Author: Bao Ngan Nguyen
Adverb of manner (คำกริยาวิเศษณ์บอกอาการ) มักจะได้ใช้กันอย่างแพร่หลายและได้รับความนิยมทั้งในด้านการพูดและการเขียน (โดยเฉพาะการเขียนเชิงบรรยายและเชิงพรรณนา) เนื่องจาก มีคุณสมบัติทางการมองเห็นที่หลากหลาย คำกริยาวิเศษณ์บอกอาการจึงเป็นวิธีที่สมบูรณ์แบบที่จะช่วยให้ประโยคมีเนื้อหาสมบูรณ์ และน่าดึงดูดมากยิ่งขึ้น คำกริยาวิเศษณ์บอกอาการคืออะไร? มาทำความรู้จักกับ ELSA Speak ในบทความต่อไปนี้กัน
Adverb of manner คืออะไร?
แนวคิดเกี่ยวกับ Adverb of manner
คำกริยาวิเศษณ์บอกอาการ (Adverb of manner) เป็นคำวิเศษณ์ที่บอกว่าสิ่งของ เหตุการณ์ หรือปรากฏการณ์กำลังเกิดขึ้นหรือเกิดขึ้นได้อย่างไร โดยทั่วไปนี่คือคำวิเศษณ์ประเภทหนึ่งที่ใช้ตอบคำถาม “How?”
ตัวอย่าง Adverb of manner
Adverb of manner ตัวอย่างประโยคบอกอาการ:
Adverb of manner | ความหมาย | ตัวอย่าง |
Carefully | อย่างระมัดระวัง | My teammate works carefully. (เพื่อนร่วมทีมของฉันทำงานอย่างระมัดระวัง) |
Suddenly | อย่างกะทันหัน | This blue door suddenly flew open. (ประตูสีฟ้านี้เปิดอย่างกะทันหัน) |
Well | อย่างดี | This documentary presented two-sides of the problem very well. (สารคดีเรื่องนี้นำเสนอประเด็นทั้งสองด้านได้อย่างดีมาก) |
Carelessly | อย่างไม่ระมัดระวัง | My younger brother drives rather carelessly. (น้องชายของฉันขับรถอย่างไม่ระมัดระวัง) |
Adverb of manner หลักการใช้
วิธีสร้าง Adverb of manner ที่ยอดนิยม
วิธีสร้าง Adverb of manner | ตัวอย่าง |
เพิ่ม —ly หลังคุณศัพท์ | careful – carefully (อย่างระมัดระวัง) clear – clearly (อย่างชัดเจน) slow – slowly (อย่างช้าๆ) |
ถ้าคุณศัพท์ลงท้ายด้วยตัว –y, เลิกตัว –y และเติม –ily | easy – easily (อย่างง่ายดาย) angry – angily (อย่างโกรธเคือง) greedy – greedily (อย่างตะกละ) |
ถ้าคุณศัพท์ลงท้ายด้วยตัว –le, เลิกตัว –e และเติม –y | gentle – gently (อย่างสุภาพ) reasonable – reasonably (อย่างมีเหตุผล) terrible – terribly (อย่างน่ากลัว) |
ถ้าคุณศัพท์ลงท้ายด้วยตัว –ic, เติม –ally | magic – magically (อย่างมีเวทมนตร์) fantastic – fantastically (อย่างมหัศจรรย์) |
ถ้าคุณศัพท์ลงท้ายด้วยตัว –ll, เติม –y | full – fully (อย่างเต็มที่) dull – dully (อย่างโง่) |
คุณศัพท์บางคำลงท้ายด้วย “ly” เราต้องสร้างคำวิเศษณ์ตามโครงสร้างต่อไปนี้: In a/an + adj-ly + way | Silly -> in a silly way (อย่างโง่) Friendly -> in a friendly way (อย่างเป็นมิตร) |
>>> Read more:
ข้อยกเว้น
ข้อยกเว้นของคำกริยาวิเศษณ์บอกอาการ | ตัวอย่าง |
คำวิเศษณ์บางคำมีรูปแบบคล้ายกับคำคุณศัพท์ | • Fast (เร็ว) • Hard (ขยัน) • Early (เช้าหรือแต่เนิ่นๆ) • Late (สาย) • Near (ใกล้) • Deep (ลึก) • Right (ถูก) |
คำวิเศษณ์บางคำลงท้ายด้วย -ly ไม่สามารถสร้างเป็นคำวิเศษณ์ได้ | • Daily (รายวัน) • Weekly (รายอาทิตย์) • Friendly (เป็นมิตร) • Lonely (เหงา) • Lively (มีชีวิตชีวา) |
ในบางกรณี คำคุณศัพท์ 1 คำ เติม-ly ความหมายไม่เหมือนกัน | Hard (ขยัน) >< Hardly (แทบจะไม่) • He worked hard to achieve his goals. (เขาขยันทำงานเพื่อให้บรรลุเป้าหมายของตนเอง) • The exam was so easy that she hardly needed to study. (ข้อสอบง่ายมากจนเธอแทบไม่ต้องเรียนเลย) |
Late (สาย) >< Lately (ช่วงนี้) • The flight was delayed, and as a result, they arrived late at their destination. (เที่ยวบินเกิดความล่าช้า จึงส่งผลให้พวกเขามาสาย) • Lately, I have been spending more time reading books than watching TV. (ช่วงนี้ฉันใช้เวลาอ่านหนังสือมากกว่าดูทีวี) |
ตำแหน่งของ Adverb of manner ในประโยค
Adverb of manner อยู่หลังกริยาหลักและหลังกรรม (ถ้ามี)
ในกรณีนี้จะมีการนำเสนอโครงสร้างทั่วไปดังนี้:
S (ประธาน) + V (กริยา) + Adverb of manner (คำกริยาวิเศษณ์บอกอาการ)
ตัวอย่าง:
- Vivian had an accident because she was driving too fast. (วิเวียนประสบอุบัติเหตุ เพราะเธอขับรถเร็วเกินไป)
- His uncle speaks English fluently ⮕ ไม่พูด His uncle speaks fluently English. (ลุงของเขาพูดภาษาอังกฤษได้อย่างคล่องแคล่ว)
Adverb of manner อยู่หน้ากริยา เพื่อเน้นวิธีการกระทำ
เมื่อต้องการเน้นการกระทำ ให้ใส่คำวิเศษณ์บอกอาการ ก่อนคำกริยา เรามีโครงสร้างดังต่อไปนี้:
S (ประธาน) + Adverb of manner (คำกริยาวิเศษณ์บอกอาการ) + V (กริยา)
ตัวอย่าง:
- Bella quickly finishes her homework. (เบลล่าทำการบ้านเสร็จอย่างรวดเร็ว)
- Tim hurriedly opened the present. (ทิมเปิดของขวัญอย่างรีบรอน)
Adverb of manner อยู่หน้าประโยคก่อนประธาน
ในกรณีคำวิเศษณ์บอกอาการอยู่ตรงหน้าประโยคและหน้าประธาน จะมีโครสร้างทั่วไปดังต่อไปนี้:
Adverb of manner (คำกริยาวิเศษณ์บอกอาการ) + S (ประธาน) + V (กริยา)
ตัวอย่าง:
- Slowly, Gatsby opened the gate. (แกสบี้เปิดประตูอย่างช้าๆ)
- Happily, Cuong put on his newly-knitted scarf. (เกื่องสวมผ้าพันคอที่เพิ่งถักอย่างมีความสุข)
รายการ Adverb of manner ที่นิยม
Adverb of manner | ความหมาย | ตัวอย่าง |
angrily | อย่างโกรธ | Po swore angrily. (ปอสาบานอย่างโกรธ) |
quickly | อย่างรวดเร็ว | My leader quickly replied to his CEO. (ผู้นำของฉันตอบกลับผู้บริหาร ของเขาอย่างรวดเร็ว) |
bravely | อย่างกล้าหาญ | My great-grandfather fought bravely for my country. (ปู่ทวดของฉันต่อสู้เพื่อประเทศของฉันอย่างกล้าหาญ) |
politely | อย่างสุภาพ | We just looked at her and politely asked how she was doing. (พวกฉันเราแค่มองเธอและถามอย่างสุภาพว่าเธอเป็นยังไงบ้าง) |
easily | อย่างง่ายดาย | My teacher loses her temper easily. (ครูของฉันอารมณ์เสียอย่างง่ายดาย) |
beautifully | อย่างสวยงาม | We were all beautifully dressed. (พวกเราทุกคนแต่งตัวอย่างสวยงาม) |
professionally | อย่างมืออาชีพ | He should be able to react professionally to something like that. (เขาสามารถโต้ตอบกับบางสิ่งเช่นนั้นได้อย่างมืออาชีพ) |
expertly | อย่างเชี่ยวชาญ | Lemon smiled as he expertly tied a big yellow bow. (เลม่อนยิ้มขณะที่เขาผูกโบว์สีเหลืองลูกใหญ่อย่างเชี่ยวชาญ) |
anxiously | อย่างร้อนรนใจ | They waited anxiously by the phone. (พวกเขารอโทรศัพท์อย่างร้อนรนใจ) |
cautiously | อย่างระมัดระวัง | Cautiously, we investigated this box. (เราตรวจสอบกล่องนี้อย่างระมัดระวัง) |
accurately | อย่างแม่นยำ | This machine in storehouse can accurately locate radioactive material.(เครื่องในโกดังนี้สามารถระบุตำแหน่งวัสดุกัมมันตภาพรังสีได้อย่างแม่นยำ) |
recklessly | อย่างไม่ระมัดระวัง | She spends her money recklessly. (เธอใช้เงินของเธออย่างไม่ระมัดระวัง) |
loudly | อย่างเสียงดัง | Ae was loudly proclaiming his innocence. (เอประกาศความบริสุทธิ์ใจของเขาอย่างเสียงดัง) |
แบบฝึกหัด adverb of manner พร้อมเฉลย
เมื่อเปรียบเทียบกับคำวิเศษณ์อื่นๆ (คำวิเศษณ์บอกเวลา ปริมาณ ฯลฯ) Adverb of manner จะมีความหมายและการใช้งานที่ซับซ้อนกว่า เราอาจจะสับสนระหว่างคำวิเศษณ์บอกอาการกับคำคุณศัพท์และการใช้งานที่หลากหลายของมัน ฉะนั้น คุณควรใช้เวลาทำแบบฝึกหัดให้มากขึ้น เพื่อที่จะเข้าใจและจดจำได้นานขึ้น มาทำแบบฝึกหัด ดังต่อไปนี้กันนะ
แบบฝึกหัด
ข้อ 1: เลือกข้อที่กูก
1. When my teacher talks too ___, it’s difficult to understand him.
A. slowly | B. slow | C. quickly |
2. I always study ___ for a big test.
A. hard | B. goodly | C. hardly |
3. My dad used to shout ___ when he was angry.
A. noisy | B. loudly | C. loud |
4. Please try to behave ___ when you meet my family.
A. normally | B. soft | C. quickly |
5. She did ___ in her tennis match last week. She won.
A. bad | B. well | C. goodly |
6. Please close the door ___ when you enter my room.
A. stupid | B. gently | C. successfully |
7. I’m sitting ___ so I don’t want to move.
A. normally | B. comfortably | C. quickly |
8. My husband sings ___ when he’s in the shower. Even the neighbours can hear him.
A. quietly | B. bigly | C. enthusiastically |
9. She laughs ___ at my jokes.
A. happily | B. angrily | C. well |
10. Sometimes I need my teacher to talk more ___ so I can hear her better.
A. slowly | B. successfully | C. hardly |
ข้อ 2. จงหาคำคุณศัพท์ในประโยคที่กำหนดและเติมคำวิเศษณ์ที่เหมาะสมลงในช่องว่าง
1) Her Chinese is fluent. She speaks Chinese…………..
2) Jim is a good singer. He sings…………
3) This exercise is easy. I can do it………….
4) The class is so noisy. Our teacher is angry. She shouts………….
5) Nick is a nice guitar player. He plays the guitar………..
คำตอบ
ข้อ 1:
1. B | 2. A | 3. B | 4. A | 5. B |
6. B | 7. B | 8. C | 9. A | 10. A |
ข้อ 2:
1. fluently | 2. well | 3. easily | 4. angrily | 5. nicely |
คำถามที่เจอบ่อย
“Always” ใช่คำกริยาวิเศษณ์บอกอาการหรือไม่?
- คำตอบคือ ไม่ “always” ไม่ใช่คำกริยาวิเศษณ์บอกอาการ เพราะว่า “always” เป็นคำวิเศษณ์บอกเวลา ซึ่งแสดงถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง หรือเกิดขึ้นบ่อยทั้งในอดีต ปัจจุบัน และอนาคต
- ตัวอย่าง: She always arrives on time for meetings. (เธอมาประชุมตรงเวลาเสมอ)
คำกริยาวิเศษณ์บอกอาการและคำกริยาวิเศษณ์บอกระดับเหมือนกันหรือไม่?
