Author: Bao Ngan Nguyen

เราสามารถใช้คำและวลีคำเชื่อมในการให้ตัวอย่าง เพิ่มข้อมูล สรุป ให้เหตุผลหรือผลลัพธ์ หรือเปรียบเทียบแนวคิดได้ ด้วยบทความด้านล่าง ELSA Speak จะช่วยให้คุณเข้าใจชัดเจนเกี่ยวกับการใช้ ตัวอย่าง transition words และประเภทของคำเชื่อมทั่วไป

Transition words คืออะไร?

Transition words คือ คำเชื่อม ใช้เพื่อเชื่อมโยงแนวคิด ประโยค หรือย่อหน้าในภาษาอังกฤษ จากนั้น ทำให้การเขียนหรือการพูดสอดคล้องกัน มีเหตุผล และเข้าใจได้ง่ายขึ้น

ตัวอย่าง transition words (transition words examples)

Marketing plans give us an idea of the potential market. Moreover, they tell us about the competition. (แผนการตลาดทำให้เรามีแนวคิดเกี่ยวกับตลาดที่มีศักยภาพ นอกเหนือจากนั้น พวกเขายังบอกให้เรารู้เกี่ยวกับการแข่งขันอีกด้วย)

ประเภทของ Transition words

ประเภทของ Transition words

Transition words มีผลในการให้ตัวอย่าง

Transition words มีผลในการให้ตัวอย่างแปลตัวอย่าง
As an exampleตัวอย่าง/แบบอย่างHe then invokes the fundamental law of gravitation as an example. (จากนั้นเขาก็ใช้กฎแรงโน้มถ่วงพื้นฐานทำเป็นตัวอย่าง)
For exampleตัวอย่างเช่นFor example, many people are not satisfied with the salary packages offered. (ตัวอย่างเช่นหลายๆ คนไม่พอใจกับแพ็คเกจเงินเดือนที่เสนอให้)
For instanceตัวอย่างเช่นMany people enjoy outdoor activities, such as hiking and camping, for instance. (หลายๆ คนชอบกิจกรรมกลางแจ้ง ตัวอย่างเช่น การเดินป่าหรือการตั้งแคมป์)
SpecificallyโดยเฉพาะคือThey are very smart students, especially in the fields of math and science. (พวกเขาเป็นนักเรียนที่ฉลาดมาก โดยเฉพาะในด้านคณิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์)
Thusดังนั้นExercise made us more hungry and thus our food supplies ran out. (การออกกำลังกายทำให้เราหิวมากขึ้น ดังนั้นอาหารจึงไม่เพียงพอ)
To illustrateเพื่อเป็นตัวอย่างTo illustrate, imagine a world without electricity. (เพื่อเป็นตัวอย่าง ลองจินตนาการถึงโลกที่ไม่มีไฟฟ้าใช้)

Transition words มีผลในการเปรียบเทียบ

Transition words มีผลในการเปรียบเทียบแปลตัวอย่าง
By the same tokenโดยวิธีเดียวกันIf exercise is good for your physical health, by the same token, it is also good for your mental health. (หากการออกกำลังกายดีต่อสุขภาพกาย โดยวิธีเดียวกัน การออกกำลังกายก็ดีต่อสุขภาพจิตของคุณด้วย)
In like mannerในลักษณะเดียวกันIn like manner, regular exercise can help to improve your cardiovascular health, reduce your risk of chronic diseases. (ในลักษณะเดียวกัน การออกกำลังกายเป็นประจำสามารถช่วยปรับปรุงสุขภาพของหัวใจและลดความเสี่ยงของโรคเรื้อรังได้)
In the same wayในทํานองเดียวกันIn the same way, both of them approach their work with commitment and determination. (ในทํานองเดียวกัน ทั้งสองเข้าหางานด้วยความมุ่งมั่นและตั้งใจ)
In similar fashionในลักษณะเดียวกันThe baker carefully measured the flour, sugar, and eggs. In similar fashion, he added the other ingredients to the mixing bowl. (คนทำขนมปังตวงแป้ง น้ำตาล และไข่อย่างระมัดระวัง ในลักษณะเดียวกัน เขาเติมส่วนผสมอื่นๆ ลงในชามผสม)
LikewiseในทำนองเดียวกันLikewise, eating a healthy diet can help you to maintain a healthy weight and improve your energy levels. (ในทำนองเดียวกัน การกินเพื่อสุขภาพสามารถช่วยให้คุณรักษาน้ำหนักให้แข็งแรงและปรับปรุงระดับพลังงานของคุณได้)
SimilarlyในทำนองเดียวกันSimilarly, getting enough sleep is essential for both your physical and mental health. (ในทำนองเดียวกัน การนอนหลับให้เพียงพอก็เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับทั้งสุขภาพกายและสุขภาพจิตของคุณ)

Transition words มีผลในการเติมข้อมูล

Transition words มีผลในการเติมข้อมูลแปลตัวอย่าง
AndและI like to eat pho and banh mi. (ฉันชอบกินเฝอและบั๋นหมี่)
Alsoก็…อีกด้วยShe’s fluent in French and German. She also speaks a little Italian. (เขาพูดภาษาฝรั่งเศสและเยอรมันได้คล่อง เขาก็พูดภาษาอิตาลีได้นิดหน่อยด้วย)
Besidesนอกจากนั้นBesides being a good student, she is also a talented musician. (นอกจากเป็นนักเรียนที่เก่ง เขายังเป็นนักดนตรีที่มีพรสวรรค์อีกด้วย)
First, Second, Third…ขั้นแรก ขั้นที่สอง ขั้นที่สามFirst, we need to gather all the materials. Second, we need to follow the instructions carefully. Third, we need to test the product to make sure it works properly. (ขั้นแรกเราต้องรวบรวมวัสดุทั้งหมด ขั้นที่สอง เราต้องปฏิบัติตามคำแนะนำอย่างระมัดระวัง ขั้นที่สาม เราต้องทดสอบผลิตภัณฑ์เพื่อให้แน่ใจว่าทำงานได้อย่างถูกต้อง)
In additionยิ่งไปกว่านั้นIn addition to being delicious, pizza is also a very versatile food. (นอกจากความอร่อย พิซซ่ายังเป็นอาหารอเนกประสงค์อีกด้วย)
Furthermoreยิ่งไปกว่านั้นFurthermore, learning a foreign language can improve your cognitive skills and job prospects. (ยิ่งไปกว่านั้น การเรียนรู้ภาษาต่างประเทศสามารถพัฒนาทักษะการเรียนรู้และโอกาสในการจ้างงานของคุณได้)
Moreoverนอกจากนี้Moreover, it can also help you to understand different perspectives. (นอกจากนี้ มันยังช่วยให้คุณเข้าใจมุมมองต่างๆ ได้อีกด้วย)
To begin with, Next, Finallyเริ่มต้นด้วย ต่อไป สุดท้ายTo begin with, we need to define the problem. Next, we need to brainstorm possible solutions. Finally, we need to evaluate the solutions and choose the best one. (ในการเริ่มต้น เราต้องกำหนดปัญหา ถัดไป เราต้องคิดถึงวิธีแก้ปัญหาที่เป็นไปได้ สุดท้าย เราจำเป็นต้องประเมินวิธีแก้ปัญหาและเลือกสิ่งที่ดีที่สุด)

Transition words มีผลในการพูดซ้ำ

Transition words มีผลในการพูดซ้ำแปลตัวอย่าง
In other wordsกล่าวอีกนัยหนึ่งIn other words, exercise is good for both your body and your mind. (กล่าวอีกนัยหนึ่ง การออกกำลังกายเป็นสิ่งที่ดีสำหรับทั้งร่างกายและจิตใจของคุณ)
In shortสรุปแล้วIn short, a healthy lifestyle can help you to live a longer and happier life. (สรุปแล้ว วิถีชีวิตที่มีสุขภาพดี สามารถช่วยให้คุณมีอายุยืนยาวและมีความสุขมากขึ้นได้)
In simpler termsพูดง่ายๆIn simpler terms, the law of gravity states that any two objects with mass attract each other. (พูดง่ายๆ ก็คือ กฎแรงโน้มถ่วงระบุว่าวัตถุสองชิ้นที่มีมวลจะดึงดูดกัน)
That isหมายความว่าThat is, the purpose of education is to prepare students for success in life. (หมายความว่า จุดประสงค์ของการศึกษา คือ เพื่อเตรียมนักเรียนให้พร้อมสำหรับความสำเร็จในชีวิต)
To put it differentlyกล่าวอีกนัยหนึ่งTo put it differently, the company’s new policy is designed to improve customer satisfaction. (กล่าวอีกนัยหนึ่ง นโยบายใหม่ของบริษัทได้รับการออกแบบเพื่อเพิ่มความพึงพอใจของลูกค้า)
To repeatพูดซ้ำ ทบทวนTo repeat, regular exercise is essential for maintaining good health. (ขอย้ำอีกครั้งว่า การออกกำลังกายเป็นประจำถือเป็นสิ่งสำคัญในการรักษาสุขภาพที่ดี)

Transition words มีผลในการยืนยัน

Transition words มีผลในการยืนยันแปลตัวอย่าง
In factในความเป็นจริงIt may sound very straightforward to you, but in fact it’s all very complicated. (นี่อาจฟังดูง่ายสำหรับคุณ แต่ในความเป็นจริงแล้ว ทุกอย่างซับซ้อนมาก)
Indeedอย่างแท้จริงIndeed, learning a new language can be a challenging but rewarding experience. (การเรียนรู้ภาษาใหม่อาจเป็นประสบการณ์ที่ท้าทายแต่คุ้มค่าอย่างแท้จริง)
Noไม่No, I’m allergic to seafood. (ไม่ ฉันแพ้กับอาหารทะเล)
Yesได้Yes, I would be happy to help you with your homework. (ได้เลยค่ะ ฉันยินดีที่จะช่วยคุณทำการบ้าน)
Especiallyโดยเฉพาะอย่างยิ่งEspecially for young children, regular exercise is essential for healthy development. (โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับเด็กเล็ก การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอถือเป็นสิ่งสำคัญสำหรับพัฒนาการด้านสุขภาพ)

>>> Read more: 60+ วิธีบอกว่าใช่ภาษาอังกฤษ นอกจาก Yes No เรียนง่าย จำง่าย จำไม่ลืม

Transition words แสดงความขัดแย้ง

Transition words แสดงความขัดแย้งแปลตัวอย่าง
Butแต่I enjoy reading books, but I also enjoy watching movies. (ฉันชอบอ่านหนังสือ แต่ก็ชอบดูหนังอีกด้วย)
YetThe task was difficult, yet I managed to complete it on time. (งานนี้มันยาก แต่ฉันก็ทำให้มันเสร็จทันเวลาได้)
Howeverแต่อย่างไรก็ตาม The food was delicious, however the service was a bit slow. (อาหารอร่อย แต่อย่างไรก็ตามบริการช้าไปหน่อย)
NeverthelessI was nervous before the presentation, nevertheless I managed to deliver it successfully. (ฉันรู้สึกประหม่าก่อนการนำเสนอ แต่อย่างไรก็ตามฉันก็สามารถนำเสนอได้สำเร็จ)
In contrast
ในทางตรงกันข้าม
The old city is full of historical buildings, in contrast the new city is more modern and bustling. (เมืองเก่าเต็มไปด้วยอาคารเก่าแก่ ในทางตรงกันข้ามกับย่านใหม่ที่ทันสมัยและคึกคักกว่า)
On the contraryI was expecting a difficult exam, on the contrary it was quite easy. (คาดว่าข้อสอบจะยากแต่กลับค่อนข้างง่าย)
InsteadแทนI was planning to go to the party, instead I decided to stay home and study. (ฉันวางแผนจะไปงานปาร์ตี้ แต่ฉันตัดสินใจอยู่บ้านและเรียนหนังสือแทน)
On the other handในทางตรงกันข้ามI enjoy reading books, on the other hand I also enjoy watching movies. (ผมชอบอ่านหนังสือ ในอีกด้านหนึ่งผมก็ชอบดูหนัง)
StillยังคงShe’s still asleep. (เขายังคงนอนหลับอยู่)

>>> Read more: แยกความแตกต่างการใช้ระหว่าง Despite/ In spite of/ Although แปลว่า/ Though/ Even though

Transition words แสดงถึงความเป็นเหตุเป็นผล

Transition words แสดงถึงความเป็นเหตุเป็นผลแปลตัวอย่าง
Accordinglyดังนั้นI studied hard for the exam, accordingly I got a good grade. (ก่อนการสอบฉันเรียนอย่างขยัน ดังนั้นฉันได้มีคะแนนสูง)
And soเพราะฉะนั้นI finished all my homework, and so I had time to relax and watch a movie. (ฉันทำการบ้านเสร็จแล้ว เพราะฉะนั้นฉันมีเวลาพักผ่อนและดูหนัง)
As the resultดังนั้นThe company invested in new technology, as the result it became more efficient and profitable. (บริษัทลงทุนในเทคโนโลยีใหม่ๆ ส่งผลให้มีประสิทธิภาพและผลกำไรมากขึ้น)
Consequentlyดังนั้นThe company’s profits declined, consequently it had to cut costs. (กำไรของบริษัทลดลง  ดังนั้นจึงต้องลดต้นทุน)
For this reasonด้วยเหตุนี้I decided to study abroad, for this reason I am learning a new language. (ฉันตัดสินใจไปเรียนต่างประเทษ ด้วยเหตุนี้ฉันจึงกำลังเรียนภาษาใหม่ )
Henceดังนั้นThe economy is weak, hence many people are unemployed. (เศรษฐกิจตกต่ำ ดังนั้นคนเลยตกงานเยอะมาก)
Soดังนั้นI didn’t get enough sleep, so I was tired all day. (ฉันนอนไม่ครบเวลา ดังนั้นฉันรู้สึกเหนื่อยทั้งวัน)
Thereforeดังนั้นI studied for hours for the exam, therefore I felt confident. (ฉันอ่านหนังสือสอบเป็นชั่วโมงจึงรู้สึกมั่นใจ)
Thusดังนั้นThe weather was very hot, thus we decided to go to the beach. (อากาศร้อนมาก ดังนั้นพวกเราจึงตัดสินใจไปทะเล)
Thenหลังจากนั้นThe meeting was canceled, then I was able to go to the gym instead. (การประชุมถูกยกเลิก หลังจากนั้นฉันสามารถไปออกกำลังกายแทนได้)
Sự khác biệt giữa Pro và Premium

Transition words มีประโยชน์ในการสรุปผล (transition words for conclusion)

