4. He is going to explore a new territory.
5. My sister is going to get married next year.
บทที่ 3:
1. C | 2. A | 3. A | 4. A | 5. C | 6. A | 7. B | 8. B |
9. C | 10. A | 11. D | 12. B | 13. C | 14. A | 15. D |
ข้างต้นนี้ทุกคนจะตอบได้ว่า be going to ใช้ยังไง และวิธีแยกแยะความแตกต่างระหว่าง Be going to กับ Will หวังว่าข้อมูลข้างต้นจะช่วยให้เพื่อน ๆ เข้าใจโครงสร้างนี้มากขึ้น อย่าลืมติดตาม ELSA Speak เพื่ออัปเดทความรู้ภาษาอังกฤษทุกวันนะ
IELTS ถือได้ว่าเป็นคะแนนเพื่อประเมินระดับภาษาอังกฤษของคุณและใช้เป็นคะแนนในการศึกษาต่อต่างประเทศ สมัครงาน หรือยื่นขอวีซ่า ในบทความนี้ ELSA Speak จะพาเพื่อน ๆ ไปทําความรู้จักกับการสอบ IELTS สถานที่ที่เหมาะสมในการสอบ IELTS และสิ่งที่คุณต้องรู้เกี่ยวกับการสอบนี้ ถ้าพร้อมแล้วไปดูกันเลย
การสอบ IELTS คืออะไร

IELTS (คือคําย่อของคํา International English Language Testing System) เป็นการทดสอบเพื่อประเมินความสามารถทางภาษาอังกฤษตามมาตรฐานการศึกษานานาชาติ ผลสอบ IELTS ได้รับการยอมรับจากองค์กรการศึกษาชั้นนำทั้งในและต่างประเทศ
IELTS ทำหน้าที่เป็นหนังสือเดินทางเพื่อไปทำงานในองค์กรภาครัฐและเอกชนหลายแห่งทั่วโลก รวมถึงประเทศไทย ออสเตรเลีย แคนาดา นิวซีแลนด์ สหราชอาณาจักร และสหรัฐอเมริกา… ซึ่งการสอบ IELTS ยังดำเนินการโดยสํานักงานตรวจคนเข้าเมืองในหลายประเทศอีกด้วย
>>> Read more:
สอบ IELTS ที่ไหนดี ปี 2567
IELTS IDP Thailand
ศูนย์ IELTS IDP เป็นตัวแทนของออสเตรเลียในการจัดสอบ IELTS สามารถสมัครสอบกับ IDP ได้ 3 วิธี คือ สมัครโดยตรง สมัครออนไลน์ผ่านเว็บไซต์ และสมัครผ่านเจ้าหน้าที่ IDP ด้วยแบบฟอร์มสอบ IELTS ได้แก่ IELTS เชิงวิชาการ IELTS ทั่วไป และแบบคอมพิวเตอร์ IELTS UKVI Academic และ IELTS Life Skills
ศูนย์สอบ British Council
ศูนย์สอบ IELTS ของ British Council เป็นตัวแทนของสหราชอาณาจักรในการจัดสอบ IELTS
การสมัครสอบกับ British Council แบ่งออกเป็น 2 วิธี คือ การสมัครโดยตรง และการสมัครออนไลน์ รูปแบบการสอบของ British Council จะเหมือนกับศูนย์สอบ IELTS IDP
ทั้งศูนย์สอบ IELTS IDP และ British Council IELTS เป็นหน่วยงานทางการที่มีมาตรฐานองค์กรในการจัดสอบ ทั้งนี้ศูนย์สอบทั้งสองแห่งจะใช้ข้อสอบเดียวกันแต่จะมีเกณฑ์การให้คะแนนที่แตกต่างกัน
การสอบ IELTS ของ British Council และ IDP แตกต่างกันไหม

สอบ IELTS ราคาอย่างไร
สอบ IELTS IDP | สอบ IELTS British Council |
IELTS Regular (แบบกระดาษหรือแบบคอมพิวเตอร์): 7,350 บาท IELTS UKVI (แบบกระดาษหรือแบบคอมพิวเตอร์): 7,990 บาท IELTS Life Skills: 6,300 บาท | IELTS เชิงวิชาการ – (แบบกระดาษหรือแบบคอมพิวเตอร์): 7,350 บาท IELTS เชิงฝึกอบรมทั่วไป (แบบกระดาษหรือแบบคอมพิวเตอร์): 7,350 บาท IELTS for UKVI เชิงวิชาการ (แบบกระดาษหรือแบบคอมพิวเตอร์): 7,990 บาท IELTS for UKVI เชิงฝึกอบรมทั่วไป (แบบกระดาษหรือแบบคอมพิวเตอร์): 7,990 บาท IELTS Life Skills (A1 และ B1): 6,300 บาท |
ศูนย์สอบ IELTS
IELTS IDP | British Council | |
แบบกระดาษ | • ศูนย์ฝึกอบรม MCD (การสอบครั้งที่ 5 และ 7) โรงเรียน Newton Prep และโรงเรียนนานาชาติ Shrewsbury • พิษณุโลก: มหาวิทยาลัยนเรศวร • นครราชสีมา: โรงแรมเซ็นเตอร์พอยท์ เทอร์มินอล 21 โคราช • ขอนแก่น: โรงแรมพูลแมน ราชา ออคิด ขอนแก่นมหาสารคาม: • มหาวิทยาลัยมหาสารคาม • เชียงใหม่: โรงแรมแคนทารี ฮิลส์ • เชียงราย: โรงแรมแกรนด์ วิสต้า เชียงราย • ภูเก็ต: ศูนย์สอนภาษา ภูเก็ต • หาดใหญ่: ศูนย์การประชุมบุรีศรีภู หาดใหญ่ | • กรุงเทพฯ • สมุทรปราการ • ปทุมธานี • พิษณุโลก • นครราชสีมา • ขอนแก่น • เชียงใหม่ • ภูเก็ต |
แบบคอมพิวเตอร์ | • กรุงเทพฯ: ศูนย์สอบ IDP IELTS Silom, InterPass Institute, Paradigm Language Center • ขอนแก่น: Greater Good Education • เชียงใหม่: I-Genius Language Institute | • กรุงเทพฯ • เชียงใหม่ |

