Author: Bao Ngan Nguyen
ปัจจุบัน การตั้ง ชื่อทีมภาษาอังกฤษ กำลังได้รับความนิยมจากหลายทีม ชื่อกลุ่มเป็นภาษาอังกฤษหรือชื่อสั้นๆ ไม่เพียงแต่แสดงถึงจิตวิญญาณของทีมเท่านั้น แต่ยังเป็นวิธียืนยันบุคลิกภาพอีกด้วย ตาม ELSA Speak มาเรียนรู้ 200+ ชื่อกลุ่มน่ารักๆ ภาษาอังกฤษ กันเลย
ชื่อกลุ่มภาษาอังกฤษ ความหมายดีๆ
ชื่อกลุ่มภาษาอังกฤษ ความหมายดีๆ | ความหมาย |
Army of Darkness | กลุ่มกองทัพแห่งความมืด |
Awesome Knights | กลุ่มอัศวินผู้ยิ่งใหญ่ |
Basset Hounds | กลุ่มบาสเซ็ตฮาวด์ |
Bearcats | กลุ่มแรคคูน |
Big Diggers | กลุ่มคนงานเหมืองผู้ยิ่งใหญ่ |
Blaze Warriors | กลุ่มนักรบไฟ |
Black Panthers | กลุ่มเสือดำ |
Blue Tigers | กลุ่มเสือน้ำเงิน |
Condors | กลุ่มอีแร้ง |
Crazy Rabbits | กลุ่มกระต่ายจอมซน |
Crazy Chipmunks | กลุ่มกระรอกขี้เล่น |
Chunky Monkeys | กลุ่มลิงอ้วน |
Devil Ducks | กลุ่มลูกเป็ดขี้เหร่ |
DragonBlade | กลุ่มลิ้นมังกร |
Dream Team | กลุ่มดรีมทีม |
Dynamic Energy | กลุ่มพลังงานแบบไดนามิก |
Eagles | กลุ่มอินทรีผู้กล้าหาญ |
Dream Makers | กลุ่มผู้สร้างความฝัน |
Fighting Cats | กลุ่มแมวสู้ๆ |
Gators | กลุ่มจระเข้ |
Gladiator Riot | กลุ่มกลาดิเอเตอร์จลาจล |
Golden Eagles | กลุ่มอินทรีทองคำ |
Hawk Eyes | กลุ่มตาเหยี่ยว |
Heart Warmers | กลุ่มผู้อบอุ่นหัวใจ |
Happy Feet | กลุ่มแฮปปี้ฟุต |
Jaguars | กลุ่มจากัวร์ |
Leopards | กลุ่มเสือดาว |
Lions | กลุ่มสิงโต |
Llamas | กลุ่มคาเมล |
Penguins | กลุ่มเพนกวินน่ารัก |
Polar Bears | กลุ่มหมีขั้วโลก |
Ravens | กลุ่มอีกาดำลึกลับ |
Retrievers | กลุ่มสุนัขพันธุ์รีทรีฟเวอร์ |
Rhinos | กลุ่มไรโน |
Roaring Tigers | กลุ่มเสือคำราม |
Sea Dogs | กลุ่มสุนัขทะเล |
Sea Lions | กลุ่มสิงโตน้ำ |
Seawolves | กลุ่มหมาป่าน้ำ |
Squirrels | กลุ่มกระรอก |
Stormy Petrels | กลุ่มนกนางนวล |
The Achievers | กลุ่มผู้ประสบความสำเร็จ |
Team No.1 | ทีมที่ 1 |
Team Tigers | กลุ่มเสือ |
The Chosen Ones | กลุ่มผู้ถูกเลือก |
Work hard play hard | ทำงานหนักเล่นอย่างหนัก |
Prove them wrong | พิสูจน์ให้พวกเขาผิด |
Worry less, smile more | กังวลน้อยลง ยิ้มมากขึ้น |
Enjoy today | เพลิดเพลินไปกับวันนี้ |
No pain, no gain | ไม่มีความเจ็บปวดก็ไม่มีกำไร |
The Chamber Of Secrets | ห้องแห่งความลับ |
I Hate Monday | กลุ่มฉันเกลียดวันจันทร์ |
Non-Stop Notifications | กลุ่มการแจ้งเตือนไม่หยุด |
Baddies and Buddies | ตัวร้ายและเพื่อนซี้ |
YOLO | You Only Live Once (คุณมีชีวิตอยู่เพียงครั้งเดียว) |
Left On “Read” | กลุ่มคนอ่านไม่ตอบ |
Besties for the Resties | เพื่อนที่ดีที่สุดตลอดกาล |
Gentlemen’s Club | สโมสรสุภาพบุรุษ |
Study Wars | กลุ่มสงครามการเรียน |
Lone Wolfpack | กลุ่มฝูงหมาป่าโลน |
Best Friends Club | กลุ่มเพื่อนสนิท |
ชื่อกลุ่มดีๆเป็นภาษาอังกฤษสำหรับครอบครัวและเพื่อนฝูง
ชื่อกลุ่ม | ความหมาย |
Avengers | กลุ่มพร้อมต่อสู้และเผชิญความท้าทายร่วมกัน |
Beauties | กลุ่มคนสวย |
Catalyst | กลุ่มตัวเร่งปฏิกิริยา |
Dolphins | กลุ่มปลาโลมา |
Drama Club | ชมรมดราม่า |
Diamondbacks | กลุ่มเพชรดำ |
Eclipse | กลุ่มครอบครัวที่ทรงพลังอย่างยิ่ง ทะลวงผ่านและเปลี่ยนแปลงทุกสิ่งอยู่เสมอ |
Fusion | กลุ่มเพื่อนที่คอยเป็นเพื่อนและร่วมมือเพื่อชัยชนะเสมอ |
Friendship | เป็นเพื่อนกันตลอดไป |
Friends Forever | เพื่อนกันตลอดไป |
Fabulous Fairies | เปลี่ยนความปรารถนาอันมหัศจรรย์ให้กลายเป็นความจริง |
Family unity | กลุ่มครอบครัวสามัคคี |
Fab 5 | กลุ่มห้าดีกว่าสี่ |
Great Mates | กลุ่มเพื่อนที่ดี |
Generation X | กลุ่มเจเนอเรชั่น X |
Innovators | กลุ่มนักนวัตกรรม |
King Speed | ราชาแห่งความเร็ว |
Mavericks | ผู้เป็นอิสระ |
Minions | กลุ่มมินเนี่ยน |
Lemon Drops | ทีมเล็กๆที่น่ารัก |
Plenty of Twenties | 20 ตลอดไป |
Pussy Cats | กลุ่มใครๆ ก็รักลูกแมว |
Partridge Squad | ทีมพาร์ทริดจ์ |
Phoenix | กลุ่มเอาชนะความยากลำบากเพื่อให้แข็งแกร่งกว่าที่เคย |
Revolution | กลุ่มการปฏิวัติ |
Rainbow Warriors | กลุ่มนักรบสายรุ้ง |
Teenage Dream | กลุ่มความฝันของวัยรุ่น |
Titans | กลุ่มเพื่อนมีความพากเพียรและอุตสาหะในชีวิตเสมอ |
Trailblazers | กลุ่มผู้บุกเบิก |
Visionaries | กลุ่มเพื่อนที่หลงใหลในการสำรวจ |
Velocity | กลุ่มแข่งกันเพื่อบรรลุเป้าหมาย |
Zenith | กลุ่มอยู่ที่จุดสูงสุดของความสมบูรณ์แบบเสมอ |
ชื่อกลุ่มดีๆเป็นภาษาอังกฤษสำหรับชั้นเรียน
ชื่อกลุ่ม | ความหมาย |
Brainy Badgers | ฉลาดและขยันหมั่นเพียร |
Brainstormers | การระดมความคิด |
Best and Brightest | ทีมนักเรียนที่ดีที่สุดในชั้นเรียน |
Clever Clowns | ตัวตลกอัจฉริยะ |
Coffee And Class Notes | ดื่มกาแฟและจดบันทึกบทเรียน |
Check The Syllabus | ตรวจสอบหลักสูตร |
Checks Notes | ตรวจสอบบันทึก |
Diligent Dingos | เรียนเก่ง |
Everyday, I’m Studying | ฉันไปเรียนทุกวัน |
Expertly Educated Eagles | ผู้เชี่ยวชาญในสาขา |
Friends Who Study Together | เพื่อนเรียนด้วยกัน |
Gang of Greatness | พิชิตทั้งหมดด้วยกัน |
Industrious Irises | ชั้นเรียนที่ขยัน |
It’s Elementary | ง่ายเหมือนโรงเรียนอนุบาล |
Intelligent Iguanas | ชั้นเรียนที่ฉลาดที่สุด |
Learn Something New | เรียนรู้สิ่งใหม่ |
Math Lovers Only | กลุ่มสำหรับคนรักคณิตศาสตร์ |
No Chance | ไม่มีใครควรยุ่งกับกลุ่มของคุณ |
Not Your Average Study Group | ไม่ใช่กลุ่มการศึกษาทั่วไปของคุณ |
Our Virtual Library | ห้องสมุดเสมือนจริง |
Pals From Class | เพื่อนร่วมชั้น |
Problem: Solved | แก้ไขปัญหาแล้ว |
Presentation Pros | การนำเสนอโดยผู้เชี่ยวชาญ |
Perfect Pirates | กลุ่มคลาสที่สมบูรณ์แบบ |
Raise Your Hand | ยกมือขึ้น |
Study Buddies | เพื่อนสนิทเรียนด้วยกัน |
Smart Cookies | ฉลาดและคล่องตัว |
See You In The Lab | เจอกันที่ห้องแล็บ |
Talented Tyrants | เอาชนะทั้งหมดเสมอ |
The Immortals | ซูเปอร์ฮีโร่ |
To Sum It Up | มาสรุปบทเรียนกันดีกว่า |
You’re So Humerus | คุณตลกมาก |
You Live and Learn | เรียนรู้ทุกวัน |
Win in Leaning | ชนะในการเรียนรู้เสมอ |
>>> Read more:
- 300 ชื่อภาษาอังกฤษเท่ๆ สำหรับผู้ชายและผู้หญิงที่มีความหมายมากที่สุด
- 300+ ชื่อภาษาอังกฤษเท่ๆ ผู้หญิงที่ไม่ควรพลาด
ชื่อกลุ่มเป็นภาษาอังกฤษสำหรับที่ทำงาน
ชื่อกลุ่ม | ความหมาย |
Always Excelling | ทีมงานยอดเยี่ยมเสมอ |
Business as Usual | ยังคงทำงานตามปกติ |
Business Preachers | นักเทศน์ทางธุรกิจ |
Career Champions | แชมเปี้ยนส์ในที่ทำงาน |
Coffee Crew | ทีมกาแฟ |
Capitalist Crew | กลุ่มนายทุน |
Death and Taxes | ความตายและภาษี |
Employees of the Year | พนักงานดีเด่นแห่งปี |
Follow the Leader | ติดตามกัปตันเสมอ |
Is It Friday Yet? | กลุ่มคนรักวันศุกร์ |
Is It 5:00 Yet? | ทีมรอ 5 โมง |
Ingenious Geniuses | อัจฉริยะผู้เก่งกาจ |
Let’s Do It | มาทำกันเถอะ |
Mission: Possible | ภารกิจที่เป็นไปได้ |
Mind Benders | ผู้บิดเบือนจิตใจ |
Partners in Crime | พันธมิตรในงาน |
Peak Performers | ผู้ประสบความสำเร็จสูงสุด |
Tech Team | ทีมงานเทคนิค |
Teamwork Makes the Dream Work | จิตวิญญาณของทีมสร้างความสำเร็จ |
The Dream Team | ดรีมทีม |
The Untouchables | แตะต้องไม่ได้ |
The Achievers | คนที่ประสบความสำเร็จ |
The A-Team | กลุ่มคลาสเอ |
The Accountaholics | ผู้ชื่นชอบการบัญชี |
The Ultimate Team | ทีมที่แข็งแกร่งที่สุด |
The Professional Network | เครือข่ายมืออาชีพ |
The Team Titans | ทีมมีความยืดหยุ่นอยู่เสมอ |
The Workaholics | กลุ่มคนบ้างาน |
The Work Warriors | ทำงานเหมือนนักรบ |
Workaholics | คนที่หมกมุ่นอยู่กับงาน |
ชื่อกลุ่มดีๆเป็นภาษาอังกฤษสำหรับสาวๆ
ชื่อกลุ่ม | ความหมาย |
Amazonian Mermaids | นางเงือกแห่งอเมซอน |
Apple Sour | แอปเปิ้ลเปรี้ยว |
Backstreet Girls | ตั้งตามวง Backstreet Boys |
Bad Girlz | แบดเกิร์ล |
Beauties | สาวสวย |
Blueberries | บลูเบอร์รี่ |
Butterflies | ผีเสื้อ |
Charlie’s Angels | กลุ่มสุภาพสตรี |
Cupcakes Anonymous | คัพเค้กลึกลับ |
Coffee Lovers | คนรักกาแฟ |
Crush | ครัช |
Divine Angels | เทวดาศักดิ์สิทธิ์ |
Drama Club | ชมรมดราม่า |
Fusion Girls | สาวๆ อ่อนโยน |
Fabulous Fairies | นางฟ้าที่ยอดเยี่ยม |
Fantasticans | คนดี |
Flower Power | ดอกไม้อันทรงพลัง |
Fly girls | สาวบินสูง |
Fabulous Fairies | ทีมทำให้ความปรารถนาอันมหัศจรรย์เป็นจริง |
Estrogen Express | ลูกสาวที่น่าภาคภูมิใจ |
Honey Bees | ผึ้งหวาน |
Lil Cuties | สาวน้อยน่ารัก |
Lovable Ladies | สาวๆที่น่ารัก |
Pink Panthers | นักรบโบว์แดง |
Pegasus | ทีมสนุกเสมอ |
The Blond | สาวผมบลอนด์ |
The Flaming Pink Flamingos | นกฟลามิงโก้สีชมพู |
Violets | ดอกไวโอเล็ตที่สวยงามและละเอียดอ่อน |
Wildcats | แมวป่าเซ็กซี่ |
ชื่อกลุ่มภาษาอังกฤษเท่ๆสำหรับหนุ่มๆ
ชื่อกลุ่ม | ความหมาย |
0% Risk | ความเสี่ยง 0% (ไม่มีอะไรเสี่ยงเมื่อคุณทำงานกับทีมนี้) |
Annihilators | ผู้ทำลายล้าง |
Avengers | ดิ อเวนเจอร์ส |
Ambassadors | เอกอัครราชทูตผู้ทรงพลัง |
Alpha Team | ทีมเป็นผู้นำเสมอ |
Bad Boys | แบดบอย |
Butchers | ทีมงานขายเนื้อ |
Cowboys | ผู้ชายที่แท้จริง |
Conquerors | ผู้พิชิต |
Desert Storm | พายุทะเลทราย |
Esquires | สุภาพบุรุษที่แท้จริง |
Exterminators | ผู้ทำลายล้าง |
Golden Eagles | อินทรีทองคำ |
Grave Diggers | คนขุดหลุมศพ |
Ghost Riders | โกสต์ไรเดอร์ส |
Gentlemen | สุภาพบุรุษ |
Goal Killers | นักฆ่าทองคำ |
Gorillas In the Mist | กอริลลาในสายหมอก |
Gunners | มือปืน |
Hell’s Angels | นางฟ้าปีศาจ |
Kings of Kings | กษัตริย์แห่งกษัตริย์ |
Little Boy | เด็กน้อย |
Mad Men | ผู้นำที่สร้างสรรค์ |
Masters | ผู้เชี่ยวชาญ |
Mercenaries | ทหารรับจ้าง |
Men of Genius | ผู้ชายแห่งอัจฉริยะ |
Insurgents | กองทัพกบฏ |
Justice Bringers | เด็กชายผู้นำความยุติธรรม |
No Fear | ไม่กลัว |
No Rules | ไม่มีกฎเกณฑ์ |
Speed Demons | ปีศาจความเร็ว (สำหรับคนชอบแข่งรถ) |
Super Humans | ซูเปอร์แมน |
The Bosses | บอส |
The Capitalist | คนแกร่งในธุรกิจ |
The Untouchables | ผู้ที่อยู่ด้านบนเสมอและเข้าถึงได้ยาก |
Tech Warriors | นักรบเทคโนโลยี |
Tycoons | มหาเศรษฐี |
Wonder Boys | เด็กชายมหัศจรรย์ |
Wanderers | ทีมสร้างแรงบันดาลใจ |
ข้อสังเกตเมื่อตั้งชื่อกลุ่มเป็นภาษาอังกฤษ
ถึงแม้ว่าหลายๆ คนอยากจะมีชื่อกลุ่มดีๆเป็นภาษาอังกฤษเพื่อแยกแยะจากทีมอื่นๆ แต่ไม่รู้ว่าจะเลือกชื่ออย่างไร ชื่อกลุ่มต้องเป็นไปตามเกณฑ์ต่อไปนี้ ซึ่งต่างจากชื่อเล่นส่วนบุคคล:
- ชื่อกลุ่มจะต้องแสดงถึงวัตถุประสงค์และเป้าหมายของทั้งกลุ่ม กลุ่มของคุณเป็นกลุ่มเรียนหนังสือ กลุ่มเพื่อนสนิท กลุ่มธุรกิจ กลุ่มครอบครัว หรือกลุ่มเล่นเกม คุณจะเลือกชื่อที่เหมาะสมขึ้นอยู่กับเป้าหมายของกลุ่ม
- ชื่อกลุ่มจะต้องได้รับการตกลงของสมาชิกทุกคนในกลุ่ม หากมีความคิดเห็นที่ขัดแย้งกันมากเกินไป คุณสามารถเลือกชื่อที่ดีสักสองสามชื่อแล้วลงคะแนนเสียงข้างมาก
- เมื่อตั้งชื่อกลุ่ม คุณสามารถยึดตามคำขวัญชีวิต ความสนใจ และข้อความที่กลุ่มต้องการสื่อ นอกจากนี้ยังมีเกณฑ์ เช่น ชื่อกลุ่มที่มีความหมาย ชื่อน่ารัก ชื่อเก๋ ชื่อแหวกแนว ตั้งชื่อตามคนดัง… หากคุณอาศัยปัจจัยเหล่านี้ ก็สามารถตั้งชื่อกลุ่มของคุณได้อย่างง่ายดาย
ดังนั้น ELSA Speak ได้รวบรวม 200+ ชื่อกลุ่มภาษาอังกฤษ ที่มีความหมายดีๆ อย่าลืมจดชื่อกลุ่มเป็นภาษาอังกฤษที่มีเอกลักษณ์นี้ ไว้เพื่อตั้งให้กลุ่มของคุณ หวังว่ากลุ่มของคุณจะมีชื่อที่มีเอกลักษณ์และแสดงบุคลิกของตัวเองกันนะ
ELSA Pro ไม่จำกัด
14,895 บาท -> 2,644 บาท
ELSA Premium 1 ปี
8,497 บาท -> 4,290 บาท
โครงสร้าง How long มักใช้กันทั่วไปในภาษาอังกฤษ แล้ว How long แปลว่าอะไร How long ตอบยังไง How long กับ How many times ต่างกันอย่างไร มาเรียนรู้ไปพร้อมกันกับ ELSA Speak ด้านล่างนี้กันนะ
How long แปลว่าอะไร?
How long แปลว่า “ใช้เวลานานเท่าไหร่” “ความยาวเท่าไหร่” โครงสร้าง How long ใช้เพื่อถามถึงระยะเวลาที่ใครบางคนทำงานบางสิ่งบางอย่างใช้เวลานานแค่ไหนหรือความยาวของบางสิ่งบางอย่าง
ตัวอย่าง:
- How long has Jenny lived in Korea? (เจนนี่อยู่เกาหลีมานานเท่าไรแล้ว?)
- How long does it take Kathy to go to school? (เคธี่ใช้เวลานานแค่ไหนในการไปโรงเรียน?)
- How long is Anna’s ruler? (ไม้บรรทัดของแอนนายาวเท่าไหร่?)
โครงสร้าง How long ที่ใช้บ่อย
How long + will + S + V?
โครงสร้าง:
How long + will + S + V? |
วิธีตอบ How long:
S + will + V + FOR + ระยะเวลา |
หมายเหตุ:
- S คือประธาน
- V คือคํากริยา
โครงสร้างนี้ใช้เพื่อถามถึงระยะเวลาที่บางสิ่งจะเกิดขึ้นหรือระยะเวลาที่บุคคลจะทำอะไรบางอย่างในอนาคต
ตัวอย่าง:
How long will the meeting last? (การประชุมจะใช้เวลานานแค่ไหน?)
