Modal verb คืออะไร? ความรู้ทั้งหมดเกี่ยวกับกริยาช่วย

คำกริยาช่วย – modal verb (อยู่ในกลุ่มของกริยาช่วย) เป็นหนึ่งในคำกริยาที่ใช้บ่อยที่สุดในภาษาอังกฤษ

เพื่อสานต่อชุดบทความแบ่งปันความรู้เกี่ยวกับจุดสำคัญทางไวยากรณ์ วันนี้ ELSA Speak จะแบ่งปันความรู้ “ทั้งหมด” ที่เกี่ยวข้องกับกริยาที่ใช้บ่อยสองประเภท คือ Modal Verb และ Semi-modal Verb

ติดตามบทความต่อไปนี้และสังเกตส่วนสำคัญไว้นะ!

สอบก่อนเข้าฟรี

{{(sIndex/sentences.length)*100}}%
{{ sentences[sIndex].text }}.
loading
modal verb mindmap

Modal Verbs (คำกริยาช่วย) 

คำกริยาช่วย คืออะไร

คำนิยาม: Modal verb (กริยาช่วย) / Modal Auxiliary Verb คือกริยาช่วยที่ได้ใช้เพื่อเพิ่มข้อมูลให้กริยาหลักที่ตามหลังมัน และไม่ได้บ่งชี้ถึงการกระทำคำกริยาช่วย มักจะใช้บ่อย เช่น can, could, must, may, might, should, would, will, shall, ought to… 

ตัวอย่าง:

  • คำกริยาการกระทำ ‘sing’ – ซึ่งหมายถึง “ร้องเพลง” ถ้าเราเติมคำกริยาช่วย ‘can’ – “สามารถ (ทำอะไร) ได้” ข้างหน้า เราจะมี ‘can sing’ – “สามารถร้องเพลงได้”
  • เรามีกริยาเชื่อม ‘become’ – ‘กลายเป็น’ เราเพิ่มคำกริยาช่วย ‘will’ – “จะ” ข้างหน้า เราจะมี ‘will become’ – “จะกลายเป็น”

หมายเหตุ: จะมีบางกรณีที่กริยาช่วยยืนอยู่คนเดียว ไม่ได้ตามด้วยกริยา infinitive นั่นก็คือก่อนหน้านี้ กริยา infinitive ที่เราต้องการใช้ถูกใช้ไปแล้ว และตอนนี้เราสามารถย่อให้สั้นลงเพื่อหลีกเลี่ยงการทำซ้ำ

ตัวอย่างประโยค:

  • ประโยคเต็ม: His elder sister can swim, but he can’t swim.

⟶ พี่สาวของเขาว่ายน้ำได้ แต่เขาว่ายน้ำไม่เป็น 

  • ประโยคสั้นลง: His elder sister can swim, but he can’t.

⟶ พี่สาวของเขาว่ายน้ำได้ แต่เขาทำไม่ได้

การจำแนกคำกริยาช่วยตามหน้าที่คำกริยาช่วย

คำกริยาช่วย มีอยู่ 4 ประเภทหลักๆ ที่ ELSA Speak จำแนกไว้ดังนี้:

4 loại Modal Verb

หมายเหตุ: แม้ว่า ‘need’ จะเป็น Semi-modal verb แต่ก็เป็นคำกริยาใช้บ่อยเมื่อพูดถึง ‘necessity’ ดังนั้น ELSA Speak จึงรวม ‘need’ ไว้ในตารางด้านบน

modal verb - can
could
 must
 may
might
 would
modal verb - should
modal verb - will
modal verb - shall

วิธีการใช้คำกริยาช่วยโดยทั่วไปในภาษาอังกฤษ

คำกริยาช่วย – ‘can’

สูตร:

เช่นเดียวกับคำกริยาช่วยอื่นๆ คำว่า ‘can’ มาก่อนกริยา infinitive คำกริยาที่ ‘can’ นำหน้ามักจะเป็นกริยาเชื่อมโยง (Linking Verb) หรือกริยาปกติ (หรือเรียกอีกอย่างว่า ‘กริยาการกระทำ’ ในภาษาอังกฤษคือ ‘Action Verb’) ในรูปแบบ infinitive

โครงสร้าง: Subject + can/ can’t + verb (infinitive) + …

หน้าที่:

หน้าที่ตัวอย่าง
1. พูดถึงพรสวรรค์ ความสามารถ ทักษะ ฯลฯ ของผู้คนที่ยังคงมีอยู่ในปัจจุบัน– I can’t become a singer. 
⟶ ฉันไม่สามารถเป็นนักร้องได้
2. พูดถึงความสามารถหรือไม่สามารถทำอะไรได้ในปัจจุบันซึ่งถูกกำหนดโดยปัจจัยภายนอก– It’s raining hard outside. We can’t go to the zoo now. 
⟶ ข้างนอกฝนตกหนัก พวกเราไม่สามารถไปสวนสัตว์ได้ในตอนนี้
⟶ ปัจจัยภายนอก: ฝนตก
3. แนะนำให้ทำอะไร หรือแนะนำให้ใครทำอะไร– If you want to lose weight, you can go to the gym.
⟶ หากคุณต้องการลดน้ำหนัก คุณสามารถไปที่โรงยิม   
4. ใช้ในประโยคคำถาม Yes- No เพื่อขอความช่วยเหลือหรือขออนุญาตอย่างเป็นมิตร ใกล้ชิด และไม่เป็นทางการ– Lily, can you pass me the salt?
⟶ ลิลลี่ คุณช่วยส่งเกลือให้ฉันทีได้ไหม

คำกริยาช่วย – ‘could’

สูตร:

เช่นเดียวกับ Modal Verb อื่นๆ คำว่า ‘could’ มาก่อนกริยา infinitive คำกริยาที่ ‘could’ นำหน้ามักจะเป็นกริยาเชื่อมโยง (Linking Verb) หรือกริยาปกติ (หรือเรียกอีกอย่างว่า ‘กริยาการกระทำ’ ในภาษาอังกฤษคือ ‘Action Verb’) ในรูปแบบ infinitive

โครงสร้าง: Subject + could/ couldn’t + verb (infinitive) + …

หน้าที่:  

หน้าที่ตัวอย่าง
1. พูดถึงพรสวรรค์ ความสามารถ ทักษะ ฯลฯ ของผู้นในอดีตแต่ปัจจุบันไม่มีแล้ว หรือในทางกลับกัน ปัจจุบันมี แต่อดีตไม่มี– When I was young, I could calculate very fast.
⟶ เมื่อฉันยังเด็ก ฉันสามารถคิดเลขเร็วมาก
2. พูดถึงความสามารถหรือไม่สามารถทำอะไรได้ในอดีต ซึ่งถูกกำหนดโดยปัจจัยภายนอก แต่ปัจจุบันแตกต่างออกไปแล้ว– When we first moved here, we could use the washing machine for free, but now, the landlord doesn’t let us do that. 
⟶ เมื่อก่อนพวกเราย้ายมาที่นี่มี เครื่องซักผ้าให้ใช้ฟรี แต่ตอนนี้ เจ้าของบ้านไม่ให้พวกเราทำแบบนั้นแล้ว
3. ใช้ในประโยคคำถาม Yes-No เพื่อขออนุญาตทำบางสิ่ง (โดยปกติแล้วสิ่งที่เราถือว่าใหญ่/สำคัญ/…) อย่างเป็นทางการและสุภาพ

– ในการขออนุญาตอย่างเป็นกันเองและเป็นทางการน้อยกว่า เราใช้ ‘can’

– เพื่อให้เป็นทางการมากกว่า ‘could’ เราสามารถใช้ ‘may’ 
– Could we borrow your laptop?
⟶ เราขอยืมแล็ปท็อปของคุณได้ไหม

– Could we delay this meeting?
⟶ เราขอชะลอการประชุมนี้ได้ไหม
4. ใช้ในประโยคคำถาม Yes-No เพื่อขอความช่วยเหลืออย่างเป็นทางการ โดยมักจะใช้ร่วมกับ please เพื่อเน้นความเร่งด่วน– Could you please send me that client’s contact information? 
⟶ คุณช่วยส่งข้อมูลติดต่อของลูกค้ารายนั้นให้ฉันได้ไหม

คำกริยาช่วย – ‘must’

สูตร:

เช่นเดียวกับ Modal Verb อื่นๆ คำว่า ‘must’ มาก่อนกริยา infinitive คำกริยาที่ ‘must’ นำหน้ามักจะเป็นกริยาเชื่อมโยง (Linking Verb) หรือกริยาปกติ (หรือเรียกอีกอย่างว่า ‘กริยาการกระทำ’ ในภาษาอังกฤษคือ ‘Action Verb’) ในรูปแบบ infinitive