สมัครสอบ IELTS
IELTS IDP | British Council | |
สมัครด้วยตัวเอง | สามารถสมัครสอบได้ที่สำนักงาน IDP คุณต้องเตรียมสำเนาหนังสือเดินทางหรือบัตรประจำตัวประชาชน มาสมัครสอบได้ที่ 3 จังหวัด ดังนี้ • IDP กรุงเทพฯ สีลม: ชั้น 4 ซีพี ทาวเวอร์ ถนน 313 สีลม บางรัก กรุงเทพฯ • IDP ขอนแก่น: ชั้น G โรงแรมพูลแมน ราชา ออคิด 9/9 ถนนประชาสำราญ อำเภอเมือง จังหวัดขอนแก่น • IDP เชียงใหม่: วันพลัส คลองชล ห้องเลขที่ 4 45/3 ถนนเลียบคลองชลประทาน ตำบลสุเทพ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ | สมัครสอบ IELTS ด้วยตัวเองที่อาคารจัตุรัสจามจุรี เปิดวันจันทร์ – ศุกร์ เวลา 09.00 – 20.00 น. และวันเสาร์ – อาทิตย์ เวลา 09.30 – 19.30 น. |
สมัครออนไลน์ | คุณสามารถสมัครสอบผ่านทางเว็บไซต์ IDP ควรสมัครสอบผ่าน Chrome Web Browser ขั้นตอนการสมัครสอบมีดังนี้ • ขั้นตอนที่ 1: เข้าไปที่เว็บไซต์ https://my.ieltsessentials.com • ขั้นตอนที่ 2: เลือกประเภทการทดสอบ “สมัครสอบ IELTS” หรือ “สมัครสอบ IELTS UKVI” • ขั้นตอนที่ 3: เลือกประเทศ วันสอบและสถานที่สอบ • ขั้นตอนที่ 4: กรอกรายละเอียดการสมัครของคุณและอัปโหลดเอกสาร • ขั้นตอนที่ 5: ยืนยันวันสอบและรายละเอียดการสอบ • ขั้นตอนที่ 6: ชำระค่าสมัครสอบ • ขั้นตอนที่ 7: เมื่อการชำระเงินเสร็จสิ้น โปรดตรวจสอบอีเมลที่สมัครของคุณ เพื่อตรวจสอบข้อความยืนยันการสมัครสอบ • ขั้นตอนที่ 8: จะมีอีเมลแจ้งเตือนอีกฉบับภายใน 3 วันก่อนวันสอบ | การสมัครสอบ IELTS ออนไลน์สามารถทำได้ผ่านทางเว็บไซต์ของ British Council: https://learnenglish.britishcouncil.org/ |
ส่งใบสมัครผ่านเจ้าหน้าที่ IDP | สมัครสอบโดยติดต่อ IDP ผ่านช่องทางดังนี้ • สายด่วน IELTS: 02-011-8688 • แฟนเพจ Facebook: IELTS IDP Education (TH) • สมัครนผ่านเคาน์เตอร์ InterPass: สาขา InterPass สยามสแควร์ ตั้งอยู่เลขที่ 430-430/1 สยามสแควร์ ซอย 10 ถนนพระราม 1 แขวงปทุมวัน เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ เปิดวันอังคารถึงวันศุกร์ เวลา 10.00 น. – 19.00 น. และวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 09.00-18.00 น. คุณสามารถสมัครสอบ IELTS ได้ทั้งแบบกระดาษและแบบทดสอบแบบคอมพิวเตอร์ | British Council ไม่มีการสมัครรูปแบบนี้ |
ขอเลื่อนวันสอบ IELTS
IDP | British Council |
• ขอเลื่อน 5 สัปดาห์ก่อนวันสอบ – หักค่าธรรมเนียม 800 บาท • ขอเลื่อนน้อยกว่า 5 สัปดาห์ก่อนวันสอบ – ไม่สามารถเลื่อนสอบได้ ยกเว้นกรณีพิเศษ เช่น การเจ็บป่วยหรือการบาดเจ็บสาหัส การเสียชีวิตของสมาชิกในครอบครัว อุบัติเหตุ การรับราชการทหาร การจลาจล และภัยพิบัติทางธรรมชาติ | • ขอเลื่อน 5 สัปดาห์ก่อนวันสอบ – ไม่มีค่าธรรมเนียม • ขอเลื่อนน้อยกว่า 5 สัปดาห์ก่อนวันสอบ – จะมีการหักค่าธรรมเนียม 25% • ขอเลื่อนน้อยกว่า 3 วันก่อนวันสอบ – ไม่สามารถเลื่อนสอบได้ ยกเว้นกรณีพิเศษ เช่น การเจ็บป่วยร้ายแรงหรือการเสียชีวิตของสมาชิกในครอบครัว อุบัติเหตุ การรับราชการทหาร หรือเหตุการณ์ที่ทำให้ไม่สามารถสอบได้ เช่น น้ำท่วม ไฟไหม้ เป็นต้น |
ทั้งนักเรียน British Council และ IDP ได้รับอนุญาตให้เลื่อนวันสอบได้เพียงครั้งเดียวเท่านั้น หลังจากนั้นจะไม่สามารถเลื่อนการสอบได้อีกและไม่สามารถขอคืนค่าธรรมเนียมการสอบได้ |
การขอยกเลิกการสอบ IELTS

IDP | British Council |
ขอยกเลิก 5 สัปดาห์ก่อนวันสอบ – ได้เงินคืนและค่าธรรมเนียมการสอบ 75%ขอยกเลิกการสอบน้อยกว่า 5 สัปดาห์ก่อนวันสอบ – ไม่สามารถยกเลิกการสอบได้ ยกเว้นในกรณีพิเศษ เช่น การเจ็บป่วยร้ายแรงหรือการเสียชีวิตของสมาชิกในครอบครัวหรืออุบัติเหตุ การรับราชการทหารหรือมีเหตุการณ์ที่ทำให้ไม่สามารถสอบได้ เช่น น้ำท่วม ไฟไหม้ เป็นต้น | ขอยกเลิก 5 สัปดาห์ก่อนวันสอบ – หักค่าธรรมเนียม 2,000 บาทขอยกเลิกการสอบน้อยกว่า 5 สัปดาห์ก่อนวันสอบ – ไม่สามารถยกเลิกการสอบได้ ยกเว้นกรณีพิเศษ เช่น การเจ็บป่วยหรือการบาดเจ็บสาหัส การเสียชีวิตของสมาชิกในครอบครัว อุบัติเหตุ การรับราชการทหาร การจลาจล และภัยพิบัติทางธรรมชาติ |
ควรสมัครสอบ IELTS ที่ไหน

ถ้าถามว่าควรเลือก สอบไอเอล ที่ไหน คำตอบก็คือทั้ง IDP กับ British Council แทบจะไม่มีความแตกต่างกันเลย ดังนั้น ELSA Speak ขอแนะนำให้เพื่อนๆเลือกตามความสะดวก ซึ่งควรเลือกศูนย์สอบใกล้บ้านคุณที่สุดเพราะการเดินทางเป็นสิ่งที่สำคัญมาก
สิ่งที่ต้องเตรียมก่อนสมัครสอบ IELTS

- กรอกแบบฟอร์มใบสมัคร IELTS (แบบฟอร์มใบสมัคร IELTS) (ป้อนตัวพิมพ์ใหญ่ภาษาอังกฤษ)
- หนังสือเดินทางหรือบัตรประจำตัวประชาชนต้นฉบับและสำเนา
- รูปถ่ายขนาด 2 นิ้ว จำนวน 2 รูป พื้นหลังสีขาว ถ่ายไว้ไม่เกิน 6 เดือน
- ค่าสมัครสอบ IELTS ประมาณ 6,900 บาท
>>> Read more:
- [รวบรวม] 5,000 + คำศัพท์ IELTS ตามหัวข้อที่พบบ่อยที่สุด
- แนะนําตัวภาษาอังกฤษ – ตัวอย่าง IELTS Speaking Part 1
คําถามที่พบบ่อย
ความแตกต่างระหว่าง IELTS แบบคอมพิวเตอร์ กับ การสอบ IELTS แบบกระดาษคืออะไร

การสอบ IELTS แบบคอมพิวเตอร์ | การสอบ IELTS แบบกระดาษ |
การสอบ IELTS แบบคอมพิวเตอร์จะประกอบด้วย การสอบการฟัง การอ่าน และการเขียน แต่สำหรับแบบทดสอบการพูดนั้นยังคงมีแบบทดสอบ 1-1 เช่นเดียวกับแบบทดสอบแบบกระดาษเพื่อประเมินทักษะการพูด | การทดสอบ IELTS แบบกระดาษประกอบด้วยการฟัง การอ่าน และการเขียนบนกระดาษ ส่วนการพูดจะดำเนินการโดยครูที่ผ่านการฝึกอบรมมาแล้ว |
การสอบ IELTS แบบคอมพิวเตอร์เหมาะสำหรับนักเรียน/นักศึกษาและผู้ที่ต้องการใช้ผลสอบ IELTS อย่างรวดเร็ว เพราะแบบทดสอบประเภทนี้จะให้ผลคะแนนเร็วกว่า คุณจะได้รับภายใน 3-5 วันนับจากวันสอบ ไม่รวมวันอาทิตย์หรือวันหยุดราชการ แต่คุณจะต้องจ่ายค่าธรรมเนียมการสอบที่สูงกว่าการสอบแบบกระดาษ และศูนย์สอบ IELTS แบบนี้ก็จะมีตัวเลือกน้อยกว่า | สำหรับผู้ที่มีทักษะการเขียนที่ดีกว่า สามารถเลือกทำแบบทดสอบนี้ได้ ค่าสอบจะถูกกว่า ที่สำคัญคือมีศูนย์สอบ IELTS ให้คุณเลือกอีกมากมาย แต่ข้อเสียคือต้องรอผลถึง 13 วันนับจากวันสอบ |
ผลสอบ IELTS มีอายุนานเท่าไหร่
2 ปีนับจากวันที่บันทึกไว้ในผลการทดสอบ
จะได้รับผลสอย IELTS ภายในกี่วัน
IELTS แบบกระดาษใช้เวลา 13 วัน การสอบ IELTS แบบคอมพิวเตอร์ใช้เวลาประมาณ 3-5 วัน
การสอบ IELTS Speaking จัดขึ้นวันเดียวกับทักษะอื่น ๆ ไหม
การทดสอบการพูดสามารถดำเนินการได้ในวันเดียวกับการทดสอบทักษะอื่นหรือวันอื่นก่อนหรือหลังการทดสอบการเขียน