→ It will last for 20 minutes. (มันจะใช้เวลาราว ๆ 20 นาที)
How long + have/has + S + been + Ving?
how long ประโยคคําถาม:
How long + have/has + S + been + Ving? |
คําตอบ:
S + have/has + Ved/3 + FOR + ระยะเวลา หรือ S + have/has + Ved/3 + SINCE + เส้นเวลา |
โครงสร้างนี้ใช้เพื่อถามถึงระยะเวลาที่บุคคลได้ทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งที่เกิดขึ้นในอดีต ต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน และจะยังคงดำเนินต่อไปในอนาคต
ตัวอย่าง: เพื่อน A กำลังรอเพื่อน B มารับ เพื่อน C เห็นว่าผ่านมาสักพักแล้ว แต่ B ยังไม่มารับ จึงถาม A:
How long have you been waiting? (คุณรอมานานแค่ไหนแล้ว?)
→ I’ve been waiting since 7 p.m. (ฉันรอมาตั้งแต่ 19.00 น. แล้ว)
How long + have/has + S + Ved/VII?
คําถาม:
How long + have/has + S + Ved/3? |
คําตอบ:
S + have/has + Ved/3 + FOR + ระยะเวลาหรือ S + have/has + Ved/3 + SINCE + เส้นเวลา |
โครงสร้างนี้ใช้ปัจจุบันกาลสมบูรณ์เพื่อถามเกี่ยวกับระยะเวลาที่คนคนหนึ่งทำบางสิ่งบางอย่างจนถึงเวลาปัจจุบัน
ตัวอย่าง:
How long has John lived here? (จอห์นอยู่ที่นี่มานานเท่าไรแล้ว?)
→ He has lived here for 2 months. (เขาอาศัยอยู่ที่นี่มาสองเดือนแล้ว)
>>> Read more: การใช้ “have”, “has” และ “had” ที่ง่ายที่สุดและเข้าใจดี
How long + do/does/did + S + V(inf)?
คําถาม:
How long + do/does/did + S + V (infinitive)? |
คําตอบ:
S + V + for + time period |
โครงสร้าง How long นี้ใช้เพื่อถามเมื่อมีคนทำหรือได้ทำอะไรบางอย่าง โครงสร้างแบ่งออกเป็นปัจจุบันกาลและอดีตกาล
ตัวอย่าง:
How long does he exercise every day? (เขาใช้เวลานานเท่าไหร่ในการออกกำลังกายต่อวัน?)
→ He exercises for an hour every day. (เขาออกกำลังกายวันละหนึ่งชั่วโมง)
>>> Read more: Everyday กับ Every day: คำจำกัดความ ความแตกต่าง และแบบฝึกหัด
How long does it take + (O) + to V(inf)?
คําถาม:
How long + does + it + take + O + to V? |
คําตอบ:
It + takes + O + ระยะเวลา |
โครงสร้างกาลปัจจุบันจะใช้เมื่อถามว่าโดยปกติแล้วคน ๆ หนึ่งจะใช้เวลานานแค่ไหนในการทำบางสิ่งบางอย่าง
ตัวอย่าง:
How long does it take you to go to work? (คุณใช้เวลาเดินทางไปทำงานนานเท่าไร?)
→ It takes me about 15 minutes. (ฉันใช้เวลาประมาณ 15 นาที)
How long did it take + (O) + to V(inf)?
โครงสร้าง:
How long + did + it + take + O + to V? |
คําตอบ:
It + took + O + ระยะเวลา |
โครงสร้างที่ 2 นี้ใช้เมื่อถามว่าคน ๆ หนึ่งใช้เวลานานแค่ไหนในการทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งในอดีต
ตัวอย่าง:
How long did it take her to draw that picture? (เธอใช้เวลาในการวาดรูปนั้นนานแค่ไหน?)
→ It took her 3 days. (เธอใช้เวลา 3 วัน)
วิธีใช้ How long
วัตถุประสงค์ | วิธีใช้ | ตัวอย่าง |
เมื่อพูดถึงความยาวของสิ่งของ | ใช้เมื่อคุณต้องการถามถึงความยาวที่วัดได้ของสิ่งของบางอย่าง | How long is this skirt? (กระโปรงตัวนี้ยาวเท่าไหร่?) How long is this pipeline? (ท่อนี้ยาวเท่าไหร่?) |
เมื่อพูดถึงจะใช้เวลานานแค่ไหน | มักใช้เพื่อถามถึงระยะเวลาและนั่นคือช่วงระยะเวลาหนึ่ง ซึ่งมีจุดเริ่มต้นและจุดสิ้นสุด ดังนั้น สําหรับโครงสร้างนี้ ในคำตอบจะมีคำบุพบท “for” หรือ “since” | How long has the teacher left? – For twenty minutes. (คุณครูออกไปนานเท่าไหร่แล้ว? – 20 นาทีแล้ว) How long has Katy been in England? – Since 2020. (เคธี่อยู่อังกฤษมานานแค่ไหนแล้ว? – ตั้งแต่ปี 2563) |
เมื่อพูดถึงการใช้เวลาทำสิ่งใดสิ่งหนึ่ง | ใช้เพื่อถามโดยมีจุดประสงค์เพื่อถามว่าคน ๆ หนึ่งใช้เวลาทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งนานเท่าไหร่ | How long does it take you to draw a picture? (คุณใช้เวลาในการวาดรูปนานเท่าไหร่?) How long will it take to fly to Moscow? (บินไปมอสโคว์ใช้เวลานานแค่ไหนเหรอ?) |
แยกแยะระหว่างโครงสร้าง How long กับ How many times, How much time และ When
แยกแยะระหว่าง How long กับ How many times
How long | How many times | |
ความคล้ายคลึงกัน | โครงสร้างทั้งสองใช้คำว่า “How” จึงมักสร้างความสับสนให้กับผู้ใช้ | |
ความแตกต่าง | ใช้เพื่อถามถึงระยะเวลาหรือความยาวเท่าไหร่ในภาษาอังกฤษ | ใช้เมื่อคุณต้องการถามถึงจำนวนครั้งที่เหตุการณ์หนึ่งเกิดขึ้น |
ตัวอย่าง | How long did Harry read that novel? – 8 days. (แฮร์รี่อ่านนวนิยายเรื่องนั้นนานแค่ไหน? – 8 วัน) | How many times has Harry read that novel? – 8 times.(แฮร์รี่อ่านนวนิยายเรื่องนั้นกี่ครั้งแล้ว? – 8 ครั้ง) |
แยกแยะระหว่าง How long กับ How much time
How long | How much time | |
ความคล้ายคลึงกัน | ทั้ง How long และ How many time แปลว่า “นานแค่ไหน” และ “เวลานานเท่าไหร่” | |
ความแตกต่าง | มักใช้เพื่อถามถึงระยะเวลาอันยาวนาน | ใช้เพื่อถามถึงช่วงเวลาสั้น ๆ มักจะเป็นคำแนะนํา |
ตัวอย่าง | How long has Daisy lived in Moscow? – For more than 6 years.(เดซี่อาศัยอยู่ในมอสโคว์มานานเท่าไรแล้ว? – มากกว่า 6 ปีแล้ว) | How much time should Kathy cook the eggs? – Only 10 minutes.(เคธี่ใช้เวลาปรุงไข่นานแค่ไหน? – แค่ 10 นาทีก็พอ) |
>>> Read more: การใช้ how much how many ในภาษาอังกฤษ
แยกแยะระหว่าง How long กับ When
How long | When | |
ความคล้ายคลึงกัน | ทั้งโครงสร้าง How long และ When ถามถึงเวลา | |
ความแตกต่าง | ระบุระยะเวลาหรือช่วงเวลาโดยมีจุดเริ่มต้นและจุดสิ้นสุด | When ระบุเวลาหรือช่วงระยะเวลาหนึ่ง |
ตัวอย่าง | A: How long has Harry lived in Bangkok City? – Harry has lived here for 8 years. (แฮรี่อาศัยอยู่ในกรุงเทพฯ มานานแค่ไหนแล้ว? – แฮรี่อาศัยอยู่ที่นี่มา 8 ปีแล้ว) → ถามว่าระยะเวลาเท่าไหร่ | When did Harry move to Bangkok? – Harry moved here in 2014. (แฮรี่ย้ายมากรุงเทพตั้งแต่เมื่อไหร่? – แฮรี่ย้ายมาที่นี่ในปี 2557) → ถามถึงเวลาที่เจาะจง ดังนั้น คำตอบจะเป็นเวลาที่แฮร์รี่ย้ายมากรุงเทพฯ |
แบบฝึกหัด How long วิธีใช้
แบบฝึกหัด
บทที่ 1: จงเติม How long/How many times ลงในช่องว่าง:
1. …………… have you been waiting?- Only for a minute or two.
2. …………… has he been married?- More than 25 years.
3. …………… have you read this novel?- At least 8 times.
4.…………… will the lesson last?- 2 hours
5. …………… have you been living in this house?- For 12 years now
6. ……………have you been there?- Nine minutes
7. ……………was your stay in American?- I was there for two and a half years
8. …………… did you visit him last summer?- Almost every weekend.
9. ……………have I told you not to play volleyball in the garden?
10. ……………did the phone ring yesterday?- ‘We must have had about ten calls.
บทที่ 2: ตอบคำถามต่อไปนี้
1. How long have you lived in Thailand?
2. How long does it take you to go to school?
3. How long does it take you to eat breakfast?
4. How long have you been learning English?
บทที่ 3: จงแต่งประโยคใหม่ด้วย How long
1. How/long/it/take/you/go/work?
2. She/have/live/here/last/year.
3. How/long/have/he/been/learn/French?
4. The/lesson/will/last/30/minute.
5. How/long/have/her mother/live/Bangkok city.
ELSA Pro ไม่จำกัด
14,895 บาท -> 2,644 บาท
ELSA Premium 1 ปี
8,497 บาท -> 4,290 บาท
เฉลย
บทที่ 1 (จงเติม How long/How many times)
1. How long | 6. How long |
2. How long | 7. How long |
3. How many times | 8. How many times |
4. How long | 9. How many times |
5. How long | 10. How many times |
บทที่ 2 (ตอบคำถาม)
1. I’ve lived in Thailand since I was born.
2. It usually takes me 15 minutes.
3. It takes me about 10 minutes.
4. I’ve been learning English for 5 years.
บทที่ 3 (แบบฝึกหัดเกี่ยวกับ How long แต่งประโยค)
1. How long does it take you to go to work?
2. She has lived here since last year.
3. How long has he been learning French?
4. The lesson will last for 30 minutes.
5. How long has her mother lived in Bangkok city?
ข้างต้นเป็นข้อมูลเกี่ยวกับโครงสร้าง How long หวังว่าการแบ่งปันข้างต้นจะช่วยให้คุณเข้าใจโครงสร้างประโยคได้ดีขึ้น นอกจากนี้ อย่าลืมเข้ามาที่ ELSA Speak เป็นประจำเพื่ออัปเดทความรู้ด้านคำศัพท์และไวยากรณ์ภาษาอังกฤษของคุณทุกวันนะ
มีหลายวิธีที่คุณสามารถขอร้องโดยใช้ภาษาอังกฤษอย่างสุภาพได้ ส่วนใหญ่การขอร้องเหล่านี้มักจะใช้ในรูปแบบของประโยคคำถาม มาร่วมกับ ELSA Speak ศึกษาประโยคที่สุภาพและเป็นทางการเมื่อทำการ ขอร้อง ภาษาอังกฤษ ในบทความนี้ได้เลย!
ประโยคขอร้องแบบสุภาพ ภาษาอังกฤษ
Would you / Would you like to / Could you …?
ประโยคขอร้องที่สุภาพที่สุดและใช้บ่อยคือ “Would you / Would you like to / Could you…” ซึ่งมีความหมายว่าขอความกรุณาภาษาอังกฤษ ประโยคเหล่านี้ฟังดูสุภาพและน่าฟังกว่าการใช้คำว่า “Do you want to …?”
โครงสร้าง:
Would you + V(infinitive)? Would you like to + V(infinitive)? Could you + V(infinitive)? |
ตัวอย่าง:
ประโยคคำถาม | คำตอบ |
Would you please give me the book on the table? (คุณช่วยกรุณาหยิบหนังสือบนโต๊ะให้ฉันหน่อยได้ไหม?) | Well, I am afraid …/Yes, of course. (อ่อ ฉันเกรงว่า … /ได้อย่างแน่นอนค่ะ) |
Could you join us at a party on this Saturday? (คุณจะมาร่วมงานเลี้ยงกับเราวันเสาร์นี้ได้ไหม?) | Yes, I am happy to join/ I am sorry I am busy this Sunday. (ได้แน่นอน ฉันยินดีมากที่ได้เข้าร่วม / ขอโทษนะ วันอาทิตย์นี้ฉันไม่ว่าง) |
Would you like to join my birthday party on Sunday? (คุณอยากมางานวันเกิดฉันในวันอาทิตย์นี้ไหม?) | Yes, certainly/I’d like to but … (อยากสิ ต้องไปอยู่แล้ว / ฉันอยากไปนะ แต่…) |
ตัวอย่างประโยคขอร้องอื่น ๆ ในภาษาอังกฤษ:
- Would you kindly inform me who is responsible for the travel arrangements? (คุณช่วยแจ้งให้ฉันทราบได้ไหมว่าใครรับผิดชอบการจัดการเดินทาง?)
- Would you help me is asking if the person is willing to help you? (คุณจะช่วยฉันถามคนนั้นได้ไหมเต็มใจที่จะช่วยคุณหรือเปล่า?)
>>> Read more: วิธีใช้ could you please คุณช่วย…ได้ไหม และตัวอย่างประโยคคำสั่งทั่วไป
Would you mind / Do you mind …?
โครงสร้าง:
Would you mind + Verb-ing? Do you mind if I + Verb? |
หากคุณคิดว่าคำตอบที่ได้รับอาจเป็นเชิงลบและคุณคาดหวังคำตอบในเชิงบวกมากกว่า คุณสามารถใช้สองประโยคข้างต้นได้
ลองพิจารณาตัวอย่างดังต่อไปนี้:
ประโยคคำถาม | คำตอบ |
Would you mind helping with my housework? (จะเป็นไรไหมถ้าคุณจะช่วยฉันทำงานบ้าน?) | Yes, certainly. (ได้อย่างแน่นอน) |
Do you mind if I smoke? (จะเป็นไรไหม ถ้าฉันจะสูบบุหรี่?) | No, not at all! (ไม่เลย ไม่เป็นไร!) |
>>> Read more: Would you mind แปลว่าอะไร? โครงสร้าง การใช้งาน และคำตอบ
Can I / Could I / May I / Might I
เราใช้ “Can I / Could I / May I / Might I” เพื่อขอสิ่งใดสิ่งหนึ่งให้กับตัวเองอย่างสุภาพ “May” และ “Might” ถือว่าสุภาพกว่า “Can” และ “Could”
โครงสร้าง:
Can I / Could I / May I / Might I + bare infinitive? |
ตัวอย่างต่อไปนี้จะช่วยให้คุณเข้าใจประโยคเหล่านี้มากขึ้น:
ประโยคคำถาม | คำตอบ |
Can I have a cake? (ฉันขอเค้กได้ไหม?) | Yes, of course. (ได้แน่นอน) |
Could I ask you a favor? (ฉันขอรบกวนคุณหน่อยได้ไหม?) | Of course, you can. (แน่นอนสิ ตามสบายเลย) |
Could I possibly have another book? (ฉันขอหนังสืออีกเล่มได้ไหม?) | I don’t think so. You’ve had too much. (ฉันคิดว่าคุณมีเยอะเกินไปแล้วนะ) |
Might I leave the yoga class a bit earlier today? (วันนี้ฉันออกจากคลาสโยคะเร็วขึ้นหน่อยได้ไหม?) | Yes, you can. (ได้สิ) |
If you’ve finished with the phone, may I borrow it? (ถ้าคุณใช้โทรศัพท์เสร็จแล้ว ฉันขอยืมได้ไหม?) | Yes, please do. (ได้สิ เชิญเลย) |
“Might” มักจะถูกใช้บ่อยในประโยคคำถามทางอ้อม เนื่องจากวิธีการพูดทางอ้อมทำให้คำขอดูสุภาพยิ่งขึ้น ตัวอย่างเช่น:
- I wonder if I might leave the yoga class a bit earlier? (ฉันคิดว่าฉันจะออกจากคลาสโยคะเร็วขึ้นหน่อยได้ไหม?)
>>> Read more: Modal verb คืออะไร? ความรู้ทั้งหมดเกี่ยวกับกริยาช่วย
ประโยคคำถามเชิงปฏิเสธ
ประโยคคำถามเชิงปฏิเสธ เราสามารถเพิ่มคำถามไว้ท้ายประโยคปฏิเสธเพื่อเปลี่ยนเป็นประโยคคำถามได้ นี่เป็นรูปแบบการพูดที่สุภาพและเป็นทางการมากและเป็นวิธีที่ยอดเยี่ยมในการถามใครบางคนอย่างสุภาพในภาษาอังกฤษ
ตัวอย่างเช่น:
- You couldn’t do me a favor, could you? (คุณช่วยฉันไม่ได้ใช่ไหม?)
- You wouldn’t take me to the station, would you? (คุณจะไม่พาฉันไปที่สถานีใช่ไหม?)
- I don’t suppose you could clean the living room, could you? (ฉันไม่คิดว่าคุณจะทำความสะอาดห้องนั่งเล่นได้ใช่ไหม?)
Could You Possibly/Is There Any Way You Could
โครงสร้าง:
Could You Possibly/Is There Any Way You Could + V(infinitive)? |
นี่เป็นประโยคที่ใช้เมื่อคุณต้องการขอให้ใครบางคนทำสิ่งที่อาจจะยากลำบากและไม่สะดวกสบายสำหรับพวกเขา ลองดูตัวอย่างต่อไปนี้:
- Is there any way you could change the time of the meeting? (มีวิธีไหนที่คุณสามารถเปลี่ยนเวลาประชุมได้บ้าง?)
- Do you think you could possibly lend me a bike until next Friday? (คุณคิดว่าคุณสามารถให้ฉันยืมจักรยานได้จนถึงวันศุกร์หน้าหรือเปล่า?)
- Could you possibly lend me some money? (คุณให้ฉันยืมเงินหน่อยได้ไหม?)
- Is there any way you could add one more bag? (มีวิธีไหนบ้างที่คุณจะเพิ่มกระเป๋าได้อีก 1 ใบ?)
I Was Wondering If You Could/Would It Be Possible For You To
โครงสร้าง:
I Was Wondering If You Could/Would It Be Possible For You To + V(infinitive)? |
หากคุณกำลังมองหาประโยคขอร้องที่สุภาพและเป็นทางการ อย่าพลาดประโยคเหล่านี้ โดยเฉพาะเมื่อคุณไม่แน่ใจว่าฝ่ายตรงข้ามเต็มใจที่จะทำให้คุณหรือไม่?
ลองดูตัวอย่างต่อไปนี้:
- I was wondering if you could do me a favor; I’m trying to find the post office. (ฉันสงสัยว่าคุณจะช่วยฉันหน่อยได้ไหม ฉันกำลังพยายามหาที่ทำการไปรษณีย์อยู่)
- Would it be possible for you to come in for a date sometime next week? (เป็นไปได้ไหมที่คุณจะมาเดทในสัปดาห์หน้า?)
- I was wondering if you could lend us some money. (ฉันสงสัยว่าคุณจะให้ฉันยืมเงินหน่อยได้ไหม?)