โครงสร้าง: Subject + must/ mustn’t + verb (infinitive) + …*

หมายเหตุ: มีหน้าที่ที่ใช้เฉพาะ ‘must’ และมีหน้าที่ที่ใช้เฉพาะ ‘mustn’t’

หน้าที่: 

หน้าที่ตัวอย่าง
1. ใช้ must เพื่อแสดงการกระทำที่ในปัจจุบันหัวเรื่องเองคิดว่าจำเป็นมาก จำเป็นต้องทำ– Oh, it’s almost 5pm. I must go now.
⟶ โอ้ เกือบ 5 โมงเย็นแล้ว ฉันต้องไปตอนนี้

วิเคราะห์: หัวเรื่องเองคิดว่ามันจำเป็น ไม่มีใครบังคับ
2. ใช้ must เพื่อแสดงข้อความที่ผู้พูดคิดว่า มีความถูกต้องสูงในปัจจุบัน เทียบเท่ากับวลี “คงจะ” หรือ “แน่นอนคือ”– She worked very hard this afternoon. Now, she must be tired. 
⟶ เธอทำงานหนักมากในบ่ายวันนี้ ตอนนี้เธอคงจะเหนื่อย
3. ใช้ must เพื่อแสดงว่า มีคนถูกบังคับให้ทำบางอย่างเนื่องจากเป็นข้อกำหนดในกฎหมายหรือในกฎขององค์กร– Everyone must wear a seatbelt while they are driving.
⟶ ทุกคนต้องคาดเข็มขัดนิรภัยขณะขับขี่

วิเคราะห์: นี่เป็นข้อบังคับในกฎหมายจราจร
4. ใช้ mustn’t เพื่อแสดงว่า มีคนถูกห้ามไม่ให้ทำสิ่งใดสิ่งหนึ่ง เนื่องจากเป็นข้อกำหนดในกฎหมายหรือในกฎขององค์กร– Everyone mustn’t drive after drinking alcohol.
⟶ ทุกคนไม่ได้ขับรถหลังจากดื่มแอลกอฮอล์

คำกริยาช่วย – ‘may’

สูตร:

เช่นเดียวกับ Modal Verb อื่นๆ คำว่า ‘may’ มาก่อนกริยา infinitive คำกริยาที่ ‘may’ นำหน้ามักจะเป็นกริยาเชื่อมโยง (Linking Verb) หรือกริยาปกติ (หรือเรียกอีกอย่างว่า ‘กริยาการกระทำ’ ในภาษาอังกฤษคือ ‘Action Verb’) ในรูปแบบ infinitive

โครงสร้าง: Subject + may (not) + verb (infinitive) + …

หน้าที่:  

หน้าที่ตัวอย่าง
1. แสดงว่าบางสิ่งอาจเกิดขึ้นหรือไม่เกิดขึ้นในปัจจุบันหรืออนาคตโดยมีความแน่นอนค่อนข้างต่ำ (ประมาณ 50%)– She doesn’t look very happy. She may not like the present.
 ⟶ เธอดูไม่ค่อยมีความสุขนัก เธออาจไม่ชอบของขวัญ
2. ใช้ในประโยคคำถาม Yes-No เพื่อขออนุญาตทำบางสิ่งหรือเสนอให้ช่วยเหลือผู้อื่นอย่างเป็นทางการและสุภาพ (มากกว่า ‘could’)– May I help you carry your luggage, madam?
⟶ ให้ฉันช่วยถือกระเป๋าได้ไหม คุณผู้หญิง?

คำกริยาช่วย – ‘might’

สูตร:

เช่นเดียวกับ Modal Verb อื่นๆ คำว่า ‘might’ มาก่อนกริยา infinitive คำกริยาที่ ‘might’ นำหน้ามักจะเป็นกริยาเชื่อมโยง (Linking Verb) หรือกริยาปกติ (หรือเรียกอีกอย่างว่า ‘กริยาการกระทำ’ ในภาษาอังกฤษคือ ‘Action Verb’) ในรูปแบบ infinitive

โครงสร้าง: Subject + might (not) + verb (infinitive) + …

หน้าที่: 

