Modal Verb คืออะไร? คำจำกัดความ ตัวอย่าง วิธีใช้งานที่เข้าใจง่าย

Modal verb เป็นความรู้ด้านไวยากรณ์ภาษาอังกฤษที่สำคัญที่ช่วยแสดงความสามารถ หน้าที่ การทำนาย และคำแนะนำในประโยค มาเรียนรู้เรื่อง Modal Verb คืออะไร? Modal Verb มีอะไรบ้าง และจะใช้อย่างไรให้ถูกต้องกับ ELSA Speak กัน

Modal verb คือ? 

Modal verb หรือเรียกว่า กริยาช่วย ใช้เป็นกริยาช่วยในประโยค กริยาประเภทนี้ช่วยเสริมความหมายกริยาหลักเพื่อแสดง:

สอบก่อนเข้าฟรี

{{(sIndex/sentences.length)*100}}%
{{ sentences[sIndex].text }}.
loading
  • ความสามารถCan, Could
  • การอนุญาต May, Might
  • ภาระผูกพัน / ความจำเป็น / ความต้องการMust, Shall, Should
  • การทำนาย / คำแนะนำWill, Would

ตัวอย่าง:

  • I can swim.ฉันสามารถว่ายน้ำได้
  • You should eat more vegetables.คุณควรทานผักให้มากขึ้น
  • She might come to the party. – เธอสามารถมางานปาร์ตี้ได้
  • You must wear a helmet. – คุณจะต้องสวมหมวกกันน็อค
modal verb mindmap

>>> Read more: Gerund and infinitive – หลักการใช้และแบบฝึกหัด

ลักษณะของ Modal Verb

Modal verb มีลักษณะเฉพาะของตัวเองที่ช่วยให้ผู้เรียนรู้จักและนำไปใช้ได้อย่างถูกต้องในประโยค คำเหล่านี้มักจะเสริมความหมายกริยาหลัก ไม่เปลี่ยนรูปตามกาลหรือประธาน และปฏิบัติตามกฎเกณฑ์บางประการ:

  • เสริมความหมายกริยาที่ตามมาเสมอ

ตัวอย่าง: I can swim. – ฉันสามารถว่ายน้ำได้

  • ใช้เฉพาะในรูปแบบไม่ผันรูปสำหรับประโยคทุกประเภท

 ตัวอย่าง: She must go to school. – เธอต้องไปโรงเรียน

  • ไม่เพิ่ม “s/es” หลังประธานบุคคลที่สามเอกพจน์

 ตัวอย่าง: He can play football. – เขาสามารถเล่นฟุตบอลได้

  • ไม่เพิ่ม “-s”, “-ed”, “-ing” หลังกริยาช่วย

 ตัวอย่าง: They should study harder. – พวกเขาควรขยันเรียนกว่านี้

  • ไม่เปลี่ยนการเขียนตามกาลของประโยคหรือประธาน

ตัวอย่าง: I will help you tomorrow. – ฉันจะช่วยคุณพรุ่งนี้

Modal Verb มีอะไรบ้าง จำแนกตามหน้าที่

กลุ่มหน้าที่ความหมายmodal verb ที่ใช้บ่อย
ความสามารถ (Ability)แสดงถึงความสามารถหรือศักยภาพของประธานในการดำเนินการบางอย่างcan, could, be able to
คำแนะนำ (Advice)ใช้เพื่อให้คำแนะนำหรือแนะนำสิ่งที่ควรทำshould, ought to
การบังคับ/ความจำเป็น (Obligation/ Necessity)แสดงถึงความจำเป็นหรือสิ่งที่ต้องทำmust, need (กริยาช่วยกึ่ง modal)
ความเป็นไปได้ (Possibility)แสดงถึงความเป็นไปได้ที่เหตุการณ์อาจเกิดขึ้นเนื่องจากปัจจัยเชิงวัตถุcan, could, may, might
4 ประเภทหลักๆ Modal Verb