I Would Be Grateful If You Could/I Would Appreciate It If You Could
โครงสร้าง:
I Would Be Grateful If You Could/I Would Appreciate It If You Could + V(infinitive)? |
นี่คือประโยคขอร้องที่ใช้บ่อยในจดหมายและเอกสารที่เป็นทางการ ลองดูตัวอย่างต่อไปนี้:
- I would be grateful if you could send me a book. (ฉันจะรู้สึกขอบคุณมากถ้าคุณสามารถส่งหนังสือมาให้ฉันได้)
- I would appreciate it if you could bring me some fruits. (ฉันจะซาบซึ้งมากถ้าคุณสามารถนำผลไม้มาให้ฉันได้)
- The manager would appreciate it if you could come to the company’s party tonight. (ผู้จัดการจะยินดีเป็นอย่างยิ่งหากคุณมางานปาร์ตี้ของบริษัทคืนนี้ได้)
คำศัพท์ภาษาอังกฤษที่เกี่ยวข้องกับการขอร้อง
คำศัพท์ | การสะกดคำ | ความหมาย |
require | /rɪˈkwaɪr/ | ขอร้อง |
request | /rɪˈkwest/ | คำขอ/คำเสนอ |
demand | /dɪˈmænd/ | ความต้องการ |
requirement | /rɪˈkwaɪərmənt/ | คำร้องขอ |
ask | /æsk/ | ถาม |
beseech | /bɪˈsiːtʃ/ | ขอร้อง/อ้อนวอน |
boon | /buːn/ | สิ่งที่ปรารถนา/คำขอ |
challenge | /ˈtʃælɪndʒ/ | ข้อเรียกร้อง |
desire | /dɪˈzaɪər/ | ความปรารถนา |
วิธีการตอบรับคำขอร้องภาษาอังกฤษ
ตอบตกลง
วิธีการตอบรับ | ความหมาย |
Sure here you are. | ได้อย่างแน่นอน |
Okay. | ได้ |
Yes, of course. | ได้แน่นอน |
Yes, that’s fine. | ได้ สบายมาก |
Certainly. | แน่นอน |
สำหรับโครงสร้าง Would/Do you mind: No, not at all หรือ No, of course not.
>>> Read more:
การปฏิเสธ
วิธีการตอบรับ | ความหมาย |
I’m afraid I can’t. | ฉันเกรงว่าฉันไม่สามารถทำได้ |
Sorry, but… | ขอโทษนะ แต่… |
I’d like to, but… | ฉันอยากทำนะ แต่… |
I’m sorry. I won’t be able to help you with that. | ฉันขอโทษนะ ฉันไม่สามารถช่วยคุณเรื่องนี้ได้ |
I wish I could help, but I’m busy. | ฉันอยากจะช่วยแต่ฉันยุ่งอยู่ค่ะ |
Unfortunately. No, I’m sorry. | น่าเสียดายที่ไม่ได้ ฉันขอโทษ |
>>> Read more: ตัวอย่างประโยคปฏิเสธอย่างสุภาพในภาษาอังกฤษที่จำง่าย
ด้านบนคือ 7 ประโยค ขอร้อง ภาษาอังกฤษ ในชีวิตประจำวันพร้อมวิธีการตอบรับที่สามารถใช้ได้ในแทบทุกสถานการณ์ ลองมาจดบันทึกไว้กับ ELSA Speak เพื่อใช้ในสถานการณ์ต่าง ๆ ได้อย่างคล่องแคล่วนะ!
Must เป็นคำกริยาช่วยในภาษาอังกฤษที่ใช้กันทั่วไปในบริบทต่าง ๆ มากมาย แล้ว Must คืออะไร วิธีใช้ Must Have to อย่างไร มาดูรายละเอียดกับ ELSA Speak ด้านล่างกันนะ
Must คืออะไร
Must เป็นหนึ่งในคำกริยาช่วย (modal verbs) ที่พบบ่อย ซึ่งหมายถึง “ต้อง” หรือ “จําเป็นต้อง” Must ใช้เพื่ออ้างถึงงานบังคับหรือภาระผูกพันที่บุคคลจำเป็นต้องปฏิบัติในปัจจุบันหรือในอนาคต
Must ตัวอย่างประโยค :
- You must finish this report! (คุณต้องทำรายงานนี้ให้เสร็จ)
- I must finish my homework. I don’t want my teacher to get angry. (ฉันต้องทำการบ้านให้เสร็จ ฉันไม่อยากให้คุณครูโกรธ)
โครงสร้าง Must ในภาษาอังกฤษ
แบบบอกเล่า (Affirmative)
ในรูปแบบประโยคบอกเล่า Must จะอยู่หลังประธาน (subject) และอยู่หน้าคํากริยา (verb) รูปแบบนี้ของ Must มีสูตรดังนี้
S + must + Verb… |
ตัวอย่าง:
- I must finish my painting today. (ฉันต้องวาดรูปให้เสร็จภายในวันนี้)
- She must pick her kids up at 5 p.m. (เธอต้องไปรับลูกตอน 5 โมงเย็น)
หมายเหตุ: Must ไม่สามารถใช้กับคํากริยาช่วยอื่นได้ มาลองดูตัวอย่างที่ผิดกันนะ
- ประโยคที่ผิด: You must can finish this task by tomorrow.
- ประโยคถูกต้อง: You must be able to finish this task by tomorrow. (คุณต้องทำงานนี้ให้เสร็จภายในวันพรุ่งนี้)
โครงสร้าง Must แบบปฏิเสธ (Negative)
ในรูปแบบปฏิเสธ ให้เติม not หลัง Must ในกรณีนี้ Mustn’t หมายถึง “ไม่สามารถ” นอกจากนี้ Must ไม่ใช้กับ don’t/doesn’t/didn’t นี่เป็นข้อผิดพลาดที่มักจะพบบ่อยสำหรับผู้ใช้โครงสร้าง Must เป็นครั้งแรก Must แบบปฏิเสธมีสูตรดังนี้
S + mustn’t (must not) + Verb… |
ตัวอย่าง:
- You mustn’t leave any rubbish. (คุณต้องไม่ทิ้งขยะเอาไว้)
- She mustn’t feed chocolate to the dogs! (เธอไม่สามารถเอาช็อคโกแลตไปให้หมากินได้)
หมายเหตุ: คุณสามารถใช้ Must not แทน Mustn’t ในกรณีที่เป็นทางการและสุภาพหรือถ้าต้องการเน้นย้ำ
แบบคําถาม (Interrogative)
ในรูปแบบคำถาม ประธาน (subject) และ Must จะสลับตำแหน่งกัน คำถามที่มี Must มักจะหมายถึง “จำเป็นไหมที่จะ…” และที่สําคัญคือคุณจะไม่ใช้ do, does หรือ did ในรูปแบบคำถามของ Must สูตรประโยคคำถามของ Must (Must ประโยคคําถาม) :
Must + S + Verb…? |
ตัวอย่าง:
- Must you smoke all the time? (คุณต้องสูบบุหรี่ตลอดเวลาเหรอ?)
- Must you eat so impolitely? (คุณต้องกินแบบไม่สุภาพขนาดนั้นเลยเหรอ?)
Must ใช้ยังไง ? วิธีใช้ Must อย่างละเอียด
ใช้เพื่อพูดถึงภาระผูกพัน (Obligation) และความจำเป็นต้องทำอะไรบางอย่าง (Necessity)
Must ใช้เพื่อพูดถึงภาระผูกพันหรือความจำเป็นต้องทำอะไรบางอย่าง
ตัวอย่าง:
- Students must complete all required courses to graduate. (นักศึกษาจะต้องเรียนวิชาที่กำหนดทั้งหมดให้จบจึงจะสำเร็จการศึกษา)
- I have a critical meeting tomorrow, so I must prepare a detailed presentation tonight. (พรุ่งนี้ฉันมีประชุมสำคัญ ดังนั้นฉันต้องเตรียมการนำเสนออย่างละเอียดในคืนนี้)
ใช้เพื่อพูดถึงกฎเกณฑ์ (Rules) และกฎหมาย (Laws)
Must และ Must not มักจะปรากฏบนป้ายสาธารณะและประกาศเกี่ยวกับกฎหมาย กฎเกณฑ์ และข้อห้าม Must not ใช้เพื่อพูดถึงการกระทำและสิ่งที่ไม่ได้รับอนุญาต
ตัวอย่าง:
- All visitors must wear a helmet when entering the construction site. (ผู้มาเยี่ยมชมทุกคนจะต้องสวมหมวกนิรภัยเมื่อเข้าสู่พื้นที่ก่อสร้าง)
- Pets must not enter the playground area. (ห้ามนําสัตว์เลี้ยเข้าไปในพื้นที่สนามเด็กเล่น)
ใช้ในการเชิญชวนและเสนอแนะ
Must ใช้เพื่อเชิญชวน เสนอแนะ หรือสนับสนุนให้ทำอะไรบางอย่างอย่างสุภาพ
ตัวอย่าง:
- You must join us for dinner sometime; it would be lovely to catch up. (คุณควรมาร่วมทานอาหารเย็นกับเราสักครั้ง มันคงจะดีถ้าเราได้คุยกัน)
- You must check out the new art exhibition; it’s truly remarkable. (คุณต้องไปชมนิทรรศการศิลปะใหม่นี้ มันน่าทึ่งจริง ๆ)
ใช้เพื่อทำการอนุมาน (Deduction) หรือสรุป (Conclusion)
โครงสร้าง Must ใช้เพื่ออนุมานและคาดเดาหลังจากตรวจสอบข้อเท็จจริงบางประการอย่างรอบคอบแล้ว ในกรณีนี้ Must หมายถึง “ต้อง” หรือ “คง..แน่เลย”
ตัวอย่าง:
- He looks short. He must be in elementary school. (เขาดูตัวเตี้ยนะ เขาคงอยู่ชั้นประถม)
- He’s bleeding! It must be hurting him a lot! (เลือดออกหนักมาก เขาคงเจ็บมากแน่เลย)
หมายเหตุ: เมื่อคุณต้องการคาดเดาและสรุปผลเชิงลบ ให้ใช้ can’t และ cannot
ตัวอย่าง: She looks different. That can’t be Lana! (เธอดูแตกต่างออกไป นั่นไม่ใช่ลาน่าแน่ ๆ)
นอกจากนี้ หากต้องการสรุปผลที่เคยทำไว้ในอดีต คุณสามารถใช้โครงสร้างต่อไปนี้ถ้าข้อสรุปเป็นเชิงลบ
Must have + Verb3 หรือ can’t have + Verb3 |
ตัวอย่าง: I called you yesterday, but you must have been working. (ฉันโทรหาคุณเมื่อวานแต่คุณคงกำลังทำงานอยู่)
>>> Read more: การวิเคราะห์ความแตกต่างระหว่าง Can กับ Could โดยละเอียด
ใช้เพื่อร้องเรียนและวิพากษ์วิจารณ์
หากคุณไม่พอใจกับสิ่งที่คนอื่นทำ คุณก็สามารถใช้โครงสร้าง Must ในรูปแบบคำถามเพื่อแสดงความรู้สึกของคุณได้
ตัวอย่าง:
- Must you keep playing so loudly? (ต้องเล่นเสียงดังขนาดนี้เลยเหรอ)
- Must you keep coming home late? (คุณต้องกลับบ้านดึกบ่อย ๆ แบบี้เลยเหรอ)
Have to คืออะไร
“Have to” ในภาษาไทยหมายถึง “ต้อง” ซึ่งใช้เมื่อพูดถึงการถูกบังคับให้ทำอะไรบางอย่าง บางสิ่งที่ต้องเกิดขึ้น (เนื่องจากกฎหมาย กฎเกณฑ์ สถานการณ์…) นอกจากนี้ Have to ยังใช้เพื่อให้คำแนะนำในการทำบางสิ่งบางอย่าง และเพื่ออนุมานที่ชัดเจนเกี่ยวกับบางสิ่งบางอย่าง
ตัวอย่าง: To get a high score in the final exam, she has to study hard. (เธอต้องตั้งใจเรียนอย่างหนักเพื่อที่จะสอบปลายภาคให้ได้คะแนนสูง ๆ)
โครงสร้าง Have to
รูปแบบของประโยค | โครงสร้าง | ตัวอย่าง |
บอกเล่า | S + have to + Vinf + … | Doctor said that I have to eat less sugar. (หมอบอกฉันต้องกินน้ำตาลให้น้อยลง) |
ปฏิเสธ | S + don’t/ doesn’t + have to Vinf + … | Staffs don’t have to work on the weekend. (พนักงานไม่ต้องทำงานในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์) |
คําถาม | Do/ does + S + have to + Vinf + … | Do we have to work overtime at weekend? (เราต้องทำงานล่วงเวลาในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ไหม?) |
วิธีใช้ Have to
- “Have to” ใช้เพื่อพูดถึงาระผูกพันในการทำบางสิ่งบางอย่าง ภาระประเภทนี้มาจากภายนอกผู้พูด (โดยปกติจะมาจากกฎเกณฑ์ กฎหมาย สถานการณ์ภายนอก หรือความปรารถนาของผู้อื่น)
- ในการสนทนาในชีวิตประจำวัน เจ้าของภาษาก็จะใช้ “have to” เพื่อให้คำแนะนำ แต่การใช้ “have to” ฟังดูไม่เป็นทางการมากกว่าการใช้ “must”
- การใช้คำว่า “have to” ที่ใช้ไม่บ่อยนักคือการอนุมานหรือสรุปอย่างแน่นอนเกี่ยวกับบางสิ่งบางอย่าง
- ในรูปแบบปฏิเสธของ “have to” เรามักจะเติม not หลังคํากริยา แต่ด้วย “Don’t have to” หรือ “Haven’t got to” เพื่อบ่งบอกว่าไม่จำเป็นต้องทำอะไรเลย
ตัวอย่าง:
- I have to finish this report by tomorrow. (ฉันต้องทำรายงานนี้ให้เสร็จก่อนพรุ่งนี้)
- You don’t have to come to the meeting if you’re busy. (คุณไม่จำเป็นต้องมาประชุมถ้าคุณไม่ว่าง)
>>> Read more: การใช้ have has และ had ที่ง่ายที่สุดและเข้าใจดี
แยกแยะระหว่างโครงสร้าง Must, Have to, Should กับ Ought to
แยกแยะระหว่าง Must กับ Have to
Must | Have to | |
ชนิดของคํา | Modal verb | Semi-modal verb |
สูตร | S + must + V (bare infinitive) หมายเหตุ: Must มีรูปแบบเดียวเท่านั้นไม่แบ่งตามกาลหรือประธานของประโยค | S + have to + V (bare infinitive) หมายเหตุ: Have to จะแบ่งตามกาลและประธานของประโยค |
วิธีใช้ | ใช้เพื่อพูดถึงภาระผูกพันและความจำเป็นที่ต้องทำบางสิ่งบางอย่างในปัจจุบันและอนาคต ตัวอย่าง: I must finish this assignment tonight because it’s due tomorrow. (ฉันต้องทำการบ้านให้เสร็จภายในคืนนี้เนื่องจากพรุ่งนี้ต้องส่งแล้ว) → ภาระผูกพันในขณะนี้คือการทำงานที่ได้รับมอบหมายให้เสร็จสิ้น | ใช้เพื่อพูดถึงภาระผูกพันและความจำเป็นในการทำบางสิ่งบางอย่างในอดีต (had to) และอนาคต (will have to) การใช้คำว่า have to ในอนาคตนั้นพบได้บ่อยกว่าคำว่าการใช้คําว่า must ตัวอย่าง: I had to submit the application last week to be considered for the scholarship. (ฉันต้องส่งใบสมัครเมื่อสัปดาห์ที่แล้วจึงจะได้รับการพิจารณารับทุนการศึกษา) → ภาระผูกพันที่ต้องปฏิบัติตามในอดีตคือส่งใบสมัคร |
ใช้เพื่อพูดถึงหน้าที่ของตัวผู้พูดเอง เป็นเชิงส่วนตัวมากกว่า Have to Must มักใช้ในการเขียนหรือบริบทที่เป็นทางการ ตัวอย่าง: I must finish my homework before I go to bed. (ฉันต้องทำการบ้านให้เสร็จก่อนเข้านอน) → เป็นการตัดสินใจหรือกฎส่วนตัวที่ผู้พูดกำหนดไว้สำหรับตัวเอง | ใช้เพื่อพูดถึงภาระผูกพันหรือการบังคับให้ทําที่มาจากภายนอก เช่น จากกฎเกณฑ์ของบริษัทหรือสถานการณ์ที่เป็นเหตุสุดวิสัย ตัวอย่าง: I have to submit the report by 5 PM. (ฉันต้องส่งรายงานภายในเวลา 17.00 น.) → สิ่งเหล่านี้เป็นข้อกำหนดและเวลากำหนดที่มาจากภายนอก ซึ่งอาจกำหนดโดยครูหรือผู้บริหาร | |
ห้ามแบ่งตามประธานของประโยค ให้คงข้อความต้นฉบับไว้เสมอ Must ใช้ในกาลเวลา 2 กาลเท่านั้น คือ ปัจจุบันหรืออนาคต โดยใน 2 กาลนี้ “had to” (อดีต) หรือ “will have to” (อนาคต) จะใช้แทนกัน ตัวอย่าง: We must complete the project on time. (เราต้องดำเนินโครงการให้เสร็จตรงเวลา) | แบ่งตามประธานในประโยค Have to สามารถนำไปใช้กับทุกกาลของภาษาอังกฤษได้ Have to เป็นที่นิยมและมักใช้ในบริบทของการสื่อสารในชีวิตประจำวัน ตัวอย่าง: Ploy has to wear a uniform to work on Monday and Friday. (พลอยจะต้องใส่ยูนิฟอร์มมาทำงานในวันจันทร์และวันศุกร์) | |
Must เกิดจากปัจจัยภายใน | Have to เกิดจากปัจจัยภายนอก |
แยะแยะระหว่าง Must กับ Should และ Ought to
ในภาษาอังกฤษ Must และ should, ought to เป็นคำกริยาช่วยทั้งหมด (Semi-modal verb) อย่างไรก็ตาม ทั้งสามคำมีความหมายต่างกัน มาแยกแยะกับ ELSA Speak กันด้านล่างนะ
เกณฑ์ | Should | Ought to | Must |
สูตร | should + V (bare infinitive) | ought to + V (bare infinitive) | must + V (bare infinitive) |
ความหมาย | Should ใช้เพื่อให้คำแนะนำว่าควรทำอย่างไรเท่านั้น และไม่มีข้อผูกมัด คำแนะนำนั้นเป็นเพียงทางเลือกเดียว | Ought to ใช้ในเชิงให้คำแนะนำมากกว่า Should Ought to จะแสดงให้เห็นว่าไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องทำหรือไม่ทำอะไรบางอย่าง | Must ใช้เพื่อพูดถึงภาระผูกพันและความจำเป็นต้องทำอะไรบางอย่าง |
ระดับที่บังคับ | น้อย | ปานกลาง | สูง |
ตัวอย่าง | You should eat more vegetables for a balanced diet. (คุณควรทานผักมากขึ้นเพื่อให้ได้รับสารอาหารที่สมดุล) | You ought to apologize for your behavior. (คุณควรขอโทษสำหรับพฤติกรรมของคุณ) | You must follow the steps properly to get the desired outcome. (คุณจะต้องปฏิบัติตามขั้นตอนอย่างถูกต้องเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ต้องการ) |
โครงสร้างคล้ายกับ Must ในภาษาอังกฤษ
ข้างล่างนี้เป็นโครงสร้างที่คล้ายกับ Must ในภาษาอังกฤษ:
โครงสร้าง | ความหมาย | ตัวอย่าง |
have to + Verb | ต้องทำอะไรสักอย่าง (เพราะจำเป็นหรือสำคัญ) | I have to submit my report tomorrow. (ฉันต้องส่งรายงานพรุ่งนี้) |
be obliged to + Verb | มีภาระผูกพันในการทำบางสิ่งบางอย่าง (เนื่องจากกฎ/กฎหมายบางอย่าง หรือตามสถานการณ์) | Employees in this company are obliged to report any potential conflicts of interest they may have in relation to their work. (พนักงานในบริษัทนี้มีหน้าที่ต้องรายงานความขัดแย้งทางผลประโยชน์ที่อาจเกิดขึ้น ซึ่งเกี่ยวข้องกับงานของตน) |
be required to + Verb | ถูกสั่งให้ทำอะไรบางอย่าง (เนื่องจากกฎ/กฎหมายบางอย่าง) | All students are required to submit their research papers by the end of the month. (นักศึกษาทุกคนจะต้องส่งรายงานการวิจัยของตนภายในสิ้นเดือน) |
have an obligation to + Verb = be under obligation to + Verb | มีภาระผูกพันที่ต้องทำบางสิ่งบางอย่าง | As a company executive, I am under obligation to ensure compliance with all ethical guidelines and legal regulations. (ในฐานะผู้บริหารบริษัท ฉันมีหน้าที่ต้องปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ด้านจริยธรรมและข้อบังคับทางกฎหมายทั้งหมด) |
be forced/compelled to + Verb | ต้องทำอะไรที่ไม่อยากทำเพราะอยู่ในสถานการณ์ที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ | After the unexpected resignation of the manager, the team was forced to reevaluate their project timeline and make adjustments accordingly. (หลังจากผู้จัดการลาออกโดยไม่คาดคิด ทีมงานจึงถูกบังคับให้ประเมินระยะเวลาของโครงการใหม่และปรับเปลี่ยนไปตามนั้น) |
Idioms ยอดนิยมที่มีคำว่า Must
Idioms | ความหมาย | ตัวอย่าง | |
You must be joking | ใช้เพื่อแสดงว่าคุณไม่เชื่อว่าใครบางคนกําลังพูดความจริง | A: I just won the lottery jackpot!” B: You must be joking! That’s unbelievable! | (A: ฉันพึ่งถูกหวย B: คุณล้อเล่นแน่เลย มันเหลือเชื่อมาก) |
The show must go on | ส่งเสริมให้บางคนทำสิ่งที่พวกเขาทำต่อไป แม้ว่าพวกเขาจะประสบปัญหาก็ตาม | A: Oh dear! The projector isn’t working, and we have an important presentation in five minutes! B: The show must go on. Let’s grab some flip charts and markers. We can still deliver a great presentation without the slides! | A: โอ้พระเจ้า โปรเจ็กเตอร์ไม่ทำงาน และเรามีการนำเสนอที่สำคัญในอีกห้านาที B: เราต้องดำเนินการต่อไป หยิบกระดานและปากกาเมจิกมาสักอันกันเถอะ เราสามารถนำเสนองานที่ยอดเยี่ยมได้โดยไม่ต้องใช้สไลด์ |
Your ears must be burning | ใช้เพื่อพูดกับคนที่กําลังถูกพูดถึง | All this talk about Min – his ears must be burning. | พูดแต่เรื่องมินเลย หูเขาคงจะไหม้แน่ |
I must be hearing things | ใช้เพื่อแสดงว่าคุณไม่เชื่อในบางสิ่งบางอย่างเพราะมันไม่น่าเป็นไปได้ | My brother offered to drive me to school today. – I must be hearing things. | วันนี้พี่ชายอาสาขับรถไปส่งฉันที่โรงเรียน ฉันต้องหูแว่วไปแน่ ๆ |
All good things must come to an end | ใช้เมื่อคุณยอมรับว่าแม้แต่ประสบการณ์ที่สนุกสนานก็ต้องจบลง | A: This vacation has been amazing, but it’s almost time to head back homeใ B: Yeah, all good things must come to an end. Let’s make the most of our last day here! | A: วันหยุดนี้น่าอัศจรรย์มาก แต่เกือบถึงเวลาต้องกลับบ้านแล้ว B: ใช่แล้ว สิ่งดี ๆ ทั้งหมดย่อมต้องสิ้นสุดลง มาใช้เวลาในวันสุดท้ายที่นี่ให้คุ้มค่าที่สุดกันเถอะ |
แบบฝึกหัดเกี่ยวกับโครงสร้าง Must
แบบฝึกหัด
บทที่ 1: จงเติมคำว่า must, must not, have to, don’t have to ลงในช่องว่าง
- Every player in a football team __________ have a number.
