Author: Bao Ngan Nguyen
มื้ออาหารเช้ามีความสำคัญมาก เพราะเป็นมื้อแรกของวัน และเป็นหัวข้อที่ใช้สื่อสารในชีวิตประจำวัน แล้ว อาหารเช้าภาษาอังกฤษ คืออะไร? พร้อม ELSA Speak เรียนรู้คำศัพท์และรูปแบบการสื่อสารมากกว่า 20 รายการ ที่เกี่ยวกับ อาหารเช้าภาษาอังกฤษ ผ่านบทความต่อไปนี้นะคะ!
อาหารเช้าภาษาอังกฤษคืออะไร?
อาหารเช้า ภาษาอังกฤษ คําอ่าน Breakfast /ˈbrɛkfəst/
ตัวอย่าง
1. When you wake up, the blood sugar your body needs is usually low, and breakfast helps replenish it.
เมื่อคุณตื่นนอน น้ำตาลในเลือดที่ร่างกายต้องการมักจะต่ำ และอาหารเช้าจะช่วยเติมเต็ม
2. Do not miss breakfast if you want to have enough power to perform throughout the day.
อย่าพลาดอาหารเช้า หากคุณต้องการให้มีพลังงานเพียงพอตลอดทั้งวัน
20+ คำศัพท์อังกฤษเกี่ยวกับอาหารเช้า
คำศัพท์เกี่ยวกับอาหารเช้าสไตล์ยุโรป
ชื่ออาหาร | สำเนียง | ความหมาย |
Marmalade | /ˈmɑː.mə.leɪd/ | แยมผิวส้ม |
Ham | /hæm/ | หมูแฮม |
Egg | /eɡ/ | ไข่ |
Bread | /bred/ | ขนมปัง |
Hot Chocolate | /ˌhɒt ˈtʃɒk.lət/ | ช็อกโกแลตร้อน |
Bacon | /ˈbeɪ.kən/ | เบคอน |
Donut | /ˈdəʊ.nʌt/ | ขนมโดนัท |
Porridge | /ˈpɒr.ɪdʒ/ | ข้าวต้ม |
Waffle | /ˈwɒf.əl/ | วาฟเฟิล |
Tomato | /təˈmɑː.təʊ/ | มะเขือเทศ |
Croissant | /ˈkwæs.ɒ̃/ | ครัวซองต์ |
Pancake | /ˈpæn.keɪk/ | ขนมแพนเค้ก |
Toast | /təʊst/ | ขนมปังปิ้ง |
Sandwich | /ˈsæn.wɪdʒ/ | แซนด์วิช |
Yogurt | /ˈjɒɡ.ət/ | โยเกิร์ต |
Cheese | /tʃiːz/ | เนย |
Milk | /mɪlk/ | นม |
Sausage | /ˈsɒs.ɪdʒ/ | ไส้กรอก |
Orange juice | /ˈɒr.ɪndʒ ˌdʒuːs/ | น้ำส้ม |
Coffee | /ˈkɒf.i/ | กาแฟ |
Breakfast cereal | /ˈbrek.fəst ˈsɪə.ri.əl/ | ซีเรียลอาหารเช้า |
คำศัพท์เกี่ยวกับรสชาติของอาหาร
ชื่ออาหาร | สำเนียง | ความหมาย |
Aromatic | /əˈrəʊ.mə/ | มีกลิ่นหอม |
Tasty | /ˈteɪ.sti/ | รสอร่อย |
Delicious | /dɪˈlɪʃ.əs/ | อร่อย |
Mouth-watering | /ˈmɑʊθˌwɔ·t̬ər·ɪŋ, -wɑt̬·ər-/ | น่ากินมาก |
Luscious | /ˈlʌʃ.əs/ | หวานฉ่ำ |
Bitter | /ˈbɪt.ər/ | ขม |
Bittersweet | /ˈbɪt.əˌswiːt/ | ขม ๆ หวาน ๆ |
Spicy | /ˈspaɪ.si/ | เผ็ด |
Hot | /hɒt/ | เผ็ดร้อน |
Garlicky | /ˈɡɑː.lɪ.ki/ | หอมกระเทียม |
Sweet | /swiːt/ | หวาน |
>>> Read more: รวบรวม 100+ คำศัพท์ และ Idiom เกี่ยวกับหัวข้อรสชาติในภาษาอังกฤษ
เมนูอาหารเช้าในภาษาอังกฤษ
เมนูอาหารเช้าในภาษาอังกฤษ | สำเนียง | ความหมาย |
Macaroni soup | /ˌmækəˈrəʊni suːp/ | ซุปมะกะโรนี |
Marmalade | /ˈmɑːməleɪd/ | แยมเปลือกส้ม |
Ham | /hæm/ | หมูแฮม |
Coffee | /ˈkɒfi/ | กาแฟ |
Toast | /təʊst/ | ขนมปังปิ้ง |
Breakfast cereal | /ˈbrekfəst ˈsɪəriəl/ | ซีเรียลอาหารเช้า |
Orange juice | /ˈɒrɪndʒ dʒuːs/ | น้ำส้ม |
Sausages | /ˈsɒsɪdʒɪz/ | ไส้กรอก |
Milk | /mɪlk/ | นม |
Cheese | /tʃiːz/ | เนย |
Sandwiches | /ˈsænwɪdʒɪz/ | แซนด์วิช |
Pancakes | /ˈpænkeɪks/ | ขนมแพนเค้ก |
Croissants | /kwɑːˈsɒŋ/ | ครัวซองต์ |
Muffins | /ˈmʌfɪnz/ | ขนมมัฟฟิน |
Porridge | /ˈpɒrɪdʒ/ | ข้าวต้ม |
Congee | /ˈkɒndʒi/ | โจ๊ก |
Donut | /ˈdəʊnʌt/ | ขนมโดนัท |
>>> Read more:
- 200+ คำศัพท์อังกฤษที่ต้องรู้ หมวด เมนูอาหารภาษาอังกฤษ
- 45+ คำศัพท์ของหวานในภาษาอังกฤษ (dessert) ที่ใช้บ่อยที่สุดในปี 2024
- เครื่องดื่ม ภาษาอังกฤษ: 100+ คําศัพท์และวิธีใช้ในชีวิตประจําวัน
ตัวอย่างของคำศัพท์ เกี่ยวกับอาหารเช้า
ตัวอย่าง | ความหมาย |
Breakfast is very important to our health. | อาหารเช้าสำคัญมากต่อสุขภาพของเรา |
Can you get me some ham? | คุณช่วยซื้อแฮมให้ฉันหน่อยได้ไหม? |
Breakfast with a sandwich and a little strawberry jam. It’s delicious! | อาหารเช้าพร้อมแซนด์วิชและทาแยมสตรอว์เบอร์รีนิดหน่อย อร่อยจังเลย! |
Breakfast cereals are also a good choice in the morning. | ซีเรียลอาหารเช้าอาหารเช้าก็เป็นทางเลือกที่ดีในตอนเช้าเช่นกัน |
Drinking coffee in the morning will keep you awake. It has become my habit every day. | การดื่มกาแฟในตอนเช้า จะช่วยให้คุณตื่นตัว มันกลายมาเป็นความเคยชินของฉันทุกวัน |
Tomatoes are very good for our health. It has many uses. Experts recommend that you should eat at least 2 tomatoes per day. | มะเขือเทศดีต่อสุขภาพของเรามาก มันมีประโยชน์หลายอย่าง ผู้เชี่ยวชาญแนะนำว่า คุณควรกินมะเขือเทศอย่างน้อยวันละ 2 ลูกต่อวัน |
This strawberry jam box looks a bit sweet. | แยมสตอรว์เบอร์รีกล่องนี้ดูหวานหน่อยๆ |
The sauce of this dish is too spicy. | ซอสของอาหารจานนี้ เผ็ดเกินไป |
It is my habit to have some milk for breakfast. | ฉันดื่มนมจนเป็นกิจวัตรประจำวัน |
Do you like to eat vegan sandwiches? | คุณชอบกินแซนวิชมังสวิรัติหรือไม่? |
I had a delicious breakfast today. | วันนี้ฉันกินอาหารเช้าแสนอร่อยมา |
ประโยคการสื่อสารเกี่ยวกับอาหารเช้าในภาษาอังกฤษ
ประโยคการสื่อสาร | ความหมาย |
Have you had your breakfast? | คุณทานอาหารเช้ารึยัง? |
Did you enjoy your breakfast? | คุณชอบอาหารเช้าเมื่อเช้าไหม? |
What should we eat for breakfast? | มื้อเช้าเราควรกินอะไรดี? |
What’s for breakfast? | อาหารเช้ามีอะไรบ้าง? |
Do you know any good places to eat breakfast? | คุณรู้จักสถานที่รับประทานอาหารเช้าดีๆ บ้างหรือไม่? |
บทความข้างต้น ได้รวบรวมคำศัพท์และรูปแบบการสื่อสารมากกว่า 20 รายการ เพื่อใช้อ้างอิง มาอ่านบทความการสื่อสาร คำศัพท์ และบทสนทนาของ ELSA Speak กันในครั้งต่อไปนะคะ!