วิธีใช้ Modal Verb

Can/Could/Could have

modal verb - can
Modal Verbวิธีใช้ตัวอย่าง
Can พูดถึงพรสวรรค์ ความสามารถ ทักษะ ฯลฯ ของผู้คนที่ยังคงมีอยู่ในปัจจุบัน
พูดถึงความสามารถหรือไม่สามารถทำอะไรได้ในปัจจุบันซึ่งถูกกำหนดโดยปัจจัยภายนอก
– แนะนำให้ทำอะไร หรือแนะนำให้ใครทำอะไร
– ใช้ในประโยคคำถาม Yes- No เพื่อขอความช่วยเหลือหรือขออนุญาตอย่างเป็นมิตร ใกล้ชิด และไม่เป็นทางการ.
I can’t become a singer. (ฉันไม่สามารถเป็นนักร้องได้)
It’s raining hard outside. We can’t go to the zoo now. (ข้างนอกฝนตกหนัก พวกเราไม่สามารถไปสวนสัตว์ได้ในตอนนี้)
If you want to lose weight, you can go to the gym. (หากคุณต้องการลดน้ำหนัก คุณสามารถไปที่โรงยิม)
– Lily, can you pass me the salt? (ลิลลี่ คุณช่วยส่งเกลือให้ฉันทีได้ไหม)
Could– พูดถึงพรสวรรค์ ความสามารถ ทักษะ ฯลฯ ของผู้นในอดีตแต่ปัจจุบันไม่มีแล้ว หรือในทางกลับกัน ปัจจุบันมี แต่อดีตไม่มี.
– พูดถึงความสามารถหรือไม่สามารถทำอะไรได้ในอดีต ซึ่งถูกกำหนดโดยปัจจัยภายนอก แต่ปัจจุบันแตกต่างออกไปแล้ว.
– ใช้ในประโยคคำถาม Yes-No เพื่อขออนุญาตทำบางสิ่ง (โดยปกติแล้วสิ่งที่เราถือว่าใหญ่/สำคัญ/…) อย่างเป็นทางการและสุภาพ.
– ในการขออนุญาตอย่างเป็นกันเองและเป็นทางการน้อยกว่า เราใช้ ‘can’.
– เพื่อให้เป็นทางการมากกว่า ‘could’ เราสามารถใช้ ‘may’.
– ใช้ในประโยคคำถาม Yes-No เพื่อขอความช่วยเหลืออย่างเป็นทางการ โดยมักจะใช้ร่วมกับ please เพื่อเน้นความเร่งด่วน.
– When I was young, I could calculate very fast. ( เมื่อฉันยังเด็ก ฉันสามารถคิดเลขเร็วมาก)
– When we first moved here, we could use the washing machine for free, but now, the landlord doesn’t let us do that. (เมื่อก่อนพวกเราย้ายมาที่นี่มี เครื่องซักผ้าให้ใช้ฟรี แต่ตอนนี้ เจ้าของบ้านไม่ให้พวกเราทำแบบนั้นแล้ว)
Could we borrow your laptop? ( เราขอยืมแล็ปท็อปของคุณได้ไหม)
Could we delay this meeting? ( เราขอชะลอการประชุมนี้ได้ไหม)
Could you please send me that client’s contact information? (คุณช่วยส่งข้อมูลติดต่อของลูกค้ารายนั้นให้ฉันได้ไหม)
Could have + V3– แสดงถึงสิ่งที่อาจเกิดขึ้นแต่ไม่ได้เกิดขึ้นจริง- แสดงความเสียใจต่อเหตุการณ์ในอดีต– She could have won the race, but she fell. (เธอสามารถชนะการแข่งขันได้แต่เธอกลับล้มลง)
– I could have studied harder for the exam.(ฉันควรขยันเรียนกว่านี้เพื่อเตรียมสอบ)
could

Should/Ought to/Should have

modal verb - shall
Modal Verbวิธีใช้ตัวอย่าง (ความหมาย)
Should– ใช้เพื่อแนะนำผู้คนว่าควร/ไม่ควรทำอะไร.
– เหมือนกับวิธีการใช้ที่ 1 แต่ใช้ตามหลัง ‘I think’ หรือ ‘I don’t think’ เพื่อเน้นการแสดงความคิดเห็น.
– หมายเหตุ:เราแค่พูดว่า ‘I don’t think + S + should…’เราไม่พูดว่า ‘I think + S + shouldn’t…’
– If you want to earn lots of money, you should work hard. (ถ้าคุณอยากได้เงินมาก คุณควรทำงานอย่างขยัน)
– We don’t think they should use that old car. (เราไม่คิดว่าพวกเขาควรใช้รถเก่านั้น)
⟶ DON’T say: We think they shouldn’t use that old car.
Ought to– เช่นเดียวกับ ‘should’, ‘ought to’ ใช้เพื่อแนะนำผู้คนว่าควร/ไม่ควรทำอะไร.
– แต่ว่า ‘ought to’ เป็นทางการมากกว่า.
– ในขณะเดียวกัน ‘should’ หมายถึงคำแนะนำที่ได้รับจากความเห็นส่วนตัวของผู้พูดและมักจะเป็นเรื่องส่วนตัว ส่วน ‘ought to’ หมายถึงคำแนะนำที่ได้รับจากความเห็นทั่วไปของคนส่วนใหญ่ในสังคม.
– A child ought to take care of their parents when they are old. (ลูกๆควรดูแลพ่อแม่ยามแก่เฒ่า).
– You ought not to disrespect others. (คุณไม่ควรดูหมิ่นผู้อื่น)
Should have + V3– แสดงถึงสิ่งที่ควรทำแต่ไม่ได้ทำ
– แสดงความเสียใจหรือวิพากษ์วิจารณ์ในอดีต
– You should have studied harder. (คุณควรจะขยันเรียนกว่านี้)
– He should have called her earlier. (เขาควรโทรหาเธอเร็วกว่านี้)
modal verb - should

>>> Read more:

Must/Need/Must have

 must
Modal Verbวิธีใช้ตัวอย่าง (ความหมาย)
Must– ใช้ must เพื่อแสดงการกระทำที่ในปัจจุบันหัวเรื่องเองคิดว่าจำเป็นมาก จำเป็นต้องทำ.
– ใช้ must เพื่อแสดงข้อความที่ผู้พูดคิดว่า มีความถูกต้องสูงในปัจจุบัน เทียบเท่ากับวลี “คงจะ” หรือ “แน่นอนคือ”.
– ใช้ must เพื่อแสดงว่า มีคนถูกบังคับให้ทำบางอย่างเนื่องจากเป็นข้อกำหนดในกฎหมายหรือในกฎขององค์กร.
– ใช้ mustn’t เพื่อแสดงว่า มีคนถูกห้ามไม่ให้ทำสิ่งใดสิ่งหนึ่ง เนื่องจากเป็นข้อกำหนดในกฎหมายหรือในกฎขององค์กร.
– Oh, it’s almost 5pm. I must go now. (โอ้ เกือบ 5 โมงเย็นแล้ว ฉันต้องไปตอนนี้)วิเคราะห์: หัวเรื่องเองคิดว่ามันจำเป็น ไม่มีใครบังคับ
–  She worked very hard this afternoon. Now, she must be tired. (เธอทำงานหนักมากในบ่ายวันนี้ ตอนนี้เธอคงจะเหนื่อย)
– Everyone must wear a seatbelt while they are driving. (ทุกคนต้องคาดเข็มขัดนิรภัยขณะขับขี่)วิเคราะห์: นี่เป็นข้อบังคับในกฎหมายจราจร
– Everyone mustn’t drive after drinking alcohol. (ทุกคนไม่ได้ขับรถหลังจากดื่มแอลกอฮอล์)
Need (ใช้เหมือน modal verb)– แสดงถึงความจำเป็น (มักใช้ในประโยคปฏิเสธหรือประโยคคำถาม)- มีความหมาย “จำเป็นต้อง”– You need not come if you are busy. (หากคุณยุ่งก็ไม่จำเป็นต้องมา)
Need I finish this today? (ฉันจำเป็นต้องทำสิ่งนี้ให้เสร็จภายในวันนี้ไหม?)
Must have + V3– การคาดเดาว่าบางสิ่งบางอย่างแทบจะแน่นอนว่าจะเกิดขึ้น– He must have left already. (เขาคงจะออกไปแล้ว)
– They must have forgotten your birthday. (พวกเขาคงลืมวันเกิดของคุณแล้ว)

May/Might/Might have

 may
Modal Verbวิธีใช้ตัวอย่าง (ความหมาย)
May– แสดงว่าบางสิ่งอาจเกิดขึ้นหรือไม่เกิดขึ้นในปัจจุบันหรืออนาคตโดยมีความแน่นอนค่อนข้างต่ำ (ประมาณ 50%).
– ใช้ในประโยคคำถาม Yes-No เพื่อขออนุญาตทำบางสิ่งหรือเสนอให้ช่วยเหลือผู้อื่นอย่างเป็นทางการและสุภาพ (มากกว่า ‘could’).
– She doesn’t look very happy. She may not like the present. (เธอดูไม่ค่อยมีความสุขนัก เธออาจไม่ชอบของขวัญ)
May I help you carry your luggage, madam? (ให้ฉันช่วยถือกระเป๋าได้ไหม คุณผู้หญิง?)
Might– แสดงว่าบางสิ่งอาจเกิดขึ้นหรือไม่เกิดขึ้นในปัจจุบันหรืออนาคตโดยมีความแน่นอนค่อนข้างต่ำ ต่ำกว่า may (ประมาณ 30%).– He might like this present. To be honest, I’m not sure because I don’t know him well. ( เขาอาจจะชอบของขวัญชิ้นนี้ พูดตามตรง ฉันก็ไม่แน่ใจเพราะฉันไม่รู้จักเขาดีพอ)
Might have + V3– แสดงถึงความเป็นไปได้ที่เกิดขึ้นในอดีตแต่ไม่แน่นอน- การคาดเดาว่าบางสิ่งบางอย่างอาจเกิดขึ้น– He might have missed the train. (เขาอาจจะพลาดรถไฟ)
– They might have forgotten the meeting. (พวกเขาอาจจะลืมการประชุมไปแล้ว)
might

Will/Would/Would have

modal verb - will
Modal Verbวิธีใช้ตัวอย่าง (ความหมาย)
Will– ‘will’ ใช้ใน Future Simple Tense เพื่อแสดงแบบทั่วไปเกี่ยวกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นหรือไม่เกิดขึ้นในอนาคต.
– เฉพาะเจาะจงกว่าการใช้ที่ 1 ‘will’ หรืออีกนัยหนึ่งคือ Present Simple Tense ยังใช้เพื่อแสดงการคาดคะเนเชิงอัตนัยที่ไม่มีมูลความจริงเกี่ยวกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นหรือไม่เกิดขึ้นในอนาคต.
– เฉพาะเจาะจงกว่าการใช้ที่ 1 ‘will’ หรืออีกนัยหนึ่งคือ Present Simple Tense ยังใช้เพื่อแสดงการตัดสินใจในขณะที่พูดโดยไม่ต้องคิดในช่วงระยะเวลาหนึ่งมาก่อน.
– การให้คำมั่นสัญญาว่า จะทำหรือไม่ทำอะไรในอนาคต สามารถใช้ในอนุประโยคที่ 2 หลังจาก ‘I/ We promise (that)’ เพื่อเน้นย้ำว่านี่คือคำสัญญา
– She will come here soon. (เธอจะมาที่นี่ในไม่ช้า)
– I think that employee will become the new manager although I don’t know how she works. ( ฉันคิดว่าพนักงานคนนั้นจะกลายเป็นผู้จัดการคนใหม่ แม้ว่าฉันจะไม่รู้ว่าเธอทำงานอย่างไร)
–  A customer who is trying juice at a supermarket: ‘This juice tastes good. I will buy it.’ (ลูกค้าคนหนึ่งที่กำลังลองน้ำผลไม้ที่ซูเปอร์มาร์เก็ต: ‘น้ำผลไม้นี้รสชาติดี ฉันจะซื้อมัน’)วิเคราะห์: ลูกค้าชิมน้ำผลไม้แล้วเห็นว่ารสชาติดี จึงตัดสินใจซื้อโดยไม่ต้องคิดในช่วงระยะเวลาหนึ่งก่อนพูด
– (I promise) I will love you forever. (ฉันสัญญาว่า) ฉันจะรักเธอตลอดไป
Would– ‘would รวมกับคำกริยา ‘like’ เพื่อแสดงความต้องการบางอย่างหรือทำบางสิ่งบางอย่าง (มีความหมายเหมือนกับ ‘want’ แต่เป็นทางการมากกว่า).
โครงสร้าง:
– would like + noun– would like + to-verb (infinitive)
– ‘would’ รวมกับคำกริยา ‘mind’ ในประโยคคำถาม Yes-No: – ขอให้ใครสักคนทำอะไรซักอย่างโครงสร้าง: Would you mind + v-ing + …+ ?
– ขอให้ทำอะไรโครงสร้าง: Would you mind + if + S + verb(-s/es) + …+ ?
– ‘would’ หรือ ‘wouldn’t’ รวมกับกริยา infinitive เพื่อแสดงว่า ในอดีตหัวเรื่องเคยมีหรือไม่มีนิสัยบางอย่าง.
– ‘would’ หรือ ‘wouldn’t’ ยังปรากฏในอนุประโยคหลักประเภทที่ 2 และประเภทที่ 3 ของประโยคเงื่อนไขด้วย.
– Our boss would like to see you now. (เจ้านายของเราต้องการพบคุณในตอนนี้).
Would you mind closing the window? (คุณช่วยปิดหน้าต่างได้ไหม).
– When she was young, she would read books after school. (เมื่อเธอยังเด็ก เธอจะอ่านหนังสือหลังเลิกเรียน)
– If I were you, I wouldn’t buy that expensive watch. (ถ้าฉันเป็นคุณ ฉันจะไม่ซื้อนาฬิกาที่แพงขนาดนั้น)
Would have + V3– ใช้ในประโยคเงื่อนไขประเภทที่ 3 (สิ่งที่ไม่จริงในอดีต)
– อธิบายถึงสิ่งที่วางแผนไว้ในอดีตแต่ไม่ได้เกิดขึ้น
– If I had studied harder, I would have passed the exam. (ถ้าฉันตั้งใจเรียนมากกว่านี้ ฉันคงสอบผ่านแล้ว)
– She would have come to the party, but she was ill. (เธออยากจะมางานปาร์ตี้แต่เธอกลับป่วย)
 would

>>> Read more:

สูตรของ Modal Verb

สูตรทั่วไป

แม้ว่า Modal Verb แต่ละอันจะมีความหมายของตัวเอง แต่โดยทั่วไปแล้วแต่ละอันจะมีโครงสร้างพื้นฐาน:

  • ประโยคบอกเล่า: 
S + Modal Verb + V-inf + (O)

ตัวอย่าง: She can play the piano. (เธอเล่นเปียโนได้)

  • ประโยคเชิงลบ:  
S + Modal Verb + not + V-inf + (O)

ตัวอย่าง: They should not eat too much fast food. (พวกเขาไม่ควรทานอาหารจานด่วนมากเกินไป)

  • ประโยคคำถาม: 
Modal Verb + S + V-inf + (O)?

ตัวอย่าง: Can you help me? (คุณสามารถช่วยฉันได้ไหม?)

สูตรกรรมวาจก

เมื่อเปลี่ยนเป็นกรรมวาจก Modal Verb ยังคงเหมือนเดิม เพียงเพิ่ม be + V3/ed ตามหลัง:

S + Modal Verb + be + V3/ed (+ by O)

ตัวอย่าง:

  • The traffic rules must be obeyed. (กฎจราจรจะต้องปฏิบัติตาม)
  • An exam may be given by our English teacher today.  (วันนี้ครูภาษาอังกฤษของเราอาจจะให้ทำการสอบ)

>>> Read more:

ความแตกต่างระหว่างกริยาช่วยและกริยาปกติ

เกณฑ์กริยาช่วย (Modal Verb)กริยาปกติ (Main Verb)
หน้าที่เสริมความหมายกริยาหลักเพื่อแสดงความสามารถ ภาระหน้าที่ การทำนาย คำแนะนำ…แสดงถึงการกระทำหรือสถานะของประธานโดยตรง
รูปแบบที่ตามมาไปกับกริยาปกติไม่มี “to” เสมอ (ยกเว้น ought to).สามารถแบ่งออกได้เป็นหลายรูปแบบ: V(s/es), V-ed, V-ing, to V…
การเปลี่ยนแปลงตามกาลไม่เปลี่ยนตามกาล (ไม่เพิ่ม -s, -ed, -ing).เปลี่ยนแปลงไปตามกาลและประธาน (work → works, worked, working…).
บุคคลที่สามเอกพจน์เหมือนเดิม (He can, She must).เพิ่ม -s/-es (He works, She goes).
คำปฏิเสธ & คำถามใช้โดยตรงกับ “not” และประโยคย้อนกลับ (She cannot swim / Can she swim?).ต้องมีกริยาช่วย do/does/did (She does not swim / Does she swim?).

ข้อสังเกตเมื่อใช้ Modal Verb

Can – Be able to 

คำจำกัดความใช้กับกาลอะไร?ตัวอย่างข้อสังเกตเมื่อใช้
Can: สามารถทำอะไรบางอย่างได้ใช้ในปัจจุบันและอนาคตอันใกล้เป็นหลัก– Kelvin, can you please open the door for me? (เคลวิน คุณสามารถเปิดประตูให้ฉันได้ไหม?)
– Kelvin can cook! (เคลวินสามารถทำอาหารได้!)
– มักใช้ในการพูดถึงความสามารถโดยทั่วไปว่าสามารถทำอะไรได้บ้าง
– มักใช้ในการถามเป็นการขอร้องอย่างสุภาพ
Be able to: สามารถทำบางสิ่งบางอย่างได้ใช้ได้กับทุกกาล (ปัจจุบัน, อดีต, อนาคต)– Kelvin is able to swim very well. (เคลวินสามารถว่ายน้ำได้ดีมาก)
– We are unable to swim like Kelvin. (เราไม่สามารถว่ายน้ำเหมือนเคลวินไม่ได้)
– ลึกซึ้งกว่าคำว่า “can” เน้นถึงความสามารถพิเศษหรือในสถานการณ์เฉพาะเจาะจง
– สามารถใช้ร่วมกับกาลต่างๆ ได้หลากหลาย มีความยืดหยุ่นมากกว่า can

Could – Was/Were able to

คำจำกัดความใช้กับกาลอะไร?ตัวอย่างข้อสังเกตเมื่อใช้
Could
– แสดงถึงความสามารถในอดีต- แสดงถึงความเป็นไปได้ที่บางสิ่งบางอย่างอาจเกิดขึ้น (แต่ไม่แน่นอน)
– ใช้เพื่อขออนุญาต/สุภาพกว่า Can
– ส่วนใหญ่ใช้ในอดีต
– สามารถใช้กับอนาคตที่ไม่แน่นอนได้อีกด้วย
– They told me they could come to my tea party. (พวกเขาบอกฉันว่าพวกเขาสามารถมาร่วมงานเลี้ยงน้ำชาได้)
– It could be raining tomorrow. (พรุ่งนี้อาจจะฝนตก)
Could you give me the bottle, please? (คุณสามารถส่งขวดน้ำให้ฉันหน่อยได้ไหม?)
– มักใช้กับคำกริยาการรับรู้ (see, hear, smell, taste, feel, remember, understand).
– สุภาพกว่าCan ในคำถาม
– ไม่ใช้ Could ในสถานการณ์ที่กดดันหรือเกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว (ควรใช้ was/were able to).
Was/Were able to: แสดงความสามารถหรือสิ่งที่ได้ทำในอดีต– อดีตของ Be able to
→ เปลี่ยน Be เป็น was/were
– I wasn’t able to come to your tea party. (ฉันไม่สามารถไปงานเลี้ยงน้ำชาของคุณได้)
– The building was on fire but Kelvin was able to escape. (อาคารเกิดไฟไหม้ แต่เคลวินหนีออกมาได้)
– ใช้เพื่อเน้นย้ำการกระทำที่เฉพาะเจาะจงในอดีต (โดยเฉพาะในสถานการณ์ที่ตึงเครียดและสำคัญ)
– โดยปกติมักใช้แทน Could เพื่อแสดงได้แม่นยำยิ่งขึ้น

Have to – Must – Need to

คำจำกัดความใช้กับกาลอะไร?ตัวอย่างข้อสังเกตเมื่อใช้
Must: ต้อง, ต้องทำโดยทั่วไปใช้ในปัจจุบันและอนาคต– I must finish my homework before tomorrow. (ฉันต้องทำการบ้านให้เสร็จก่อนพรุ่งนี้)
– You must not smoke in public in Singapore. (คุณไม่ได้รับอนุญาตให้สูบบุหรี่ในสถานที่สาธารณะในประเทศสิงคโปร์)
– คำที่แข็งแกร่งที่สุดในสามคำนี้ แสดงถึงความจำเป็นอย่างยิ่ง
Mustn’t = ห้าม- ไม่มีกาลอดีต อยากแสดงกาลอดีตต้องใช้ had to.
Have to: ต้องทำ(เนื่องจากสถานการณ์ ระเบียบข้อบังคับ)ใช้ได้กับทุกกาล (ปัจจุบัน, อดีต, อนาคต)– He has to work on his presentation. (เขาจะต้องทำการนำเสนอ)
– I didn’t have to get up at 9am today. (วันนี้ฉันไม่ต้องตื่น 9 โมงเช้า)
– มีความหมายคล้ายกับ must แต่เบากว่า มักเกี่ยวข้องกับงานและความรับผิดชอบภายนอก
– เชิงลบ: don’t/doesn’t have to = ไม่จำเป็น (ไม่บังคับ)
Need to: จำเป็นต้องทำบางสิ่งบางอย่างใช้ได้กับทุกกาล – They need to come to Bangkok if they want the best chicken meal. (พวกเขาต้องมากรุงเทพฯ หากต้องการกินไก่มื้อที่ดีที่สุด)
– Kelvin doesn’t need to go to the grocery store this week. (เคลวินไม่จำเป็นต้องไปร้านขายของชำสัปดาห์นี้)
– มักใช้กันในชีวิตประจำวัน
– เชิงลบ: don’t/doesn’t need to = ไม่ต้องทำการใดๆ
– ระดับการบังคับเบากว่า must และ have to

May – Might

คำจำกัดความใช้กับกาลอะไร?ตัวอย่างข้อสังเกตเมื่อใช้
May: สามารถ ได้อนุญาต– ปัจจุบัน อนาคต
– ใช้เพื่อขออนุญาต
– ใช้เพื่อแสดงความสามารถ ความน่าจะเป็น(ระดับความแน่นอนที่สูงกว่า might)
May I use your phone, please? (ฉันสามารถใช้โทรศัพท์ของคุณได้ไหม?)
– It may rain tomorrow. (พรุ่งนี้อาจจะฝนตก)
– เป็นทางการมากกว่า can ในการขออนุญาต
– มักใช้ในการทำนายปัจจุบัน/อนาคต
– อดีต: may have + V3.
Might: อาจจะ, อาจจะอนุญาตได้ (สุภาพกว่า)– ปัจจุบัน อนาคต (มีโอกาสเป็นไปได้น้อยกว่า may.)
– อดีต (might have + V3)- ใช้เพื่อขออนุญาต (เป็นทางการมาก มักใช้ในการเขียนหรือคำพูดทางอ้อม)
Might I interrupt for a moment? (ฉันขอขัดจังหวะสักครู่ได้ไหม?)
– The car looks nice but it might be expensive. (รถดูดีแต่ก็อาจมีราคาแพงได้)
– She might come home late last night. (เธออาจจะกลับบ้านดึกเมื่อคืนนี้)
– You might have left it at work. (คุณอาจจะลืมมันไว้ที่ทำงาน)
– ไม่ค่อยได้ใช้ในการพูดเพื่อขออนุญาต ส่วนใหญ่จะใช้ในการพูดทางอ้อม
– ใช้เมื่อความน่าจะเป็นต่ำ.
– อดีต: might have + V3.

Need not

คำจำกัดความใช้กับกาลอะไร?ตัวอย่างข้อสังเกตเมื่อใช้
ไม่จำเป็นหรือจำเป็นต้องทำอะไรบางอย่างปัจจุบัน อนาคต– I needn’t come with him. (ฉันไม่จำเป็นต้องไปกับเขา)
– We don’t need to hurry. (เราไม่จำเป็นต้องรีบ)
– สามารถใช้ needn’t หรือโครงสร้าง don’t/doesn’t need to.
– แสดงถึงความไม่บังคับและเบากว่าปฏิเสธของ must.

Should/ought to

คำจำกัดความใช้กับกาลอะไร?ตัวอย่างข้อสังเกตเมื่อใช้
ให้คำแนะนำว่าควรทำอย่างไร แสดงหน้าที่ หรือทำนายอย่างสมเหตุสมผล– ปัจจุบันอนาคต– You should spend more time practicing listening to English lectures. (คุณควรใช้เวลาฝึกฟังการบรรยายภาษาอังกฤษให้มากขึ้น)
– You ought to eat less meat and dairy products to avoid diseases. (คุณควรทานเนื้อสัตว์และผลิตภัณฑ์จากนมให้น้อยลงเพื่อหลีกเลี่ยงโรค)
– He should be very tired. (เขาคงจะเหนื่อยมาก)
– แสดงระดับบังคับประมาณ 50% (ไม่บังคับโดยสิ้นเชิง)
– สามารถใช้ในการสรุปผลอย่างสมเหตุสมผลโดยอาศัยหลักฐานได้
– มักใช้ในการให้คำแนะนำหรือแสดงความคิดเห็นที่สมเหตุสมผล
Should และ Ought to มีความหมายใกล้เคียงกันและสามารถใช้แทนกันได้

Had better

คำจำกัดความใช้กับกาลอะไร?ตัวอย่างข้อสังเกตเมื่อใช้
คำแนะนำที่หนักแน่น คำเตือน: “มันจะดีกว่าที่จะ…”– ปัจจุบันอนาคต– You had better do the homework right now. (คุณควรทำการบ้านของคุณตอนนี้)– เตือนใจหรือเน้นย้ำมากกว่า should
– มักใช้กับ had better + V (ไม่ผันรูป ไม่เพิ่ม “to”).
– ถ้าไม่ทำตามอาจส่งผลให้เกิดผลตามมา

Used to

คำจำกัดความใช้กับกาลอะไร?ตัวอย่างข้อสังเกตเมื่อใช้
Used to V: เคยทำสิ่งใดสิ่งหนึ่ง (นิสัยเก่าๆ ที่ไม่มีอีกต่อไป)
To get/be used to V-ing: ทำความคุ้นเคยกับการทำบางสิ่งบางอย่าง
– อดีต (used to V) / ปัจจุบัน (be/get used to V-ing)– I used to eat a lot of ice-cream when I was a little girl. (ฉันเคยกินไอศกรีมเยอะมากตอนที่ฉันยังเป็นเด็ก)
– I am used to eating a glass of water before having dinner. (ฉันเคยชินกับการดื่มน้ำหนึ่งแก้วก่อนรับประทานอาหารเย็น)
Used to V เฉพาะกาลอดีต ไม่ใช้กับปัจจุบัน
Be/get used to V-ing ใช้เพื่อแสดงความคุ้นเคยกับการกระทำในปัจจุบันหรืออนาคต
– สังเกตความแตกต่างระหว่างused to (อดีต) และ be used to (คุ้นเคยกับ)

แบบฝึกหัด Modal Verb

ข้อสอบ Modal verb พร้อมเฉลย

เติม Modal Verb ที่เหมาะสมลงในช่องว่างด้านล่างให้ถูกต้อง ในบางตำแหน่งจะมีคำตอบที่ถูกต้องมากกว่าหนึ่งข้อ หมายเหตุ:ในการตัดสินใจว่าจะใช้คำยืนยันหรือคำปฏิเสธ คุณต้องให้ความสนใจอย่างยิ่งกับบริบทในประโยค หากบริบทไม่ชัดเจนเพียงพอ คุณสามารถใช้ทั้งสองอย่างได้

He ……… (+) or ……… (-) like sports. I don’t know much about him. (possibility 30%)

Oh no! I may be late for work. I ……… go now.

……… we go to a coffee shop after work?

He ……… win that competition. (Honestly, I don’t know much about his ability.)

We ……… like a table for two.

You ……… ride your motorbike without wearing a helmet.

……… you please help me check this contract?

เฉลย:

1. might – might not

2. must

3. Shall

4. will/ won’t

5. Could

6. will

7. can’t

แบบฝึกหัดเกี่ยวกับ Semi-modal Verb

จัดเรียงคำด้านล่างเพื่อสร้างประโยคที่ถูกต้อง

1. those/ me/ touch/ to/ that/ kids/ dog/ dared/ .

2. at/ daren’t/ our/ go/ alone/ night/ son/ out/ .

3. rivers/?/ your/ sister/ younger/ to/ dare/ does/ in/ swim/

4. needn’t/ food/ party/ buy/ you/ more/ the/ for

5. night/ , / we/ dare/ get/ room/ into/ that/ scary/ didn’t/ last/ .

6. co-worker/ always/ help / my/ that/ needs/ .

7. live/ my/ I/ need/ early/ to/ because/ near/ I/ company/ get up/ don’t.

เฉลย:

1. Those kids dared me to touch that dog.

2. Our son daren’t go out alone at night.

3. Does your younger sister dare to swim in rivers?

4. You needn’t buy more food for the party.

5. Last night, we didn’t dare get into that scary room.

6. That co-worker always needs my help.

7. I don’t need to get up early because I live near my company.

คำถามที่พบบ่อย

Modal Auxiliary verb คือ?

Modal Auxiliary เป็นกริยาช่วยที่ใช้แสดงความสามารถ ความจำเป็น ภาระผูกพัน คำแนะนำ การทำนาย หรือการอนุญาตของประธานในประโยค

Modal verb สรุป

Modal verb หลักๆ ได้แก่ Can, Could, May, Might, Must, Shall, Should, Will, Would, Ought to, Had better, Need to, Used to กริยาเหล่านี้จะไม่เปลี่ยนรูปตามบุคคล และมักใช้ร่วมกับรูปกริยาพื้นฐาน (V-inf) ซึ่งใช้แสดงความสามารถ หน้าที่ คำแนะนำ การทำนาย หรือการอนุญาต

ในบทความด้านบน ELSA Speak ก็ได้รวบรวมความรู้และประยุกต์แบบฝึกหัดเกี่ยวกับ Modal verb และ Semi-modal verb แล้วELSA Speak หวังว่าจากบทความข้างต้น คุณจะสามารถเชี่ยวชาญและใช้คำกริยาเหล่านี้ได้อย่างคล่องแคล่ว ขอบคุณมากที่อ่านบทความ แล้วพบกันใหม่ในบทความหน้านะ!

🎃 ELSA Premium ตลอดชีพ เหลือเพียง 6,439 บาท