หน้าที่ตัวอย่าง
แสดงว่าบางสิ่งอาจเกิดขึ้นหรือไม่เกิดขึ้นในปัจจุบันหรืออนาคตโดยมีความแน่นอนค่อนข้างต่ำ ต่ำกว่า may (ประมาณ 30%)– He might like this present. To be honest, I’m not sure because I don’t know him well. 
⟶ เขาอาจจะชอบของขวัญชิ้นนี้ พูดตามตรง ฉันก็ไม่แน่ใจเพราะฉันไม่รู้จักเขาดีพอ

คำกริยาช่วย – ‘will’

สูตร:

เช่นเดียวกับ Modal Verb อื่นๆ คำว่า ‘will’ มาก่อนกริยา infinitive คำกริยาที่ ‘will’ นำหน้ามักจะเป็นกริยาเชื่อมโยง (Linking Verb) หรือกริยาปกติ (หรือเรียกอีกอย่างว่า ‘กริยาการกระทำ’ ในภาษาอังกฤษคือ ‘Action Verb’) ในรูปแบบ infinitive

โครงสร้าง: Subject + will/ won’t + verb (infinitive) + …

หน้าที่:    

หน้าที่ตัวอย่าง
1. ‘will’ ใช้ใน Future Simple Tense เพื่อแสดงแบบทั่วไปเกี่ยวกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นหรือไม่เกิดขึ้นในอนาคต– She will come here soon.
⟶ เธอจะมาที่นี่ในไม่ช้า
2. เฉพาะเจาะจงกว่าการใช้ที่ 1 ‘will’ หรืออีกนัยหนึ่งคือ Present Simple Tense ยังใช้เพื่อแสดงการคาดคะเนเชิงอัตนัยที่ไม่มีมูลความจริงเกี่ยวกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นหรือไม่เกิดขึ้นในอนาคต– I think that employee will become the new manager although I don’t know how she works.
⟶ ฉันคิดว่าพนักงานคนนั้นจะกลายเป็นผู้จัดการคนใหม่ แม้ว่าฉันจะไม่รู้ว่าเธอทำงานอย่างไร 
3. เฉพาะเจาะจงกว่าการใช้ที่ 1 ‘will’ หรืออีกนัยหนึ่งคือ Present Simple Tense ยังใช้เพื่อแสดงการตัดสินใจในขณะที่พูดโดยไม่ต้องคิดในช่วงระยะเวลาหนึ่งมาก่อน– A customer who is trying juice at a supermarket: ‘This juice tastes good. I will buy it.’
⟶ ลูกค้าคนหนึ่งที่กำลังลองน้ำผลไม้ที่ซูเปอร์มาร์เก็ต: ‘น้ำผลไม้นี้รสชาติดี ฉันจะซื้อมัน’

วิเคราะห์: ลูกค้าชิมน้ำผลไม้แล้วเห็นว่ารสชาติดี จึงตัดสินใจซื้อโดยไม่ต้องคิดในช่วงระยะเวลาหนึ่งก่อนพูด
4. การให้คำมั่นสัญญาว่า จะทำหรือไม่ทำอะไรในอนาคต สามารถใช้ในอนุประโยคที่ 2 หลังจาก ‘I/ We promise (that)’ เพื่อเน้นย้ำว่านี่คือคำสัญญา– (I promise) I will love you forever.
⟶ (ฉันสัญญาว่า) ฉันจะรักเธอตลอดไป

คำกริยาช่วย – ‘would’

สูตร:

เช่นเดียวกับ Modal Verb อื่นๆ คำว่า ‘would’ มาก่อนกริยา infinitive คำกริยาที่ ‘would’ นำหน้ามักจะเป็นกริยาเชื่อมโยง (Linking Verb) หรือกริยาปกติ (หรือเรียกอีกอย่างว่า ‘กริยาการกระทำ’ ในภาษาอังกฤษคือ ‘Action Verb’) ในรูปแบบ infinitive

โครงสร้าง: Subject + would/ wouldn’t + verb (infinitive) + …

หน้าที่:  

หน้าที่ตัวอย่าง
1. ‘would รวมกับคำกริยา ‘like’ เพื่อแสดงความต้องการบางอย่างหรือทำบางสิ่งบางอย่าง (มีความหมายเหมือนกับ ‘want’ แต่เป็นทางการมากกว่า)

โครงสร้าง:– would like + noun– would like + to-verb (infinitive)
– Our boss would like to see you now.
⟶ เจ้านายของเราต้องการพบคุณในตอนนี้
2. ‘would’ รวมกับคำกริยา ‘mind’ ในประโยคคำถาม Yes-No: – ขอให้ใครสักคนทำอะไรซักอย่างโครงสร้าง: Would you mind + v-ing + …+ ?