- You ___________ forget his birthday again.
- Doctors sometimes ___________ work at the weekend.
- Nowadays in Spain pupils ____ learn Latin at school.
- You __________ smoke in public places.
- My wife __________ go to work today. It’s a holiday.
- You _________ shout. I can hear you.
- We ___________ be quiet in the library.
- You __________ use a computer on the plane.
- She ___________ come to the dentist with me.
บทที่ 2: จงเติม don’t have to หรือ mustn’t ลงในช่องว่างที่เหมาะสม
- You mustn’t / don’t have to apologize; it isn’t necessary.
- You don’t have to / mustn’t tell the boss what happened, or he’ll fire you.
- I mustn’t / don’t have to wear a tie; I do it because I like wearing ties.
- You don’t have to / mustn’t smoke in here; smoking is not allowed.
- I don’t have to / mustn’t be late. It’s the most important meeting of the year.
- You mustn’t / don’t have to go now; you can stay a bit longer.
- Visitors to the zoo mustn’t / don’t have to feed the animals.
- You don’t have to / mustn’t drive so fast; we have a lot of time.
- We don’t have to / mustn’t cook more; there’s enough food.
- You don’t have to / mustn’t put salt in her food; the doctor said she can’t eat salt.
บทที่ 3: จงเติมคำลงในช่องว่างโดยใช้คำว่า “must” หรือ “ ” ตามบริบท
- I ________ finish this assignment before the deadline.
- Students ________ wear the uniform at this school.
- You ________ be careful while crossing the busy street.
- We ________ attend the meeting at 2 p.m.
- According to the rules, employees ________ submit their reports by Friday.
- She ________ study hard for the upcoming exam.
- Visitors ________ follow the safety guidelines inside the museum.
- I ________ call my parents to let them know I’ll be late.
- The doctor said I ________ take this medicine three times a day.
- In this company, all employees ________ complete the training program within the first month.
เฉลย
บทที่ 1:
1. has to | 2. mustn’t | 3. have to | 4. don’t have to | 5. mustn’t |
6.doesn’t have to | 7. don’t have to | 8. have to | 9. mustn’t | 10. doesn’t have to |
บทที่ 2:
1. don’t have to | 2. mustn’t | 3. don’t have to | 4. mustn’t | 5. mustn’t |
6. don’t have to | 7. mustn’t | 8. don’t have to | 9. don’t have to | 10. mustn’t |
บทที่ 3:
1. must | 2. have to | 3. must | 4. have to | 5. have to |
6. must | 7. must | 8. must | 9. must | 10. have to |
ข้างต้นเป็นข้อมูลเกี่ยวกับการใช้ Must ในภาษาอังกฤษ หวังว่าการแบ่งปันข้างต้นจะช่วยให้คุณเข้าใจวิธีใช้คำกริยาช่วยได้ดีขึ้น นอกจากนี้ อย่าลืมเข้ามาที่ ELSA Speak เป็นประจำเพื่ออัปเดทความรู้ไวยากรณ์ภาษาอังกฤษของคุณทุกวันนะ
คุณอยากลงรูปในอินสตาแกรม (ไอจี) แต่ไม่รู้จะใช้แคปชั่นอะไรให้เหมาะสม มาค้นหา แคปชั่นไอจีอังกฤษสั้นๆ มากกว่า 999 แคปชั่นเกี่ยวกับความรัก ชีวิต ครอบครัวดี ๆ และโดนใจกับ ELSA Speak กันนะ
แคปชั่นลงไอจีสั้นๆ ที่มีคําเดียว
แคปชั่นลงไอจีสั้นๆ ที่มีคําเดียว | ความหมาย |
MOOD | อารมณ์ |
Vibes | พูดถึงบรรยากาศดี ๆ ในภาพ |
Fri-YAY | วันศุกร์แล้ว ไชโย |
Eyeroll | เบื่อหน่าย |
Daydreaming | ฝันกลางวัน |
Goals | เป้าหมายของฉัน |
Feastmode | ปาร์ตี้ (สามารถใช้กับภาพอาหารอร่อยได้) |
TBT | ย่อมาจาก Throwback Thursday (ใช้กับภาพเก่า) |
OOO | ย่อมาจาก Out of Office นอกเวลาทำงาน (ใช้สำหรับภาพการพักผ่อนหรือการท่องเที่ยว) |
Exploring | สำรวจ (ใช้สำหรับรูปภาพของการค้นพบหรือทำอะไรใหม่ ๆ) |
Hi! | สวัสดี คำทักทายที่น่ารัก (ใช้กับภาพอะไรก็ได้) |
แคปชั่นไอจีอังกฤษสั้นๆ ที่มีสองคํา
แคปชั่นไอจีอังกฤษสั้นๆ ที่มีสองคํา | ความหมาย |
Enjoy today. | เพลิดเพลินไปกับวันนี้ |
Everything counts. | ทุกสิ่งล้วนมีคุณค่า |
Try Again. | ลองใหม่อีกครั้ง |
Keep Breathing. | หายใจเข้าลึก ๆ |
Perfectly imperfect. | สมบูรณ์แบบในความไม่สมบูรณ์แบบ |
Move on. | ก้าวไปข้างหน้าต่อไป |
No Regret. | ไม่เสียดายเลย |
Self Loving. | รักตัวเอง |
Blue Skies. | ท้องฟ้าสีฟ้า |
Feeling Good. | รู้สึกดี |
>>> Read more: 40+ คําคมรักตัวเอง ภาษาอังกฤษที่ไพเราะ สั้นๆ และมีความหมายดี
แคปชั่นไอจีอังกฤษสั้นๆ ความหมายดี
แคปชั่นไอจีอังกฤษสั้นๆ ความหมายดี | ความหมาย |
Everything happens for a reason. | ทุกอย่างที่เกิดขึ้นมีเหตุผลของมันเสมอ |
It’s a bad day, not a bad life. | มันเป็นเพียงวันที่แย่ ไม่ใช่ชีวิตที่แย่ |
Life is too short to waste it. | ชีวิตมันสั้นเกินกว่าจะเสียเวลาไปเปล่าประโยชน์ |
Keep it as a memory. | เก็บมันไว้เป็นความทรงจำ |
Bad choices make good stories. | บางครั้งทางเลือกที่ผิดอาจทําให้เกิดเรื่องราวดี ๆ |
Life is too short for bad vibes. | ชีวิตมันสั้นเกินกว่าจะจมกับความรู้สึกแย่ ๆ |
Be a Warrior, not a Worrier. | จงเป็นคนที่สู้ อย่าเป็นคนที่เศร้า |
Life isn’t perfect. But my Hair is! | ถึงชีวิตชั้นจะไม่เริ่ด แต่ผมชั้นเริ่ดนะแก |
The best is yet to come. | ตอนนี้ยังไม่ค่อยมีอะไรดี แต่ในอนาคตต้องมีเรื่องดี ๆ แน่นอน |
Worry less, smile more. | กังวลให้น้องลง ยิ้มให้มากขึ้น |
What’s done is done. | อะไรที่มันจบไปแล้ว ก็ปล่อยให้มันจบไป |
Something takes time. | บางอย่างต้องการเวลา |
Self-love is the best love. | การรักตัวเองคือความรักที่ดีที่สุด |
Never cry for the same reason. | อย่าร้องไห้เพราะเหตุผลเดิม ๆ |
Every day is a fresh start. | ทุกวันคือการเริ่มต้นใหม่ที่ดี |
Stop Thinking, Start doing. | หยุดคิด แล้วลงมือทํา |
Success always follows hard work. | ความสําเร็จมาพร้อมกับการทํางานหนักเสมอ |
Nothing lasts forever. | ไม่มีอะไรอยู่ตลอดกาล |
Focus on the good. | เลือกมองแต่สิ่งดี ๆ แล้วชีวิตจะแฮปปี้ |
Live a good story. | ช่วงเวลาในการถ่ายทอดเรื่องราวดี ๆ |
Keep the Smile On! | เก็บร้อยยิ้มไว้ |
Smile, breathe, and go slowly. | ยิ้มเข้าไว้ หายใจ และใช้ชีวิตไปอย่างช้า ๆ |
Only one life. | เรามีแค่ชีวิตเดียว |
On to better things. | มุ่งไปสู่สิ่งที่ดีกว่า |
No bad feelings. | ไม่มีความรู้สึกแย่ ๆ |
Good vibes only. | มองโลกในแง่ดีเข้าไว้ |
Happy mind, happy life. | จิตใจเป็นสุข ชีวิตเป็นสุข |
Just livin’ life. | แค่ใช้ชีวิต |
Messy bun and having fun. | มัดผมยุ่ง ๆ และใช้ชีวิตให้สนุก |
Life is a journey and only you hold the key. | ชีวิตคือการเดินทางและเฉพาะคุณเท่านั้นคือคนที่ถือกุญแจ |
Chase your dreams. | ไล่ตามความฝันของคุณ |
Nothing is worth it if you are not happy. | ไม่มีสิ่งใดคุ้มค่ามากพอถ้าคุณไม่มีความสุขกับมัน |
Life is simple. It’s just not easy. | ชีวิตนั้นมันไม่ซับซ้อน แต่แค่มันไม่ง่าย |
The way you speak to yourself matters the most. | วิธีที่คุณพูดกับตัวเองสำคัญที่สุด |
Smile a little more, regret a little less. | ยิ้มมากขึ้น เสียดายน้องลง |
I don’t know where I’m going, but I’m on my way. | ฉันก็ไม่รู้ว่าฉันกําลังมุ่งหน้าไปที่ไหน แต่อย่างน้อยฉันก็อยู่บนเส้นทางของตัวเอง |
Being happy never goes out of style. | การมีความสุขไม่เคยตกเทรนด์ |
Whatever begins also ends. | อะไรก็ตาม ถ้ามีจุดเริ่มต้น ย่อมมีจุดจบ |
You will never be ready, just start. | ถ้าอยากเริ่มอะไร ให้เริ่มเลย เพราะเราไม่มีวันพร้อมหรอก |
I didn’t come this far to only come this far. | ฉันไม่ได้มาไกลเท่านี้ เพื่อที่จะมาไกลได้แค่นี้ |
I don’t have dreams, I have goals. | อย่ามัวแต่ฝัน แต่จงตั้งเป้าหมาย |
I wasn’t made to fall in line. | ฉันไม่ได้เกิดมาเพื่อทําตามใคร |
Take the risk or lose the chance. | จะยอมลองเสี่ยงหรือจะยอมเสียโอกาส |
You can regret a lot of things but you’ll never regret being kind. | คุณอาจจะเสียใจกับหลาย ๆ สิ่งได้ แต่คุณจะไม่มีวันเสียใจกับความใจดีของคุณ |
Do whatever makes you happiest. | ทำอะไรก็ได้ที่ทำให้คุณมีความสุขที่สุด |
Can’t hear, can’t speak, can’t see. | ไม่ได้ยิน ไม่พูด ไม่เห็น |
Be heroes of your own stories | จงเป็นฮีโร่ของเรื่องราวของคุณเอง |
Work hard then work harder. | ทำงานหนักและทำงานหนักขึ้น |
When day dreams become reality. | เมื่อความฝันกลายเป็นความจริง |
Say yes, take risks, and live life on your own terms. | จงพูดคําว่า “ใช่” กล้าเสี่ยงและใช้ชีวิตตามเงื่อนไขของคุณ |
The impossible is now possible. | สิ่งที่เป็นไปไม่ได้ในตอนนี้ก็กลายเป็นสิ่งที่เป็นไปได้แล้ว |
Perseverance pays… a lot! | ความเพียรนำมาซึ่งรางวัลอันยิ่งใหญ่ |
It wasn’t always easy but it’s worth it. | มันไม่ง่ายหรอก แต่มันคุ้มค่า |
You experience things that I don’t believe. | คุณได้ประสบกับสิ่งที่ฉันไม่เคยเชื่อเลย |
Keep your heels, head & standards high. | ผู้หญิงถ้าคิดจะใส่ส้นสูงเพื่อให้ตัวเองดูดี สแตนดาร์ดเราก็ต้องสูงไปตามนั้นด้วย |
A girl should be like a butterfly. Pretty to see, hard to catch. | ผู้หญิงควรจะเป็นเหมือนผีเสื้อ ดูสวยงามแต่จับยาก |
Sometimes you gotta be a beauty and a beast! | บางครั้งคุณต้องเป็นทั้งโฉมงามและอสูร |
Always classy, never trashy, and a little bit sassy. | มีระดับอยู่เสมอ ไม่ทําตัวไร้ค่า และร้ายให้มากขึ้นอีกสักหน่อย |
Maybe she’s born with it, maybe it’s an Instagram filter. | เธออาจเกิดมาสวยหรืออาจเป็นฟิลเตอร์ของอินสตาแกรมก็ได้ |
Real queens fix each other’s crowns. | ราชินีตัวจริงจะคอยกำหนดมงกุฎให้กันและกัน |
People will stare. Make it worth their while. | ทุกคนจะจ้องมองแต่คุณไม่เสียเวลาเปล่าหรอก |
I’m not high maintenance, you’re just low effort. | ฉันไม่ใช่คนที่เอาแต่ใจแต่คุณพยายามน้อยไป |
Your opinion will never cut me a check. | ความคิดเห็นของคุณไม่มีค่าอะไรเลย |
Underestimate me. | อย่าประเมินค่าฉันต่ำไป |
I don’t need your approval, I got mine. | ฉันไม่ต้องการการอนุมัติจากคุณ ฉันได้อนุมัติตัวเองแล้ว |
I don’t have an attitude problem, I just have a personality you can’t handle. | ฉันไม่มีปัญหาเรื่องทัศนคติ คุณแค่รับมือกับบุคลิกของฉันไม่ได้ |
I’m better than I’ve ever been, better than you’ve ever been. | ฉันดีขึ้นกว่าที่เคยเป็นมาและดีขึ้นกว่าที่คุณเคยเป็นมา |
I don’t care what people think of me. Mosquitos find me attractive! | ฉันไม่สนใจว่าคนอื่น ๆ จะคิดกับฉันยังไงเพราะอย่างน้อยพวกยุงก็ยังสนใจฉัน |
แคปชั่นไอจีเท่ๆ ตลก สั้น ๆ
แคปชั่นไอจีเท่ๆ ตลก สั้น ๆ | ความหมาย |
Don’t do your best today, because tomorrow there is nothing to do. | อย่าทำวันนี้ให้ดีที่สุด เพราะพรุ่งนี้จะไม่มีอะไรทำ |
I’m not lazy. I’m just naturally a very relaxed person. | ฉันไม่ได้ขี้เกียจ ฉันแค่เป็นคนสบาย ๆ คนหนึ่ง |
I’m not fat, I’m just easier to see. | ฉันไม่ได้อ้วนหรอกนะ แค่เป็นคนมองเห็นง่ายเท่านั้นแหละ |
When nothing goes right, go left. | ถ้าไม่มีอะไรไปทางขวา ก็ไปทางซ้ายสิ |
Life is short. Smile while you still have teeth. | ชีวิตสั้น รีบยิ้มก่อนที่ฟันจะหมดปาก |
I am not lazy, I am just on energy mode. | ฉันไม่ได้ขี้เกียจ ฉันแค่อยู่ในโหมดประหยัดพลังงาน |
Friends don’t let you do crazy things…alone. | เพื่อนแท้จะไม่ปล่อยให้คุณทําเรื่องโง่ ๆ คนเดียว |
I won’t cry for you. My mascara’s too expensive. | ฉันจะไม่ร้องไห้ให้กับเธอหรอกนะ เพราะมาสคาร่าฉันมันแพงมาก |
Why fall in love when you can fall asleep? | จะตกหลุมรักไปทําไมในเมื่อนอนหลับก็ได้ |
With a great girlfriend comes great expenses. | การมีแฟนที่ดีก็ต้องมีค่าใช้จ่ายมากตามไปด้วย |
I’m a smart person, I just do stupid things. | ฉันเป็นคนฉลาดนะ แค่ฉันทําเรื่องโง่ ๆ เอง |
I had fun once, it was horrible. | ฉันเคยสนุกครั้งหนึ่ง แต่มันแย่มากเลย |
Reality called, so I hung up. | โลกแห่งความจริงโทรมา ดีนะฉันวางสายทัน |
Honesty is the key to a relationship. If you can fake that, you’re in. | ความซื่อสัตย์เป็นกุญแจสำคัญของความสัมพันธ์ ถ้าคุณสามารถแสร้งทำเป็นว่าซื่อสัตย์ได้ คุณก็อยู่ในความสัมพันธ์นั้นแล้ว |
Sure, I do marathons. On Netflix. | ฉันก็วิ่งมาราธอนนะ แต่คือวิ่งบน Netflix |
Got a new phone today, my old phone failed the swimming test. | วันนี้ได้โทรศัพท์ใหม่ โทรศัพท์เครื่องเก่าของฉันผ่านการทดสอบการว่ายน้ำไม่ได้ |
I don’t know what’s tighter, our jeans or our friendship. | ฉันไม่รู้ว่าอะไรแน่นกว่ากัน กางเกงยีนส์ของคุณหรือมิตรภาพของเรา |
The best way to look younger, hang out with older people. | วิธีที่ดีที่สุดที่จะดูอ่อนเยาว์คือการออกไปเที่ยวกับคนที่อายุมากกว่า |
I followed a diet but it didn’t follow me back, so I unfollowed it. | ฉันทำตามแผนการลดน้ำหนัก แต่แผนการลดน้ำหนักไม่เป็นไปตามฉัน ฉันจึงเลิกทำตามมัน |
I’m not funny, I am just mean and people think I’m funny! | ที่จริงฉันไม่ใช่คนตลกเลยนะ ฉันก็เป็นคนใจร้าย แต่คนอื่น ๆ คิดว่าฉันตลก |
I stopped fighting my inner demons. We’re on the same side now. | ฉันหยุดต่อสู้กับปีศาจในตัวฉันแล้ว ตอนนี้เราอยู่ฝ่ายเดียวกันแล้ว |
This life is hard, but it’s harder if you’re stupid. | ชีวิตนี้มันยาก แต่จะยากกว่าถ้าคุณโง่ |
On Mercury, a day lasts 1,408 hours. Just like Monday does on Earth. | บนดาวพุธ หนึ่งวันมีระยะเวลา 1,408 ชั่วโมง เช่นเดียวกับวันจันทร์บนโลก |
The more you weigh, the harder you are to kidnap. Stay safe, eat cake. | ยิ่งคุณมีน้ำหนักมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งยากที่จะลักพาตัวคุณได้ยากขึ้นเท่านั้น อยากอยู่อย่างปลอดภัย ให้กินเค้กซะ |
An apple a day keeps anyone away if you throw it hard enough. | แอปเปิ้ลวันละผลช่วยให้ห่างไกลจากหมอ |
Life doesn’t have any hands, but it can surely slap you sometimes. | ชีวิตไม่มีมือแต่บางทีก็ตบคุณได้แน่นอน |
You laugh. I laugh. You cry. I cry. You jump off a tall cliff. I yell, “Do a flip!” | ถ้าคุณหัวเราะ ฉันก็หัวเราะด้วย ถ้าคุณร้องไห้ ฉันก็ร้องไห้ด้วย ถ้าคุณกระโดดจากหน้าผาสูง ฉันจะตะโกนไปบอกว่า “ตีลังกาด้วย” |
I think something’s missing in my life. Like 2-3 million dollars. | ฉันว่ามีอะไรบางอย่างในชีวิตฉันที่หายไป น่าจะเป็นเงินประมาณ 2-3 ล้านดอลลาร์นะ |
Can we just skip to the part of my life where I travel the world? | ฉันขอข้ามไปช่วงเวลาของชีวิตที่ฉันได้ท่องเที่ยวไปทั่วโลกเลยได้ไหม |
แคปชั่นลงไอจี ภาษาอังกฤษสั้นๆ เศร้า
แคปชั่นลงไอจี ภาษาอังกฤษสั้นๆ เศร้า | ความหมาย |
Not Happy Not Sad… Just Empty. | ตอนนี้ไม่ได้สุข ไม่ได้เศร้า แต่แค่มันว่างเปล่า |
Whatever begins also ends. | อะไรก็ตาม ที่มีจุดเริ่มต้น ย่อมมีจุดจบ |
Let it be a Memory. | ปล่อยให้มันเป็นความทรงจํา |
Being alone is not bad. | การอยู่คนเดียวก็ไม่ได้แย่อะไรนะ |
When trust is broken, Sorry means nothing. | ตอนที่ความเชื่อใจถูกทำลาย คำขอโทษก็ไม่มีความหมายอะไร |
You are my favorite song that I don’t wanna listen to anymore. | เธอเป็นเพลงโปรดที่ฉันจะไม่ฟังซ้ำอีกแล้ว |
Be yourself, there’s no one better. | แค่เป็นตัวของตัวเอง ที่ไม่มีใครดีกว่า |
I didn’t walk away, You let me go. | ฉันไม่ได้เดินออกมา เธอต่างหากที่ปล่อยฉันไป |
Love is hard to find, hard to keep and hard to forget. | ความรักหายาก รักษาไว้ยาก และลืมยากอีกด้วย |
We tend to fall in love with mean people. | เรามักจะตกหลุมรักคนใจร้าย |
No reason to stay is a good reason to go. | ไม่มีเหตุผลที่จะอยู่ นั่นแหละคือเหตุผลดี ๆ ที่จะไป |
Maybe far, But never gone. | ถึงจะอยู่ไกลแต่จะไม่หายไปแน่นอน |
Everyone except Me. | ทุกคนยกเว้นฉัน |
To heal a wound, you need to stop touching it. | เพื่อที่จะรักษาแผลให้หายดี คุณก็ควรจะหยุดแตะต้องมัน |
Maybe I was designed to be alone. | บางทีฉันอาจถูกออกแบบมาเพื่อให้อยู่คนเดียว |
Mistakes are sometimes the best memories. | บางครั้งความผิดพลาดก็อาจเป็นความทรงจำที่ดีที่สุดในชีวิต |
Maybe our love for each other just isn’t equal. | ความรักของเราสองคนอาจไม่เท่ากัน |
To hope is to risk pain. | การตั้งความหวัง คือการเสี่ยงกับความเจ็บปวด |
The pain of yesterday is the strength of today. | ความเจ็บปวดของเมื่อวาน จะกลายเป็นความเข้มแข็งในวันนี้ |
All we can do is move on and stop wasting time. | สิ่งเดียวที่พวกเราทำได้ก็คือการก้าวไปข้างหน้าและหยุดเสียเวลา |
Memories hurt. | ความทรงจําทําให้เราเจ็บ |
The time to turn the page and close the book. | ก้าวไปข้างหน้าและปิดหนังสือเล่มนั้นลง |
Stop thinking about him, because he’s not thinking about you. | หยุดคิดถึงเขาสิ เพราะเขาไม่ได้คิดถึงคุณหรอก |
I hate myself for still waiting for you. | ฉันเกลียดตัวเองที่ยังรอเธออยู่ |
Maybe I don’t cry but it hurts. | ฉันอาจจะไม่ได้ร้องแต่ฉันก็ยังเจ็บ |
Tell me if you don’t love me. | บอกฉันทีถ้าคุณไม่รักฉัน |
And in the end, all I learned was how to be strong alone. | ท้ายที่สุด สิ่งที่ฉันได้เรียนรู้ คือการเข้มแข็งด้วยตนเอง |
Stupid me thinking I was good enough. | ฉันนี่โง่จริง ๆ ที่คิดว่าฉันดีพอ |
Every smile has a mystery behind. | ทุก ๆ รอยยิ้ม มักมีเบื้องหลังซ่อนอยู่ |
If you leave without a reason, do not come back with an excuse. | ถ้าจากไปแบบไม่ลา ก็ไม่ต้องกลับมาเพื่อขอโทษ |
I could always make you smile. I just couldn’t make you stay. | ฉันทำให้เธอยิ้มได้ แต่ทำให้เธออยู่ตรงนี้กับฉันไม่ได้ |
The only person who can make me smile, made me cry. | คนเดียวที่ทำให้ฉันยิ้มได้ เป็นคนเดียวกับที่ทำให้ฉันร้องไห้ |
It’s sad when the people who gave you the best memories, become a memory. | มันเป็นเรื่องน่าเศร้า เมื่อคนที่เคยมอบความทรงจำที่แสนดีที่สุดให้แก่คุณ กลายเป็นแค่ความทรงจำ |
My heart is full of pain, and you are my pain. | หัวใจของฉันเต็มไปด้วยความเจ็บปวด และคุณคือความเจ็บปวดของฉัน |
I don’t know why they call it heartbreak. It feels like every other part of my body is broken too. | ฉันไม่รู้ว่าทำไมมันถึงเรียกแค่ว่าอกหัก ทั้ง ๆ ที่ฉันรู้สึกว่าทุกชิ้นส่วนในร่างกายของฉันมันพังไปหมด |
Silence is the loudest cry. | ความเงียบคือเสียงร้องไห้ที่ดังที่สุด |
The busy have no time for tears. | ยุ่งจนไม่มีเวลาจะร้องไห้ |
Sometimes, forgetting is the only way to liberate yourself from obsessiveness. And sometimes silence is the best answer for a deceased love. | บางทีการลืมเป็นวิธีเดียวที่จะปลดปล่อยตัวเองจากความหมกมุ่นได้และบางครั้งความเงียบก็เป็นคำตอบที่ดีที่สุดสำหรับความรักที่ตายไปแล้ว |
One of the hardest things in life is watching the person you love, love someone else. | สิ่งที่ยากที่สุดอย่างหนึ่งในชีวิตคือการมองคนที่คุณรักรักคนอื่น |
Don’t waste your time on a man/woman, who isn’t willing to waste their time on you. | อย่าเสียเวลากับคนที่ไม่เต็มใจที่จะใช้เวลากับคุณ |
When someone hurts you, you learn to be stronger. When someone leaves you, you learn to be more independent. | เมื่อมีคนทำให้คุณเจ็บปวด คุณจะเรียนรู้ที่จะเข้มแข็งขึ้น เมื่อมีคนทิ้งคุณไป คุณจะเรียนรู้ที่จะเป็นอิสระมากขึ้น |
The most painful part is not hearing someone say farewell. The most painful part is farewell without hearing someone say a word. Silence is the goodbye that hurts us the most. | สิ่งที่เจ็บปวดที่สุดไม่ใช่การไม่ได้ยินคําบอกลา แต่สิ่งที่เจ็บปวดที่สุดก็คือการบอกลาโดยไม่มีใครพูดสักคำ ความเงียบคือการบอกลาที่ทำให้เราเจ็บปวดที่สุด |
Love is like heaven, but it can hurt like hell. | ความรักก็เหมือนกับสวรรค์ แต่ก็สามารถเจ็บปวดเหมือนกับนรกได้ |
I dropped a tear in the ocean and when someone finds it I’ll stop loving you. | ฉันหลั่งน้ำตาลงในมหาสมุทร และเมื่อมีใครพบมัน ฉันจะหยุดรักเธอ |
I’d give up my life if I could command one smile of your eyes, one touch of your hand. | ฉันจะมอบทั้งชีวิตให้เธอ เพื่อได้เห็นเธอยิ้ม ได้จับมือเธอ |
In the lover’s sky, all stars are eclipsed by the eyes of the one you love. | ท้องฟ้าในสายตาคู่รักนั้น ดวงดาวทุกดวงถูกบดบังไปด้วยดวงตาของคนที่รัก |
When love is over, their relationship comes to a deadlock. Not be friends, not be enemies, not be strangers. | เมื่อความรักสิ้นสุดลง ความสัมพันธ์ก็เดินมาถึงทางตัน ไม่ใช่เพื่อนกัน ไม่ใช่ศัตรูกัน และก็ไม่ใช่คนแปลกหน้า |
The worst way to miss someone is to be sitting right beside them knowing you can’t have them. | คุณคิดถึงใครสักคนมากที่สุดเมื่อคุณนั่งข้างๆ คนคนนั้นและรู้ว่าเขาไม่เคยเป็นของคุณ |
Love is not a game, because when the opponent gives up, you are not a winner. | ความรักไม่ใช่เกม เพราะเมื่อฝ่ายตรงข้ามยอมแพ้ คุณก็ไม่ใช่ผู้ชนะ |
If you leave me when I fail, don’t catch me when I succeed. | ถ้าเธอจากฉันไปในตอนที่ฉันล้มเหลว ก็ไม่ต้องกลับมาหาฉันในวันที่ฉันประสบความสำเร็จ |
Sadness is always the legacy of the past; regrets are pains of the memory. | ความโศกเศร้ามักจะเป็นมรดกจากอดีต ส่วนความเสียใจเป็นความเจ็บปวดของความทรงจำ |
Life hurts a lot more than death! | ชีวิตเจ็บยิ่งกว่าความตาย |
For some moments in life there are no words, just tears. | บางช่วงในชีวิตไม่มีคำพูดใดจะบรรยายได้ นอกจากน้ำตา |
If I’m to choose; I’ll never cry because it’s over, I’ll smile because it happened. | ถ้าฉันต้องเลือก ฉันจะไม่ร้องไห้เพราะมันจบลงแล้ว ฉันจะยิ้มเพราะมันได้เกิดขึ้น |
The hardest part in life is trying to show the smile you know is fake and to hide the tears that won’t stop. | สิ่งที่ยากที่สุดในชีวิตคือการพยายามยิ้มทั้ง ๆ ที่คุณรู้ว่ารอยยิ้มนั้นเป็นของปลอมและคุณกําลังซ่อนน้ำตาที่ไม่หยุดไหล |
Sorrow is knowledge, those that know the most must mourn the deepest. | ความโศกเศร้าคือความรู้ ผู้ที่รู้มากที่สุดจะต้องโศกเศร้าที่สุด |
แคปชั่นลงไอจีภาษาอังกฤษสั้น ๆ สร้างแรงจูงใจ
แคปชั่นลงไอจีภาษาอังกฤษสั้น ๆ สร้างแรงจูงใจ | ความหมาย |
Choose happiness. | จงเลือกความสุข |
Look for the good. | จงมองหาสิ่งดี ๆ |
Today is a good day. | วันนี้เป็นวันที่ดี |
Stay positive. | คิดบวกเข้าไว้ |
Positive mind. Positive vibes. | จงมองโลกในแง่ดี |
See the good in all things. | จงเห็นความดีในทุกสิ่ง |
Positive energy only. | พลังบวกเท่านั้น |
It is good everyday. | ทุกวันเป็นวันที่ดี |
Good vibes club. | สโมสรอารมณ์ดี |
Good things ahead. | สิ่งดี ๆ กำลังรออยู่ |
Every day is a new beginning. | ทุกวันคือการเริ่มต้นใหม่ |
Embrace the journey. | โอบรับการเดินทาง |
Keep shining. | จงเฉิดฉายต่อไป |
Shine bright like a diamond. | ส่องสว่างประดุจเพรช |
You are amazing. | คุณยอดเยี่ยมมาก |
Live in the moment. | อยู่กับปัจจุบัน |
Believe in yourself. | เชื่อมั่นในตัวเอง |
Enjoy the little things. | เพลิดเพลินไปกับสิ่งเล็ก ๆ น้อย ๆ |
You got this. | คุณทําได้ |
Make today amazing. | ทำวันนี้ให้เป็นวันที่ยอดเยี่ยม |
Spread kindness. | กระจายความเมตตา |
Happiness is a choice. | ความสุขคือตัวเลือก |
Be your own sunshine. | จงเป็นแสงแดดของตัวเอง |
Celebrate every victory. | จงฉลองทุกชัยชนะ |
Dream big. | ฝันยิ่งใหญ่ |
Stay humble and kind. | จงมีความถ่อมตัวและใจดี |
Believe in the magic of new beginnings. | เชื่อมั่นในความมหัศจรรย์ของการเริ่มต้นใหม่ |
Smile often. | ยิ้มบ่อย ๆ |
Take it one step at a time. | ก้าวไปทีละชั้น |
Find joy in the journey. | มองหาความสุขในการเดินทาง |
Keep moving forward. | เคลื่อนไปข้างหน้าเรื่อย ๆ |
I will succeed in life, not immediately but definitely. | ฉันจะชนะแน่ ๆ แต่ไม่ใช่ตอนนี้ |
Set your goals high and do not stop till you get there. | จงตั้งเป้าหมายให้สูงและอย่าหยุดจนกว่าจะถึงเป้าหมาย |
Only I can change my life, no one can do it for me. | มีเพียงฉันเท่านั้นที่เปลี่ยนชีวิตของฉันได้ ไม่มีใครสามารถทำแทนฉันได้ |
Do or die… There is no try. | มีแต่ทําหรือไม่ทํา ไม่มีคําว่าลอง |
If your dreams don’t scare you, they are not big enough. | ถ้าฝันของคุณไม่ได้ทำให้คุณกล้วได้ ฝันเหล่านั้นไม่ได้ยิ่งใหญ่พอสำหรับคุณ |
Believe you can and you’re halfway there. | แค่เชื่อว่าคุณทำได้และนั่นก็เหมือนคุณมาครึ่งทางแล้ว |
>>> Read more:
- รวบรวมประโยคฮีลใจภาษาอังกฤษในทุกสถานการณ์ (มีคำแปล)
- 100+ คําให้กําลังใจภาษาอังกฤษสั้นๆ ช่วยให้คุณรู้สึกมองโลกในแง่ดีมากขึ้น
แคปชั่นลงไอจีภาษาอังกฤษสั้น ๆ สายจีบ
แคปชั่นลงไอจีภาษาอังกฤษสั้น ๆ สายจีบ | ความหมาย |
Do you know what’d look good on you? Me. | รู้ไหมว่าอะไรที่ทำให้คุณดูดี ก็ฉันไงล่ะ |
I’m a math teacher. One plus two equals me and you. | ฉันเป็นครูสอนคณิตศาสตร์ หนึ่งบวกสองเท่ากับฉันและคุณ |
Kissing burns a ton of calories. Wanna workout? | การจูบช่วยเผาคลาสแคลอรี่ได้เยอะเลยนะ อยากลองออกกำลังกายแบบนี้ดูไหม |
You stole my heart so I’m gonna steal your surname. | คุณขโมยหัวใจของฉัน ดังนั้นฉันจะขโมยนามสกุลของคุณละกัน |
You make me nervous in a good way. | คุณทำให้ฉันรู้สึกกังวลในทางที่ดี |
I Need Vitamin U For a Broken heart. | ฉันอยากได้วิตามิน “ยู” (คุณ) มาช่วยรักษาอาการอกหักแหละ |
If your heart was in a prison, I would like to be sentenced to life. | ถ้าหัวใจของคุณเหมือนห้องขัง ฉันก็อยากถูกจองจำไปตลอดชีวิต |
Let’s flip a coin. Heads, you’re mine. Tails, I’m yours. | มาโยนเหรียญกัน ถ้าออกหัวคุณเป็นของฉัน แต่ถ้าออกก้อยฉันเป็นของคุณนะ |
I love you not because of who you are, but because of who I am when I am with you. | ฉันรักคุณไม่ใช่เพราะว่าคุณเป็นใคร แต่เพราะฉันจะเป็นใครเมื่ออยู่กับคุณ |
I looked at your face… my heart jumped all over the place. | พอได้มองหน้าคุณ หัวใจของฉันก็เต้นไม่เป็นจังหวะ |
My heart calls out for you. | หัวใจของฉันนั้นเรียกหาคุณ |
If loving you is like breathing. I just can’t stop, you know that honey. | ถ้าการรักคุณเปรียบเสมือนการหายใจ งั้นเธอก็รู้ว่าฉันหยุดไม่ได้จริง ๆ ที่รัก |
There are many ways to be happy, but the fastest way is seeing you. | มีหลายวิธีที่จะทำให้มีความสุข แต่วิธีที่เร็วที่สุดคือการได้พบคุณ |
Could you smile? I forgot to put sugar in my cafe. | คุณยิ้มหน่อยได้ไหม ฉันลืมใส่น้ำตาลในกาแฟแล้ว |
If kisses were snowflakes, I’d send you a blizzard. | ถ้าการจูบเหมือนละอองหิมะ ฉันคงส่งพายุหิมะไปถล่มใจคุณ |
Your cute smile is all I need to battle all struggles in my life. | รอยยิ้มน่ารัก ๆ ของคุณคือสิ่งเดียวที่ฉันต้องการในการต่อสู้กับอุปสรรคต่าง ๆ ในชีวิต |
Send me a picture, so I can send Santa my wish list. | ส่งรูปมาให้ฉันหน่อย เพื่อที่ฉันจะได้ส่งรายการความปรารถนาของฉันให้ซานต้าได้ |
I love you without knowing how, why or even from where. | ฉันรักคุณโดยไม่รู้ว่ารักอย่างไร ทำไมหรือแม้แต่รักจากที่ไหน |
I’m just a breeze. But my love for you is far stronger than a big storm! | ฉันเป็นแค่สายลมที่อ่อนโยน แต่ความรักที่ฉันมีต่อเธอนั้นแข็งแกร่งยิ่งกว่าพายุ |
My mom told me that life is like a deck of cards, so you must be the queen of hearts. | แม่บอกฉันว่าชีวิตก็เหมือนกับสำรับไพ่ งั้นคุณก็ต้องเป็นราชินีของหัวใจ |
Even if there wasn’t any gravity on earth, I would still fall for you! | แม้ว่าบนโลกจะไม่มีแรงโน้มถ่วง ฉันก็ยังตกหลุมรักคุณ |
>>> Read more: 100+ ประโยคจีบในภาษาอังกฤษที่จะทําให้คนที่คุณชอบตกหลุมรัก
แคปชั่นไอจีอังกฤษสั้นๆ เกี่ยวกับความรัก
แคปชั่นไอจีอังกฤษสั้นๆ เกี่ยวกับความรัก | ความหมาย |
By the way, I’m wearing the smile you gave me. | ฉันกำลังยิ้มเพราะคุณอยู่ |
Trust me, you are the best thing that ever happened to me. | เชื่อฉันเถอะ คุณเป็นสิ่งที่ดีที่สุดที่เคยเกิดขึ้นกับฉัน |
And it’s all fun and games until somebody falls in love. | มันก็คงเป็นแค่เรื่องขำ ๆ ไม่จริงจัง จนกระทั่งมีคนเริ่มรู้สึกขึ้นมาจริง ๆ |
I don’t tell you I love you out of habit but as a reminder of how much you mean to me. | ฉันไม่ได้บอกว่าฉันรักคุณเพราะเป็นนิสัย แต่เพื่อเตือนใจว่าคุณมีความหมายต่อฉันมากแค่ไหน |
Life is better when you’re laughing. You’re the king, baby I’m your queen. | ชีวิตมันดีขึ้นเมื่อคุณหัวเราะ คุณคือพระราชานะที่รัก ส่วนฉันจะเป็นราชินีให้คุณเอง |
True love is like a pair of socks you gotta have two and they’ve gotta match. | รักแท้ก็เหมือนถุงเท้าคู่หนึ่ง ที่คุณต้องมีสองข้างและสองข้างนั้นมันต้องเข้าคู่กัน |
Falling in love is only half of what I want. Staying in Love with you forever is the other. | ตกหลุมรักเป็นเพียงครึ่งหนึ่งที่ฉันต้องการ การรักคุณตลอดไปนั้นจะเป็นอีกครึ่งที่เหลือ |
I will always love you, no matter what happens. | ฉันจะรักคุณเสมอ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็ตาม |
Your hand fits in mine like it’s made just for me. | มือของคุณมันช่างพอดีกับมือของฉัน เหมือนมันสร้างขึ้นมาเพื่อฉันโดยเฉพาะ |
In all the world, there is no heart for me like yours. In all the world, there is no love for you like mine. | ในโลกใบนี้ ไม่มีหัวใจดวงใดเหมาะกับฉันเท่ากับของคุณ ในโลกใบนี้ ไม่มีความรักใดเหมาะสำหรับคุณเท่ากับความรักของฉัน |