ในการสนทนาภาษาอังกฤษ การแสดงความเห็นด้วย “Agree” กับความคิดเห็นหรือเหตุการณ์เป็นเรื่องปกติมาก อย่างไรก็ตาม ขึ้นอยู่กับบริบทของผู้พูดหรือผู้เขียน การเลือกคำหรือใช้วิธีบอกว่า “เห็นด้วย” ที่เหมาะสมถือเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง มาเรียนรู้มากกว่า 40 ประโยคบอกว่า เห็นด้วย ภาษาอังกฤษ กับ ELSA Speak ในการสื่อสารที่ไม่เป็นทางการและเป็นทางการกันนะ
วิธีบอกว่าเห็นด้วย ภาษาอังกฤษ ในการสื่อสารแบบไม่เป็นทางการ
การสื่อสารแบบไม่เป็นทางการ (หรือ Intimate Communication): หมายถึง การสนทนาส่วนตัวระหว่างบุคคลที่มีความสัมพันธ์ใกล้ชิด การสื่อสารแบบไม่เป็นทางการอาจรวมถึงการแสดงออกทางวาจาหรืออวัจนภาษา และอาจเกิดขึ้นในบริบทที่หลากหลาย เช่น การสนทนาแบบเห็นหน้า การสนทนาทางโทรศัพท์ การส่งข้อความ
วิธีบอกว่าฉันเห็นด้วยอย่างยิ่ง (I totally agree)
เมื่อแสดงความเห็นด้วยอย่างยิ่ง “I totally agree” ในการสื่อสารแบบไม่เป็นทางการ ผู้พูดสามารถใช้วลี เช่น
วิธีบอกว่าฉันเห็นด้วยอย่างยิ่ง | ความหมาย |
I couldn’t agree more. | ฉันเห็นด้วยมากกว่านี้ไม่ได้แล้ว |
Exactly. | ถูกต้อง |
You’re absolutely right. | คุณถูกต้องทั้งหมดเลย |
I also think so. | ฉันก็คิดอย่างนั้นเหมือนกัน |
You read my mind. I totally agree. | คุณอ่านใจฉันออกแล้ว ฉันเห็นด้วยอย่างยิ่ง |
Absolutely, without a doubt. | แน่นอนอย่างไม่ต้องสงสัยอะไรเลย |
You’ve hit the nail on the head; I’m on the same page. | คุณพูดถูก ฉันมีความคิดเห็นเช่นเดียวกับคุณเลย |
I’m completely with you on this. | ฉันเห็นด้วยกับคุณมากในเรื่องนี้ |
You’ve captured my thoughts exactly. | คุณจับความคิดของฉันได้ดีมาก |
No arguments here; I’m in total agreement. | ไม่มีอะไรจะเถียงแล้ว ฉันเห็นด้วยอย่างยิ่ง |
I couldn’t have said it better myself. | ฉันไม่สามารถพูดได้ดีกว่าสิ่งที่คุณพูดแล้ว |
You’ve expressed it perfectly; I’m fully on board. | คุณแสดงออกได้อย่างสมบูรณ์แบบ ฉันเห็นด้วยอย่างยิ่ง |
You have my complete agreement; no question about it. | คุณได้รับความเห็นด้วยอย่างเต็มที่จากฉัน ไม่มีการถามคำถามใดๆ |
I agree with you a hundred percent/I agree with you entirely. | ฉันเห็นด้วยกับคุณ 100% ฉันเห็นด้วยกับคุณทั้งหมด |
You can say that again! | ฉันเห็นด้วยอย่างยิ่ง – ไม่ควรเข้าใจประโยคนี้ตามตัวอักษร (คุณสามารถพูดได้อีกครั้ง) แต่ควรใช้ประโยคนี้เพื่อแสดงว่าคุณเห็นด้วยกับใครบางคนอย่างยิ่ง |
That’s so true! | จริงด้วย |
I was just going to say that! | ฉันก็กําลังอยากจะพูดแบบนั้น |
You have a point there. | นั่นเป็นความคิดที่ถูกต้อง |
Tell me about it! | ฉันก็คิดแบบนั้น – นี่เป็นวลีสแลง ดังนั้นจึงไม่ค่อยใช้ในบริบทที่เป็นทางการ |
I have no objections. | ฉันไม่มีอะไรจะไม่เห็นด้วย – ประโยคนี้มักใช้เมื่อเราไม่เห็นด้วยทั้งหมดกับความคิดเห็นแต่ไม่สามารถหาเหตุผลได้หรือไม่ต้องการคัดค้าน |
That’s exactly how I feel. | อย่างที่ฉันคิดเลย |
I completely agree. | ฉันเห็นด้วยอย่างยิ่ง |
I agree with you entirely. | ฉันเห็นด้วยกับคุณทั้งหมด |
I totally agree with you. | ฉันเห็นด้วยกับคุณทั้งหมด |
I couldn’t agree more. | ฉันเห็นด้วยมากกว่านี้ไม่ได้แล้ว |
Absolutely! | แน่นอนอยู่แล้ว/ใช่เลย |
You’re right. | คุณถูกแล้ว |
Me too! | ฉันก็เหมือนกัน |
I agree. | ฉันเห็นด้วย |
I see exactly what you mean! | ฉันเข้าใจในสิ่งที่คุณพูดทั้งหมด |
That’s exactly what I think. | นั่นคือสิ่งที่ฉันคิด |
หมายเหตุ: การเลือกน้ำเสียงและคำอาจแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับความใกล้ชิดและความคุ้นเคยของความสัมพันธ์
วิธีบอกว่าฉันเห็นด้วยบางส่วน (I partially agree)
วิธีบอกว่าฉันเห็นด้วยบางส่วน | ความหมาย |
I can see where you’re coming from, but… | ฉันเห็นทิศทางการคิดของคุณนะ แต่… |
I understand your point, but I also feel… | ฉันเข้าใจประเด็นของคุณแต่ฉันก็รู้สึก… |
I agree with some aspects of what you’re saying, but there are also parts that… | ฉันเห็นด้วยกับบางแง่มุมของสิ่งที่คุณพูด แต่ก็มีส่วนที่… |
I’m on board with certain parts of your perspective, however… | ฉันเห็นด้วยกับมุมมองของคุณบางส่วน แต่… |
While I agree with you to some extent, I also have reservations about… | แม้ว่าฉันจะเห็นด้วยกับคุณในระดับหนึ่ง แต่ฉันก็ยังลังเลอยู่บ้างเกี่ยวกับ… |
I agree up to a point, but… | ฉันเห็นด้วยกับประเด็นนี้ แต่ |
I guess/ suppose so. | ฉันว่าอย่างนั้น |
Fair enough. | สมเหตุสมผล |
That’s not necessarily so. | นั่นไม่จำเป็นต้องเป็นเช่นนั้น |
You could be right. | คุณอาจจะใช่ |
That’s partly true, but… | นั่นก็จริงบางส่วน แต่… |
That may be true, but… | เรื่องนั้นอาจจะใช่ แต่… |
I see your point, but… | ฉันเข้าใจประเด็นของคุณนะ แต่.. |
I guess so, but… | ฉันก็ว่าอย่างนั้น แต่… |
That seems obvious, but… | นั่นดูเหมือนจะชัดเจน แต่… |
I’m not so sure about that. | ฉันไม่แน่ใจเกี่ยวกับเรื่องนั้น |
หมายเหตุ: การเปิดกว้างและซื่อสัตย์ในการสื่อสารแบบไม่เป็นทางการและการเคารพมุมมองของบุคคลอื่นเป็นสิ่งสำคัญ
>>> Read more:
- 30 วิธีบอกว่า Yes ภาษาอังกฤษ
- ความแตกต่างระหว่าง Formal และ Informal ของวิธีพูด ไม่เป็นไร
- Ofcourse หรือ of course Ofcourse หรือ of course?