สามารถใส่นาฬิกาหรือเครื่องประดับเข้าห้องสอบ IELTS ไหม
ไม่สามารถใส่นาฬิกา อนุญาตให้นําเพียงแค่บัตรประชาชนและขวดน้ำใสเข้าห้องสอบได้เท่านั้น
ศูนย์สอบ IELTS มีที่ฝากกระเป๋าไหม
ศูนย์สอบมีพื้นที่เก็บกระเป๋า แต่จะไม่รับผิดชอบในกรณีที่เกิดการสูญหาย ดังนั้นอย่านำสิ่งของมีค่าติดตัวไปด้วย
ข้างต้นเป็นคําตอบของคําถามที่ว่า “สอบ IELTS ที่ไหนดี” หวังว่าบทความข้างต้นจะช่วยให้เพื่อนๆเข้าใจมากขึ้นและเตรียมพร้อมสำหรับการสอบให้ได้ดีที่สุด อย่าลืมติดตามบทความของ ELSA Speak ในหัวข้อ IELTS ได้ในครั้งต่อไปกันนะ
ชื่อดอกไม้ภาษาอังกฤษมักเป็นหัวข้อที่ใกล้เคียงกับชีวิตประจำวันและมีการใช้บ่อยๆ ตอนนี้ มาค้นหา คำศัพท์ดอกไม้ภาษาอังกฤษ คําอ่าน การออกเสียงกว่า 100 คำกับ ELSA Speak กันเถอะ !
รวมคำศัพท์ดอกไม้ในภาษาอังกฤษ
ชื่อดอกไม้ในภาษาอังกฤษ
คำศัพท์ | การออกเสียง | ความหมาย |
Apricot blossom | /ˈeɪ.prɪ.kɒtˈblɒs.əm/ | ดอกแอปริคอท |
Azalea | /ə’zeiliə/ | กุหลาบพันปี |
Cactus | /ˈkæk.təs/ | กระบองเพชร |
Camellia | /kə’mi:liə/ | ดอกชา |
Chamomile | /ˈkæməmaɪl/ | ดอกคาโมมายล์ |
Campanula | /kəm’pænjulə/ | ดอกระฆัง |
Carnation | /kɑ:’nei∫n/ | ดอกคาร์เนชั่น |
Chrysanthemum | /krɪˈsænθ.ə.məm/ | ดอกเบญจมาศ |
Climbing rose | /ˈklaɪmɪŋ rəʊz/ | ดอกกุหลาบเลื้อย |
Cockscomb | /ˈkɒkskəʊm/ | ดอกหงอนไก่ |
Columbine | /’kɒləmbain/ | ดอกโคลัมไบน์ |
Crocus | /’krəʊkəs/ | ดอกบัวดินฝรั่ง |
Cyclamen | /ˈsɪk.lə.mən/ | ดอกไซคลาเมน |
Daffodil | /ˈdæf.ə.dɪl/ | ดอกดารารัตน์ |
Dahlia | /ˈdeɪ.li.ə/ | ดอกรักเร่ |
Daisy | /’dei:zi/ | ดอกเดซี่ |
Dandelion | /ˈdændɪlaɪən/ | ดอกฟันสิงโต |
Eglantine | /’egləntain/ | ดอกกุหลาบชนิดหนึ่ง |
Flamboyant | /flæm’bɔiənt/ | ดอกหางนกยูงฝรั่ง |
Forget-me-not | /fəˈɡet.mi.nɒt/ | ดอกแวววิเชียร |
Foxglove | /ˈfɒksɡlʌv/ | ดอกถุงมือหมาจิ้งจอก |
Gerbera | /ˈdʒəːb(ə)rə/ | ดอกเบญจมาศปิงปอง |
Gladiolus | /,glædi’əʊləs/ | ดอกซ่อนกลิ่นฝรั่ง |
Hellebore | /’helibɔ:/ | ดอกกุหลาบคริสมาสต์ / กุหลาบฤดูหนาว |
Hibiscus | /hi’biskəs/ | ดอกชบา |
Honeysuckle | /ˈhʌnisʌkl/ | ดอกสายน้ำผึ้ง |
Hops | /hɒps/ | ดอกฮอปส์ / ดอกกรวยเมล็ดหรือสโตรบิลัส |
Hyacinth | /ˈhaɪəsɪnθ/ | ดอกผักตบชวา |
Hydrangea | /haɪˈdreɪn.dʒə/ | ดอกไฮเดรนเยีย |
Iris | /ˈaɪ.rɪs/ | ดอกไอริส |
Jasmine | /ˈdʒæz.mɪn/ | ดอกมะลิ |
Lavender | /’lævəndə[r]/ | ดอกลาเวนเดอร์ |
Lilac | /’lailək/ | ดอกไลลัก |
Lily | /’lili/ | ดอกลิลลี่ |
Lily of the valley | /ˌlɪl.i əv ðə ˈvæl.i/ | ดอกลิลลี่แห่งหุบเขา |
Lotus | /’ləʊtəs/ | ดอกบัว |
Magnolia | /mæg’nəʊliə/ | ดอกจำปี |
Marigold | /’mærigəʊld/ | ดอกดาวเรือง |
Mimosa | /mɪˈmoʊsə/ | ดอกกระถินณรงค์ |
Morning Glory | /ˌmɔːnɪŋ ˈɡlɔːri/ | ดอกผักบุ้ง |
Moss rose | /mɔːs roʊz/ | ดอกแพรเซี่ยงไฮ้ |
Narcissus | /nɑːˈsɪsəs/ | ดอกดารารัตน์ |
Orchid | /’ɔ:kid/ | ดอกกล้วยไม้ |
Pansy | /ˈpænzi/ | ดอกหน้าแมว |
Peach blossom | /pi:tʃ’blɔsəm/ | ดอกท้อ |
Peony | /’pi:ənni/ | ดอกโบตั๋น |
Rose | /rəʊz/ | ดอกกุหลาบ |
Sunflower | /’sʌn,flaʊə[r]/ | ดอกทานตะวัน |
Tuberose | /ˈtjuːbərəs/ | ดอกซ่อนกลิ่น |
Tulip | /ˈtʃuː.lɪp/ | ดอกทิวลิป |
Violet | /ˈvaɪə.lət/ | ดอกไวโอเล็ต |
Water lily | /’wɔ:təlili/ | ดอกสกุลบัวสาย |
Cape Jasmine | /keɪp ˈdʒæzmɪn/ | ดอกพุดซ้อน |
Daffodils | /ˈdæfədɪlz/ | ดอกดารารัตน์ |
Padauk | /pəˈdaʊk/ | ดอกประดู่ |
Orange jasmine | /ˈɔːr.ɪndʒ ˈdʒæz.mɪn/ | ดอกแก้ว |
Mexican Daisy | /ˈmek.sɪ.kən ˈdeɪ.zi/ | ดอกตีนตุ๊กแก / ดอกเดซี่เม็กซิกัน |
Torch Ginger | /tɔːrtʃ ˈdʒɪn.dʒɚ/ | ดอกดาหลา |
Allamanda | /ˌaləˈmandə/ | ดอกบานบุรี |
Butterfly pea | /ˈbʌt̬.ɚ.flaɪ piː/ | ดอกอัญชัญ |
Zinnia | /ˈzɪnɪə/ | ดอกบานชื่น |
Wax flower | /wæks ˈflaʊ.ɚ/ | ดอกชะลูดช้าง |
Crinum | ดอกพลับพลึง | |
Wishbone flower | /ˈwɪʃbəʊn ˈflaʊ.ɚ/ | ดอกแววมยุรา |
Eaglewood | ดอกสกุลกฤษณา | |
Shoe flower | /ʃuː ˈflaʊ.ɚ/ | ดอกชบา |
Rainbow shower | /ˈreɪn.boʊ ˈʃaʊ.ɚ/ | ดอกชัยพฤกษ์ |
Lisianthus | ดอกไลเซนทัส/ดอกกุหลาบไร้หนาม | |
Night jasmine | /naɪt ˈdʒæzmɪn/ | ดอกกรรณิการ์ |
Flamingo Plant | /fləˈmɪŋɡəʊ plænt/ | ดอกหน้าวัว |
Cotton rose | /ˈkɑːtn rəʊz/ | ดอกพุดตาน |
Oleander | /ˌəʊliˈændə(r)/ | ดอกยี่โถ |
White Champaka | ดอกจำปี | |
Siam Tulip | /ˈsaɪæm ˈtuːlɪp/ | ดอกปทุมมา |
Globe Amaranth | /ɡloʊb ˈæm.ə.rænθ/ | ดอกบานไม่รู้โรย |
Bougainvillea | /ˌbuː.ɡənˈvɪl.i.ə/ | ดอกเฟื่องฟ้า |
Bauhinia | ดอกชงโค | |
Cactus | /ˈkæktəs/ | กระบองเพชร |
Desert rose | /ˈdezərt rəʊz/ | ดอกชวนชม |
Cockscomb | /ˈkɑːks.koʊm/ | ดอกหงอนไก่ |
Wild Water Plum | /waɪld ˈwɑː.t̬ɚ plʌm/ | ดอกโมก |
Cowslip creeper | /ˈkaʊ.slɪp ˈkriː.pɚ/ | ดอกขจร |
Alstroemeria | /ˌæl.strəˈmiːr.i.ə/ | ดอกลิลลี่เปรู |
Amaryllis | /ˌæm.əˈrɪl.ɪs/ | ดอกว่านสี่ทิศ |
Anemone | /əˈnem.ə.ni/ | ดอกไม้แห่งสายลม |
Bluebells | /ˈbluːbel/ | ดอกระฆังเสปน |
Canna | /ˈkæn.ə/ | ดอกพุทธรักษา |
Cattleya | /ˈkæt.li.ə/ | ดอกแคทลียา |
Cosmos | /ˈkɑːz.moʊs/ | ดอกดาวกระจาย |
Damask | /ˈdæm.əsk/ | ดอกกุหลาบมอญ |
Flame Lily | /fleɪm ˈlɪl.i/ | ดอกดองดึง |
Freesia | /ˈfriː.ʒə/ | ดอกฟรีเซีย |
Gardenia | /ɡɑːrˈdiː.ni.ə/ | ดอกพุดซ้อน |
Gloxinia | /ɡlɑːkˈsɪn.i.ə/ | ดอกกุหลาบนางฟ้า |
Gypsophila | /dʒɪpˈsɑː.fɪ.lə/ | ดอกยิปโซฟิลล่า |
Ixora | ดอกเข็ม | |
Kalanchoe | /ˌkæl.ənˈkoʊ.i/ | ดอกกุหลาบหิน |
Orange | /ˈɔːr.ɪndʒ/ | ดอกส้ม |
Poppy | /ˈpɑː.pi/ | ดอกป๊อปปี้ |
Primrose | /ˈprɪm.roʊz/ | ดอกพริมโรส |
Trumpet lily | /ˈtrʌmpət ˈlɪli/ | ดอกหิรัญญิการ์ |
Siam | /ˈsaɪæm/ | ดอกปทุมมา |
Tailflower | ดอกหน้าวัว | |
Etlingera Elatior | ดอกดาหลา | |
Fuchsias | /ˈfjuːʃə/ | ดอกโคมญี่ปุ่น |
Veronica | /vɚˈɑː.nɪ.kə/ | ดอกเวโรนิก้า |
Wisteria | /wɪˈstɪr.i.ə/ | ดอกวิสทีเรีย |
Chinese rose | /tʃaɪˈniːz roʊz/ | ดอกชบา |