คำกริยาวิเศษณ์บอกอาการ (Adverb of manner) และคำกริยาวิเศษณ์บอกระดับ (Adverb of degree) ไม่เหมือนกัน
- คำกริยาวิเศษณ์บอกอาการแสดงลักษณะ อาการ หรือลักษณะการกระทำ
⮕ ตัวอย่าง He runs quickly. (เขาวิ่งอย่างเร็วมาก)
- ในขณะเดียวกัน คำวิเศษณ์แสดงระดับ แสดงถึงระดับ ขนาด หรือความรุนแรงของการกระทำ มักใช้เพื่อเปรียบเทียบหรือประเมินบางสิ่งบางอย่าง
⮕ ตัวอย่าง He is extremely excited. (เขาตื่นเต้นอย่างมาก)
หวังว่าบทความนี้จะนำความรู้ที่เป็นประโยชน์เกี่ยวกับคำกริยาวิเศษณ์บอกอาการ (Adverb of manner) ในภาษาอังกฤษ อย่าลืมติดตามบทความของ ELSA Speak เพื่อเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับไวยากรณ์ภาษาอังกฤษที่สำคัญอื่นๆ
มีคนหลายคนกำลังสงสัยว่า ELSA Speak สามารถใช้บนคอมพิวเตอร์ได้ไหม? วิธีดาวน์โหลด ELSA Speak สำหรับ PC มีวิธีการอย่างไร? คำถามนี้จะตอบโดยละเอียดในบทความด้านล่างนี้
แนะนำแอปเรียนภาษาอังกฤษ ELSA Speak
ในปัจจุบัน ELSA Speak เป็นแอปพลิเคชันเรียนการสื่อสารภาษาอังกฤษอันดับต้นๆ ด้วยการใช้เทคโนโลยี AI ในการจดจำเสียงและวิเคราะห์ข้อผิดพลาดในการออกเสียง คุณจะได้คำแนะนำอย่างละเอียดเกี่ยวกับวิธีเน้นเสียง น้ำเสียง การจัดรูปปาก หลังจากเรียนด้วย ELSA Speak มีผู้เรียนถึง 90% ออกเสียงได้ชัดขึ้น 68% พูดได้คล้องแคล่วขึ้นและ 95% มั่นใจขึ้นเมื่อสื่อสารภาษาอังกฤษ
ข้อดีที่โดดเด่นอื่นๆ ของ ELSA Speak
- ฝึกออกเสียงทั้ง 44 เสียงในระบบเสียงภาษาอังกฤษตามเสียงอ่านมาตรฐานสากล
- พัฒนาทักษะด้านการออกเสียง การฟัง เน้นเสียง บทสนทนาและการออกเสียงสูงต่ำ
- คลังบทเรียนขนาดใหญ่ 192 หัวข้อ 8100 บทเรียนและ 25,000 แบบฝึกหัด
- สร้างแผนการเรียนรู้ส่วนบุคคลโดยอิงจากแบบทดสอบการออกเสียง 16 ประโยค
- พจนานุกรมฟรี เพื่อค้นหาความหมายและฝึกการออกเสียงคำศัพท์ใหม่ๆ
- เรียนออนไลน์ 24/7 ทุกที่ทุกเวลา
สามารถใช้ ELSA Speak PC ได้ไหม
ในปัจจุบัน ELSA Speak ใช้ได้แค่บนโทรศัพท์มือถือและไอแพด (แท็บเล็ต) เท่านั้น ยกแว้นคุณสมบัติ ELSA Speak Analyzer ที่ใช้ในคอมพิวเตอร์ (PC) ได้ อย่างไรก็ตาม คุณสามารถซื้อและเปิดใช้ ELSA Pro บนคอมพิวเตอร์ได้
Speech Analyzer เป็นคุณสมบัติพิเศษที่ช่วยให้คุณปรับปรุงภาษาอังกฤษได้อย่างครอบคลุม ได้แก่
- การออกเสียง
- น้ำเสียง
- ความคล่องแคล่ว
- ไวยากรณ์
- คำศัพท์
>>ดูเพิ่มเติม ELSA Speech Analyzer คืออะไร และคู่มือการใช้
หากยังไม่มีบัญชี คุณสามารถสร้างบัญชีใหม่เพื่อทดลองใช้ Speech Analyzer ฟรีบน PC ได้ที่ https://speechanalyzer.elsaspeak.com/
ในปัจจุบัน Speech Analyzer ไม่มีจำหน่ายในตลาด ดังนั้นคุณสามารถเป็นเจ้าของเเพ็กเกจการเรียนรู้นี้ได้หลังจากคุณอัปเกรดมันแล้ว
- ELSA Premium ประกอบด้วย Speech Analyzer ELSA AI เป็นคอร์สเตรียมพร้อมสำหรับการสอบวัดผล IELTS, Oxford Business Result, HarperCollins, PTE, EIKEN คุณสามารถลงทะเบียนเรียนคอร์ส 1 เดือน 3 เดือน หรือ 1 ปี ด้วยราคาเพียง xx บาทเท่านั้น
- Conversation Bundle ประกอบด้วย Speech Analyzer และ ELSA AI ตลอดชีวิต อย่างไรก็ตาม หลักสูตรนี้ใช้ได้กับผู้เรียน ELSA Pro ตลอดชีวิตเท่านั้น
แนะนำวิธีซื้อและเปิดบัญชี ELSA Pro ในคอมพิวเตอร์
ในปัจจุบัน ELSA Speak มี 2 เวอร์ชั่นใหม่ให้ใช้งาน คือ ฟรีและเสียค่าบริการ สำหรับ ELSA Speak ที่ใช้งานฟรีคุณเพียงดาวน์โหลดแอปและลงทะเบียนบัญชีก็จะใช้งานได้ทันที แต่จะไม่สามารถสร้างแผนการเรียนรู้ส่วนบุคคลได้ จำกัดเพียง 2 บทเรียนต่อหัวข้อเท่านั้นและสามารถใช้พจนานุกรมได้ หากคุณต้องการสัมผัสประสบการณ์เต็มรูปแบบ คุณต้องอัปเกรดบัญชีของคุณเป็นแพ็กเกจ ELSA Pro
คำแนะนำในการซื้อ ELSA Pro เปิดใช้งานรหัสบนคอมพิวเตอร์ (PC)
ขั้นตอนที่ 1: เข้า ELSA Pro เพื่อซื้อ แพ็กเกจ ELSA Pro
ขั้นตอนที่ 2: กรอกข้อมูลการซื้อ
ขั้นตอนที่ 3: เลือก แพ็กเกจ ELSA Pro ตามความชอบของคุณ
(*) ราคาแพ็กเกจ ELSA Pro ตลอดชีพ สามารถเปลี่ยนแปลงได้ขึ้นอยู่กับโปรแกรมส่งเสริมการขาย
ขั้นตอนที่ 4: ชำระค่าคอร์สเรียน
- ชำระเงินด้วย Alipay, Wechat pay, Line pay, TrueMoney
- ชำระเงินด้วยการสแกน QR
- ชำระผ่านเคาน์เตอร์
- บริการธนาคารทางอินเทอร์เน็ต/โทรศัพท์มือถือ
- ชำระเงินผ่านเว็บไซต์ด้วยบัญชีธนาคาร
>> ดูเพิ่มเติม https://th.elsaspeak.com/faq/
ผู้เรียนจะได้รับรหัสเปิดใช้งาน ELSA Pro ผ่านทางอีเมลและ SMS เมื่อชำระเงินออนไลน์
ขั้นตอนที่ 5 เปิดใช้งาน ELSA Pro
- ขั้นตอนที่ 5.1: ลงทะเบียนหรือเข้าสู่ระบบบัญชี ELSA Speak
- ขั้นตอนที่ 5.2: เลือก “เปิดใช้งานรหัส”
- ขั้นตอนที่ 5.3: ป้อนรหัสเปิดใช้งานและเลือก “ยืนยัน”
แนะนำวิธีดาวน์โหลด ELSA Speak ง่ายๆ และรวดเร็ว
ELSA Speak เป็นแอปเรียนภาษาอังกฤษที่ใช้บนโทรศัพท์มือถือและสามารถใช้ได้ในระบบปฏิบัตการ iOS หรือ Android การดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน ELSA Speak มีวิธีดังต่อไปนี้
วิธีดาวน์โหลด ELSA Speak สำหรับระบบปฏิบัติการ iOS
คำแนะนำโดยละเอียดเกี่ยวกับวิธีดาวน์โหลด ELSA Speak สำหรับระบบปฏิบัติการ iOS
- ขั้นตอนที่ 1: เข้าไปที่ App Store บนโทรศัพท์ iPhone หรือ iPad
- ขั้นตอนที่ 2: ค้นหา “ELSA Speak” และคลิกที่แอปพลิเคชัน ELSA Speak
- ขั้นตอนที่ 3: คลิก “Get” หรือ “รับ” เพื่อดาวน์โหลด ELSA Speak
- ขั้นตอนที่ 4: ดำเนินการติดตั้งให้เสร็จสิ้น จากนั้นลงทะเบียนบัญชีและสัมผัสประสบการณ์ ELSA Speak ได้ทันที
วิธีดาวน์โหลด ELSA Speak สำหรับระบบปฏิบัติการ Android
คำแนะนำโดยละเอียดเกี่ยวกับวิธีดาวน์โหลด ELSA Speak สำหรับระบบปฏิบัติการ Android
- ขั้นตอนที่ 1: เข้าไปที่ CH Play/Google Play บนโทรศัพท์ของคุณโดยใช้ระบบปฏิบัติการ Android (Samsung, Oppo, Xiaomi,…)
- ขั้นตอนที่ 2: ค้นหา “ELSA Speak” ในแถบค้นหาแล้วคลิกเพื่อเลือกแอปพลิเคชัน ELSA Speak
- ขั้นตอนที่ 3: คลิก “Install” หรือ “ติดตั้ง” เพื่อดาวน์โหลด ELSA Speak
- ขั้นตอนที่ 4: ดำเนินการติดตั้งให้เสร็จสิ้น จากนั้นลงทะเบียนบัญชีและสัมผัสประสบการณ์ ELSA Speak ได้ทันที
คำถามที่พบบ่อย
ELSA Speak ใช้ฟรีได้ไหม
คุณสามารถใช้ ELSA Speak เวอร์ชันฟรีได้ แต่จะเป็นคุณสมบัติที่จำกัด หากคุณต้องการสัมผัสคุณสมบัติเพิ่มเติม คุณต้องอัปเกรดบัญชีของคุณเป็นแพ็กเกจ ELSA Pro หรือ ELSA Premium
ELSA Speak มีราคาเท่าไหร่
ราคา ELSA Speak จะแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับแพ็กเกจและโปรโมชันแต่ละปี ปัจจุบันราคาเพียง 3,659 บาท ก็สามารถเป็นเจ้าของแพ็กเกจ ELSA Speak Pro ได้ตลอดชีพ
ด้านบนนี้เป็นคำแนะนำโดยละเอียดเกี่ยวกับวิธีดาวน์โหลดแอปพลิเคชันการเรียนรู้ ELSA Speak English บน PC ที่ง่ายและรวดเร็ว นอกจากนี้คุณยังสามารถดาวน์โหลดแอป ELSA Speak บนโทรศัพท์เพื่อให้สะดวกต่อการใช้งานมากยิ่งขึ้น สามารถเรียนออนไลน์ได้ทุกที่ทุกเวลาโดยไม่ต้องพกพาคอมพิวเตอร์ ดาวน์โหลดแอป ELSA Speak ทันทีตอนนี้เพื่อปรับปรุงทักษะภาษาอังกฤษโดยฝึกฝนเพียง 10 นาทีทุกวันนะ
หากคุณกำลังเตรียมตัวเข้าร่วมงานแต่งและต้องการเตรียมคำแสดงความยินดีให้กับคู่รักพร้อมคำอวยพรดีๆ ลองอ่านบทความด้านล่างกับ ELSA Speak เกี่ยวกับคำอวยพรงานแต่งภาษาอังกฤษที่ดีและมีความหมายกันนะ
คำอวยพรวันแต่งงาน ภาษาอังกฤษ
คำอวยพรงานแต่ง ภาษาอังกฤษที่นิยมที่สุด
ด้านล่างนี้ ELSA Speak จะแนะนำให้รู้จักกับคำอวยพรงานแต่ง ภาษาอังกฤษที่นิยมที่สุด
1. Our wedding day will come and go, but may your love forever grow.
แม้ว่าวันแต่งงานของเราจะแค่ผ่านมาและผ่านไป แต่ขอให้ความรักของคุณเติบโตตลอดไป
2. Congratulations on tying the knot!
ขอแสดงความยินดีกับการแต่งงาน!
3. Congratulations on your marriage!
ขอแสดงความยินดีกับการแต่งงานของคุณ
4. Thank you for letting us share on your special day. We wish you all the happiness in the world.
ขอบคุณที่ให้เราแบ่งปันในวันพิเศษของคุณ พวกเราขอให้คุณมีความสุขในโลกใบนี้
5. Marriage is the meeting of two hearts to share love and pain, it always still is one. Congratulations!
การแต่งงาน คือ แม้ว่าการพบกันของสองดวงใจ มันจะได้แบ่งปันความรักบ้าง ความเจ็บปวดบ้าง แต่ท้ายที่สุดมันก็ยังเป็นดวงใจดวงเดียวกันนะ ยินดีด้วยนะ
6. Best wishes on this wonderful journey, as you build your new lives together.
ขอให้คุณเดินทางในเส้นทางชีวิตที่วิเศษณ์ และเป็นไปตามที่คุณอยากจะสร้างชีวิตด้วยกันนะ
7. Wishing you joy, love, and happiness on your wedding day and as you begin your new life together.
ขออวยพรให้คุณมีความสนุก ความรัก และความสุข ในวันแต่งงานของคุณ และชีวิตที่จะได้เริ่มใช้ร่วมกันด้วย
8. May the love and happiness you feel today shine through the years.
ขออวยพรให้ความรักและความสุขของคุณทั้งสองในวันนี้เปล่งประกายไปตลอดชีวิต
9. Stay happy forever!
ขอให้มีความสุขตลอดไป
10. May today be the beginning of a long, happy life together.
ขอให้วันนี้เป็นจุดเริ่มต้นของชีวิตที่ยืนยาวและมีความสุขร่วมกัน
คำอวยพร แต่งงาน ภาษาอังกฤษที่ไพเราะและมีความหมาย
นอกจากคำอวยพรงานแต่ง ภาษาอังกฤษที่หลายๆ คนใช้แล้ว ด้านล่างนี้คือ 20 อันดับแรกของอวยพร แต่งงาน ภาษาอังกฤษที่มีความหมายอย่างยิ่งและสร้างความประทับใจให้กับคู่รักในพิธีแต่งงาน
1. Hoping this card brings your “my sincere greetings”. You will be blessed through the coming year in the fullest measure.
หวังว่าการ์ดใบนี้จะนำ “คำอวยพรจริงใจของฉัน” ให้ถึงคุณ ขอให้คุณมีความสุขมากมายในอนาคต
2. Sending you this present with my heart and with that, you’ll be happy in the fullest measure. May the happy things always happen to you.
ขอมอบของขวัญชิ้นนี้ให้กับคุณอย่างสุดหัวใจ และขอให้คุณมีความสุขอย่างเต็มเปี่ยม หวังว่าสิ่งดีๆจะเกิดขึ้นกับคุณเสมอนะ
3. The marriage made in Heaven begins right here on Earth. On this beautiful and lovely occasion, I wish you a bright future together.
การแต่งงานที่เกิดขึ้นในสวรรค์ วันนี้เริ่มต้นที่นี่บนโลก ในโอกาสที่สวยงามและน่ารักครั้งนี้ ฉันขอให้คุณทั้งสองมีอนาคตที่สดใสร่วมกัน
4. Today is going to be a day that you shall never forget. Enjoy the bliss of becoming one. May marriage brings great joy, love, and passion to your life.
วันนี้จะเป็นวันที่คุณจะไม่มีวันลืม เพลิดเพลินไปกับความสุขของงานแต่งวันนี้ ขอให้การแต่งงานในครั้งนี้จะนำความสุข ความรัก และมีแพชชั่นมาสู่ชีวิตของคุณ
5. I believe that your marriage will be a source of blessing and happiness. Please accept this little present with my congratulations on your happy wedding.
ฉันเชื่อว่าการแต่งงานของคุณจะเป็นจุดกำเนิดของพรและความสุข โปรดรับของขวัญเล็กๆ น้อยๆ นี้ พร้อมกับคำอวยพรงานแต่งที่มีความสุขของคุณ
6. God combines your hearts in one. Walk through life hand in hand, and be always loving and caring.
พระเจ้าทรงรวมใจคุณสองคนเป็นหนึ่งเดียว มาใช้ชีวิตนี้ด้วยกัน จับมือกัน รักและแบ่งปันกันเสมอ
7. Let all you have today never end. Always find beauty in one another and let the love and the laughter live forever!
ขอให้เพื่อนทั้งสองของฉันมีวันแห่งความสุขนี้ตลอดไป พบเจอแต่สิ่งดี ๆ ในตัวกันเสมอ และปล่อยให้ความรักและเสียงหัวเราะยังคงอยู่ตลอดไป
8. Congratulations on your marriage. May you have a wonderful life. You started this day as two best friends And ended it as a man and his wife!