I still fall for you every day. | ฉันยังคงตกหลุมรักคุณอยู่ทุก ๆ วัน |
You are the reason I still believe in love. | คุณคือเหตุผลที่ฉันยังคงเชื่อมั่นในความรัก |
I’d choose you again and again. | ให้เลือกกี่ครั้ง ฉันก็ยังเลือกคุณครั้งแล้วครั้งเล่า |
Loving you is my dream come true. | การได้รักคุณคือความฝันของฉันที่กลายเป็นความจริง |
I hate the idea of anyone else having you. | ฉันเกลียดความคิดที่ใครคนอื่นได้คุณไปครอบครอง |
You are the one that makes me whole. | คุณเป็นคนที่มาเติมเต็มชีวิตของฉันให้สมบูรณ์ |
I know I am in love with you because my reality is finally better than my dreams. | ฉันรู้ว่าฉันกำลังรักคุณเพราะในที่สุดความเป็นจริงของฉันมันก็ดีกว่าฝันเสียอีก |
Where there is love there is life. | ที่ใดมีความรัก ที่นั่นมีชีวิต |
One love, one heart, one destiny. | ความรักหนึ่งเดียว หัวใจหนึ่งเดียว และพรหมลิขิตเดียวกัน |
You stole a piece of my heart. | คุณได้ขโมยเศษเสี้ยวหนึ่งของหัวใจฉันไป |
I need you like a heart needs a beat. | ฉันต้องการคุณเหมือนกับที่หัวใจต้องการจังหวะ |
My heart is perfect because you are inside. | หัวใจของฉันมันสมบูรณ์แบบได้เพราะมีคุณอยู่ข้างในนั้น |
When love is not madness, it is not love. | หากความรักไม่ใช่ความคลั่งไคล้ มันก็ไม่ใช่ความรัก |
My day starts and ends with the thoughts of you. | ตื่นมาก็คิดถึงคุณ จะนอนก็คิดถึงคุณ |
You are my cup of coffee, the one I look forward to each morning. | คุณก็เหมือนกับกาแฟ ที่ฉันต้องมองหาในทุกๆเช้า |
A glance and a smile are enough to turn my day perfect. | สายตาที่คุณมองมาและรอยยิ้มที่คุณมอบให้ก็เพียงพอทำให้ฉันมีความสุขไปทั้งวัน |
All along, I wonder how I managed to go through my past without you in my life. | ตลอดเวลาที่ผ่านมา ฉันได้แต่สงสัยว่าฉันข้ามพ้นอดีตของฉันตอนที่ไม่มีคุณได้อย่างไร |
Your words, glances, and touches make my heart smile. | คำพูดของคุณ สายตาที่มองมาและสัมผัสจากคุณทำให้หัวใจของฉันยิ้มได้ |
Everywhere I look I am reminded of your love. You are my world. | มองไปทางไหนก็พลันให้นึกถึงความรักของคุณ คุณคือโลกทั้งใบของฉัน |
Two things you will never have to chase: True friends & true love. | สองสิ่งที่คุณไม่มีวันต้องไล่ตามเลย คือเพื่อนแท้และรักแท้ |
Loved you yesterday, love you still, always have, and always will. | เมื่อวานฉันรักคุณ วันนี้ก็ยังคงรักอยู่ จะมีความรักให้อยู่เสมอ และจะรักตลอดไป |
Love is a game that two can play and both win. | ความรักเป็นเกมที่เล่นสองคนได้ และก็สามารถชนะไปด้วยกันได้ |
There can never be a reason why I love you, I know I just do. | ไม่มีเหตุผลอะไรมาอธิบายได้ว่าฉันรักคุณเพราะอะไร เพราะฉันรู้แค่ว่าฉันรักคุณ |
Together with you is my favorite place to be. | ทุกที่ที่ได้อยู่ด้วยกันคือสถานที่โปรดของฉัน |
I love you, not for what you are, but for what I am when I am with you. | ฉันรักคุณ ไม่ใช่ในสิ่งที่คุณเป็น แต่เพราะคุณทำให้ฉันเป็นฉันเมื่ออยู่กับคุณ |
The heart that loves, stays always young. | หัวใจที่มีความรัก คือหัวใจที่ยังคงความเป็นเด็กอยู่เสมอ |
The sun is up, the sky is blue, today is beautiful and so are you. | พระอาทิตย์ขึ้น ท้องฟ้าเป็นสีฟ้า วันนี้เป็นวันที่สวยงามและคุณก็สวยงามเช่นกัน |
The spaces between my fingers are right where yours fit perfectly. | ช่องว่างระหว่างนิ้วมือของฉันมันพอดีกับนิ้วมือของคุณพอดิบพอดี |
Every love story is beautiful, but ours is my favorite. | ทุกเรื่องราวของความรักมันช่างสวยงาม แต่เรื่องของเราคือเรื่องที่ฉันโปรดปรานมากที่สุด |
You are every reason, every hope, and every dream I’ve ever had. | คุณเป็นทุกเหตุผล ทุกความหวังและทุกความฝันที่ฉันเคยมี |
There is only one happiness in life – to love and to be loved. | ความสุขเพียงหนึ่งเดียวในชีวิต คือ การที่ได้รักและถูกรัก |
It was love at first sight, at last sight, at ever and ever sight. | มันคือรักตั้งแต่แรกเห็น รักจวบจนวันสุดท้ายที่ได้เห็น และรักในทุกๆ ครั้งที่เห็นตลอดไป |
I will give up the whole world just to be with you. | ฉันยอมสละโลกทั้งใบเพียงเพื่อให้ได้อยู่กับคุณ |
Yes, I am selfish because I will never share you with anyone. | ใช่แล้ว ฉันเป็นคนเห็นแก่ตัว เพราะฉันไม่มีวันจะแบ่งคุณให้กับใคร |
You are the risk I’ll always take. | คุณคือความเสี่ยง ที่ฉันพร้อมจะเสี่ยงด้วยเสมอ |
If life is a movie, You are probably the best part of that story. | ถ้าชีวิตเปรียบเสมือนหนัง คุณคือตอนที่ดีที่สุดของเรื่อง |
The only thing I am never satisfied with is Love. | เรื่องเดียวที่ฉันไม่เคยสมหวังเลยคือความรัก |
I like the moon, But I can’t reach it like you.. I can only see. | ฉันชอบพระจันทร์เเต่ไม่สามารถเอื้อมถึงมัน เหมือนกับคุณ ที่ฉันทำได้เเค่มอง |
So many of my smiles begin with you. | รอยยิ้มส่วนใหญ่ของฉันเกิดขึ้นเพราะคุณ |
When I’m with you I feel like I’m at home. | เมื่อฉันอยู่กับคุณ ฉันรู้สึกเหมือนอยู่บ้าน |
I’m much more me when I’m with you. | ฉันเป็นตัวของฉันเองมากขึ้น เมื่ออยู่กับคุณ |
I want you permanently, not temporarily. | ฉันอยากมีคุณตลอดไป ไม่ใช่แค่ชั่วคราว |
My first name and your last name would sound great together! | ชื่อของฉันกับนามสกุลของคุณก็ดูเข้ากันดีนะ |
Let’s flip a coin. Heads, you are mine. Tails, I am yours. | มาโยนเหรียญกัน ถ้าออกหัวคุณเป็นของฉัน แต่ถ้าออกก้อยฉันเป็นของคุณนะ |
Are you a camera? Because every time I look at you, I smile. | คุณเป็นคนหรือเป็นกล้องถ่ายรูปกันแน่ ทำไมมองคุณทีไรฉันยิ้มทุกทีเลย |
I miss you, I’m busy But I do. | คิดถึงนะ จริงๆก็ยุ่งอยู่นิดหน่อย แต่ก็ยังคิดถึงอยู่ดี |
You made me find a happy me. | คุณทำให้ฉันได้พบตัวเองที่มีความสุข |
Finding you was so hard, but loving you is easy. | การตามหาคุณมันช่างยากเย็น แต่การตกหลุมรักคุณมันช่างง่ายดาย |
In my heart I have love. In my love I always have you. | ในหัวใจมีความรัก ส่วนในความรักก็มีคุณเสมอ |
To the world, you may be one person, but to one person you are the world. | สำหรับโลกใบนี้ คุณอาจเป็นแค่คนธรรมดา แต่สำหรับบางคน คุณอาจเป็นทั้งโลกก็ได้ |
There are only two times that I want to be with you. Now and Forever. | มีเพียงแค่ 2 เวลาเท่านั้นที่ฉันจะอยากอยู่กับคุณ คือ ตอนนี้ และ ตลอดไป |
You may hold my hand for a while, but you hold my heart forever. | คุณอาจกุมมือฉันไว้เพียงไม่นาน แต่คุณจะกุมหัวใจฉันไว้ชั่วนิรันดร์ |
I don’t know what my future holds, but I’m hoping you are in it. | ฉันไม่รู้ว่าอนาคตจะเป็นเช่นไร แต่ที่รู้ คือฉันอยากให้คุณอยู่ในนั้น |
I can’t see anything I don’t like about you. | ฉันไม่เห็นว่ามีสิ่งใดที่ฉันไม่ชอบในตัวคุณเลย |
To me, you’re perfect. | สำหรับฉัน คุณสมบูรณ์แบบแล้ว |
You had me at hello. | ฉันตกหลุมรักคุณตั้งแต่เราได้เอ่ยทักทายกันครั้งแรก |
I wish I had done everything on earth with you. | ฉันหวังว่าฉันจะได้ทำทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกนี้กับคุณ |
You will never age for me, nor fade, nor die. | คุณจะไม่มีวันแก่ในสายตาของฉัน ไม่จางหายไป แต่เป็นอมตะ |
Hate has a reason for everything but love is unreasonable. | ความเกลียดชังมีเหตุผลเสมอ แต่ความรักไม่มีเหตุผล |
I bet not even all the fireworks in the world can light up my world like you do. | ฉันพนันได้เลยว่าดอกไม้ไฟทั้งหมดในโลกนี้ไม่สามารถทำให้โลกของฉันสว่างไสวได้เหมือนที่คุณทำ |
แคปชั่นไอจี มินิมอล ง่าย ๆ เกี่ยวกับชีวิต
แคปชั่นไอจี มินิมอล ง่าย ๆ เกี่ยวกับชีวิต | ความหมาย |
Live Simply, Laugh Often, Love Deeply. | จงใช้ชีวิตให้เรียบง่าย หัวเราะบ่อยๆ และรักอย่างลึกซึ้งที่สุด |
L.Y. First Love Yourself. | การเริ่มต้นที่ดี คือเริ่มต้นจากการรักตัวเองก่อน |
Be the best version of you. | จงเป็นตัวเองในแบบที่ดีที่สุด |
A goal is a dream with a deadline. | เป้าหมายคือความฝันที่มีกำหนดเวลา |
Let your past make you better, not bitter. | ให้อดีตทำให้คุณเป็นคนที่ดีกว่าเดิม ไม่ใช่ทุกข์ใจกว่าเดิม |
Find something that makes you happy, and do it. | จงค้นหาว่าอะไรทำให้คุณมีความสุข แล้วลงมือทำ |
The less you care, the happier you’ll be. | ยิ่งใส่ใจน้อยลงเท่าไหร่ ก็ยิ่งมีความสุขมากขึ้นเท่านั้น |
Dream Big, Work Hard, Stay Humble. | จงฝันให้ใหญ่ ลงมือทำให้สำเร็จ และอ่อนน้อมถ่อมตน |
Do what you like, like what you do. | ทำในสิ่งที่เรารัก รักในสิ่งที่เราทำ |
It’s just a bad day, Not a bad life. | นี่เป็นเพียงวันที่แย่ ไม่ใช่ชีวิตที่แย่ |
After all… life goes on. | ที่สุดแล้วชีวิตก็ต้องเดินต่อไป |
Good things take time. | สิ่งที่ดีก็คงต้องใช้เวลา |
The smallest change can make the biggest difference. | การเปลี่ยนแปลงเล็ก ๆ อาจนำมาซึ่งจุดเปลี่ยนครั้งยิ่งใหญ่ |
Don’t cry because it’s over, smile because it happened. | อย่าร้องไห้ที่ความรักได้สิ้นสุดลง แต่จงยิ้มที่มันเคยเกิดขึ้น |
It’s never too late to start again. | ไม่มีคำว่าสาย สำหรับการเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง |
Do, or do not. There is no “try”. | ทำ หรือ ไม่ทำ เท่านั้น ไม่มีการลอง |
Life is as good as your mindset. | ชีวิตจะดีอยู่ที่คุณคิดดี |
Life is changing. Growth is optional. Choose wisely. | ชีวิตคือการเปลี่ยนแปลง การเติบโตคือทางเลือก จงเลือกอย่างชาญฉลาด |
Things change. And friends leave. Life doesn’t stop for anybody. | สิ่งต่าง ๆ จะเปลี่ยนแปลงและเพื่อนก็ต้องจากไป ชีวิตไม่ได้หยุดนิ่งเพื่อใคร |
Nothing in life is to be feared; it is only to be understood. Now is the time to understand more so that we may fear less. | สิ่งที่ต้องทำความเข้าใจ ตอนนี้ก็เป็นเวลาที่ต้องเข้าใจให้มากขึ้น เพื่อที่เราจะได้กลัวน้อยลง |
Life is hard but not impossible. | ชีวิตมันยากลำบาก แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ |
Life’s too short to argue and fight. | ชีวิตสั้นเกินกว่าจะมานั่งเถียงกันว่าใครถูกใครผิด |
Don’t wait for the perfect moment, take the moment and make it perfect. | อย่ารอคอยช่วงเวลาที่สมบูรณ์แบบ จง คว้าช่วงเวลาและทำให้มันสมบูรณ์แบบ |
Every new day is a chance to change your life. | ทุกวันใหม่คือโอกาสที่จะเปลี่ยนแปลงชีวิตของคุณ |
Life is a journey, not a race. | ชีวิตคือการเดินทาง ไม่ใช่การแข่งขัน |
Smile and don’t worry, life is awesome. | ยิ้มและไม่ต้องกังวล ชีวิตช่างยอดเยี่ยม |
Our life is what we think it is. | ชีวิตของเราก็เป็นอย่างที่เราคิด |
Life always offers you a second chance, it’s called tomorrow. | ชีวิตนั้นได้มอบโอกาสครั้งที่สองให้กับคุณเสมอ ซึ่งเรียกว่าวันพรุ่งนี้ |
แคปชั่นลงไอจีภาษาอังกฤษสั้น ๆ เกี่ยวกับครอบครัว
แคปชั่นลงไอจีภาษาอังกฤษสั้น ๆ เกี่ยวกับครอบครัว | ความหมาย |
Families are like music, some high notes, some low notes, but always a beautiful song. | ครอบครัวก็เหมือนดนตรี มีเสียงสูง มีเสียงตํ่า แต่จะเป็นเพลงที่ไพเราะเสมอ |
If you have a place to go, it is a home. If you have someone to love, it is a family. If you have both, it is a blessing. | ถ้าคุณมีที่ไป นั่นก็คือบ้าน ถ้าคุณมีคนรัก นั่นก็คือครอบครัว ถ้าคุณมีทั้งสองอย่าง นั่นก็คือพร |
The family is one of nature’s masterpieces. | ครอบครัวคือผลงานชิ้นโบแดงที่ธรรมชาติสร้างสรรค์ขึ้น |
A man should never neglect his family for business. | ผู้ชายไม่ควรละเลยครอบครัวของเขาเพื่อธุรกิจ |
Without a family, man, alone in the world, trembles with the cold. | ถ้าไม่มีครอบครัว มนุษย์ก็อยู่ตัวคนเดียวในโลก ตัวสั่นเพราะความหนาวเหน็บ |
Home is where you are loved the most and act the worst. | บ้านคือที่ที่คุณเป็นที่รักที่สุดแต่กลับทำตัวแย่ที่สุด |
When you look at your life, the greatest happinesses are family happinesses. | เมื่อมองย้อนกลับไปในชีวิต คุณจะรู้ว่าความสุขที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคือความสุขในครอบครัว |
You are born into your family and your family is born into you. No returns. No exchanges. | คุณเกิดมาในครอบครัวของคุณ และครอบครัวของคุณก็เกิดมาในตัวคุณ ไม่มีการคืน ไม่มีการแลกเปลี่ยน |
Rejoice with your family in the beautiful land of life. | ชื่นชมยินดีกับครอบครัวของคุณในดินแดนแห่งชีวิตที่งดงาม |
A happy family is but an earlier heaven. | การที่มีครอบครัวที่มีความสุขก็เหมือนการได้อยู่บนสววรค์ก่อนใคร |
Family is where life begins and the love never ends. | ครอบครัวเป็นสถานที่ก่อเกิดชีวิตและมีความรักให้ไม่สิ้นสุด |
Families, like individuals, are unique. | ครอบครัวก็เปรีบยเสมือนบุคคลซึ่งมีความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว |
Dad is a son’s first hero. A daughter’s first love. | พ่อคือฮีโร่คนแรกของลูกชายและรักแรกของลูกสาว |
The greatest legacy we can leave our children is happy memories. | มรดกที่ดีที่สุดที่เราสามารถมอบให้ลูกหลานก็คือความทรงจําที่เต็มไปด้วยความสุข |
A home is not a mere transient shelter: its essence lies in the personalities of the people who live in it. | บ้านไม่ใช่เพียงที่พักพิงชั่วคราว แต่สาระสำคัญอยู่ที่บุคลิกภาพของคนที่อาศัยอยู่ที่นั่น |
Houses are built to live in and not to look on. | บ้านสร้างขึ้นเพื่ออยู่อาศัย ไม่ใช่เพื่อมองดู |
What can you do to promote world peace? Go home and love your family. | คุณสามารถทำอะไรเพื่อส่งเสริมสันติภาพโลกได้บ้าง? ลองกลับบ้านและรักครอบครัวของคุณนะ |
Family members are like branches on a tree, we all grow in different directions, yet our roots remain as one. | ครอบครัว ก็เหมือนกิ่งไม้ เราเติบโตในทิศทางที่แตกต่างกัน แต่รากของเรายังคงเป็นหนึ่งเดียว |
All happy families resemble one another, each unhappy family is unhappy in its own way. | ครอบครัวทั้งหมดที่มีความสุขมีลักษณะเหมือนกัน ; แต่ละครอบครัวที่ไม่มีความสุขต่างก็ไม่มีความสุขตามเส้นทางของตนเอง |
The power of finding beauty in the humblest things makes home happy and life lovely. | พลังแห่งการค้นหาความสวยงามในสิ่งที่ต่ำต้อยที่สุดทำให้บ้านมีความสุขและชีวิตน่ารัก |
O joy of the birds! It is because they have their nest that they have their song. | นกทั้งหลายช่างมีความสุข เพราะนกมีรังจึงร้องเพลงได้ |
>>> Read more:
- คำคมเกี่ยวกับครอบครัวในภาษาอังกฤษที่มีความหมายดี ๆ ตลก และน่ารักมากกว่า 150 คำ
- สรุป 3,000 คำศัพท์เกี่ยวกับหัวข้อ ครอบครัวภาษาอังกฤษ
แคปชั่นลงไอจีภาษาอังกฤษสั้น ๆ เกี่ยวกับเพื่อน