Transition words for conclusionแปลตัวอย่าง
And soดังนั้นThe meeting was canceled, and so I had time to relax and watch a movie. (การประชุมถูกยกเลิก ดังนั้นฉันมีเวลาเพื่อพักผ่อนและดูหนัง)
After allในที่สุดWe have considered all the options, after all I think this is the best decision. (เราพิจารณาตัวเลือกทั้งหมดแล้ว ในที่สุดฉันคิดว่านี่เป็นการตัดสินใจที่ดีที่สุด)
At lastในที่สุดAfter years of hard work, at last she achieved her dream. (หลังจากพยายามมาหลายปี ในที่สุดเขาก็บรรลุความฝันของเขาได้)
Finallyในที่สุดFinally, I have found the solution to the problem. (ในที่สุดฉันก็พบวิธีแก้ไขปัญหานี้)
In briefอย่างสั้นๆ อย่างย่อIn brief, the new policy will benefit all employees. (สรุป คือ นโยบายใหม่จะเป็นประโยชน์ต่อพนักงานทุกคน)
In closingสุดท้ายนี้In closing, I would like to thank you for your time and consideration. (สุดท้ายนี้ ผมขอขอบคุณสำหรับเวลาและการพิจารณาของคุณ)
In conclusionสรุปแล้วIn conclusion, I believe that the new policy is the best way to move forward. (สรุปแล้วผมเชื่อว่านโยบายใหม่เป็นแนวทางที่ดีที่สุด)
On the wholeโดยรวมแล้วOn the whole, I am satisfied with the results of the project. (โดยรวมแล้ว ผมพอใจกับผลงานครับ)
To concludeสรุปแล้วTo conclude, I would like to reiterate my support for this project.( สรุปแล้วผมขอยืนยันการสนับสนุนโครงการนี้อีกครั้ง)
To summarizeสรุปแล้วTo summarize, we have discussed the following issues. (สรุปแล้ว เราได้พูดคุยถึงประเด็นต่อไปนี้)
Generallyโดยทั่วไป โดยปกติGenerally, it is a good idea to get a good night’s sleep before an important exam. (โดยปกติแล้ว คุณควรนอนหลับสบายก่อนการสอบครั้งสำคัญ)
In generalโดยทั่วไป โดยปกติIn general, I think that most people are good at heart. (โดยปกติแล้ว ฉันคิดว่าคนส่วนใหญ่มีจิตใจที่ดี)
Generally speakingกล่าวโดยทั่วไปGenerally speaking, it is important to respect the cultural norms of the country you are visiting. (กล่าวโดยทั่วไป สิ่งสำคัญคือต้องเคารพบรรทัดฐานทางวัฒนธรรมของประเทศที่คุณกำลังเยี่ยมชม)
Overallสรุปสั้นๆ สรุปคือOverall, I think the movie was a good one. (สรุปสั้นๆ ผมคิดว่าหนังเรื่องนี้เป็นหนังที่ดีนะครับ)
On the wholeสรุปสั้นๆ สรุปคือOn the whole, I am satisfied with the results of the project. (สรุปคือ ฉันพอใจกับผลงานค่ะ)
All things consideredจากการพิจารณาทั้งหมดAll things considered, I think the benefits of technology outweigh the risks. (จากการพิจารณาทั้งหมด ฉันคิดว่าประโยชน์ของเทคโนโลยีมีมากกว่าความเสี่ยง)

Transition words แสดงสถานที่ตั้ง

Transition words แสดงสถานที่ตั้งแปลตัวอย่าง
Farther alongไกลออกไปFarther along in the process, I realized I had made a mistake. (ในกระบวนการนี้ ฉันรู้ว่าฉันทำผิดพลาดไปแล้ว)
In backด้านหลังIn back of the house, there was a garden. (ด้านหลังบ้านนี้มีสวน)
In frontด้านหน้าIn front of the class, I gave my presentation. (ฉันนำเสนอหน้าชั้นเรียน)
Nearbyใกล้Nearby there was a friend who always made me laugh. (มีเพื่อนใกล้ๆรอบตัว คอยทำให้ฉันหัวเราะอยู่เสมอ)
On top ofด้านบนของOn top of the mountain, I felt on top of the world. (ที่ด้านบนภูเขา ผมรู้สึกเหมือนอยู่ด้านบนจุดสูงสุดของโลก)
To the leftอยู่ข้างซ้ายTo the left of the door, there was a coat rack. (ด้านซ้ายของประตู มีราวแขวนเสื้อ)
To the rightอยู่ข้างขวาTo the right of the road, there was a field of wheat. (ทางด้านขวาของถนน มีทุ่งข้าวสาลี)
Underใต้Under the bed, there was a monster. (ใต้เตียงมีสัตว์ประหลาด)
UponบนUpon seeing her face, I knew I was in love. (เมื่อมองหน้าเธอ ผมก็รู้ว่าผมกำลังมีความรัก)

Transition words มีผลให้เกิดความสัมพันธ์เกี่ยวกับเวลา

Transition words มีผลให้เกิดความสัมพันธ์เกี่ยวกับเวลาแปลตัวอย่าง
Afterwardหลังจากนั้นI went for a jog in the park, afterward I felt more energized and focused throughout the day. (ฉันไปวิ่งในสวนสาธารณะ หลังจากนั้นฉันก็รู้สึกมีพลังและมีสมาธิมากขึ้นตลอดทั้งวัน)
At the same timeในขณะเดียวกันShe is a talented artist, at the same time she is also a gifted musician. (เธอเป็นศิลปินที่มีพรสวรรค์ ในขณะเดียวกันเธอก็เป็นนักดนตรีที่มีพรสวรรค์ด้วย)
Currentlyปัจจุบัน ตอนนี้There are many fitness classes available online, currently I am enjoying a yoga class. (มีคลาสออกกำลังกายออนไลน์หลายคลาส ตอนนี้ฉันกำลังเรียนโยคะอยู่)
Earlierเช้าEarlier today, I read an article about the benefits of meditation. (เมื่อเช้านี้ฉันอ่านบทความเกี่ยวกับประโยชน์ของการทำสมาธิ)
Formerlyก่อน ก่อนหน้านี้ เมื่อก่อนThe building formerly housed a bank, but now it is a restaurant. (เมื่อก่อนอาคารเคยเป็นธนาคาร แต่ปัจจุบันเป็นร้านอาหาร)
ImmediatelyทันทีAfter I stubbed my toe, I immediately sat down and iced it. (หลังจากกระทืบเท้าแล้ว ฉันก็นั่งลงแล้วประคบน้ำแข็งทันที)
In the futureในอนาคตIn the future, I hope to travel to Europe. (ในอนาคตฉันหวังว่าจะได้ไปเที่ยวยุโรป)
In the meantimeในระหว่างช่วงเวลานี้ หรือ ในระหว่างนี้The computer is being repaired, in the meantime I will use my phone to check email. (คอมพิวเตอร์กำลังซ่อมอยู่ ระหว่างรอ ฉันก็ใช้โทรศัพท์เพื่อเช็คอีเมล)
In the pastในอดีตIn the past, people communicated through letters, but now we can email or text. (ในอดีตผู้คนสื่อสารกันด้วยจดหมาย  แต่ตอนนี้ผู้คนสามารถส่งอีเมลหรือข้อความได้)
Laterหลังจากนั้นLater, I will call you to discuss the project in more detail. (หลังจากนั้น ผมจะโทรไปคุยรายละเอียดโครงการอีกทีครับ)
Meanwhileบัดนั้น ขณะที่The soup is simmering on the stove, meanwhile I can chop the vegetables for the salad. (ซุปกำลังเดือดบนเตา ในขณะเดียวกันฉันก็หั่นผัก สำหรับเมนูสลัด)
Previouslyเมื่อก่อนPreviously, I had no experience with public speaking. (ฉันไม่เคยมีประสบการณ์ในการพูดในที่สาธารณะมาก่อน)
SimultaneouslyขณะเดียวกันSimultaneously, the chef was chopping vegetables, stirring the sauce, and grilling the meat. (ขณะเดียวกันเชฟก็กำลังสับผัก กวนซอส และย่างเนื้อ)
Subsequentlyหลังจากนั้นSubsequently, the company’s profits increased by 20%. (หลังจากนั้นกำไรของบริษัทเพิ่มขึ้น 20%)
Thenจากนั้นFirst, I peeled the potatoes, then I chopped them into cubes. (ขั้นแรกฉันปอกมันฝรั่งแล้ว จากนั้นหั่นเป็นมันฝรั่งให้)
Until nowจนถึงตอนนี้Until now, I had never been to a classical music concert. (จนถึงตอนนี้ผมยังไม่เคยไปชมคอนเสิร์ตดนตรีคลาสสิคเลย)

>>> Read more: อ่านเวลาและพูดเกี่ยวกับเวลาได้อย่างไร? วิธีการบอกเวลาภาษาอังกฤษแบบมาตรฐาน

Luyện tập không giới hạn bối cảnh cùng ELSA AI

Transition words มีผลในการเพิ่มความคิดเห็น

Transition words มีผลในการเพิ่มความคิดเห็นแปลตัวอย่าง
Moreoverยิ่งไปกว่านั้น อนึ่งMoreover, the new software is very user-friendly. (ยิ่งกว่านั้น ซอฟต์แวร์ใหม่นี้ใช้งานง่ายมาก)
Furthermoreยิ่งไปกว่านั้น อนึ่งFurthermore, the drug has been shown to be safe in clinical trials. (ยิ่งไปกว่านั้น ยานี้แสดงให้เห็นว่าปลอดภัยในการทดลองทางคลินิก)
In additionนอกจากนี้In addition to being a great writer, she is also a talented artist. (นอกจากจะเป็นนักเขียนที่ยอดเยี่ยมแล้ว เขายังเป็นศิลปินที่มีพรสวรรค์อีกด้วย)
Besidesนอกจาก, นอกจากนี้Besides being a great teacher, she is also a kind and caring person. (นอกจากจะเป็นครูที่ดีแล้วเขายังเป็นคนใจดีและมีน้ำใจอีกด้วย)
What’s moreยิ่งไปกว่านั้นWhat’s more, the company is also planning to expand into new markets. (ยิ่งไปกว่านั้น บริษัทยังวางแผนที่จะขยายไปสู่ตลาดใหม่อีกด้วย)
Apart fromนอกจากเป็นการApart from being a great place to live, the city also has a lot to offer visitors. (นอกจากจะเป็นสถานที่ที่น่าอยู่อาศัยแล้ว  เมืองนี้ยังมีสิ่งต่างๆ มากมายให้นักท่องเที่ยวมาเยือนอีกด้วย)
Alsoนอกจากนั้น นอกจากนี้Also, the company is offering a free trial of the software. (นอกจากนั้น บริษัทยังเสนอให้ทดลองใช้ซอฟต์แวร์ฟรีอีกด้วย)
Additionallyต่อเติม เสริม แถม นอกจากนี้Additionally, the company is committed to sustainability. (นอกจากนี้บริษัทยังมุ่งมั่นในเรื่องความยั่งยืนอีกด้วย)

Transition words มีผลในการแสดงความมั่นใจ

Transition words มีผลในการแสดงความมั่นใจแปลตัวอย่าง
Certainlyอย่างแน่นอนCertainly, I will be there on time. (แน่นอนฉันว่า ฉันจะไปถึงที่นั่นตรงเวลา)
Undoubtedlyไม่มีอะไรต้องสงสัยUndoubtedly, the patient will make a full recovery. (คนไข้จะฟื้นตัวเต็มที่อย่างไม่ต้องสงสัยเลยค่ะ)
Obviouslyอย่างชัดเจน อย่างเห็นได้ชัดObviously, you need to study hard if you want to get good grades. (เห็นได้อย่างชัดเจนว่า ถ้าคุณต้องการได้เกรดดีๆ คุณต้องเรียนหนัก)
It is obvious/clear thatเห็นได้อย่างชัดเจนว่าIt is obvious that the company is in financial trouble. (เห็นได้ชัดว่า บริษัทกำลังประสบปัญหาทางการเงิน)
Definitelyอย่างแน่นอนDefinitely, I will do it tomorrow. (ฉันจะทำสิ่งนั้นในวันพรุ่งนี้อย่างแน่นอน)

Transition words มีผลในการบ่งชี้ลำดับ

Transition words มีผลในการบ่งชี้ลำดับแปลตัวอย่าง
Firstlyขั้นแรกFirstly, you need to wash the vegetables. (ขั้นแรกคุณต้องล้างผักก่อน)
Secondlyขั้นที่สองSecondly, you need to chop the vegetables. (ขั้นที่สอง คุณต้องสับผัก)
Thirdlyขั้นที่สามThirdly, you need to cook the vegetables. (ขั้นที่สาม คุณต้องผัดผัก)
Finallyขั้นสุดท้ายFinally, you can serve the vegetables. (ขั้นสุดท้ายคุณสามารถเสิร์ฟผักได้)
Lastlyสุดท้ายLastly, I would like to thank you for your time. (สุดท้ายนี้ผมขอขอบคุณที่กรุณาสละเวลา)
At the same timeในเวลาเดียวกันAt the same time that I was studying for my exam, I was also working part-time. (ระหว่างที่ฉันกำลังเรียนเพื่อสอบ ฉันก็ทำงานนอกเวลาด้วย)
MeanwhileในขณะเดียวกันMeanwhile, the police were searching for the suspect. (ในขณะเดียวกันตำรวจกำลังค้นหาผู้ต้องสงสัย)

>>> Read more: เลขภาษาอังกฤษ แนะนำวิธีการอ่าน การเขียน และแยกความแตกต่างกับตัวเลข

Transition words and phrases

หลักการใช้ Transition words

คำเชื่อมมีหน้าที่ในการเชื่อมโยงประโยค ตำแหน่งวางอยู่ระหว่างประโยคที่ 1 และ 2 และต้องเป็นคำที่มีความสัมพันธ์ต่อเนื่องกับประโยคแรก ประโยคแรกลงท้ายด้วยจุด ( . ), ( ; ) หรือลูกน้ำ ( , ) จากนั้นขึ้นต้นประโยคที่ 2 ดังโครงสร้างต่อไปนี้

โครงสร้าง 1 Sentence A. + Transition words, + Sentence B. 

ตัวอย่าง I was sleepy. Therefore, I went to bed. (ฉันง่วง ดังนั้นฉันก็เลยไปนอน)

โครงสร้าง 2 Sentence A; + Transition words, + Sentence B. 

ตัวอย่าง The hotel was very reasonable; moreover, the location was perfect. (โรงแรมมีความสมเหตุสมผลมาก นอกจากนี้ทำเลที่ตั้งยังสมบูรณ์แบบอีกด้วย)

หลักการใช้ Transition words

ข้อผิดพลาดทั่วไปเมื่อใช้ Transition words

ใช้ ‘besides’

ดูตัวอย่างต่อไปนี้

ตัวอย่าง 1 I don’t want to go to that concert. Beside, I don’t have any tickets too. (ฉันไม่อยากไปคอนเสิร์ตนั้น นอกจากนี้ฉันไม่มีตั๋วด้วย)

ตัวอย่าง 2 The car is parked besides the red column. (รถจอดอยู่ข้างเสาสีแดง)

ในกรณีนี้ ผู้เรียนสับสนคำสองคำที่ดูเหมือนจะคล้ายกันนี้ อย่างไรก็ตาม ในขณะที่ “beside” ใช้เป็นคำเชื่อมกับความหมาย “นอกจากนี้ เติมต่อ” (เทียบเท่ากับ In addition) ส่วนอีกคำ “beside” ใช้เป็นคำบุพบทที่มีความหมาย “นอกจากนั้น” (เทียบเท่ากับ “next to”)

เพื่อหลีกเลี่ยงสถานการณ์นี้ ผู้เรียนจะต้องใส่ใจกับการเพิ่มหรือลบ ‘s’ ขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ของการใช้ นอกจากนี้ ผู้อ่านยังสามารถใช้คำพ้องความหมายที่เทียบเท่ากัน (In addition, next to) เพื่อแทนที่และหลีกเลี่ยงความสับสน 

สองตัวอย่างข้างต้นสามารถแก้ไขได้ดังนี้

ตัวอย่าง 1

I don’t want to go to that concert. In addition, I don’t have any tickets too. (ฉันไม่อยากไปคอนเสิร์ตนั้น และอีกอย่าง ฉันไม่มีตั๋ว)

ตัวอย่าง  2

The car is parked next to the red column. (รถยนต์สามารถจอดอยู่ข้างเสาสีแดงได้)

ใช้ ‘next’

ข้อผิดพลาดในการใช้คำบุพบทประเภทนี้มักปรากฏในบทความ โดยเฉพาะดังต่อไปนี้

ตัวอย่าง Firstly, olives are picked from the trees. Next one, they are packed into separate boxes. (ขั้นแรกให้เก็บมะกอกจากต้น ต่อไปจะบรรจุลงกล่องแยกกัน)

ข้อผิดพลาดนี้ มาจากการแปลแต่ละคำตามตัวอักษรจากภาษาไทยเป็นภาษาอังกฤษ เมื่อเขียนประโยค ทำให้ผู้สมัครคิดผิดเกี่ยวกับการใช้คำนั้น โดยปกติแล้ว ผู้สอบจะต้องใช้ “next” ที่จุดเริ่มต้นของประโยคที่มีความหมาย “next” เท่านั้น และใส่ลูกน้ำตามหลังโดยไม่มีคำประกอบเพิ่มเติม

จึงได้แก้ไขตัวอย่างดังนี้

ตัวอย่าง Firstly, olives are picked from the trees. Next, they are packed into separate boxes.

ใช้ ‘Therefore’

ตัวอย่าง Due to the development of modern technology with lots of benefits such as reading book, chatting with friends on smartphones. Therefore, many parents spend their free time on mobile phones rather than talk with their children. (เนื่องจากการพัฒนาเทคโนโลยีสมัยใหม่มีประโยชน์มากมาย เช่น การอ่านหนังสือและการพูดคุยกับเพื่อนทางโทรศัพท์ ดังนั้น ผู้ปกครองหลายคนจึงใช้เวลาว่างไปกับการใช้โทรศัพท์แทนที่จะอยู่กับลูก).

นี่เป็นประโยคที่คัดลอกมาจากบทความที่เขียน โดยนักเรียนที่มีระดับ IELTS 5.5 อย่างไรก็ตาม เมื่อแปลประโยค คุณจะเห็นข้อผิดพลาดทางไวยากรณ์ และการใช้คำและคำสันธานที่ไม่เหมาะสม ซึ่งนำไปสู่ความหมายที่ไม่เป็นธรรมชาติของประโยค นอกจากนี้ การนำเสนอประโยคที่กระจัดกระจายอาจทำให้แนวคิด และวัตถุประสงค์ของประโยคแสดงออกมาได้ไม่ชัดเจน ทำให้ผู้อ่านเข้าใจแนวคิดของผู้เขียนได้ยาก

ในกรณีนี้ “due to” ถูกใช้เป็นตัวประสานร่วมในประโยคที่ซับซ้อน ซึ่งหมายความว่าจำเป็นต้องมีประโยคหลักที่มีความหมายผลลัพธ์เพื่อชี้แจงประโยค นอกจากนี้ ควรใช้ “therefore” เมื่อเชื่อมโยงประโยคสาเหตุกับเอฟเฟกต์ที่ปรากฏขึ้นหลังจากนั้น

จึงได้แก้ไขตัวอย่างดังนี้

ตัวอย่าง Thanks to the development of modern technology, parents can do a lot of things with their phones such as reading book or chatting with friends. Therefore, many of them spend their free time on mobile phones rather than talk with their children. (ด้วยการพัฒนาเทคโนโลยีสมัยใหม่ ผู้ปกครองจึงสามารถทำสิ่งต่างๆ มากมายด้วยโทรศัพท์ เช่น อ่านหนังสือหรือพูดคุยกับเพื่อน ดังนั้นพวกเขาหลายคนจึงใช้เวลาว่างโดยใช้โทรศัพท์แทนที่จะคุยกับลูก).

จะเห็นได้ว่าในตัวอย่างข้างต้น คำว่า “due to” ถูกแปลงเป็น “thanks to” โดยมีความหมายหมายถึงพัฒนาการเชิงบวกที่เป็นประโยชน์ต่อมนุษย์ ประโยคต่อไป (parents can do a lot of things with their phones such as reading book or chatting with friends) แยกออกเป็นประโยคอิสระตามด้วยลูกน้ำ ทำให้ประโยคมีความหมายสมบูรณ์ ใช้ “therefore” (เพราะฉะนั้น) เพื่ออ้างถึงความสัมพันธ์ที่เกิดขึ้น: พ่อแม่ใช้เวลากับโทรศัพท์มากเกินไปโดยใช้อุปกรณ์ต่างๆ แทนที่จะคุยกับลูกๆ 

ข้อผิดพลาดทั่วไปเมื่อใช้ Transition words examples

แบบฝึกหัด transition words พร้อมเฉลย

1. _____________ you study harder, you won’t win the scholarship.

A. Unless

B. Because

C. If

D. In order that

2. The countryside air is fresh,________________, it’s not polluted.

A. However

B. Whenever

C. Moreover

D. Beside

3. Our teacher explained the lesson slowly ______________ we might understand him.

A. and

B. so that

C. if not

D. or

4. __________ he goes to the theatre with me, I shall go alone.

A. Because of

B. Because

C. Unless

D. When

5. His mother was sick._________________, Jane had to stay at home to look after her.

A. But

B. However

C. So

D. Therefore

6. They asked me to wait for them; ____________, he didn’t turn back.

A. but

B. however

C. so

D. therefore

7. __________ the darkness in the room, we couldn’t continue our studying.

A. Because of

B. Since

C. Although

D. In spite of

8. _____________ he knew the danger of smoking, he couldn’t give it up.

A. Since

B. Though

C. Because of

D. Despite

9. It was already 6p.m, ______________ we closed our office and went home.

A. therefore

B. but

C. however

D. so

10. _________________ he had to take her mother to the hospital, he still attened our party yesterday.

A. Because

B. In spite of

C. Because of

D. Although

เฉลย

ข้อที่12345
เฉลยACBCD
ข้อที่678910
เฉลยBABDD

ข้างต้นคือวิธีใช้ Transition words ประเภททั่วไป และแบบฝึกหัดพร้อมคำตอบโดยละเอียด เพื่อให้ผู้อ่านได้ฝึกฝนทุกวัน หวังว่าด้วยบทความนี้ของ ELSA Speak จะช่วยให้คุณรวบรวมความรู้อย่างเร็วที่สุด ดูตอนนี้เลย

>>> Read more:

Whom เป็นคำสรรพนามทั่วไปในภาษาอังกฤษ ใช้เชื่อมประโยคสองประโยคที่เกี่ยวข้องเข้าด้วยกัน แล้ว whom ใช้ยังไง? Who whom whose ต่างกันยังไง? มาค้นหาคำตอบกับกับ ELSA Speak กันตอนนี้เลย

Whom คืออะไร?

Whom หมายถึง ของใคร (ระบุบุคคลที่ทำหน้าที่เป็นกรรมของประโยค)

Whom ตัวอย่างประโยค :

วิเคราะห์: Whom ทำหน้าที่เป็นกรรมและเพิ่มข้อมูลเพิ่มเติมให้กับคำนาม “the teacher”

วิเคราะห์: “Whom” ทำหน้าที่เป็นกรรมของกริยา “were speaking” แทนที่คำนาม “the man” ที่อยู่ข้างหน้า

Whom คืออะไร?

Whom ใช้ยังไง?

Whom ใช้ในคำสรรพนามที่ใช้เชื่อมความ (Relative pronoun)

Whom เป็นคำสรรพนามที่ใช้แทนประธานที่อยู่ข้างหน้าโดยไม่เปลี่ยนความหมายของประโยค 

โครงสร้าง:

… N (ระบุบุคคล) + whom + S + V

Whom ใช้ใน 2 กรณี:

Whom ใช้เพื่อแทนที่กรรมที่ระบุบุคคลหรือสัตว์เลี้ยง

ตัวอย่าง:

-> I have a friend whom I’ve known since kindergarten. (ฉันมีเพื่อนที่รู้จักมาตั้งแต่อนุบาล) 

-> Whom แทนที่กรรมที่ระบุบุคคลคือ a friend.

-> The doctor whom I saw recommended a specialist. (แพทย์ที่ฉันพบได้แนะนำแพทย์ผู้เชี่ยวชาญให้กับฉัน)

-> Whom แทนที่กรรมที่ระบุบุคคลคือ the doctor/he.

ELSA Pro ไม่จำกัด

14,895 บาท -> 2,944 บาท

ELSA Premium 1 ปี

8,497 บาท -> 4,668บาท

Whom ใช้เป็นส่วนเสริมของคำบุพบท คำบุพบทอยู่หน้า whom

ตัวอย่าง:

-> He is a kind-hearted person with whom I enjoy spending time. (เขาเป็นคนใจดีที่ฉันชอบใช้เวลาด้วย)

-> Whom ทำหน้าที่เป็นส่วนเสริมของคำบุพบทของอนุประโยค “with whom I enjoy spending time”.

-> I have a friend with whom I share many interests. (ฉันมีเพื่อนคนหนึ่งซึ่งมีความสนใจร่วมกันหลายอย่าง)

-> Whom ทำหน้าที่เป็นส่วนเสริมของคำบุพบทของอนุประโยค “ with whom I share many interests”.

whom ใช้ยังไง

>>> Read more: Relative Clause คือ? โครงสร้าง หลักการใช้งาน ตัวอย่าง และแบบฝึกหัด

Whom ใช้ในคำถาม

ในคำถาม Whom ทำหน้าที่เป็นกรรม มักใช้แทนคำนามหรือวลีนามที่ได้รับอิทธิพลจากคำกริยาก่อนหน้านั้น

Who Whom Whose ต่างกันอย่างไร?

ความแตกต่างWhoWhomWhose
วิธีการใช้ใช้แทนที่บุคคลที่ทำหน้าที่เป็นประธานอยู่ข้างหน้า นอกจากนี้ Who ยังสามารถใช้เพื่ออ้างถึงสัตว์ การแสดงความรักและความใกล้ชิดได้ใช้แทนที่บุคคล หรือ สัตว์ที่ทำหน้าที่เป็นกรรมใช้แทนที่คำคุณศัพท์ที่ระบุความเป็นเจ้าของของประธานในประโยค อยู่ข้างหน้า Whose เป็นคำนามที่หมายถึงบุคคล
หน้าที่ประธานกรรมระบุความเป็นเจ้าของ
โครงสร้าง… N (ระบุบุคคล) + who + V + O… N (ระบุบุคคล) + whom + S + V… N (ระบุบุคคลหรือสัตว์) + whose + N + V/S + V + O
ข้อควรสังเกตหลัง Who เป็นกิริยา (verb)ในภาษาพูด บางกรณี Who หรือ That สามารถแทนที่ Whomได้ นอกจากนี้เรายังสามารถละเว้น Whom ในบางประโยคได้อีกด้วยหลัง “Whose” ห้ามใช้คำนำหน้าคำนาม
ตัวอย่าง• Santa Claus was the one, Santa Claus gave this present to you.
-> Santa Claus was the one who gave this present to you. (ซานตาคลอสเป็นคนมอบของขวัญชิ้นนี้ให้ฉัน)
• วิเคราะห์: คำสรรพนามที่ใช้เชื่อมความ who แทนที่คำ “Santa Claus”.
• วัตถุประสงค์คือช่วยลดคำซ้ำและทำให้ประโยคกระชับยิ่งขึ้น
• The person talking to our teacher, the person is the headmaster.
-> The person whom is talking to our teacher is the headmaster. (คนที่คุยกับครูของเราคืออาจารย์ใหญ่)
• วิเคราะห์:คำสรรพนามที่ใช้เชื่อมความ whom แทนที่คำ “the person”
• วัตถุประสงค์คือการเชื่อมโยงประโยค
• Sarah’s dog went missing, she is crying in the yard.
-> Sarah, whose dog went missing, is crying in the yard.
(ซาราห์ซึ่งมีสุนัขหลงทางกำลังร้องไห้อยู่ที่สนามหญ้า)
• วิเคราะห์: “Whose” ทำหน้าที่เป็นคำคุณศัพท์แสดงความเป็นเจ้าของสำหรับคำนาม “dog” จะขยายคำนามว่า “dog” และบ่งบอกถึงความ
• สัมพันธ์แบบเป็นเจ้าของระหว่างซาราห์กับสุนัขของเธอ
Who Whom Whose ต่างกันอย่างไร?

>>> Read more: 

แบบฝึกหัดแบ่งประเภท Who Whom Whose

แบบฝึกหัด

แบบฝึกหัดที่ 1: เติม Who หรือ Whom ลงในช่องว่างให้เหมาะสม

1. He is the professor with …… I’m conducting research.

2. She is a lawyer …… I trust to handle my legal affairs.

3. She is someone ……. always goes above and beyond to help others.

4. The team captain,…… I look up to, always leads by example.

5. The doctor …… treated me was very knowledgeable and caring.

6. The artist ……. paintings are displayed in the museum is very talented.

7. ……. is responsible for organizing the event?

8. The family ……. house was built in the 19th century lives next door.

9. I met a woman yesterday …….dog was lost in the park.

10. The singer ……. voice captivated the audience will perform again next week.

แบบฝึกหัดที่ 2: เขียนประโยคใหม่โดยใช้คำสรรพนามที่ใช้เชื่อมความต่อไปนี้

1. The doctor treated my mother. He was very caring.

→ .…………………………………………………………

2. She is a talented musician. I admire her greatly.

→ .…………………………………………………………

3. The man is a talented musician. He won the music competition.

→ .…………………………………………………………

4. The person is my best friend. He is standing by the door.

→ .…………………………………………………………

5. The lawyer is a respected professional. I have entrusted my case to her.

→ …………………………………………………………

แบบฝึกหัดที่ 3: เติมคำสรรพนามที่เหมาะสมในประโยคด้านล่าง

1. I talked to the boy ……..car had broken down in front of the school

2. Lam, ……….is a taxi driver, lives on the corner.

3. I live in a house in Ha Noi,……….is in Vietnam.

4. This is the girl………….comes from China.

5. That’s John, the boy…………..has just arrived at the airport.

6. Thank you very much for his email,………….was very interesting.

7. The woman,……………mother is a professor, forgot her umbrella.

8. The children ………….shouted in the street are not from our school.

9. The car,………….driver is an old man, is from Ireland.

10. What did you do with the money …………your father lent you?

คำตอบ

แบบฝึกหัดที่ 1: 

1. whom2. whom3. who4. whom5. who
6. whose7. who8. whose9. whose10. whose

แบบฝึกหัดที่ 2: 

1. The doctor who treated my mother was very caring.

2. She is a talented musician whom I admire greatly.

3. The man who won the music competition is a talented musician.

4. The person who is standing by the door is my best friend. 

5. The lawyer whom I have entrusted my case to is a respected professional.

แบบฝึกหัดที่ 3: 

1. whose2. who3. which4. who5. which
6. which7. whose8. who9. whose10. which

ข้างต้นเป็นความรู้ทั้งหมดเกี่ยวกับ whom และตอบได้คำถาม “whom ใช้ยังไง” หวังว่าการแบ่งปันข้างต้นจะช่วยให้คุณแบ่งประเภทคำสรรพนามที่ใช้เชื่อมความ who whom whose ได้อย่างง่ายดาย นอกจากนี้อย่าลืมเข้า ELSA Speak เป็นประจำเพื่ออัปเดตความรู้เกี่ยวกับไวยากรณ์ภาษาอังกฤษในทุกๆวันนะ

ในภาษาอังกฤษคุณมักจะเจอคำที่มีการออกเสียงเหมือนกันแต่มีความหมายต่างกัน ซึ่งนั่นก็คือคำพ้องเสียง (Homophone) งั้น Homophone คืออะไร แยกแยะระหว่าง Homonym Homophone และ Homograph ได้อย่างไร มาดูรายละเอียดกันกับ ELSA Speak ด้านล่างนี้เลย

Homophone คืออะไร? ความสําคัญของ homophone ในภาษาอังกฤษ

นิยาม 

Homophone มาจากคำภาษากรีกว่า homos (แปลว่า เหมือนกัน) และ phone (แปลว่า เสียง) คำพ้องเสียงเป็นคำที่ฟังดูเหมือนกันแต่มีความหมายต่างกันสิ้นเชิง

ตัวอย่าง :

homophone คืออะไร

ความสําคัญของ homophone ในภาษาอังกฤษ

Homophone มีผลอย่างมากในแง่ของการเพิ่มคุณค่าและการกระจายกระบวนการในการสื่อสารและการส่งข้อมูล โดยเฉพาะการใช้คำพ้องเสียงในภาษาอังกฤษจะช่วยให้คุณสร้างเอฟเฟกต์ที่น่าสนใจ สร้างอารมณ์ขัน และลดความเครียดระหว่างการสื่อสารได้

Homophone ตัวอย่างประโยค :

แยกแยะ types of homophones (Homonym Homophone และ Homograph) อย่างละเอียด

เมื่อพูดถึงคำที่มีการออกเสียงคล้ายกัน หลายคนมักจะสับสนระหว่างนิยามทั้งสามข้างต้นนี้ ได้แก่ homophone homonym และ homograph อย่างไรก็ตาม นิยามเหล่านี้แตกต่างกัน 

มาดูวิธีแยกแยะอย่างละเอียดกับ ELSA Speak ผ่านตารางด้านล่างกันเลย

ปัจจัยที่แตกต่างHomonymHomophoneHomograph
การเขียนเหมือนกันเหมือน หรือ ต่างกันเหมือนกัน
ความหมายของคําต่างกันต่างกันต่างกัน
การออกเสียงเหมือนกันเหมือนกันต่างกัน
Types of homophones แยกแยะ Homonym Homophone และ Homograph

>>> Read more:

รวมคําศัพท์ Homophone (100 homophones) ที่พบบ่อยที่สุด

คำพ้องเสียง 1คำพ้องเสียง 2การออกเสียงตัวอย่าง
For: ให้Four: 4/fɔːr/I bought four apples for you. (ฉันซื้อแอปเปิ้ล 4 ลูกมาให้คุณ)
Ate: กินแล้วEight: 8/eɪt/I ate breakfast at eight a.m. (ฉันกินข้าวเช้าตอน 8 โมงเช้า)
Knight: อัศวินNight: คืน/naɪt/My brave knight came at night. (อัศวินผู้กล้าหาญของฉันมาในเวลากลางคืน)
Flour: แป้งFlower: ดอกไม้/ˈflaʊər/I bought flour and some flowers. (ฉันซื้อแป้งและดอกไม้)
Our: ของเราHour: ชั่วโมง/ˈaʊər/Our goal is to finish this task in 1 hour. (เป้าหมายของเราคือทำงานนี้ให้เสร็จภายใน 1 ชั่วโมง)
Pair: คู่Pear: สาลี่/peə(r)/She gave me a pair of pears. (เธอให้สาลี่คู่หนึ่งแก่ฉัน)
Hear: ได้ยันHere: ที่นี่/hɪə(r)/I can hear you from here. (ฉันได้ยินคุณจากที่นี่)
To: ถึง/ยังอยากToo: ด้วย/tuː/I would like to buy item number two, too. (ฉันก็อยากซื้อสินค้าอันที่สองด้วย)
Son: ลูกชายSun: พระอาทิตย์/sʌn/My son is playing under the sun. (ลูกชายของฉันกำลังเล่นอยู่ใต้แสงพระอาทิตย์) 
Meat: เนื้อMeet: พบ/miːt/We will meet to eat meat. (เราจะพบกันเพื่อไปกินเนื้อ)
Right: ขวา/ใช่Write: เขียน/raɪt/Please write your name on the right corner of the form. (กรุณาเขียนชื่อของคุณที่มุมขวาของแบบฟอร์ม)
Sea: ทะเลSee: เห็น/siː/I can see the sea from my house. (ฉันสามารถมองเห็นทะเลจากบ้านของฉัน)
Buy: ซื้อBy: โดย/ด้านข้าง /baɪ/We buy some food by the train station. (เราซื้ออาหารข้างสถานีรถไฟ)
Sail: การเดินทางโดยเรือSale: ขาย/seɪl/There is a sail on sale. (การเดินทางโดยเรือกําลังลดราคา)
Lessen: ลดน้อยลงLesson: บทเรียน/ˈlesn/Her lesson is to lessen her needs. (บทเรียนของเธอคือการลดความต้องการของเธอลง)
Misses: ลื่น/พลาด Mrs: นาง/ˈmɪsɪz/Mrs.Katie misses her chance. (เคธี่พลาดโอกาสของนางเอง)
Root: ราก/เชียร์Route: เส้นทาง/ruːt/That route is blocked by the big root of the tree. (เส้นทางนั้นถูกรากไม้ใหญ่ขวางไว้)
Close: ปิดClothes: เสื้อผ้า/kləʊz/I put my clothes into the cabinet and closed the doors. (ฉันใส่เสื้อผ้าลงในตู้แล้วปิดประตู) 
Stair: บันไดStare: จ้อง/steə(r)/We stare at the stairs and decide not to go up. (เราจ้องมองที่บันไดแล้วตัดสินใจว่าจะไม่ขึ้น)
Weather: สภาพอากาศWhether: ไม่ว่า/ˈweðər/I’m not sure whether we should go hiking tomorrow because the weather forecast predicts rain. (ไม่รู้ว่าพรุ่งนี้จะไปเดินป่าดีไหม เพราะพยากรณ์อากาศทำนายว่าฝนจะตก)
Bear: หมีBare: กล้า/beə(r)/The bear approached the campsite, and I couldn’t bare to watch what might happen next. (เจ้าหมีเข้าใกล้ที่ตั้งแคมป์และฉันก็ไม่กล้าดูว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป)
Principal: ครูใหญ่Principle: หลักการ/ˈprɪnsəpl/The principal emphasized the principle of honesty during the school assembly. (ครูใหญ่เน้นย้ำถึงหลักความซื่อสัตย์ในระหว่างการประชุมโรงเรียน)
Brake: เบรคBreak: ทำให้แตก/ทำลาย/breɪk/He had to brake suddenly to avoid the obstacle, fearing he might break the car. (เขาต้องเบรกกระทันหันเพื่อหลีกเลี่ยงสิ่งกีดขวางเพราะกลัวว่ารถจะพัง)
Mail: จดหมายMale: ผู้ชาย/meɪl/She received a mail from a male colleague regarding the project. (เธอได้รับจดหมายจากเพื่อนร่วมงานชายคนหนึ่งเกี่ยวกับโครงการนี้)
Cell: เซลล์Sell: ขาย/sel/The scientist discovered a new type of cell, but joked that he wouldn’t sell his discovery. (นักวิทยาศาสตร์ค้นพบเซลล์ชนิดใหม่แต่พูดติดตลกว่าเขาจะไม่ขายการค้นพบของเขา)
Dear: ที่รักDeer: กวาง/dɪə(r)/My dear friend, we saw a beautiful deer in the forest today. (เพื่อนรัก วันนี้เราเห็นกวางแสนสวยอยู่ในป่า)
Eye: ตาI: ฉัน/aɪ/I have something in my eye that I can’t seem to remove. (ฉันมีบางอย่างในดวงตาที่ไม่อาจลบออกได้)
Feet: เท้า (พหูพจน์ของ foot)Feat: ทักษะพิเศษ/fiːt/The mountain climber’s feat of reaching the summit on bare feet was incredible. (ทักษะพิเศษของนักปีนเขาที่จะไปถึงยอดเขาด้วยเท้าเปล่านั้นช่างเหลือเชื่อ)
Aloud: ดังAllowed: อนุญาต/əˈlaʊd/She read the book aloud to the class, which the teacher allowed. (เธออ่านหนังสือเสียงดังให้ชั้นเรียนฟัง ซึ่งครูอนุญาต)
Wear: สวมใส่Where: อยู่ที่ไหน/weə(r)/I don’t know what to wear to the party or where it will be held. (ไม่รู้ว่าจะใส่ชุดอะไรไปงานปาร์ตี้หรือมันจัดที่ไหน)
Sight: การมองเห็นSite: สถาน/saɪt/The sight of the ancient ruins at the archaeological site was breathtaking. (การมองเห็นซากปรักหักพังโบราณที่แหล่งโบราณคดีนั้นน่าทึ่งมาก)
Know: รู้No: ไม่/nəʊ/I know the answer, but no one asked me. (ฉันรู้คำตอบแต่ไม่มีใครถามฉัน)
Fairy: นางฟ้าFerry: เรือข้ามฟาก/ˈferi/The children listened to a story about a fairy while they waited for the ferry. (เด็กๆ ฟังนิทานเกี่ยวกับนางฟ้าระหว่างรอเรือข้ามฟาก)
Dew: น้ำค้างDue: ถึงกําหนด/djuː/The grass was covered in morning dew, and the assignment was due today. (หญ้าปกคลุมไปด้วยน้ำค้างยามเช้า และงานมอบหมายก็ครบกำหนดในวันนี้)
Check: ตรวจCheque: เช็ค/tʃek/Please check the amount on the cheque before you deposit it. (กรุณาตรวจสอบจำนวนเงินในเช็คก่อนที่จะฝาก)
Board: กระดานBored: เบื่อ/bɔːd/The students were bored during the lecture because the board was full of complicated equations. (ระหว่างบรรยายนักเรียนรู้สึกเบื่อเพราะกระดานเต็มไปด้วยสมการที่ซับซ้อน)
Billed: เรียกเก็บเงินแล้วBuild: ก่อสร้าง/bɪld/The construction company billed the client for the materials used to build the new house. (บริษัทรับเหมาก่อสร้างเรียกเก็บเงินลูกค้าสำหรับค่าวัสดุที่ใช้สร้างบ้านหลังใหม่)
Band: วงดนตรีBanned: ห้าม/band/The government banned the rock band from performing in public due to their controversial lyrics. (รัฐบาลสั่งห้ามไม่ให้วงดนตรีร็อคแสดงในที่สาธารณะเนื่องจากเนื้อเพลงของพวกเขาก่อให้เกิดความขัดแย้ง)
Floor: พื้นFlaw: ข้อบกพร่อง/ตำหนิ/flɔː/They discovered a flaw in the design of the top floor of the building. (พวกเขาค้นพบข้อบกพร่องในการออกแบบพื้นบนสุดของอาคาร)
Weight: หนัก/นํ้าหนักWait: รอคอย/weɪt/She couldn’t wait to see how much weight she had lost after months of dieting. (เธอแทบรอไม่ไหวที่จะเห็นว่าน้ำหนักของเธอลดลงไปเท่าไรหลังจากอดอาหารมาหลายเดือน)
Cent: เซนต์Scent: กลิ่น/sent/The perfume cost only a few cents, but its scent was exquisite. (น้ำหอมมีราคาเพียงไม่กี่เซนต์ แต่กลิ่นหอมนั้นช่างงดงาม)
Cereal: ซีเรียลSerial: ซีรีย์/ˈsɪəriəl/He enjoys eating cereal while watching his favorite serial on TV. (เขาชอบกินซีเรียลขณะดูซีรีย์เรื่องโปรดในทีวี)
Nun: แม่ชีNone: ไม่มี/nʌn/None of the nuns were available to attend the meeting this afternoon. (ช่วงบ่ายวันนี้ไม่มีแม่ชีคนใดเข้าร่วมการประชุม)
Scene: ฉากSeen: เห็น (past participle ของ see)/siːn/The beautiful scene they had seen in the movie stayed with them long after they left the theater. (ฉากที่สวยงามที่พวกเขาได้เห็นในภาพยนตร์อยู่กับพวกเขาเป็นเวลานานหลังจากที่พวกเขาออกจากโรงหนัง)
Sum: ผลรวม/จํานวนทั้งหมดSome: บาง/sʌm/She gave me some money, but it was not enough to cover the sum needed for the repairs. (เธอให้เงินฉันบางส่วนแต่ก็ไม่เพียงพอที่จะครอบคลุมจํานวนเงินทั้งหมดที่จําเป็นสำหรับการซ่อมแซม)
Cord: สายChord: คอร์ด/kɔːd/He played a beautiful chord on his guitar using a thin cord for the strings. (เขาเล่นคอร์ดกีตาร์ที่สวยงามโดยใช้สายเส้นเล็กสำหรับสาย)
Caste: วรรณะCast: หล่อ/โยน/รายชื่อผู้แสดง /kɑːst/The movie had a diverse cast of actors representing different social castes. (ภาพยนตร์เรื่องนี้มีนักแสดงที่หลากหลายซึ่งเป็นตัวแทนของวรรณะทางสังคมที่แตกต่างกัน)
Few: น้อย ไม่มากPhew: ว้า (คำอุทานแสดงความรังเกียจหรือประหลาดใจ)fjuː/After climbing the steep hill, they were relieved to find a few shady trees to rest under. Phew! (หลังจากปีนขึ้นไปบนเนินเขาสูงชันแล้ว พวกเขาก็โล่งใจที่พบต้นไม้ร่มรื่นสองสามต้นให้พักพิง ว้า)
Coin: เหรียญCoign: มุมในบ้าน/kɔɪn/He found an old coin in the coign of the room, hidden beneath the floorboards. (เขาพบเหรียญเก่าอยู่ในมุมของห้อง ซ่อนอยู่ใต้พื้นกระดาน)
Clime: ถิ่นClimb: ปีน/klaɪm/In their quest to climb the mountain, they experienced different climes, from lush forests to snowy peaks. (ในภารกิจการปีนภูเขา พวกเขาได้สัมผัสกับถิ่นที่แตกต่างกัน ตั้งแต่ป่าเขียวชอุ่มไปจนถึงยอดเขาที่เต็มไปด้วยหิมะ)
Blue: สีนํ้าเงินBlew: พัด (past tense ของ blow)/bluː/The wind blew so strongly that it made the blue curtains flutter in the breeze. (ลมพัดแรงมากจนทำให้ม่านสีน้ำเงินปลิวไปตามสายลม)
Earn: เก็บ(เงิน)/หาได้Urn: โกศ/ɜːn/She worked hard to earn enough money to buy a beautiful urn for her grandmother’s ashes. (เธอทำงานอย่างหนักเพื่อหาเงินให้ได้มากพอที่จะซื้อโกศอันสวยงามสำหรับขี้เถ้าของคุณยายของเธอ)
Bawl: ตะโกน/ร้องเสียงดังBall: ลูกบอล/bɔːl/The children were playing with a ball while their baby brother continued to bawl loudly. (เด็กๆ กำลังเล่นลูกบอลในขณะที่น้องชายยังคงตะโกนเสียงดังต่อไป)
Compliment: คําชมเชยComplement: เสริม/ˈkɒmplɪment/She received a lovely compliment on her cooking, which was a perfect complement to the delicious meal. (เธอได้รับคำชมที่น่ารักในการทำอาหาร ซึ่งเป็นส่วนเสริมที่เหมาะกับมื้ออาหารมื้ออร่อยนี้)
Berth: ที่นอนในยานพาหนะBirth: วันเกิด/การกําเนิด/bɜːθ/The cruise ship offered a comfortable berth for each passenger, while celebrating the birth of a new era in luxury travel. (เรือสำราญเสนอที่นอนที่สะดวกสบายสำหรับผู้โดยสารแต่ละคน ขณะเดียวกันก็เฉลิมฉลองการกำเนิดของยุคใหม่แห่งการเดินทางอันหรูหรา)
Creak: เสียงดังเอี๊ยดCreek: ลำธาร/ลําคลอง/อ่าวเล็ก ๆ/kriːk/They heard the old door creak as they walked along the creek in the narrow valley. (พวกเขาได้ยินเสียงประตูเก่าดังเอี๊ยดขณะเดินไปตามลำธารในหุบเขาแคบ ๆ)
Boy: เด็กผู้ชาย/หนุ่มBuoy: ทุ่น/bɔɪ/The boy noticed a buoy floating in the water while he played on the beach. (เด็กชายสังเกตเห็นทุ่นลอยอยู่ในน้ำขณะที่เขาเล่นบนชายหาด)
Cousin: ลูกพี่ลูกน้องCozen: โกง/หลอกหลวง/ˈkʌzn/Her cousin warned her not to trust the smooth-talking stranger who tried to cozen her out of her money. (ลูกพี่ลูกน้องของเธอเตือนเธอว่าอย่าไว้ใจคนแปลกหน้าที่พูดจาไพเราะซึ่งพยายามโกงเงินเธอ)
Curb: ขอบถนนKerb: ข้างถนน/kɜːb/They painted the curb yellow to remind drivers not to park on the kerb. (พวกเขาทาขอบถนนเป็นสีเหลืองเพื่อเตือนผู้ขับขี่ไม่ให้จอดรถบนถนน)
homophone คําศัพท์

>>> Read more:

แบบฝึกหัดเกี่ยวกับ Homophone คําศัพท์

แบบฝึกหัด: จงระบุคำด้านล่างว่าเป็น Homonyms, Homophones หรือ Homographs:

1. I can’t bear with the fact that the polar bear is going to extinct in this century!

2. They’re going to the zoo with their parents.

3. Can you hear that sound? – They are coming from over here!

4. I sit and wait for him at the river bank. He went to the bank to get a loan.

5. What is the date today? I am going on a date this weekend.

6. The shirt is so worn out. I warn him about the risks.

7. They wave back at us. The heat wave in London is crazy!

8. The wound is getting bad. He wound up hurting himself.

9. My mom accepts everyone on the dinner table except my brother.

10. The changes are minute. I came to the office one minute late.

เฉลย

1. Homonym2. Homophone3. Homophone4. Homonym5. Homonym
6. Homophone7. Homonym8. Homograph9. Homophone10. Homograph

บทความข้างต้นเป็นความรู้เกี่ยวกับคำพ้องเสียง  (Homophone) ซึ่งแยกความแตกต่างระหว่าง Homonym Homophone Homograph และวิธีการออกเสียงคำพ้องเสียง (How to pronounce homophone) เพื่อคุณสามารถประยุกต์ใช้ในชีวิตประจําวัน หวังว่าการแบ่งปันข้างต้นจะช่วยให้คุณเข้าใจคำพ้องเสียงเหล่านี้ได้ดีขึ้น นอกจากนี้ อย่าลืมแวะมาที่ ELSA Speak เป็นประจำเพื่ออัปเดทความรู้ด้านไวยากรณ์และคำศัพท์ภาษาอังกฤษใหม่ ๆ ได้ทุกวันนะ

โครงสร้าง While When เป็นคำเชื่อมสองคำที่ใช้เพื่ออธิบายความสัมพันธ์ของเวลาพบบ่อยในภาษาอังกฤษ แล้ว While ใช้อย่างไรบ้าง? เมื่อใดใช้ When? While การใช้อย่างไร? มาเรียนรู้รายละเอียดกับ ELSA Speak กันเถอะ!

โครงสร้างและการใช้คำเชื่อม While ในภาษาอังกฤษ

โครงสร้าง While คืออะไร?

โครงสร้าง While ถูกใช้ในประโยคจะมีความหมายว่า “ในขณะที่” เมื่อมีเหตุการณ์สองอย่างเกิดขึ้นพร้อมกัน

ตัวอย่าง:

while ตัวอย่างประโยค

While การใช้ในภาษาอังกฤษ

ตำแหน่งการใช้งานโครงสร้างWhile ตัวอย่างประโยค
การใช้ while ขึ้นต้นประโยคใช้เพื่อบรรยายการกระทำสองอย่างที่เกิดขึ้นในเวลาเดียวกัน (ต่อเนื่องในช่วงเวลาหนึ่ง)While + S + Present Continuous, S + Present ContinuousWhile he is dancing, she is reading the newspaper. (ในขณะที่เขากำลังเต้นรำ เธอกำลังอ่านหนังสือพิมพ์)
• My mother is cooking while my father is watching TV. (แม่ของฉันกำลังทำอาหาร ในขณะที่พ่อของฉันกำลังดูทีวี)
การใช้ while ขึ้นต้นประโยค/กลางประโยคใช้เมื่อพูดถึงการกระทำที่กำลังเกิดขึ้น และมีการกระทำอื่นแทรกเข้ามาS + Past Continuous, While + S + Past Simple• She fell off while I was studying at school. (เธอล้มลงในขณะที่ฉันกำลังเรียนที่โรงเรียน)
• Jack came across Lia while she was going shopping. (แจ็คบังเอิญเจอลีอาในขณะที่เธอกำลังไปช้อปปิ้ง)
การใช้ while กลางประโยคWhile จะถูกใช้ในความหมายที่ตรงข้ามS + V + while + S + V• He is very extroverted and self-assured while his sister is shy and quiet. (เขาเป็นคนที่เปิดเผยและมั่นใจ ในขณะที่น้องสาวของเขาขี้อายและพูดน้อย)
• John is quiet while his sister is talkative. (จอห์นเป็นคนพูดน้อย ในขณะที่น้องสาวของเขาช่างพูด)
หลัง whileไม่มีประธานหรือกริยาไม่มีคำกริยา: When (+ prep) + Noun (location), S + V.
ไม่มีประธาน: While + V_ing, S + V.
ไม่มีคำกริยา: Go to the park and you’ll see the lake. When there, you can ask people how to rent bikes. (ไปที่สวนสาธารณะแล้วคุณจะเห็นทะเลสาบ เมื่อไปถึงที่นั่น คุณสามารถถามคนอื่นว่าทำอย่างไรถึงจะเช่าจักรยานได้)
ไม่มีประธาน: While working, she loves to listen to Lofi. (ในขณะที่ทำงาน เธอชอบฟังเพลง Lofi)
while ใช้กับ tense อะไร

วลีพิเศษที่มี While

ด้านล่างนี้เป็นตัวอย่างวลีบางวลีในภาษาอังกฤษที่มี While!

วลีที่มี WhileความหมายWhile ตัวอย่างประโยค
Quite a whileเกิดขึ้นเป็นเวลานานแล้วIt has been quite a while since I last saw Jack. (มันผ่านมานานมากแล้วตั้งแต่ครั้งสุดท้ายที่ฉันเจอแจ็ค)
While awayฆ่าเวลาโดนการทำอะไรบางอย่างI whiled away the morning by talking with my best friends. (ฉันฆ่าเวลาตอนเช้าด้วยการคุยกับเพื่อนสนิทของฉัน)
Worth one’s whileคุ้มค่าที่จะทำIt would be worth your while reading this research about the environment because it is full of rare information. (มันคุ้มค่าที่จะอ่านงานวิจัยเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมนี้เพราะมีข้อมูลที่หายากเต็มไปหมด)
All the whileตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมาThere I was thinking you studied hard at school but you slept all the while. (ฉันคิดว่าคุณเรียนหนักที่โรงเรียนแต่จริงๆ แล้วช่วงเวลาที่ผ่านมาคุณนอนหลับตลอด)
While the cat’s away, the mice will playสามารถทำอะไรได้โดยไม่ต้องมีใครควบคุมI’d never leave my children at a place where they can be alone while I’m going on business. As they say, while the cat’s away, the mice will play. (ฉันไม่เคยทิ้งลูกๆ ไว้ในที่ที่พวกเขาสามารถอยู่คนเดียวได้ ในขณะที่ฉันก็มัวแต่ยุ่ง อย่างที่เขาว่ากันว่า แมวไม่อยู่หนูร่าเริง)
วลีพิเศษที่มี While

>>> Read more: Phrasal verbs คืออะไร? ครบชุด Phrasal verbs ที่พบบ่อยที่สุด 200 คำ

โครงสร้าง การใช้ When ในภาษาอังกฤษ

โครงสร้าง When คืออะไร?

โครงสร้าง When ถูกใช้เพื่อแสดงถึงเหตุการณ์ การกระทำ หรือสถานการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นในเวลาเดียวกัน เรามักจะใช้ when เชื่อมประโยค เหตุการณ์ หรือการกระทำที่เกิดขึ้นพร้อมกันหรือเกือบพร้อมกันในประโยคเดียวกัน

ตัวอย่าง:

>>> Read more:

ELSA Pro ไม่จำกัด

14,895 บาท -> 2,944 บาท

ELSA Premium 1 ปี

8,497 บาท -> 4,668บาท

โครงสร้าง การใช้ When ในภาษาอังกฤษ

การใช้โครงสร้างการใช้ Whenตัวอย่าง
บรรยายการกระทำหนึ่งที่แทรกเข้ามาในขณะที่อีกการกระทำหนึ่งกำลังเกิดขึ้นWhen + S + Verb (Past Simple), S + Verb (Past Continuous)He was walking back to the mall when he realized that he forgot his wallet at home. (เขากำลังเดินกลับไปที่ห้างเมื่อเขารู้ตัวว่าเขาลืมกระเป๋าเงินไว้ที่บ้าน)
บรรยายการกระทำสองอย่างที่เกิดขึ้นต่อเนื่องกันหรือพร้อมกันในอดีตWhen + S + Verb (Past Simple), S + Verb (Past Simple)When she received my text, she called me. (เมื่อเธอได้รับข้อความของฉัน เธอก็โทรหาฉัน)
บรรยายการกระทำหนึ่งที่เกิดขึ้นก่อนการกระทำอื่นในอดีตWhen + S + Verb (Past Simple), S + Verb (Past Perfect)When I arrived at the restaurant, I had forgotten my phone at home. (เมื่อฉันมาถึงร้านอาหาร ฉันก็พบว่าฉันลืมโทรศัพท์ไว้ที่บ้าน)

When while โครงสร้างต่างกันอย่างไร?

ปัจจัยWhileWhen
สิ่งที่เหมือนกันใช้เพื่ออธิบายถึงการกระทำสองอย่างที่เกิดขึ้นในเวลาเดียวกัน
การใช้ใช้บ่อยเพื่อพูดถึงการกระทำที่เกิดขึ้นต่อเนื่อง อาจเกิดขึ้นในช่วงเวลาที่นาน ใช้ใน Continuous Tenseใช้บ่อยเพื่อพูดถึงการกระทำเดี่ยวๆ ที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาสั้น ๆ มักใช้ใน Past simple Tense หรือ Present Simple
ตัวอย่าง• He was playing games while I was studying. (เขาเล่นเกมในขณะที่ฉันเรียน)
• I didn’t eat anything sour while I was pregnant. (ฉันไม่ได้กินของเปรี้ยวในขณะที่ฉันตั้งครรภ์)
• He was shocked when I told him about Lily’s marriage. (เขาตกใจเมื่อฉันบอกเขาเกี่ยวกับการแต่งงานของ Lily)
• You should be careful when yawning. (คุณควรระวังเมื่อหาว)
When while โครงสร้าง

แยกแยะโครงสร้าง while และ whilst

ด้านล่างนี้คืออ้างอิงรายเกี่ยวกับ While และ Whilst :

WhileWhilst
สิ่งที่เหมือนกัน• While และ Whilst เมื่อเป็นคำเชื่อมในประโยคหรือคำวิเศษณ์จะมีความหมายเหมือนกันและสามารถแทนที่กันได้
• ตัวอย่าง: Alex felt so bored whilst/while Sam was away for school. (Alex รู้สึกเบื่อมากในขณะที่ Sam ไปเรียนต่างประเทศ)
ต่างกัน• While ถูกใช้บ่อยกว่า whilstWhile มีลักษณะธรรมดาและใช้ในชีวิตประจำวัน
• ตัวอย่าง: Would you like something to drink while we’re waiting? (คุณต้องการอะไรดื่มระหว่างที่เรารอไหม?)
• อย่างไรก็ตามในการเขียน โครงสร้าง Whilst จะเพิ่มความเป็นทางการให้กับประโยคมากขึ้น
• ตัวอย่าง: Whilst I appreciate your help, I want to do this by myself. (ฉันขอบคุณสำหรับความช่วยเหลือของคุณ แต่ฉันอยากทำสิ่งนี้ด้วยตัวเอง)

ความแตกต่างระหว่าง for while และ during

ForWhileDuring
ความหมายใน เป็นเวลา (ระยะเวลา)ในขณะที่ ในตอนที่ ระหว่าง ในช่วงเวลาในช่วงเวลา ตลอดเวลา
การใช้ใช้เพื่อเน้นระยะเวลาที่เกิดขึ้นของการกระทำหรือเหตุการณ์อธิบายการกระทำ 2 อย่างที่เกิดขึ้นพร้อมๆ กัน และระยะเวลาของการกระทำนั้นไม่สำคัญใช้เพื่อเน้นระยะเวลาที่เกิดขึ้นของเหตุการณ์หนึ่งในขณะที่เหตุการณ์อื่นกำลังเกิดขึ้น
โครงสร้างFor + ระยะเวลา (คำนาม/วลี)While + clause (อนุประโยค)During + N (คำนาม)
ตำแหน่งมักจะอยู่ต่อท้ายประโยคสามารถอยู่ต้นประโยคหรือท้ายประโยค (หลังจากอนุประโยคอื่น)สามารถอยู่ต้นหรือท้ายประโยค
ตัวอย่างI have been living here for 10 years. (ฉันอาศัยอยู่ที่นี่มาเป็นเวลา 10 ปีแล้ว)While I am reading books, my mother is watching TV. (ในขณะที่ฉันกำลังอ่านหนังสือ แม่ของฉันกำลังดูทีวี)During the party, he used his phone. (ในระหว่างงานปาร์ตี้ เขาใช้โทรศัพท์ของเขา)
ความแตกต่างระหว่าง for while และ during

คำถามที่พบบ่อย

While ใช้กับ tense อะไร?

ตัวอย่าง: She fell off while I was studying at school. (ในขณะที่ฉันเรียนอยู่ที่โรงเรียน เธอล้มลง)

ตัวอย่าง: She is cooking dinner while her brother is setting the table. (เธอกำลังทำอาหารเย็นในขณะที่พี่ชายกำลังจัดโต๊ะ)

การใช้ While ขึ้นต้นประโยค

While อยู่หน้าประโยคของ Past Continuous tense แสดงถึงการกระทำที่กำลังเกิดขึ้นและมีการกระทำอื่นแทรกเข้ามา

ตัวอย่าง: While I was doing my homework, my mother called me. (ในขณะที่ฉันกำลังทำการบ้าน แม่ของฉันโทรมาหาฉัน)

หลัง While ใช้ Tense อะไร

หลัง “while” เป็น อดีตกาลธรรมดา (Simple Past) หรือปัจจุบันกาลต่อเนื่อง (Present Continuous) และสามารถใช้กับ tense อื่น ๆ ได้ ขึ้นอยู่กับบริบทและความหมายที่ผู้พูดต้องการสื่อ

ตัวอย่าง: While they were partying hard, I tried to cram everything that could be on the test. (ในขณะที่พวกเขากำลังปาร์ตี้อย่างสนุก ฉันพยายามทบทวนทุกอย่างที่อาจจะอยู่ในข้อสอบ)

แบบฝึกหัด

แบบฝึกหัด

แบบที่ 1: เติม when หรือ while ลงในช่องว่างให้ถูกต้อง

1. I was cooking the meal,…..the bell rang.  

2. The children slept………..she cooked dinner.

3. …….we were having dinner, someone stole the car. 

4. I often ate candy, ……..I was a child.

5. We first met each other……….we were staying in Vietnam. 

6. My mother watched TV………………I washed clothes. 

7. She called him……………He was going to sleep. 

8. ……………Marry got up yesterday, the rain was falling. 