ขอแสดงความยินดีกับงานแต่งงานของคุณ ขอให้ชีวิตเต็มไปด้วยความสนุกสนาน คุณทั้งสองเริ่มต้นจากการเป็นเพื่อนที่ดี และจบลงด้วยการเป็นสามีภรรยากัน
9. Marriage is a promise to each other to guide and protect. All the best for the times ahead!
การแต่งงานเป็นคำสัญญาต่อกัน เพื่อนำทางและปกป้องซึ่งกันและกัน ขอให้เจอแต่สิ่งดีๆ ในวันสำคัญนี้
10. Sending you this present with my heart and with that you’ll be happy in the fullest measure. May the happiest things always happen to you.
ขอส่งของขวัญชิ้นนี้ไปให้คุณอย่างสุดหัวใจ หวังว่าคุณจะเต็มไปด้วยความสุข ความสุขที่สุดเท่านั้นที่จะมาหาคุณ
11. I trust that your marriage will be a source of blessing and happiness for both of you. Please accept this little present with my congratulations upon your happy wedding.
ฉันเชื่อว่า การแต่งงานของคุณจะเป็นพรและความสุขสำหรับคุณทั้งคู่ โปรดรับของขวัญเล็กๆ น้อยๆ นี้พร้อมกับคำอวยพรงานแต่งที่มีความสุขของคุณ
12. Best wishes from us both on your engagement. We hope you will have everything you wish for in life together.
ขอแสดงความยินดีกับคุณสองคนในวันแต่งงานที่ยอดเยี่ยมของคุณ หวังว่าคุณทั้งสอง จะบรรลุสิ่งที่คุณปรารถนาในชีวิตแต่งงานนี้
13. Wishing the love you exhibit to each other today, always be the first thought during any hard time in the future.
ขอให้ความรักที่แสดงต่อกันในวันนี้ ให้เป็นความคิดแรกที่นึกถึงเสมอเสมอ ในช่วงเวลาที่ยากลำบากในชีวิตในภายหลังของคุณทั้งสอง
14. Wishing you joy, love, and happiness on your wedding day and as you begin your new life together.
ขออวยพรให้คุณมีความสนุก ความรัก และความสุข ในวันแต่งงานของคุณ และเมื่อคุณสองคนเริ่มต้นชีวิตใหม่ด้วยกัน
15. Finally, I am waiting for your wedding day. I’m glad you found your happiness. Congratulations!
ในที่สุด ฉันก็รอวันที่จะเข้าร่วมงานแต่งของคุณ ฉันดีใจมากที่คุณได้ค้นพบความสุขของตัวเอง ยินดีด้วยนะ
16. Stay happy forever!
ขอให้มีความสุขตลอดไป
17. May the love you share today grow stronger as you grow old together.
ขอให้ความรักที่คุณแบ่งปันกันในวันนี้ แข็งแกร่งขึ้น จนกระทั่งคุณแก่เฒ่าไปด้วยกัน
>>> Read more:
คำอวยพรงานแต่งเพื่อนร่วมงานในภาษาอังกฤษ
หากคุณกำลังจะไปร่วมงานแต่งของเพื่อนร่วมงานในออฟฟิศเดียวกัน สามารถดูคำอวยพรในงานแต่งภาษาอังกฤษด้านล่าง:
1. Wishing the bride and groom forever together, and a happy life.
ขอให้เจ้าสาวและเจ้าบ่าวอยู่ด้วยกันตลอดไปและมีชีวิตที่มีความสุข
2. Lots of love today and beyond.
มีความรักมากมายทั้งในวันนี้และตลอดไป
3. Thank you for letting me share in this joyful day. I wish you all the best as you embark on this wonderful union.
ขอบคุณที่ให้ฉันเข้าร่วมฉลองวันแห่งความสุขนี้ ขออวยพรให้คุณพบเจอแต่สิ่งดีๆกับการแต่งงานของคุณสองคน
4. Warmest wishes on your special day. Cheers to you both.
ขอส่งคำอวยพรอันอบอุ่นที่สุดในวันพิเศษของคุณ ยินดีด้วยนะ
5. Enjoy your time together, and bring on the babies!
เสพสุขไปกับเวลาของคุณด้วยกัน และขอให้มีลูกไวๆ
6. Tons of love for you today and always.
ขอส่งความรักรักมากมายในวันนี้และตลอดไป
7. It is a privilege to witness such pure love. Congratulations!
ฉันรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้เห็นความรักอันบริสุทธิ์เช่นนี้ ยินดีด้วยนะ
8. Following your heart always leads to a lifetime of love.
ทำตามหัวใจ จะสามารถนำไปสู่ความรักตลอดชีวิตเสมอ
9. I’m so glad to share this special day with you two!
ฉันดีใจมากที่ได้เป็นส่วนหนึ่งวันพิเศษนี้กับคุณสองคน
10. A lifetime of love begins today. Enjoy every minute!
ความรักตลอดชีวิต เริ่มต้นตั้งแต่วันนี้ เพลิดเพลินกับทุกวินาทีนี้นะ
11. I wish you both a long and happy marriage!
ขอให้คุณทั้งสองมีชีวิตแต่งงานที่ยืนยาวและมีความสุข
12. If you’re as good of a partner as you are a co-worker, I know that your spouse is one lucky person!
หากคุณเป็นคู่ชีวิตที่ดีพอเหมือนตอนเป็นเพื่อนร่วมงาน ฉันแน่ใจว่าคู่สมรสของคุณคือคนโชคดี
13. Your future as a bride/groom is exceptionally bright. Congratulations on finding your special someone.
อนาคตของคุณหลังแต่งงานจะสดใสมาก ขอแสดงความยินดีที่ได้พบคนพิเศษในชีวิตของคุณ
14. Today is just the beginning of endless fun, laughter and of course, love!
วันนี้เป็นจุดเริ่มต้นของความสนุก เสียงหัวเราะ และความรักไม่มีที่สิ้นสุด
15. It’s a blessing to find your soul mate. I’m so glad you found yours!
มันคงเป็นพรที่ได้พบคู่ชีวิตของคุณ ฉันดีใจมากที่คุณได้พบคู่ชีวิตของตนเอง
คำอวยพรงานแต่งให้แก่ลูกเขย/ลูกสะใภ้ ภาษาอังกฤษ
ด้านล่างนี้เป็นคำอวยพรในงานแต่งภาษาอังกฤษที่ตัวแทนครอบครัวมักส่งถึงสมาชิกใหม่ในครอบครัวคือ เจ้าสาว/เจ้าบ่าว:
1. I am so blessed to have gained another loving family member.
ฉันรู้สึกมีความสุขมาก เมื่อครอบครัวได้ต้อนรับสมาชิกใหม่
2. Our family has gained a wonderful new member. We’re so happy to share in your love and special day.
ครอบครัวขอพวกเราเพิ่งต้อนรับสมาชิกที่ยอดเยี่ยมคนหนึ่ง พวกเรามีความสุขมากที่ได้ร่วมเฉลิมฉลองวันสำคัญนี้ด้วยกัน
3. I’m so happy to call you family. Here’s to a lifetime of making precious memories together.
ฉันดีใจมากที่ได้เรียกคุณว่าครอบครัว เรามีชีวิตที่ยืนยาว เพื่อสร้างความทรงจำที่ดีร่วมกัน
4. Nothing warms my heart more than seeing you two together. Welcome to our family.
ไม่มีอะไรดีไปกว่าการได้เห็นลูกสองคนอยู่ด้วยกัน ยินดีต้อนรับสู่ครอบครัวของเรา
5. You fit right into our family. We’re welcoming you with open arms. Congratulations.
คุณเป็นส่วนหนึ่งที่สมบูรณ์แบบสำหรับครอบครัวนี้ เรายินดีต้อนรับคุณด้วยอ้อมแขนอันอบอุ่น ขอแสดงความยินดีนะ
6. Our family just got better because you joined it. Cheers!
ครอบครัวของเราสมบูรณ์แบบมากขึ้น เพราะมีคุณเข้าร่วม ชนแก้ว!
7. Since our first encounter, I knew you were destined to be in our family. Congratulations!
ตั้งแต่วันแรกที่เราพบกัน ฉันรู้เลยว่าคุณจะเป็นสมาชิกในครอบครัวของเรา ขอแสดงความยินดีนะ
8. We fell in love with you too! Thank you for loving him/her the way you do. Looking forward to more holidays together.
พวกเรารักคุณจริงๆ ขอบคุณที่รักเธอ/เขาในแบบที่คุณรัก พวกเราตั้งตารอวันหยุดที่จะได้ใช้ชีวิตร่วมกันแล้ว
9. It’s crystal clear that you two were made for each other. Continue to walk in that light and the rest of your years together will be blissful.
มันชัดเจนมากว่า คุณสองคนเกิดมาเพื่อกันและกันจริงๆ เดินต่อไปบนเส้นทางที่คุณเลือก และต่อไปจะอยู่ด้วยกันด้วยความสุข
10. You’re now a treasured branch on our beloved family tree and we’re forever grateful. Congratulations on your nuptials.
ตอนนี้คุณเป็นส่วนหนึ่งที่ล้ำค่าในวงศ์ตระกูลของเรา และเราจะรู้สึกขอบคุณตลอดไป ขอแสดงความยินดีกับงานสมรสของคุณ
แพ็กเกจ ELSA Speak Pro | ราคาเดิม | ข้อเสนอพิเศษ |
ELSA Pro ตลอดชีวิต | 14,865 บาท | 2,644 บาท |
ELSA Pro 1 ปี | 2,499 บาท | 1,749 บาท |
ELSA Pro 6 เดือน | 2,099 บาท | 1,049 บาท |
ELSA Pro 3 เดือน | 1,119 บาท | 559 บาท |
คำอวยพรงานแต่งลูกสาว/ลูกชาย ภาษาอังกฤษ
การได้เห็นลูกชาย/ลูกสาวแต่งงานและได้พบกับคนที่สามารถนำความสุขมา ในช่วงเวลาศักดิ์สิทธิ์นั้น ต้องเตรียมตัวด้วยความปรารถนาอย่างจริงใจ เพื่อที่คุณจะพูดได้อย่างรอบคอบมากขึ้น ด้านล่างเป็นคำอวยพรในงานแต่งภาษาอังกฤษที่คุณสามารถดูได้:
1. As your mom, witnessing your union makes my heart sing. I am overjoyed to watch your love grow.
ในฐานะแม่ของลูก การได้เห็นวันแห่งความสุขของลูกทำให้ใจแม่เต้นแรง แม่ดีใจมากที่ได้เห็นความรักของลูกเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ
2. I’ve watched you blossom into a wonderful young woman/man. Always know that I’m here for you no matter what. Congratulations!
พ่อ/แม่ได้เห็นลูกเป็นเด็กผู้ชาย/เด็กผู้หญิงที่ดี โปรดจำไว้เสมอว่าพ่อแม่ของลูกจะอยู่เคียงข้างลูกเสมอ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม ขอแสดงความยินดีกับวันแห่งความสุขของลูกนะ
3. Although you will always be my baby, you’re now entering a new role in your life. Wishing you nothing but best wishes and everlasting love.
แม้ว่าลูกจะยังเป็นเด็กในสายตาพ่อแม่มาโดยตลอด แต่ตอนนี้ลูกมีความรับผิดชอบใหม่แล้ว ขออวยพรให้ลูกมีแต่ความปรารถนาดีและความรักที่นิรันดร
4. It makes me so happy to see you marrying the love of your life. I always knew you’d find someone who cherishes you as much as I do. Cheers to a lifetime of happiness.
พ่อแม่ดีใจมากที่ได้เห็นลูกแต่งงานกับคนที่รักในชีวิต พ่อแม่รู้อยู่เสมอว่าลูกจะพบคนที่รักลูกมากเท่ากับพ่อแม่ มาชนแก้วเพื่อเฉลิมฉลองความสุขตลอดชีวิตของลูก
5. From the moment you were born, I knew that you would grow up to become an exceptional individual. It warms my heart to see someone else love and appreciate you as much as I do. Congratulations on your special day!
ตั้งแต่ลูกเกิดมา พ่อแม่แน่ใจว่าลูกจะเติบโตขึ้นและกลายเป็นคนที่โดดเด่น แม่และพ่อมีความสุขมากที่ได้เห็นคนที่รักลูกและทะนุถนอมลูกเหมือนที่พ่อแม่ทำ ขอแสดงความยินดีในวันแห่งความสุขของลูก
คำอวยพรงานแต่งตลกๆ เป็นภาษาอังกฤษ
1. Thanks for inviting me to the best party ever! Oops, I meant your wedding. Congratulations!
ขอบคุณที่เชิญฉันไปงานปาร์ตี้ที่ดีที่สุด ฉันหมายถึงงานแต่งของคุณ ยินดีด้วยนะ
2. Remember, in order to have a successful marriage, you must fall in love many times… and always with the same person.
ต้องจำไว้ว่าเพื่อที่จะมีชีวิตแต่งงานที่มีความสุข คุณต้องตกหลุมรักหลายครั้ง… และคนเดียวกันกับฉัน
3. Your free booze was greatly appreciated. Wishing you a lifetime of wedded bliss!
ฉันรู้สึกขอบคุณมากกับไวน์ฟรีของคุณ ขอให้คุณมีความสุขตลอดชีวิต
4. Congratulations on signing away your freedom and privacy!
ขอแสดงความยินดีกับการสูญเสียอิสรภาพและความเป็นส่วนตัวของคุณไปนะ
5. Never forget that this might be the happiest day of your life. It’s all downhill from here! Best wishes.
อย่าลืมว่าวันนี้เป็นวันที่มีความสุขที่สุดในชีวิตของคุณ เพราะวันต่อๆไปจะตกต่ำ ยินดีด้วยนะ
6. Best of luck to your new spouse. They don’t know what they’re getting into. Thankfully, they love you unconditionally!
ขอให้โชคดี เขาไม่รู้ว่าเขาได้อะไรอยู่ โชคดีที่เขารักคุณอย่างไม่มีเงื่อนไข
7. Now you’ll both have someone to laugh at your corny jokes!
ตอนนี้คุณทั้งสองได้เจอคนที่หัวเราะ เมื่อคุณเล่าเรื่องตลกไร้สาระ
8. Eat, drink and be married!
มากิน ดื่มและแต่งงานกันเถอะ
9. Marriage is a bond between a person who never remembers anniversaries and another who never forgets them.
การแต่งงาน คือ การรวมตัวกันของคนสองคน คนหนึ่งที่ไม่เคยจำวันครบรอบได้ และอีกคนที่ไม่เคยลืมวันครบรอบ
10. Getting married is like being in drama school. You get to practice everything from comedy to melodrama to tragedy. Congratulations.