วิธีบอกว่าเห็นด้วย ภาษาอังกฤษ ในการสื่อสารแบบทางการ
การสื่อสารแบบเป็นทางการ (หรือ Polite Communication): หมายถึงการใช้ภาษาและพฤติกรรมที่ให้ความเคารพ มีน้ำใจ และสุภาพเมื่อมีปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่น โดยเกี่ยวข้องกับการคำนึงถึงความรู้สึกและมุมมองของผู้อื่น การใช้น้ำเสียงและภาษาที่เหมาะสม และการแสดงกิริยามารยาทที่ดี
วิธีบอกว่าฉันเห็นด้วยอย่างยิ่ง (I absolutely agree)
ในการสื่อสารแบบเป็นทางการ ผู้เรียนภาษาอังกฤษสามารถพูดว่า “Agree” โดยใช้วลี เช่น:
วิธีบอกว่าฉันเห็นด้วยอย่างยิ่ง | ความหมาย |
I completely agree. | ฉันเห็นด้วยอย่างยิ่ง |
I wholeheartedly agree. | ฉันเห็นด้วยอย่างยิ่ง |
I couldn’t agree more. | ฉันเห็นด้วยมากกว่านี้ไม่ได้แล้ว |
I’m in full agreement. | ฉันเห็นด้วยอย่างยิ่ง |
I concur completely. | ฉันเห็นด้วยมากๆ |
I share the same sentiment. | ฉันมีความรู้สึกเดียวกัน |
หมายเหตุ: อย่าลืมรักษาน้ำเสียงที่ให้เกียรติเสมอและพิจารณาบริบทของการสนทนา เพื่อให้แน่ใจว่าคำตอบมีความเหมาะสม
วิธีบอกว่าฉันเห็นด้วยบางส่วน (I partially agree)
ในการสื่อสารอย่างเป็นทางการ ผู้เรียนสามารถพูดว่า “I partially agree” โดยแสดงความเห็นด้วยส่วนตัวกับบางมุมมองหรือบางประเด็น ในขณะเดียวกันก็ยอมรับความไม่เห็นด้วยของตนเองกับบุคคลอื่น สามารถใช้วลีต่อไปนี้ เช่น
วิธีบอกว่าฉันเห็นด้วยบางส่วน | ความหมาย |
I can see where you’re coming from, but I have mixed feelings about this. | ฉันเข้าใจแนวความคิดของคุณ แต่ฉันมีความรู้สึกผสมปนเปเกี่ยวกับเรื่องนี้ |
I agree with some parts of your argument, but I have a different perspective on others. | ฉันเห็นด้วยกับข้อโต้แย้งของคุณบางส่วน แต่ฉันมีมุมมองที่แตกต่างในส่วนอื่นๆ |
While I agree to a certain extent, there are some aspects that I find hard to support. | แม้ว่าฉันจะเห็นด้วยในระดับหนึ่ง แต่ก็มีบางแง่มุมที่ฉันว่ามันยากที่ฉันจะสนับสนุนได้ |
I partially agree with your viewpoint, although I have some reservations. | ฉันเห็นด้วยกับมุมมองของคุณบางส่วน แต่ฉันก็มีข้อสงวนบางประการ |
I understand your position, but I have some concerns and don’t fully agree. | ฉันเข้าใจจุดยืนของคุณ แต่ฉันมีข้อกังวลบางประการและไม่เห็นด้วยทั้งหมด |
หมายเหตุ: รักษาน้ำเสียงที่ให้เกียรติและให้เหตุผลหรือตัวอย่างที่เฉพาะเจาะจง เพื่อสนับสนุนความเห็นด้วยหรือความไม่เห็นด้วยของผู้พูดบางส่วน
วิธีบอกว่าเห็นด้วย ภาษาอังกฤษ ในอีเมล
ความเป็นมืออาชีพในการเขียนอีเมล (Writing an email) เป็นสิ่งสำคัญมากในการสื่อสารด้วยข้อความในปัจจุบัน นี่เป็นวิธีถ่ายทอดข้อความอย่างมีประสิทธิภาพและสร้างความประทับใจให้กับผู้รับ ควรใช้ภาษาที่เป็นทางการและหลีกเลี่ยงการใช้ภาษาที่ไม่เป็นทางการหรือคำที่อาจทำให้ผู้อ่านขุ่นเคือง
วิธีบอกว่าฉันเห็นด้วยอย่างยิ่ง (I completely agree)
เมื่อเขียนอีเมลและแสดงความเห็นด้วยอย่างยิ่ง “I completely agree” มีหลายวลีที่สามารถใช้เพื่อถ่ายทอดข้อความของผู้เขียนได้อย่างมีประสิทธิภาพ:
วิธีบอกว่าฉันเห็นด้วยอย่างยิ่ง | ความหมาย |
I strongly agree with your perspective. | ฉันเห็นด้วยอย่างยิ่งกับมุมมองของคุณ |
I absolutely agree with everything you have stated. | ฉันเห็นด้วยอย่างยิ่งกับทุกสิ่งที่คุณระบุไว้. |
I am fully on board with your ideas. | ฉันเห็นด้วยอย่างยิ่งกับความคิดของคุณ |
I am absolutely in agreement with your viewpoint. | ฉันเห็นด้วยอย่างยิ่งกับมุมมองของคุณ |
I am in complete agreement with what you mentioned. | ฉันเห็นด้วยอย่างยิ่งกับสิ่งที่คุณพูดถึง |
วิธีบอกว่าฉันเห็นด้วยบางส่วน (I partially agree)
เมื่อเขียนอีเมลเพื่อแสดงความเห็นด้วยบางส่วน “I partially agree” ผู้เขียนสามารถใช้วลี เช่น
วิธีบอกว่าฉันเห็นด้วยบางส่วน | ความหมาย |
I agree with some aspects of your argument; however… | ฉันเห็นด้วยกับข้อโต้แย้งของคุณในบางแง่มุม แต่… |
Although I partially agree with you, I also have some reservations about… | แม้ว่าฉันจะเห็นด้วยกับคุณบางส่วน แต่ฉันก็มีข้อจำกัดบางประการเกี่ยวกับ… |
I can see the merit in your perspective, though I also believe… | ฉันเห็นข้อดีในความคิดเห็นของคุณ แต่ฉันก็เชื่อว่า… |
I’m inclined to agree to an extent, but I would also like to mention that… | ฉันเห็นด้วยในระดับหนึ่ง แต่ฉันก็อยากจะพูดว่า… |
I acknowledge the validity of your argument to a certain extent, but I also have some differing thoughts. | ฉันยอมรับความถูกต้องของข้อโต้แย้งของคุณในระดับหนึ่ง แต่ฉันก็ยังมีความคิดอื่นอยู่บ้าง |
>>> Read more:
ข้างต้นคือ 40+ ประโยคบอกว่า เห็นด้วย ภาษาอังกฤษ ในการสื่อสารที่ไม่เป็นทางการและเป็นทางการ ฝึกฝนให้คล่องแล้วนำไปใช้ในชีวิตได้ทันที อย่าลืมติดตามหมวดการสื่อสาร คำศัพท์ และการสนทนาที่ ELSA Speak เพื่อเรียนภาษาอังกฤษทุกวันนะ
ตื่นนอนภาษาอังกฤษคืออะไร? ในบทเรียนนี้ คุณจะรู้วิธีอ่านของตื่นนอนในภาษาอังกฤษ นอกจากนี้ บางคนมักจะแปล “wake up” และ “get up” เป็น “ตื่นนอน” โดยไม่รู้กริยาวลีทั้งสองนี้ มีความหมายแตกต่างกัน มาเรียนรู้ในบทเรียนต่อไปนี้กับ ELSA Speak กันนะ
ตื่นนอนภาษาอังกฤษคืออะไร?
ตื่นนอน ภาษาอังกฤษคือ Wake up
ตามพจนานุกรมของ Oxford คำว่า Wake up หมายถึง:
- “to stop sleeping” – หยุดนอน
- “to make somebody stop sleeping” – ปลุกใครบางคนให้หยุดนอน
วิธีอ่าน: /weɪk ʌp/
ประเภทของคำ: กริยาวลี
ตัวอย่าง
- I wake up early in the morning. (ฉันตื่นแต่เช้า)
- I usually wake up at 6 a.m. (ฉันมักจะตื่นนอนเวลา 06.00 น.)
- The children wake up early and catch the sunrise. (เด็กๆ ตื่นแต่เช้า เพื่อชมพระอาทิตย์ขึ้น)
- My sisters always wake up late on weekends. (พี่สาวของฉันมักจะตื่นสายในวันหยุด)
วิธีใช้โครงสร้าง ตื่นนอนภาษาอังกฤษ
โครงสร้าง
- Wake up: ตื่นนอน
- Wake somebody up: ปลุกใครบางคนตื่นนอน
ตัวอย่าง
- Wake up! It’s eleven o’clock. (ตื่นได้แล้ว! 11.00 น. แล้ว)
- The alarm clock didn’t wake her up. (เสียงนาฬิกาปลุกไม่ปลุกเธอได้)
- Please wake me up at 7 tomorrow morning. (พรุ่งนี้กรุณาช่วยปลุกฉันเมื่อเวลา 07.00 น.)