– ขอให้ทำอะไรโครงสร้าง: Would you mind + if + S + verb(-s/es) + …+ ?  
– Would you mind closing the window?
⟶ คุณช่วยปิดหน้าต่างได้ไหม
3. ‘would’ หรือ ‘wouldn’t’ รวมกับกริยา infinitive เพื่อแสดงว่า ในอดีตหัวเรื่องเคยมีหรือไม่มีนิสัยบางอย่าง– When she was young, she would read books after school.
⟶ เมื่อเธอยังเด็ก เธอจะอ่านหนังสือหลังเลิกเรียน
4. ‘would’ หรือ ‘wouldn’t’ ยังปรากฏในอนุประโยคหลักประเภทที่ 2 และประเภทที่ 3 ของประโยคเงื่อนไขด้วย– If I were you, I wouldn’t buy that expensive watch.
⟶ ถ้าฉันเป็นคุณ ฉันจะไม่ซื้อนาฬิกาที่แพงขนาดนั้น
elsa speak official

คำกริยาช่วย – ‘shall’

สูตร:

เช่นเดียวกับ Modal Verb อื่นๆ คำว่า ‘shall’ มาก่อนกริยา infinitive คำกริยาที่ ‘shall’ นำหน้ามักจะเป็นกริยาเชื่อมโยง (Linking Verb) หรือกริยาปกติ (หรือเรียกอีกอย่างว่า ‘กริยาการกระทำ’ ในภาษาอังกฤษคือ ‘Action Verb’) ในรูปแบบ infinitive

โครงสร้าง: Subject + shall/ shan’t + verb (infinitive) + …

หน้าที่: 

หน้าที่ตัวอย่าง
1. ‘shall’ ใช้ในประโยคคำถาม Yes-No เพื่อแนะนำให้ทำบางสิ่งหรือเพื่อถามว่ามีใครควรทำบางอย่างหรือไม่Shall we go shopping after work?
⟶ หลังเลิกงานเราไปช้อปปิ้งกันไหม?    
2. ‘shall’ สามารถใช้กับหัวเรื่อง ‘I’ หรือ ‘we’ เพื่อแสดงหรือทำนายว่า บางสิ่งจะเกิดขึ้นหรือไม่เกิดขึ้นในอนาคต อย่างไรก็ตาม หน้าที่นี้ค่อยๆ ถูกใช้น้อยลง– This time next week, I shall be in Bangkok.  
⟶ อาทิตย์หน้าเวลานี้ฉันจะเข้ากรุงเทพฯ
3. ‘shall’ ยังใช้เพื่อทำการร้องขอหรือคำสั่ง– Now, you shall show me your ID card.  
⟶ ตอนนี้ คุณต้องแสดงบัตรประชาชนของคุณให้ฉันดู

คำกริยาช่วย – ‘should’

สูตร:

เช่นเดียวกับ Modal Verb อื่นๆ คำว่า ‘should’ มาก่อนกริยา infinitive คำกริยาที่ ‘should’ นำหน้ามักจะเป็นกริยาเชื่อมโยง (Linking Verb) หรือกริยาปกติ (หรือเรียกอีกอย่างว่า ‘กริยาการกระทำ’ ในภาษาอังกฤษคือ ‘Action Verb’) ในรูปแบบ infinitive

โครงสร้าง: Subject + should/ shouldn’t + verb (infinitive) + …

หน้าที่:  

หน้าที่ตัวอย่าง
1.ใช้เพื่อแนะนำผู้คนว่าควร/ไม่ควรทำอะไร– If you want to earn lots of money, you should work hard.
⟶ ถ้าคุณอยากได้เงินมาก คุณควรทำงานอย่างขยัน
2. – เหมือนกับวิธีการใช้ที่ 1 แต่ใช้ตามหลัง ‘I think’ หรือ ‘I don’t think’ เพื่อเน้นการแสดงความคิดเห็น

– หมายเหตุ:เราแค่พูดว่า ‘I don’t think + S + should…’เราไม่พูดว่า ‘I think + S + shouldn’t…’
– We don’t think they should use that old car.
⟶ เราไม่คิดว่าพวกเขาควรใช้รถเก่านั้น
DON’T say: We think they shouldn’t use that old car. 
 4 เคล็ดลับสำหรับการเรียนด้วย ELSA Speak