การแต่งงานก็เหมือนกับหนังโรแมนติกในโรงเรียน คุณต้องผ่านทุกอย่างตั้งแต่ตอนคอมมาดี้
ไปจนถึงตอนดราม่าไปจนถึงโศกนาฏกรรม ยินดีด้วนะ
11. I just have one thing to say: finally! You got Married!
ฉันมีเพียงคำเดียวที่จะพูด: ในที่สุดคุณก็แต่งงานแล้ว
คำอวยพรงานแต่งสั้นๆ ภาษาอังกฤษ
1. So happy to celebrate this day with you both!
มีความสุขมากที่ได้เฉลิมฉลองวันนี้กับคุณทั้งสอง
2. To love, laughter, and their happily ever after.
แด่ความรัก เสียงหัวเราะ และความสุขตลอดไป
3. You two will make the cutest old couple.
คุณสองคนจะเป็นคู่รักวัยแก่ที่น่ารักที่สุด
4. Pop the champagne, she changed her surname.
เปิดแชมเปญ เธอเปลี่ยนนามสกุลของเธอแล้ว
5. Congratulations to the happy couple!
ขอแสดงความยินดีกับคู่รักที่มีความสุข
6. This day was as perfect as this photo.
วันนี้สมบูรณ์แบบเหมือนภาพนี้
7. Cheers to the newlyweds.
ชนแก้ว เพื่อแสดงความยินดีกับคู่บ่าวสาว
8. The most beautiful day for the most beautiful couple.
วันที่สวยที่สุด สำหรับคู่รักที่สวยที่สุด
9. May you always be as happy as you are today
ขอให้มีความสุขเหมือนวันนี้ตลอดไป
10. Wishing you a happy married life, my friend!
ขอให้คุณมีความสุขในชีวิตแต่งงานนะเพื่อน
11. Wishing you the best today and always.
ขอให้มีแต่สิ่งดีๆ ในวันนี้และตลอดไป
12. We’re so happy for you! Here’s to a long and happy marriage!
ยินดีด้วยนะ สุขสันต์วันแต่งงานที่มีความสุขตลอดไป
13. Here’s to a lifetime of love, happiness, and each other.
นี่คือชีวิตแห่งความรัก ความสุข และมีกันและกัน
14. Let your marriage be stable until the last day of your life.
ให้การแต่งงานของคุณมั่นคงจนถึงวันสุดท้ายของชีวิต
15. Best wishes for a fun-filled future together
ขอให้มีอนาคตที่มีความสุขร่วมกัน
คำอวยพรงานแต่งแบบยาว ภาษาอังกฤษ
1. Heartiest congratulations to both of you on your wedding day. Wishing you a happy married life!
ขอแสดงความยินดีอย่างจริงใจ กับคุณทั้งคู่ในวันแต่งงานของคุณ ขอให้คุณมีชีวิตคู่ที่มีความสุข
2. From the bottom of my heart I wish and hope for nothing but the best for you two.
จากก้นบึ้งของหัวใจ ฉันไม่หวังและปรารถนาสิ่งใด นอกจากสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับคุณทั้งสอง
3. Give each other the best that you can and love for no reason. Congratulations on your special day!
มอบสิ่งที่ดีที่สุดให้กันและกัน และรักกันอย่างไม่มีเหตุผล ขอแสดงความยินดีในวันพิเศษของคุณ
คำอวยพรงานแต่งเพื่อน ภาษาอังกฤษ
1. Cheers to the newlyweds.
แสดงความยินดีกับคู่บ่าวสาว
2. Wishing you a happy married life, my friend!
ขอให้คุณมีความสุขในชีวิตแต่งงานนะเพื่อน
3. Wishing you the best today and always.
ขอให้มีแต่สิ่งดีๆ ในวันนี้และตลอดไป
4. The most beautiful day for the most beautiful couple.
วันที่สวยที่สุดสำหรับคู่รักที่สวยที่สุด
5. I’m so happy for you!
ยินดีด้วยนะ
6. We’re so happy for you! Here’s to a long and happy marriage!
ยินดีด้วยนะ สุขสันต์วันแต่งงานที่ยาวนานและมีความสุข
>>> Read more: วิธีการพูดแสดงความยินดีภาษาอังกฤษกับเพื่อนร่วมงาน เพื่อนๆ และครอบครัว
บทความข้างต้นได้รวบรวม คำอวยพรงานแต่ง ภาษาอังกฤษ ในบางกรณี มาอ่านบทความที่เกี่ยวกับการสื่อสาร คำศัพท์ และบทสนทนาของ ELSA Speak กันในครั้งต่อไป
ในภาษาอังกฤษ เพื่อประเมินระดับและความสามารถในการใช้ภาษาของผู้เรียน จะแบ่งออกเป็น 6 ระดับภาษาอังกฤษ มาเรียนกับ ELSA Speak เพื่อเรียนรู้ระดับภาษาอังกฤษทั้ง 6 ระดับ – คำจำกัดความและแบบทดสอบผ่านบทความนี้กันเถอะ!
ระดับภาษาอังกฤษคืออะไร?
ระดับภาษาอังกฤษ (English Proficiency) คือความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษในการสื่อสาร การทำงาน และในชีวิตประจำวัน
ภาษาอังกฤษมี 4 ทักษะที่สำคัญ ประกอบด้วย: การฟัง การพูด การอ่าน และการเขียน เพื่อให้ได้ความคล่องแคล่วในการใช้ภาษาอังกฤษ ผู้เรียนจำเป็นต้องพัฒนาทุกทักษะนี้ให้เชี่ยวชาญ
ทำไมต้องทดสอบระดับภาษาอังกฤษ
การทดสอบระดับภาษาอังกฤษ จะมีการทดสอบทักษะการพูด การฟัง การอ่าน และการเขียน เพื่อทราบถึงความสามารถของคุณในการใช้ภาษาอังกฤษ เมื่อระบุความสามารถในปัจจุบันแล้ว คุณจะสามารถวางแผนการเรียนภาษาอังกฤษที่เหมาะสมเพื่อพัฒนาต่อไปในระดับที่สูงขึ้น
ระดับภาษาอังกฤษมีอะไรบ้างตามมาตรฐาน CEFR
ระดับภาษาอังกฤษ A1
- ระดับ A1 สอดคล้องกับผู้ใช้ภาษาอังกฤษขั้นพื้นฐานที่สามารถเข้าใจและใช้สำนวนที่คุ้นเคยในชีวิตประจำวันและวลีพื้นฐานมาก ๆ CEFR กำหนดสิ่งต่อไปนี้เพื่อระบุระดับ A1:
- ผู้เรียนสามารถเข้าใจและใช้สำนวนในชีวิตประจำวันและวลีอย่างง่าย ๆ เพื่อให้ตอบสนองความต้องการทันที
- ผู้เรียนสามารถแนะนำตัวเองและผู้อื่นได้ รวมถึงสามารถถามและตอบคำถามเกี่ยวกับข้อมูลส่วนตัว เช่น ที่อยู่อาศัย สิ่งที่มี และคนที่รู้จัก
- ผู้เรียนสามารถสื่อสารอย่างง่าย ๆ หากคู่สื่อสารพูดช้าและชัดเจน และยินดีที่จะร่วมมือ
ระดับภาษาอังกฤษ A2
ระดับ A2 จะสอดคล้องกับผู้ใช้ภาษาอังกฤษที่สามารถเข้าใจสำนวนพื้นฐานและสื่อสารได้อย่างง่ายดาย
CEFR กำหนดสิ่งต่อไปนี้เพื่อระบุระดับ A2:
- ผู้เรียนสามารถเข้าใจประโยคและสำนวนที่ใช้บ่อยในด้านที่เกี่ยวข้องกับประสบการณ์โดยตรงของผู้เรียน (เช่น ข้อมูลพื้นฐานเกี่ยวกับตัวเองและครอบครัว การช็อปปิ้ง สถานที่ที่ชอบ การทำงาน ฯลฯ)
- ผู้เรียนสามารถสื่อสารในงานประจำวันที่ต้องการแลกเปลี่ยนข้อมูลง่าย ๆ และเกี่ยวกับเรื่องที่คุ้นเคยโดยตรง
- ผู้เรียนสามารถใช้คำศัพท์ง่าย ๆ เพื่ออธิบายเกี่ยวกับ เรื่องในอดีต สิ่งแวดล้อม และเรื่องที่เกี่ยวข้องกับความต้องการในปัจจุบันของผู้เรียน
>>> Read more:
- 220+ รูปแบบประโยคภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสารพื้นฐานที่ใช้บ่อยที่สุด
- บทสนทนาภาษาอังกฤษ 40 บทที่ใช้บ่อยในชีวิตประจำวัน
ระดับภาษาอังกฤษ B1
ระดับ B1 สอดคล้องกับผู้ใช้ภาษาอังกฤษที่สามารถเข้าใจและสร้างข้อความเกี่ยวกับหัวข้อที่คุ้นเคยและสามารถให้ความคิดเห็นรวมถึงการบรรยาย
CEFR กำหนดสิ่งต่อไปนี้เพื่อระบุระดับ B1:
- สามารถเข้าใจจุดสำคัญของข้อความอย่างชัดเจนในภาษาระดับพื้นฐาน ถ้าข้อความนั้นพูดถึงหัวข้อที่คุ้นเคย ไม่ว่าจะในบริบทของการทำงาน การเรียน หรือการพักผ่อน
- สามารถจัดการกับสถานการณ์ส่วนใหญ่ที่อาจเกิดขึ้นในสภาพแวดล้อมที่ต้องการใช้ภาษาอังกฤษ
- สามารถสร้างข้อความง่าย ๆ ที่เกี่ยวกับหัวข้อที่ตนเองคุ้นเคยหรือมีความสนใจ
- สามารถบรรยายประสบการณ์ เหตุการณ์ ความปรารถนาและความหวัง รวมถึงอธิบายความคิดเห็นหรืออธิบายแผนการอย่างสั้น ๆ
ระดับภาษาอังกฤษ B2
ระดับ B2 สอดคล้องกับผู้ใช้ภาษาอังกฤษที่สามารถสร้างข้อความได้อย่างชัดเจน ละเอียด และมีความสามารถในการโต้ตอบอย่างคล่องแคล่วและเป็นธรรมชาติ
CEFR กำหนดสิ่งต่อไปนี้เพื่อระบุระดับ B2:
- สามารถเข้าใจจุดสำคัญของข้อความที่ซับซ้อนเกี่ยวกับหัวข้อเฉพาะและนามธรรม รวมถึงการสนทนาเชิงเทคนิคในสาขาวิชาชีพของตน
- สามารถโต้ตอบอย่างคล่องแคล่วและเป็นธรรมชาติ จากนั้นสามารถโต้ตอบกับเจ้าของภาษาได้อย่างสม่ำเสมอ โดยไม่ทำให้ทั้งสองฝ่ายเครียด
- สามารถสร้างข้อความที่ชัดเจน ละเอียดเกี่ยวกับหัวข้อต่าง ๆ และอธิบายมุมมองเกี่ยวกับปัญหาปัจจุบัน โดยให้ข้อดีและข้อเสียของทางเลือกต่าง ๆ
ระดับภาษาอังกฤษ C1
ระดับ C1 สอดคล้องกับผู้ใช้ภาษาอังกฤษที่สามารถแสดงความคิดอย่างคล่องแคล่วและเป็นธรรมชาติ โดยพวกเขาสามารถใช้ภาษาด้วยความยืดหยุ่นและมีประสิทธิภาพสำหรับทุกวัตถุประสงค์
CEFR กำหนดสิ่งต่อไปนี้เพื่อระบุระดับ C1:
- ผู้เรียนสามารถเข้าใจข้อความที่ยาวและยากขึ้น และรับรู้ความหมายที่แฝงอยู่ในนั้น
- ผู้เรียนสามารถแสดงความคิดเห็นของตนเองได้อย่างคล่องแคล่วและเป็นธรรมชาติ โดยไม่ต้องพยายามหาวิธีการแสดงออกที่เหมาะสม
- ผู้เรียนสามารถใช้ภาษาอังกฤษด้วยความเหมาะสมกับสถานการณ์และมีประสิทธิภาพ สำหรับการสื่อสารทางสังคม การเรียน และการทำงาน ผู้เรียนสามารถสร้างข้อความที่ชัดเจน มีโครงสร้างดี และละเอียดเกี่ยวกับหัวข้อที่ซับซ้อน แสดงความสามารถในการจัดระเบียบข้อความ ใช้คำเชื่อม และเชื่อมโยงความคิดในข้อความ
ระดับภาษาอังกฤษ C2
ระดับ C2 กับผู้ใช้ภาษาอังกฤษที่คล่องแคล่ว สามารถเข้าใจและสื่อสารได้ง่ายในทุกเรื่อง รวมถึงความสามารถในการแยกแยะความหมายที่สอดคล้องคล้ายกัน
- ผู้เรียนสามารถเข้าใจทุกสิ่งที่ผู้เรียนได้ยินหรืออ่านได้อย่างง่ายดาย
- ผู้เรียนสามารถสรุปข้อมูลและข้อโต้แย้งจากแหล่งต่าง ๆ ผ่านการพูดและการเขียน และนำเสนออย่างสอดคล้องและสั้น ๆ
- ผู้เรียนสามารถสื่อสารอย่างเป็นธรรมชาติ คล่องแคล่วและแม่นยำมาก และสามารถรับรู้ความหมายที่คล้ายกันในสถานการณ์ที่ซับซ้อนกว่า
ความหมายของระดับภาษาอังกฤษทั้ง 6 ระดับ
- ระดับเริ่มต้น: ยังไม่สามารถสื่อสารได้ด้วยภาษาอังกฤษ
- ระดับพื้นฐาน: สามารถเข้าใจและตั้งคำถามด้วยประโยคง่าย ๆ และสามารถเข้าใจการสนทนาได้ถ้าพูดช้า ๆ
- ระดับก่อนกลาง: สามารถเข้าใจและแลกเปลี่ยนข้อมูลในชีวิตประจำวัน
- ระดับกลาง: สามารถพูด เขียน และเข้าใจใจความหลักของข้อความทั่วไปเกี่ยวกับหัวข้อที่คุ้นเคยหรือแตกต่าง
- ระดับกลางสูง: สามารถใช้ภาษาอังกฤษอย่างอิสระในหลายสถานการณ์ทางการศึกษา และในการทำงาน แม้ว่าในด้านของความละเอียดและความแม่นยำอาจมีขอบเขตจำกัด
- ระดับเชี่ยวชาญ: ความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษอยู่ในระดับดีมาก สามารถใช้ภาษาพูดและเขียนในทุกหัวข้อได้อย่างแม่นยำและคล่องแคล่ว รวมถึงความสามารถในการอ่านและเข้าใจบทความที่มีเนื้อหายากกว่า
การทดสอบระดับภาษาอังกฤษ
โครงสร้างการทดสอบระดับภาษาอังกฤษ
ส่วนที่ 1: ไวยากรณ์ (Grammar)
การสอบไวยากรณ์ (Grammar) ประกอบด้วยคำถามแบบปรนัย 100 ข้อ โดยมีตัวเลือกให้เลือก 5 ตัวเลือกสำหรับแต่ละคำถาม เวลาทั้งหมดที่ใช้ในการทำข้อสอบส่วนนี้คือ 40 นาที
คำถามในส่วนนี้ส่วนใหญ่เป็นคำถามสั้นๆ เน้นเลือกคำตอบที่ถูกต้องที่สุด หาคำตอบที่ผิด เลือกคำที่เหมาะสม แก้ไขข้อผิดพลาดทางไวยากรณ์ เป็นต้น
ตัวอย่าง:
Q: Which sentence is incorrect?