แคปชั่นลงไอจีภาษาอังกฤษสั้น ๆ เกี่ยวกับเพื่อน | ความหมาย |
Friends ‘till the end. | เพื่อนกันตลอดไป |
Always better together. | มีกันและกันดีกว่าเสมอ |
Your vibe attracts your tribe. | กฎแห่งแรงดึงดูดนั้นมีจริง ๆ |
No friendship is an accident. | ไม่มีมิตรภาพใด ๆ เป็นเรื่องบังเอิญ |
A sweet friendship refreshes the soul. | มิตรภาพอันแสนหวานช่วยให้ชื่นใจ |
Besties for the resties. | เพื่อนที่ดีที่สุดสำหรับชีวิตที่เหลืออยู่ |
Non-biological sibs. | พี่น้องนอกสายเลือด |
Life is better with friends. | ชีวิตจะดีขึ้นเมื่อมีเพื่อน |
Part of my pack. | เพื่อน…ส่วนสำคัญในชีวิตของฉัน |
Friendkind. | มิตรภาพ |
Friendship improves happiness and abates misery, by doubling our joys and dividing our grief. | มิตรภาพช่วยเพิ่มความสุขและลดความทุกข์ โดยเพิ่มความสุขเป็นสองเท่าและแบ่งปันความเศร้าโศก |
Things are never quite as scary when you’ve got a best friend. | สิ่งต่าง ๆ จะไม่น่ากลัวเมื่อคุณมีเพื่อนที่ดีที่สุด |
The only way to have a friend is to be one. | ทางเดียวที่จะมีเพื่อนก็คือการเป็นเพื่อน |
Friends show their love in times of trouble, not in happiness. | เพื่อนแสดงความรักในยามที่เกิดปัญหา ไม่ใช่แค่ตอนที่เรามีความสุข |
Count your age by friends, not years. Count your life by smiles, not tears. | นับอายุของคุณด้วยจำนวนเพื่อนและนับชีวิตของคุณด้วยรอยยิ้มไม่ใช่หยดน้ำตา |
Walking with a friend in the dark is better than walking alone in the light. | การเดินไปกับเพื่อนในที่มืด ดีกว่าการเดินเพียงลำพังในที่แจ้ง |
A friend is one who knows you and loves you just the same. | เพื่อนคือคนที่รู้จักคุณและรักคุณในเวลาเดียวกัน |
Some people go to priests. Others to poetry. I go to my friends. | บางคนไปหาบาทหลวง บางคนไปหาบทกวี ฉันไปหาเพื่อนของฉัน |
Don’t walk behind me; I may not lead. Don’t walk in front of me; I may not follow. Just walk beside me and be my friend. | อย่าเดินข้างหลังฉัน ฉันอาจเดินนำไม่ได้ อย่าเดินข้างหน้าฉัน ฉันอาจเดินตามไม่ได้ เพียงแค่เดินเคียงข้างไปกับฉันและเป็นเพื่อนฉัน |
If you live to be a hundred, I want to live to be a hundred minus one day. So that I’ll never have to live without you. | ถ้าคุณอยู่ถึงร้อยปี ฉันอยากจะอยู่เป็นร้อยปีลบในหนึ่งวัน ฉันจะไม่ต้องอยู่ในโลกที่ขาดคุณ |
แคปชั่นไอจีอังกฤษสั้นๆ เกี่ยวกับการท่องเที่ยว
แคปชั่นไอจีอังกฤษสั้นๆ เกี่ยวกับการท่องเที่ยว | ความหมาย |
Work hard, Travel Harder! | เราทำงานหนัก แต่เที่ยวให้หนักกว่า |
Watch more sunsets than Netflix. | ดูพระอาทิตย์ตกให้มากกว่า Netflix |
Life hurts, Nature heals. | ชีวิตมันอยู่ยาก ให้ธรรมชาติช่วยเยียวยา |
To travel is to live. | การเดินทางคือการมีชีวิต |
Jobs fill your pocket, Adventure fills your soul. | การทำงานเติมเต็มเงินในกระเป๋าสตางค์ แต่การเดินทางเติมเต็มจิตวิญญาณของคุณ |
Don’t Worry, Beach Happy. | ไม่ต้องกลุ้มใจไป ทะเลจะทําให้มีความสุขเอง |
Let the sea set you free. | ให้ทะเลปลดปล่อยความเป็นอิสระในตัวคุณ |
Ocean is my favorite color. | มหาสมุทรเป็นสีโปรดของฉัน |
All I need is Vitamin Sea. | ทั้งหมดที่อยากได้ก็แค่ วิตามิน (Sea) |
You can’t stop the waves, but you can learn to surf. | คุณไม่สามารถหยุดคลื่นได้ แต่คุณสามารถเรียนรู้ที่จะโต้คลื่นได้ |
Eat, Beach, Sleep. Repeat! | กิน เที่ยวทะเล นอน ทำวนซ้ำอีกที |
I need six months of vacation, twice a year. | ฉันต้องการวันหยุดพักร้อนสัก 6 เดือน แต่ปีละ 2 ครั้งนะ |
Don’t worry BEACH happy! | ไม่ต้องกลุ้มใจไป ทะเลจะให้ให้แฮปปี้เอง |
Beach More Worry Less. | ทิ้งเรื่องไม่สบายใจไว้ มาดื่มด่ำกับทะเลในช่วงเวลาของการพักผ่อน |
The mountains are calling and I must go. | ภูเขากำลังเรียกหา และฉันต้องรีบไปหา (เขา) แล้ว |
Born to explore the world. | เกิดมาเพื่อสำรวจโลก |
Find a beautiful place, and get lost. | ออกไปเจอที่ที่สวยงามแห่งหนึ่งและหลงทางอยู่ที่นั่น |
It’s about the journey, not the destination. | เรื่องราวระหว่างทางเป็นสิ่งสำคัญกว่าปลายทาง |
Vacation calories don’t count. | อย่าไปนับแคลอรี่ ในช่วงวันหยุดยาว |
Vacation mood: on. | ได้เวลาเปิดโหมดพักร้อนแล้วจ้า |
A vacation day is always a great idea. | วันหยุดถือเป็นความคิดที่ดีเสมอ |
Vacation vibes. | บรรยากาศวันหยุดพักผ่อน |
Weekend getaway. | พักผ่อนวันหยุดสุดสัปดาห์ |
Vacation flashback! | ย้อนอดีตวันหยุด |
Salt in the air. Sand in my hair. | เกลือในอากาศและทรายในผมของฉัน |
Suns out, buns out. | พระอาทิตย์ขึ้นแล้วออกไปอวดหุ่นกันเถอะ |
Wander often, wonder always. | เมื่อเราท่องเที่ยวอยู่บ่อยครั้ง เราก็มักจะได้เจอสิ่งใหม่ ๆ ที่น่าพิศวงอยู่ตลอด |
Girls just wanna have sun. | สาว ๆ ต้องการแค่แสงแดด |
Man cannot discover new oceans unless he has the courage to lose sight of the shore. | คุณไม่สามารถค้นพบมหาสมุทรใหม่ได้ จนกว่าคุณจะกล้าละสายตาจากฝั่งทะเลเดิม |
Stop worrying about potholes on the road and enjoy that journey. | หยุดกังวลเกี่ยวกับหลุมบ่อบนท้องถนนและเพลิดเพลินไปกับการเดินทางเสีย |
The world is a book and those who do not travel read only one page. | โลกเปรียบเสมือนหนังสือเล่มหนึ่ง และคนที่ไม่เคยออกเดินทาง ก็เหมือนอ่านหนังสือเพียงหน้าเดียว |
Travel is the only thing you buy that makes you richer. | การเดินทางเป็นสิ่งเดียวที่คุณซื้อแล้วรวยขึ้น |
You don’t know until you go. | ไม่ไปก็ไม่รู้หรอก |
What’s on my bucket list? Everywhere. | ที่ไหนที่ฉันต้องไปก่อนตายเหรอ ทุกที่ |
Take only pictures, leave only footprints. | เก็บไว้แต่รูปภาพ เหลือไว้แค่รอยเท้าเท่านั้น |
Always say yes to new adventures. | เตรียมพร้อมรับการผจญภัยใหม่ ๆ เสมอ |
He that travels much knows much. | ผู้ที่เดินทางมากก็รู้มาก |
For my part, I travel not to go anywhere, but to go. I travel for travel’s sake. The great thing is to move. | ส่วนตัวผมเดินทางไม่ใช่เพื่อไปไหน แต่แค่เพื่อได้เดินไป ฉันเดินทางเพื่อการท่องเที่ยว สิ่งที่ดีที่สุดคือการเดินทาง |
Man cannot discover new oceans unless he has the courage to lose sight of the shore. | มนุษย์ไม่สามารถค้นพบมหาสมุทรแห่งใหม่ได้ เว้นแต่เขาจะมีความกล้าที่จะละสายตาจากชายฝั่ง |
We travel not to escape life, but for life not to escape us. | เราเดินทางไม่ใช่เพื่อหนีชีวิต แต่เพื่อให้ชีวิตไม่หนีเราไปไหน |
Our destination is not a land, but a new way of looking. | จุดหมายปลายทางของเราไม่ใช่ดินแดน แต่เป็นมุมมองใหม่ |
Happiness isn’t a destination, it’s a journey we are on. | ความสุขคือการเดินทาง ไม่ใช่จุดหมายปลายทาง |
No one realized how beautiful the trip was until they got home and fell on an old, familiar pillow. | ไม่มีใครรู้ว่าการเดินทางนั้นสวยงามเพียงใด จนกระทั่งพวกเขากลับถึงบ้านและล้มลงบนหมอนเก่า ๆ ที่คุ้นเคย |
Travel makes one modest. You see what a tiny place you occupy in the world. | การเดินทางทำให้คนมีความเจียมตัว คุณจะได้เห็นว่าที่ที่คุณอยู่เป็นเพียงสถานที่เล็ก ๆ บนโลกใบนี้เท่านั้น |
ด้านบนนี้เป็น แคปชั่นไอจีอังกฤษสั้นๆ ที่ไม่ซ้ำใครนํามาเพื่อให้คุณเรียนรู้ หวังว่าการแบ่งปันข้างต้นจะช่วยให้คุณมีแคปชั่นที่ไม่ซ้ำใครเพื่อลงบนโซเชียลของคุณ นอกจากนี้ อย่าลืมเข้าถึง ELSA Speak เพื่ออัปเดทความรู้ภาษาอังกฤษล่าสุดทุกวันนะ
การเขียนเนื้อหาหลักของ IELTS Writing Task 2 ให้ชัดเจนและตรงตามเกณฑ์การประเมินจะช่วยให้ผู้เรียนทำคะแนนได้ดี การเรียนรู้เกี่ยวกับโครงสร้างของเนื้อหาและการเขียนประโยคใจความสำคัญ (topic sentence) ของย่อหน้าเป็นสิ่งสำคัญ ในบทความนี้ที่ ELSA Speak นำมาให้ยังมี topic sentence example for essay และโครงสร้างที่สามารถนำไปใช้ได้ทันที ดูตอนนี้เลย!
Topic sentence meaning?
ความหมายและโครงสร้างของ Topic sentence
Topic sentence หรือประโยคใจความสำคัญ มักเป็นประโยคแรกของแต่ละย่อหน้า ซึ่งจะช่วยในการสื่อถึงใจความสำคัญของย่อหน้านั้น ๆ ประโยคใจความสำคัญที่สมบูรณ์ต้องสื่อถึงสองใจความสำคัญ คือ หัวข้อของบทความ และทิศทางเนื้อหาของย่อหน้านั้น ๆ
ข้อมูลใน Topic sentence ควรครอบคลุม และหลีกเลี่ยงรายละเอียดที่เจาะจงมากเกินไป สิ่งนี้จะช่วยให้ผู้อ่านเข้าใจภาพรวมของเนื้อหาย่อหน้าและความเชื่อมโยงระหว่างใจความหลักของย่อหน้ากับมุมมองของผู้เขียนที่สะท้อนใน Thesis statement (ประโยคใจความหลักของบทนำ)
Topic sentence ประกอบด้วยอะไรบ้าง? ต่อไปนี้คือโครงสร้างของประโยคใจความสำคัญในภาษาอังกฤษ:
Topic sentence = Topic + Controlling idea
หัวข้อของ Topic sentence จะนำไปสู่การนำเสนอข้อมูลในประโยคถัดไป เนื้อหาหลักของ Topic sentence คือส่วนที่คุณต้องพัฒนาและอธิบายให้ชัดเจนในขณะที่เขียนข้อสอบ
เมื่อเขียน Topic sentence คุณต้องระบุข้อมูลที่มีความครอบคลุม หลีกเลี่ยงการนำเสนอในรายละเอียดที่เจาะจงเกินไป ซึ่งจะช่วยให้ผู้อ่านเข้าใจความเชื่อมโยงระหว่างใจความรวมของย่อหน้าและมุมมองที่แสดงในประโยคใจความหลัก (Thesis Statement)
ตัวอย่าง
หัวข้อ: “In many countries, the population is aging. Some people believe that this has negative effects on society, while others believe it is positive. Discuss both views and give your opinion.”
ประโยค topic sentence: “The aging population has both positive and negative impacts on society, and this essay will explore both perspectives before presenting my opinion.”
การวิเคราะห์:
- หัวข้อหลัก (topic): Aging population.
- ใจความสำคัญ (controlling idea): has both positive and negative impacts on society.
ขั้นตอนการเขียน Topic sentence ที่ถูกต้อง (strong topic sentences)
Topic sentence เขียนยังไง? ประโยคใจความสำคัญไม่ใช่สิ่งแรกหรือสิ่งสุดท้ายที่คุณเขียน แต่คุณจะพัฒนาประโยคเหล่านั้นตลอดกระบวนการเขียน เพื่อให้แน่ใจว่าประโยคใจความสำคัญและย่อหน้าแต่ละประโยคจะสนับสนุนข้อโต้แย้งได้ ให้ทำตามขั้นต่อไปนี้:
ขั้นตอนที่ 1: ตั้งแนวคิดหลัก
ขั้นตอนแรกในการพัฒนาประโยคใจความสำคัญคือต้องแน่ใจว่าคุณมีแนวคิดที่ดี เพราะมันจะทำหน้าที่สรุปจุดประสงค์และข้อโต้แย้งของบทความทั้งหมด
ตัวอย่างแนวคิด:
Food is an increasingly urgent environmental issue, and to reduce humans’ impact on the planet, it is necessary to change global patterns of food production and consumption. (อาหารเป็นปัญหาสิ่งแวดล้อมที่มีความเร่งด่วนมากขึ้นเรื่อยๆ และเพื่อที่จะลดผลกระทบของมนุษย์ต่อโลก จึงจำเป็นต้องเปลี่ยนรูปแบบการผลิตและการบริโภคอาหารทั่วโลก)
ขั้นตอนที่ 2: ร่างโครงร่างบทความและร่างประโยคใจความสำคัญ
ถัดไป คุณควรวางโครงสร้างบทความของคุณ วางแผนว่าคุณต้องการพูดอะไรในแต่ละย่อหน้า และคุณจะใช้หลักฐานอะไรบ้าง
ในขั้นตอนนี้ คุณสามารถร่างประโยคใจความสำคัญที่สรุปใจความหลักที่คุณต้องการพูดในแต่ละย่อหน้าได้ ประโยคใจความสำคัญควรเฉพาะเจาะจงกว่าแนวคิด แต่ยังคงเกี่ยวข้องอย่างชัดเจนกับแนวคิดหลักที่คุณตั้งไว้ข้างต้น
ตัวอย่างประโยคใจความสำคัญ:
Research has consistently shown that the meat industry has a significant environmental impact. (งานวิจัยแสดงให้เห็นอย่างต่อเนื่องว่าอุตสาหกรรมเนื้อสัตว์มีผลกระทบอย่างมากต่อสิ่งแวดล้อม)
ขั้นตอนที่ 3: ขยายหลักฐาน
ส่วนที่เหลือของย่อหน้าควรเป็นประโยคที่คอยสนับสนุนหรือโต้แย้งกันกับประโยคใจความสำคัญอย่างสมเหตุสมผล ขยายมุมมองด้วยหลักฐาน ตัวอย่าง หรือข้อโต้แย้ง สิ่งนี้ช่วยให้ย่อหน้าของคุณมีจุดโฟกัส: ทุกสิ่งที่คุณเขียนต้องเกี่ยวข้องกับแนวคิดที่แสดงในประโยคใจความสำคัญ
ในตัวอย่างนี้ คุณสามารถกล่าวถึงการศึกษาและสถิติที่เฉพาะเจาะจงซึ่งสนับสนุนมุมมองของคุณเกี่ยวกับผลกระทบโดยรวมของอุตสาหกรรมเนื้อสัตว์ได้
ขั้นตอนที่ 4: ปรับประโยคใจความสำคัญของคุณให้เหมาะสม
ประโยคใจความสำคัญมักเริ่มต้นด้วยประโยคง่ายๆ แต่สิ่งสำคัญคือต้องปรับแต่งให้เหมาะสมเมื่อคุณเขียน เพื่อให้แน่ใจว่าประโยคเหล่านั้นสอดคล้องกับเนื้อหาของแต่ละย่อหน้า
ประโยคใจความสำคัญที่ดีควรเฉพาะเจาะจงพอที่จะให้ความรู้สึกชัดเจนว่าอะไรคาดหวังจากย่อหน้า แต่ยังคงเป็นทั่วไปพอที่จะไม่เปิดเผยทุกอย่าง คุณสามารถคิดว่ามันเหมือนป้ายบอกทาง: มันจะแจ้งให้ผู้อ่านทราบว่าข้อโต้แย้งของคุณกำลังจะไปทางไหน
เพื่อทำให้บทความของคุณดูน่าสนใจยิ่งขึ้น และเพื่อให้แน่ใจว่าการเชื่อมโยงระหว่างย่อหน้าของคุณชัดเจนและสมเหตุสมผล ทั้งนี้คุณยังสามารถใช้ประโยคใจความสำคัญเพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงที่ราบรื่นได้อีกด้วย
Topic sentence examples
หัวข้อ: “Some people think that children must be given homework everyday to be successful at school. Others think they should be allowed to enjoy their leisure time after school without homework. Discuss both views and give your opinion”. (บางคนคิดว่าเด็ก ๆ ต้องทำการบ้านทุกวันจึงจะประสบความสำเร็จในโรงเรียน ในขณะที่บางคนคิดว่าพวกเขาควรได้ใช้เวลาว่างหลังเลิกเรียนเพื่อไปเล่นอย่างสนุกสนาน โดยที่ไม่ต้องทำการบ้าน จงอภิปรายทั้งสองมุมมองและแสดงความคิดเห็นของคุณ)
ตัวอย่าง Topic sentence ที่คุณสามารถใช้กับหัวข้อนี้ได้:
- There are two advantages of assigning homework to children. (มีข้อดีสองประการของการมอบหมายการบ้านให้กับเด็ก ๆ)
→ ประโยค Topic sentence นี้สื่อถึงหัวข้อ “การมอบหมายการบ้านให้กับเด็ก ๆ” โดยจะวิเคราะห์เนื้อหาทั้งสองข้อดีของการทำเช่นนี้ ด้วยประโยคนี้ ผู้อ่านจะเข้าใจว่าหัวข้อจะเกี่ยวกับการมอบหมายการบ้าน และย่อหน้าต่อไปจะระบุถึงสองข้อดีเฉพาะของการกระทำนี้
- Firstly, the added work is arguably an unnecessary source of pressure for young learners. (ประการแรก งานที่เพิ่มเข้ามานี้อาจเป็นที่มาของความกดดันที่ไม่จำเป็นสำหรับผู้เรียนที่ยังอายุน้อย)
→ นี่ก็เป็นประโยค Topic sentence เช่นกัน แต่ในระดับที่แคบกว่า ประโยคนี้จะเจาะลึกไปยังการวิเคราะห์ข้อเสียแรกที่เราได้กล่าวถึงในประโยคตัวอย่างก่อนหน้า ประโยคนี้จะบอกให้ผู้อ่านทราบว่าส่วนถัดไปจะอธิบายถึงสาเหตุที่การบ้านนี้ถือว่า UNNECESSARY อย่างไร
- Secondly, the repetition of homework could be counterproductive. (ประการที่สอง การทำการบ้านซ้ำๆ อาจเป็นการก่อให้เกิดผลเสีย)
→ ประโยคนี้คล้ายกับประโยคข้างต้น ข้อความที่ให้ผู้อ่านทราบคือผู้เขียนจะเขียนเกี่ยวกับการทำการบ้านซ้ำ ๆ ที่อาจทำให้เกิดผลเสียต่อเด็ก ๆ
>>> Read more:
- IELTS Speaking ตอนที่ 1: Topics, Question และ Answers 2567
- IELTS คืออะไร? สรุปข้อมูลทั้งหมดที่คุณจำเป็นต้องรู้เกี่ยวกับการสอบ IELTS
โครงสร้างประโยค Topic sentence ที่พบบ่อยในรูปแบบต่าง ๆ ของ IELTS Writing
รูปแบบ Causes and Solutions
สำหรับรูปแบบ Causes and Solutions คุณจะพบคำถามประเภทต่อไปนี้:
- Why is it happening? Are there any solutions to this problem? (ทำไมมันถึงเกิดขึ้น? มีทางแก้ไขปัญหานี้หรือไม่?)