คำศัพท์เกี่ยวกับส่วนประกอบของดอกไม้ในภาษาอังกฤษ
คำศัพท์ | การออกเสียง | ความหมาย |
Leaf | /li:f/ | ใบไม้ |
Root | /ru:t/ | ราก |
Spore | /spɔː(r)/ | สปอร์ |
Pollination | /ˌpɒlɪˈneɪʃn/ | การปฏิสนธิของเกสร |
Embryo | /ˈɛmbrɪoʊ/ | ตัวอ่อน |
Pollen | /ˈpɒlən/ | ละอองเกสร |
Flower | /ˈflaʊər/ | ดอกไม้ |
Stem | /stɛm/ | ลำต้น |
Stamen | /ˈsteɪmən/ | เกสรตัวผู้ |
Pistil | /ˈpɪstl/ | เกสรตัวเมีย |

คำศัพท์ภาษาอังกฤษบรรยายถึงกลิ่นดอกไม้
คําเกี่ยวกับดอกไม้ ภาษาอังกฤษ | การออกเสียง | ความหมาย |
Aromatic | /ˌærəʊˈmætɪk/ | มีกลิ่มหอม / หอม |
Comforting | /ˈkʌmfətɪŋ/ | กลิ่มหอมที่สบายๆ |
Delicate | /ˈdelɪkət/ | กลิ่มหอมที่ประณีต |
Evocative | /ˈevəʊkətɪv/ | กลิ่มหอมซึ่งทำให้รำลึกถึงภาพเหตุการณ์ต่างๆ |
Heady | /ˈhedɪ/ | กลิ่มหอมซึ่งทำให้น่าตื่นเต้น |
Intoxicating | /ɪnˈtɒksɪkeɪtɪŋ/ | กลิ่มหอมซึ่งทำให้เมา |
Faint | /feɪnt/ | กลิ่นที่ทำให้หน้ามืด วิงเวียน |
Fresh | /freʃ/ | กลิ่นสดชื่น |
Misty | /ˈmɪsti/ | กลิ่นไม่พึงประสงค์ |
Pungent | /ˈpʌndʒənt/ | ฉุน |
Sweet | /swiːt/ | หอมหวาน |

คำศัพท์ภาษาอังกฤษบรรยายถึงความงามของดอกไม้
คำศัพท์ | การออกเสียง | ความหมาย |
Abundant | /əˈbʌndənt/ | อุดมสมบูรณ์ |
Attention-getting | /əˈtenʃən ˈgetɪŋ/ | มีแรงดึงดูด |
Attractive | /əˈtræktɪv/ | มีเสน่ห์ |
Beautiful | /ˈbjuːtəfʊl/ | สวยงาม |
Blooming | /ˈbluːmɪŋ/ | เจริญรุ่งเรืองอย่างยิ่ง |
Breathtaking | /ˈbreθˌteɪkɪŋ/ | น่าทึ่ง / น่าประหลาดใจ |
Bright | /braɪt/ | แจ่มใส / สว่าง |
Captivating | /ˈkæptɪveɪtɪŋ/ | เป็นความสวยที่จับใจ |
Charming | /ˈʧɑːmɪŋ/ | ซึ่งทำให้หลงใหล / จับใจ |
Colorful | /ˈkʌləfl/ | ที่มีสีสันสดใส |
Dazzling | /ˈdæzlɪŋ/ | แพรวพราว/แวววาว |
Elegant | /ˈelɪgənt/ | งดงาม |
Eye-catching | /ˈaɪ kætʃɪŋ/ | สะดุดตา |
Idyllic | /aɪˈdɪlɪk/ | สงบสุข |
Impressive | /ɪmˈpresɪv/ | ซึ่งน่าประทับใจ |
Pretty | /ˈprɪtɪ/ | น่ารัก / สวยงาม |
Wonderful | /ˈwʌndəfʊl/ | มหัศจรรย์ / ยอดเยี่ยม |
>>> Read more: 150+ คำชมภาษาอังกฤษที่เรียบง่ายและดีที่สุดในทุกสถานการณ์

ค้นหาความหมายของดอกไม้บางชนิดในภาษาอังกฤษ
ดอกไม้ (ภาษาอังกฤษ) | การออกเสียง | ดอกไม้ (ภาษาไทย) | ความหมาย |
Sunflower | /ˈsʌnflaʊər/ | ดอกทานตะวัน | ดอกทานตะวันเป็นดอกไม้ชนิดที่มักเผชิญกับแสงแดด เป็นตัวแทนของความหวัง ความอบอุ่น และศรัทธา ในขณะเดียวกัน ดอกทานตะวันยังเป็นตัวแทนของโชค สุขภาพ และความยั่งยืนในชีวิตอีกด้วย โดยปกติแล้ว ผู้คนจะมอบดอกทานตะวันให้กับเพื่อนและญาติเมื่อพวกเขาประสบความสำเร็จอันน่ายกย่อง เพื่อเป็นการแสดงคำอวยพรและโชคดีแก่พวกเขา |
Camellia | /kəˈmiːliə/ | ดอกคามิเลีย | ดอกเคมีเลีย แปลว่า “สง่างามที่สุด” หรือ “หัวใจของฉันเป็นของเธอ” ดอกเคมีเลียยังเป็นที่รู้จักกันในนามดอกกุหลาบญี่ปุ่น ดอกไม้นี้ดึงดูดจิตวิญญาณของศิลปินหลายคน และเป็นแรงบันดาลใจให้กับงานวรรณกรรมและศิลปะทั้งขนาดใหญ่และขนาดเล็กจำนวนมาก |
Lavender | /ˈlævəndər/ | ดอกลาเวนเดอร์ | ลาเวนเดอร์เป็นหนึ่งในดอกไม้ที่เป็นที่ชื่นชอบมากที่สุดในโลก ไม่เพียงเพราะความสวยงามและกลิ่นหอมอันเป็นเอกลักษณ์เท่านั้น แต่ยังเนื่องมาจากการนำไปใช้ในชีวิตด้วย ดอกไม้นี้เป็นสัญลักษณ์ของความบริสุทธิ์ ความสง่างาม ความอ่อนโยน และความจงรักภักดี ดอกลาเวนเดอร์ยังเป็นที่รู้จักกันในนามสมุนไพรแห่งความรัก เป็นตัวแทนของความรักที่ยั่งยืนและซื่อสัตย์ |
Carnation | /kɑːrˈneɪʃn/ | ดอกคาร์เนชั่น | ดอกคาร์เนชั่นมีหลายสีสันสวยงาม แต่ละสีก็มีข้อความที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ดอกคาร์เนชั่นสีขาวเป็นตัวแทนของความรักและโชคอันบริสุทธิ์ สีแดงเข้มของดอกคาร์เนชั่นมักสื่อถึงความรู้สึกอันแรงกล้าในความรัก ในขณะที่สีแดงอ่อนสื่อถึงความชื่นชม สีม่วงมักพูดถึงนิสัยที่ไม่อยู่กับร่องกับรอยและเอาใจยากของเด็กผู้หญิงในวัยยี่สิบ สีชมพูเป็นสีพิเศษที่แสดงถึงความรักอันสูงส่งของคุณแม่ |
Magnolia | /mæɡˈnəʊliə/ | ดอกแมกโนเลีย | ดอกแมกโนเลียที่บานสะพรั่งยังเป็นสัญญาณการมาถึงของฤดูใบไม้ผลิอีกด้วย สิ่งนี้อธิบายได้ว่าทำไมแมกโนเลียจึงกลายเป็นสัญลักษณ์ของความรักต่อธรรมชาติ |