A: Two men are talking.
- The children are playing.
- That person speak Japanese.
- The womans are at restaurant.
การสอบส่วนนี้ต้องการผู้เข้าสอบที่มีพื้นฐานไวยากรณ์ตั้งแต่ระดับปานกลางขึ้นไป และต้องละเอียดในการสังเกตคำถามเพื่อจับข้อผิดพลาดที่ซ่อนอยู่
>>> Read more: รวบรวมไวยากรณ์ภาษาอังกฤษที่ผู้เรียนต้องรู้
ส่วนที่ 2: การฟัง (Listening)
การสอบฟัง (Listening) ประกอบด้วยคำถามแบบปรนัย 12 ข้อ โดยมีตัวเลือกให้เลือก 5 ตัวเลือกสำหรับแต่ละคำถาม เวลาทั้งหมดที่ใช้ในการทำข้อสอบส่วนนี้คือ 20 นาที
ผู้เข้าสอบจะได้ฟังไฟล์เสียงยาวประมาณ 3 นาที และตอบคำถาม 12 ข้อภายใน 20 นาที ไฟล์เสียงอาจบรรยายเกี่ยวกับห้อง แผนที่ หรือเล่าเรื่องราวชีวิตของตัวละครหนึ่ง ผู้เข้าสอบต้องตั้งใจฟังและสังเกตภาพรวมของทั้งหมด (ถ้าสอบในหัวข้อบรรยายภาพ) และต้องคิดหาคำบรรยายภาพนั้นๆ ให้รวดเร็ว พร้อมต้องใส่ใจรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ บนภาพนั้นด้วย
การสอบฟังจะมีตัวอย่างบางส่วนที่ใช้สำเนียงอังกฤษแบบอเมริกัน อังกฤษแบบออสเตรเลีย อังกฤษแบบบริติช ซึ่งสะท้อนความหลากหลายของสำเนียงในสภาพแวดล้อมการทำงานระดับนานาชาติ
>>> Read more: วิธีฝึกภาษาอังกฤษโดยเฉพาะทักษะการฟังสำหรับผู้เริ่มเรียน
ส่วนที่ 3: การอ่าน (Reading)
การสอบอ่าน (Reading) ประกอบด้วยคำถามแบบปรนัย 9-12 ข้อ โดยมีตัวเลือกให้เลือก 5 ตัวเลือกสำหรับแต่ละคำถาม เวลาทั้งหมดที่ใช้ในการทำข้อสอบส่วนนี้คือ 20 นาที
บทอ่านจะประกอบด้วย 5-6 ย่อหน้า (ไม่เกิน 1000 คำ) ส่วนนี้ค่อนข้างจะมีเนื้อหาทางวิชาการเนื่องจากย่อหน้าจะเกี่ยวกับธุรกิจ เศรษฐกิจ ประวัติศาสตร์ เป็นต้น รวมถึงบทอ่านที่เกี่ยวกับเรื่องธรรมดาในชีวิตประจำวัน เรื่องเล่าชีวิต เป็นต้น ส่วนนี้มีคะแนนค่อนข้างมากในการสอบ ดังนั้นควรฝึกทำส่วนนี้ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้
ส่วนที่ 4: การเขียน (Writing)
การสอบเขียน (Writing) ประกอบด้วยคำถามตามหัวข้อหนึ่งข้อ เวลาที่ใช้ในการทำข้อสอบส่วนนี้คือ 15 นาที โดยหัวข้อหลักจะเน้นไปที่ 1 หรือ 2 ประเภทของหัวข้อต่อไปนี้:
1. Write a Sentence Based on a Picture (การเขียนประโยคตามภาพที่ให้) เพื่อประเมินคำศัพท์ ไวยากรณ์ที่ใช้ในการบรรยายภาพอย่างเหมาะสม
2. Write an Opinion Essay (การเขียนเรียงความแสดงความคิดเห็น) นอกจากการประเมินคำศัพท์และไวยากรณ์แล้ว ยังประเมินการจัดเรียงและการจัดระเบียบของบทเรียงความด้วย
ส่วนที่ 5: การพูด (Speaking)
การสอบพูด (Speaking) ประกอบด้วยคำถามตามหัวข้อหนึ่งข้อ เวลาที่ใช้ในการทำข้อสอบส่วนนี้คือ 5 นาที
คำถามจะเน้นไปที่หัวข้อดังต่อไปนี้:
- Describe a Picture (การบรรยายภาพ): ประเมินการออกเสียง การเน้นเสียง น้ำเสียง ไวยากรณ์ คำศัพท์ รวมถึงความสัมพันธ์กับภาพที่ให้มา
- Respond to questions (การตอบคำถาม)
- Respond to questions using information provided (การตอบคำถามโดยใช้ข้อมูลที่ให้)
- Propose solution (การเสนอวิธีแก้ปัญหา)
- Express an Opinion (การแสดงความคิดเห็น)
การสอบส่วนนี้จะประเมินความสามารถในการออกเสียง การเน้นเสียง น้ำเสียง คำศัพท์ ไวยากรณ์ รวมถึงเนื้อหาที่สัมพันธ์กับคำถาม
ในการสอบส่วนนี้ คุณจะมีโอกาสพูดเพียงครั้งเดียวและจะตอบผ่านไมโครโฟนตลอดเวลาที่สอบ ดังนั้น คุณต้องพูดอย่างชัดเจน และระมัดระวังในการกดบันทึกข้อสอบของคุณให้ถูกต้อง
ระดับคะแนนการทดสอบความสามารถภาษาอังกฤษ
A1: Breakthrough in English – ระดับเริ่มต้น: 0-199 คะแนน
ระดับภาษาอังกฤษ A1 เป็นระดับแรกในกรอบมาตรฐานการอ้างอิงทางภาษาของยุโรป (CEFR) คุณจะได้รับระดับ A1 หากทำคะแนนสอบได้ระหว่าง 0-199 คะแนน ระดับ ภาษา อังกฤษ A1 เพียงพอสำหรับการสื่อสารที่ง่ายมาก
A2: Waystage in English – ระดับพื้นฐาน: 200-299 คะแนน
ระดับภาษาอังกฤษ A2 เป็นระดับที่สองในกรอบมาตรฐานการอ้างอิงทางภาษาของยุโรป (CEFR) คุณจะได้รับระดับ A2 หากทำคะแนนสอบได้ระหว่าง 200-299 คะแนน ในระดับนี้ ผู้เรียนจะมีความเข้าใจพื้นฐานของภาษาอังกฤษและสามารถสื่อสารความต้องการพื้นฐานได้
B1: Threshold in English – ระดับกลาง: 300-399 คะแนน
ระดับภาษาอังกฤษ B1 เป็นระดับที่สามในกรอบมาตรฐานการอ้างอิงทางภาษาของยุโรป (CEFR) คุณจะได้รับระดับ B1 หากทำคะแนนสอบได้ระหว่าง 300-399 คะแนน ในระดับนี้ ผู้เรียนจะมีความรู้เกินกว่าขั้นพื้นฐานแต่ยังไม่สามารถทำงานหรือเรียนได้ทั้งหมดด้วยภาษาอังกฤษ
ระดับภาษาอังกฤษ B1 เพียงพอสำหรับการสื่อสารในหัวข้อที่คุ้นเคยกับผู้ที่พูดภาษาอังกฤษ ในที่ทำงาน ผู้ที่มีระดับภาษาอังกฤษ B1 สามารถอ่านรายงานง่ายๆ เกี่ยวกับหัวข้อที่คุ้นเคยและเขียนอีเมลง่ายๆ เกี่ยวกับหัวข้อในสาขาของพวกเขา อย่างไรก็ตาม ระดับ B1 ยังไม่เพียงพอสำหรับการทำงานทั้งหมดด้วยภาษาอังกฤษ
B2: Vantage in English – ระดับกลางสูง: 400-499 คะแนน
ระดับภาษาอังกฤษ B2 เป็นระดับที่สี่ในกรอบมาตรฐานการอ้างอิงทางภาษาของยุโรป (CEFR) คุณจะได้รับระดับ B2 หากทำคะแนนสอบได้ระหว่าง 400-499 คะแนน ในระดับนี้ ผู้เรียนสามารถใช้ภาษาอังกฤษได้อย่างอิสระในหลายสภาพแวดล้อมการเรียนและการทำงาน แม้จะยังมีข้อจำกัดในด้านความลึกและความแม่นยำ
C1: Effective Operational Proficiency in English – ระดับสูง: 500-599 คะแนน
ระดับภาษาอังกฤษ C1 เป็นระดับที่ห้าในกรอบมาตรฐานการอ้างอิงทางภาษาของยุโรป (CEFR) คุณจะได้รับระดับ C1 หากทำคะแนนสอบได้ระหว่าง 500-599 คะแนน ในระดับนี้ผู้เรียนสามารถใช้ภาษาอังกฤษได้อย่างอิสระ ด้วยความแม่นยำสูงในหลายหัวข้อและในเกือบทุกสถานการณ์ โดยไม่ต้องเตรียมตัวล่วงหน้า
C2: Mastery in English – ระดับเชี่ยวชาญ: 600-690 คะแนน
ระดับภาษาอังกฤษ C2 เป็นระดับที่หกและสุดท้ายในกรอบมาตรฐานการอ้างอิงทางภาษาของยุโรป (CEFR) คุณจะได้รับระดับ C2 หากทำคะแนนสอบได้ระหว่าง 600-690 คะแนน ระดับภาษาอังกฤษ C2 โดยพื้นฐานเทียบเท่าระดับเจ้าของภาษา โดยคุณสามารถอ่านและเขียนทุกประเภทของเอกสารในทุกหัวข้อ รวมถึงการแสดงความรู้สึกและความคิดเห็นพร้อมทั้งความละเอียดอ่อน และสามารถให้มีส่วนร่วมอย่างเต็มที่ในทุกสภาพแวดล้อมการเรียนหรือการทำงาน
การแปลงระดับคะแนน:
EIC | IELTS | TOEFL Paper | TOEFL CBT | TOEFL IBT | Cambridge Exam | CEFR |
0-250 | 0 – 1.0 | 0 – 310 | 0 – 30 | 0 – 8 | ||
1.0 – 1.5 | 310 – 343 | 33 – 30 | 9 – 18 | A1 | ||
255 – 400 | 3.5 | 397 – 433 | 93 – 120 | 30- 40 | KET (IELTS 3.0) | A2 |
PET (IELTS 3.5) | B1 (IELTS 3.5) | |||||
405- 600 | 4.0 | 437 – 473 | 123 – 150 | 41 – 52 | PET | B1 |
4.5 – 5.0 | 477 – 510 | 153 – 180 | 53 – 64 | PET (IELTS 4.5) | B1 (IELTS 4.5) | |
PEC (IELTS 5.0) | B2 (IELTS 5.0) | |||||
605 – 780 | 5.5 – 6.0 | 513 – 547 | 183 – 210 | 65 – 78 | PCE | B2 |
6.5 – 7.0 | 550 – 587 | 213 – 240 | 79 – 95 | CAE | C1 | |
785 – 990 | 7.5 – 9.0 | 590 – 677 | 243 – 300 | 96 – 120 | CPE | C2 |
TOP SCORE | TOP SCORE | TOP SCORE | TOP SCORE | TOP SCORE | TOP SCORE | TOP LEVEL |
990 | 9 | 677 | 300 | 120 | 100 | C2 |
>>> Read more:
- IELTS SCORE – วิธีคำนวณคะแนนและเกณฑ์การให้คะแนนสำหรับทั้ง 4 ทักษะ
- TOEFL คืออะไร ภาพรวมของแบบทดสอบและรูปแบบการสอบ TOEFL
- GPA คืออะไร? ความแตกต่างระหว่าง GPA กับ GPAX และ CGPA ที่คุณควรรู้
- A Level คืออะไร? รวมข้อมูล 10 เรื่องที่ควรรู้เกี่ยวกับการสอบ A Level
คำถามที่พบบ่อย
ระดับภาษาอังกฤษ intermediate คืออะไร?
ระดับภาษาอังกฤษ intermediate เทียบเท่ากับระดับ B1 และ B2 ตามกรอบการอ้างอิงภาษาแห่งยุโรป (CEFR)
การทดสอบวัดระดับภาษาอังกฤษมีกี่ระดับ?
CEFR แบ่งออกเป็น 6 ระดับภาษาอังกฤษโดยแบ่งเป็น 3 กลุ่ม:
- Basic (ขั้นพื้นฐาน) จาก A1 – A2;
- Independent (ขั้นใช้งานได้) จาก B1 – B2;
- Proficient (ขั้นเชี่ยวชาญ) จาก C1 – C2.
ระดบ C2 คืออะไร?
ระดับภาษาอังกฤษ C2 เป็นระดับที่หกและสุดท้ายในกรอบการอ้างอิงภาษาแห่งยุโรป (CEFR) ระดับนี้สามารถเรียกว่า “เชี่ยวชาญสองภาษา”
ระดับขั้นพื้นฐานคืออะไร?
ระดับขั้นพื้นฐานเทียบเท่าระดับ A1 ผู้ที่ใช้ภาษาอังกฤษขั้นพื้นฐานสามารถเข้าใจและใช้การแสดงออกที่คุ้นเคยในชีวิตประจำวันได้
ELSA Speak หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์สำหรับคุณในการประเมินระดับภาษาอังกฤษของคุณตามมาตรฐาน CEFR ร่วมติดตามบทความเกี่ยวกับภาษาอังกฤษสำหรับผู้ทำงานจาก ELSA Speak ในครั้งต่อไป!