- What are the reasons? What can be done to solve this problem? (เหตุผลคืออะไร? จะทำอย่างไรเพื่อแก้ปัญหานี้?)
คุณสามารถใช้รูปแบบประโยคใจความสำคัญดังต่อไปนี้:
- รูปแบบที่ 1:
To begin with, [The topic] is attributed to various factors. (ก่อนอื่น [หัวข้อ] ถูกสืบเนื่องมาจากปัจจัยหลายประการ) |
- รูปแบบที่ 2:
Fortunately, there are a number of viable solutions to help deal with the problem of [the topic]. (โชคดีที่มีวิธีการแก้ปัญหาหลายประการเพื่อช่วยจัดการกับปัญหาเรื่อง [หัวข้อ]) |
ตัวอย่าง:
Air pollution has become a big issue in many cities. What are the causes? What are the solutions? (มลพิษทางอากาศกลายเป็นปัญหาใหญ่ในหลายเมือง สาเหตุคืออะไร? วิธีการแก้ปัญหาคืออะไร?)
- ประโยคเปิดหัวข้อ: My essay below will analyze both the causes and solutions to this concern. (เรียงความของฉันอยู่ด้านล่างจะวิเคราะห์ทั้งสาเหตุและวิธีแก้ไขปัญหานี้)
- เนื้อหาในบทความที่ 1: To begin with, air pollution in some major cities is attributed to various factors. (ก่อนอื่น มลพิษทางอากาศในเมืองใหญ่บางแห่งเกิดจากหลายปัจจัย)
- เนื้อหาในบทความที่ 2: Fortunately, there are a number of viable solutions to help deal with the problem of air pollution. (โชคดีที่มีวิธีการแก้ปัญหาหลายประการที่สามารถช่วยจัดการกับปัญหามลพิษทางอากาศ)
รูปแบบ Advantages and Disadvantages
สำหรับข้อสอบรูปแบบ Advantages and Disadvantages คุณมักจะพบคำถามดังต่อไปนี้:
Is this a positive or a negative development? (นี่คือการพัฒนาในเชิงบวกหรือเชิงลบ?)
คุณสามารถใช้รูปแบบประโยคใจความสำคัญดังต่อไปนี้:
• รูปแบบที่ 1: On the one hand, [The topic] can be disadvantageous/ advantageous in some certain aspects. (ในอีกด้านหนึ่ง [หัวข้อ] อาจมีข้อเสีย/ข้อดีในบางแง่มุม) • รูปแบบที่ 2: On the other hand, [The topic] is a positive/ negative development for various reasons. (ในทางกลับกัน [หัวข้อ] เป็นการพัฒนาเชิงบวก/เชิงลบด้วยเหตุผลหลายประการ) |
Do the advantages outweigh the disadvantages? (ข้อดีมีมากกว่าข้อเสียหรือไม่?)
คุณสามารถใช้รูปแบบประโยคใจความสำคัญดังต่อไปนี้:
• รูปแบบที่ 1: On the one hand, [The topic] may bring about a number of beneficial/ detrimental effects. (ในอีกด้านหนึ่ง [หัวข้อ] อาจก่อให้เกิดผลดี/ผลเสียจำนวนหนึ่ง) • รูปแบบที่ 2: On the other hand, I claim that the disadvantages/ advantages of [the topic] are greater due to many reasons. (ในทางกลับกัน ฉันขออ้างว่าข้อเสีย/ข้อดีของ [หัวข้อ] นั้นมากกว่าเนื่องจากหลายสาเหตุ) |
ตัวอย่าง:
Some universities now offer their courses on the Internet as an alternative to classes delivered in campus. Is this a positive or negative development? (มหาวิทยาลัยบางแห่งในปัจจุบันเสนอหลักสูตรของพวกเขาผ่านอินเทอร์เน็ตเพื่อเป็นทางเลือกแทนการเรียนในวิทยาเขต นี่เป็นการพัฒนาในเชิงบวกหรือเชิงลบ?)
- ประโยคเปิดหัวข้อ: In my opinion, this trend could have both positive and negative consequences in equal measure. (ในความคิดของฉัน แนวโน้มนี้อาจมีผลกระทบทั้งด้านบวกและด้านลบในระดับที่เท่ากัน)
- รูปแบบที่ 1:
On the one hand, enrolling in online courses instead of offline ones can be disadvantageous in some certain aspects. (ในด้านหนึ่ง การลงทะเบียนเรียนหลักสูตรออนไลน์แทนการเรียนในมหาวิทยาลัยอาจมีข้อเสียในบางแง่มุม)
- รูปแบบที่ 2:
On the other hand, online university courses are a positive development for various reasons. (ในทางกลับกัน หลักสูตรมหาวิทยาลัยออนไลน์ถือเป็นการพัฒนาในเชิงบวกด้วยหลายเหตุผล)
>>> Read more:
- รวมคำศัพท์ IELTS 1,000 คำตามหัวข้อที่พบบ่อยที่สุด
- สอบ IELTS ที่ไหนดี เรื่องที่คุณควรรู้เกี่ยวกับการสอบ IELTS
รูปแบบ Discuss both views
สำหรับรูปแบบคำถาม Discuss both views คุณมักจะพบคำถามประเภทนี้ที่ถูกถามตรงในโจทย์ เช่น:
- Discuss both these views and then give your own opinion. (อภิปรายทั้งสองมุมมองนี้แล้วแสดงความคิดเห็นของคุณเอง)
- Discuss both sides of this argument and give your own opinion. (อภิปรายทั้งสองด้านของข้อโต้แย้งนี้และแสดงความคิดเห็นของคุณเอง)
คุณสามารถใช้ประโยคหัวเรื่องเหล่านี้ได้:
• รูปแบบที่ 1: On the one hand, there are some reasons why people hold a belief that [the 1st opinion]. (ในด้านหนึ่ง มีบางเหตุผลที่ทำให้ผู้คนเชื่อว่า [ความคิดเห็นที่ 1]) • รูปแบบที่ 2: On the other hand, I firmly believe that + [the 2nd opinion] (ความเห็นในเนื้อความของข้อ 2 เป็นความเห็นที่ผู้เขียนเห็นด้วย). (ในทางกลับกัน ฉันเชื่อมั่นอย่างยิ่งว่า + [ความคิดเห็นที่ 2]) |
ตัวอย่าง:
Some people think the government should spend money on roads and motorways, while others believe that improving public transport systems is more important. Discuss both views and give your opinion. (บางคนคิดว่ารัฐบาลควรใช้จ่ายเงินในการสร้างถนนและทางหลวง ในขณะที่บางคนเชื่อว่าการพัฒนาระบบขนส่งสาธารณะมีความสำคัญมากกว่า อภิปรายทั้งสองมุมมองและแสดงความคิดเห็นของคุณ)
สำหรับหัวข้อนี้ ผู้เขียนต้องอภิปรายว่าทำไมบางคนถึงคิดว่ารัฐบาลควรนำเงินมาลงทุนในระบบถนน และทำไมบางคนถึงคิดว่าการลงทุนในระบบขนส่งสาธารณะสำคัญกว่า
- ประเด็นในบทนำ: Both sides of this argument will be discussed in the essay below , and my opinion is drawn in the end. (ข้อโต้แย้งทั้งสองข้อนี้จะถูกกล่าวถึงในบทความด้านล่าง และความคิดเห็นของฉันจะถูกสรุปในตอนท้าย)
- รูปแบบที่ 1:
On the one hand, there are some reasons why people think money from governments should be invested in expanding and improving roads. (ในด้านหนึ่ง มีเหตุผลบางประการที่ทำให้คนบางคนคิดว่าเงินจากรัฐบาลควรลงทุนในการขยายและปรับปรุงถนน)
- รูปแบบที่ 2:
On the other hand, it is understandable why many people think that investing in public transport is more important. (ในอีกด้านหนึ่ง ก็เป็นที่เข้าใจได้ว่าทำไมคนหลายคนจึงคิดว่าการลงทุนในระบบขนส่งสาธารณะมีความสำคัญมากกว่า)
ข้อผิดพลาดบางประการที่ควรระวังเมื่อเขียนประโยคใจความสำคัญ (topic sentence)
ในกระบวนการฝึกการสอบ IELTS Writing มีผู้เขียนหลายคนมักจะทำผิดพลาดใน 3 ข้อต่อไปนี้:
- ประโยคใจความสำคัญไม่ได้กล่าวถึงประเด็นหลักของบทความ
- ประโยคใจความสำคัญไม่ครอบคลุมเนื้อหาของย่อหน้าอย่างเพียงพอ
- ประโยคใจความสำคัญไม่ได้แสดงให้เห็นถึงมุมมองของผู้เขียนอย่างชัดเจน
ตัวอย่างต่อไปนี้จะแสดงการวิเคราะห์ข้อผิดพลาดที่พบได้บ่อยในประโยคใจความสำคัญ (topic sentence) ของย่อหน้า:
ตัวอย่างที่ 1
หัวข้อ:
Cycling is becoming less and less popular in many places around the world. What are the reasons for this trend? Can you suggest some ways to make cycling more popular?
(การขี่จักรยานกำลังได้รับความนิยมน้อยลงเรื่อย ๆ ในหลายพื้นที่ทั่วโลก อะไรคือเหตุผลสำหรับแนวโน้มนี้? คุณสามารถแนะนำวิธีทำให้การขี่จักรยานเป็นที่นิยมมากขึ้นได้หรือไม่?)
- ประโยคเปิดย่อหน้าเกี่ยวกับเหตุผล: “There are two main reasons for this.” (มีสองเหตุผลหลักสำหรับสิ่งนี้)
- ปัญหา: Topic sentence – ประโยคใจความสำคัญไม่ได้กล่าวถึงเนื้อหาหลักของบทความ (Cycling is becoming less popular) ทำให้ผู้อ่านสับสนว่า “this” ในที่นี้หมายถึงอะไร
แทนการเขียนที่กำกวมเช่นนี้ ผู้เขียนควรเขียนให้ชัดเจนและกล่าวถึงหัวข้อของบทความ “การขี่จักรยานได้รับความนิยมน้อยลง”
การแก้ไข: There are two main reasons (แนวคิดหลัก) for cycling becoming less popular (หัวข้อ)
ตัวอย่างที่ 2
หัวข้อ: Art classes should be a compulsory part of high school education. Do you agree or disagree? (วิชาเรียนศิลปะควรเป็นวิชาบังคับของการศึกษาระดับมัธยมศึกษา คุณเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย?)
- ประโยคเปิดในบทนำ: Although art classes can benefit the development of high school students, I disagree that such classes should be made compulsory. (แม้ว่าวิชาศิลปะจะมีประโยชน์ต่อการพัฒนาของนักเรียนมัธยม แต่ฉันไม่เห็นด้วยว่าวิชาเหล่านี้ควรถูกบังคับให้เป็นวิชาหลัก)
- ย่อหน้าแรกเกี่ยวกับประโยชน์ของ “Art classes”:
High school students nowadays are experiencing a much higher amount of stress from school than ever before. They have to study too many subjects that require different skill sets, tremendous effort and discipline. However, they can both have fun and learn something at the same time during art classes. Additionally, these classes help students improve their creativity through many activities of creating art works.
(ปัจจุบันนักเรียนมัธยมปลายกำลังประสบกับความเครียดจากการเรียนที่เพิ่มมากขึ้นกว่าที่เคยเป็นมา พวกเขาต้องเรียนวิชาที่ต้องใช้ทักษะต่างๆ รวมถึงความพยายามและระเบียบวินัยมากเกินไป อย่างไรก็ตาม พวกเขาสามารถสนุกสนานและเรียนรู้บางสิ่งบางอย่างไปพร้อมๆ กันในขณะเรียนวิชาศิลปะ นอกจากนี้ วิชาเหล่านี้ยังช่วยให้นักเรียนพัฒนาความคิดสร้างสรรค์ผ่านกิจกรรมการสร้างสรรค์ผลงานศิลปะมากมาย)
- ปัญหา: ประโยคใจความสำคัญ (topic sentence) ไม่ได้ครอบคลุมเนื้อหาหลักของย่อหน้า และกล่าวถึงเพียงสถานการณ์ปัจจุบันของนักเรียนมัธยม
- ผู้เขียนสามารถแก้ไขประโยคเปิดของย่อหน้าได้ดังนี้:
Art classes can relieve students’ stress from study and increase their creativity. (วิชาศิลปะสามารถช่วยลดความเครียดของนักเรียนและเพิ่มความคิดสร้างสรรค์ของพวกเขา)
ด้วยประโยคใจความสำคัญ (topic sentence) ข้างต้น หัวข้อของบทความ (art classes) ได้ถูกกล่าวถึง และแนวคิดหลักของย่อหน้าได้ถูกสื่ออย่างชัดเจนด้วยวลี 2 วลีที่แสดงถึงประโยชน์ 2 ข้อที่ art classes มอบให้ นั่นคือ ‘relieve stress and increase creativity’
- ย่อหน้าที่สมบูรณ์หลังจากแก้ไขประโยคใจความสำคัญ:
Art classes (หัวข้อ) can relieve students’ stress from study and increase their creativity (แนวคิดหลัก). In fact, high school students nowadays are experiencing a much higher amount of stress from school than ever before because they have to study too many subjects that require different skill sets, tremendous effort and discipline. However, they can both have a chance to ease their mind and learn something at the same time during art classes. Additionally, these classes help students improve their creativity through many activities of creating art works. (วิชาศิลปะสามารถช่วยลดความเครียดจากการเรียนของนักเรียนและเพิ่มความคิดสร้างสรรค์ได้ ความเป็นจริง ในปัจจุบันนักเรียนมัธยมปลายกำลังประสบกับความเครียดจากโรงเรียนที่สูงขึ้นกว่าที่เคย เพราะพวกเขาต้องเรียนวิชาที่ต้องใช้ทักษะต่างๆ รวมถึงความพยายามและระเบียบวินัยมากเกินไป อย่างไรก็ตาม พวกเขาสามารถสนุกสนานและเรียนรู้บางสิ่งบางอย่างไปพร้อมๆ กันในขณะเรียนวิชาศิลปะ นอกจากนี้ วิชาเหล่านี้ยังช่วยให้นักเรียนพัฒนาความคิดสร้างสรรค์ผ่านกิจกรรมการสร้างสรรค์ผลงานศิลปะมากมาย)
แพ็คเกจ ELSA Speak Premium | ราคาเดิม | ข้อเสนอพิเศษ |
ELSA Speak Premium 1 ปี | 8.497 บาท | 4.290 บาท |
ELSA Speak Premium 3 เดือน | 4.548 บาท | 3.184 บาท |
ELSA Speak Premium 1 เดือน | 2.047 บาท | 1.638 บาท |
ตัวอย่างที่ 3
หัวข้อ: Education for young people is important in many countries. However, some people think that the government should spend more money on education for the adult population who cannot read and write. To what extent do you agree or disagree? (การศึกษาเพื่อเยาวชนมีความสำคัญในหลายประเทศ อย่างไรก็ตาม บางคนคิดว่ารัฐบาลควรใช้เงินมากขึ้นเพื่อการศึกษาสำหรับผู้ใหญ่ที่อ่านไม่ออกเขียนไม่ได้ คุณเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยในระดับใด?)
- ประโยคในบทนำ: Although there are some drawbacks if the government spend more money on adult education, I agree that it is a necessary thing to do. (แม้ว่าจะมีข้อเสียบางประการหากรัฐบาลใช้จ่ายเงินมากขึ้นกับการศึกษาของผู้ใหญ่ แต่ฉันเห็นด้วยว่านั่นเป็นสิ่งจำเป็นที่ต้องทำ)
- ย่อหน้าแรก: On the one hand, spending government budget on adult illiteracy (หัวข้อ) has a number of disadvantages (แนวคิดหลัก) (ในด้านหนึ่ง การใช้จ่ายงบประมาณของรัฐบาลกับการแก้ปัญหาการอ่านไม่ออกเขียนไม่ได้ของผู้ใหญ่ก็มีข้อเสียอยู่หลายประการ)
- ย่อหน้าที่สอง:
On the other hand, I believe that investing in the youth education is more important than adult illiteracy. This is because the number of white-collar jobs is on the increase while blue-collar jobs are gradually superseded by automatic devices. This means a substantial number of untrained people are being made redundant, which is equivalent to a higher rate of unemployment. (ในอีกด้านหนึ่ง ฉันเชื่อว่าการลงทุนในด้านการศึกษาเยาวชนมีความสำคัญมากกว่าการอ่านไม่ออกเขียนไม่ได้ของผู้ใหญ่ เนื่องจากจำนวนงานประเภท white-collar มีเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ ในขณะที่งานประเภท blue-collar กำลังถูกแทนที่ด้วยอุปกรณ์อัตโนมัติ ซึ่งหมายความว่าผู้ที่ไม่มีทักษะจะถูกปลดออกจากงานในจำนวนมาก ส่งผลให้มีอัตราการว่างงานสูงขึ้น)
- ปัญหา: ประโยคใจความสำคัญ (topic sentence) ไม่สอดคล้องกับประเด็นหลักของบทความหรือใจความของย่อหน้าทั้งหมด เพราะหัวข้อหลักคือการลงทุนด้าน “adult education” ไม่ใช่การเปรียบเทียบกับ “youth education”
- การแก้ไขประโยคใจความสำคัญ (topic sentence):
On the other hand, I believe that investing in adult illiteracy (หัวข้อ) is important due to several benefits (แนวคิดหลัก)
ELSA Pro ไม่จำกัด
14,895 บาท -> 2,644 บาท
ELSA Premium 1 ปี
8,497 บาท -> 4,290 บาท
คำถามที่พบบ่อย
อะไรคือสิ่งที่ทำให้ประโยคใจความสำคัญดี?
ประโยคใจความสำคัญควรระบุแนวคิดหลักและข้อโต้แย้งของย่อหน้า ในการเลือกประโยคใจความสำคัญที่เหมาะสม ควรอ่านย่อหน้าและพิจารณาถึงแนวคิดและข้อโต้แย้งหลัก รายละเอียดสนับสนุนในย่อหน้า (ประโยคที่ไม่ใช่ประโยคใจความสำคัญ) จะพัฒนาหรืออธิบายประโยคใจความสำคัญ
Topic sentence อยู่ตรงไหน?
Topic sentence อยู่ในย่อหน้าหลัก (body paragraphs) และเป็นประโยคเปิดของย่อหน้า ซึ่งแสดงถึงแนวคิดหลักของย่อหน้า
ทำไมประโยคใจความสำคัญถึงสำคัญ?
ประโยคใจความสำคัญมีสำคัญเพราะมันพิสูจน์หรือสนับสนุนข้อโต้แย้งของบทความ ช่วยให้เนื้อหาของย่อหน้ามีความสอดคล้องและกำหนดลำดับของประโยค นอกจากนี้ยังแนะนำผู้อ่านเกี่ยวกับหัวข้อที่จะถูกกล่าวถึงและย่อหน้าจะอธิบายหัวข้อนั้นอย่างไร
บทความข้างต้นของ ELSA Speak ได้นำเสนอ Topic sentence คืออะไรในย่อหน้า วิเคราะห์ข้อผิดพลาดที่พบได้บ่อยในการเขียนประโยคใจความสำคัญในข้อสอบ IELTS Writing Task 2 และแนะนำโครงสร้างประโยคสำหรับหัวข้อที่พบบ่อย อย่าลืมนำไปประยุกต์ใช้กันดูนะ!