ชื่อภาษาอังกฤษที่มาจากชื่อดอกไม้สำหรับผู้หญิง
ดอกไม้ (ภาษาอังกฤษ) | การออกเสียง | ดอกไม้ (ภาษาไทย) | ความหมาย |
Amaryllis | /ˌæməˈrɪlɪs/ | ดอกอะมาริลลิส | ดอกอะมาริลลิสสีแดงถือเป็นสัญลักษณ์ของชัยชนะและความงามของผู้หญิง |
Camellia | /kəˈmiːliə/ | ดอกคามิเลีย | นี่เป็นชื่อดอกไม้ที่เหมาะอย่างยิ่งสำหรับเด็กหญิง ดอกคามิเลียเป็นตัวแทนของความชื่นชมและความสมบูรณ์แบบ |
Daffodil | /ˈdæfədɪl/ | ดอกดารารัตน์ | ดอกดารารัตน์ (ดอกแดฟโฟดิลสีเหลือง) เป็นสัญลักษณ์ของสาวสวย |
Daisy | /ˈdeɪzi/ | ดอกเดซี่ | นี่คือชื่อของผู้หญิงที่เกี่ยวข้องกับความไร้เดียงสาและความงามอันบริสุทธิ์ ดอกเดซี่ยังเป็นสัญลักษณ์ของการเริ่มต้นใหม่และความเป็นแม่อันศักดิ์สิทธิ์ |
Iris | /ˈaɪrɪs/ | ดอกไอริส | ดอกไอริสแบ่งออกเป็น 3 กลีบ แต่ละกลีบหมายถึงความศรัทธา ปัญญา และความกล้าหาญ |
Hyacinth | /ˈhaɪəsɪnθ/ | ดอกผักตบชวา | ดอกผักตบชวาเป็นดอกไม้ที่มีกลิ่นหอมมากที่สุดชนิดหนึ่งในฤดูใบไม้ผลิ |
Lotus | /ˈləʊtəs/ | ดอกบัว | ในภาษาสันสกฤต ชื่อนี้หมายถึงดอกบัวและเป็นชื่อของเทพธิดาด้วย ดังนั้นนี่จึงเป็นชื่อที่สวยงามสำหรับเด็กๆ อย่างแท้จริง |
Lily | /ˈlɪli/ | ดอกลิลลี่ | ชื่อนี้เป็นชื่อที่สวยงามสำหรับเด็กหญิง เนื่องจากเป็นสัญลักษณ์ของความบริสุทธิ์และความไร้เดียงสา แต่ยังคงความงามที่เย้ายวนใจ |
Rose | /rəʊz/ | ดอกกุหลาบ | นี่ถือได้ว่าเป็นชื่อที่ไม่เคยล้าสมัย ดอกไม้มีความหมายหลายอย่าง ขึ้นอยู่กับสี ซึ่งเกี่ยวข้องกับความรัก มิตรภาพ ความกตัญญู ความอ่อนน้อมถ่อมตน เสน่ห์ หรือความกระตือรือร้น |
Violet | /ˈvaɪələt/ | ดอกไวโอเล็ต | ไวโอเล็ตเป็นชื่อของดอกไม้ที่สื่อถึงความบริสุทธิ์ ความรักที่แท้จริง และความอุดมสมบูรณ์ |

>>> Read more: 300+ ชื่อภาษาอังกฤษเท่ๆ สำหรับผู้หญิงที่ไม่ควรพลาด
ประโยคเกี่ยวกับดอกไม้ ภาษาอังกฤษ
ประโยคเกี่ยวกับดอกไม้ ภาษาอังกฤษ | ความหมาย |
I intend to buy some sunflowers. | ฉันตั้งใจจะซื้อดอกทานตะวัน |
I am going to the flower shop to buy a bunch of daisies. | ฉันจะไปร้านขายดอกไม้เพื่อซื้อดอกเดซี่สักช่อหนึ่ง |
My mother wants to buy a pot of flowers. | แม่ของฉันอยากจะซื้อกระถางดอกไม้ |
Please have these flowers sent to these addresses. | กรุณาส่งดอกไม้เหล่านี้ไปที่อยู่นี้ |
You should regularly change the water for flowers. This would keep them fresh for longer. | คุณควรเปลี่ยนน้ำดอกไม้เป็นประจำ วิธีนี้จะช่วยให้ดอกไม้สดได้นานขึ้น |
How often should I change the water for flowers? | ควรเปลี่ยนน้ำให้ดอกไม้บ่อยแค่ไหน? |
How long does it take for the buds to blossom into flowers? | ดอกไม้ที่ตูมใช้เวลานานเท่าไหร่ถึงจะบาน? |
The time it takes for flowers to bloom also depends on the temperature. | เวลาที่ดอกไม้จะบานก็ขึ้นอยู่กับอุณหภูมิด้วย |
I’m going to wrap these sunflowers in cellophane and tie them together with a dark blue ribbon. | ฉันจะห่อดอกทานตะวันเหล่านี้ด้วยกระดาษแก้วแล้วมัดด้วยริบบิ้นสีน้ำเงินเข้ม |

>>> Read more: 60+ แคปชั่นดอกไม้ ภาษาอังกฤษสวยๆ ความหมายดี
เทคนิคการจำคำศัพท์ดอกไม้ในภาษาอังกฤษให้จำได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- ฝึกนึกภาพวลีภาษาอังกฤษในหัว คุณสามารถจดความหมายของคำศัพท์ใหม่ลงในกระดาษหรือจินตนาการก็ได้ บวกกับการใช้พจนานุกรมภาษาอังกฤษ-ไทยเพื่อเรียนรู้คำพ้องความหมายและคำที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติมจะช่วยให้คุณจำได้ดีขึ้น
- ท่องคำศัพท์ภาษาอังกฤษซ้ำเป็นระยะๆ กระบวนการท่องคำศัพท์ไม่เพียงเกิดขึ้นในวันเดียว แต่ควรเว้นระยะฝึกอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
- ประยุกต์ใช้คำศัพท์ที่เพิ่งเรียนรู้: คุณสามารถบันทึกเสียงขณะพูดคุยเกี่ยวกับหัวข้อเช่นดอกไม้ที่คุณชื่นชอบ จากนั้นฟังอีกครั้ง โดยเน้นไปที่คำศัพท์ที่คุณใช้และท้าทายตัวเองด้วยการแทนที่คำศัพท์ใหม่ๆ จากคำเก่าที่คุณพูด จากนั้น ให้บันทึกคำพูดใหม่ด้วยคำศัพท์ที่ถูกแทนที่ หากทำเป็นประจำ คุณจะช่วยพัฒนาคำศัพท์ภาษาอังกฤษของคุณได้อย่างรวดเร็ว
บทความข้างต้นของ ELSA Speak ช่วยให้คุณเพิ่มคำศัพท์ดอกไม้ภาษาอังกฤษ พร้อมทั้งการออกเสียงและความหมายของดอกไม้ที่หลากหลายและมีประโยชน์อย่างยิ่งอีกด้วย หวังว่า ELSA Speak จะช่วยให้คุณเรียนรู้ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นนะ
ดอกไม้ไม่เพียงแต่นำมาซึ่งความสวยงามและกลิ่นหอมที่ดึงดูดใจผู้คนจำนวนมากเท่านั้น แต่ยังใช้ในการถ่ายทอดข้อความที่มีความหมายต่างๆ มากมายอีกด้วย ดังนั้น วันนี้เรามาเรียนรู้กับแคปชั่นดอกไม้ ภาษาอังกฤษสวยๆและมีความหมายดีๆในภาษาอังกฤษกับ ELSA Speak ด้านล่างนี้กันดีกว่า
แคปชั่นดอกไม้ ภาษาอังกฤษสั้นๆ