9. We saw the first signs of winter,…………………..we were driving down the street. 

10. I will text you…………….I get home. 

แบบที่ 2: เติมคำกริยาในวงเล็บให้ถูกต้อง

1. I (see)…… him when I was on my way to school.

2. When he (be)…. a child, he usually went to the museums.

3. While I was listening to music, my wife (cook)….. In the kitchen.

4. When I lived in Russia, I (work) ….. As a receptionist. 

5. While I (talking)….. with my friend, the taxi arrived. 

6. My father (break) his leg while he was fixing our house’s roof.

7. Our parents (divorce) …… when I was a teenager. 

8. I was doing my homework when my mom (come) …. Home.

9. She knew about the scandal when she (sit) ….. in the class. 

10. When she (finish) ….. her tasks, she went shopping. 

แบบที่ 3: เลือกคำตอบที่ถูกต้องที่สุด

1. He knew the information while he __ on the taxi.
A. sat
B. was sitting

2. I was doing some paperwork ____ Anna called.
A. when
B. while

3. __ it stopped raining, she went to school.

A. When

B. While

4. While he played video games, I was reading a book.
A. played
B. was playing

5. When he __ school, he wants to have a gap year.
A. Finishes
B. will finish

6. Can you water the flowers while ____ tomorrow?
A. I am going to the dentist
B. I will be going to the dentist

7. I was taking a shower _____ doorbell rang.
A. When
B. While

8. _____ I was living in Tokyo, there was a big earthquake.
A. While
B. When

9. She had her first tattoo _______ she was at the age of 20.
A. when
B. While

10. While he was playing soccer, I ______ my nails.
A. did
B. was doing

11. I always wear gloves ______ clean the toilet.
A. When
B. While

12. While he____ to the music, he often danced.
A. Was listening
B. Listened 

13. I bought some souvenirs _____ I was at the airport.
A. While
B. When

14. I _____ lunch when he called me.
A. Was having
B. Had

15. We were watching a movie _____ John had a stomach ache.
A. While
B. When.

16. They _____ in Africa when they were young.
A. Lived
B. Was living

17. What were you doing ____ I called you yesterday?
A. While
B. When

18. When I _____ the room, my friends were playing cards.
A. Was entering
B. Entered

19. When you arrived home, who ____ there?
A. Being
B. was

20. She ____ as a teacher when she met her husband.
A. Was working
B. worked

คำตอบ

แบบที่ 1:

1. when2. while3. while4. when5. while
6. while7. while8. when9. while10. when

แบบที่ 2:

1. Saw2. Was3. Was cooking 4. Worked5. Was talking
6. Broke7. Divorced8. Came9. Was sitting10. Finished 

แบบที่ 3:

1. B2. A3. A4. B5. A6. A7. A8. B9. A10. B
11. A12. A13. B14. A15. B16. A17. B18. B19. B20. A

บทความข้างต้นนี้คือคำตอบของคำถาม While การใช้อย่งไร? และการแยกแยะ When While หวังว่าข้อมูลข้างต้นจะช่วยให้คุณเข้าใจโครงสร้าง While มากขึ้น นอกจากนี้ อย่าลืมเข้าชม ELSA Speak บ่อย ๆ เพื่ออัปเดตความรู้ด้านไวยากรณ์และคำศัพท์ภาษาอังกฤษใหม่ๆได้ทุกวันนะ!

Let เป็นโครงสร้างทั่วไปในการสื่อสารภาษาอังกฤษในชีวิตประจำวัน ซึ่งแสดงถึงการอนุญาตให้ผู้อื่นทำอะไรบางอย่าง งั้น Let แปลว่าอะไร? วิธีใช้ Let และรูปแบบต่างๆ ของ Let เป็นอย่างไร? มาเรียนรู้ด้วย ELSA Speak ในตอนนี้เลย

โครงสร้างของ Let

Let แปลว่า

let แปลว่า

Let เป็นคำกริยา แปลว่า อนุญาต โครงสร้าง Let ใช้เพื่ออธิบายการอนุญาตให้ใครบางคนหรือได้รับอนุญาตให้ทำอะไรบางอย่าง

Let ตัวอย่างประโยค :

โครงสร้างของ Let

Let + Object (กรรม) + V-inf (กริยาตัวเดิมที่ไม่เติมแล้วก็ไม่ผัน)

ในนั้น

ตัวอย่าง

ประโยคที่ประธานเป็นผู้ถูกกระทำกับ Let

โครงสร้างตัวอย่าง
• ใช้โครงสร้าง Be Allowed to V เพื่อเขียนเป็นประโยค ที่ประธานเป็นผู้ถูกกระทำ
• ประโยคที่ประธานเป็นผู้กระทำกริยา: Let + somebody + V (infinitive) + something
->ประโยคที่ประธานเป็นผู้ถูกกระทำ: S + V (tobe) + allowed + to V
My math teacher let me go home early.
=> I was allowed to go home early by my teacher. 
(ฉันได้รับอนุญาตให้กลับบ้านเร็วโดยครูของฉัน)
• เปลี่ยนเป็นประโยคที่ประธานเป็นผู้ถูกกระทำด้วยโครงสร้าง Let oneself be Ved (PII)
• ประโยคที่ประธานเป็นผู้กระทำกริยา: Let somebody do something
-> ประโยคที่ประธานเป็นผู้ถูกกระทำ:
Let oneself be Ved (PII)
Let them finish the project.
=> Let the project be finished by them.
(ปล่อยให้โครงการนี้เสร็จสิ้นโดยพวกเขา)
• โครงสร้างถูกกระทำในประโยคคำสั่ง:
Let + O + (not) be + Ved (PII)
Let the light be turned off. 
(ปล่อยให้ไฟดับลง)
let ใช้ยังไง

>>> Read more: Passive Voice: สูตร ตัวแปร และการใช้งานที่แม่นยำที่สุด (พร้อมแบบฝึกหัด)

สำนวน/วลีบางคำที่มี Let

วลีความหมายภาษาไทยตัวอย่าง
Let alone + clauseอย่าว่าแต่… เลยHe doesn’t even care about me, let alone you. (เขายังไม่ใส่ใจฉันเลย อย่าว่าแต่ คุณเลย)
Let one’s hair downสบายใจและผ่อนคลายStop thinking about the score, and let your hair down. (ไม่ต้องคิดถึงคะแนนอีก เพียงแค่ผ่อนคลายและทำใจสบายๆ)
Let sb goปล่อยใครสักคนไป (เมื่อพวกเขาก่ออาชญากรรม) ลืมใครสักคน (เมื่อพวกเขาเสียชีวิต)The police had to let them go because of a lack of evidence. (ตำรวจต้องปล่อยพวกเขาไปเพราะขาดหลักฐาน)
Let sb off the hookยกโทษ หรือให้อภัยใครสักคนI’m going to let you off the hook this time, but don’t ever do that again.  (ฉันจะยกโทษให้คุณในครั้งนี้ แต่อย่าทำอย่างนั้นอีก)
Don’t let (sb หรือ sth) get you downอย่าให้ใคร/สิ่งใดมาทำให้คุณท้อใจDon’t let his words get you down. (อย่าให้คำพูดของเขาทำให้คุณท้อใจ)
Let off steamกำจัดความเบื่อหน่ายWe knew it was important to let off steam. (เรารู้ว่ามันเป็นสิ่งสำคัญในการกำจัดความเบื่อหน่าย)
สำนวน/วลีบางคำที่มี Let

Let ใช้ยังไงไปกับคำบุพบทอะไร

กริยาวลีจะมีความหมายที่แตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับคำบุพบท (phrasal verb) ที่มาด้วยกัน

วลีความหมายตัวอย่าง
Let downทำให้ใครสักคนผิดหวังHe let me down by not showing up to the meeting. (เขาทำให้ฉันผิดหวังที่ไม่มาประชุม)
Let inให้ใครเข้ามาPlease let the guests in and show them to their seats. (กรุณาให้แขกเข้ามาและพาพวกเขาไปยังที่นั่ง)
Let offให้อภัย/ลบการลงโทษThe teacher let the students off for being late to class. (ครูไล่ให้นักเรียนออกไปเพราะมาเรียนสาย)
Let outการอนุญาตให้ออก/ออกสถานที่The prison guard let the prisoner out after serving his sentence. (ผู้คุมปล่อยนักโทษออกมาหลังจากพ้นโทษแล้ว)
Let upลดลงThe rain finally let up, and we could continue our outdoor activities. (ในที่สุดฝนก็เบาลงและเราก็สามารถกลับมาทำกิจกรรมกลางแจ้งได้)

>>> Read more: คำบุพบท (preposition) คืออะไร? วิธีการใช้คำบุพบท

คำพ้องความหมายกับ Let

คำพ้องความหมายกับ Let
วลีตัวอย่าง
Allow sb do sthMy mother doesn’t allow me to go to the movies alone. (แม่ไม่อนุญาตให้ฉันไปดูหนังคนเดียว)
Enable sb do sthHe is looking for a job that will enable him to develop his skills. (เขากำลังมองหางานที่สามารถช่วยพัฒนาทักษะของเขาได้)
Grant sb sthHe granted journalists an interview. (เขาอนุญาตให้นักข่าวสัมภาษณ์)
Make it possible for sb to do sthWhat makes it possible for them to live again? (อะไรทำให้พวกเขาสามารถกลับมามีชีวิตอีกครั้งได้?)
Permit sb do sthHe doesn’t permit his son to use the telephone. (เขาไม่อนุญาตให้ลูกชายใช้โทรศัพท์)

>>> Read more: Synonym คืออะไร? หน้าที่มันมีอะไรบ้าง การแยกประเภท และวิธีแยกแยะคำพ้องความหมาย

โครงสร้าง Let’s

Let’s แปลว่าอะไร?

โครงสร้าง Let’s = Let us ใช้เพื่อเรียกกลุ่มคนให้ทำอะไรร่วมกัน

โครงสร้าง Let’s

Let’s + do something (V-inf)

ตัวอย่าง 

โครงสร้าง Let’s

ข้อสังเกตเมื่อใช้โครงสร้าง Let’s

ข้อสังเกตตัวอย่าง
แสดงความเคารพเมื่อขออนุญาตใครสักคน/ทำอะไรบางอย่าง อย่าเขียนย่อว่า Let’s
==> การใช้ที่ถูกต้อง: Let us
Let us help! You can’t do this alone. (ให้พวกเราช่วยเถอะ คุณทำคนเดียวไม่ได้)
รูปปฏิเสธของ Let’s: อย่าใช้ Don’t Let’s
==> การใช้ที่ถูกต้อง: Let’s not
Let’s not argue; he’s already apologized. (อย่าทะเลาะกันเลย เขาขอโทษแล้ว)

โครงสร้างที่ตรงกันกับ Let’s

เมื่อเขียนประโยคใหม่โดยใช้โครงสร้าง Let’s เพื่อแนะนำบางสิ่ง เราสามารถใช้โครงสร้างที่มีความหมายเทียบเท่าได้ดังนี้

โครงสร้างแปล
Why don’t we/you + V-inf?ทำไมพวกเราไม่ …?
Why not + V-inf?ทำไมไม่ทำอะไรสักอย่าง?
How about + Ving/Noun?noun phrase?แล้วเรื่องนี้ล่ะ?
What about + Ving/Noun/Noun phrase?แล้วเรื่องนี้ล่ะ?
Shall/Will we + V-inf?มาทำอะไรสักอย่างกันเถอะ

ตัวอย่าง: Let’s have a picnic in the park this weekend. (สุดสัปดาห์นี้ไปจัดปิกนิกที่สวนสาธารณะ)

เราสามารถเขียนประโยคใหม่ได้ดังนี้

โครงสร้างของ Lets

Lets แปลว่า

Lets ใช้เพื่อแสดงการอนุญาตให้บางคนทำอะไรบางอย่าง ใช้เมื่อประธานของประโยคในกาลปัจจุบันธรรมดาเป็นเอกพจน์บุรุษที่ 3 (he, she, it).

โครงสร้างของ Lets

S + Lets + Object (กรรม) + V-inf (กริยาตัวเดิมที่ไม่เติมแล้วก็ไม่ผัน)

ตัวอย่าง

โครงสร้างของ Lets

Phrasal Verbs ทั่วไปกับ Let

Phrasal Verbs คำนิยายตัวอย่าง
Let someone downทำให้ใครผิดหวังPeter really let me down by lying to me. (ปีเตอร์ทำให้ฉันผิดหวังจริงๆ ด้วยการโกหกฉัน)
Let onเปิดเผยให้ใครบางคน(เกี่ยวกับความลับบางอย่าง)It was Bae who let on that Voet had stolen the money. (นั้นคือเบ เป็นคนที่เปิดเผยว่าโวเอตขโมยเงินไป)
Let someone offปล่อยให้ใครสักคนออกไปThe police officer let him off without arresting him. (ตำรวจปล่อยตัวเขาโดยไม่มีการจับกุม)
Let something offยิงปืนหรือปล่อยให้อุปกรณ์ใดๆ ระเบิดOn Monday police said they did not yet have any idea who had let off the bomb (เมื่อวันจันทร์ ตำรวจกล่าวว่าไม่รู้ว่าใครเป็นคนจุดชนวนระเบิด)
Let upหยุด/งด หรือทำสิ่งที่ดีกว่าWhen the rain lets up we’ll go for a walk. (เมื่อฝนหยุดตกเราก็ไปเดินเล่นกัน) 
Let something outทำให้บางสิ่งบางอย่างออกมา(พร้อมเสื้อผ้า): คลายออกHe let the air out of the balloon. (เขาปล่อยลมบอลลูน) These trousers are too tight – I’m going to have to let them out. (กางเกงรัดแน่นมาก ฉันต้องคลายมันออก) 
Let someone in on somethingให้ใครสักคนรู้อะไรบางอย่างPalm wouldn’t let Kan in on his plans. (ปาล์มไม่ยอมให้กันรู้แผนของเขา)
Let sb in for Somethingการปล่อยให้ตัวเองเข้าไปพัวพันกับสถานการณ์อันไม่พึงประสงค์ซึ่งมักเกิดขึ้นโดยไม่ได้ตั้งใจI don’t know why Kwan lets herself in such an isolated lifestyle. (ฉันไม่รู้ว่าทำไมขวัญถึงยอมให้เขาใช้ชีวิตแบบสันโดษขนาดนี้)
Phrasal Verbs ทั่วไปกับ Let

แยกแยะระหว่าง Let Lets และ Let’s

LetLetsLet’s
ความหมายอนุญาต ให้อนุญาต ให้ต้องการ
วิธีใช้ใช้กับบุคคลพหูพจน์ เช่น I, We, Youใช้สำหรับบุคคลที่สามเอกพจน์ใช้เมื่อให้คำแนะนำหรือข้อเสนอแนะ
สูตรS + let + somebody + do somethingS + lets + somebody + do somethingLet’s + do something
ตัวอย่างThey let their hair grow long. (พวกเขาปล่อยให้ผมยาว)My boss lets me do whatever I want. (เจ้านายของฉันอนุญาตให้ฉันทำทุกอย่างที่ฉันต้องการ)Let’s go to school. (ไปโรงเรียนกันเถอะ)

แยกแยะระหว่างโครงสร้าง Let และ Spend

แยกแยะระหว่างโครงสร้าง Let และ Spend
LetSpend
วิธีใช้ใช้เพื่ออนุญาตหรือเชิญผู้อื่นให้ทำบางสิ่งบางอย่างใช้เพื่อแสดงจำนวนเวลา/เงิน/ความพยายาม… ที่ใช้ไปในกิจกรรมหนึ่งๆ
โครงสร้างLet + object + V-infinitiveS + Spend + time/money/… + V-ing
ตัวอย่างLet me help you with your bags. (ให้ฉันช่วยคุณถือกระเป๋าเดินทางของคุณ)I spend a lot of time studying. (ฉันใช้เวลาเรียนมาก)

แบบฝึกหัดกับ Let

แบบฝึกหัด

แบบฝึกหัดที่ 1: เรียงคำที่กำหนดให้เป็นประโยคที่สมบูรณ์

1. know / let / me /  you / any / help / if / need.