ในปัจจุบันคะแนนสอบ TOEIC เป็นหนึ่งในใบรับรองภาษาอังกฤษระดับนานาชาติที่ได้รับความนิยมมากที่สุดสำหรับคนทำงานในประเทศไทยรวมถึงทั่วโลกโดยด้วย การมีผลคะแนนสอบ TOEIC ที่ได้คะแนนสูงจะช่วยให้คุณมีโอกาสในการทำงานมากขึ้นและมีความก้าวหน้าในอาชีพของคุณอย่างง่ายดาย แต่คุณรู้ไหมว่าจะ TOEIC สมัครสอบ อย่างไร ถ้ายังไม่รู้ งั้นวันนี้ ELSA Speak ขอนําเสนอวิธีการสมัครสอบ TOEIC ง่ายๆ และเร็วที่สุดมาแบ่งปันเพื่อนๆ นะ ไปดูกันเลย
ข้อมูลทั่วไปเกี่ยวกับการสอบ TOEIC
ข้อสอบ TOEIC คืออะไร
TOEIC (ย่อมาจาก Test of English for International Communication) เป็นการทดสอบเพื่อประเมินความสามารถทางภาษาอังกฤษสำหรับผู้ที่ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาต่างชาติ (ไม่ใช่ภาษาแม่) โดยเฉพาะผู้ที่ต้องการใช้ภาษาอังกฤษในการสื่อสารระหว่างประเทศและในที่ทำงาน ผลการทดสอบ TOEIC ชี้ให้เห็นถึงระดับความสามารถในการสื่อสารภาษาอังกฤษในบริบทต่างๆ เช่น ภาคธุรกิจ การพาณิชย์ การท่องเที่ยว… ผลคะแนนนี้มีอายุ 2 ปี และเป็นที่ยอมรับในหลายประเทศรวมถึงประเทศไทย
TOEIC ใช้เพื่ออะไร
ใบรับรอง TOEIC กลายเป็นมาตรฐานที่ได้รับความนิยมในการประเมินความสามารถทางภาษาอังกฤษของคนวัยทํางาน
จากความเป็นจริงดังกล่าว โรงเรียนและมหาวิทยาลัยหลายแห่งจึงได้รวบรวม TOEIC ไว้ในหลักสูตรและมีการทดสอบด้วย TOEIC เพื่อติดตามความก้าวหน้าในการเรียนภาษาอังกฤษของนักเรียนในแต่ละภาคการศึกษาหรือปีการศึกษา อีกทั้งใช้เป็นเกณฑ์วัดระดับภาษาอังกฤษของผู้ที่สำเร็จการศึกษา ด้วยเหตุผลดังกล่าว การเรียน TOEIC การเตรียมตัวสอบ TOEIC และการสอบ TOEIC จึงมีบทบาทสำคัญในการเตรียมความรู้สำหรับนักศึกษาและคนวัยทํางานจำนวนมาก
ค่าสมัครสอบ TOEIC
ปัจจุบันค่าใช้จ่ายในการลงทะเบียนสอบ TOEIC ปี 2567 แบ่งตามประเภทได้ดังนี้
- การทดสอบแบบบุคคล ค่าธรรมเนียม 1,800 บาท จ่ายเงินสดในวันทดสอบ
- การสอบโดยโรงเรียนสอนภาษา ค่าธรรมเนียมตามตกลง ชําระเป็นเงินสดในวันสอบ
- องค์กรทดสอบ/ทดสอบทางการศึกษาในเครือ ค่าธรรมเนียมตามตกลง
สอบ TOEIC ที่ไหนคะ?
ศูนย์สอบ TOEIC กรุงเทพฯ
อาคาร BB Building เลขที่ 54 ห้อง 1907 ชั้น 19 ถนนอโศก แขวงคลองเตยเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพฯ รหัสไปรษณีย์ 10110
โทรศัพท์: 02 – 260-7061, 02-259-3990
โทรสาร: 02-664-3122
ศูนย์สอบ TOEIC เชียงใหม่
ที่อยู่: เลขที่ 4/11 ชั้น 3 อาคารนวรัฐ 4/6 ถนนแก้วนวรัฐ ซอย 3 เชียงใหม่ รหัสไปรษณีย์ 50000
โทรศัพท์: 053-241-273
โทรสาร: 053-248-208
แนะนำวิธีลงทะเบียนสอบ TOEIC ง่ายๆ และเร็วที่สุด
ขั้นตอนการลงทะเบียนสอบ TOEIC
- ผู้สมัครจะต้องลงทะเบียนสอบล่วงหน้าอย่างน้อย 1 วันก่อนวันสอบ ทั้งนี้ผู้สมัครสามารถลงทะเบียนสอบ TOEIC ได้โดยตรงที่สำนักงาน CPA (ประเทศไทย) หรือโทร CALL CENTER 02-260-7061 หรือ 02-259-3990
- สำหรับผู้สอบที่ต้องการใช้อุปกรณ์ทางการแพทย์แบบพิเศษ เช่น เครื่องช่วยฟัง หรือผู้ที่ต้องการขั้นตอนการทดสอบพิเศษ เช่น การทดสอบอักษรเบรลล์ หรือ เครื่องอ่านพิเศษสำหรับผู้มีความบกพร่องทางการได้ยิน ต้องแจ้ง CPA (ประเทศไทย) ล่วงหน้าที่หมายเลข 603
- การสมัครสอบรูปแบบองค์กร: องค์กรต้องส่งแบบฟอร์ม “แบบฟอร์มขอทดสอบองค์กร” ทางโทรสาร 02-664-3122 หรืออีเมล [email protected] อย่างน้อย 1 วันก่อนวันสอบ
เอกสารสําหรับลงทะเบียน
- ผู้เข้าสอบทุกคน: จะต้องนําบัตรประจำตัวประชาชน ใบขับขี่หรือหนังสือเดินทางมาด้วย
- องค์กร: จะต้องมีใบรับรองการจดทะเบียนบริษัท บัตรประจำตัวประชาชน ใบขับขี่ไทยหรือหนังสือเดินทาง
- ชาวต่างชาติ: หนังสือเดินทาง ใบอนุญาตทํางานตามกฎหมายของไทย (สำหรับผู้สมัครงาน) หรือเอกสารต้นฉบับที่ถูกต้องจากสถาบันการศึกษาของไทยที่รับรองโดยกระทรวงศึกษาธิการ
- ผู้เข้าสอบที่มีความบกพร่องหรือจำเป็นต้องใช้อุปกรณ์ทางการแพทย์ในระหว่างการทดสอบ: ต้องนำบัตรประจำตัวประชาชน ใบขับขี่หรือหนังสือเดินทาง และเอกสารประเภท 2-5 (สำหรับผู้เข้าสอบประเภทนั้น) และสำเนาใบรับรองแพทย์พร้อมตราประทับต้นฉบับของโรงพยาบาลที่รับรองโดยกระทรวงสาธารณสุข (ไม่รวมคลินิก) หนังสือรับรองการใช้อุปกรณ์ทางการแพทย์โดยจะต้องได้รับใบรับรองอย่างน้อย 3 เดือนก่อนวันทดสอบ
- นักศึกษา: บัตรประจำตัวประชาชน ใบขับขี่หรือหนังสือเดินทางและบัตรประจําตัวนักศึกษา
ตารางสอบและวิธีการลงทะเบียนสอบ TOEIC
ผู้เข้าสอบจะต้องเข้าสอบและลงทะเบียนตามกำหนดการด้านล่างนี้
- ลงทะเบียน เวลา 8.00 น. เพื่อสอบ TOEIC เวลา 9.00 น
- ลงทะเบียน เวลา 11.30 น. เพื่อสอบ TOEIC เวลา 13.00 น
- ลงทะเบียน เวลา 14.30 น. เพื่อสอบ TOEIC เวลา 16.00 น.
ผู้เข้าสอบจะต้องแสดงเอกสารที่จำเป็นทั้งหมดเมื่อลงทะเบียน หากคุณไม่สามารถมาสอบที่ศูนย์สอบได้ตรงเวลาก็แสดงว่าคุณจะไม่สามารถยกเลิกการจองวันสอบที่จองไว้ได้ หากคุณต้องการเลื่อนวันลงทะเบียนสอบ คุณต้องเลื่อนก่อนวันทำการ 1 วัน (ไม่รวมวันหยุด) และก่อนวันสอบ
ข้อปฏิบัติและระเบียบในการสอบ TOEIC
- ข้อปฏิบัติและระเบียบในการสอบทั้งหมดจะต้องปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด
- เอกสารที่ระบุทั้งหมดจะถูกตรวจสอบและยืนยันตลอดระยะเวลาการทดสอบ
- โทรศัพท์มือถือ เครื่องดักฟัง อุปกรณ์บันทึกเสียง อุปกรณ์ควบคุมระยะไกล เครื่อวคิดเลข USB คีย์การ์ดรถยนต์ ซิมการ์ด หรือนาฬิกาดิจิตอล ไม่อนุญาตให้นําเข้าห้องสอบ
- อนุญาตให้นำสิ่งของส่วนตัว เช่น กระเป๋าเอกสาร เป้สะพายหลัง กระเป๋าถือ นาฬิกาข้อมือ และยาเข้าห้องสอบได้
- ผู้เข้าสอบจะมีที่นั่งสอบที่ผู้คุมสอบเป็นผู้กำหนด
- หลังจากเริ่มเวลาสอบแล้ว ไม่อนุญาตให้ผู้เข้าสอบออกจากห้องสอบโดยไม่ได้รับอนุญาตจากผู้คุมสอบ ผู้เข้าสอบจะต้องนั่งอยู่ในห้องสอบจนหมดเวลาสอบ
- ผู้เข้าสอบควรให้ความสนใจกับการสอบเท่านั้น หากพบว่าผู้เข้าสอบไม่ซื่อสัตย์โดยการให้ความช่วยเหลือผู้อื่นหรือขอความช่วยเหลือในระหว่างการทดสอบ ผู้เข้าสอบอาจถูกไล่ออกจากห้องสอบหรือจะไม่ได้รับคะแนนสอบเนื่องจากฝ่าฝืนระเบียบ ทั้งนี้ผู้เข้าสอบจะไม่ได้รับเงินคืนและอาจจะไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าสอบอีกในครั้งต่อไป
- CPA มีสิทธิ์ตรวจสอบและทบทวนคะแนนสอบก่อนเปิดเผยผลสอบ
หมายเหตุ: การตัดสินใจนี้จะขึ้นอยู่กับผู้คุมสอบ อุปกรณ์และเอกสารบางอย่างที่อยู่ในรายการต้องห้ามไม่สามารถนำเข้าห้องสอบได้จะต้องเก็บไว้ที่สถานที่ที่ CPA (ประเทศไทย) จัดเตรียมไว้ให้ ในกรณีที่เกิดการสูญหาย CPA (ประเทศไทย) จะไม่รับผิดชอบใด ๆ
ผู้เข้าสอบที่ไม่ปฏิบัติตามนโยบายของศูนย์สอบหรือคำสั่งของผู้คุมสอบอาจถูกปฏิเสธไม่ให้เข้าห้องสอบ ข้อสอบของผู้เข้าสอบอาจถูกยกเลิกและค่าสมัครสอบไม่สามารถขอคืนได้
CPA (ประเทศไทย) มีสิทธิ์ฟ้องร้องได้ทุกประการ ซึ่งรวมถึงการลงโทษผู้ฝ่าฝืนไม่อนุญาตให้ทำการทดสอบในอนาคต หรือยกเลิกผลสอบ หากการทดสอบถูกยกเลิก ผู้ฝ่าฝืนจะไม่ได้รับรายงานผลการสอบและจะไม่มีการคืนค่าสมัครสอบแต่อย่างใด
รับผลสอบ TOEIC
วิธีรับผลสอบ
ผู้สอบสามารถเลือกรับผลสอบได้ 2 วิธี ขึ้นอยู่กับความสะดวกของผู้สอบ ดังนี้
- ให้ทางศูนย์ส่งผลการทดสอบไปยังที่อยู่ที่ผู้สมัครแจ้งไว้
ผู้เข้าสอบจะต้องระบุที่อยู่ของตัวเองบนหน้าซองจดหมายในวันที่ลงทะเบียนสอบ
- รับผลโดยตรงที่ศูนย์สอบตามเวลาดังต่อไปนี้
วันและเวลาเริ่มให้บริการ | วันและเวลารับผลสอบในกรุงเทพฯ | วันและเวลารับผลสอบในเชียงใหม่ |
วันจันทร์ – ศุกร์ เวลา 09:00 น. | หลังสอบเสร็จ ตั้งแต่ 10:00 – 16:30 น. | 4 วันหลังจากวันสอบ ตั้งแต่ 10:00 – 16:30 น. |
วันเสาร์ เวลา 9:00 น. | ตั้งแต่ 10:00 – 16:30 น | 4 วันหลังจากวันสอบ ตั้งแต่ 10:00 – 16:30 น. |
วันจันทร์ – ศุกร์ ตั้งแต่ 13:00 – 16:00 น. | หลังสอบเสร็จ ตั้งแต่10:00 – 16:30 น. | 4 วันหลังจากวันสอบ ตั้งแต่ 10:00 – 16:30 น. |
วันเสาร์ ตั้งแต่ 13:00 – 16:00 น. | หลังสอบเสร็จตั้งแต่ 10:00 – 16:30 น | 4 วันหลังจากวันสอบ ตั้งแต่ 10:00 – 16:30 น. |
โครงสร้างข้อสอบ TOEIC
ในปัจจุบัน ข้อสอบ TOEIC ใช้แบบทดสอบที่เรียกว่า Redesign TOEIC ข้อสอบแบ่งเป็น 2 ส่วน คือ Listening และ Speaking (Reading) จำนวน 200 ข้อ คะแนนรวม 990 คะแนน ระยะเวลาในการแบบทดสอบคือ 2 ชั่วโมง ตามรายละเอียดด้านล่างนี้
- ส่วน Listening Comprehension มีคำถามทั้งหมด 100 ข้อ คะแนนรวม 495 คะแนน เวลาสอบ 45 นาที ผู้เข้าสอบจะต้องฟังคำถามและบทสนทนาสั้น ๆ ในภาษาอังกฤษ แล้วตอบคำถามจากสิ่งที่ได้ยิน แบ่งออกเป็น 4 ส่วนย่อย ดังนี้
- ตอนที่ 1: รูปภาพ 6 คำถาม
- ตอนที่ 2: ตอบคําถาม 25 ข้อ
- ตอนที่ 3: บทสนทนา 39 บท
- ตอนที่ 4: ประโยคบทสนทนาสั้น ๆ 30 ประโยค
- Reading Comprehension มีคำถาม 100 ข้อ คะแนนรวม 495 คะแนน เวลาสอบ 75 นาที ผู้เข้าสอบจะต้องตอบคำถามตามเนื้อหาที่อ่าน แบ่งออกเป็น 3 ส่วนย่อย ดังนี้
- ตอนที่ 5: ประโยคที่ไม่สมบูรณ์ 30 ข้อ
- ตอนที่ 6: กรอกข้อความให้สมบูรณ์ 16 ข้อ
- ตอนที่ 7: อ่านและทำความเข้าใจ 54 ข้อ
>>> Read more:
- IELTS คืออะไร? สรุปข้อมูลทั้งหมดที่คุณจำเป็นต้องรู้เกี่ยวกับการสอบ IELTS
- TOEFL คืออะไร ภาพรวมของแบบทดสอบและรูปแบบการสอบ TOEFL
คะแนน TOEIC เท่าไหร่ถึงจะเรียกว่าดี
การสอบ TOEIC ไม่มีคะแนนไหนเรียกว่าสอบตก แต่คะแนนจะขึ้นอยู่กับความสามารถทางภาษาของผู้เข้าสอบ คะแนน TOEIC เริ่มต้นตั้งแต่ 10 คะแนน ถึง 990 คะแนน แบ่งเป็น
- การฟัง: 495 คะแนน
- การอ่าน: 495 คะแนน
ดังนั้นหากคุณได้คะแนนสอบ 600 คะแนนขึ้นไป คุณสามารถวางใจได้เลย
>>> Read more: 1000 คําศัพท์ TOEIC 2024 ที่พบบ่อยและวิธีท่องจำที่มีประสิทธิภาพที่สุด
คำถามที่พบบ่อย TOEIC สมัครสอบ
เรียน TOEIC ที่ไหนดี
คุณสามารถเลือกเข้าร่วมคอร์สติว TOEIC เพิ่มเติมได้ เพื่อสร้างความมั่นใจในการเตรียมตัวสอบ TOEIC ก่อนเข้าสอบจริง
เลือกที่เรียน TOEIC อย่างไร
ในการเลือกคอร์สเรียน TOEIC เพื่อเตรียมตัวสอบ ควรเลือกสถานที่ที่กระทรวงศึกษาธิการยอมรับและอาจารย์ที่มีเทคนิคเฉพาะในการสอน TOEIC
สามารถลงทะเบียนสอบ TOEIC 2024 ได้ที่ไหน
คุณสามารถลงทะเบียนสอบ TOEIC ได้ที่
- ศูนย์สอบ TOEIC เชียงใหม่
- ศูนย์สอบ TOEIC กรุงเทพฯ
ควรลงทะเบียนสอบ Toeic 2024 เมื่อไหร่
เมื่อไหร่ก็ได้ที่คุณจำเป็นต้องสอบ TOEIC
ต้องลงทะเบียนสอบ TOEIC ล่วงหน้ากี่วัน
ควรลงทะเบียนล่วงหน้าอย่างน้อย 1 วันก่อนวันสอบ
ชำระค่าสอบ TOEIC อย่างไร
คุณสามารถชำระเงินด้วยเงินสดและบัตรเครดิต
ฝึก TOEIC กับ ELSA Speak
บทเรียนจาก HarperCollins ช่วยให้คุณทบทวนข้อสอบ TOEIC IELTS ได้ทุกที่ที่คุณต้องการด้วยแพ็กเกจการเรียน ELSA Premium ซื้อ 1 แถม 4 พร้อมฟีเจอร์ต่าง ๆ อีกมากมายดังนี้
- ELSA AI
- Speech Analyzer
- ELSA Pro
- หลักสูตรเตรียมสอบเพื่อพิชิตใบรับรองต่างๆ เช่น ภาษาอังกฤษธุรกิจ Oxford Business Results
การเตรียมสอบภาษาอังกฤษจาก HarperCollins IELTS Introduction PTE หรือ EIKEN
หากคุณสนใจ TOEIC สมัครสอบ สามารถดูข้อมูลได้ในบทความข้างต้น อย่าลืมติดตาม ELSA Speak เพื่อดูบทความอื่น ๆ ในครั้งต่อไปกันนะ
A Level ถือเป็นใบเบิกทางให้นักเรียนเข้าสู่มหาวิทยาลัยชั้นนำและเปิดโอกาสการทำงานที่น่าสนใจในอนาคต แล้ว A Level คืออะไร? ทำไมต้องสอบ A Level? มาทำความรู้จักกับ ELSA Speak กันได้ที่นี่!