แคปชั่น | ความหมาย |
For me, flowers are happiness. | สำหรับฉัน ดอกไม้คือความสุข |
You make me happy as fresh as a daisy. | เธอทำให้ฉันมีความสุขและรู้สึกสดใสเหมือนดอกเดซี่ |
Life is better with flowers and coffee. | ชีวิตนี้จะดีขึ้นด้วยดอกไม้และกาแฟ |
In a world full of chaos, be a wildflower. | ในโลกที่เต็มไปด้วยความสับสนวุ่นวาย จงเป็นเหมือนดอกไม้ป่า |
Where flowers bloom, so does hope. | เมื่อใดที่มีดอกไม้เบ่งบาน ที่นั่นก็จะมีความหวังเสมอ |
Even flowers need time to bloom. | แม้แต่ดอกไม้ก็ยังต้องการเวลาที่จะเบ่งบาน |
Don’t rush, give yourself time to grow, just like flowers need time to bloom. | อย่าพยายามไปเร่งรีบอะไรที่มันต้องใช้เวลาในการเติบโต |
Just like the flowers, keep growing. | เป็นดั่งเช่นดอกไม้ จงเติบโตต่อไป |
Whether happy or sad, flowers remain our true friends. | ไม่ว่าจะสุขหรือทุกข์ ดอกไม้ก็เป็นเพื่อนแท้ของเรา |
There is no rose without a thorn. | ไม่มีกุหลาบใดปราศจากหนาม |
A flower does not think of competing with its neighbor. It just blooms in its own beauty. | ดอกไม้ไม่เคยคิดที่จะแข่งกับดอกอื่นใด มันเบ่งบานตามธรรมชาติของมัน |
Flowers are like friends; they bring color to your world. | ดอกไม้เป็นเหมือนเพื่อน พวกเขานำสีสันมาสู่โลกของคุณ |
Everyone has their own time to shine, just like flowers bloom in season. | ทุกคนมีเวลาเป็นของตัวเอง เหมือนกับดอกไม้ต้องการเวลาเพื่อเบ่งบาน |
Bloom with kindness. | บานสะพรั่งด้วยเมตตาไมตรี |
In joy and in sadness, flowers are our constant friends. | ในความยินดีและความโศกเศร้า ดอกไม้ยังเป็นเพื่อนที่ยั่งยืนของเรา |
Happiness blooms from within, just like these tulips. | ความสุขที่เบ่งบานจากภายใน เหมือนกับดอกทิวลิปเหล่านี้ |
แคปชั่นเกี่ยวกับดอกไม้และความรักในภาษาอังกฤษ

แคปชั่นดอกไม้กับความรัก ภาษาอังกฤษ | ความหมาย |
To not see you for a day was no bed of roses. | การไม่ได้เจอหน้าเธอแค่วันเดียวก็รู้สึกเหมือนจะตายเลย |
Love is like a wildflower; it blooms in the most unexpected places. | ความรักมันเหมือนกับดอกไม้ป่า บ่อยครั้ง ที่มันถูกพบในสถานที่ไม่คาดว่าจะพบมัน |
My love for you is like a rose, always blooming and always fragrant. | ความรักของฉันที่มีต่อเธอเหมือนดอกกุหลาบ บานสะพรั่งและมีกลิ่นหอมอยู่เสมอ |
My love for you blossoms every day. | ความรักของฉันที่มีต่อคุณเบ่งบานทุกวันเลย |
Love is the flower you’ve got to let grow. | ความรักก็เหมือนดอกไม้ คุณต้องดูแลรดน้ำมันให้เบ่งบาน |
There is no rose without a thorn between us. | ไม่มีกุหลาบใดที่ไร้หนาม |
Life is the flower for which love is the honey. | หากชีวิตคือดอกไม้ ความรักก็เปรียบเสมือนน้ำผึ้งที่หอมหวาน |
Faith plants the seed, love makes it grow. | ความเชื่อทำหน้าที่เพาะเมล็ด และความรักทำให้มันเติบโต |
Just as a flower needs honey to thrive, so does life need love to flourish. | เช่นเดียวกับที่ดอกไม้ต้องการน้ำผึ้งเพื่อเจริญเติบโต ชีวิตก็ต้องการความรักเพื่อเจริญเติบโตเช่นกัน |
Love is like a beautiful flower that I may not be able to touch, but its fragrance makes the garden a delightful place nonetheless. | ดอกไม้ต้องการน้ำผึ้งเพื่อการเจริญเติบโต ชีวิตก็ต้องการความรักเพื่อเจริญรุ่งเรืองเช่นกัน |
A flower cannot blossom without sunshine and water, just as a person cannot grow without love and care. | ดอกไม้ไม่สามารถเบ่งบานได้หากปราศจากแสงแดดและน้ำ เช่นเดียวกับที่บุคคลไม่สามารถเติบโตได้หากปราศจากความรักและความเอาใจใส่ |
My love is like a delicate dandelion, I long to touch it but fear its fleeting nature. | ความรักของฉันเหมือนดอกเดซี่อันละเอียดอ่อน ฉันอยากสัมผัสมัน แต่ฉันกลัวว่ามันจะปลิวไปตามสายลม |
If love were a drop of rain, I would send you showers. If love were a petal, I would send you blossoms. | หากความรักเปรียบเสมือนหยาดฝน ฉันจะส่งฝนไปให้คุณ หากความรักเปรียบเสมือนกลีบดอกไม้ ฉันจะส่งดอกไม้ไปให้คุณ |
>>> Read more:
- 90+ คําคมความรักภาษาอังกฤษที่มีความหมาย สั้นๆ และโรแมนติกที่สุด
- 110+ คำเรียกแฟนภาษาอังกฤษ ความหมายน่ารักๆ สำหรับคู่รัก
แคปชั่นดอกไม้เกี่ยวกับชีวิตและแรงจูงใจในภาษาอังกฤษ

แคปชั่น | ความหมาย |
Some days it storms, some days it shines. This is how flowers grow. | บางวันก็มีพายุเข้ามา บางวันแสงแดดก็ออกมาเปล่งประกาย และนี่คือหนทางที่จะทำให้ดอกไม้เติบโต |
Appreciate the good things in life, but remember that everything has two sides, just like roses have thorns. | เห็นคุณค่าสิ่งดี ๆ ในชีวิต แต่จำไว้ว่าทุกสิ่งมีสองด้าน เหมือนกุหลาบย่อมมีหนามอยู่เสมอ |
Flowers grow back, even after they are stepped on. So will I. | ดอกไม้จะงอกขึ้นมาใหม่ แม้จะเหยียบไปแล้วก็ตาม ฉันก็เช่นกัน |
Even the tiniest of flowers can have the toughest roots. | แม้แต่ดอกไม้ที่เล็กที่สุดก็สามารถมีรากที่แข็งที่สุดได้ |
Minds are like flowers; they open only when the time is right. | จิตใจก็เหมือนดอกไม้ ที่จะเปิดก็ต่อเมื่อถึงเวลาเท่านั้น |
A flower blooming in the desert proves to the world that adversity, no matter how great, can be overcome. | ดอกไม้ที่เบ่งบานในทะเลทราย มันพิสูจน์ให้โลกเห็นว่าความทุกข์ยากไม่ว่าจะยิ่งใหญ่แค่ไหน ก็สามารถเอาชนะได้ |
Don’t wait for someone to bring you flowers. Plant your own garden and decorate your own soul. | อย่ารอให้ใครเอาดอกไม้มาให้ จงปลูกมันด้วยตัวคุณเองและตกแต่งจิตวิญญาณด้วยตัวคุณเอง |
Flowers grow out of dark moments. | ดอกไม้เติบโตในช่วงเวลาที่มืดมน |
To plant a garden is to believe in tomorrow. | การปลูกพืชคือการเชื่อในวันพรุ่งนี้ |
Mere existence is not enough; one must have sunshine, freedom, and a little flower. | การดำรงอยู่เพียงอย่างเดียวนั้นไม่เพียงพอ ต้องมีแสงแดด อิสรภาพ และดอกไม้เล็กๆ น้อยๆ |
Live like sunflowers, always hold your head high and turn your face towards the sun. | ใช้ชีวิตเหมือนดอกทานตะวัน เชิดหน้าไว้เสมอ และหันหน้าไปทางดวงอาทิตย์ |
Flowers bloom vibrantly, then fade away. Joy arrives, then departs. Love is beautiful, but it can also vanish. We meet, then part ways again. | ดอกไม้บานสะพรั่งแล้วร่วงโรยไป ความสนุกสนานมาถึงแล้วก็จากไป ความรักเป็นสิ่งสวยงาม แต่ก็สามารถหายไปได้เช่นกัน เราพบกันแล้วจากกันอีกครั้ง |
>>> Read more:
- รวบรวม ประโยคฮีลใจภาษาอังกฤษให้ทุกคนในทุกสถานการณ์ (มีคำแปล)
- 100+ คําให้กําลังใจภาษาอังกฤษ สั้นๆ ช่วยให้คุณรู้สึกมองโลกในแง่ดีมากขึ้น
แคปชั่นดอกไม้กับผู้หญิง ภาษาอังกฤษ