2. let /  go / for / a / in / the / park / us / walk.

3. let / the / play / for / a / while / children / outside.

4. her / borrow / book / weekend / let / your / the / for.

5. him / let / on / the / restaurant / decide / for / tonight.

6. choose / let / them / their / path / in / life /own.

7. let / out / the / dog / into / backyard / the.

8. let / long / play/ the / music / all / night.

9. let / me / of / take / the / dishes / care / tonight.

10. guide / let / your / you / to / dreams / success.

แบบฝึกหัดที่ 2: เขียนประโยคใหม่โดยใช้โครงสร้าง Let’s

1. Shall we go to the Cinema?

2. Why doesn’t he sing “we don’t talk anymore”?

3. How about going to the CGV?

4. Why don’t you call John?

5. Shall we go to Lyly’s house?

แบบฝึกหัดที่ 3: เติมในช่องว่าง (Let, Let’s, Lets)

1. …… not push! Line up, come on! 

2. If you are hungry, …. your sister finishes working, and then she will cook dinner.

3. My son needs your permission to do this. Please ….. him do this!

4. The taxi is coming, …….. go!

5. Huong will …… Dat alone for a while. 

แพ็กเกจ ELSA Speak Proราคาเดิมข้อเสนอพิเศษ
ELSA Pro ตลอดชีวิต14,865 บาท2,944 บาท
ELSA Pro 1 ปี2,499 บาท1,319 บาท
ELSA Pro 6 เดือน2,099 บาท1,049 บาท
ELSA Pro 3 เดือน1,119 บาท559 บาท
*ราคาแพ็กเกจอัปเดทในวันที่ 11/01/2568 และอาจเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา

คำตอบ

แบบฝึกหัดที่ 1:

1. Let me know if you need any help.

2. Let us go for a walk in the park.

3. Let the children play outside for a while.

4. Let her borrow your book for the weekend.

5. Let him decide on the restaurant for tonight.

6. Let them choose their own path in life.

7. Let the dog out into the backyard.

8. Let the music play all night long.

9. Let me take care of the dishes tonight.

10. Let your dreams guide you to success.

แบบฝึกหัดที่ 2: 

1. Let’s go to the Cinema!

2. Let’s sing “we don’t talk anymore”!

3. Let’s go to the CGV!

4. Let’s call John!

5. Let’s go to Lyly’s house!

แบบฝึกหัดที่ 3:

1. Let’s2. Let3. Let4. Let’s5. Let 

ข้างบนนี้เป็นความรู้ทั้งหมดเกี่ยวกับ let แปลว่าอะไร รวมทั้งโครงสร้าง วิธีใช้รูปแบบต่างๆ ของ Let  หวังว่าการแบ่งปันข้างต้นจะช่วยให้คุณเข้าใจคำกริยานี้ได้ดีขึ้น นอกจากนั้น อย่าลืมเข้า ELSA Speak เพื่ออัปเดทความรู้ภาษาอังกฤษทุกวันนะ

คุณกําลังอยากเข้าใกล้และจีบคนที่คุณชอบแต่ไม่รู้จะทำอย่างไร มาเรียนรู้ประโยคประโยคจีบ ภาษาอังกฤษดี ๆ น่าประทับใจ และสื่อถึงอารมณ์อารมณ์ในภาษาอังกฤษกับ ELSA Speak กันด้านล่างนี้เลย

จีบภาษาอังกฤษคืออะไร

จีบ ภาษาอังกฤษคือ flirt /flɜːrt/

ตัวอย่าง: 

จีบภาษาอังกฤษคืออะไร

คําศัพท์/วลีในภาษาอังกฤษที่หมายถึงจีบ 

คําศัพท์/วลีภาษาอังกฤษความหมายตัวอย่าง
To hit on someoneจีบใครสักคนSome guy tried hitting on me at the party yesterday, but he wasn’t my type. (เมื่อวานมีผู้ชายพยายามจะจีบฉันที่งานปาร์ตี้ แต่เขาไม่ใช่สเปกของฉัน)
Pick upจีบและทำความรู้จัก (ใครสักคน)Peter picked up this really cute girl at the club. (ปีเตอร์จีบสาวน่ารักคนนี้ที่คลับจริง ๆ )
Get withการมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับใครสักคนA: Is it true that you got with Katie over the summer? (ที่คุณออกเดทกับเคธี่ในช่วงฤดูร้อนเป็นเรื่องจริงใช่ไหม?)
B: Yeah, we’ve been on a few dates so far. (ใช่ เราไปเดทกันสองสามครั้งแล้ว)
Go cruisingล่าเหยื่อหรือล่าแต้มHey buddy. What are you up to next Friday? Do you want to go cruising the bars for some action? (ไงเพื่อน ศุกร์หน้าติดทําอะไรหรือเปล่า ไปจีบสาวที่บาร์กันไหม)
คําศัพท์/วลีในภาษาอังกฤษที่หมายถึงจีบ 

>>> Read more: ครบชุด Phrasal verbs ที่พบบ่อยที่สุด 200 คำ

รวมประโยคจีบที่มัความหมายดี ๆ และเป็นที่นิยมในภาษาอังกฤษ

วิธีชวนไปเดทในภาษาอังกฤษ

ประโยคจีบ ภาษาอังกฤษความหมาย
I was wondering if you’d like to go out for a drink.ฉันกําลังสงสัยว่าคุณอยากจะไปหาอะไรดื่มไหม?
Do you want to go for a drink sometimes?ว่าง ๆ ไปดื่มด้วยกันไหม?
If you’d like to meet up sometime, let me know.ถ้าคุณอยากเจอเมื่อไหร่ก็บอกฉันนะ
I’d love to take you out on a date. Are you free this weekend?ฉันอยากเดทกับคุณมากจริง ๆ สุดสัปดาห์นี้คุณว่างไหม
I was wondering if you’d like to join me for [activity] on [day of the week]?คุณอยากเข้าร่วม [กิจกรรม] กับผมใน [วัน] ไหม?
I know this great [restaurant/bar/place], would you like to go there with me?ผมรู้จัก [ร้านอาหาร/บาร์/สถานที่ดี ๆ] แห่งหนึ่ง คุณอยากไปกับผมไหม?
I’m going to the [concert/movie/event] on [day of the week]. Would you like to come with me?ผมจะดู [คอนเสิร์ต/ภาพยนตร์/กิจกรรม] ใน [วันธรรมดา] คุณอยากจะไปกับผมไหม?
I’m planning on hiking/biking/going to the beach this weekend. Would you like to join me?สุดสัปดาห์นี้ผมวางแผนจะไปเดินป่า/ปั่นจักรยาน/ไปชายหาด คุณอยากไปกับผมไหม?
Would you like to take a walk with me in the park sometime?คุณอยากจะไปเดินเล่นที่สวนสาธารณะกับฉันสักครั้งไหม?
I know a great spot for ice cream/dessert. Would you like to go there with me?ฉันรู้จักสถานที่ที่ดีสำหรับไอศกรีม/ของหวานที่อร่อยที่สุด คุณอยากจะไปที่นั่นกับฉันไหม
I was wondering if you’d like to go out for a drink sometime?ฉันสงสัยว่าคุณอยากออกไปดื่มข้างนอกบ้างไหม
Do you fancy getting a bite to eat?คุณอยากไปกินอะไรไหม?
If you’d like to meet up sometime, let me know!ถ้าคุณอยากให้เราเจอเมื่อไหร่ก็บอกฉันนะ
Do you have any plans for tonight?คุณมีแผนสำหรับคืนนี้ไหม?
ประโยคจีบ ภาษาอังกฤษ ชวนไปเดท

>>> Read more: การออกเดทในภาษาอังกฤษคืออะไร? คำศัพท์ บทสนทนาและวิธีชวน “คน ๆ นั้น” ไปเดท

วิธีจีบผู้หญิงในภาษาอังกฤษ 

ประโยคจีบ ผู้หญิง ภาษาอังกฤษความหมาย
Is your name Google? Because you have everything I’ve been searching for.คุณชื่อกูเกิลใช่ไหม? เพราะคุณมีทุกสิ่งที่ผมตามหา
Do you believe in love at first sight, or should I walk by again?คุณเชื่อในรักแรกพบหรือผมต้องเดินผ่านไปอีกครั้งดี?
Are you a time traveler? Because I can see you in my future.คุณเป็นนักเดินทางข้ามเวลาใช่ไหม? เพราะผมสามารถเห็นคุณในอนาคตของผม
Your hand looks heavy. Can I hold it for you?มือของคุณดูหนัก ฉันถือมันไว้ให้คุณได้ไหม
Do you have a Band-Aid? Because I just scraped my knee falling for you.คุณมี Band-Aid ไหม? เพราะผมคุกเข่าตกหลุมรักคุณไปแล้ว
I can’t stop thinking about you since I met you.ผมไม่สามารถหยุดคิดถึงคุณได้ตั้งแต่ผมได้พบคุณ
I always have a great time when I’m with you.ผมมีช่วงเวลาที่ดีเสมอเวลาอยู่กับคุณ
Do you know where my heart is? Not to the left or to the right, but to his side.เธอรู้ไหมว่าใจฉันอยู่ที่ไหน ไม่ใช่อยู่ทางซ้ายหรือทางขวา แต่อยู่เคียงข้างเธอ
Do you know why my skin is black when I’m around you? Because I was busy looking at your sunny smile.รู้ไหมทำไมผิวผมถึงดำเวลาอยู่ใกล้คุณ เพราะผมมัวแต่มองรอยยิ้มที่สดใสของคุณอยู่
If you had eleven roses and you looked in the mirror; then you’d see twelve of the most beautiful things in the world. ถ้าคุณมีดอกกุหลาบ 11 ดอก และกำลังมองกระจกอยู่ คุณจะเห็นดอกกุหลาบที่ 12 ที่สวยที่สุดของโลก
His character was inherently honest. Do you really relax or “auto”.บุคลิกของผมมีความซื่อสัตย์โดยเนื้อแท้ คุณชอบผมจริง ๆ หรือ “ออโต้”
There are days when I’m tired and don’t want to do anything, just want to be your lover. มีวันที่เหนื่อยไม่อยากทำอะไร แค่อยากเป็นแฟนคุณ
I love you like Uncle Ho loves his country. Losing you, I am like France losing Indochina. รักเธอเหมือนลุงโฮรักประเทศ การสูญเสียคุณก็เหมือนกับฝรั่งเศสที่สูญเสียอินโดจีน
The pink thread is wrapped around the red thread. If you love me, don’t leave me.เชือกสีชมพูพันรอบด้ายสีแดง ถ้ารักฉันอย่าทิ้งฉันไป
Honey, I love watches. I also love being your mistress.ที่รัก ฉันชอบนาฬิกา ฉันก็ชอบเป็นแฟนเธอเหมือนกัน
I thought my dreams weren’t real, but since I saw you, that mindset has changed. ผมคิดว่าความฝันของผมไม่เป็นจริง แต่เมื่อผมเห็นคุณ ความคิดนั้นก็เปลี่ยนไป
Are you a magician? Because whenever I look at you, everyone else disappears.คุณเป็นนักมายากลใช่ไหม เพราะทุกครั้งที่ผมมองคุณ ทุกคนก็หายไป
Do you have a map? Because I keep getting lost in your eyes.คุณมีแผนที่ไหม เพราะผมยังคงหลงอยู่ในสายตาของคุณ
If you were a vegetable, you’d be a cutecumber.ถ้าคุณเป็นผัก คุณจะเป็นแตงกวาที่น่ารัก
ประโยคจีบ ผู้หญิง ภาษาอังกฤษ

>>> Read more: คำชมผู้หญิงภาษาอังกฤษที่เรียบง่ายและดีที่สุด

วิธีจีบผู้ชายในภาษาอังกฤษ

ประโยค จีบผู้ชาย ภาษาอังกฤษความหมาย
Are you a camera? Because every time I look at you, I smile.คุณเป็นกล้องหรือเปล่า เพราะทุกครั้งที่ฉันมองคุณ ฉันก็ยิ้ม
Together with you is my favorite place to be.การได้อยู่กับเธอเป็นสถานที่โปรดของฉัน
I’ve never cared what tomorrow will bring. I’ve cared just today that I have you.ฉันไม่เคยสนใจว่าพรุ่งนี้จะเป็นอย่างไร ฉันสนใจแค่วันนี้ฉันมีเธอ
If I were a stop light. I’d turn red every time you passed by, Just so I could stare at you a bit longer.หากฉันเป็นไฟจราจร ฉันจะเป็นสีแดงทุกครั้งที่เธอเดินผ่าน เพราะขอแค่ได้มองเธอให้นานขึ้นอีกหน่อย
Can I have directions to your heart?ฉันขอเส้นทางสู่หัวใจของเธอได้ไหม?
Brother, this earth is round, if you don’t hide well, still meet me.ที่รักคะ โลกนี้มันกลม ถ้าเธอไม่ซ่อนตัวดี ๆ เธอก็จะยังเห็นฉันอยู่
Aren’t you tired? Aren’t you tired of running 24 hours a day?คุณไม่เหนื่อยเหรอ คุณไม่เบื่อกับการวิ่ง 24 ชั่วโมงเหรอ
It only takes a second to say I love you, but it will take a lifetime to show you how much.ใช้เวลาเพียง 1 วินาทีในการบอกว่าฉันรักเธอ แต่ต้องใช้เวลาทั้งชีวิตในการพิสูจน์
My life is still unfinished. Can you step in for protection?ชีวิตของฉันยังไม่สิ้นสุด เธอสามารถเข้ามาปกป้องฉันได้ไหม?
I’m not drunk, but I’m infatuated with your smile.ฉันไม่ได้เมา แต่ฉันเมาเพราะรอยยิ้มของเธอ
My heart is full of acid now. Need you to neutralize with a little base.ตอนนี้หัวใจของฉันเต็มไปด้วยกรด ฉันต้องการให้เธอทำให้เป็นกลางด้วยฐานหน่อย
Where are you at home? Going back and forth in my heart I don’t know the way back?เธอมาจากที่ไหน วนเวียนอยู่ในใจไม่รู้ทางกลับเหรอ
Car without stopping. This could be due to brake failure. My love doesn’t stop. It’s definitely you.รถไม่มีหยุด อาจเป็นเพราะเบรกแตก ฉันหยุดรักไม่ได้ เพราะเธออย่างแน่นอน
If I could change the alphabet, I would definitely put I next to U.ถ้าฉันเปลี่ยนตัวอักษรได้ ฉันจะวาง I ไว้ข้าง ๆ U อย่างแน่นอน
ประโยค จีบผู้ชาย ภาษาอังกฤษ