การสอบ A Level คืออะไร?
A Level ย่อมาจาก Applied Knowledge Level ซึ่งหมายถึงระดับความสามารถในการประยุกต์ความรู้ นี่คือการสอบประเมินความรู้ทางวิชาการที่เน้นการประยุกต์ใช้ความรู้ทางวิชาการที่เรียนมาในหลักสูตรสู่การใช้งานจริง เป็นการสอบที่เป็นแบบกระดาษ
ข้อดีของการสอบ A Level
ข้อดีบางอย่างของการสอบ A Level:
- สอบเพียงครั้งเดียว แต่คุณสามารถใช้คะแนน เพื่อสมัครเข้าวิทยาลัยได้สูงสุด 3 ครั้ง
- คุณสามารถเลือกวิชาสอบได้สูงสุด 10 วิชา
- เวลาสอบคือ 1 ชั่วโมง 30 นาที และแต่ละวิชามีคะแนนเต็ม 100 คะแนน
- สามารถเลือกสอบได้เฉพาะวิชาที่ส่งเข้าแผนกที่ต้องการเท่านั้น อย่างไรก็ตาม มีหลายวิชาที่ทดสอบในเวลาเดียวกัน ดังนั้น คุณควรวางแผนอย่างรอบคอบ
A-Level มีวิชาอะไรบ้าง?
คณิตศาสตร์ประยุกต์ 1
คณิตศาสตร์ประยุกต์ 1 A-Level เป็นการรวมระหว่างการสอบคณิตศาสตร์พื้นฐานและคณิตศาสตร์ขั้นสูง ข้อสอบมีทั้งคำถามเชิงวัตถุประสงค์ และคำถามเชิงอัตนัย รวมทั้งหมด 30 ข้อ แบ่งเป็นคำถามเชิงวัตถุประสงค์ 25 ข้อ และคำถามเชิงอัตนัย 5 ข้อ และแบ่งออกเป็น 4 ส่วน คือ จำนวนและพีชคณิต แคลคูลัส การวัดและเรขาคณิต และสถิติและความน่าจะเป็น
เวลาสอบ | 90 นาที |
จำนวนคำถาม | 30 ข้อ (ปรนัย 25 ข้อ = 75 คะแนน / อัตนัย 5 ข้อ = 25 คะแนน) |
คะแนนรวม | 100 คะแนน |
ค่าธรรมเนียม | 100 บาท |
กลุ่มเป้าหมายที่เหมาะสม | นักเรียนสายวิทย์-คณิต |
การสอบต่างๆ | จำนวนและพีชคณิต: เซต ตรรกะ จำนวนจริงและพหุนาม ฟังก์ชัน ฟังก์ชันเลขชี้กำลังและลอการิทึม ตรีโกณมิติ จำนวนเชิงซ้อน เมทริกซ์ ลำดับ และอนุกรม ● แคลคูลัส การคำนวณพื้นฐาน ● การวัดและเรขาคณิตวิเคราะห์และเวกเตอร์ในสามมิติ ● สถิติและความน่าจะเป็น ● ความน่าจะเป็นขั้นพื้นฐาน การแจกแจงความน่าจะเป็นขั้นพื้นฐาน หลักการนับ |
คณิตศาสตร์ประยุกต์ 2
คณิตศาสตร์ประยุกต์ 2 A-Level เป็นการสอบที่เน้นเนื้อหาคณิตศาสตร์พื้นฐาน ข้อสอบมีทั้งคำถามเชิงวัตถุประสงค์และคำถามเชิงอัตนัย รวมทั้งหมด 30 ข้อ แบ่งเป็นคำถามเชิงวัตถุประสงค์ 25 ข้อ และคำถามเชิงอัตนัย 5 ข้อ แบ่งเป็น 2 ส่วน: จำนวนและพีชคณิต กับสถิติและความน่าจะเป็น
เวลาสอบ | 90 นาที |
จำนวนคำถาม | 30 ข้อ (ปรนัย 25 ข้อ = 75 คะแนน / อัตนัย 5 ข้อ = 25 คะแนน) |
คะแนนรวม | 100 คะแนน |
ค่าธรรมเนียม | 100 บาท |
กลุ่มเป้าหมายที่เหมาะสม | นักเรียนสายศิลป์ |
การสอบต่างๆ | ● จำนวนและพีชคณิต: เซต ตรรกะพื้นฐาน เลขชี้กำลัง ฟังก์ชัน ลำดับ และอนุกรม รวมถึงอัตราดอกเบี้ยและมูลค่าของเงิน ● สถิติความน่าจะเป็น สถิติ หลักการพื้นฐานของการคำนวณและความน่าจะเป็น |
วิทยาศาสตร์ประยุกต์
วิทยาศาสตร์ประยุกต์ A-Level เป็นการสอบที่ใช้เนื้อหาวิชาวิทยาศาสตร์ตั้งแต่มัธยมศึกษาปีที่ 4
ถึงมัธยมศึกษาปีที่ 6 การสอบนี้ถูกแบ่งเป็น 3 ส่วนหลัก ได้แก่ วิทยาศาสตร์ชีววิทยา วิทยาศาสตร์ฟิสิกส์ และวิทยาศาสตร์ดินและอวกาศ มันแตกต่างจากการสอบคณิตศาสตร์ประยุกต์ 1 และ 2 ที่มีจำนวนคำถามและคำตอบที่ซับซ้อน
เวลาสอบ | 90 นาที |
จำนวนคำถาม | 30 ข้อ (ปรนัย 26 ข้อ = 83.2 คะแนน / อัตนัย 4 ข้อ = 16.8 คะแนน) |
คะแนนรวม | 100 คะแนน |
ค่าธรรมเนียม | 100 บาท |
กลุ่มเป้าหมายที่เหมาะสม | นักเรียนสายวิทยาศาสตร์ – คณิตศาสตร์ |
การสอบต่างๆ | ● ชีววิทยา ระบบนิเวศและสิ่งแวดล้อม การขนส่งสารเข้าและออกจากเซลล์ การรักษาสมดุลในร่างกายมนุษย์ ระบบภูมิคุ้มกันของมนุษย์ ชีวิตของพืช รวมถึงพันธุกรรมและวิวัฒนาการ ● วิทยาศาสตร์กายภาพ อะตอมและสมบัติของธาตุ สารโควาเลนต์ สารประกอบไอออนิก ไฮโดรคาร์บอน โพลีเมอร์ ปฏิกิริยาเคมี สารกัมมันตภาพรังสี การเคลื่อนที่และแรง ● พลังในธรรมชาติ พลังงานหมุนเวียน คลื่นกล เสียง แสง และคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า ● วิทยาศาสตร์โลกและอวกาศ จักรวาลและกาแล็กซี ดวงดาว ระบบสุริยะ เทคโนโลยีอวกาศ โครงสร้างโลก แผ่นเปลือกโลก ภัยพิบัติทางธรณีวิทยา สภาพอากาศและภูมิอากาศ การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และข้อมูลอุตุนิยมวิทยา |
ฟิสิกส์
การสอบฟิสิกส์ A-Level เป็นการสอบที่ใช้แทนวิชาฟิสิกส์ทั่วไป เนื้อหาการสอบมาจากเนื้อหาที่เรียนมา เน้นการประยุกต์ใช้ โดยแบ่งออกเป็น 5 ส่วน ได้แก่ กลศาสตร์ คลื่นกลและแสง แม่เหล็กไฟฟ้าและคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า อุณหพลศาสตร์ และสมบัติเชิงกลของสสารและฟิสิกส์ใหม่
เวลาสอบ | 90 นาที |
จำนวนคำถาม | 30 ข้อ (ปรนัย 26 ข้อ = 75 คะแนน / อัตนัย 4 ข้อ = 25 คะแนน) |
คะแนนรวม | 100 คะแนน |
ค่าธรรมเนียม | 100 บาท |
กลุ่มเป้าหมายที่เหมาะสม | นักเรียนสายวิทยาศาสตร์ – คณิตศาสตร์ |
การสอบต่างๆ | ● กลศาสตร์: ลักษณะและการพัฒนาของฟิสิกส์ การเคลื่อนที่แนวตรง แรงและกฎการเคลื่อนที่ สมดุลเชิงกลของวัตถุ งานและกฎการอนุรักษ์พลังงาน โมเมนตัมและการชน การเคลื่อนที่แบบโค้งและการเคลื่อนที่แบบฮาร์มอนิกอย่างง่าย ● คลื่นกลและแสง: แสง คลื่นและเสียง ● แม่เหล็กไฟฟ้าและคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า: ไฟฟ้าสถิต กระแสไฟฟ้า แม่เหล็กไฟฟ้าและคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า ● อุณหพลศาสตร์และคุณสมบัติทางกลของสาร: อุณหพลศาสตร์และก๊าซ ของแข็งและของเหลว ● ฟิสิกส์ใหม่: ฟิสิกส์อะตอมและฟิสิกส์นิวเคลียร์ |
เคมี
การทดสอบเคมี A-Level เป็นการทดสอบที่จัดขึ้นตามเนื้อหาของหลักสูตร IPST แบ่งออกเป็น 3 ส่วนหลัก ได้แก่ สมบัติของธาตุและสารประกอบ, สมการเคมีและการเปลี่ยนแปลงทางเคมี, ทักษะการคำนวณทางเคมีและการคำนวณปริมาณสาร
เวลาสอบ | 90 นาที |
จำนวนคำถาม | 35 ข้อ (แบ่งเป็นปรนัย 30 ข้อ = 75 คะแนน / อัตนัย 5 ข้อ = 25 คะแนน) |
คะแนนรวม | 100 คะแนน |
ค่าธรรมเนียม | 100 บาท |
กลุ่มเป้าหมายที่เหมาะสม | นักเรียนสายวิทยาศาสตร์ – คณิตศาสตร์ |
การสอบต่างๆ | ● ธรรมชาติและคุณสมบัติของธาตุและสารประกอบ รวมถึงอะตอมและคุณสมบัติของอะตอม พันธะเคมี แก๊ส เคมีอินทรีย์ และโพลิเมอร์ ● สมการเคมีและการเปลี่ยนแปลงทางเคมี: การสมดุลทางเคมี อัตราการเกิดปฏิกิริยาเคมี สมดุลเคมี กรด-เบส และเคมีไฟฟ้า ● ทักษะการปฏิบัติทางเคมีและการคำนวณปริมาณสาร รวมถึงความปลอดภัยและทักษะการปฏิบัติทางเคมี โมล และสารละลาย |
ชีววิทยา
การสอบชีววิทยา A-Level เป็นการทดสอบความรู้วิทยาศาสตร์ที่แบ่งออกเป็น 5 ส่วน ได้แก่ ความหลากหลายทางชีวภาพและสิ่งแวดล้อม พื้นฐานของสิ่งมีชีวิต ระบบและหน้าที่ ของสัตว์และมนุษย์ โครงสร้างและหน้าที่ของส่วนต่างๆของพืช
เวลาสอบ | 90 นาที |
จำนวนคำถาม | 40 ข้อ |
คะแนนรวม | 100 คะแนน (35 ข้อเชิงวัตถุประสงค์ = 85 คะแนน / 5 ข้อเชิงอัตนัย = 15 คะแนน) |
ค่าธรรมเนียม | 100 บาท |
กลุ่มเป้าหมายที่เหมาะสม | สายการเรียนวิทยาศาสตร์-คณิตศาสตร์ |
การสอบต่างๆ | ● ความหลากหลายทางชีวภาพและสิ่งแวดล้อม ระบบนิเวศและชุมชน ประชากร ทรัพยากรและสิ่งแวดล้อม รวมถึงความหลากหลายของสิ่งมีชีวิตและการจัดจำแนกประเภท ● หน่วยพื้นฐานของสิ่งมีชีวิต เคมีเป็นพื้นฐานของสิ่งมีชีวิต และโครงสร้างและหน้าที่ของเซลล์ ● ระบบและหน้าที่ต่าง ๆ ของสัตว์และมนุษย์ ระบบย่อยอาหาร ระบบไหลเวียนเลือด ระบบน้ำเหลืองและระบบภูมิคุ้มกัน ระบบขับถ่าย ระบบหายใจ ระบบประสาทและการเคลื่อนไหว ระบบสืบพันธุ์และการเจริญเติบโต ระบบต่อมไร้ท่อ และพฤติกรรมของสัตว์ ● โครงสร้างและหน้าที่ของส่วนต่าง ๆ ของพืช เนื้อเยื่อและโครงสร้างภายในของพืช การแลกเปลี่ยนก๊าซ การคายน้ำและการลำเลียงของพืช การสังเคราะห์แสงและสารอินทรีย์ในพืช การสืบพันธุ์ในพืชดอก รวมถึงการควบคุมการเจริญเติบโตและการตอบสนองของพืช ● พันธุกรรมและวิวัฒนาการ การถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรม คุณสมบัติของสารพันธุกรรม ความสัมพันธ์ระหว่างยีน การสังเคราะห์โปรตีนและพันธุกรรม การโอนยีน เทคโนโลยี DNA รวมถึงวิวัฒนาการและพันธุศาสตร์ประชากร |
สังคมศาสตร์
การสอบสังคมศาสตร์ A-Level เป็นการสอบตามเนื้อหาการเรียนรู้ของกลุ่มวิชาวิทยาศาสตร์สังคม มีทั้งหมด 50 คำถามปรนัยตัวเลือก 5 ตัวเลือก แตกต่างจากวิชาอื่นๆ ที่แบ่งข้อสอบเป็นสองส่วนบบอัตนัยและปรนัย การสอบแบ่งเป็น 5 ส่วน: ศาสนา จริยธรรม หน้าที่พลเมือง วัฒนธรรมและการดำเนินชีวิตในสังคม เศรษฐกิจ ประวัติศาสตร์และภูมิศาสตร์ 10 คำถามต่อส่วน
เวลาสอบ | 90 นาที |
จำนวนคำถาม | ปรนัย 50 ข้อ |
คะแนนรวม | 100 คะแนน |
ค่าธรรมเนียม | 100 บาท |
กลุ่มเป้าหมายที่เหมาะสม | นักเรียนสายวิทย์-คณิต และสายศิลป์ |