>>> Read more:
คำศัพท์เกี่ยวกับตื่นนอนภาษาอังกฤษ
คำศัพท์ | วิธีอ่าน | ความหมาย | ตัวอย่าง |
Sleep | /sliːp/ | นอน | I am not talking in my sleep. (ฉันไม่ได้นอนละเมอขณะที่นอนหลับ) |
Doze | /dəʊz/ | สัปหงก | My cat likes dozing in front of the fire. (แมวของฉันชอบสัปหงกหน้าไฟ) |
Oversleep | /ˌəʊvərˈsliːp/ | นอนเกินเวลา | She always oversleeps during weekends. (เธอมักจะนอนเกินเวลาในวันหยุด) |
Nap | /næp/ | งีบหลับ /นอนหลับในระยะสั้นๆ ในตอนกลางวัน | If he were home, he’d be going down for his nap. (ถ้าเขาอยู่บ้าน เขาจะลงไปงีบหลับ) |
Snooze | /snuːz/ | เลื่อนปลุก | Don’t set up too many alarms and hit snooze all the time. (อย่าตั้งนาฬิกาปลุกมากเกินไปแล้วกดเลื่อนตลอดเวลา) |
Get up และ Wake up ต่างกันและเหมือนกันยังไง
ความแตกต่าง
Wake up | Get up |
บรรยายการตื่นขึ้น และลืมตาหลังตื่นนอน โดยที่ยังนอนอยู่บนเตียง ตัวอย่าง: I wake up at 6 o’clock because of the alarm clock. (ฉันตื่นนอนเวลา 06.00 น. เพราะเสียงนาฬิกาปลุก) | อธิบายการตื่นขึ้น และลุกออกจากเตียงแล้ว – “get up” เป็นการกระทำหลัง “wake up” นี่เป็นคำที่ใช้เรียกการตื่นนอน และเริ่มต้นวันใหม่ ตัวอย่าง: I always tidy my bed after I get up. (ฉันมักจะเก็บที่นอนหลังจากตื่นนอน) |
ตัวอย่างการเปรียบเทียบและวิเคราะห์ Wake up และ Get up
My sister often wakes up at 10 o’clock on Saturday, but she doesn’t get up until 11 o’clock. (วันเสาร์น้องสาวของฉันมักจะตื่นนอนเวลา 10.00 น. แต่เธอจะไม่ตื่นจนถึงเวลา 11.00 น. )
ประโยคทั้งสองข้างต้นแปลว่า ตื่นนอน โดยวิเคราะห์อย่างละเอียด ดังนี้
- My sister often wakes up at 10 o’clock on Saturday หมายถึง การตื่นขึ้น ลืมตา แล้วไม่หลับอีกต่อไป
- but she doesn’t get up until 11 o’clock หมายถึง การออกจากเตียงและเริ่มต้นวันใหม่
=> ผู้เรียนสามารถพบได้ว่า Wake up เป็นการกระทำที่เกิดขึ้นก่อน Get up
ความเหมือนกัน
กริยาวลีทั้งสองนี้ มีโครงสร้างการตื่น/ปลุกใครบางคนตื่นนอน
- Get somebody up: ปลุกใครบางคนออกจากเตียง
- Wake somebody up: ปลุกใครบางคนตื่นขึ้น
ตัวอย่าง
- I had to get up at five o’clock this morning. (เช้านี้ฉันต้องตื่นนอนเวลา 05.00 น.)
- The hotel staff will wake you up with a phone call if you request it. (พนักงานโรงแรมจะปลุกคุณทางโทรศัพท์ หากคุณแจ้งความประสงค์)
>>> Read more: คำกริยาแสดงสภาวะ (stative verbs) คืออะไร? วิธีแยกแยะจากคำกริยาปกติ
แบบฝึกหัดฝึกการแยกย้าย Get up และ Wake up
แบบฝึกหัดที่ 1: เลือกกริยาวลีที่ถูกต้องเพื่อช่วยให้ประโยคต่อไปนี้มีความหมายที่เหมาะสม
- A strong thunder (woke us up/get up us)
- My little cat often jumps on my blanket and (wakes me up/gets me up)
- The first thing Emily does when she (gets up/wakes up) is check the messages
- This morning my parents (got up/woke up) earlier than usual
- My child usually (wakes up/gets up) at night and cries
- David (woke his friend up/got his friend up) by volume up the music
- I will (get up/wake up) early tomorrow because I have a meeting in the early morning.
- They (wake us up/get us up) at midnight because of the football match.
- If you ring the bell now, the class will (wake us up/get us up) immediately.
- My brother (wakes up/gets up) at 6.0 and gets up 10 minutes later.
แบบฝึกหัดที่ 2: เติม Wake up หรือ Get up ลงในช่องว่างต่อไปนี้ให้ถูกต้อง (ผันคำกริยาถ้ามี)
- When do you usually _______ in the morning?
- I _______ at 6 am today but I didn’t _______ until 6:30.
- I need to _______ early tomorrow so I can prepare for my job interview.
- No matter what I do, my body always _______ at 5 o’clock in the morning.
- I _______ late, so I missed my bus.
- Why are you still in bed? _______! We’re going to be late!
- I was so tired when I _______ today.
- I had a stomachache last night, but it was gone when I _______ this morning.
- Are you going to _______ or stay in bed all day?
- What time do you have to _______ tomorrow?
คำตอบ
แบบฝึกหัดที่ 1
1. woke us up | 2. wakes me up | 3. get up | 4. got up | 5. wakes up |
14. woke his friend up | 13. get up | 12. wake us up | 11. wake up | 10. wakes up |
แบบฝึกหัดที่ 2
Wake up/ Get up | Woke up – Get up | Wake up | Wakes up | Woke up |
Get up | Woke up | Woke up | Get up | Wake up/ Get up |
บทเรียนข้างต้นได้นำเสนอข้อมูลเกี่ยวกับ ตื่นนอนภาษาอังกฤษคืออะไร และ วิธีการแยกย้าย “Get up” และ “Wake up” ในภาษาอังกฤษ หวังว่า ผู้เรียนจะสามารถนำไปใช้และฝึกฝนได้อย่างสม่ำเสมอ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ELSA Speak ยังมีแพ็คเกจ ELSA Premium เพื่อให้ผู้เรียนสามารถฝึกฝนการสนทนาในสถานการณ์จริง และได้รับข้อเสนอแนะเกี่ยวกับการออกเสียงและความคล่องแคล่วได้ทันที รีบลงทะเบียนตอนนี้เลย!
ต่อจากซีรีส์บทเรียนภาษาอังกฤษที่น่าสนใจ วันนี้มาเข้าร่วมกับ ELSA Speak เพื่อเรียนรู้ว่า Good Job คืออะไร และวิธีพูด Good Job อย่างเป็นธรรมชาติในชีวิต
Good Job คืออะไร?
การสำเนียง: /ɡʊd dʒɑːb/
ความหมาย คำชมเชย Good Job มักใช้เพื่อชมคนที่ทำงานได้ดีกว่าที่คาดไว้ หรือ Good Job ก็หมายถึงงานที่ดีเช่นกัน
ตัวอย่าง
- He had a good job, he bought a big house in just a few years. (เขามีงานที่ดี เขาซื้อบ้านหลังใหญ่ในเวลาเพียงไม่กี่ปี)
- I have a good job for both of us. (ฉันมีงานที่ดีสำหรับเราทั้งสอง)
ข้อสังเกต ในบทความนี้ ผู้เขียนใช้คำนี้เพื่อเป็นการชมเชยผู้อื่น
วิธีการใช้ Good Job ในภาษาอังกฤษ
“Good Job” ใช้เพื่อชมเชยคนที่ทำงานได้ดี
ตัวอย่าง
- The dress is very beautiful and gorgeous, it is a wonderful work. good job, guys! (ชุดมีความสวยงามและความหรูหรามาก มันเป็นผลงานที่ยอดเยี่ยม ทำได้ดีมากเพื่อนๆ!)
- My sweetie. Do a good job! (ที่รัก ทำงานได้ดีนะ!)
- Well, it’s doing a good job. (ทำได้ดีจริงๆ ยอดเยี่ยมไปเลย)
ทางเลือกอื่นในการพูด Good job
ทางเลือกอื่นในการพูด | ความหมาย |
You hit the target! | คุณทำคะแนนได้เข้าเป้าไปเลย |
You’re on the right track now! | เธอทำถูกทางแล้ว |
You are very good at that! | คุณทำเรื่องนั้นได้ดีนะ |
That’s very much better! | ดีขึ้นเยอะ/ดีกว่าเดิม/ค่อยยังชั่ว |
I’m happy to see you working like that! | ฉันดีใจที่เห็นคุณทำงานได้ดีแบบนั้น! |
You’re doing a good job. | คุณทำงานได้ดีอยู่ |
That’s the best you’ve ever done. | นั่นคือสิ่งที่ดีที่สุดที่คุณเคยทำ |
I knew you could do it. | ฉันรู้อยู่แล้วว่าคุณทำได้แน่ |
Now you’ve figured it out. | ตอนนี้คุณแก้ปัญหานี้ได้แล้ว |
Now you have it! | ตอนนี้คุณมีมันแล้ว! |
Great! | สุดยอดเลย! |
Keep working – you’re getting better. | ทำต่อไป คุณทำได้ดีแล้ว |
You make it look easy. | คุณทำให้มันดูง่ายขึ้นนะ |
That’s the right way to do it. | ทำแบบนั้นคือถูกต้องแล้ว |
You’re getting better every day. | คุณทำได้ดีขึ้น ในทุกๆ วัน |
You’ve got it made. | ทำได้ดีมาก |
Nice going. | ทำได้ดีมากเลย |
That’s the way to do it. | ทำถูกแล้ว |
That’s better! | ดีกว่าเดิม! |
Best yet! | ดีที่สุดเลย |
Perfect! | ดีเลิศ! |
You’re really going to town! | คุณเต็มที่จริงๆ! |
Terrific! | ดีเยี่ยม! |
Much better! | ดีขึ้นมาก! |
You’ve just about mastered that! | คุณเก่งในเรื่องนั้นจริงๆ! |
Outstanding! | เด่น! |
You did that very well. | ทำได้ดีมาก |
Fantastic! | วิเศษ! |
You’re really improving. | คุณเก่งขึ้นมากเลย. |
Superb! | ยอดเยี่ยม! |
Keep it up! | อย่างนั้นแหละ! |
You’ve got that down path. | คุณทำได้แล้ว |
Tremendous! | มหัศจรรย์! |
Good thinking! | ความคิดดี! |
Keep on trying | พยายามต่อไป |
I’ve never seen anyone do it better. | ฉันไม่เคยเห็นใครทำได้ดีกว่านี้มาก่อน. |
I like that. | ฉันชอบมัน |
I’m very proud of you. | ฉันภูมิใจในตัวคุณมากเลย |
I think you’ve got it now. | ฉันคิดว่าคุณทำได้ดีแล้ว |
You figured that out fast. | คุณแก้ปัญหาได้เร็วมาก |
That’s really nice. | นั่นเป็นสิ่งที่ดีจริงๆ |
You’re right. | ถูกต้อง |
Clever! | ฉลาด! |
That’s great! | ดีมากเลย |
Way to go. | เยี่ยมไปเลย |
Now you have the hang of it. | ฝึกได้แล้ว |
You’ve done a great job! | คุณทำได้ดีมาก! |
Congratulations. You got it right! | ยินดีด้วยนะ คุณทำได้ถูกต้อง |
You did your homework! | คุณการบ้านของคุณได้ดี! |
That’s right! | ถูกต้อง! |
That’s good! | ดีเลย! |
Good work! | ทำได้ดีมาก! |
I’m proud of the way you worked today. | ฉันภูมิใจกับวิธีการทำงานของคุณในวันนี้ |
You’re really working hard today. | วันนี้คุณทำงานอย่างหนักมาก |
You’ve just about got it. | คุณเพิ่งจะเข้าใจแล้ว |
That’s it! | แค่นั้นแหละ! |
Congratulations! | ขอแสดงความยินดีด้วย! |
That’s quite an improvement. | ผลงานมีการพัฒนาขึ้นนะ |
You are doing that much better today. | วันนี้คุณเริ่มจะทำงานดีขึ้น |
Well done! | เยี่ยมไปเลย! |
You’re learning fast. | คุณกำลังเรียนรู้อย่างรวดเร็ว |
Good for you! | ดีแล้วล่ะ! |
Couldn’t have done it better myself | ไม่สามารถทำมันได้ดีกว่าตัวเอง |
Sweet! | ดี! |
One more time and you’ll have it. | ลองทำอีกครั้งหนึ่งแล้ว คงทำได้ล่ะ |
You did it that time! | ครั้งนี้คุณทำได้! |
That’s the way! | ทำอย่างนี้แหละ! |
Super duper! | เยี่ยมมากๆ เลย ! |
You haven’t missed things. | ทำได้อย่างสมบูรณ์แบบ ไม่พลาดอะไรเลย |
Keep up the good work. | ตั้งใจทำงานให้ดีขึ้นไปอีกนะ |
Nothing can stop you now! | ไม่มีอะไรที่ห้ามคุณได้แล้วตอนนี้! |
Excellent! | ยอดเยี่ยม! |
That’s the best ever. | นี่มันดีที่สุดที่เคยเห็นมาเลยนะ |
Fine. | ดีเลิศ |
Wonderful! | น่าพิศวง! |
That’s better than ever. | ดีขึ้นกว่าแต่ก่อน |
I appreciate your hard work. | ฉันขอขอบคุณการทำงานหนักของคุณ |
Now that’s what I call a fine job! | ทำงานเก่งมาก! |
You must have been practicing! | คุณต้องฝึกฝนดีแล้วและฝึกฝนต่อไป! |
You’re doing beautifully. | คุณทำได้อย่างสวยงาม |
Right on! | ถูกต้องแม่นยำเลย |
Good remembering! | ความจำดีนะ |
You did a lot of work today! | วันนี้คุณได้ทำงานหนักมาก! |
You certainly did well today. | วันนี้คุณทำได้เก่งมากจริงๆ |
You’re doing fine. | คุณทำได้ดี |
You are really learning a lot. | คุณเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ เยอะมากจริงๆ |
You outdid yourself today! | คุณทำได้ดีกว่าเดิมที่เคยทำนะ! |
Splendid! | ยอดเยี่ยม! |
Good going! | ทำได้ดีมาก! |
Marvelous! | มหัศจรรย์! |
You’re doing the best you can! | คุณทำดีที่สุดเท่าที่คุณทำได้แล้ว! |
That gives me a happy feeling | นั่นทำให้ฉันรู้สึกมีความสุข |
Well look at you go! | ดูคุณซิ กำลังเก่งขึ้นแล้ว! |
>>> Read more:
คำถามที่พบบ่อย
วิธีพูดคำว่า Good job ในภาษาไทย?
คุณสามารถพูดว่า “ทำดีมาก” หรือ “ดีมาก”
Good job หรือ good jobs?
ทั้ง “good job” และ “good jobs” นั้นเขียนถูกต้อง เขียนได้ทั้งสองแบบ แต่ใช้ในบริบทที่ต่างกัน “good job” ใช้เพื่อชมเชยบุคคลสำหรับงานหรือความสำเร็จที่เฉพาะเจาะจง ในขณะที่ “good jobs” ใช้เพื่อชมเชยคนหลายคนสำหรับงานหรือความสำเร็จของพวกเขา
Good job | Good jobs |
ใช้ “good job” เมื่อคุณต้องการชมเชยใครสักคนสำหรับงานที่ทำได้ดีในงานใดงานหนึ่ง หรือความสำเร็จที่เฉพาะเจาะจง | ใช้ “good jobs” เมื่อคุณต้องการชมเชยคนหลายคนในงานหรือความสำเร็จของพวกเขา |
ตัวอย่าง – You finished the project on time. Good job! – Good job on scoring the winning goal! – ทางเลือกอื่น • well done • great work • nice job • excellent job • fantastic job | ตัวอย่าง – All of you did great in the competition. Good jobs, everyone! – Good jobs on completing the project ahead of schedule, team! – ทางเลือกอื่น • well done, everyone • great work, team • nice job, all • excellent jobs, everyone • fantastic work, team |
ตามที่ได้อธิบายไปข้างต้น มันคือความรู้ในเรื่องของ Good Job และทางเลือกอื่นยอดนิยมในการพูดว่า Good Job ที่ ELSA Speak ได้เรียนรู้และเรียบเรียงไว้สำหรับพวกคุณ นอกจากนี้คุณยังสามารถซื้อแพ็คเกจ ELSA Premium เพื่อฝึกการสนทนาในชีวิตจริงและเพิ่มการตอบสนองตามธรรมชาติมากขึ้น
>>> Read more:
- 15+ วิธีพูด ไม่เป็นไร ภาษาอังกฤษที่เรียบง่ายและจดจำได้ง่าย
- ตัวอย่างประโยคปฏิเสธอย่างสุภาพในภาษาอังกฤษ
GPA เป็นคำที่คุ้นเคยสำหรับนักเรียนและนักศึกษา ใช้ในการประเมินผลการเรียนในช่วงเวลาที่กำหนด อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่ทุกคนที่เข้าใจวิธีการคำนวณและแยกแยะ GPA จาก GPAX และ CGPA มาร่วมค้นหากับ ELSA Speak ว่า GPA คืออะไร วิธีการคำนวณ และวิธีการแยกแยะระหว่าง GPA, GPAX, และ CGPA กันเถอะ!
GPA คืออะไร?
GPA ย่อมาจาก Grade Point Average คือ ค่าเฉลี่ยของคะแนนของแต่ละวิชาที่นักเรียนได้รับหลังจากสำเร็จหลักสูตรการศึกษา ภาคเรียน หรือระดับการศึกษา คะแนน GPA เป็นเกณฑ์สำคัญในการประเมินผลการเรียนของนักเรียนและนักศึกษาทุกคน
สำหรับผู้ที่ต้องการขอทุนการศึกษาไปศึกษาต่อต่างประเทศ หนึ่งในข้อกำหนดในการประเมินจากสถาบันคือคะแนน GPA ของปีการศึกษาล่าสุด แม้ว่าจะมีข้อกำหนดอื่น ๆ เพื่อเพิ่มการแข่งขันระหว่างผู้สมัคร แต่การรักษาคะแนน GPA ให้สูง ก็หมายความว่า โอกาสที่จะได้รับทุนการศึกษาก็จะสูงขึ้นอีกด้วย
ความแตกต่างระหว่าง GPA กับ GPAX และ CGPA
GPA | GPAX | CGPA | |
แนวคิด | GPA (Grade Point Average) คือ คะแนนเฉลี่ยของแต่ละวิชาที่นักเรียนหรือนักศึกษาได้รับหลังจากเข้าร่วมหลักสูตร ภาคการศึกษา หรือระดับการศึกษา | GPAX (Grade Point Average Index) เป็นระบบคะแนนเฉลี่ยสะสมสำหรับโรงเรียนมัธยมปลาย | CGPA (Cumulative Grade Point Average) คือ ระบบคะแนนเฉลี่ยสะสมที่มักใช้ในมหาวิทยาลัยในสหรัฐอเมริกาและบางประเทศอื่น ๆ |
วิธีการคำนวณ | GPA = (คะแนนเฉลี่ยรวมของวิชา * จำนวนหน่วยกิตของวิชานั้น) / จำนวนหน่วยกิตทั้งหมด | GPAX ไม่ได้คำนวณคะแนนเฉลี่ยของแต่ละวิชา แต่จะคำนวณคะแนนของทุกวิชาพร้อมกัน | CGPA คำนวณคะแนนเฉลี่ยของทุกภาคการศึกษาและทุกวิชาที่นักศึกษาได้เรียนจบตั้งแต่เริ่มต้นการศึกษา |
ความหมาย | ใช้ในการประเมินผลการเรียนของนักเรียนในช่วงเวลาหนึ่งหรือภาคการศึกษาหนึ่ง | ใช้ในการกำหนดผลการเรียนโดยรวมของนักศึกษาตลอดระยะเวลาการศึกษา | ใช้ในการประเมินผลการเรียนเฉลี่ยของนักศึกษาในช่วงเวลาทั้งหมดของการศึกษาระดับมหาวิทยาลัย |
ระบบคะแนน GPA ในประเทศไทยและวิธีการแปลงคะแนน
ระบบคะแนน GPA
มีหลายระบบการให้คะแนนที่ใช้เกณฑ์ต่าง ๆ เช่น ตัวอักษร ตัวเลข หรือเปอร์เซ็นต์ ด้านล่างนี้เป็นตัวอย่างระบบคะแนน GPA ที่ได้รับความนิยมในทั่วโลก:
- ระบบคะแนนตัวอักษร (A – F): สหรัฐอเมริกา, แคนาดา, ออสเตรเลีย, เวียดนาม, ไทย,…
- ระบบคะแนน 10 (1 – 10): เวียดนาม, แคนาดา, เนเธอร์แลนด์, โคลอมเบีย,…
- ระบบคะแนน 4 (1 – 4): เวียดนาม, ออสเตรเลีย, เกาหลีใต้, ญี่ปุ่น, จีน,…
- ระบบคะแนน 5 (1 – 5): เยอรมนี, ออสเตรีย, รัสเซีย,…
- ระบบเปอร์เซ็นต์ (%): เบลเยียม, โปแลนด์, สหรัฐอเมริกา,…
แต่ละประเทศมีวิธีการคำนวณคะแนน GPA ที่แตกต่างกัน อย่างไรก็ตาม วิธีการคำนวณที่พบมากที่สุดคือการเปลี่ยนคะแนนให้อยู่ในระบบ 4 และใช้ตัวอักษรเพื่อประเมินผลการเรียนของนักเรียน สำหรับประเทศที่เป็นที่นิยมสำหรับนักเรียนต่างชาติในปัจจุบัน เช่น ออสเตรเลีย, อังกฤษ, สหรัฐอเมริกา, แคนาดา ฯลฯ ต่างใช้ระบบคะแนน GPA แบบตัวอักษร (A, B, C, D, F) เพื่อประเมินผลการเรียนของนักเรียน โดยขึ้นอยู่กับระบบการศึกษาของแต่ละประเทศ ระบบคะแนนนี้จะถูกแบ่งย่อยเป็น A+, A, A- ฯลฯ
ในประเทศไทยปัจจุบัน ระบบคะแนนจะถูกคำนวณเป็นตัวอักษร โดยที่ A เทียบเท่ากับคะแนนสูงสุดและ F เทียบเท่ากับคะแนนต่ำสุด
>>> Read more: ความแตกต่างระหว่างตัวอักษรภาษาอังกฤษกับสัทอักษรภาษาอังกฤษ
วิธีการแปลงคะแนน
ผลการประเมินและจัดอันดับนักเรียนตามระบบคะแนนตัวอักษรจะแปลงเป็นดังนี้:
การจัดอันดับ | เกรด GPA เป็นตัวอักษร | เกรด GPA เป็นตัวเลข |
นักศึกษาที่ดีเยี่ยม | A | 4 |
นักศึกษาที่ดีมาก | B+ | 3.5 |
นักศึกษาที่ดี | B | 3 |
นักศึกษาที่ค่อนข้างดี | C+ | 2.5 |
นักศึกษาที่ปานกลาง | C | 2 |
นักศึกษาที่ค่อนข้างอ่อน | D+ | 1.5 |
นักศึกษาที่อ่อน | D | 1 |
นักศึกษาที่สอบตก | F (ตก) | 0 |
วิธีคิด GPA
สูตรที่นิยมใช้ในการคำนวณคะแนน GPA คือ: (คะแนนวิชาเฉลี่ยรวม * จำนวนหน่วยกิตสำหรับวิชานั้น) / จำนวนหน่วยกิตทั้งหมด
ตัวอย่าง: สมมติว่าคะแนนเฉลี่ยของ 3 วิชาในภาคเรียนที่ 1 เป็นดังนี้
วิชา | หน่วยกิต | คะแนนวิชาเฉลี่ย | หน่วยกิต * คะแนนวิชาเฉลี่ย |
คณิตศาสตร์ | 4 | 3 | 12 |
วิทยาศาสตร์ | 3 | 3.5 | 10.5 |
ภาษาไทย | 3 | 3.5 | 10.5 |
รวม | 10 | 33 |
การคำนวณ GPA ของคุณจะเป็นดังนี้: 33 / 10 = 3.33
วิธีคิด GPAX
ยกตัวอย่างง่ายๆ ถ้าข้อบังคับกำหนด GPAX 5 ภาคการศึกษา หมายความว่า นักศึกษาจะต้องใช้คะแนนเฉลี่ยตั้งแต่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ภาคเรียนที่ 1 – มัธยมศึกษาปีที่ 4 ภาคเรียนที่ 2
ภาคเรียนที่ 1
วิชา | หน่วยกิต | คะแนนวิชาเฉลี่ย | หน่วยกิต * คะแนนวิชาเฉลี่ย |
คณิตศาสตร์ | 3 | 3 | 9 |
วิทยาศาสตร์ | 2 | 3.5 | 7 |