แคปชั่นดอกไม้กับผู้หญิง ภาษาอังกฤษ | ความหมาย |
She is a field of wildflowers, a riot of colors and fragrances, representing the beauty and diversity of women. | เธอเป็นทุ่งดอกไม้ป่า หลากสีสันและกลิ่นหอม เป็นตัวแทนของความงามและความหลากหลายของผู้หญิง |
Though there are many flowers, most are just for admiring. Though there are many beautiful women, a man should choose only one. | แม้ว่าจะมีดอกไม้มากมาย แต่ส่วนใหญ่ก็มีไว้สำหรับชื่นชมเท่านั้น แม้ว่าจะมีผู้หญิงสวยมากมาย แต่ผู้ชายก็ควรเลือกเพียงคนเดียว |
If you are a woman, be like a flower, always knowing how to emit a sweet fragrance, knowing how to be beautiful in the right place, and how to gracefully withdraw at the right time. | หากคุณเป็นผู้หญิง จงเป็นเหมือนดอกไม้ รู้จักที่จะส่งกลิ่นหอมหวาน รู้จักที่จะสวยในที่ที่ถูกต้อง และรู้วิธีถอนตัวอย่างสง่างามในเวลาที่เหมาะสม |
Don’t be like a fragile dandelion in the wind. Be like a resilient cactus in the storm. | อย่าเป็นเหมือนดอกเดซี่อันเปราะบางในสายลม จงเป็นเหมือนกระบองเพชรที่ทนทานในพายุ |
Beautiful roses with thorns are a symbol of the pride of women. | ดอกกุหลาบอันสวยงามที่อยู่กับหนามแหลมเป็นสัญลักษณ์ของความภาคภูมิใจของผู้หญิง |
Roses have thorns to protect themselves, just like strong women protect their hearts from being hurt by unworthy men. | กุหลาบมีหนามไว้ปกป้องตนเอง เช่นเดียวกับผู้หญิงเข้มแข็งที่คอยปกป้องหัวใจไม่ให้ถูกผู้ชายที่ไม่คู่ควรทำร้าย |
>>> Read more: 40+ คําคมรักตัวเอง ภาษาอังกฤษที่ไพเราะ สั้นๆ และมีความหมาย

ELSA Pro 1 year
2,499 บาท -> 1,499 บาท

ELSA Premium 3 เดือน
4,548 บาท -> 2,600 บาท

ELSA Premium 1 ปี
8,497 บาท -> 3,295 บาท
ประโยคเกี่ยวกับดอกไม้ ภาษาอังกฤษ สวยๆ ความหมายดีๆ
ประโยคเกี่ยวกับดอกไม้ ภาษาอังกฤษ | ความหมาย |
After women, flowers are the most lovely thing God has given the world. | รองจากผู้หญิง ดอกไม้คือสิ่งที่น่ารักที่สุดที่พระเจ้าประทานแก่โลก |
A rose by any other name would smell as sweet. | แม้กุหลาบที่ใช้ชื่ออื่นๆ ก็ยังคงมีกลิ่นหอมหวาน |
There are always flowers for those who want to see them | มีดอกไม้สำหรับผู้ที่ต้องการชมอยู่เสมอ |
Happiness radiates like the fragrance from a flower and draws all good things towards you. | ความสุขแผ่กระจายเหมือนกลิ่นหอมจากดอกไม้และดึงดูดสิ่งดีๆ เข้ามาหาคุณ |
A flower cannot blossom without sunshine, and man cannot live without love. | ดอกไม้ไม่สามารถบานสะพรั่งได้หากไม่มีแสงแดด และมนุษย์ไม่สามารถอยู่ได้โดยปราศจากความรัก |
Happiness held is the seed, happiness shared is the flower. | ความสุขที่เก็บไว้คือเมล็ดพันธุ์ ความสุขที่แบ่งปันคือดอกไม้ |
Roses are the setting for my life, but it is people who are important. | ดอกกุหลาบคือสถานที่สำหรับชีวิตของฉัน แต่เป็นสิ่งสำคัญในชีวิตฉัน |
Love is much like a wild rose, beautiful and calm, but willing to draw blood in its defense. | ความรักก็เหมือนกับดอกกุหลาบป่า สวยงามและสงบ แต่เต็มใจที่จะหลั่งเลือดเพื่อปกป้องตัวเอง |
How cunningly nature hides every wrinkle of her inconceivable antiquity under roses and violets and morning dew! | ธรรมชาติช่างเจ้าเล่ห์ซ่อนทุกรอยย่นและความชราไว้ใต้ดอกกุหลาบและน้ำค้างยามเช้า! |
A single rose can be my garden. A single friend, my world. | กุหลาบดอกเดียวก็สามารถเป็นสวนใหญ่ได้ เพื่อนคนเดียวสามารถเป็นโลกของฉันได้ |
You can complain because roses have thorns, or you can rejoice because thorns have roses. | คุณจะตำหนิเพราะดอกกุหลาบมีหนาม หรือจะชื่นชมยินดีเพราะหนามมีดอกกุหลาบก็ได้ |
True friendship is like a rose: we don’t realize its beauty until it fades. | มิตรภาพแท้จริงก็เหมือนดอกกุหลาบ เราไม่ได้ตระหนักถึงความงดงามของมันจนกว่ามันจะจางหายไป |
Those who fear the thorns will never pick the roses. | ผู้ที่กลัวหนามจะไม่มีวันได้เด็ดดอกกุหลาบ |
The optimist sees the rose and not its thorns, the pessimist stares at the thorns, oblivious to the rose. | ผู้มองโลกในแง่ดีก็จะมองเห็นดอกกุหลาบ ไม่ใช่เห็นแต่หนามของมัน ผู้มองโลกในแง่ร้ายจะจ้องมองที่หนาม โดยไม่สนใจดอกกุหลาบ |
The fragrance always stays in the hand that gives the rose. | กลิ่นหอมจะติดมือผู้ให้เสมอ |

>>> Read more: 100+ คําคมภาษาอังกฤษ ความหมายดีๆ สั้นๆ สร้างกำลังใจตัวเอง
บทความข้างต้น ELSA Speak ได้รวบรวมแคปชั่นดอกไม้ ภาษาอังกฤษสวยๆและมีความหมายดีๆ มาฝากทุกคนแล้ว คราวหน้าอย่าลืมเข้ามาอ่านบทความเกี่ยวกับการสื่อสาร คำศัพท์ และบทสนทนาที่ ELSA Speak กันอีกนะ!
Everyday กับ Every day เป็นคำศัพท์สองคำในภาษาอังกฤษที่ทำให้เราสับสนง่าย แต่จริง ๆ มันมีความหมายและการใช้งานที่แตกต่างกัน แล้ว Every day ต่างจาก Everyday อย่างไร มาหาคำตอบพร้อมกับ ELSA Speak ด้านล่างนี้กันเลย!
Everyday คืออะไร?
คำจำกัดความ
ในภาษาอังกฤษ Everyday สะกดว่า /ˈev.ri.deɪ/ มีหน้าที่เป็นคำคุณศัพท์ ซึ่งมีความหมายว่า: ธรรมดา ทั่วไป หรือทุกวัน โดยใช้เพื่อบรรยายสิ่งของหรือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั่วไปในชีวิตประจำวัน เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวัน ไม่ได้น่าสนใจหรือแปลกใหม่เกินไป
ตัวอย่าง:
- Traffic jams are a part of everyday life in big cities. (การจราจรติดขัดเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันในเมืองใหญ่)
- Jane’s outfit last night was so stunning. Completely different from her everyday style. (ชุดของเจนเมื่อคืนนี้สวยงามมาก แตกต่างจากสไตล์ประจำวันของเธออย่างสิ้นเชิง)
- Shirt and trousers are everyday clothes of office workers. (เสื้อเชิ้ตและกางเกงขายาวเป็นเครื่องแต่งกายประจำวันของพนักงานออฟฟิศ)

คำพ้องความหมายกับ Everyday
คำพ้องความหมายกับ Everyday | ความหมาย | ตัวอย่าง | แปล |
Ordinary /ˈɔːr.dən.er.i/ | ปกติ ธรรมดา | Alex took ordinary household objects and transformed them into pieces of art. | อเล็กซ์นำของใช้ในครัวเรือนธรรมดาๆ มาแปลงเป็นงานศิลปะ |
Quotidian /kwoʊˈtɪd.i.ən/ | ปกติ ธรรมดา | We longed for the quotidian rituals, like shopping and tea, that the end of the war would bring. | เราต่างโหยหากิจกรรมตามปกติ เช่น การซื้อของและดื่มชา ซึ่งจะเป็นไปได้ก็ต่อเมื่อสิ้นสุดสงครามเท่านั้น |
วลีทั่วไปบางวลีที่ใช้กับ Everyday

วลี | ความหมาย | ตัวอย่าง |
Everyday life | ชีวิตประจำวัน | Cooking dinner and doing laundry are part of everyday life for many people. (การทำอาหารเย็นและซักผ้าเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันของหลายๆ คน) |
Everyday routine | กิจวัตรประจำวัน | Her everyday routine includes waking up at 6 AM, exercising for 30 minutes. (การตื่นนอนตอน 6 โมงเช้า และออกกำลังกายเป็นเวลา 30 นาทีล้วนแต่เป็นกิจวัตรประจำวันของเธอ) |
Everyday tasks | งานประจำวัน | Washing dishes, grocery shopping, and taking out the trash are everyday tasks that need to be done regularly. (ล้างจาน ซื้อของชำ และทิ้งขยะเป็นงานประจำวันที่ต้องทำเป็นประจำ) |
Everyday outfit | เครื่องแต่งกายประจำวัน | She prefers to wear comfortable jeans and a casual shirt as her everyday outfit. (เธอชอบสวมกางเกงยีนส์สบายๆ และเสื้อยืดลำลองเป็นเครื่องแต่งกายประจำวันของเธอ) |
Everyday problems | ปัญหารายวัน | Dealing with traffic jams and finding time to cook dinner after a long day at work are everyday problems for many city dwellers. (การเผชิญกับรถติดและการหาเวลาทำอาหารเย็นหลังจากเหน็ดเหนื่อยจากการทำงานมาทั้งวัน เป็นปัญหาในชีวิตประจำวันของชาวเมืองจำนวนมาก) |
Everyday conversation | บทสนทนาประจำวัน | Small talk about the weather or weekend plans is common in everyday conversations. (การพูดคุยเล็กๆ น้อยๆ เกี่ยวกับสภาพอากาศหรือแผนช่วงสุดสัปดาห์เป็นเรื่องปกติในการสนทนาในชีวิตประจำวัน) |
Everyday challenges | ความท้าทายในชีวิตประจำวัน | Balancing work and family responsibilities can be one of the everyday challenges many people face. (การสร้างสมดุลระหว่างงานและความรับผิดชอบต่อครอบครัวอาจเป็นหนึ่งในความท้าทายประจำวันที่หลายๆ คนต้องเผชิญหน้า) |

Every day แปลว่าอะไร
คำจำกัดความ
ในภาษาอังกฤษ Every day สะกดว่า /ˈev.ri deɪ/ เป็นคำวิเศษณ์บอกความถี่เพื่อแสดงการกระทำซ้ำๆ วันแล้ววันเล่า การกระทำในแต่ละวัน มีความหมายว่า ทุกวัน Every day ประกอบด้วยคำสองคำ – “every” และ “day”
“Every” มีหน้าที่เป็นคำคุณศัพท์ หรือหากพูดให้ถูกกว่านั้นคือตัวกำหนด (determiners) ที่บรรยายความหมายให้ “day”
ตัวอย่าง:
- People do it all across the globe every day. (ผู้คนทั่วโลกทำเช่นนี้ทุกวัน)
- Sarah asked the same question every day. (ซาร่าถามคำถามเดียวกันทุกวัน)

Every day ใช้กับ tense อะไร
คำวิเศษณ์ every day ถือเป็นข้อสังเกตของ Present Simple tense ซึ่งเป็นหนึ่งใน tense ที่ง่ายที่สุดและเป็นที่รู้จักมากที่สุด เพราะมันแสดงถึงความถี่ของการกระทำในปัจจุบัน มีการทำซ้ำๆเป็นประจำวัน ข้อสังเกตอื่น ๆ ของ Present Simple tense มีดังนี้: every morning, every week, always, sometimes, never, often, hardly,…
ตัวอย่าง:
- I study English every day. (ฉันเรียนภาษาอังกฤษทุกวัน)
- The children play in the park every day. (เด็ก ๆ เล่นที่สวนสาธารณะทุกวัน)
คำพ้องความหมายกับ Every day

คำพ้องความหมาย | ความหมาย | ตัวอย่าง |
Each day | ทุกวัน | Each day I work, I make money. (ทุกๆวันฉันทำงานฉันก็ทำเงินได้) |
Day-to-day/ˌdeɪ.təˈdeɪ/ | วันแล้ววันเล่า ทุกวัน | Day-to-day operations of the team would be handled by the assistant coach. (กิจกรรมประจำวันของทีมจะจัดการโดยผู้ช่วยโค้ช) |
Daily/ˈdeɪ.li/ | รายวัน | I’m looking for a good daily shampoo that won’t damage my hair. (ฉันกำลังมองหาแชมพูดีๆ ที่ใช้ได้ทุกวันโดยไม่ทำให้ผมแห้งเสีย) |

ELSA Pro 1 year
2,499 บาท -> 1,499 บาท

ELSA Premium 3 เดือน
4,548 บาท -> 2,600 บาท

ELSA Premium 1 ปี
8,497 บาท -> 3,295 บาท
ความแตกต่างระหว่าง Everyday กับ Every day อย่างละเอียด
Every Day ต่างจาก Everyday อย่างไร? มาดูการแยกความแตกต่างระหว่างสองคำนี้อย่างละเอียดพร้อมกับ ELSA Speak ด้านล่างนี้!
Everyday | Every day | |
ชนิดของคำ | คำคุณศัพท์ (adj) | คำวิเศษณ์ (adv) |
การสะกดคํา | /ˈevrideɪ/ | /e vrɪˈdeɪ/ |
ความหมาย | คำคุณศัพท์ใช้เพื่ออธิบายสิ่งของหรือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทุกวัน เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวัน ไม่เด่นหรือพิเศษใดๆมีความหมายว่าประจำวัน ปกติ ธรรมดาเหมาะกับวันในสัปดาห์ ยกเว้นวันอาทิตย์ วันที่พิเศษหรือเทศกาล | เป็นคำประสมระหว่าง 2 คำ every และ day ใช้เป็นคำวิเศษณ์ที่บอกเวลา (adv) ขยายกริยามีความหมายว่าทุกวัน ทุกๆ วันความถี่ของการกระทำเกิดขึ้นทุกวัน ไม่มีข้อยกเว้น |
ตัวอย่าง | Farming is a part of everyday life in the countryside. (การทำนาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันในชนบท) | Joana asks her boyfriend whether he loves her or not every day. (โจอาน่าถามแฟนของเธอทุกวันว่าเขารักเธอไหม) |

คำถามที่พบบ่อย
Every day แปลว่าอะไร
Every day แปลว่าทุกวัน แต่ละวัน ทุกๆวัน เป็นคำวิเศษณ์บอกความถี่เพื่อแสดงการกระทำซ้ำๆ วันแล้ววันเล่า การกระทำในแต่ละวัน
Everyday ใช้ in หรือ on
Everyday เป็นคำคุณศัพท์ มีความหมายว่าประจำวัน ปกติธรรมดา ดังนั้น Everyday จะไม่ใช้กับคำบุพบท แต่จะอยู่หน้าคำนามเพื่อบรรยายลักษณะของคำนามนั้น
>>> Read more: คำบุพบท (preposition) คืออะไร? วิธีการใช้คำบุพบท
แบบฝึกหัด
แบบฝึกหัด: เลือก Every day หรือ Everyday เพื่อเติมในประโยคต่อไปนี้
1. I go for a run (every day/everyday) _______ to stay healthy.
2. Wearing jeans and a T-shirt is part of my (every day/everyday) _______ style.
3. The sun rises and sets (every day/everyday)_______.
4. I use my (every day/everyday)_______backpack for school.
5. I check my email (every day/everyday) _______ to stay updated.
6. The artist finds inspiration in (every day/everyday) _______ objects.
7. I try to exercise (every day/everyday) _______ for at least 30 minutes.
8. Her (every day/everyday) _______ makeup routine is simple and quick.
9. Learning is a process that happens (every day/everyday)_______.
10. The jacket is suitable for (every day/everyday)_______ wear.
คำตอบ
1. every day | 2. everyday | 3. every day | 4. everyday | 5. every day |
6. everyday | 7. every day | 8. everyday | 9. every day | 10. everyday |
ข้างต้นเป็นการแยกความแตกต่างระหว่าง Everyday กับ Every day อย่างละเอียด หวังว่าการแบ่งปันข้างต้นจะช่วยให้คุณเข้าใจคำศัพท์ทั้งสองคำนี้มากขึ้น นอกจากนี้ อย่าลืมเข้าไปที่ ELSA Speak เพื่ออัปเดตความรู้ไวยากรณ์และคำศัพท์ภาษาอังกฤษใหม่ ๆ ทุกวันกันนะ!