ประโยคจีบที่น่าประทับใจในภาษาอังกฤษ

ประโยคจีบความหมาย
You’re almost better than chocolate.เธอนั้นหวานกว่าช็อคโกแลต
Come live in my heart. Its rent is free.เข้ามาอยู่ในหัวใจของฉัน มันไม่มีค่าเช่า
You’re my one and only.เธอคือหนึ่งเดียวของฉัน
Thanks for always being the best.ขอบคุณที่เป็นสิ่งที่ดีที่สุดเสมอมา
In my wedding, do you want to be my bride?ในงานแต่งงานของผม คุณอยากรับบทเป็นเจ้าสาวไหม
Don’t wish me good night, when you’re the one keeping me awake.อย่าอวยพรให้ฉันฝันดี ในเมื่อคุณคือคนทำให้ฉันนอนไม่หลับ
My heart calls out for you.เสียงหัวใจฉันเรียกร้องหาเพียงเธอ
Are you a thief? Cause you stole my heart.เธอเป็นขโมยใช่ไหม เพราะเธอได้โขมยหัวใจของฉันไป
I allow you to stay forever in my heart.ฉันอนุญาตให้เธออยู่ในใจของฉันตลอดไป
I bet not even all the fireworks in the world can light up my world like you do.ฉันพนันได้เลยว่าแม้แต่ดอกไม้ไฟทั้งหมดในโลกก็ไม่สามารถทำให้โลกของฉันสว่างไสวได้เท่าคุณ
I need you like a heart needs a beat.ผมต้องการคุณเหมือนที่หัวใจของผมต้องการจังหวะ
I’m not good at anything… except loving you.ฉันไม่เก่งอะไรเลย… นอกจากการได้รักเธอ
Loving you is like breathing… I just can’t stop.การรักเธอก็เหมือนกับลมหายใจที่ไม่อาจหยุดยั้งได้
You light up my life.เธอทำให้ชีวิตของฉันสดใส
You are my destiny.เธอคือพรหมลิขิตของฉัน
I can’t stop thinking about you.ฉันไม่สามารถหยุดคิดถึงเธอได้เลย
Once I’m with you, nobody else matters.เมื่อฉันอยู่กับเธอ ก็จะไม่มีใครสำคัญอีกต่อไป
Meeting you is the best thing that ever happened to me.การได้พบเธอเป็นสิ่งที่ดีที่สุดที่เคยเกิดขึ้นกับฉัน
I am who I am because of you. You are every reason, every hope, and every dream I’ve ever had.ฉันเป็นตัวของตัวเองเมื่อฉันอยู่กับเธอ เธอคือทุกเหตุผล ความหวัง และทุกความฝันที่ฉันมี
If I know what love is, it is because of you.ถ้าฉันจะรู้ว่ารักคืออะไร นั่นมันก็เป็นเพราะเธอนั่นแหละ
I love you without knowing how, why or even from where.ฉันรักเธอโดยไม่รู้ว่ารักอย่างไร ทำไม หรือแม้แต่รักจากที่ไหน
I don’t know what my future holds, but I’m hoping you are in it.ฉันไม่รู้ว่าอนาคตจะเป็นอย่างไร ฉันแค่หวังว่าฉันจะมีเธออยู่เคียงข้าง
The flirting sentence is that I copied it, but the love for you is sincere.ประโยคจีบคือฉันลอกมาแต่ความรักที่มีให้เธอนั้นมาจากใจจริง
You may only be one person to the world but you may be the world to one person.คุณอาจจะเป็นคนๆหนึ่งในโลกนี้ แต่คุณอาจจะเป็นโลกทั้งใบของคนๆหนึ่งก็ได้
The rain is falling down, then why don’t you fall for me?ฝนตกลงมาแล้ว แล้วทำไมเธอถึงยังไม่ตกหลุมรักฉัน
My life was originally a straight line, just because I met you, I turned sideways.ชีวิตของฉันเป็นเส้นตรงเสมอ แต่เพราะเธอทำให้ฉันหันข้าง
No one gives me that special feeling like you.ไม่มีใครทำให้ฉันรู้สึกพิเศษได้เท่าคุณ
I’m sure I will always love you unconditionally.ฉันมั่นใจว่าฉันจะรักเธอตลอดไปโดยไม่มีเงื่อนไข
No matter who you are, or what you are doing, or who you are with. I will always, honestly, truly, completely, love you.ไม่ว่าคุณจะเป็นใคร กำลังทำอะไร หรืออยู่กับใคร ฉันจะรัก ซื่อสัตย์ จริงใจ กับคุณเสมอ
ประโยคจีบที่น่าประทับใจในภาษาอังกฤษ

คำสารภาพรักและประโยคจีบสั้น ๆ ในภาษาอังกฤษ

ประโยค Flirt จีบ ภาษาอังกฤษความหมาย
Every time I look at you, my soul is dizzy.ทุกครั้งที่ฉันมองเธอวิญญาณของฉันก็หลุดลอยไป
I wonder how my life would be if I hadn’t met you.ฉันสงสัยว่าชีวิตฉันจะเป็นอย่างไรถ้าไม่ได้พบเธอ
Take my hand, take my whole life too.จับมือฉันไว้ แล้วรับชีวิตของฉันไว้ด้วย
When I’m with you, no one else is more important.เมื่อเธออยู่กับฉันไม่มีใครสำคัญไปกว่าเธออีกแล้ว
My heart only calls your name.ใจฉันเรียกแต่ชื่อเธอเท่านั้น
Hey guys! You dropped your lover.ไงพวก เธอทําคนรักของเธอหล่นแล้ว
Morning without you is a dwindled dawn.เช้าที่ไม่มีเธอ คือรุ่งอรุณที่กำลังจะจางหายไป
You remind me of my next boyfriend.เธอทำให้ฉันนึกถึงแฟนในอนาคตของฉัน
Did it hurt when you fell from heaven?ตอนตกลงมาจากสวรรค์เจ็บไหม?
Are you homeless? Why do you stay in my heart forever?เธอไม่มีที่อยู่อาศัยเหรอ? ทำไมเธอถึงอยู่ในใจฉันตลอดอ่ะ
I looked at your face, and my heart jumped all over the place.ทุกครั้งที่ฉันเห็นเธอ หัวใจฉันก็เต้นรัว
I’ve never felt this way about anyone before.ไม่เคยมีใครทําให้ฉันรู้สึกแบบนี้เหมือนเธอ
I wanna be the one holding your heart.อยากเป็นคนเดียวในใจเธอ
Only care about you.ฉันสนใจแค่เธอเท่านั้น
You drive me crazy!เธอทำให้ฉันคลั้งไคล้
You’re my one and only.เธอเป็นคนรักคนเดียวของฉัน
You are too good to be true!เธอคือความฝันในชีวิตของฉันที่เป็นจริง

>>> Read more:

ELSA Pro ไม่จำกัด

14,895 บาท -> 2,944 บาท

ELSA Premium 1 ปี

8,497 บาท -> 4,668บาท

ประโยคจีบแบบเล่นคําแสนหวานและนุ่มนวล

ประโยคจีบความหมาย
Did you hurt yourself… when you fell from heaven?เจ็บไหม…ตอนเธอตกลงมาจากสวรรค์
I used to think that dreams do not come true, but this quickly changed the moment I laid my eyes on you.ฉันเคยคิดว่าความฝันของฉันคงไม่เป็นจริงจนกว่าฉันได้พบเธอ
It’s said that nothing lasts forever. Will you be my nothing?มีคนบอกว่าไม่มีอะไรเป็นนิรันดร์ งั้นเธอมาเป็น “นิรันดร์” ของฉันได้ไหม?
Even If there wasn’t any gravity on earth, I would still fall for you!แม้ว่าโลกจะไม่มีแรงโน้มถ่วงอีกต่อไป แต่ฉันก็ยังตกหลุมรักเธอ
My eyes need a check-up, I just can’t take them off of you.ฉันอาจต้องตรวจตาเพราะฉันไม่สามารถละสายตาจากเธอได้
Is it hot in here or is it just you?ที่นี่มันร้อนหรือเป็นเพราะเธอกันแน่
My teeth hurt because you are so sweet.ฉันปวดฟันเพราะเธอหวานเกินไป
The word “happiness” starts with H in the dictionary. But my happiness starts with U!ความสุขเริ่มต้นด้วย “H” แต่ความสุขของฉันเริ่มต้นด้วย “U”
Are you a thief? Cause you stole my heart!คุณเป็นขโมใช่ไหม? เพราะเธอขโมยหัวใจของฉันไปแล้ว
We are like a 4-leaf clover. You are the C and I am the R, and there is love between us.เราก็เหมือนโคลเวอร์ 4 แฉก เธอคือ C และฉันคือ R และมี LOVE ระหว่างเรา
If your heart was in prison, I would want to be sentenced to life.หากหัวใจเธอคือคุก ฉันอยากถูกตัดสินประหารชีวิตที่นั้น
There are many ways to be happy, but the fastest way is seeing you.มีหลายวิธีในการค้นหาความสุข แต่วิธีที่เร็วที่สุดคือการมองธอ
Could you smile? I forgot to put sugar in my cafe.เธอหัวเราะได้ไหม ฉันลืมใส่น้ำตาลลงในกาแฟ
Are you tired of keeping going in my mind?เหนื่อยไหมที่ต้องคอยอยู่ในใจฉัน
Do you know which side of my heart? It’s beside you.รู้ไหมว่าใจฉันอยู่ด้านไหน มันอยู่ด้านเธอ
No matter how horrible I feel, when I see your enchanting smile, everything becomes alright.ไม่ว่าฉันจะรู้สึกแย่แค่ไหน แต่เมื่อฉันเห็นรอยยิ้มอันน่าหลงใหลของเธอ ทุกอย่างก็กลายเป็นปกติ
Our love shines in my heart like the Sun that shines upon the Earth.ความรักของเธอส่องอยู่ในใจของฉันเหมือนดวงอาทิตย์ส่องแสงบนโลก
I’ve finished reading the book “10 Ten Thousand Questions Why” but I still can’t answer why I love you.ฉันอ่านหนังสือ “หมื่นคำถาม” แต่ยังตอบไม่ได้ว่าทำไมฉันถึงรักเธอ
I’m trying my best to fall asleep, but I can’t stop thinking about you.ฉันพยายามนอนหลับให้ดีที่สุดแล้วแต่ก็หยุดคิดถึงเธอไม่ได้
If I had a dollar for every time I snicker secretly having you in my mind I think my bank account would show up millions.ถ้าเงินเพิ่มขึ้น 1 ดอลลาร์ทุกครั้งที่ฉันยิ้มเวลานึกถึงเธอ ฉันคิดว่าบัญชีธนาคารของฉันคงจะมีเงินหลายล้านดอลลาร์แล้วแหละ
I think of you only twice a day. That’s when I am alone and when I am with someone else.ฉันคิดถึงคุณแค่วันละสองครั้ง นั่นคือตอนที่ฉันอยู่คนเดียวและตอนที่ฉันอยู่กับคนอื่น
Forget everything that surrounds you. Think that there’s just you and me in this wide world.ลืมทุกสิ่งรอบตัวเธอเถอะ คิดว่ามีเพียงเธอและฉันในโลกใบใหญ่นี้ก็พอ
You are like my morning coffee. You power me through the day.เธอเป็นเหมือนกาแฟยามเช้า เธอทำให้ฉันมีพลังตลอดทั้งวัน
If you live to be a hundred, I wish to live to be a hundred minus one day so I never have to live without you.ถ้าคุณอยู่ถึงร้อยปี ฉันขออยู่หนึ่งร้อยลบสักวันหนึ่ง จะได้ไม่ต้องอยู่โดยไม่มีคุณ
I wish I were your mirror so I could look at your charming glamorous self every morning.ฉันอยากเป็นกระจกของเธอ จะได้มองเห็นเสน่ห์ของเธอทุกเช้า
I always have many roads to go, but I take the one which leads to you.ฉันมักจะมีเส้นทางมากมายให้เดินไป แต่ฉันจะเลือกเส้นทางที่ไปสู่เธอ
Could you stop being so alluring? You’re driving me crazy.เธอหยุดมีเสน่ห์แบบนี้ได้ไหม เธอกำลังทำให้ฉันเป็นบ้า
There is no word in the dictionary that can explain your type of fascinating beauty.ไม่มีคำใดในพจนานุกรมที่สามารถอธิบายความงามอันมีเสน่ห์ของเธอได้
If there was a flower for every time I thought of you, I could walk in my garden forever.ถ้ามีดอกไม้ทุกครั้งที่คิดถึงเธอ ฉันจะเดินเล่นในสวนของฉันตลอดไป
You are just a gentle breeze. But my love for you is much stronger than a storm!เธอเป็นแค่สายลมที่อ่อนโยน แต่ความรักที่ฉันมีต่อเธอนั้นแข็งแกร่งยิ่งกว่าพายุ
I feel like my tooth hurts because you’re so sweet.ฉันปวดฟันเพราะเธอหวานเกินไป
I am good with directions, but I get lost under your ocean eyes every time.แม้ว่าฉันจะมีแผนที่หรือเข็มทิศ ฉันก็หนีไม่พ้นเสน่ห์แห่งดวงตาของเธอ
It’s cold outside, but maybe you don’t feel cold because you’re in my heart.ข้างนอกหนาวมากแต่ฉันไม่รู้สึกหนาวเลยเพราะฉันกําลังอยู่ในใจเธอแล้ว
ประโยคจีบแบบเล่นคําแสนหวานและนุ่มนวล

วิธีตอบสนองต่อการจีบภาษาอังกฤษ

ตอบรับการจีบด้วยการตกลง

วิธีตอบสนองความหมายตัวอย่าง
I’m totally into…ฉันชอบเขาจริงPeter: He was flirting with you! (เขากำลังจีบคุณอยู่)
Emma: I know, I’m totally into him. (ฉันรู้ ฉันก็ชอบเขาจริงๆ)
We are meant for each other or we are meant to beเราถูกสร้างมาเพื่อกันและกันYou know I’m glad we have been talking these past few days. I really think we may be meant to be (คุณก็รู้ว่าฉันดีใจที่เราได้พูดคุยกันในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา ฉันคิดว่าเราถูกสร้างมาเพื่อกันและกันจริง ๆ)
I’m falling for youฉันหลงรักเธอPeter: I think I’m falling for you.(ฉันคิดว่าฉันหลงรักเธอเข้าแล้ว)
Emma: Me too.(ฉันก็เหมือนกัน)
Get togetherพบกันLouis: I’d like to get together sometime. (ฉันอยากพบคุณสักวันหนึ่ง)
Mia: How are you still single? I’d date you if I had the chance. (ทําไมคุณยังโสดอยู่ ฉันจะเดทกับคุณถ้าฉันมีโอกาส)
วิธีตอบสนองต่อการจีบภาษาอังกฤษ

ตอบรับการจีบด้วยการปฏิเสธ

วิธีตอบสนองความหมายตัวอย่าง
Sorry, not interestedขอโทษ ฉันไม่สนใจI’m sorry, but I’m not interested: ขอโทษ แต่ฉันไม่สนใจ
ถ้าคุณอยู่ในสถานการณ์ที่เป็นทางการและต้องการปฏิเสธอย่างสุภาพมากขึ้น ให้พูดว่า “I appreciate the compliment but I’m not really looking for a relationship right now.” (ฉันขอขอบคุณสําหรับคำชมของคุณ แต่ฉันไม่ได้มองหาความสัมพันธ์ในขณะนี้)
Get lostไปให้พ้น/ไปซะนี่เป็นวิธีปฏิเสธที่ค่อนข้างรุนแรงและหยาบคายเมื่อคุณไม่ต้องการได้รับความสนใจหรือจีบจากผู้อื่น คำตอบนี้แสดงว่าคุณต้องการให้บุคคลนั้นหนีไปให้ไกล ไปที่ไหนสักแห่ง และไม่ต้องการให้พวกเขารบกวนคุณอีกต่อไป
ตัวอย่าง: 
Peter: How about I buy you a drink? (ผมขอซื้อน้ำให้คุณได้ไหม?) 
Mia: Get lost. (ไปให้พ้นซะ)

>>> Read more:

บทความข้างต้นคือการรวบรวมประโยคจีบภาษาอังกฤษเพื่อให้คุณสามารถนําไปประยุคต์ใช้ในสถานการณ์จริงได้ นอกจากนี้อย่าลืมเข้ามาที่ ELSA Speak เป็นประจำเพื่อเรียนรู้การสื่อสารและคำศัพท์ภาษาอังกฤษทุกวันกันนะ