คำกริยาช่วย – ‘ought to’

สูตร:

แตกต่างจากคำกริยาช่วยอื่นๆเล็กน้อย กริยานี้มีการเพิ่ม ‘to’ เข้าไปด้วย อย่างไรก็ตาม เราก็ปฏิบัติเหมือนกริยาช่วยอื่นๆ และปล่อยให้นำหน้ากริยา infinitive คำกริยาที่ ‘ought to’ นำหน้ามักจะเป็นกริยาเชื่อมโยง (Linking Verb) หรือกริยาปกติ (หรือเรียกอีกอย่างว่า ‘กริยาการกระทำ’ ในภาษาอังกฤษคือ ‘Action Verb’) ในรูปแบบ infinitive

โครงสร้าง: Subject + ought (not) to + verb (infinitive) + …

หน้าที่:

หน้าที่ตัวอย่าง
– เช่นเดียวกับ ‘should’, ‘ought to’ ใช้เพื่อแนะนำผู้คนว่าควร/ไม่ควรทำอะไร
– แต่ว่า ‘ought to’ เป็นทางการมากกว่า
– ในขณะเดียวกัน ‘should’ หมายถึงคำแนะนำที่ได้รับจากความเห็นส่วนตัวของผู้พูดและมักจะเป็นเรื่องส่วนตัว ส่วน ‘ought to’ หมายถึงคำแนะนำที่ได้รับจากความเห็นทั่วไปของคนส่วนใหญ่ในสังคม
– A child ought to take care of their parents when they are old.
⟶ ลูกๆควรดูแลพ่อแม่ยามแก่เฒ่า


– You ought not to disrespect others.
⟶ คุณไม่ควรดูหมิ่นผู้อื่น

Semi-modal verb

คำนิยามเกี่ยวกับ Semi-modal Verb

ตามชื่อเลย Semi-modal Verb สามารถอยู่นำหน้ากริยาอื่น (infinitive และไม่ใช่ Modal Verb) เพื่อเพิ่มข้อมูลเพิ่มเติมให้กับกริยานั้น และในขณะเดียวกันก็สามารถเป็นกริยาปกติที่จะอยู่โดด ๆ ไม่มีหน้าที่เพิ่มข้อมูลเพิ่มเติมให้กริยาอื่น

ตัวอย่าง: My son daren’t go out alone at night.

⟶ ลูกชายของฉันไม่กล้าออกไปคนเดียวตอนกลางคืน

⟶ ‘daren’t’ – “ไม่กล้า” เป็นรูปแบบเชิงลบของ ‘dare’ – “กล้า” ที่นี่ ‘daren’t’ เป็น modal verb ที่นำหน้าด้วยคำกริยาการกระทำ ‘go’ ในรูปแบบ infinitive เพื่อเพิ่มข้อมูลเพิ่มเติมให้กับ ‘go’

  + My daughter doesn’t dare to go out alone at night.

⟶ ในกรณีนี้ ‘dare’ ไม่ใช่ modal verb แต่เป็นกริยาหลัก ใช้แยกกันและไม่เพิ่มข้อมูลเพิ่มเติมให้กริยาอื่น

เราเห็นว่ากริยา ‘dare’ ถูกผันในรูปปฏิเสธใน Present Simple Tense เมื่อหัวเรื่องเป็นบุคคลที่สามเอกพจน์ (my son) ดังนั้นจึงมีรูปแบบ: ‘doesn’t dare’ หลัง ‘dare’ มีส่วน ‘to go’ เพียงเพราะเมื่อกริยาหลักตามด้วยกริยาอื่น กริยาที่ตามหลังต้องเป็น to-verb (infinitive) หรือ v-ing

ขึ้นอยู่กับกริยาหลัก กริยาที่ตามหลังจะมีรูปแบบ to-verb (infinitive) หรือ v-ing และสำหรับกริยา ‘dare’ ควรตามด้วย to-verb (infinitive)

Semi-modal Verb ที่ใช้บ่อยที่สุดสองคำในภาษาอังกฤษคือ ‘need‘ และ ‘dare

Semi-modal Verb มักจะใช้บ่อย โครงสร้างและหน้าที่

‘need’

สูตร:

+ เมื่อเป็น Semi-modal Verb:

* หมายเหตุ: ‘need’ มีอยู่เฉพาะในรูปแบบ modal verb เมื่ออยู่ในเชิงลบและใน Present Simple Tense

โครงสร้าง: Subject + needn’t + verb (infinitive) + …

+ เมื่อเป็นคำกริยาปกติ:

  • เราจะขึ้นอยู่กับบริบทในประโยคเพื่อผัน ‘need’ ตาม tense ในภาษาอังกฤษ (ยกเว้น Continuous Tense) และ ‘need’ อยู่ในรูปปฏิเสธหรือยืนยัน จึงไม่มีโครงสร้างทั่วไปที่แน่นอน
  • ตามหลัง need สามารถเป็น noun/ v-ing หรือ to-verb (infinitive)

หน้าที่:

หน้าที่ตัวอย่าง
อธิบายว่าต้องการหรือไม่ต้องการบางสิ่งหรือทำบางสิ่ง– I needn’t get up early every day because I live near my company.
⟶ ฉันไม่ต้องตื่นเช้าทุกวันเพราะฉันอยู่ใกล้บริษัท

วิเคราะห์: ‘need’ อยู่ในรูปแบบ modal verb และ Present Simple Tense

‘dare’

สูตร:

+ เมื่อเป็น Semi-modal Verb:                       

  • เมื่ออยู่ในรูป modal verb ‘dare’ เป็นเพียงอกรรมกริยาและหมายถึง ‘กล้าที่จะทำอะไร’ ไม่มีโครงสร้างทั่วไปที่แน่นอน เพราะไม่เหมือนกับ ‘need’ คำว่า ‘dare’ สามารถใช้เป็น modal verb ได้ในทุก tense ยกเว้นใน Continuous Tense และในรูปแบบยืนยัน – ปฏิเสธเช่นกัน 
  • ดังนั้นจึงมีลักษณะพิเศษตรงที่ ‘dare’ แม้จะอยู่ในรูป modal verb ก็ยังสามารถผันตาม tense ได้เหมือนกริยาปกติ มีเพียงรายละเอียดเดียวที่ทำให้แตกต่างคือ ‘dare’ ในรูปกริยาปกติ: ตามด้วยกริยา infinitive โดยไม่มี ‘to’

ตัวอย่างที่ 1: She didn’t dare go out that night.

⟶ คืนนั้นเธอไม่กล้าออกไปไหน

⟶ ‘dare’ ในรูปแบบ modal verb ยังคงผันตาม Simple Past Tense เหมือนกริยาปกติ (didn’t dare) และตามด้วย ‘go’ – verb (infinitive) ไม่ใช่กับ ‘to go’ – to- verb (infinitive)

ตัวอย่างที่ 2: My son doesn’t dare drive alone.

⟶ ลูกชายไม่กล้าขับรถคนเดียว

⟶ ‘dare’ ในรูปแบบ modal verb ยังคงผันตาม Simple Past Tense เหมือนกริยาปกติ (doesn’t dare) และตามด้วย ‘drive’ – verb (infinitive) ไม่ใช่กับ ‘to drive’ – to-verb (infinitive)

  • อย่างไรก็ตาม เมื่อใช้รูปปฏิเสธของ ‘dare’ ในรูปแบบ modal verb ใน Present Simple Tense เราสามารถใช้ ‘daren’t’ แทน ‘don’t/ doesn’t dare’

ตัวอย่าง: My son daren’t drive alone.

+ เมื่อเป็นคำกริยาปกติ:

  • ขึ้นอยู่กับบริบทในประโยค เราจะผัน ‘dare’ ตาม tense ในภาษาอังกฤษ (ยกเว้น Continuous Tense) และ ‘dare’ อยู่ในรูปปฏิเสธหรือยืนยัน จึงไม่มีโครงสร้างทั่วไปที่แน่นอน
  • เมื่อ ‘dare’ อยู่ในรูปกริยาปกติ มันสามารถเป็นได้ทั้งอกรรมกริยาและสกรรมกริยา
  • ในฐานะที่เป็นอกรรมกริยา ‘dare’ มีความหมายว่า ‘กล้า (ทำอะไร)’ และตามหลัง ‘dare’ คือคำกริยา (infinitive)

ตัวอย่าง: My father dared to jump into the river.

⟶ พ่อของฉันกล้าที่จะกระโดดลงไปในแม่น้ำ

  • ในฐานะที่เป็นสกรรมกริยา ‘dare’ มีความหมายว่า ‘ท้าทาย (ใครทำอะไร)’ และตามหลัง ‘dare’ คือ object + to-verb (infinitive)

ตัวอย่าง: My father dared me to jump into the river.

⟶ พ่อของฉันท้าให้ฉันกระโดดลงไปในแม่น้ำ

หน้าที่:

หน้าที่ตัวอย่าง
1. อธิบายถึงสิ่งที่บางคนกล้าหรือไม่กล้าทำ ตอนนี้  ‘dare’ เป็นอกรรมกริยา สำหรับหน้าที่นี้ เราสามารถใช้ ‘dare’ ได้ทั้งในรูปแบบ modal verb และกริยาปกติ

หมายเหตุ: เมื่อ ‘dare’ เป็นอกรรมกริยาที่แสดงความหมาย ‘กล้า (ทำอะไร)’ ส่วนใหญ่จะใช้ในประโยคคำถาม หรือประโยคปฏิเสธ โดยไม่ค่อยใช้ในประโยคยืนยัน
– Our children daren’t play with that dog.
⟶ ลูกของเราไม่กล้าเล่นกับสุนัขตัวนั้น

วิเคราะห์: ‘dare’ อยู่ในรูปแบบ modal verb Present Simple Tense และประโยคปฏิเสธ
2. อธิบายการท้าทายให้ใครบางคนทำอะไร ในกรณีนี้ ‘dare’ เป็นสกรรมกริยา และสามารถใช้เป็นคำกริยาปกติเท่านั้น– The kids dared my son to steal the apples in your tree.
⟶ เด็กๆ กล้าให้ลูกชายของฉันขโมยแอปเปิ้ลจากต้นไม้ของคุณ

แบบฝึกหัดพร้อมเฉลย 

ข้อสอบ Modal verb พร้อมเฉลย

เติม Modal Verb ที่เหมาะสมลงในช่องว่างด้านล่างให้ถูกต้อง ในบางตำแหน่งจะมีคำตอบที่ถูกต้องมากกว่าหนึ่งข้อ หมายเหตุ:ในการตัดสินใจว่าจะใช้คำยืนยันหรือคำปฏิเสธ คุณต้องให้ความสนใจอย่างยิ่งกับบริบทในประโยค หากบริบทไม่ชัดเจนเพียงพอ คุณสามารถใช้ทั้งสองอย่างได้

He ……… (+) or ……… (-) like sports. I don’t know much about him. (possibility 30%)

Oh no! I may be late for work. I ……… go now.

……… we go to a coffee shop after work?

He ……… win that competition. (Honestly, I don’t know much about his ability.)

We ……… like a table for two.

You ……… ride your motorbike without wearing a helmet.

……… you please help me check this contract?

เฉลย:

1. might – might not

2. must

3. Shall

4. will/ won’t

5. Could

6. will

7. can’t

แบบฝึกหัดเกี่ยวกับ Semi-modal Verb

จัดเรียงคำด้านล่างเพื่อสร้างประโยคที่ถูกต้อง

1. those/ me/ touch/ to/ that/ kids/ dog/ dared/ .

2. at/ daren’t/ our/ go/ alone/ night/ son/ out/ .

3. rivers/?/ your/ sister/ younger/ to/ dare/ does/ in/ swim/

4. needn’t/ food/ party/ buy/ you/ more/ the/ for

5. night/ , / we/ dare/ get/ room/ into/ that/ scary/ didn’t/ last/ .

6. co-worker/ always/ help / my/ that/ needs/ .

7. live/ my/ I/ need/ early/ to/ because/ near/ I/ company/ get up/ don’t.

เฉลย:

1. Those kids dared me to touch that dog.

2. Our son daren’t go out alone at night.

3. Does your younger sister dare to swim in rivers?

4. You needn’t buy more food for the party.

5. Last night, we didn’t dare get into that scary room.

6. That co-worker always needs my help.

7. I don’t need to get up early because I live near my company.

ในบทความด้านบน ELSA Speak ก็ได้รวบรวมความรู้และประยุกต์แบบฝึกหัดเกี่ยวกับ Modal verb และ Semi-modal verb แล้ว ELSA Speak หวังว่าจากบทความข้างต้น คุณจะสามารถเชี่ยวชาญและใช้คำกริยาเหล่านี้ได้อย่างคล่องแคล่ว ขอบคุณมากที่อ่านบทความ แล้วพบกันใหม่ในบทความหน้านะ!

ELSA Pro ตลอดชีพ เพียง 2,744 บาท