ภาษาไทย | 3 | 3.5 | 10.5 |
รวม | 8 | 26.5 |
ภาคเรียนที่ 2
วิชา | หน่วยกิต | คะแนนวิชาเฉลี่ย | หน่วยกิต * คะแนนวิชาเฉลี่ย |
คณิตศาสตร์ | 3.5 | 3 | 10.5 |
วิทยาศาสตร์ | 3.5 | 3.5 | 12.25 |
ภาษาไทย | 3.5 | 3.5 | 10.5 |
รวม | 8 | 33.25 |
การคำนวณ GPAX จะเป็นดังนี้ = (26.5 + 33.25) / (8 + 8) = 3.7
เงื่อนไขเกี่ยวกับคะแนน GPA สำหรับการศึกษาต่อต่างประเทศในบางประเทศที่นิยม
ขึ้นอยู่กับประเทศที่คุณเลือกไปศึกษาต่อ มหาวิทยาลัยต่างๆ ในแต่ละประเทศจะมีข้อกำหนดเกี่ยวกับคะแนน GPA ที่แตกต่างกันไป โดยทั่วไปมหาวิทยาลัยส่วนใหญ่จะต้องการคะแนน GPA ตั้งแต่ 3.0 หรือเกรด B ขึ้นไป
การศึกษาต่อที่แคนาดา
ขึ้นอยู่กับระดับการศึกษา รัฐ และโรงเรียนที่แตกต่างกัน ข้อกำหนดคะแนน GPA ก็จะแตกต่างกัน คุณสามารถดูรายละเอียดได้ตามตารางด้านล่าง:
โปรแกรมการศึกษา | ข้อกำหนด GPA |
มัธยมศึกษา | GPA 3 ปีล่าสุด > 6.5 (ระบบ 10 คะแนน) |
เตรียมมหาวิทยาลัย | GPA > 6.5 |
มหาวิทยาลัย วิทยาลัย | GPA 3 ปีล่าสุด > 6.0 – 7.0 ถ้าสำเร็จการศึกษาระดับมัธยม |
ประกาศนียบัตรหลังปริญญาตรี | มีวุฒิการศึกษาและคะแนน GPA จาก 2.0/4.0 |
ปริญญาโท | สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีและ GPA จาก 3.0/4.0 หรือ 7.0/10 |
การศึกษาต่อที่สหรัฐอเมริกา
ขึ้นอยู่กับระดับการศึกษา รัฐ และโรงเรียนต่าง ๆ ที่มีข้อกำหนดเกี่ยวกับคะแนน GPA แตกต่างกันไป เพื่อให้มั่นใจว่าคุณมีโอกาสเข้าเรียนในโรงเรียนในสหรัฐอเมริกา คุณจำเป็นต้องมีคะแนน GPA ตั้งแต่ 7.0 ขึ้นไป หากคุณต้องการขอทุนการศึกษา คะแนนนี้ต้องถึง 3.5 ขึ้นไป (เทียบเท่ากับ 8.5/10)
การศึกษาต่อที่ออสเตรเลีย
ข้อกำหนดคะแนน GPA ในการเข้าเรียนจะแตกต่างกันไปตามระดับการศึกษาของรัฐ และโรงเรียนที่คุณยื่นใบสมัคร คุณสามารถดูรายละเอียดได้ตามตารางด้านล่าง:
ระดับการศึกษา | เงื่อนไข |
ระดับมัธยมศึกษา | สำเร็จการศึกษาอย่างน้อยชั้นปีที่ 6 หรือ 7 GPA ขั้นต่ำ 6.5 ขึ้นไป |
หลักสูตรเตรียมมหาวิทยาลัย | สำเร็จการศึกษาชั้นปีที่ 11 GPA ขั้นต่ำ 6.0 ขึ้นไป IELTS อย่างน้อย 5.5 หรือผ่านการทดสอบจากทางโรงเรียน |
ระดับปริญญาตรี | สำเร็จการศึกษาชั้นปีที่ 12 GPA ขั้นต่ำ 6.5 ขึ้นไป IELTS ขั้นต่ำ 6.0 |
ระดับบัณฑิตศึกษา | ผู้ที่สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีในสาขาเดียวกันGPA ขั้นต่ำ 6.5 ขึ้นไป IELTS ขั้นต่ำ 6.0 – 6.5 ขึ้นอยู่กับหลักสูตรการศึกษาและระดับการศึกษาที่สำเร็จ |
>>> Read more:
- IELTS SCORE – วิธีคำนวณคะแนนและเกณฑ์การให้คะแนนสำหรับทั้ง 4 ทักษะ
- IELTS Speaking ตอนที่ 1: Topics, Question และ Answers
คำถามที่พบบ่อย
GPA ย่อมาจากคำว่าอะไร?
GPA ย่อมาจาก Grade Point Average
คะแนน GPA ดูตรงไหน?
โดยปกติแล้ว นักเรียนสามารถดูคะแนน GPA ได้จากใบแสดงผลการเรียนหรือระบบจัดการการเรียนของโรงเรียน
ทำอย่างไรถึงจะเพิ่มคะแนน GPA ได้?
เพื่อเพิ่มคะแนน GPA ควรตั้งใจเรียน บริหารเวลาอย่างมีประสิทธิภาพ และใช้ประโยชน์จากการช่วยเหลือของเพื่อนและครู
ระดับคะแนนนิยมที่ใช้ในการคำนวณ GPA คืออะไร?
ระบบคะแนนที่นิยมใช้ในการคำนวณ GPA คือระบบคะแนนตัวอักษร โดยที่ A เป็นคะแนนสูงสุดและ F เป็นคะแนนต่ำสุด
GPA เท่าไหร่ถึงจะเพียงพอในการสมัครทุนการศึกษาที่สหรัฐอเมริกา?
ขึ้นอยู่กับระดับการศึกษา รัฐ และโรงเรียนต่าง ๆ ที่มีข้อกำหนดเกี่ยวกับคะแนน GPA แตกต่างกันไป เพื่อให้มั่นใจว่าคุณมีโอกาสเข้าเรียนในโรงเรียนในสหรัฐอเมริกา คุณจำเป็นต้องมีคะแนน GPA ตั้งแต่ 7.0 ขึ้นไป หากคุณต้องการขอทุนการศึกษา คะแนนนี้ต้องถึง 3.5 ขึ้นไป (เทียบเท่ากับ 8.5/10)
GPA เท่าไหร่ที่ถือว่าดีมาก?
Theo hệ thống tính điểm số, điểm GPA từ 3,5 trở lên được coi là ở mức rất tốt. Theo hệ thống xếp loại chữ cái, điểm trung bình B+ được coi là rất tốt.
จำเป็นต้องเข้าร่วมกิจกรรมนอกหลักสูตรเพื่อให้มี GPA สูงหรือไม่?
ไม่จำเป็นต้องเข้าร่วมกิจกรรมนอกหลักสูตรเพื่อให้มี GPA สูง อย่างไรก็ตาม กิจกรรมนอกหลักสูตรสามารถช่วยให้คุณพัฒนาทักษะทางอารมณ์ เพิ่มความสามารถในการเป็นผู้นำ และมีส่วนช่วยในการพัฒนาส่วนบุคคลในเชิงบวก
ELSA Speak หวังว่าบทความนี้จะช่วยให้คุณเข้าใจว่า GPA คืออะไร วิธีการคำนวณ และวิธีการแยกแยะระหว่าง GPAX และ CGPA อย่าลืมติดตามหัวข้อ IELTS เพื่ออัปเดตความรู้ใหม่ทุกวัน และสมัครสมาชิก ELSA Premium เพื่อรับสิทธิประโยชน์มากมายในช่วงเวลานี้!
Rain ในภาษาอังกฤษแปลว่า ฝน อย่างไรก็ตาม ถ้าเป็นฝนตกปรอย ๆ ฝนตกหนัก หรือ ฝนตกหนักมาก ๆ เราควรใช้คำศัพท์ใดเพื่ออธิบายความหมายให้ถูกต้อง มาเรียนรู้คำศัพท์เกี่ยวกับฝนภาษาอังกฤษ และสำนวนเกี่ยวกับ “rain” หรือ ฝนภาษาอังกฤษในบทความต่อไปนี้กับ ELSA Speak กันเลย
คำศัพท์เกี่ยวกับ ฝนภาษาอังกฤษ
คำศัพท์ | ความหมาย | ตัวอย่าง |
Spit /spɪt/ | ฝนตกเบา ๆ | If it‘s only spitting, perhaps we don’t need a raincoat. (ถ้าฝนตกเบา ๆ แบบนี้ เราไม่จำเป็นต้องใส่เสื้อกันฝน) |
Drizzle /ˈdrɪz.əl/ | ฝนตกปรอย ๆ | It’s drizzling. (ฝนตกปรอย ๆ อยู่) |
Rain /reɪn/ | ฝนตก | It’s raining. (ฝนตกอยู่) |
Pour /pɔːr/ | พายุฝน | I was standing in the pouring rain for an hour waiting for my bus. (ฉันยืนอยู่ท่ามพายุฝนเป็นเวลาหนึ่งชั่วโมง เพื่อรอรถเมล์) |
Lash /læʃ/ | ฝนตกหนักมาก | Lashing rain and fierce winds have battered some parts of our country today. (ฝนที่ตกหนักและลมแรงได้พัดถล่มบางส่วนของประเทศเราในวันนี้) |
Raindrop /ˈreɪn.drɒp/ | เม็ดฝน | The child watched in awe as the raindrops danced and splashed on the windowpane. (เด็กน้อยมองดูเม็ดฝนเต้นระบำและสาดกระเซ็นบนกระจกหน้าต่างด้วยความตกตะลึง) |
A shower /ʃaʊər/ | ฝนตกกระจาย | The weather forecast predicts scattered showers throughout the day. (การพยากรณ์อากาศคาดการณ์ว่าจะมีฝนตกกระจายตลอดทั้งวัน) |
A downpour /ˈdaʊn.pɔːr/ | ฝนตกห่าใหญ่ | The weather forecast predicts a downpour today. (พยากรณ์อากาศคาดการณ์ว่า วันนี้จะเกิดฝนตกห่าใหญ่ขึ้น) |
Soak /səʊk/ | เปียกชุ่ม | It has been soaking wet today, so our group decided to stay at home.(วันนี้เปียกชุ่มตลอดทั้งวัน กลุ่มเราจึงตัดสินใจอยู่บ้าน) |
Hail /heɪl/ | ลูกเห็บ | It is sometimes hailing in Bangkok. (บางครั้งมีลูกเห็บตกในกรุงเทพฯ ) |
Scatter /ˈskætə(r)/ = Sprinkle – /ˈsprɪŋkl/ | ฝนตกโปรยปราย | It is scattering / sprinkling sometimes over there. (บางครั้งมีฝนโปรยปรายที่นี่) |
Rainy | มีฝนตก | I always try to save some money for a rainy day in case of unexpected expenses. (ฉันพยายามเก็บเงินไว้เพื่อใช้ในวันที่มีฝนตกอยู่เสมอ เผื่อมีค่าใช่จ่ายที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้น) |
Rain shadow | พื้นที่เงาฝน | The desert region exists in the rain shadow of the nearby mountain range, receiving minimal rainfall each year.(พื้นที่ทะเลทรายอยู่ใต้เงาฝนของเทือกเขาใกล้เคียงมีปริมาณฝนน้อยที่สุดในแต่ละปี) |
Rain season | ฤดูฝน | The farmers eagerly await the rainy season as it brings much-needed water for their crops. (เกษตรกรตั้งตารอฤดูฝนด้วยความตื่นเต้น เพราะมันนำน้ำมาให้พืชผลของพวกเขา) |
Isolated rain | ฝนตกกระจายเป็นบางแห่ง | While most of the area remained dry, there were isolated rain showers in certain parts of the city. (มีฝนตกบางแห่งในบางพื้นที่ของเมือง ขณะที่พื้นที่ส่วนใหญ่ยังแห้งอยู่) |
Light rain | ฝนตกเล็กน้อย | We decided to go for a walk despite the light rain falling from the sky. (เราตัดสินใจออกไปเดินเล่น ถึงแม้ฝนจะตกเล็กน้อยก็ตาม) |
Moderate rain | ฝนตกปานกลาง | The weather forecast predicts moderate rain throughout the afternoon. (พยากรณ์อากาศคาดการณ์ว่าจะมีฝนตกปานกลางตลอดช่วงบ่ายนี้) |
Widespread rain | ฝนทั่วไป | Be prepared for widespread rain tomorrow. (เตรียมรับมือฝนตกในพรุ่งนี้) |
Torrential rain | ฝนตกหนักมาก | The city was brought to a standstill due to the torrential rain. (เมืองต้องหยุดชะงัก เนื่องจากฝนตกหนักมาก) |
Rainstorm | พายุฝน | The sudden rainstorm caught us by surprise, drenching us within seconds. (พายุฝนเกิดขึ้นอย่างกะทันหัน ทำให้เรารู้สึกประหลาดใจและทำให้เราเปียกโชกภายในไม่กี่วินาที) |
Acid rain | ฝนกรด | The effects of acid rain on the environment are concerning, as it damages trees, lakes, and buildings. (ผลกระทบของฝนกรดต่อสิ่งแวดล้อมเป็นเรื่องที่น่ากังวล เนื่องจากสร้างความเสียหายให้กับต้นไม้ ทะเลสาบ และอาคาร) |
Deluge /’delju:dʤ/ | น้ำท่วม | The sudden deluge flooded the streets, causing chaos and traffic disruptions. (น้ำท่วมฉับพลันน้ำท่วมถนน ทำให้เกิดความวุ่นวายและการจราจรติดขัด) |
Falling star | ฝนดาวตก | As we gazed up at the night sky, a falling star streaked across, leaving a trail of light behind it. (ขณะที่เราแหงนมองท้องฟ้ายามค่ำคืน มีดาวตกดวงหนึ่งเคลื่อนผ่าน แล้วทิ้งร่องรอยแสงไว้เบื้องหลัง) |
Rainbow /ˈreɪn.bəʊ// | รุ้ง | After the rainstorm, a beautiful rainbow appeared in the sky. (หลังจากพายุฝนผ่านไป สายรุ้งที่สวยงามก็ปรากฎขึ้นบนท้องฟ้า) |
>>> Read more:
- ฤดูกาลภาษาอังกฤษ: คำศัพท์ idioms เกี่ยวกับฤดูกาล
- คำศัพท์เกี่ยวกับธรรมชาติภาษาอังกฤษ (nature)
- 50+ คำศัพท์ที่พบบ่อยเกี่ยวกับสภาพอากาศภาษาอังกฤษ
สำนวนเกี่ยวกับ ฝนภาษาอังกฤษ
สำนวน | ความหมาย | ตัวอย่าง |
Rain cats and dogs | ฝนตกหนักมาก ๆ | It’s now raining cats and dogs outside so we decide to cancel the picnic. (ข้างนอกมีฝนตกหนักมาก ๆ เราจึงตัดสินใจยกเลิกการปิกนิก) |
It never rains but it pours | สิ่งเลวร้ายมักเกิดขึ้นในเวลาเดียวกัน (ใช้พูดเมื่อมีเหตุการไม่ดีเกิดขึ้น) | I overslept and missed the bus. As I was running to the office, it suddenly started pouring rain. When I finally arrived, I realized that I had left my keys in the car. It never rains but it pours! (ฉันนอนเกินเวลาและพลาดรถเมล์ ขณะที่ฉันกำลังวิ่งไปออฟฟิศ จู่ๆ ฝนก็เริ่มตก พอฉันมาถึง ฉันก็พบว่าฉันลืมกุญแจไว้ในรถ มันเป็นอะไรที่ซวยจริงๆ) |
Rain down sth | บางสิ่งบางอย่างไหลลงมาเหมือนกระแสน้ำ | Tears rained down her cheeks when her father died. (น้ำตาไหลอาบแก้มของเธอเมื่อพ่อของเธอเสียชีวิต) |
Rain down on s.o/ sth | ระบายอะไรกับบางคนหรือบางสิ่ง | My teacher’s anger rained down on the noisy student. (ครูของฉันระบายความโกรธกับนักเรียนที่มีเสียงดัง) |
Rain sth off/ out | เลื่อนบางสิ่งบางอย่างเนื่องจากฝนตก | The football match rained off yesterday. (เมื่อวานนี้การแข่งขันฟุตบอลถูกเลื่อนออกไปเนื่องจากฝนตก) |
Get out of the rain | อยู่ห่างจากสิ่งที่น่ารำคาญ | I wish I could get out of the rain as much as possible. (ฉันหวังว่าฉันจะอยู่ห่างจากสิ่งที่น่ารำคาญเท่าที่จำเป็นไปได้) |
Rain on and off | ฝนเดี๋ยวตกเดี๋ยวหยุด (ซ้ำหลายครั้ง) | Today, it is raining on and off in Bangkok. (วันนี้ ในกรุงเทพฯ ฝนเดี๋ยวตกเดี๋ยวหยุดทั้งวัน) |
>>> Read more: สำนวนแนวสิ่งแวดล้อม
ต่อจากนี้ไป แทนที่จะใช้เพียง rain เท่านั้น คุณสามารถใช้คำศัพท์ต่างๆ มากมาย เพื่ออธิบายฝนภาษาอังกฤษได้อย่างยืดหยุ่น พยายามประยุกต์และฝึกฝนให้มากที่สุด เพราะนั่นคือวิธีที่ช่วยให้คุณจดจำคำศัพท์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ อย่าลืมติดตาม การสื่อสาร คำศัพท์ บทสนทนาภาษาอังกฤษ ที่ ELSA Speak เพื่อเรียนคำศัพท์ใหม่ๆ ทุกวันนะ