การสอบต่างๆ | ● ศาสนา จริยธรรม ความสำคัญของศาสดาแต่ละศาสนา และหลักปฏิบัติของผู้มีศีลธรรม ● หน้าที่พลเมือง วัฒนธรรมและชีวิตในสังคม คุณค่าที่ดีของพลเมือง การอนุรักษ์ประเพณีและวัฒนธรรม การอยู่ร่วมกันอย่างสันติ และการเมืองและการปกครองในปัจจุบัน รักษาการปกครองในระบอบประชาธิปไตย โดยมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข ● เศรษฐศาสตร์: การจัดการทรัพยากรในการผลิตและการบริโภค การใช้ทรัพยากรที่มีอยู่จำกัด ความเข้าใจพื้นฐานของหลักเศรษฐศาสตร์ เพื่อการดำรงชีวิตที่สมดุล และความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจ รวมถึงความจำเป็นในการร่วมมือทางเศรษฐกิจในสังคมโลก ● ประวัติศาสตร์ กาลเวลาและยุคสมัย หลักฐานทางประวัติศาสตร์ และวิธีการวิเคราะห์เหตุการณ์ต่าง ๆ การพัฒนาของมนุษยชาติ จากอดีตจนถึงปัจจุบัน พิจารณาความสัมพันธ์และการเปลี่ยนแปลงของเหตุการณ์ในเอเชีย ยุโรป แอฟริกา อเมริกา และประวัติศาสตร์ชาติไทย การเมือง เศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรม ประเพณี ปัญญาไทย ● ภูมิศาสตร์ โลกทางกายภาพและความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งต่าง ๆ ทั้งหมดที่มีผลต่อกัน การใช้แผนที่และเครื่องมือทางภูมิศาสตร์ การวิเคราะห์ข้อมูลตามกระบวนการทางภูมิศาสตร์ การใช้ภูมิสารสนเทศและความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับสิ่งแวดล้อมทางกายภาพ มีจิตสำนึกและเข้าร่วมในการจัดการทรัพยากรสิ่งแวดล้อม |
ภาษาไทย
สำหรับการสอบ A-Level วิชาภาษาไทย จะมีเนื้อหาที่มาจากบทเรียนภาษาไทยตั้งแต่มัธยมศึกษาปีที่ 4 ถึงมัธยมศึกษาปีที่ 6 รวมทั้งหมด 50 ข้อ คิดคะแนนเต็ม 100 คะแนน เนื้อหาการสอบประกอบด้วย:
- การอ่าน: การอ่านเพื่อเข้าใจเนื้อหา จับใจความสำคัญ/สรุปใจความสำคัญของบทความ การตีความ การวิเคราะห์วัตถุประสงค์/เจตนาของผู้เขียน การวิเคราะห์ความเข้าใจ/แนวคิดที่ได้รับจากการอ่าน การเสนอข้อสรุปจากเนื้อหาที่อ่าน รวมถึงทัศนคติ/น้ำเสียง/อารมณ์/ความคิดเห็นของผู้เขียน
- การเขียน: การเรียงลำดับ การจัดระเบียบ การบรรยาย/อธิบาย การให้เหตุผล การแสดงความคิดเห็น การโต้แย้ง และการโน้มน้าว
- การพูดและการฟัง: การวิเคราะห์วัตถุประสงค์ในการพูด การใช้คำถามและการตอบกลับที่เกี่ยวข้อง การตีความ/การเสนอข้อสรุป/การวิเคราะห์สาร/บุคลิกภาพของผู้พูดหรือผู้ฟัง
- หลักการใช้ภาษา: การสะกดคำ การใช้คำที่ถูกต้อง ประโยคกำกวม/ไม่สมบูรณ์ ประโยคสมบูรณ์ ระดับภาษา การใช้วิธีการแสดงออกที่ถูกต้อง ประเภทของประโยคที่ต้องการ คำที่มีความหมายตรง/เปรียบเทียบ การถอดเสียงภาษาอังกฤษ และคำศัพท์ราชาศัพท์
ภาษาอังกฤษ
การสอบ A-Level วิชาภาษาอังกฤษ เป็นการสอบที่รวมทั้งระดับง่าย ระดับปานกลาง และระดับยากไว้รวมกันเป็นจำนวน 80 ข้อ คิดคะแนนเต็ม 100 คะแนน แบ่งออกเป็น 3 ส่วน ได้แก่ ทักษะการฟังและการพูด ทักษะการอ่าน และทักษะการเขียน แต่ละส่วนมีรายละเอียดการสอบดังนี้:
- ทักษะการฟังและการพูด: การฟังบทสนทนาสั้น และการฟังบทสนทนายาว
- ทักษะการอ่าน: การอ่านโฆษณา การอ่านรีวิวสินค้า/บริการ การอ่านรายงานข่าว การอ่านบทความตัวอย่าง และการอ่านบทความสรุป
- ทักษะการเขียน: การเขียนข้อความให้สมบูรณ์ และการจัดเรียงประโยค
ภาษาต่างประเทศอื่น ๆ
ภาษาฝรั่งเศส | การสอบ A-Level วิชาภาษาฝรั่งเศสมีจำนวนทั้งหมด 50 ข้อ คะแนนเต็ม 100 คะแนน เป็นข้อสอบแบบปรนัย มี 4 ตัวเลือก แบ่งออกเป็น 4 ส่วน ได้แก่ ทักษะการสื่อสารทั่วไป (การใช้คำศัพท์และการสื่อสารในชีวิตประจำวัน), การใช้ไวยากรณ์, การอ่าน และการเขียน |
ภาษาเยอรมัน | การสอบ A-Level วิชาภาษาเยอรมันมีเนื้อหาที่เน้นวัดระดับความสามารถทางภาษาเยอรมัน วัดทักษะการเขียน การใช้คำศัพท์ในการสื่อสารในชีวิตประจำวัน และการอ่านเอกสารภาษาเยอรมัน ข้อสอบเป็นแบบปรนัย มี 4 ตัวเลือก รวมทั้งหมด 50 ข้อ คะแนนเต็ม 100 คะแนน |
ภาษาญี่ปุ่น | การสอบ A-Level วิชาภาษาญี่ปุ่นเน้นประเมินความสามารถในการใช้ภาษาญี่ปุ่นในชีวิตประจำวัน เน้นไวยากรณ์ การสื่อสาร การเขียน และการอ่าน เป็นข้อสอบแบบปรนัย มี 4 ตัวเลือก รวมทั้งหมด 50 ข้อ คะแนนเต็ม 100 คะแนน |
ภาษาเกาหลี | การสอบ A-Level วิชาภาษาเกาหลีเน้นการใช้ภาษาเกาหลีในการสื่อสาร ข้อสอบเป็นแบบปรนัย มี 4 ตัวเลือก รวมทั้งหมด 50 ข้อ คะแนนเต็ม 100 คะแนน โดยส่วนใหญ่ของข้อสอบจะเน้นการใช้คำศัพท์และการแสดงออกในชีวิตประจำวัน |
ภาษาจีน | การสอบ A-Level วิชาภาษาจีนมี 2 รูปแบบ คือ รูปแบบเต็มและรูปแบบย่อ คุณต้องเลือกสอบรูปแบบใดรูปแบบหนึ่ง ส่วนการเขียนย่อจะอยู่ด้านหน้า ส่วนการเขียนเต็มจะอยู่ด้านหลัง การวัดผลเน้นที่ความสามารถในการสื่อสารภาษาจีน การใช้คำศัพท์และการแสดงออกในชีวิตประจำวัน การอ่าน การเขียน และไวยากรณ์ เป็นข้อสอบแบบปรนัย มี 4 ตัวเลือก รวมทั้งหมด 50 ข้อ คะแนนเต็ม 100 คะแนน โดยส่วนใหญ่ของข้อสอบจะเน้นการใช้คำศัพท์และการแสดงออกภาษาจีนในชีวิตประจำวัน |
ภาษาบาลี | การสอบ A-Level วิชาภาษาบาลีเน้นการวัดความสามารถทางภาษาบาลี การใช้คำศัพท์และการแสดงออก การอ่าน และการใช้ไวยากรณ์ในการสื่อสาร เป็นข้อสอบแบบปรนัย มี 4 ตัวเลือก รวมทั้งหมด 50 ข้อ คะแนนเต็ม 100 คะแนน โดยส่วนใหญ่ของข้อสอบจะเน้นไวยากรณ์ |
A Level ใช้ทําอะไร
แต่ละคณะ/มหาวิทยาลัยจะมีเกณฑ์การใช้คะแนนที่แตกต่างกัน แต่การใช้คะแนนสามารถแบ่งตามกลุ่มได้ดังนี้:
กลุ่ม | คณะแพทยศาสตร์ | วิชา |
วิทยาศาสตร์สุขภาพ | ทันตแพทยศาสตร์ เภสัชศาสตร์ สัตวแพทยศาสตร์ พยาบาลศาสตร์ สาขาวิทยาศาสตร์สุขภาพที่เกี่ยวข้อง กายภาพบำบัด | 1. ภาษาไทย 2. สังคมศาสตร์ 3. ภาษาอังกฤษ 4. คณิตศาสตร์ 1 5. ฟิสิกส์ 6. เคมี 7. ชีววิทยา |
วิทยาศาสตร์ประยุกต์ | คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี | 1. ฟิสิกส์ 2. เคมี 3. ชีววิทยา 4. คณิตศาสตร์ 1 |
ศิลปคณิตศาสตร์ | การท่องเที่ยวและการโรงแรม | 1. ภาษาไทย 2. สังคมศาสตร์ 3. ภาษาอังกฤษ 4. คณิตศาสตร์ 1 หรือคณิตศาสตร์ 2 |
ศิลปะ | คณะสังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์ | 1. ภาษาไทย 2. สังคมศาสตร์ 3. ภาษาอังกฤษ 4. คณิตศาสตร์ 2 5. วิทยาศาสตร์ทั่วไป |
ศิลปะ | คณะนิติศาสตร์ | 1. ภาษาไทย 2. สังคมศาสตร์ 3. ภาษาอังกฤษ 4. คณิตศาสตร์ 2 5. วิทยาศาสตร์ทั่วไป |
ข้อสอบ A Level กับ 9 วิชาทั่วไปต่างกันอย่างไร?
แม้ว่าวิชาทั่วไปจะเทียบเท่ากัน แต่การสอบ A-Level นั้นเป็นการผสมผสานระหว่างวิชาต่างๆ มากมายในโปรแกรม TPAT โดยมีจุดประสงค์ เพื่อลดขั้นตอนการสอบ TCAS ตัวอย่างเช่น วิชาภาษาอังกฤษในการสอบ A-Level ได้เข้ามาแทนที่การสอบภาษาต่างประเทศของ TPAT
ในการสอบภาษาอังกฤษ A Level คุณจะต้องวิเคราะห์คำถามที่เกี่ยวข้องกับบทความโฆษณา รีวิวผลิตภัณฑ์หรือบริการ บทความข่าว และบทความเกี่ยวกับหัวข้อทั่วไปในชีวิตประจำวัน เนื้อหาข้อสอบค่อนข้างเข้มข้นและคาดเดายาก อย่างไรก็ตาม หากคุณพยายามฝึกฝนอย่างหนักและอ่านข่าวต่างประเทศเป็นประจำ คุณจะสามารถทำข้อสอบภาษาอังกฤษ A Level ได้ดี
คำถามที่พบบ่อย
A Level ย่อมาจากอะไร?
A-Level ย่อมาจาก Applied Knowledge Level ซึ่งหมายถึงระดับความรู้ประยุกต์
การสอบ A Level วิชาภาษาอังกฤษต้องสอบวิชาอะไรบ้าง?
การสอบ A Level มีทั้งหมด 10 วิชา ได้แก่ คณิตศาสตร์ประยุกต์ 1 (พื้นฐาน + เสริม) คณิตศาสตร์ประยุกต์ 2 (พื้นฐาน) วิทยาศาสตร์ประยุกต์ ฟิสิกส์ เคมี ชีววิทยา ภาษาไทย สังคมศึกษา ภาษาอังกฤษ และภาษาต่างประเทศอื่น ๆ
A Level ต้องสอบทุกคนไหม
A-Level ไม่จำเป็นต้องเรียนทุกวิชา ดังนั้นจึงไม่จำเป็นที่ทุกคนจะต้องสอบ
A Level ไทย มีกี่ข้อ
การสอบ A Level จะมีคำถามตั้งแต่ 30 ถึง 50 ข้อ ขึ้นอยู่กับแต่ละวิชา
คะแนน A Level เต็มกี่คะแนน
ระดับหนึ่งมีคะแนนรวม 100
สมัครสอบ A level วิชาละกี่บาท
ค่าสอบ A Level คือ 100 บาทต่อวิชา
จะสอบ A Level ได้ที่ไหน?
มีการสอบ A-Level ในทุกจังหวัด โดยจัดให้มีการสอบในโรงเรียนต่างๆ มากมาย
สามารถดูสถานที่สอบได้ที่ https://www.mytcas.com/venues
การสอบ A Level จะจัดขึ้นเมื่อไหร่?
ตารางสอบล่าสุดประจำปี 2567 คาดว่าการสอบ A Level จะมีขึ้นประมาณเดือนตุลาคมถึงพฤศจิกายน โดยเวลาในการลงทะเบียนสอบจะอยู่ที่ประมาณเดือนกรกฎาคมถึงเดือนสิงหาคม
จากข้อมูลข้างต้น จะเห็นได้ว่า A Level เป็นโปรแกรมที่ออกแบบมาอย่างละเอียดเพื่อประเมินความสามารถของนักเรียนก่อนเข้าสู่ระดับมหาวิทยาลัย หวังว่าข้อมูลข้างต้นจะช่วยให้ทุกคนมีข้อมูลเกี่ยวกับคำถาม A Level คืออะไร? ติดตาม ELSA Speak เพื่ออัพเดทความรู้เกี่ยวกับภาษาอังกฤษทุกวัน!
>>> Read more: