Author: Ánh Nguyễn
เมื่อสื่อสารเป็นภาษาอังกฤษ คุณจะต้องเจอกับสถานการณ์ที่ต้องกล่าวขอบคุณภาษาอังกฤษ คุณรู้แค่เพียงว่าต้องพูดขอบคุณด้วยความจริงใจ ภาษาอังกฤษ เช่น Thank you, Thank you so much, Thanks งั้นวันนี้เราขอแนะนำ 100+ ประโยคขอบคุณภาษาอังกฤษ (Thank you) ที่เป็นทางการและทั่วไป ที่เหมาะกับสถานการณ์ในชีวิตประจำวันกับคุณนะ
Thank you – ขอบคุณภาษาอังกฤษคืออะไร
คำนิยาม: เพื่อกล่าวขอบคุณที่ช่วยเหลือ เรามักใช้คำสองคำว่า ขอบคุณ ในขณะเดียวกัน ในภาษาอังกฤษ (หรือภาษาไทย) เราทุกคนจะรวมคำและน้ำเสียงที่แตกต่างกันเพื่อสร้าง “ระดับการขอบคุณ” ที่แตกต่างกัน ที่ขึ้นอยู่กับบริบทและวัตถุประสงค์ของคำพูด
ในภาษาอังกฤษ เราทุกคนต่างรู้ว่า ขอบคุณคือ Thank you แต่ว่าในความเป็นจริงแล้ว มีการแสดงออกที่แตกต่างกันมากมายขึ้นอยู่กับสถานการณ์การใช้งาน
มาร่วมกับ ELSA Speak เพื่อเรียนรู้ทุกวิธีในการพูดขอบคุณภาษาอังกฤษที่ใช้ในชีวิตประจำวันและในการทำงาน หรือวิธีการขอบคุณอย่างเป็นทางการตามที่ระบุไว้ในเนื้อหาต่อจากนี้
วิธีพูดขอบคุณภาษาอังกฤษ – สถานการณ์ที่เป็นทางการ
ตามชื่อเรื่องเลย วิธีพูดขอบคุณภาษาอังกฤษในส่วนนี้จะเป็นวิธีพูดขอบคุณภาษาอังกฤษแบบ สุภาพและทางการกว่าวิธีในส่วนที่ 2 มีวิธีบางอย่างที่ยกมาจากส่วนที่ 2 และปรับเปลี่ยนให้มีความสุภาพมากขึ้น
| ประโยคขอบคุณภาษาอังกฤษ | แปล |
|---|---|
| I’m so grateful/ thankful for + N. | ฉันรู้สึกขอบคุณ/ซาบซึ้งใจมากสำหรับ… |
| I can’t express how grateful/ thankful I am for + N. | ฉันไม่สามารถแสดงความขอบคุณได้มากพอสำหรับ… |
| I would like to express my gratitude (to …) for + N. | ฉันอยากจะแสดงความขอบคุณ (ต่อ…) สำหรับ… |
| I highly appreciate it/that/ + N. | ฉันรู้สึกขอบคุณ/ซาบซึ้งใจมากสำหรับ… |
| I want/ would like you to know how much I value + N. | ฉันอยากให้คุณรู้ว่าฉันซาบซึ้งใจมากแค่ไหน… |
| No words can express how thankful/ grateful I am for + N. | คำพูดไม่อาจแสดงความขอบคุณของฉันได้… |
| I’d like to express my sincere gratitude for you. | ฉันขอแสดงความขอบคุณอย่างจริงใจต่อคุณ |
| Thank you for using our services. | ขอบคุณที่ใช้บริการของเรา |
| Many thanks for giving me this opportunity. | ขอบคุณมากที่ให้โอกาสนี้ให้ฉัน |
| Many thanks for the opportunity. | ขอบคุณมากสำหรับโอกาสนี้ |
| Thank you for your advice. | ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ |
| Many thanks for your assistance. | ขอบคุณมากสำหรับความช่วยเหลือ |
| I appreciate the information and advice you have shared. | ฉันซาบซึ้งในข้อมูลและคำแนะนำที่คุณได้แบ่งปันให้ฉัน |
| I am so very thankful for your time. | ฉันรู้สึกขอบคุณสําหรับเวลาของคุณ |
| I’m so grateful for your help. | ฉันซาบซึ้งในความช่วยเหลือของคุณมาก |
| I truly appreciate everyone’s efforts. | ฉันซาบซึ้งในความพยายามของทุกคน |
| Thank you for your assistance in this matter. | ขอบคุณสำหรับความช่วยเหลือของคุณในเรื่องนี้ |
| Words cannot express how grateful I am for your help. | ฉันไม่สามารถบรรยายความรู้สึกขอบคุณสำหรับความช่วยเหลือของคุณได้เลย |
| I’d like to thank everyone for coming along and supporting us today. | ฉันขอขอบคุณทุกท่านที่มาเยี่ยมชมและสนับสนุนพวกเราในวันนี้ |
| Thank you for taking the trouble to answer all my questions. | ขอบคุณที่สละเวลาตอบคำถามทุกข้อของฉัน |
| Your support in this discussion is greatly appreciated. | ขอขอบคุณสำหรับการสนับสนุนของคุณในการสนทนาครั้งนี้เป็นอย่างยิ่ง |
| Thank you so much for the help. Please let me know if I can return. | ขอบคุณมากสำหรับความช่วยเหลือของคุณ หากผมสามารถช่วยเหลือได้ โปรดแจ้งให้ผมทราบด้วย |

>>> Read more: วิธีการตอบรับทราบในภาษาอังกฤษอย่างถูกต้องและมีประสิทธิภาพ
ประโยค ขอบคุณ ภาษาอังกฤษ ทั่วไป (ไม่เป็นทางการ)
เมื่อพูดคุยกับเพื่อน เพื่อนร่วมงาน หรือคนรู้จักเป็นประจำในทุก ๆ วัน คุณสามารถใช้ประโยคขอบคุณที่เรียบง่าย สั้น แต่ยังคงเป็นธรรมชาติและจำง่าย ประโยคเหล่านี้จะช่วยให้คุณแสดงความขอบคุณได้อย่างสบายใจและใกล้ชิด โดยไม่ดูเป็นทางการเกินไป
| ประโยคขอบคุณภาษาอังกฤษ | แปล |
|---|---|
| Thank you. | ขอบขอบ |
| Thanks! | ขอบคุณนะ! |
| Thanks a lot! | ขอบคุณมาก! |
| Thank you so/very much! | ขอบคุณมาก ๆ |
| Thanks (a lot) for + V-ing/noun. | ขอบคุณมากสำหรับ… |
| Thank you (so/very much) for + V-ing/noun | ขอบคุณ (มาก) สำหรับ… |
| Thanks a million (for…) | ขอบคุณมาก (สำหรับ…) |
| Thanks a bunch! | ขอบใจมาก! |
| Sincerely thanks! | ขอบคุณเป็นอย่างยิ่ง! |
| Thank you/Thanks in advance! | ขอบคุณล่วงหน้า! |
| Thanks again! | ขอบคุณอีกครั้งนะ! |
| Thanks so much. | ขอบคุณมาก |
| Thanks a ton. | ขอบคุณมาก ๆ เลยนะ |
| I don’t know what to say! | ไม่รู้จะขอบคุณยังไงเลย! |
| That’s very kind. | คุณใจดีมาก |
| What would I do without you? | ฉันจะทำอย่างไรถ้าไม่มีคุณ |
| I can’t thank you enough. | ฉันไม่สามารถขอบคุณคุณได้เพียงพอเลย |
| You are always so helpful. | คุณช่วยเหลือฉันเสมอเลย |
| You are the best. | คุณคือที่สุดเลย |
| You have been most helpful. | คุณช่วยฉันไว้เยอะมาก |
| I appreciate your help. | ฉันซาบซึ้งในความช่วยเหลือของคุณมาก |
| I am grateful for your help. | ฉันรู้สึกซาบซึ้งในความช่วยเหลือของคุณมาก |
| I’m so grateful! | ฉันซาบซึ้งใจจริงๆ! |
| I appreciate it. | ฉันซาบซึ้งใจจริง ๆ |
| Thanks for your hard work on this. | ขอบคุณสำหรับความพยายามของคุณในครั้งนี้ |
| I couldn’t have done it without you. | ฉันคงทำไม่ได้เลยถ้าไม่มีคุณ |
| I owe you one. | ฉันเป็นหนี้ (บุญคุณ) คุณครั้งหนึ่งละ |
| Much obliged. | ขอบคุณมาก |
| Thanks for having my back. | ขอบคุณที่สนับสนุนฉันเสมอมา |
| Please accept my deepest gratitude. | โปรดรับความกตัญญูอย่างสุดซึ้งจากฉัน |
| I have to give credit where it’s due. | ขอยกความดีความชอบให้กับคนที่สมควรจะได้รับ |
| This has been such blessing. | นี่คือพรอันประเสริฐที่ฉันได้รับ |
| Cheers! | ขอบใจจ้า! (ไม่เป็นทางการ) |
| That’s so kind of you. | คุณใจดีเหลือเกิน |
| Much appreciated. | ฉันรู้สึกชื่นชมคุณมาก |
| Thank you for taking the time to do this. | ขอบคุณที่สละเวลามาทำสิ่งนี้ |
| Your support means the world to me. | การสนับสนุนของคุณยิ่งใหญ่เหมือนโลกทั้งใบเลย |
| Many thanks. | ขอบคุณมาก |
| I’m beyond grateful. | ฉันรู้สึกขอบคุณเหลือเกิน |
| I sincerely applaud you. | ฉันขอชื่นชมคุณอย่างจริงใจ |
| I’m forever indebted. | ฉันเป็นหนี้บุญคุณตลอดไป |
| I stand in recognition. | ขอบคุณมากนะ ฉันสำนึกถึงสิ่งที่คุณทำเพื่อฉันเสมอ |
| I’m blown away by your kindness. | ฉันประทับใจในความมีน้ำใจของคุณ |
| It means the world to me. | ขอบคุณนะ มันเป็นโลกทั้งใบสำหรับฉันเลย |
| I want you to acknowledge how much you’ve done. | ฉันอยากให้คุณรู้ว่าคุณได้ทำสิ่งต่าง ๆ ไปมากมายเพียงใด |
| Thanks in advance. | ขอบคุณคุณล่วงหน้าเลยนะ! |
| You are the best! | คุณคือที่สุดเลยนะ! |
| Cheers, mate! | ขอบใจมากนะเพื่อน (นิยมใช้ในประเทศอังกฤษและออสเตรีเลีย) |
| Ta muchly! | ขอบใจหลาย ๆ (คำขอบคุณน่ารัก ๆ จากประเทศอังกฤษ) |
| Chur! | ขอบใจนะ (นิยมใช้ในประเทศนิวซีแลนด์) |
| You made my day. | คุณทำให้วันนี้เป็นวันที่สดใสสำหรับฉันเลย |
| How thoughtful of you. | คุณช่างคิดถึงใจคนอื่นจริง ๆ เลย |
| Thank you for your guidance. | ขอบคุณเท่าไหร่ก็คงไม่พอ ฉันรู้สึกขอบคุณมากๆเลย |
| I’m grateful for your assistance. | ฉันรู้สึกขอบคุณที่คุณให้ความช่วยเหลือ |
| My sincere appreciation. | ฉันรู้สึกขอบคุณอย่างใจจริง |
| I’m most grateful. | ฉันรู้สึกขอบคุณเป็นอย่างมาก |
| I’d like to express my sincere gratitude for you. | ฉันอยากจะขอบคุณคุณจากใจ |
| Thank you for using our services. | ขอบคุณที่ใช้บริการของเรา |
ประโยค ขอบคุณภาษาอังกฤษ สั้น ๆ
ในการสื่อสารในชีวิตประจำวัน ประโยคขอบคุณภาษาอังกฤษสั้นๆจะช่วยให้คุณแสดงความสุภาพและสร้างความปรารถนาดีได้อย่างรวดเร็ว ประโยคเหล่านี้เรียบง่าย จำง่าย แต่ยังคงมีความซับซ้อนเพียงพอที่จะใช้ได้ในหลากหลายสถานการณ์
| ประโยค ขอบคุณ ภาษาอังกฤษ | แปล |
|---|---|
| Thanks! | ขอบคุณ! |
| Thanks a lot! | ขอบคุณมาก! |
| Thank you! | ขอบคุณ! |
| Many thanks! | ขอบคุณมาก ๆ นะ! |
| Thanks so much! | ขอบคุณมากนะ! |
| Thanks a million! | ขอบคุณเป็นอย่างมาก! |
| Thank you kindly! | ขอบคุณอย่างยิ่ง! |
| Thanks again! | ขอบคุณอีกครั้ง! |
>>> Read more:
- คําขอบคุณอวยพรวันเกิด ภาษาอังกฤษมากกว่า 50 คําอย่างจริงใจที่สุด
- 15+ วิธีพูด ไม่เป็นไร ภาษาอังกฤษ ที่เรียบง่ายและจดจำได้ง่าย
วิธีอื่นในการกล่าวขอบคุณแทนคำว่า Thank you
คุณไม่จำเป็นต้องพูดคำว่า “Thank you” เสมอไปเพื่อแสดงความขอบคุณ มีวิธีพูดที่สร้างสรรค์และเหมาะสมมากมาย ซึ่งจะทำให้คำขอบคุณของคุณดูเป็นธรรมชาติและน่าจดจำยิ่งขึ้น
| ประโยค ขอบคุณ ภาษาอังกฤษ | แปล |
|---|---|
| THX. | ขอบคุณ (สั้นๆ พูดคุย/ไม่เป็นทางการ) |
| Cheers! | ขอบคุณนะ! (ไม่เป็นทางการ) |
| Cheers, mate! | ขอบคุณ! (ไม่เป็นทางการ อังกฤษ/ออสเตรเลีย) |
| Many thanks. | ขอบคุณมาก |
| Many thanks for the opportunity. | ขอบคุณมากสำหรับโอกาสนี้ |
| I appreciate it. | ฉันซาบซึ้งใจจริง ๆ |
| I truly appreciate everyone’s efforts. | ฉันซาบซึ้งในความพยายามของทุกคนจริง ๆ |
| I can’t thank you enough. | ฉันไม่สามารถขอบคุณคุณได้เพียงพอเลย |
| Much appreciated. | ขอบคุณมากจริง ๆ |
| I couldn’t have done it without you. | ฉันคงทำไม่ได้เลยถ้าไม่มีคุณ |
| Thank you in advance! | ขอบคุณล่วงหน้านะ! |
| That’s very kind of you. | คุณใจดีมากจริง ๆ |
| That’s so kind of you. | คุณใจดีมาก ๆ เลย |
| Your support means the world. | การสนับสนุนของคุณมีความหมายมาก |
| It means a lot to me. | มันมีความหมายกับฉันมากจริง ๆ |
| It means the world to me. | มันมีความหมายกับฉันมากจริง ๆ |
| Thanks a million. | ขอบคุณมาก ๆ เลย |
| Thanks for your hard work on this. | ขอบคุณที่ทรงงานหนัก |
| Thanks for having my back. | ขอบคุณที่คอยสนับสนุนฉันมาโดยตลอด |
| You made my day. | คุณทำให้วันของฉันวิเศษมาก |
| I owe you big time. | ฉันเป็นหนี้บุญคุณคุณมาก ๆ เลย |
| I owe you one. | ฉันเป็นหนี้คุณ (บุญคุณ) ครั้งนึง |
| You’re the best. | คุณคือที่สุด |
| You’re the best. Thanks a bunch. | คุณยอดเยี่ยมที่สุด ขอบคุณมาก ๆ |
| You’re a lifesaver! | คุณช่วยชีวิตฉันไว้เลย! |
| Thank you for your assistance. | ขอบคุณสำหรับความช่วยเหลือของคุณ |
| I’m so thankful for friends like you. | ฉันรู้สึกขอบคุณมากที่มีเพื่อนอย่างคุณ |
| You have been the most helpful. | คุณคือคนที่ช่วยฉันมากที่สุด |
| What would I do without you? | ฉันจะทำอย่างไรถ้าไม่มีคุณ |
| You are always so helpful. | คุณเต็มใจช่วยเหลือฉันเสมอเลย |
| Thank you so much for the help. | ขอบคุณมากสำหรับความช่วยเหลือ |
| Thank you for everything you do. | ขอบคุณสำหรับทุกสิ่งที่คุณทำ |
| You’re the best. I wouldn’t have finished this on time without you. | คุณคือที่สุด ฉันคงทำไม่เสร็จทันเวลาถ้าไม่มีคุณ |
| I’m so grateful. | ฉันรู้สึกขอบคุณจริง ๆ |
| Appreciate it! | ซาบซึ้งใจมาก ขอบคุณนะ! |
>>> Read more:
- อวยพรงานแต่ง – 80 คำที่เหมาะสมและไพเราะ มีความหมายที่ควรรู้
- อวยพรวันเกิดตัวเอง – 80+ แคปชั่นภาษาอังกฤษที่มีความหมาย
- 50+ ประโยคขอบคุณลูกค้าสำหรับการอุดหนุนแบบสุภาพเป็นภาษาอังกฤษ
แนะนำการกล่าวขอบคุณในภาษาอังกฤษในสถานการณ์เฉพาะ
วิธีการกล่าวขอบคุณ ภาษาอังกฤษจะแตกต่างกันไปตามสถานการณ์ เพื่อให้สุภาพและเป็นธรรมชาติ ด้านล่างนี้คือคำแนะนำเกี่ยวกับการใช้ในสถานการณ์ทั่วไปเพื่อให้คุณนำไปใช้ได้ง่าย
ประโยค ขอบคุณ ภาษาอังกฤษ กับใครบางคนแบบสุ่ม
เมื่อพนักงานแคชเชียร์ช่วยคุณจ่ายเงิน เพื่อนร่วมงานนำกาแฟมาให้คุณ หรือคนแปลกหน้าให้คำแนะนำคุณอย่างกระตือรือร้น… จงใช้คำขอบคุณสั้นๆ และสุภาพเหล่านี้:
- Thank you! – ขอบคุณค่ะ/ครับ!
- Thanks. – ขอบคุณค่ะ/ครับ
- Thanks so much. – ขอบคุณมาก ๆ นะคะ/ครับ
- Thanks a million. – ขอบคุณมากเลยค่ะ/ครับ
ขอบคุณเมื่อมีคนช่วยเหลือคุณ
บางครั้งคุณอาจได้รับความช่วยเหลือจากคนอื่น เช่น เพื่อนบ้านใจดีที่ไปส่งคุณที่ป้ายรถเมล์ ในกรณีเช่นนี้ คุณสามารถใช้คำขอบคุณต่อไปนี้ได้:
- That’s very kind of you. – คุณใจดีมาก ๆ เลย
- You made my day. – คุณทำให้วันของฉันดีขึ้น
- You’re awesome! – คุณยอดเยี่ยมมาก!
ขอบคุณเมื่อมีคนทำสิ่งที่ไม่คาดคิดให้กับคุณ
บางครั้งคุณอาจประหลาดใจกับใครบางคน เช่น เพื่อนเก่าที่ส่งของขวัญมาให้ หรือพี่สาวที่ทำความสะอาดห้องให้คุณอย่างเงียบ ๆ เพื่อแสดงความขอบคุณ คุณสามารถใช้ประโยคต่อไปนี้:
- I don’t know what to say! – ฉันไม่รู้จะพูดอะไรดี!
- Oh, you shouldn’t have! – โอ้ คุณไม่น่าทําอย่างนั้นเลย!
- How thoughtful of you! – ช่างเอาใจใส่จริง ๆ!
คําขอบคุณ ภาษาอังกฤษ เมื่อมีคนช่วยให้คุณประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่
เมื่อคุณก้าวไปสู่จุดสำคัญในชีวิตการเรียนหรืออาชีพการงาน การสนับสนุนจากครอบครัว เพื่อน หรือเพื่อนร่วมงานเป็นสิ่งที่น่าชื่นชมอย่างยิ่ง ด้านล่างนี้คือวิธีแสดงความขอบคุณ:
- I couldn’t have done it without you. – ฉันคงทำไม่ได้ถ้าไม่มีคุณ
- I really want to thank you for your help. – ฉันอยากขอบคุณคุณจริง ๆ สำหรับความช่วยเหลือของคุณ
- I really appreciate everything you’ve done. – ฉันซาบซึ้งในทุกสิ่งที่คุณทำจริง ๆ
วิธีกล่าวขอบคุณเมื่อมีคนช่วยคุณในช่วงเวลาที่ยากลำบาก
ในช่วงเวลาที่ท้าทาย หากมีใครสักคนเต็มใจที่จะอยู่เคียงข้างเพื่อสนับสนุน โปรดแสดงความขอบคุณด้วยคำกล่าวขอบคุณดังต่อไปนี้:
- I’m really grateful for your help. – ฉันรู้สึกขอบคุณมากสำหรับความช่วยเหลือของคุณ
- This means a lot to me. – สิ่งนี้มีความหมายกับฉันมากจริง ๆ
- Thanks for having my back. – ขอบคุณที่คอยสนับสนุนฉันมาโดยตลอด
- I owe you one. – ฉันติดหนี้ (บุญคุณ) คุณครั้งหนึ่ง

คําขอบคุณ ภาษาอังกฤษ เกี่ยวกับการงาน
เมื่อเพื่อนร่วมงานหรือผู้บังคับบัญชาช่วยคุณทำงานให้สำเร็จ ให้โอกาสใหม่แก่คุณ หรือยอมรับความสำเร็จของคุณ ให้ใช้ประโยคขอบคุณเหล่านี้เพื่อแสดงความขอบคุณของคุณ:
- I sincerely appreciate your help with the duty today. – ฉันซาบซึ้งในความช่วยเหลือของคุณอย่างจริงใจในหน้าที่วันนี้
- Thanks for helping me complete my goal. – ขอบคุณที่ช่วยฉันบรรลุเป้าหมาย
- Thank you for meeting with me. – ขอบคุณที่นัดพบฉัน
- Thanks for helping me get the documents I needed. – ขอบคุณที่ช่วยฉันหาเอกสารที่ต้องการ
- Your help means a lot to me! – ความช่วยเหลือของคุณมีความหมายกับฉันมาก!
- Thank you for the bonus. I am incredibly grateful. – ขอบคุณสำหรับโบนัส ฉันรู้สึกขอบคุณมากจริง ๆ
- Thank you for giving me the opportunity. – ขอบคุณที่ให้โอกาสฉัน
ขอบคุณสำหรับของขวัญในภาษาอังกฤษ
เมื่อมีใครมอบของขวัญให้คุณ แสดงความซาบซึ้งและยินดีด้วประโยคขอบคุณเหล่านี้:
- Thank you for taking the time to prepare me [the gift]. – ขอบคุณที่สละเวลาเตรียม [ของขวัญ] ให้ฉัน
- Thank you for the incredible gift. – ขอบคุณสำหรับของขวัญที่วิเศษมาก
- I am so grateful for your generous gift. – ฉันรู้สึกขอบคุณมากสำหรับของขวัญอันแสนวิเศษของคุณ
- I appreciate the special gift you’ve given me. – ฉันซาบซึ้งใจกับของขวัญพิเศษที่คุณมอบให้ฉัน
- Thanks for the thoughtful gift. – ขอบคุณสำหรับของขวัญที่คุณใส่ใจเตรียมมาให้
- That was very sweet of you to remember me. I love your gift! – คุณช่างน่ารักเหลือเกินที่นึกถึงฉัน ฉันชอบของขวัญของคุณมาก!
- Thanks for the effort you made in putting together the [gift]. – ขอบคุณที่ทุ่มเทกับการจัดเตรียม [ของขวัญ] มาให้ฉัน
- I love the gift you gave me. Thank you so much! – ฉันรักของขวัญที่คุณให้ฉัน ขอบคุณมากนะ!
- Thank you for thinking of me. I will cherish your gift always. – ขอบคุณที่นึกถึงฉัน ฉันจะเก็บรักษาของขวัญชิ้นนี้ไว้ตลอดไป
วิธีการเขียน ขอบคุณ ภาษาอังกฤษ ผ่านจดหมายหรืออีเมล
- ในวัฒนธรรมของประเทษที่ใช้ภาษาอังกฤษ การส่งจดหมายขอบคุณหรืออีเมลเป็นเรื่องปกติ ต่อไปนี้คือตัวอย่างประโยคที่ควรพิจารณา:
- Dear name , How are you ? I just want to say thank you so much for your support. I couldn’t have managed everything without you . Love , your name
- Dear name , I’ve received your gift and I love it! Thank you for remembering my birthday, it really means a lot to me. Best wishes, your name .
- Dear Mrs./Mr. name , I’m writing this short note to sincerely thank you for your guidance and support throughout the school year. I’m truly grateful to have such an amazing teacher. With gratitude, your name – Dear Mrs./Mr. name , I’m writing this short note to express my deepest gratitude for your guidance and support throughout the school year. I feel incredibly lucky to have had such an amazing teacher. With gratitude, your name
| การใช้ ms mrs อย่างไรให้ถูกต้อง มาศึกษาบทความนี้เพื่อเพิ่มความรู้เกี่ยวกับคำนำหน้าชื่อภาษาอังกฤษและวิธีการแยกความแตกต่างกัน |
วิธีพูดขอบคุณภาษาอังกฤษในการเขียนอีเมลในการทำงาน
จากวิธีการด้านล่างนี้ จะมีวิธีที่เหมาะสมสำหรับเนื้อหาส่วนหัวอีเมลและส่วนท้ายของอีเมล โปรดอ่านหมายเหตุอย่างละเอียดและพิจารณาแต่ละกรณีอย่างรอบคอบเพื่อเลือกประโยคขอบคุณที่ถูกต้อง

Thank you for contacting me/ us (about/ regarding + noun (phrase))
ใช้ในส่วนหัวของอีเมลเพื่อขอบคุณผู้ที่ส่งอีเมลถึงคุณ หมายความว่า ขอบคุณที่ติดต่อกับฉัน/พวกเรา (เกี่ยวกับ…)
ตัวอย่าง: Dear Mr. Anderson, First of all, thank you for contacting me…
⟶ เรียน คุณแอนเดอร์สัน ก่อนอื่น ขอขอบคุณที่ติดต่อกับฉัน…
Thank you for reaching out to me/ us (about/ regarding + noun (phrase))
วลีนี้หมายความว่า ขอบคุณที่ติดต่อกับฉัน/พวกเรา (เกี่ยวกับ…) เช่นเดียวกับประโยคที่ 1 ประโยคนี้ยังใช้ในส่วนหัวอีเมลเพื่อขอบคุณใครบางคนที่ส่งอีเมลถึงคุณ กริยาวลี ‘reach out to’ แปลว่า ‘ติดต่อกับ’
ตัวอย่าง: Dear Mr. Williams, Thank you so much for reaching out to us about the date and time of our next meeting…
⟶ เรียน คุณวิลเลียมส์ ขอบคุณมากสำหรับการติดต่อกับฉันเกี่ยวกับวันและเวลาของการประชุมครั้งต่อไปของพวกเรา…
Thank you for informing me/ us of + noun (phrase)
ขอบคุณที่แจ้งให้เราทราบเกี่ยวกับ… คือความหมายของวลีนี้ ประโยคนี้ใช้ในส่วนหัวของอีเมลเพื่อขอบคุณคนที่เคยส่งอีเมลมาแจ้งบางอย่างกับคุณ วลี ‘inform somebody of’ อธิบายถึงการแจ้งใครบางคนเกี่ยวกับบางสิ่ง
ตัวอย่าง: Dear Ms. Chuang, First of all, thank you for informing us of the delay in the delivery of your order. We sincerely apologize for this inconvenience…
⟶ เรียนคุณชวง ก่อนอื่น ขอขอบคุณที่แจ้งให้ทางเราทราบเกี่ยวกับความล่าช้าในการจัดส่งคำสั่งซื้อของคุณ ทางเราขออภัยในความไม่สะดวกเป็นอย่างยิ่ง…
Thank you for raising your concern(s) (about…)
ประโยคนี้เป็นประโยคพิเศษ ใช้ในส่วนหัวของอีเมลเพื่อขอบคุณคนที่เคยส่งอีเมลถึงคุณในอดีต และแจ้งปัญหาที่ทำให้พวกเขากำลังกังวลหรือไม่พอใจ และหมายความว่า ขอบคุณสำหรับการแจ้งข้อกังวล/ข้อกังวลของคุณ (เกี่ยวกับ…)
ตัวอย่าง: Dear Ms. Brown, Thank you for raising your concern about the progress of the StarX project!…
⟶ เรียน คุณบราวน์ ขอบคุณที่แจ้งข้อกังวลของคุณเกี่ยวกับความคืบหน้าของโครงการ StarX…
Thank you for your (prompt) reply
ขอบคุณสำหรับการตอบกลับ (อย่างรวดเร็ว) ของคุณ! ประโยคนี้ใช้ในส่วนหัวของอีเมลเพื่อขอบคุณการตอบกลับอีเมล (อย่างรวดเร็ว) จากบุคคลอื่น คำนาม ‘reply’ แปลว่า ‘ตอบกลับ’ คำคุณศัพท์ ‘prompt’ ก่อนหน้ามันหมายถึง ‘อย่างรวดเร็ว’
ตัวอย่าง: Dear Jack, Firstly, thank you for your prompt reply!…
⟶ ถึงแจ็ค ก่อนอื่น ขอขอบคุณสำหรับการตอบกลับที่รวดเร็วของคุณ…
Thank you for the information (about…)
ขอบคุณสำหรับข้อมูล (เกี่ยวกับ…)! ประโยคนี้ใช้ในส่วนหัวของอีเมลเมื่อคุณตอบกลับอีเมลแจ้งข้อมูลของบุคคลอื่น
ตัวอย่าง: Dear Rebecca, Thank you for the information!…
⟶ เรียนรีเบคก้า ขอบคุณสำหรับข้อมูลนะ…
Thank you (in advance) for your cooperation
เราใช้ประโยคนี้ (โดยไม่มี ‘in advance’) ในส่วนหัวของอีเมลเมื่อผู้รับอีเมลได้รับและดำเนินการตามคำขอจากเราก่อนหน้านี้ เราใช้ประโยคนี้ในส่วนท้ายของอีเมล (โดยมี ‘in advance’) เพื่อขอบคุณพวกเขาสำหรับความร่วมมือกับคำขอที่เรากล่าวถึงข้างต้น และแสดงโดยปริยายว่า เราคาดหวังให้พวกเขาร่วมมือ
ตัวอย่าง: Dear Chen, Firstly, thank you so much for your cooperation!…
⟶ ถึงเฉิน ก่อนอื่น ขอบคุณมากสำหรับความร่วมมือของคุณ…
Thank you for your consideration
คุณสามารถใช้ประโยคนี้ในส่วนท้ายของอีเมล ที่คุณเสนอแนะหรือร้องขอโดยมีความหมายว่า ขอบคุณสำหรับการพิจารณาของคุณ!
ตัวอย่าง:… Thank you for your consideration! I’m looking forward to hearing from you. Best regards, Earn Rattikarn
⟶ … ขอขอบคุณสำหรับการพิจารณาของคุณ! หวังว่าจะได้รับการตอบกลับจากคุณเร็ว ๆ นี้ ขอแสดงความนับถือ, เอิร์น รัตติกาล
Thank you for your understanding!
ประโยคนี้ใช้ในส่วนท้ายของอีเมลเพื่อขอบคุณผู้อ่านที่เข้าใจให้คำขอที่เรานำเสนอข้างต้นรบกวนหรือสร้างความไม่สะดวกแก่พวกเขาห มองอีกแง่หนึ่ง ประโยคนี้ไม่ใช่คำขอบคุณจริงๆ แต่เป็นการขอความเห็นใจจากผู้อ่าน
ตัวอย่าง: … Once again, I apologize for asking you to complete this urgent task on your day off. Thank you for your understanding!…
⟶ … ฉันขอโทษอีกครั้งที่ขอให้คุณทำงานเร่งด่วนนี้ให้เสร็จในวันหยุดของคุณ ขอขอบคุณสำหรับความเข้าใจของคุณ…
>>> Read more: 10 ways to say “Nice to meet you” in English and easy ways to respond.
คําถามที่พบบ่อย
ในอเมริกาเราสามารถใช้คำว่า “Cheers” แทนคำว่า Thank you ได้ไหม?
ได้ แต่เฉพาะในคำพูดที่ไม่เป็นทางการ โดยทั่วไปจะใช้กับเพื่อนและเพื่อนร่วมงาน ในสถานการณ์ที่เป็นทางการ คุณควรใช้คำว่า “Thank you”
THX U ย่อมาจากคําว่าอะไร?
“THX U” ย่อมาจากคําว่า Thank You มักใช้ในข้อความแชท
ความแตกต่างระหว่างคําว่า Thanks กับ Thank you คืออะไร?
- Thanks: สนิทสนม สบายใจ ใช้กับเพื่อน คนรู้จัก
- Thank you: สุภาพกว่า เป็นทางการกว่า ใช้ในที่ทำงานหรือกับคนที่คุณไม่รู้จักดีนัก

ข้างต้นคือบทสรุปที่สมบูรณ์และละเอียดที่สุดของวิธีพูดขอบคุณภาษาอังกฤษในหลายๆ กรณี ELSA Speak หวังว่าในบทความนี้ คุณจะมีส่วนเล็กๆ น้อยๆ ในกระเป๋าเดินทางสำหรับสื่อสารภาษาอังกฤษของคุณ ขอให้คุณใช้งานได้อย่างมั่นใจ ถูกต้อง และมีประสิทธิภาพ ขอบคุณที่อ่านบทความ แล้วพบกันใหม่ในบทความหน้า!
แอปพลิเคชันที่สนับสนุนการเรียนรู้และการพูดภาษาอังกฤษจึงได้รับการอัปเกรดและพัฒนามากขึ้นเรื่อย ๆ สามารถ ช่วยให้ผู้เรียนฝึกพูดภาษาอังกฤษด้วยสำเนียงมาตรฐานโดยฟรีเลย ในบทความต่อไปนี้ ELSA Speak จะแชร์ให้ทุกคน ท๊อป 10 แอพฝึกพูดภาษาอังกฤษ ฟรีด้วยสำเนียงมาตรฐาน มาดูกันว่า มีแอปพลิเคชั่นที่มีประโยชน์และสะดวกอะไรกันบ้างนะ!
| ลำดับ | แอพฝึกพูดภาษาอังกฤษฟรี | รีวิวบน Android | รีวิวบน iOS |
|---|---|---|---|
| 1 | ELSA Speak | 4.7⭐️ | 4.8⭐️ |
| 2 | Memrise | 4.6⭐️ | 4.8⭐️ |
| 3 | ฝึกสนทนาภาษาอังกฤษ | 4.7⭐️ | 4.6⭐️ |
| 4 | English Speaking Practice | 4.8⭐️ | 4.7⭐️ |
| 5 | Learn English Conversation | 4.7⭐️ | 5.0⭐️ |
| 6 | HelloTalk | 4.9⭐️ | 4.7⭐️ |
| 7 | Cake – เรียนภาษาอังกฤษ | 4.8⭐️ | 4.9⭐️ |
| 8 | Hello English: Learn English | 4.5⭐️ | 3.2⭐️ |
| 9 | SpeakingPal Communicate | 4.2⭐️ | 4.5⭐️ |
| 10 | Bitu | 4.6⭐️ | 4.7⭐️ |
ประโยชน์ของการใช้ แอพฝึกพูดภาษาอังกฤษ
สะดวก คล่องตัว
คุณไม่จำเป็นต้องเข้าห้องเรียนและก็ไม่จำเป็นต้อง มีเวลากำหนดในการเรียนภาษาอังกฤษอีกต่อไป เนื่องจากแอพฝึกพูดภาษาอังกฤษส่วนใหญ่ต่างมีความสะดวกและคล่องตัวมาก เราจึงสามารถฝึกพูดได้ทุกที่และทุกเวลาที่เราต้องการ ตราบใดที่เรามีการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต เราสามารถเรียนรู้และพัฒนาระดับภาษาอังกฤษของตัวเราเองได้ทุกวัน
ประหยัดค่าใช้จ่าย
การเรียนรู้บนแอพฝึกพูดภาษาอังกฤษส่วนใหญ่จะได้รับการสนับสนุนและฟรีอีกด้วย ตราบใดที่เรามีความอดทนและตั้งใจฝึกฝนภาษาอังกฤษทุกวัน เราก็สามารถพัฒนาภาษาของเราเองได้อย่างรวดเร็ว ไม่จำเป็นต้องใช้เงินจำนวนมากเพื่อเข้าเรียนที่ศูนย์สอนภาษา
บทเรียนที่หลากหลาย
แอพฝึกพูดภาษาอังกฤษก็รวบรวมเนื้อหาที่หลากหลายมาก มีหัวข้อมากมายที่เกี่ยวข้องกับชีวิตจริง ซึ่งสามารถช่วยให้คุณซึมซับและติดตามได้ง่าย ตั้งแต่ไวยากรณ์จนถึงคำศัพท์ก็พิเศษและได้อัพเดทเป็นประจำ คุณจะรู้สึกว่า การฝึกพูดภาษาอังกฤษน่าสนใจอย่างยิ่งโดยการเรียนรู้ผ่านการสนทนา สื่อสารกับครูเจ้าของภาษา และดูวิดีโอที่เป็นประโยชน์เกี่ยวกับวิธีออกเสียงแต่ละประโยคและแต่ละคำ
นอกจากแอปพลิเคชันฝึกพูดภาษาอังกฤษแล้ว คุณยังสามารถใช้เว็บไซต์ฝึกพูดภาษาอังกฤษเพื่อสนับสนุนการเรียนรู้ภาษาอังกฤษและพัฒนาทักษะการสื่อสารภาษาอังกฤษของตัวคุณเองได้อีกด้วย!
ท็อป 10 แอปพลิเคชันฝึกพูดภาษาอังกฤษ ด้วยสำเนียงเจ้าของภาษา
ELSA Speak
English Language Speech Assistant หรือที่เรียกว่า ELSA Speak – เป็นแอพฝึกพูดภาษาอังกฤษฟรีด้วยสำเนียงมาตรฐานที่ได้รับความนิยมสูงสุด แอปพลิเคชันนี้ช่วยให้ผู้ใช้ฝึกฝนการฟังและการสื่อสารภาษาอังกฤษได้ทุกวันด้วยเทคโนโลยี AI ที่ทันสมัยและชาญฉลาดที่สุด ตรวจจับข้อผิดพลาดของผู้ใช้อย่างแม่นยำและปรับปรุงการออกเสียงในแต่ละวัน
Elsa Speak มีเทคโนโลยีที่ผูกขาดในการรู้จำเสียงพูด ทำให้ผู้เรียนได้สัมผัสแอพที่แตกต่างอย่างสิ้นเชิงเมื่อเทียบกับแอพฝึกพูดภาษาอังกฤษอื่นๆ ในตลาด ยิ่งไปกว่านั้น Elsa ยังได้รับการโหวตให้เป็น แอปพลิเคชัน 5 อันดับแรกของโลกที่ใช้เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ขั้นสูง ที่เสนอโดย Research Sniper
ผู้ใช้จะได้ฝึกฝนสัทอักษรครบ 44 ตัวในสัทอักษรสากล IPA บทเรียน 8,000 บท และหัวข้อในชีวิตประจำวันมากกว่า 40 หัวข้อ
ข้อดีที่โดดเด่นบางประการของแอปพลิเคชัน ELSA Speak ที่คุณสามารถอ้างอิงได้ เช่น
- เส้นทางการเรียนรู้ได้รับการออกแบบและสร้างให้เป็นส่วนตัวในขอบเขตสูงสุด ขึ้นอยู่กับจุดแข็ง/จุดอ่อนของผู้ใช้แต่ละคน
- ตรวจจับข้อผิดพลาดและแก้ไขโดยละเอียดด้วยเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์
- ฝึกพูด – ฝึกฟังด้วยบทสนทนาจริง
- แสดงความคิดเห็นและประเมิน 4 ทักษะอย่างละเอียด
- สนับสนุนผู้ใช้ในการจัดเก็บคำศัพท์ที่เรียนรู้ก่อนหน้านี้และทบทวนเป็นประจำ
- ที่เก็บพจนานุกรมอัจฉริยะขนาดใหญ่เพื่อรองรับตลอดกระบวนการเรียนรู้
ลิ้งค์ดาวน์โหลด: Android | iOS
*วิดีโอแนะนำการใช้ฟีเจอร์ทั้งหมดของแอพ ELSA Speak

Memrise – แอพฝึกพูดภาษาอังกฤษ ที่มีประสิทธิภาพที่สุด
Memrise เป็นแอพฝึกพูดภาษาอังกฤษมาตรฐานสำหรับทุกคน ตั้งแต่คนทำงานยุ่ง จนถึงนักเรียน นักศึกษา ต่างก็สามารถดาวน์โหลดแอพนี้เพื่อฝึกฝนได้ทุกวัน Memrise ได้รับความไว้วางใจจากผู้ใช้มากกว่า 60 ล้านคนใน 189 ประเทศทั่วโลก
นี่ไม่ใช่แค่แอปพลิเคชันช่วยฝึกพูดภาษาอังกฤษให้คล่องตามเจ้าของภาษาเท่านั้น แต่ยังช่วยกระตุ้นพัฒนาการทางความคิดทางภาษาศาสตร์ เชื่อมต่อกับผู้คนทั่วโลกอีกด้วย การใช้แอปพลิเคชัน Memrise เพื่อเรียนรู้ภาษาอังกฤษเป็นหนึ่งในวิธีพูดภาษาอังกฤษได้อย่างคล่องแคล่วที่มีประสิทธิภาพที่สุด
จุดเด่นของแอพ Memrise เมื่อเทียบกับแอพฝึกพูดภาษาอังกฤษอื่น ๆ ในตลาด ก็คือ
- เนื้อหามีความหลากหลาย ปฏิบัติได้ เกี่ยวข้องกับชีวิตจริง
- บทสนทนาที่ง่ายต่อการซึมซับ
- คำศัพท์จำนวนมาก ละเอียด และเฉพาะเจาะจง
- ฟรีโดยสมบูรณ์ และเหมาะสำหรับทุกเพศทุกวัย
- รวมความบันเทิงและการเรียนรู้
Memrise ไม่ได้หยุดอยู่แค่แอพฝึกพูดภาษาอังกฤษเท่านั้น แต่ยังผ่านเกณฑ์ต่างๆ มากมาย เช่น FUN (การเรียนรู้อย่างสนุกสนาน ไร้ความกดดัน & ไร้ความยับยั้งชั่งใจ) สร้างมินิเกมที่น่าตื่นเต้นพร้อมบทเรียนภาคปฏิบัติที่ซึมซับได้ง่าย; SCIENCE (วิธีการเรียนรู้ทางวิทยาศาสตร์และสมเหตุสมผล) นี่เป็นเพียงจุดแข็งที่ทำให้ Memrise ใช้งานง่ายและเป็นมิตรกับผู้ใช้มากขึ้น
ปัจจุบัน Memrise ดึงดูดผู้ใช้ที่เรียนด้วยตัวเองหลายล้านคนในการเรียนภาษาต่างๆ มากกว่า 200 ภาษา เช่น ภาษาอังกฤษ ภาษาสเปน ภาษาฝรั่งเศส ภาษา โปรตุเกส ภาษาจีน ภาษาเกาหลี และสัญญาว่าจะขยายภาษาอื่นๆ ทั่วโลก
ฝึกสนทนาภาษาอังกฤษ
แอพฝึกพูดภาษาอังกฤษ: สนทนาภาษาอังกฤษ ช่วยให้ผู้เรียนได้ฝึกพูดภาษาอังกฤษตามหัวข้อที่คุ้นเคยในชีวิตจริง คุณจะได้รับการสนทนาในหัวข้อต่าง ๆ เช่น Trip (การเดินทาง), Kids (เด็กๆ), Study (การศึกษา), Business (ธุรกิจ), Picnic (ปิกนิก), …
นอกจากการสนทนาแล้ว คุณจะได้ฝึกฟังออดิโอในเสียงมาตรฐานของเจ้าของภาษา และการฝึกออกเสียงเป็นประจำจะจะช่วยให้คุณพัฒนาทักษะ Speaking & Listening ได้อย่างรวดเร็ว
ข้อดีบางประการของแอพฝึกสนทนาภาษาอังกฤษ
- ตัวอย่างบทสนทนาที่สมบูรณ์และหลากหลายเกี่ยวกับหัวข้อในชีวิตประจำวัน
- คำศัพท์ครบถ้วน มาตรฐาน และมีคำอธิบายประกอบเฉพาะ
- อินเทอร์เฟซที่เรียบง่าย ใช้งานง่าย (แต่ยังไม่น่าสนใจมากนัก)
- แอพนี้นำเสนอบทเรียนฟรีทั้งหมด
English Speaking Practice
Practice Speaking English เป็นแอพฝึกพูดภาษาอังกฤษด้วยเสียงมาตรฐานในปี 2568 ที่หลายคนไว้วางใจและใช้งาน แอพฝึกพูดภาษาอังกฤษฟรีนี้จะช่วยให้คุณโต้ตอบกับตัวละครเสมือนผ่านบทสนทนาในหัวข้อต่างๆ ในขั้นตอนแรก คุณจะได้รับคำแนะนำให้เลือกตัวละครเสมือนจริงเพื่อพูดคุยและฝึกฝนด้วยกันทุกวัน การมีคู่หูเสมือนจะช่วยให้คุณดำเนินการฝึกฝนและปรับปรุงทักษะภาษาอังกฤษของคุณได้ง่ายขึ้น
ข้อดีของแอพ Practice Speaking English
- อินเทอร์เฟซที่ใช้งานง่าย โต้ตอบและใช้งานง่าย
- บทเรียนฟรี 100%
- สร้างเงื่อนไขให้ผู้เรียนฟังบันทึกการฝึกพูดของตัวเอง
- ตัวละคร “เสมือนจริง” ที่พัฒนาด้วยปัญญาประดิษฐ์ โต้ตอบกับผู้เรียนเหมือนเพื่อนร่วมทางจริงๆ
- ฝึกพูดและฝึกฟังด้วยบทสนทนาในหัวข้อต่างๆ
นอกจากฟังก์ชันบันทึกเสียงแล้ว คุณยังสามารถโพสต์บทสนทนาของคุณเองและตัวละครเสมือนบนแอพลงในฟอรัมโซเชียลเน็ตเวิร์กอื่นๆ เช่น เฟสบุ๊ค Messenger เป็นต้น แอปพลิเคชันรองรับการเรียนรู้เสียงภาษาอังกฤษ 44 เสียง ประกอบด้วยเสียง IPA 44 เสียง รวมทั้งสระเดี่ยว คำควบกล้ำและพยัญชนะ ผู้เรียนสามารถคลิกที่แต่ละพยางค์เพื่อเรียนรู้คำแนะนำในการออกเสียงและตัวอย่างการออกเสียง
Learn English Conversation
แอปพลิเคชัน Learning English Conversation เป็นแอพที่สนับสนุนผู้เรียนในการฝึกออกเสียงทุกที่ทุกเวลาและฟรี คุณสามารถฝึกสำเนียงเหมือนเจ้าของภาษาผ่านแอพฝึกพูดภาษาอังกฤษนี้ ด้วยบทเรียนที่หลากหลาย ประกอบไปด้วยหัวข้อต่าง ๆ มากมาย
ข้อดีที่โดดเด่นบางประการของ Learning English Conversation
- ช่วยให้ผู้เรียนจดจำคำศัพท์ได้อย่างรวดเร็วด้วยประโยคที่ใช้สื่อสารในชีวิตประจำวัน
- การบันทึกเสียงเพื่อประเมินความคืบหน้าด้วยตัวเองในแต่ละวัน
- แบบฝึกหัดพื้นฐานที่ทำตามได้ง่าย เพื่อพัฒนาทักษะการพูด-การฟัง
- สามารถฝึกฝนได้อย่างสม่ำเสมอ ไม่จำกัดบทเรียนเหมือนแอพอื่นๆ
HelloTalk – แอพฝึกพูดภาษาอังกฤษ
HelloTalk ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายไม่เพียงในไทยเท่านั้น แต่ยังแพร่หลายไปทั่วโลกอีกด้วย โดยเฉพาะประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีผู้ใช้มากกว่า 30 ล้านคนได้สัมผัสกับแอพฝึกพูดภาษาอังกฤษฟรีด้วยสำเนียงมาตรฐานนี้ สนับสนุนผู้เรียนในการติดต่อกับเพื่อน ๆ ทั่วโลกเพื่อพัฒนาทักษะการสื่อสารร่วมกัน
แอปพลิเคชัน HelloTalk ไม่เพียงแต่ช่วยให้ผู้เรียนฝึกเขียนและพูดกับเจ้าของภาษาเท่านั้น แต่ยังมีคลังคำศัพท์ขนาดใหญ่ที่มีบทเรียนหลายพันบทในหัวข้อต่างๆ แบ่งตามระดับจากง่ายไปยาก
คุณลักษณะทั่วไปบางอย่างของแอปพลิเคชันนี้ที่คุณสามารถอ้างถึงได้
- มีหลายภาษาเพื่อให้เราเลือกเรียนได้
- แลกเปลี่ยนและโต้ตอบกับชาวต่างชาติทั่วโลก
- คำศัพท์มากถึง 5,000 คำ พร้อมหัวข้อที่หลากหลาย
- บทเรียนจะแบ่งออกเป็นหลายระดับ ตั้งแต่ระดับพื้นฐานไปจนถึงระดับสูง
- อินเทอร์เฟซที่สดใส ดึงดูดและกระตุ้นความคิดของผู้เรียน
Cake – แอพฝึกพูดภาษาอังกฤษ
Cake มีชื่อเสียงในด้านการเป็นแอพฝึกพูดภาษาอังกฤษมาตรฐานที่ดีมากในตลาดในปัจจุบัน อินเทอร์เฟซทางวิทยาศาสตร์และใช้งานง่าย ดึงดูดผู้เรียนด้วยรูปภาพ วิดีโอ พ็อดคาสท์ การ์ตูน ebooks และอื่น ๆ มากมายด้วยหัวข้อที่หลากหลายในชีวิตของเรา
ไม่ได้หยุดอยู่แค่การเป็นเพื่อนในการพัฒนาภาษาอังกฤษเท่านั้น แต่ Cake ยังมอบเคล็ดลับการจำ วลีดีๆ และใช้อย่างเป็นธรรมชาติเหมือนเจ้าของภาษา ไม่ใช่แค่ในทางทฤษฎีและหนังสือ ดังนั้นหลายคนจึงเลือก Cake ให้เป็นแอปพลิเคชันที่เชื่อถือได้เพื่อพัฒนาภาษาอังกฤษของพวกเขา
คุณสมบัติที่โดดเด่นของแอพ Cake
- แก้ไขการออกเสียงเมื่อคุณอ่านผิดด้วยโดยเทคโนโลยี AI รู้จำเสียงพูดอย่างชาญฉลาด
- มีวิดีโอการสนทนาที่น่าสนใจมากมาย ใกล้เคียงกับชีวิตจริงมาก
- รูปแบบการเรียนรู้ที่หลากหลาย เช่น การเรียนรู้ด้วยตัวอย่างบทสนทนา วิดีโอ อีบุ๊ก พ็อดคาสท์…
- สำรองกระบวนการเรียนรู้ของคุณโดยอัตโนมัติบนระบบแอปพลิเคชันที่สมเหตุสมผลและมีระเบียบแบบแผน

Hello English: Learn English
แอปพลิเคชั่น Hello English: Learn English ถือได้ว่าเป็นโซเชียลเน็ตเวิร์กขนาดเล็กที่มีวิดีโอที่เป็นประโยชน์และแชร์กันอย่างแพร่หลายเกี่ยวกับการฝึกออกเสียงภาษาอังกฤษ คุณจะได้เรียนรู้ความรู้ที่เป็นประโยชน์มากมาย พร้อมทั้งฝึกฝนทักษะ Listening และฝึกพูดภาษาอังกฤษด้วยสำเนียงเจ้าของภาษาอย่างสม่ำเสมอผ่านวิดีโอบนแอปพลิเคชั่นนี้
นอกจากนี้ เนื้อหาวิดีโอใน Hello English: Learn English ยังเป็นการสร้างความรู้ มีความน่าดึงดูดใจสูง อารมณ์ขันถูกนำมาใช้กับวิดีโอเพื่อความบันเทิงอย่างต่อเนื่อง ทำให้ผู้ชมไม่รู้สึกเบื่อขณะฝึกออกเสียง ตรงกันข้ามให้ความรู้สึกน่าสนใจและแตกต่าง
คุณสมบัติบางอย่างของแอพฝึกพูดภาษาอังกฤษ Hello English: Learn English
- หลากหลายวิดีโอฝึกออกเสียงที่ตลกและน่าสนใจ
- คอลเลกชันวิดีโอยอดนิยมจำนวนมาก
- สนับสนุนผู้เรียนให้แบ่งปันช่วงเวลาแห่งการเรียนรู้กับเพื่อนๆ รอบข้าง
- ความรู้ใหม่ๆ อัพเดทเป็นประจำผ่านวิดีโอ
SpeakingPal Communicate
App SpeakingPal Communicate เป็นแอพฝึกพูดภาษาอังกฤษมาตรฐานที่ได้รับความนิยมอย่างมากในไทย ได้รับความนิยมด้วยการรู้จำเสียงพูดมาตรฐานที่คล้ายกับ ELSA Speak ดึงดูดผู้ใช้เกือบ 4 ล้านคนใน 180 ประเทศทั่วโลก
คุณสามารถฝึกพูดภาษาอังกฤษได้ทุกวันโดยการบันทึกและประเมินการออกเสียงของคุณด้วยตัวเอง ซึ่งจะช่วยส่งเสริมการเรียนรู้ภาษาและค่อยๆ แก้ไขและปรับปรุงทักษะ Speaking อย่างมีประสิทธิภาพ หัวข้อมีความหลากหลายและใกล้เคียงอย่างยิ่ง เช่น Work, Home, Number, Camping, Travel, Lesson,…ตั้งแต่ระดับพื้นฐานไปจนถึงระดับสูง ไม่ว่าคุณจะอยู่ระดับไหนก็สามารถเข้าเรียนได้
คุณสมบัติพื้นฐานของแอปพลิเคชั่น SpeakingPal Communicate
- ฝึกบทสนทนากับตัวละครในวิดีโอ
- บันทึกและฟังคำตอบของตัวคุณเองเพื่อฝึกออกเสียงแต่ละคำ (สระและพยัญชนะ) อย่างรอบคอบและละเอียด
- เนื้อหาบทเรียนหลากหลายและมีการโต้ตอบสูง
- เส้นทางการประเมินที่ชัดเจนและติดตามความก้าวหน้าในการเรียนรู้


Bitu – แอพฝึกพูดภาษาอังกฤษ ฟรี
เป็นที่รู้จักในฐานะแอปพลิเคชันที่สนับสนุนผู้เรียนในการฝึกพูดภาษาอังกฤษฟรี แอปพลิเคชัน Bitu ได้สร้างชุมชนการเรียนรู้และแลกเปลี่ยนภาษาอังกฤษที่มีประโยชน์มากสำหรับทุกคน คุณสามารถพัฒนาทักษะการสื่อสารได้หากคุณพยายามฝึกพูดบนแอพ Bitu ทุกวัน Bitu จะสนับสนุนคุณในการติดต่อกับครูเจ้าของภาษา เพื่อให้คุณสามารถแก้ไขการออกเสียงของคุณในสำเนียงมาตรฐานที่สุด
ข้อดีที่โดดเด่นของแอพ Bitu
- ฝึกพูดภาษาอังกฤษกับครูต่างชาติ
- แลกเปลี่ยนกับชุมชนการเรียนรู้ภาษาอังกฤษเพื่อพัฒนาไปด้วยกัน
- ทดลองเรียนฟรีและมีประสิทธิภาพ
- หัวข้อมีความหลากหลาย ใกล้ตัว และเกี่ยวข้องกับสถานการณ์ในชีวิตจริง
ด้านบนนี้ ELSA Speak ได้แนะนำแอพฝึกพูดภาษาอังกฤษฟรีด้วยสำเนียงมาตรฐาน 10 แอพในปี 2568 และประโยชน์บางประการที่แอพเหล่านี้มอบให้พวกเรา มาร่วมปรึกษาและเลือกแอปพลิเคชันที่เหมาะสมที่สุดสำหรับคุณเพื่ออัปเกรดและพัฒนาภาษาอังกฤษของคุณอย่างรวดเร็ว ขอให้เรียนดีๆนะ!
Adverb เป็นคำภาษาอังกฤษประเภทหนึ่งที่ผู้เรียนคุ้นเคย โดยเฉพาะในการสื่อสารภาษาอังกฤษ ในบทความต่อไปนี้ ELSA Speak จะช่วยให้คุณรู้ adverb คือ อะไร และเรียนรู้เกี่ยวกับคำนิยามของคำวิเศษณ์ (Adverbs) วิธีจำแนก adverb ตำแหน่งตามแต่ละประเภท และข้อผิดพลาดทั่วไปเมื่อใช้ adverb มาเริ่มบทเรียนด้วยกันเถอะ!
Adverb คือ อะไร? หน้าที่ทั่วไปของ adverb?
คำนิยาม: Adverb หรือที่ได้เรียกว่าคำวิเศษณ์ คือคำที่ใช้ในประโยคโดยมีหน้าที่เพิ่มข้อมูลลงให้คำกริยา คำคุณศัพท์ หรือคำวิเศษณ์อื่น
ตัวอย่างที่ 1
It is very cold today.
⟶ วันนี้อากาศหนาวมาก
วิเคราะห์: คำวิเศษณ์ ‘very’ เป็นคำกริยาวิเศษณ์บอกปริมาณ (Adverb of Degree) หมายถึง ‘มาก’ มันเพิ่มข้อมูลให้คำคุณศัพท์ ‘cold’ – ‘เย็น’ เพิ่มข้อมูลเกี่ยวกับระดับของ ‘เย็น’
ตัวอย่างที่ 2
She sings beautifully.
⟶ เธอร้องเพลงได้ไพเราะ
วิเคราะห์: คำวิเศษณ์ ‘beautifully’ เป็นคำกริยาวิเศษณ์ที่อธิบายลักษณะการกระทำกริยา (Adverb of Manner) หมายถึง “ไพเราะ” ใน “ร้องเพลงได้ไพเราะ” มันเพิ่มข้อมูลให้คำกริยา ‘sings’ – “ร้องเพลง” โดยอธิบายว่าเธอร้องเพลงอย่างไร
ตัวอย่างที่ 3
That kid runs pretty(1) fast(2).
⟶ เด็กคนนั้นวิ่งค่อนข้าง(1) เร็ว(2)
วิเคราะห์: คำวิเศษณ์ ‘pretty’ เป็นคำกริยาวิเศษณ์บอกปริมาณ (Adverb of Degree) หมายถึง ‘ค่อนข้าง’ มันเพิ่มข้อมูลให้คำกริยาวิเศษณ์ที่อธิบายลักษณะการกระทำกริยา ‘fast’ – ‘เร็ว’ ซึ่งอธิบายว่า ‘เด็กคนนั้น’ วิ่ง ‘เร็ว’ อย่างไร
หลัง adverb คือ อะไร?
ตอบคำถาม หลัง adverb คือ อะไร? โดยปกติหลัง adverb จะเป็นกริยาปกติ แต่ว่า คำตอบข้างต้นใช้ได้กับคำวิเศษณ์ 2 ประเภทเท่านั้น คือคำกริยาวิเศษณ์บอกความถี่ (Adverb of Frequency) และ คำกริยาวิเศษณ์ที่อธิบายลักษณะการกระทำกริยา (Adverb of Manner)
เพื่อให้สามารถเข้าใจความรู้อย่างแน่นแฟ้นและนำคำนิยามของคำวิเศษณ์ไปใช้ได้อย่างถูกต้อง ELSA Speak ขอแนะนำให้คุณศึกษาคำวิเศษณ์แต่ละประเภทอย่างละเอียดในหัวข้อถัดไป เนื่องจากคำวิเศษณ์แต่ละประเภทจะมีตำแหน่งเฉพาะของตัวเอง
ตัวอย่าง
She quickly held that sick eleven-year-old child. (คำกริยาปกติมาหลังคำกริยาวิเศษณ์ที่อธิบายลักษณะการกระทำกริยา)
His younger brother sometimes cooks breakfast. (คำกริยาปกติมาหลังคำกริยาวิเศษณ์บอกความถี่)
จำแนก adverb และตำแหน่งตามแต่ละประเภท
ตามหน้าที่ Adverbs ได้แบ่งออกเป็น 7 ประเภทหลัก แต่ละประเภทมีตำแหน่งที่กำหนด มาเรียนรู้คำวิเศษณ์ 7 ประเภทและตำแหน่งตามแต่ละประเภทกันนะ!
คำกริยาวิเศษณ์ที่อธิบายลักษณะการกระทำกริยา (Adverb of Manner)
หน้าที่:
คำกริยาวิเศษณ์ที่อธิบายลักษณะ (Adverb of Manner) เพิ่มข้อมูลให้คำกริยา อธิบายวิธีการดำเนินการ หรือโดยเจาะจงกว่านั้น อธิบายว่า หัวเรื่องดำเนินการอย่างไร Adverb of Manner มักจะไปพร้อมกับหรือใกล้กับกริยาปกติ (คำกริยาการกระทำ)
ตัวอย่าง:
+ fast – เร็ว ⟶ run fast – วิ่งเร็ว
+ carefully – ระมัดระวัง ⟶ drive carefully – ขับรถอย่างระมัดระวัง
+ well – ดี/เก่ง/… ⟶ cook well – ปรุงอาหารได้ดี
ตำแหน่ง:
Adverb of Manner มักจะอยู่ในตำแหน่งต่อไปนี้:
- หลังกริยาอกรรมกริยา (อกรรมกริยา คือ กริยาที่ไม่จำเป็นต้องการกรรมตรงมารองรับ)
ตัวอย่าง: My husband drives carelessly.
⟶ สามีของฉันขับรถอย่างไม่ระมัดระวัง
วิเคราะห์: ‘drives’ ในที่นี้เป็นคำอกรรมกริยาที่ไม่มีกรรมตรง (object) และ ‘carelessly’ เป็นคำกริยาวิเศษณ์ที่อธิบายลักษณะที่ตามหลังคำอกรรมกริยา ‘drive’
- หลังกรรมตรงของสกรรมกริยา (สกรรมกริยา คือ กริยาที่ต้องการกรรมตรงมารองรับเสมอ)
ตัวอย่าง: She educates her children well.
⟶ เธอสอนลูกๆ ของเธออย่างดี
วิเคราะห์: ‘educates’ ในที่นี้คือสกรรมกริยา ต้องการกรรมตรง (object), ‘her children’ เป็นกรรมตรงของ ‘educates’ และ ‘well’ เป็นคำกริยาวิเศษณ์ที่อธิบายลักษณะที่เธอ ‘educates’ กับลูกๆ ของเธอ. ‘well’ ตามหลังกรรมตรง ‘her children’ ของสกรรมกริยา ‘educates’
- นำหน้าสกรรมกริยาเมื่อกรรมตรงของกริยานั้นยาวเกินไป
ตัวอย่าง: She quickly held that sick eleven-year-old child.
⟶ เธอรีบอุ้มเด็กอายุสิบเอ็ดขวบที่กำลังป่วยอยู่
วิเคราะห์: คำกริยาวิเศษณ์ที่อธิบายลักษณะ ‘quickly’ สามารถมาหลังกรรมตรง ‘‘that sick eleven-year-old child’ แต่ว่า กรรมตรงนี้ยาวเกินไป การใส่คำวิเศษณ์ ‘quickly’ ด้านหลังจะทำให้ความหมายหยุดชะงัก ดังนั้น เวลาเจอคำวิเศษณ์ที่ยาวเกินไป เราจะใส่มันไว้หน้าสกรรมกริยา เช่น ‘quickly’ นำหน้าสกรรมกริยา ‘held’ ด้านบน
คำกริยาวิเศษณ์บอกความถี่ (Adverb of Frequency)

หน้าที่:
Adverb of Frequency คือ คำวิเศษณ์แสดงความถี่ที่หัวเรื่องดำเนินการบางอย่างหรือมีสถานะบางอย่าง Adverb of Frequency มักใช้กับ to-be หรือกริยาปกติ หรือถ้ากริยาปกติเป็นสกรรมกริยา (กริยาต้องการกรรมตรง) มันจะไปต่อหลังจากกรรมตรงของกริยานั้น
ตัวอย่าง:
+ rarely – ไม่ค่อย
+ sometimes – บางครั้ง
+ often – บ่อยครั้ง
+ usually – มักจะ
+ always – เสมอ
ตำแหน่ง:
Adverb of Frequency มักจะอยู่ในตำแหน่งต่อไปนี้:
- หลังคำกริยา to-be
ตัวอย่าง
Her elder sister is always friendly and kind.
⟶ พี่สาวของเธอเป็นมิตรและใจดีเสมอ
วิเคราะห์: ‘always’ ในที่นี้คือคำกริยาวิเศษณ์บอกความถี่ และอยู่หลังคำกริยา to-be ‘is’ใ ‘always’ อธิบายความถี่ว่า “พี่สาวของเธอ” นั้น “เป็นมิตรและใจดี” บ่อยเพียงใด
- ก่อนหรือหลังกริยาปกติ (กริยาที่แสดงการกระทำ รวมทั้งอกรรมกริยาและสกรรมกริยา) เมื่อคำกริยาวิเศษณ์บอกความถี่อยู่ด้านหลัง สามารถแยกออกจากสกรรมกริยาได้ด้วยกรรมตรงของสกรรมกริยานั้น แต่ว่าคำกริยาวิเศษณ์บอกความถี่เพียงไม่กี่คำสามารถอยู่หลังคำกริยาปกติหรือกรรมตรงของมัน (sometimes, regularly và frequently) คำกริยาวิเศษณ์ที่เหลือมาก่อนกริยาปกติ
ตัวอย่างที่ 1:
His younger sister plays soccer frequently.
⟶ น้องสาวของเขาเล่นฟุตบอลบ่อย
วิเคราะห์: คำกริยาวิเศษณ์บอกความถี่ ‘frequently’ มาหลังกรรมตรง ‘soccer’ ของสกรรมกริยา ‘play’
ตัวอย่างที่ 2:
His younger brother sometimes cooks breakfast.
⟶ น้องชายของเขาทำอาหารเช้าเป็นบางครั้ง
วิเคราะห์: คำกริยาวิเศษณ์บอกความถี่ ‘sometimes’ มาก่อนกริยา ‘cooks’
คำกริยาวิเศษณ์บอกเวลาา (Adverb of Time)

หน้าที่:
คำวิเศษณ์หรือวลีวิเศษณ์บอกเวลา (Adverb of Time) แสดงเวลาที่หัวเรื่องดำเนินการบางอย่างหรือมีสถานะ/ทรัพย์สิน/….อย่างไร
ตัวอย่าง:
yesterday, today, tomorrow, last year, this year, next year, last month, this month, next month, last weekend, this weekend, next weekend, 2 days ago, every day, every weekend, every Friday, …
ตำแหน่ง:
Adverb of Time มักจะอยู่ในตำแหน่งต่อไปนี้:
- ในตอนท้ายของประโยคเมื่อไม่จำเป็นต้องเน้นเวลา
ตัวอย่าง:
Her family bought a car last year.
⟶ ครอบครัวของเธอซื้อรถเมื่อปีที่แล้ว
วิเคราะห์: คำวิเศษณ์บอกเวลา ‘last yea’ – ‘ปีที่แล้ว’ ระบุเวลาที่ ‘ครอบครัวของเธอซื้อรถ’ เนื่องจากผู้พูด/ผู้เขียนไม่ต้องการเน้นเวลา จึงทิ้ง ‘last year’ ไว้ท้ายประโยค
- ที่จุดเริ่มต้นของประโยคและตามด้วยเครื่องหมายจุลภาคเมื่อผู้พูด/ผู้เขียนต้องการเน้นเวลา
ตัวอย่าง:
Next month, we will promote that employee.
⟶ เดือนหน้าเราจะเลื่อนตำแหน่งสำหรับพนักงานคนนั้น
วิเคราะห์: ที่นี่ เพื่อเน้นเวลาของการ “เลื่อนตำแหน่งสำหรับพนักงานคนนั้น” ผู้พูด/ผู้เขียนได้ใส่คำวิเศษณ์บอกเวลา ‘next month’ ไว้ที่จุดเริ่มต้นของประโยค โปรดทราบว่า เมื่อเราใส่คำวิเศษณ์บอกเวลาไว้หน้าประโยค จะต้องมีเครื่องหมายจุลภาคตามหลัง
คำกริยาวิเศษณ์บอกสถาน (Adverb of Place)

หน้าที่:
คำวิเศษณ์บอกสถานที่ (Adverb of Place) อธิบายสถานที่ที่มีบางสิ่งเกิดขึ้นหรือมีบุคคล/สิ่งของ/สัตว์อยู่
ตัวอย่าง:
+ here – ที่นี่
+ there – ที่นั่น
+ away – ตามหลังกริยาที่แสดงการเคลื่อนไหว เช่น ‘go’, ‘run’,… เพื่อแสดงการย้ายออกจากที่ไหนสักแห่ง: ‘go away’, ‘run away’,…
+ out – ตามหลังกริยาที่แสดงการเคลื่อนไหว เช่น ‘go’, ‘run’,… เพื่ออธิบายการย้ายออกจากพื้นที่หนึ่ง: ‘go out’, ‘run out’, …
+ along – คั่นกลางระหว่างกริยาที่แสดงการเคลื่อนไหว เช่น ‘go’, ‘run’, ‘walk’, … และสถานที่ซึ่งมีภูมิประเทศที่ยาวออกไป เช่น ‘riverbank’ – “ริมฝั่งแม่น้ำ”, ‘coast’ – ‘ชายฝั่ง’… เพื่ออธิบายการเคลื่อนที่ไปตามสถานที่
หมายเหตุ:
นอกจากคำวิเศษณ์บอกตำแหน่งข้างต้นแล้ว ยังมีคำวิเศษณ์บอกตำแหน่งที่มีโครงสร้างดังนี้ คำบุพบท (in/ on/ at/ between/…) + สถานที่ (*)
ตัวอย่าง:
+ at a hospital, in the kitchen, …
ตำแหน่ง:
- คำวิเศษณ์บอกสถานที่มักจะอยู่หลังคำกริยา
ตัวอย่าง:
This morning, Mr. Daniel went out with his son.
⟶ เช้าวันนี้ คุณดาเนียลออกไปกับลูกชายของเขา
วิเคราะห์: คำวิเศษณ์บอกสถานที่ ‘out’ อยู่หลังคำกริยาที่แสดงการเคลื่อนไหว ‘went’
- คำวิเศษณ์บอกสถานที่ที่มีโครงสร้าง (*) สามารถอยู่หลังอกรรมกริยาหรือหลังกรรมตรงของสกรรมกริยาก็ได้ ถ้ามีทั้งคำวิเศษณ์บอกสถานที่และคำวิเศษณ์บอกเวลาในประโยค คำวิเศษณ์บอกสถานที่จะอยู่ด้านหน้า
ตัวอย่าง:
They are cooking in the kitchen.
⟶ พวกเขากำลังทำอาหารอยู่ในครัว
วิเคราะห์: วลีคำวิเศษณ์บอกสถานที่ ‘in the kitchen’ มาหลังอกรรมกริยา ‘‘cook’ ซึ่งถูกผันในรูปแบบต่อเนื่อง ‘are cooking’
They are cooking dinner in the kitchen.
⟶ พวกเขากำลังทำอาหารเย็นอยู่ในครัว
วิเคราะห์: ในประโยคข้างต้น ‘cook’ เป็นสกรรมกริยา และกรรมตรงของมันคือ ‘dinner’ คำวิเศษณ์บอกสถานที่ ‘in the kitchen’ อยู่หลังกรรมตรง ‘dinner’
- (วลี) คำวิเศษณ์บอกสถานที่ที่ตามหลังคำกริยา to-be
ตัวอย่างที่ 1:
Hey, we are here.
⟶ เฮ้ พวกเราอยู่ที่นี่
ตัวอย่างที่ 2:
Our boss is in the meeting room.
⟶ หัวหน้าของเราอยู่ในห้องประชุม
คำกริยาวิเศษณ์บอกปริมาณ (Adverb of Degree)
หน้าที่:
คำกริยาวิเศษณ์บอกปริมาณ (Adverb of Degree) อธิบายขอบเขตของคุณภาพ วิธีดำเนินการหรือการกระทำที่เกี่ยวข้องกับอารมณ์ คำกริยาวิเศษณ์บอกปริมาณเพิ่มข้อมูลให้คำคุณศัพท์ คำวิเศษณ์ หรือคำกริยา
ตัวอย่าง:
| + very – มาก | ⟶ very smart – ฉลาดมาก ⟶ very fast – เร็วมาก |
| + really – จริง ๆ | ⟶ really serious – จริงจังจริงๆ ⟶ really like – ชอบจริงๆ ⟶ really slowly – ช้าจริงๆ |
| + quite – ค่อนข้าง | ⟶ quite friendly – ค่อนข้างเป็นมิตร ⟶ quite like – ค่อนข้างชอบ ⟶ quite angrily – ค่อนข้างโกรธ |
ตำแหน่ง:
- ก่อนคำคุณศัพท์
ตัวอย่าง:
That employee is extremely hard-working.
⟶ พนักงานคนนั้นทำงานขยันมาก
They were pretty tired.
⟶ พวกเขาค่อนข้างเหนื่อย
John is a quite handsome guy.
⟶ จอห์นเป็นผู้ชายที่ค่อนข้างหล่อ
- ก่อนคำวิเศษณ์
ตัวอย่าง:
She sings pretty beautifully.
⟶ เธอร้องเพลงได้ค่อนข้างไพเราะ
⟶ คำกริยาวิเศษณ์บอกปริมาณ ‘pretty’ เพิ่มข้อมูลให้คำกริยาวิเศษณ์ที่อธิบายลักษณะ ‘beautifully’
- ก่อนคำกริยา
ตัวอย่าง:
My younger sister really likes cats.
⟶ น้องสาวของฉันชอบแมวจริงๆ
หมายเหตุ: คำกริยาวิเศษณ์บอกปริมาณบางคำที่ใช้กับคำคุณศัพท์ได้ แต่ไม่สามารถใช้กับคำกริยา โดยเฉพาะคือ ‘very’ เราสามารถพูดว่า ‘very beautiful’ แต่ไม่สามารถพูดว่า ‘very like’ แทนที่นั้น เราสามารถพูดว่า ‘really like’ ได้

คำกริยาวิเศษณ์ที่บอกทัศนคติ (Adverbs of Opinion)
หน้าที่:
คำกริยาวิเศษณ์ที่บอกทัศนคติ (Adverbs of Opinion) แสดงความคิดเห็นของผู้พูดเกี่ยวกับสิ่ง/ปรากฏการณ์/สถานการณ์…ที่นำเสนอในประโยค
ตัวอย่าง:
+ luckily/ fortunately – โชคดีที่
+ unluckily/ unfortunately – โชคไม่ดี / น่าเสียดาย
+ surprisingly – อย่างน่าประหลาดใจ
+ happily – อย่างมีความสุข
+ honestly – จริงๆแล้ว
ตำแหน่ง:
- อยู่ที่จุดเริ่มต้นของประโยคและตามด้วยเครื่องหมายจุลภาค
ตัวอย่าง:
Surprisingly, she came.
⟶ น่าแปลกที่เธอก็มาแล้ว
Unfortunately, we couldn’t find our bags.
⟶ โชคไม่ดีคือ พวกเราไม่พบกระเป๋าของเรา
- มันมาหลัง to-be และก่อนกริยาปกติ
ตัวอย่าง:
They are apparently good people.
⟶ ดูเหมือนว่าพวกเขาเป็นคนดี
I actually like your performance.
⟶ ฉันชอบการแสดงของคุณจริงๆ
- ในตอนท้ายของประโยคและหลังเครื่องหมายจุลภาค
He likes you, apparently.
⟶ ดูเหมือนว่าเขาชอบคุณ

คำกริยาวิเศษณ์เชื่อมความ (Conjunctive Adverb)
หน้าที่:
คำกริยาวิเศษณ์เชื่อมความ (Conjunctive Adverb) ทำหน้าที่เป็นคำสันธานช่วยเชื่อมอนุประโยคหรือประโยคสองประโยค
ตัวอย่าง:
+ besides – นอกจากนี้
+ moreover – ยิ่งไปกว่านั้น
+ however – อย่างไรก็ตาม
+ consequently – ผลลัพธ์คือ
+ therefore – ดังนั้น
+ next – ถัดไป
ตำแหน่ง:
- อยู่ที่จุดเริ่มต้นของประโยคและตามด้วยเครื่องหมายจุลภาคเพื่อเชื่อมประโยคกับประโยคก่อนหน้า
ตัวอย่าง:
We like cats, whereas they like dogs.
⟶ พวกเราชอบแมวในขณะที่พวกเขาชอบสุนัข
วิธีสร้าง adverb
สร้างจากคำคุณศัพท์
- คำวิเศษณ์ส่วนใหญ่เกิดจากการเติม -ly ในหลังคำคุณศัพท์
ตัวอย่าง:
additional- additionally, careful- carefully, careless- carelessly, clear- clearly, rough- roughly, beautiful- beautifully, honest- honestly, frank- frankly, hopeful- hopefully, ridiculous- ridiculously, …
- เมื่อคำคุณศัพท์ลงท้ายด้วย -able เราจะตัด ‘e’ ทิ้งแล้วเติม ‘y’
ตัวอย่าง:
adorable- adorably, sensible- sensibly, horrible- horribly, incredible- incredibly, probable- probably, remarkable- remarkably, …
- สำหรับคำไม่กี่คำที่ลงท้ายด้วย ‘e’ เราจะตัด ‘e’ ออกแล้วเติม ‘ly’ ถ้า ‘e’ มี ‘l’ ก่อนแล้ว เราก็แค่เติม ‘y’
ตัวอย่าง:
true- truly, gentle- gently, …
- เมื่อคำคุณศัพท์ลงท้ายด้วยตัวอักษร ‘y’ เราจะแทนที่ ‘y’ ด้วย ‘i’ แล้วเติม ‘ly’
ตัวอย่าง:
easy- easily, greedy- greedily, happy- happily, scary- scarily, sly- slyly …
สร้างจากคำนาม
- คำวิเศษณ์บางคำเกิดจากการเติมคำลงท้ายด้วยคำว่า ‘-wise’ ต่อคำนาม
คำวิเศษณ์ที่มีรูปแบบนี้มักหมายถึง “ตาม…”
ตัวอย่าง:
+ clock (n.): นาฬิกา ⟶ clockwise (adv.): หมุนตามเข็มนาฬิกา
+ edge (n.): ขอบ ⟶ edgewise (adv.): ตามขอบ
- นอกจากนี้ ยังมีคำวิเศษณ์บางคำที่มีคำลงท้าย ‘-wise’ ต่อท้าย แต่ไม่ได้สร้างจากคำนาม
ตัวอย่าง:
otherwise (คำสันธาน)- มิฉะนั้น, likewise (คำกริยาวิเศษณ์ที่อธิบายลักษณะ)- เช่นเดียวกัน (ด้วยวิธีที่กล่าวมาแล้ว), …
กรณีที่พิเศษ
- เป็นคำวิเศษณ์แต่ไม่มีคำลงท้าย -ly และดูเหมือนคำคุณศัพท์
ตัวอย่าง:
| แบบอักษร | ความหมายคำคุณศัพท์ | ความหมายคำวิเศษณ์ |
| hard | ยาก | อย่างขยันหมั่นเพียร (เช่น work hard, study hard, …) |
| fast | เร็ว | อย่างรวดเร็ว (เช่น run fast, eat fast, …) |
| late | ช้า | อย่างช้า (เช่น arrive late, go home late, …) |
หมายเหตุ: คำวิเศษณ์ส่วนใหญ่คล้ายกับคำคุณศัพท์ข้างต้น เมื่อเพิ่ม -ly ก็จะกลายเป็นคำวิเศษณ์อีกคำหนึ่งที่มีความหมายต่างกัน
ตัวอย่าง:
+ hardly (adv.): ไม่ค่อย (คำวิเศษณ์บอกความถี่)
+ lately (adv.): เมื่อเร็ว ๆ นี้ (คำวิเศษณ์บอกเวลา)
- มีคำที่ลงท้ายด้วย -ly แต่เป็นทั้งคำวิเศษณ์และคำคุณศัพท์
ตัวอย่าง:
+ She is a friendly (1) person. She talks to me friendly (2).
⟶ เธอเป็นคนที่เป็นมิตร เธอคุยกับฉันอย่างเป็นมิตร
วิเคราะห์: คำว่า ‘friendly’ (1) เป็นคำคุณศัพท์. คำว่า ‘friendly’ (2) เป็นคำวิเศษณ์
+ You’re early (1) today. You don’t usually come to class early (2).
⟶ วันนี้คุณมาเร็ว คุณมักจะไม่เข้าเรียนก่อนเวลา
วิเคราะห์: คำว่า ‘early’ (1) เป็นคำคุณศัพท์. คำว่า ‘early’ (2) เป็นคำวิเศษณ์
+ Swimming is my daily (1) activity.
⟶ การว่ายน้ำเป็นกิจกรรมประจำวันของฉัน
This machine is checked daily (2).
⟶ เครื่องนี้ตรวจสอบทุกวัน
วิเคราะห์: คำว่า ‘daily’ (1) เป็นคำคุณศัพท์. คำว่า ‘daily’ (2) เป็นคำวิเศษณ์
การแยกคำวิเศษณ์และคำคุณศัพท์
จากวิธีการสร้างคำวิเศษณ์ที่นำเสนอในส่วนที่ 3 คุณพอจะทราบวิธีแยกแยะคำวิเศษณ์และคำคุณศัพท์แล้วใช่ไหมล่ะ เพื่อเสริมสร้างความรู้ โปรดอ่านบทสรุปของความแตกต่างด้านล่างนี้นะ
| กรณี | คำวิเศษณ์ | คำคุณศัพท์ |
|---|---|---|
| คำวิเศษณ์ที่มีโครงสร้าง: คำคุณศัพท์ + ลงท้ายด้วย -ly | ลงท้ายด้วย -ly อยุ่ตำแหน่งต่อไปนี้: + หลังอกรรมกริยา + หลังกรรมตรงของสกรรมกริยา + ก่อนสกรรมกริยาที่มีกรรมตรงยาว + ขึ้นต้นประโยคแล้วตามด้วยเครื่องหมายจุลภาค + อยู่ระหว่างสองอนุประโยคของประโยคที่ซับซ้อนและมักจะมีเครื่องหมายจุลภาคอยู่ข้างหน้า + ก่อนคำคุณศัพท์ + ก่อนคำวิเศษณ์อื่น + หลังคำวิเศษณ์อื่น | ไม่ลงท้ายด้วย -ly อยุ่ตำแหน่งต่อไปนี้: + อยู่เดียวหลังคำกริยา to-be + คั่นกลางระหว่าง to-be และคำนาม + ระหว่างบทความ (a, an, the) กับคำนาม + อยู่ระหว่างคำคุณศัพท์แสดงความเป็นเจ้าของ (my/ our/ your/ his/her/ its/ their) กับคำนาม + อยู่ระหว่าง this/ that/ these/ those กับคำนาม+ หลังคำวิเศษณ์ |
| คำวิเศษณ์ที่ไม่ลงท้ายด้วย -ly หรือลงท้ายด้วย -ly แต่มีตัวอักษรเหมือนกับคำคุณศัพท์ | แยกไม่ออกด้วยตัวอักษร ต้องแยกแยะตามตำแหน่งอยู่ตำแหน่งต่อไปนี้: + หลังอกรรมกริยา + หลังกรรมตรงของสกรรมกริยา + ก่อนสกรรมกริยาที่มีกรรมตรงยาว + ขึ้นต้นประโยคแล้วตามด้วย เครื่องหมายจุลภาค: + อยู่ระหว่างสองอนุประโยคของประโยคที่ซับซ้อนและมักจะมีเครื่องหมายจุลภาคอยู่ข้างหน้า + ก่อนคำคุณศัพท์ + ก่อนคำวิเศษณ์อื่น + หลังคำวิเศษณ์อื่น | แยกไม่ออกด้วยตัวอักษร ต้องแยกแยะตามตำแหน่งยืนในตำแหน่งต่อไปนี้: + อยู่เดียวหลังคำกริยา to-be + คั่นกลางระหว่าง to-be และคำนาม + อยู่ระหว่างบทความ (a/an/the) กับคำนาม + อยู่ระหว่างคำคุณศัพท์แสดงความเป็นเจ้าของ (my/ our/ your/ his/her/ its/ their) กับคำนาม+อยู่ระหว่าง this/ that/ these/ those กับคำนาม + หลังคำวิเศษณ์ |
Adverb ที่พบบ่อยที่สุดในภาษาอังกฤษ
คำกริยาวิเศษณ์ที่อธิบายลักษณะการกระทำกริยา (Adverb of Manner)
| Adverb | ความหมาย | ตัวอย่าง |
| angrily | อย่างโกรธ | He closed the door angrily. ⟶ เขาปิดประตูด้วยความโกรธ |
| accurately | อย่างถูกต้อง | My daughter can accurately spell that long word. ⟶ ลูกสาวของฉันสามารถสะกดคำยาวๆ นั้นได้อย่างถูกต้อง |
| anxiously | อย่างใจจดใจจ่อ | Yesterday, he anxiously talked to me about the problem. ⟶ เมื่อวาน เขาคุยกับฉันอย่างใจจดใจจ่อเกี่ยวกับปัญหา |
| beautifully | อย่างสวยงาม | Their son danced very beautifully. ⟶ ลูกชายของพวกเขาเต้นรำได้อย่างสวยงามมาก |
| bravely | อย่างกล้าหาญ | She bravely rescued the 10-year-old kid. ⟶ เธอช่วยชีวิตเด็กอายุ 10 ขวบอย่างกล้าหาญ |
| carefully | อย่างระมัดระวัง | The students review the lesson carefully. ⟶ นักเรียนทบทวนบทเรียนอย่างระมัดระวัง |
| carelessly | อย่างไม่ระมัดระวัง | Her husband drives carelessly. ⟶ สามีของเธอขับรถอย่างไม่ระมัดระวัง |
| easily | อย่างง่ายดาย | My son easily finished those exercises. ⟶ ลูกชายของฉันทำแบบฝึกหัดเหล่านั้นเสร็จอย่างง่ายดาย |
| greedily | อย่างตะกละ | They greedily took the money. ⟶ พวกเขาเอาเงินไปอย่างตะกละตะกลาม |
| happily | อย่างมีความสุข | The children sang happily. ⟶ เด็กๆร้องเพลงอย่างมีความสุข |
| hard | อย่างขยันหมั่นเพียร | Our daughter always works very hard. ⟶ ลูกสาวของเราทำงานอย่างขยันหมั่นเพียรเสมอ |
| hungrily | อย่างหิวโหย | The child hungrily ate the cookie. ⟶ เด็กกินคุกกี้อย่างหิวโหย |
| hurriedly | อย่างเร่งรีบ | That employee hurriedly ran into the office. ⟶ พนักงานเข้าไปในสำนักงานอย่างเร่งรีบ |
| impolitely | ไร้มารยาท | Don’t behave impolitely like that! ⟶ อย่าทำตัวไร้มารยาทแบบนั้นสิ! |
| lazily | อย่างเกียจคร้าน | When we got home, the children were lying lazily. ⟶ เมื่อเรากลับถึงบ้าน เด็กๆ นอนอย่างเกียจคร้าน |
| loudly | (พูด) เสียงดัง | We shouldn’t talk loudly. The baby is sleeping. ⟶ พวกเราไม่ควรพูดเสียงดัง ทารกกำลังนอนหลับ |
| politely | อย่างสุภาพ | She politely asked to go out. ⟶ เธอขอออกไปอย่างสุภาพ |
| quickly | อย่างรวดเร็ว | He got out of the car and quickly shook my hand. ⟶ เขาลงจากรถแล้วจับมือฉันอย่างรวดเร็ว |
| recklessly | อย่างประมาท | When we were young, we sometimes decided recklessly. ⟶ เมื่อเรายังเด็ก บางครั้งเราตัดสินใจโดยประมาท |
| seriously | อย่างจริงจัง | We should think about this problem seriously. ⟶ เราควรคิดถึงปัญหานี้อย่างจริงจัง |
| well | อย่างดี/เก่ง… | My parents cook very well. ⟶ พ่อแม่ของฉันทำอาหารเก่งมาก |

คำกริยาวิเศษณ์บอกความถี่ (Adverb of Frequency)
| Adverb | ความหมาย | ตัวอย่าง |
| always | เสมอ | My elder sister is always an ambitious person. ⟶ พี่สาวของฉันเป็นคนที่มีความทะเยอทะยานอยู่เสมอ |
| usually/ frequently | มักจะ | That employee usually goes to work late. ⟶ พนักงานคนนั้นมักจะไปทำงานสาย |
| regularly | เป็นประจำ | When she were young, she exercised regularly. ⟶ ตอนเด็กๆ เธอออกกำลังกายเป็นประจำ |
| sometimes | บางครั้ง | Her parents are sometimes very strict. ⟶ บางครั้งพ่อแม่ของเธอก็เข้มงวดมาก |
| seldom/ scarcely/ rarely/ hardly | ไม่ค่อย | Our son rarely goes out late at night. ⟶ ลูกชายเราไม่ค่อยออกไปไหนตอนดึกๆ |
| hardly ever | แทบไม่เคย | We hardly ever walk to school. ⟶ เราแทบไม่เคยเดินไปโรงเรียน |
| never | ไม่เคย | Our daughter never makes us sad. ⟶ ลูกสาวเราไม่เคยทำให้เราเสียใจ |
คำกริยาวิเศษณ์บอกปริมาณ (Adverb of Degree)
| Adverb | ความหมาย | ตัวอย่าง |
| slightly | เล็กน้อย | I’m slightly tired today. ⟶ วันนี้ฉันเหนื่อยเล็กน้อย |
| rather/quite/pretty | ค่อนข้าง | That employee works rather hard. ⟶ พนักงานคนนั้นทำงานค่อนข้างขยัน |
| very | มาก (ไม่ใช้นำหน้าคำกริยา) | She is young and very talented. ⟶ เธอยังเด็กและมีความสามารถมาก |
| really | จริงๆ | They really like science and arts. ⟶ พวกเขาชอบวิทยาศาสตร์และศิลปะจริงๆ |
| extremely | อย่างที่สุด (ใช้หน้า Adj และ Adv เท่านั้น ไม่ใช่หน้ากริยา) | We are extremely serious right now. ⟶ ตอนนี้เราจริงจังอย่างที่สุด |
| enormously | อย่างมาก | They are enormously looking forward to the party. ⟶ พวกเขาตั้งหน้าตั้งตารองานปาร์ตี้อย่างมาก |
| a lot | มาก (ใช้หลังอกรรมกริยา หรือกรรมตรงของสกรรมกริยาเท่านั้น) | He loves her a lot. ⟶ เขารักเธอมาก |
| little | น้อ (ใช้หลังอกรรมกริยา หรือกรรมตรงของสกรรมกริยาเท่านั้น) | I slept little last night. ⟶ เมื่อคืนฉันนอนน้อย |
| a little | เล็กน้อย (มักใช้นำหน้า Adj หรือ Adv) | He is a little arrogant. ⟶ เขาเป็นคนหยิ่งเล็กน้อย |
| completely | อย่างสมบูรณ์ | You have completely forgotten me. ⟶ คุณลืมฉันไปหมดแล้ว |
| absolutely | อย่างแน่นอน | This is absolutely the best option. ⟶ นี่เป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดอย่างแน่นอน |
คำกริยาวิเศษณ์ที่บอกทัศนคติ (Adverbs of Opinion)
| Adverb | ความหมาย | ตัวอย่าง |
| luckily/ fortunately | โชคดีที่ | Luckily, I found my wallet. ⟶ โชคดีที่ฉันพบกระเป๋าเงินของฉัน |
| unluckily/ unfortunately | โชคไม่ดี / น่าเสียดาย | Unfortunately, they lost their cat. ⟶ น่าเสียดายที่พวกเขาทำแมวหาย |
| honestly | จริงๆแล้ว | Honestly, this soup is a little too salty. ⟶ จริงๆแล้วซุปนี้ค่อนข้างเค็มเกินไป. |
| frankly | ตรงไปตรงมา | Frankly, you need to practice more. ⟶ ตรงไปตรงมา คุณต้องฝึกฝนมากกว่านี้ |
| actually | อันที่จริง | Actually, I don’t work for that company anymore. ⟶ อันที่จริง ฉันไม่ได้ทำงานให้กับบริษัทนั้นแล้ว |
| apparently | (เห็นได้) ชัดเจนว่า | He likes her, apparently. ⟶ (เห็นได้) ชัดเจนว่าเขาชอบเธอ |
| clearly | อย่างชัดเจน | He loves her a lot. ⟶ เขารักเธอมาก |
| ironically | ประชดคือ | I slept little last night. ⟶ เมื่อคืนฉันนอนน้อย |
คำกริยาวิเศษณ์เชื่อมความ (Conjunctive Adverb)
| Adverb | ความหมาย | ตัวอย่าง |
|---|---|---|
| additionally | นอกจากนี้ | Meditation helps us relieve stress. Additionally, it improves the blood circulation. ⟶ การทำสมาธิช่วยให้เราคลายความเครียด นอกจากนี้ยังช่วยเพิ่มการไหลเวียนโลหิต |
| besides | นอกจากนี้ | That employee works efficiently. Besides, she is very honest. ⟶ พนักงานคนนั้นทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้เธอยังซื่อสัตย์มาก |
| consequently | เพราะเหตุนี้ | He drove carelessly last night and consequently, he is now in hospital. ⟶ เมื่อคืนเขาขับรถโดยประมาท เพราะเหตุนี้ตอนนี้เขาอยู่ที่โรงพยาบาล |
| conversely | ในทางกลับกัน | First, you need to add the water to the powder or conversely, the powder to the water. ⟶ ขั้นแรก คุณต้องเติมน้ำลงในแป้ง หรือในทางกลับกัน ให้ผสมผงลงในน้ำ |
| finally | ในที่สุด | We spent 2 hours on the train and another 1 hour on the bus. Finally, we reached the village at 7pm. ⟶ เราใช้เวลา 2 ชั่วโมงบนรถไฟ และอีก 1 ชั่วโมงบนรถบัส ในที่สุดเราก็มาถึงหมู่บ้านเวลา 19.00 น. |
| however | อย่างไรก็ตาม | We appreciate your effort. However, we think you still have a lot to improve. ⟶ เราขอขอบคุณสำหรับความพยายามของคุณ อย่างไรก็ตาม เราคิดว่าคุณยังมีสิ่งที่ต้องปรับปรุงอีกมาก |
| in addition | นอกจากนี้ | Meditation helps us relieve stress. In addition, it improves the blood circulation. ⟶ การทำสมาธิช่วยให้เราคลายความเครียด นอกจากนี้ยังช่วยเพิ่มการไหลเวียนโลหิต |
| nevertheless | อย่างไรก็ตาม | We appreciate your effort. Nevertheless, we think you still have a lot to improve. ⟶ เราขอขอบคุณสำหรับความพยายามของคุณ อย่างไรก็ตาม เราคิดว่าคุณยังมีสิ่งที่ต้องปรับปรุงอีกมาก |
| meanwhile | ในขณะเดียวกัน | At that time, we were cooking in the kitchen. Meanwhile, they were doing the gardening. ⟶ ตอนนั้นเรากำลังทำอาหารอยู่ในครัว ในขณะเดียวกันพวกเขาก็ทำสวนอยู่ |
ข้อผิดพลาดทั่วไป
ใช้ adverb หลัง linking verb
ผู้เรียนภาษาอังกฤษหลายคนเข้าใจผิดว่า คำกริยาทุกคำตามด้วยคำวิเศษณ์ อย่างไรก็ตาม เรามีข้อยกเว้นดังต่อไปนี้:
- หลังคำกริยาแสดงความรู้สึก ‘feel’ – ‘รู้สึก’ เราใช้คำคุณศัพท์
ตัวอย่าง:
I feel comfortable. (I feel comfortably.)
⟶ ฉันรู้สึกสบาย
- หลังคำกริยาที่แสดงการเปลี่ยนสถานะ ‘become’ – “กลายเป็น” เราใช้คำคุณศัพท์
ตัวอย่าง:
She became strong. (She became strongly.)
⟶ เธอกลายเป็นแข็งแกร่งขึ้น
- หลังจากคำกริยาเชื่อมโยง (linking verb) ต่อไปนี้: ‘seem…’ – “ดูเหมือน…”, ‘look…’ – “ดู”, ‘taste…’ – “มีรสชาติ…”, ‘smell…’ – “มีกลิ่น”, ‘sound…’ – “ฟังดูเหมือน…”, ‘feel…’ – “(เมื่อสัมผัส) รู้สึก…”
ตัวอย่าง:
You seem happy today.
⟶ วันนี้คุณดูเหมือนมีความสุข
She looks tired.
⟶ เธอดูเหนื่อย
This food tastes good.
⟶ อาหารนี้รสชาติดี
This cake smells good.
⟶ เค้กนี้มีกลิ่นหอมมาก
That idea sounds amazing.
⟶ ความคิดนั้นฟังดูน่าทึ่ง
This scarf feels soft.
⟶ ผ้าพันคอนี้ให้ความรู้สึกนุ่ม
หมายเหตุ: ยังคงมีบางกรณีที่คำวิเศษณ์อยู่หลังคำกริยาข้างต้น แต่หลังคำวิเศษณ์เป็นคำคุณศัพท์ คำวิเศษณ์จะแทรกระหว่างคำกริยาและคำคุณศัพท์เพื่อเพิ่มข้อมูลให้คำคุณศัพท์เท่านั้น
ตัวอย่าง:
This cake tastes very good.
⟶ คำกริยาวิเศษณ์บอกปริมาณ ‘very’ ถูกแทรกระหว่าง linking verb ‘tastes’ และคำคุณศัพท์ ‘good’
ความสับสนระหว่าง adverb ที่มีรูปแบบคล้ายกัน
ความสับสนระหว่างคำวิเศษณ์ที่มีรูปคล้ายกันแต่ความหมายต่างกัน หรือเติม -ly ต่อท้ายคำวิเศษณ์ที่ไม่มี -ly มี 3 กรณีทั่วไปนี้:
- ‘hard’ และ ‘hardly’
+ ‘hard’ เป็นคำกริยาวิเศษณ์ที่อธิบายลักษณะ ที่แปลว่า ‘อย่างขยัน’. ‘hardly’ เป็นคำกริยาวิเศษณ์บอกปริมาณ แปลว่า ‘แทบจะไม่’ โปรดแยกแยะให้ชัดเจนเพื่อใช้ให้ถูกต้องนะ
ตัวอย่าง:
He works very hard.
⟶ เขาทำงานอย่างขยันมาก
He hardly knows anyone here.
⟶ เขาแทบจะไม่รู้จักใครเลยที่นี่
- ‘late’ และ ‘lately’
+ ‘late’ เป็นคำกริยาวิเศษณ์ที่อธิบายลักษณะ หมายถึง ‘ช้า’. ‘lately’ เป็นคำกริยาวิเศษณ์ที่บอกเวลา แปลว่า “เมื่อเร็วๆ นี้” โปรดแยกแยะให้ชัดเจนเพื่อใช้ให้ถูกต้องนะ
ตัวอย่าง:
He arrived late.
⟶ เขามาถึงช้า
Lately, I’ve made a lot of friends.
⟶ เมื่อเร็ว ๆ นี้ ฉันได้รู้จักเพื่อนมากมาย
- ‘fast’ หรือ ‘fastly’?
+ คำตอบคือ ‘fast’ นะ เราไม่มีคำว่า ‘fastly’ เป็นความจริงที่คำวิเศษณ์ส่วนใหญ่ลงท้ายด้วย -ly แต่เราควรตระหนักด้วยว่าจะมีข้อยกเว้นอยู่เสมอ
ตัวอย่าง:
My daughter does homework very fast.
My daughter does homework very fastly.
ใช้ adverb ที่ห้ามใช้ในบางกรณี
- ‘very’ ไม่ได้ใช้นำหน้าคำกริยา
+ คำกริยาวิเศษณ์บอกปริมาณ ‘very’ – ‘มาก’ ใช้นำหน้าคำคุณศัพท์เท่านั้น ไม่ใช่นำหน้าคำกริยา เราสามารถใช้ ‘really’ แทน ‘very’ นำหน้าคำกริยา
ตัวอย่าง:
I very like you.
I really like you.
- ‘a lot’ ใช้หลังอกรรมกริยาหรือกรรมตรงของสกรรมกริยาเท่านั้น
+ ‘a lot’ ไม่ได้ใช้นำหน้าคำคุณศัพท์หรือคำวิเศษณ์ แต่จะใช้หลังอกรรมกริยาหรือกรรมตรงของสกรรมกริยาเท่านั้น
+ อย่างไรก็ตาม ‘a lot’ สามารถใช้นำหน้าคำคุณศัพท์หรือคำวิเศษณ์ในรูปแบบเปรียบเทียบกว่าได้
ตัวอย่าง:
She sleeps a lot.
I love you a lot.
That book is a lot more interesting than this one.
She runs a lot faster.
แบบฝึกหัด
ค้นหาและแก้ไขข้อผิดพลาดในประโยคด้านล่างให้ถูกต้อง
- Today, I feel confidently.
- My elder brother plays basketball rarely.
- They cooked dinner quick.
- They seem happily today.
- Our daughter works very hardly.
- She always walks fastly.
- This apple tastes well.
- That employee usually goes to work lately.
- That runner is faster a lot.
- I very like that green shirt.
คำตอบ:
- ‘confidently’ ⟶ ‘confident’
- ‘plays basketball rarely’ ⟶ ‘rarely plays basketball’
- ‘quick’ ⟶ ‘quickly’
- ‘happily’ ⟶ ‘happy’
- ‘hardly’ ⟶ ‘hard’
- ‘fastly’ ⟶ ‘fast’
- ‘well’ ⟶ ‘good’
- ‘faster a lot’ ⟶ ‘a lot faster’
- ‘very’ ⟶ ‘really
เลือกคำที่เหมาะสมเพื่อเติมในช่องว่าง
1. …………….., we lost the game.
A. unlucky B. unluckily
2. She slammed the door……………..
A. angry B. angrily
3. The baby is asleep. We should speak more……………..
A. softly B. soft
4. This jacket feels……………..
A. roughly B. rough
5. Those students look……………..
A. anxiously B. anxious
6. She…………….. rescued the child.
A. brave B. bravely
7. You speak…………….. Japanese.
A. perfect B. perfectly
8. The pizza tastes……………..
A. awful B. awfully
9. That child looks very……………..
A. sadly B. sad
10. His son dances……………..
A. beautifully B. beautiful
คำตอบ:
| 1. B | 6. B |
| 2. B | 7. A |
| 3. A | 8. A |
| 4. B | 9. B |
| 5. B | 10. A |
ด้านบนเป็นความรู้ที่สำคัญพร้อมแบบฝึกหัดเกี่ยวกับ adverb ในภาษาอังกฤษ ELSA Speak หวังว่าบทเรียนนี้จะช่วยให้คุณเข้าใจการใช้ adverb ในภาษาอังกฤษได้บางส่วน ขอบคุณที่อ่านบทความนี้! เจอกันใหม่ในบทความหน้านะ!
Present Continuous Tense เป็นหนึ่งใน 12 tense ในภาษาอังกฤษที่สำคัญที่สุด เพื่อให้สามารถพัฒนาระดับภาษาอังกฤษของตัวเองได้อย่างรวดเร็ว คุณต้องเชี่ยวชาญความรู้พื้นฐานเหล่านี้ ดังนั้นในบทความต่อไปนี้ ELSA Speak จะแบ่งปันและแนะนำอย่างละเอียดเกี่ยวกับโครงสร้าง หลักการใช้งาน และแบบฝึกหัดทั่วไปของ Present Continuous Tense!

Present Continuous Tense คืออะไร
Present Continuous คือ tense ที่ใช้เพื่อแสดงการกระทำที่กำลังดำเนินอยู่ในขณะที่พูดหรือรอบ ๆ ประเด็นของการพูด
Present Continuous Tense ตัวอย่างประโยค
- My husband is taking a shower, so he can’t come to the phone.
(สามีของฉันกำลังอาบน้ำ เขาจึงไม่สามารถมารับสายได้)
→ การกระทำที่กำลังดำเนินอยู่ในขณะที่พูด
- These days, I’m reading a good book.
(วันนี้ฉันกำลังอ่านหนังสือดีๆ)
→ การกระทำที่กำลังดำเนินอยู่รอบ ๆ ประเด็นของการพูด
→ นอกจากนี้ Present Continuous Tense ยังมีหน้าที่อื่นๆ และเราจะพูดถึงหน้าที่ของ Present Continuous Tense ในเชิงลึกในส่วนที่ 5
โครงสร้าง Present Continuous Tense
Present Continuous Tense โครงสร้างในรูปแบบประโยค:
- บอกเล่า: S + am/ is/ are + V-ing
- ปฏิเสธ: S + am/ is/ are + not + V-ing
- คำถาม Yes/No: (Yes/ No) Am/ Is/ Are + S+ V-ing?
- คำถาม Wh-: Wh- + am/ is/ are + (not) + S + V-ing?
รูปแบบประโยคบอกเล่า
| S + am/ is/ are + V-ing + … (be) |
หมายเหตุ
- I am = I’m
- She/ He is = She’s/ He’s
- They are = They’re
ตัวอย่าง
- I am writing a report.
(ฉันกำลังเขียนรายงาน)
- That employee is talking to her boss.
(พนักงานคนนั้นกำลังคุยกับเจ้านายของเธอ)
- My parents are watching TV in the living room.
(พ่อแม่ของฉันกำลังดูทีวีอยู่ในห้องนั่งเล่น)
| เมื่อเรียนรู้โครงสร้างและการใช้งาน Present Continuous Tense แล้ว สิ่งสำคัญที่ห้ามลืมคือ หลักการเติม ing ซึ่งเป็นหัวใจหลักของการสร้างประโยคให้ถูกต้อง การเข้าใจ หลักการเติม ing อย่างถูกต้องจะช่วยให้คุณใช้เทนส์นี้ได้คล่องและเป็นธรรมชาติมากขึ้น |
รูปแบบประโยคปฏิเสธ
| S + am/ is/ are + not + V-ing + … (be) |
หมายเหตุ
- I am not = I’m not
- She/ He is not = She’s/ He’s not = She/ He isn’t
- They are = They’re not = They aren’t
ตัวอย่าง
- I am not doing anything now. I can help you.
(ตอนนี้ฉันไม่ได้ทำอะไรอยู่ ฉันช่วยคุณได้)
- Our son isn’t doing homework. He’s playing games.
(ลูกชายเราไม่ทำการบ้าน เขากำลังเล่นเกม)
- Those employees aren’t talking about the new project.
(พนักงานเหล่านั้นไม่ได้พูดถึงโครงการใหม่)

รูปแบบประโยคคำถาม
คำถาม Yes/No
| Am/ Is/ Are + S+ V-ing + …? (be) |
| Yes, S + am/ is/ are.No, S + am/ is/ are + not |
ตัวอย่าง
- Is our daughter playing in the garden?
(ลูกสาวของเรากำลังเล่นอยู่ในสวนใช่ไหม)
Yes, she is.
(ใช่แล้ว)
- Am I bothering you?
(ฉันกำลังรบกวนคุณหรือเปล่า)
No, you’re not.
(ไม่นะ)
- Are the employees talking about the new policy?
(พนักงานกำลังพูดถึงนโยบายใหม่หรือไม่?)
No, they aren’t.
(พวกเขาไม่ได้พูดถึง)
คำถาม Wh-
คำใช้ถามที่ไม่ใช่หัวเรื่อง
| What/ Where/ When/ Why/ How/ Who(m) + am/ is/ are + (not) + S + V-ing + …? (be) |

ตัวอย่าง
- What are they eating?
(พวกเขากำลังกินอะไรอยู่)
- Where is she having lunch?
(เธอกินข้าวกลางวันที่ไหน)
- When are you flying to Korea?
(เมื่อไหร่คุณจะบินไปเกาหลี)
(หน้าที่นี้จะได้แนะนำในส่วนที่ 5)
- Why aren’t our daughters doing homework?
(ทำไมลูกสาวเราไม่ทำการบ้าน)
- How is my son studying these days?
(ลูกชายของฉันเรียนเป็นอย่างไรบ้างช่วงนี้)
- Who(m) is our boss talking to?
(เจ้านายของเรากำลังคุยกับใคร)
✍ คำใช้ถามคือหัวเรื่อง
What/ Who + is + V-ing + …? (be)
ตัวอย่าง
- What is upsetting him?
(อะไรทำให้เขาไม่พอใจ)
- Who is singing?
(ใครกำลังร้องเพลง)

หลักการเติม -ing ใน Present Continuous Tense
หมายเหตุ: หากคำกริยาที่จะผันไม่ได้อยู่ในสถานการณ์ด้านล่างนี้ ให้เติม -ing ต่อกริยาตามปกติ
คำกริยาที่ลงท้ายด้วย “e”
เมื่อคำกริยาที่จะผันลงท้ายด้วย “e” เราต้องทิ้ง “e” แล้วเติม -ing
ตัวอย่าง
- They are racing. (race → racing)
(พวกเขากำลังแข่ง)
- Look! She’s waving at us. (wave → waving)
(ดูสิ! เธอกำลังโบกมือให้พวกเรา)
คำกริยาที่ลงท้ายด้วย “ie”
ในกรณีนี้ เราต้องเปลี่ยน “ie” เป็น “y” แล้วเติม -ing
ตัวอย่าง
- Her cat is lying in my bed. (lie → lying)
(แมวของเธอกำลังนอนอยู่บนเตียงของฉัน)
- There’s too much to do. I’m dying. (die → dying)
(มีมากเกินไปที่จะทำ ฉันกำลังจะตาย)
คำกริยาที่มี 1 พยางค์ ลงท้ายด้วยพยัญชนะ นำหน้าด้วยสระ
ในกรณีนี้ เราเพิ่มพยัญชนะตัวสุดท้ายเป็นสองเท่า แล้วเติม -ing
ตัวอย่าง
- The hairdresser is cutting my hair. (cut → cutting)
(ช่างตัดผมกำลังตัดผม)
- They are putting fruits into the fridge. (put → putting)
(พวกเขากำลังใส่ผลไม้เข้าไปในตู้เย็น)
คำกริยาที่มี 2 พยางค์ ลงท้ายด้วยพยัญชนะ นำหน้าด้วยสระ เน้นเสียงอยู่ที่พยางค์ที่ 2
ในกรณีนี้ เรายังเพิ่มพยัญชนะตัวสุดท้ายเป็นสองเท่า แล้วเติม -ing
ตัวอย่าง
Leaves are beginning to fall. (begin→ beginning)
(ใบไม้กำลังเริ่มร่วงหล่น)
คำกริยาที่ไม่ได้ผันใน Present Continuous Tense
คำกริยาแสดงอารมณ์ ชอบ เกลียด ความต้องการ…
- like: ชอบ
- love: รัก
- dislike: ไม่ชอบ
- hate: เกลียด
- want: อยาก
- prefer: ชอบมากกว่า (การเลือก)
- need: ต้องการ
หมายเหตุ: คำกริยา ‘like’, ‘love’, ‘dislike’ และ ‘hate’ ยังสามารถนำมาใช้ใน Present Continuous Tense เมื่อผู้พูดต้องการเน้นความเป็นชั่วคราวของอารมณ์ แต่กรณีนี้ไม่เป็นที่นิยม
คำกริยาแสดงความคิด ความเห็น…
- think: คิด
- believe: เชื่อใน
- know: รู้ว่า
- understand: เข้าใจ
- remember: จำบางสิ่งในอดีต / จำสิ่งที่ต้องทำ
- forget: ลืมบางสิ่งในอดีต / ลืมทำบางสิ่ง
- realize: ตระหนักว่า
หมายเหตุ: เมื่อคำกริยา ‘think’ หมายถึง “คิดถึงใครบางคน/บางสิ่ง” และตามด้วย ‘of/ about’ + คำนาม เราสามารถใช้ ‘think’ ใน Present Continuous Tense
คำกริยาเชื่อมโยง (linking verbs) และเกี่ยวข้องกับการรับรู้ทางประสาทสัมผัส
- taste: รส
- smell: เหม็น
- feel: รู้สึก (This place feels cozy. – สถานที่นี้ให้ความรู้สึกอบอุ่น)
- sound: ฟังดูเหมือน
- seem: ดูเหมือน
- look: ดูเหมือนว่า
หมายเหตุ: เมื่อคำกริยาข้างต้นไม่ได้ทำหน้าที่เชื่อมโยง และไม่แสดงการรับรู้ทางประสาทสัมผัส แต่ทำหน้าที่ของคำกริยาการกระทำและแสดงการกระทำ เราสามารถใช้คำนั้นได้ใน Present Continuous Tense เมื่อมีความหมายต่อไปนี้:
- taste: เพื่อลิ้มรส
- smell: กลิ่น
- feel: รู้สึกอย่างไร
- sound: เพื่อสร้างเสียง/ทำให้เกิดเสียง
- look at something: ดูบางอย่าง
คำกริยาเชื่อม ‘be’
‘be’ ไม่ค่อยได้ใช้ใน Continuous Tense คุณต้องหลีกเลี่ยงการแปลโดยตรงจากภาษาไทยเป็นภาษาอังกฤษเพื่อไม่ให้เกิดข้อผิดพลาดในการใช้ ‘be’ ใน Continuous Tense เมื่อไม่จำเป็นหรือไม่ควรใช้
ตัวอย่าง
คุณมีประโยคภาษาไทยในหัวอยู่แล้วว่า “เธอกำลังเศร้า”
จากนั้นพยายามแปลเป็นภาษาอังกฤษว่า “She is BEING sad.”
ในขณะที่วิธีพูดที่ถูกต้องตามหลักไวยากรณ์และเป็นธรรมชาติที่สุดก็คือ “She is sad.”
ดังนั้นแทนที่จะคิดเป็นภาษาไทยแล้วแปลเป็นภาษาอังกฤษ คุณเพียงแค่พิจารณาจากแนวคิดที่คุณต้องการพูด จากนั้นเลือกโครงสร้างและคำศัพท์ภาษาอังกฤษที่เหมาะสมเพื่อแสดงแนวคิดนั้น
อย่างไรก็ตาม ยังมีบางกรณีที่ผู้พูดใช้ ‘be’ ใน Present Continuous Tense เพื่อเน้นเรื่องชั่วคราว
หลักการใช้ Present Continuous Tense
Present Continuous หลักการใช้:
- แสดงการกระทำที่กำลังดำเนินอยู่ในขณะที่พูด
- แสดงการกระทำที่กำลังดำเนินอยู่รอบ ๆ ประเด็นของการพูด
- แสดงสถานการณ์ที่มีอยู่ หรือนิสัยที่คงอยู่ในปัจจุบัน ซึ่งเกิดขึ้นชั่วคราว
- การบ่นเรื่องซ้ำๆ หรือนิสัยแย่ๆ ที่ทำให้เราไม่พอใจ
- แสดงถึงแผนการในอนาคตอันใกล้ที่มีความเป็นไปได้สูงที่จะเกิดขึ้น มักจะมาพร้อมกับช่วงเวลา
แสดงการกระทำที่กำลังดำเนินอยู่ในขณะที่พูด
ตัวอย่าง
- I’m writing an important report. I’ll check that later.
(ฉันกำลังเขียนรายงานสำคัญ ฉันจะตรวจสอบในภายหลัง)
→ วิเคราะห์: เมื่อพูดประโยคข้างต้น ผู้พูดกำลัง “เขียนรายงานสำคัญ”
- My wife is shopping at the moment. Can you call back later?
(ภรรยาของผมกำลังช้อปปิ้ง คุณสามารถโทรกลับในภายหลังได้ไหมครับ?)
→ วิเคราะห์: ภรรยา “ช้อปปิ้ง” กำลังเกิดขึ้นในเวลาที่ประโยคข้างต้นได้กล่าว

แสดงการกระทำที่กำลังดำเนินอยู่ในรอบ ๆ ช่วงเวลาของการพูด
Teacher (in class): ‘(These days,) I’m reading a good book.’
→ อาจารย์ (ในชั้นเรียน): “(ทุกวันนี้) ฉันกำลังอ่านหนังสือเล่มดีๆ”
→ วิเคราะห์: ไม่ว่าจะมีวลี “ทุกวันนี้” หรือไม่ก็ตาม ตามบริบทแล้ว “อ่านหนังสือเล่มดีๆ” ก็ไม่สามารถเกิดขึ้นได้ในเวลาที่อาจารย์พูด การกระทำนี้เกิดขึ้นในรอบ ๆ ช่วงเวลาของการพูด อาจารย์อ่านหนังสือมาก่อนและยังไม่จบ หลังจากสอนเสร็จ ถึงจุดเวลาหนึ่ง อาจารย์ก็จะมาอ่านหนังสือเล่มนั้นต่อ
สถานการณ์ที่มีอยู่ หรือความเคยชินที่ยังมีอยู่ในปัจจุบันแบบชั่วคราว ผิดปกติ เมื่อเทียบกับสภาพหรือนิสัยที่เป็นมายาวนาน
My mom always drives to work, but this month, she’s taking the bus.
→ แม่ของฉันขับรถไปทำงานเสมอ แต่เดือนนี้เธอขึ้นรถเมล์
→ วิเคราะห์: นิสัยที่คงอยู่เป็นเวลานานคือการ “ขับรถไปทำงาน” นิสัยนี้ถูกขัดจังหวะด้วยนิสัยชั่วคราวใน “เดือนนี้” คือ การขึ้นรถเมล์
การบ่นเรื่องซ้ำๆ หรือนิสัยแย่ๆ ที่ทำให้เราไม่พอใจ
ในประโยค มักจะมีคำวิเศษณ์และวลีที่แสดงความถี่สูง เช่น ‘always’, ‘usually’, ‘constantly’, ‘all the time’,…
- That employee is always missing deadlines.
(พนักงานคนนั้นขาดกำหนดเวลาเสมอ)
→ วิเคราะห์: การทำซ้ำ/นิสัยแย่ๆ ที่ทำให้ผู้พูดไม่พอใจ: “ขาดกำหนดเวลา”
- That student is speaking in class all the time.
(นักเรียนคนนั้นพูดในชั้นเรียนตลอดเวลา)
→ วิเคราะห์: การทำซ้ำ/นิสัยแย่ๆ ที่ทำให้ผู้พูดไม่พอใจ: “พูดในชั้นเรียน”
อธิบายถึงแผนการในอนาคตอันใกล้ที่มีความเป็นไปได้สูงที่จะเกิดขึ้น มักจะมาพร้อมกับช่วงเวลา
- We are flying to Australia this Friday.
(พวกเราจะบินไปออสเตรเลียวันศุกร์นี้)
→ วิเคราะห์: การ “บินไปออสเตรเลีย” จะเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้คือ “วันศุกร์นี้” ซึ่งมีความเป็นไปได้สูงและมาพร้อมกับช่วงเวลา “วันศุกร์นี้”
- Manny and Mitchell are throwing a party this weekend.
(แมนนี่และมิทเชลจะจัดงานปาร์ตี้สุดสัปดาห์นี้)
→ วิเคราะห์: การ “จัดงานปาร์ตี้” จะเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้: “สุดสัปดาห์นี้”, ซึ่งมีความเป็นไปได้สูงและมาพร้อมกับช่วงเวลา “สุดสัปดาห์นี้”

ติดตามบทความ Present Perfect Tense และ Present Perfect Continuous Tense เพื่อจะไม่สับสนกับ Present Continuous Tense ในกระบวนการใช้ภาษาอังกฤษ
สัญญาณการรับรู้ Present Continuous Tense
มีวลีระบุเวลาพูด
- now: ตอนนี้
- right now: ตอนนี้เลย
- at the moment: ในขณะนี้
- at present: ปัจจุบัน
- ….
มีวลีระบุเวลารอบ ๆ ประเด็นของการพูด
- these days: ช่วงนี้
- this month: เดือนนี้
- this week: สัปดาห์นี้
- ….
มีวลี คำวิเศษณ์ หรือวลีความถี่สูง
- always: เสมอ
- usually: มักจะ
- constantly: อย่างต่อเนื่อง
- all the time: ตลอดเวลา
คำสั่งสั้น ๆ เพื่อดึงดูดความสนใจไปยังสิ่งที่กำลังเกิดขึ้น
- Look! (ดูสิ!)
- Listen! (ฟังสิ!)
- Watch out! (ระวัง!)
นอกจากนี้ Present Continuous Tense ยังได้รับรู้ผ่านโครงสร้างในส่วนที่ 2

แยกความแตกต่างระหว่าง Present Continuous Tense กับโครงสร้างและ tense ที่ทำให้สับสนง่าย
Present Continuous Tense กับโครงสร้าง be going to
เหมือนกัน: มีหน้าที่หนึ่งที่เหมือนกัน นั่นคือการแสดงแผนในอนาคต
ความแตกต่างเกี่ยวกับหน้าที่นี้:
| Present Continuous Tense | be going to |
|---|---|
| แสดงถึงแผนการในอนาคตอันใกล้ที่มีความเป็นไปได้สูงที่จะเกิดขึ้นและมักมาจะพร้อมกับเวลาที่กำหนด | แสดงแผน/ตารางเวลาที่กำหนด ยาก หเปลี่ยนแปลงไปยาก เช่น – ตารางรถไฟ รถยนต์ เครื่องบิน ฯลฯ – ตารางเดินทาง – ตารางเรียน… |
| ตัวอย่าง: I’m flying to Japan this weekend. (ฉันจะบินไปญี่ปุ่นสุดสัปดาห์นี้) | ตัวอย่าง: Your plane takes off at 5pm. (เครื่องบินจะออกไปตอนเวลา 17.00 น.) |
Present Continuous Tense กับ Simple Present Tense
เหมือนกัน: มีสิ่งเดียวที่ทำให้เกิดความสับสนคือ ทั้ง 2 tense นี้มีหน้าที่เหมือนกันในความสัมพันธ์กับอนาคต
ความแตกต่างเกี่ยวกับหน้าที่นี้:
| Present Continuous Tense | Simple Present Tense |
|---|---|
| เวลาที่วางแผนไว้ใกล้เคียงกับปัจจุบันมากขึ้น – มีแนวโน้มที่จะเกิดขึ้น | เวลาที่วางแผนไว้อยู่ไกลจากปัจจุบัน – มีโอกาสเกิดขึ้นน้อย |
| ตัวอย่าง: I’m flying to Japan this weekend. (ฉันจะบินไปญี่ปุ่นสุดสัปดาห์นี้) | ตัวอย่าง: I’m going to fly to Japan next month. (ฉันจะบินไปญี่ปุ่นเดือนหน้า) |
หมายเหตุ
- นอกเหนือจากประเด็นข้างต้น ทั้ง 2 tense นี้ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกัน
- หากคุณยังสงสัยว่า ความแตกต่างระหว่าง 2 tense นี้คืออะไร คุณสามารถเข้าใจได้ง่ายๆ ว่า หน้าที่หลักของ Present Continuous Tense คือ แสดงการกระทำที่เกิดขึ้นในขณะที่พูดหรือรอบๆ ช่วงเวลาของการพูด ส่วน Simple Present Tense ส่วนใหญ่จะแสดงความจริงตามธรรมชาติเกี่ยวกับโลก สังคม และข้อมูล ข้อเท็จจริงที่เปลี่ยนแปลงไปยากเกี่ยวกับบุคคลใดๆ (ชื่อ อายุ บุคลิกภาพ ฯลฯ)
- เพื่อแยกความแตกต่างให้ชัดเจนยิ่งขึ้น โปรดอ่านให้ละเอียด ส่วนที่ 5 หลักการใช้ Present Continuous Tense (หรือที่เรียกว่า หน้าที่) และรวบรวมหน้าที่ของ Simple Present Tense อย่างสมบูรณ์
แบบฝึกหัดเกี่ยวกับ Present Continuous Tense
แบบฝึกหัดที่ 1: เติม -ing ให้กับคำกริยาด้านล่าง
| 1. play | 6. cook |
| 2. run | 7. wave |
| 3. swim | 8. die |
| 4. write | begin |
| 5. lie | 10. create |
คำตอบ:
| 1. playing | 6. cooking |
| 2. running | 7. waving |
| 3. swimming | 8. dying |
| 4. writing | 9. beginning |
| 5. lying | 10. creating |
แบบฝึกหัดที่ 2: เติม am/is/are (not) ลงในช่องว่างให้ถูกต้อง
1. Our boss________ talking to an important customer at the moment.
2. These days, I________ reading a good book.
3. This week, our teachers________ giving us a lot of homework.
4. Look! Ms. Brown________ waving at us.
5. What________ you doing? Why________ you doing your homework?
6. We________ flying to New York this weekend.
7. Our daughter________ playing in the garden. I couldn’t find her there.
คำตอบ:
| 1. is | 2. am | 3. are | 4. is | 5. are- aren’t | 6. are | 7. isn’t |
แบบฝึกหัดที่ 3: เลือกคำ/วลีที่เหมาะสมเพื่อเติมลงในช่องว่างให้ถูกต้อง
1. Where________ the children playing?
A. is B. be C. are D. was
2. Jack and I ________ (bake) a cake.
A. am baking B. are bakeing C. are baking D. is baking
3. Look! That child________ (play) near that big dog. It’s dangerous!
A. playing B. are playing C. is playing D. is playing
4. Who________ our sisters visiting this Friday?
A. are B. is C. am D. was
5. That employee________ (borrow) my money all the time.
A. borrows B. is borrowing C. borrowed D. are borrowing
6. Anna, you________ (think) I took the money, right?
A. are thinking B. thinks C. are think D. think
7. This cake________ (look) good.
A. look B. is looking C. looking D. looks
คำตอบ:
| 1. C | 2. C | 3. D | 4. A | 5. B | 6. D | 7. D |
แบบฝึกหัดที่ 4: ผันคำกริยาในวงเล็บลงใน Present Continuous Tense
1. That employee________ always________ (miss) deadlines.
2. These days, my mom________________ (do) yoga.
3. I________________ (buy) a new phone this Saturday.
4. Look! Those young men________________ (race).
5. Do you hear that? Someone________________ (sing).
6. They________________ (taste) the dishes from the new menu.
7. You________________ (lie) to me. You can’t even look into my eyes.
คำตอบ:
1. is always missing
2. is doing yoga
3. am buying
4. are racing
5. is singing
6. are tasting
7. are lying
แบบฝึกหัดที่ 5: จับคู่ประโยคในคอลัมน์ด้านซ้ายกับคอลัมน์ด้านขวา
| 1. I always go to work by motorbike. | A. We are taking them to Disneyland this weekend. |
| 2. The teacher needs to talk to that student. | B. She is missing deadlines all the time. |
| 3. He doesn’t like vegetables. | C. He is constantly losing them. |
| 4. Our children are very excited right now. | D. But this week, he is eating a lot of carrot. |
| 5. Look! | E. But I’m taking the bus this month. |
| 6. Our boss doesn’t like that employee. | F. The bus is coming. |
| 7. I won’t lend him my pens anymore. | G. He is always using his phone in class. |
คำตอบ:
| 1. E | 2. G | 3. D | 4. A | 5. F | 6. B | 7. C |
แบบฝึกหัดที่ 6: จัดเรียงคำด้านล่างเพื่อสร้างประโยคที่ถูกต้อง
1. are/ my parents/ reading/ at the moment/ newspapers/ .
2. singing karaoke/ at night/ our neighbor/ constantly/ is/ .
3. the students/ doing/ what/ are/ at the moment/ ?
4. visiting/ us/ is/ this Friday/ my sister/ .
5. our apple tree/ climbing up/ that girl/ is/ .
6. a lot/ these days/ is speaking/ that quiet guy/ .
7. is watching/ this month/ our dad/ an interesting series/ .
คำตอบ:
1. My parents are reading newspapers at the moment.
2. Our neighbour is constantly singing karaoke at night.
3. What are the students doing at the moment?
4. My sister is visiting us this Friday.
5. That girl is climbing up our apple tree.
6. That quiet guy is speaking a lot these days.
7. Our dad is watching an interesting series this month.
แบบฝึกหัดที่ 7: แต่ละประโยคด้านล่างมีข้อผิดพลาด 1 ข้อ โปรดค้นหาและแก้ไขให้ถูกต้อง
1. Look! Those two are raceing.
2. The children are playying in the living room.
3. Wow! This cake is smelling good.
4. My sisters is wearing my clothes all the time.
5. My friend are flying to Paris this Sunday.
6. David and I am taking the bus to school this month.
7. That co-worker is geting to work late all the time.
คำตอบ:
1. raceing → racing
2. playying → playing
3. is smelling → smells
4. is wearing → are wearing
5. are flying → is flying
6. are taking → am taking
7. geting → getting
แบบฝึกหัดที่ 8: ผันคำกริยาในวงเล็บใน Present Continuous Tense เพื่อเติมข้อความด้านล่างให้สมบูรณ์
I have just changed my job. Currently, things________________ (1. go) well. Since I’m a newbie, I ________ still________ (2. learn). I ________________ (3. try) my best to adapt to the new environment. My co-workers are very friendly and nice. They ________________ (4. help) me a lot. My boss ________ also________ (5. show) me how to complete some important tasks. Although I ________ still________ (6. feel) a little nervous these days, I think it will be alright.
คำตอบ:
1. are going
2. am still learning
3. am trying
4. are helping
5. is also showing
6. am still feeling
>>> Read more : Irregular Verbs ในภาษาอังกฤษที่ครบถ้วนที่สุด
แบบฝึกหัดที่ 9: ตั้งคำถามสำหรับส่วนที่ขีดเส้นใต้
1. This month, I’m reading a novel.
2. They are discussing the problem in the meeting room.
3. My husband is talking to our daughter’s homeroom teacher.
4. The kids are playing happily and noisily.
5. Susan is writing 3 reports.
6. We are visiting our parents this Sunday.
7. I’m going to the gym this month.
คำตอบ:
1. What are you reading this month?
2. Where are they discussing the problem?
3. Who/ Whom is your husband talking to?
4. How are the kids playing?
5. How many reports is Susan writing?
6. When are you visiting your parents?
When are we visiting our parents?
7. What are you doing this month?
แบบฝึกหัดที่ 10: ตอบคำถามปลายเปิดด้านล่าง
1. Are you doing anything special these days? What is it?
2. What is a bad habit of your (best) friend(s)?
3. What is a bad habit of your co-worker(s)?
4. Are you doing anything special that you normally don’t? What is it?
เข้าใจแนวทางการใช้กาลต่างๆในภาษาอังกฤษอย่างมั่นคง:
- ประโยคอดีตกาลต่อเนื่อง (Past Continuous Tense): โครงสร้างและแบบฝึกหัด
- ประโยคอนาคตกาล ( Future Simple Tense ): โครงสร้างและแบบฝึกหัด
- Present Continuous Tense: โครงสร้าง หลักการใช้งาน
- Past Perfect Continuous Tense
- ประโยคปัจจุบันกาล (Present Simple Tense): โครงสร้าง การใช้งาน
- อนาคตกาลสมบูรณ์ต่อเนื่อง (Future Perfect Continuous Tense)
- Future Continuous Tense: โครงสร้างและหลักการใช้งาน
คำตอบ:
นี่เป็นคำถามปลายเปิด ดังนั้นจึงไม่มีคำตอบเฉพาะสำหรับแต่ละคำถาม คุณเพียงแค่ต้องใช้ Present Continuous Tense ในการตอบ
คำถามสอดคล้องกับหน้าที่ต่อไปนี้:
1. การกระทำที่เกิดขึ้นในรอบ ๆ ประเด็นของการพูด
2. นิสัย (ไม่ดี)/การกระทำ (ไม่ดี) ที่ทำซ้ำๆ ทำให้ผู้พูดไม่พอใจ
3. นิสัย (ไม่ดี)/การกระทำ (ไม่ดี) ที่ทำซ้ำๆ ทำให้ผู้พูดไม่พอใจ
4. สถานการณ์ที่มีอยู่ หรือนิสัยที่คงอยู่ในปัจจุบัน ซึ่งเกิดขึ้นชั่วคราว ผิดปกติ เมื่อเทียบกับสภาพหรือนิสัยที่เป็นมายาวนาน
ELSA Speak ได้รวบรวมสิ่งที่ควรทราบเกี่ยวกับ Present Continuous Tense อย่างครบถ้วนแล้ว เพื่อให้คุณสามารถเห็นภาพรวมของไวยากรณ์ที่สำคัญนี้ได้ดียิ่งขึ้น ขอให้เรียนดีๆนะ!
Present Perfect Tense เป็นหนึ่งใน 12 tense ในภาษาอังกฤษที่มีโครงสร้าง และหลักการใช้งานเป็นของตัวเอง มาร่วมกับ ELSA Speak เรียนรู้เกี่ยวกับ คำนิยาม โครงสร้าง หลักการใช้งาน และทำแบบฝึกหัดท้ายบทเรียน เพื่อสามารถใช้ Present Perfect Tense ได้คล่องในทั้งการทำแบบฝึกหัด จนถึงการสื่อสารในชีวิตประจำวัน!

Present Perfect Tense คืออะไร
Present Perfect Tense คือ tense ที่แสดงการกระทำหรือเหตุการณ์ที่เริ่มต้นในอดีตและต่อเนื่องมาถึงปัจจุบันและอาจดำเนินต่อไปในอนาคต
คำกริยาใน Present Perfect Tense จะมีรูปแบบดังนี้: have/has (not) + V3/Ved
โครงสร้าง Present Perfect Tense
โครงสร้าง Present Perfect Tense อยู่ในรูปแบบประโยคต่อไปนี้:
- บอกเล่า: S + have/has + V3/Ved
- ปฏิเสธ: S+ have/has + not + V3/Ved
- คำถาม Yes-No: Have/Has + S + (ever) + V3/Ved?
- คำถาม Wh: WH-word + have/ has + S + V3/Ved?
โครงสร้าง Present Perfect Tense ในรูปแบบประโยคบอกเล่า
| S + have/has + V3/Ved + … |
หมายเหตุ have has ใช้ยังไง :
| Have | I, You, We, They |
| Has | He, She, It, My sister, Their teacher,… |
ตัวอย่าง
- She has worked here for 5 years.
(เธอทำงานที่นี่มา 5 ปีแล้ว)
- They have lived in this city since 2016.
(พวกเขาอาศัยอยู่ในเมืองนี้ตั้งแต่ปี 2559)
โครงสร้าง Present Perfect Tense ในรูปแบบประโยคปฏิเสธ
| S + have/has + not + V3/Ved + … |
หมายเหตุเกี่ยวกับการปฏิเสธของ Have และ Has:
- have not = haven’t.
- has not = hasn’t.
ตัวอย่าง
- My son hasn’t played online games for months.
(ลูกชายของฉันไม่ได้เล่นเกมออนไลน์มาหลายเดือนแล้ว)
- We haven’t traveled since the pandemic started.
(เราไม่ได้เดินทางตั้งแต่เกิดโรคระบาด)
โครงสร้าง Present Perfect Tense ในรูปแบบประโยคคำถาม
A. คำถาม Yes-No
| Have/Has + S + (ever) + V3/Ved + …? ⟶ Yes, subject + have/has. No, subject + haven’t/hasn’t. |
หมายเหตุ: ‘ever’ มักจะใช้เมื่อถามว่า ใครคนหนึ่งทำบางอย่างหรือยัง
ตัวอย่างที่ 1
A: Have you ever missed a deadline? (คุณเคยพลาดกำหนดเวลาหรือไม่?)
B: Yes, I have. (เคยแล้ว)
C: No, I haven’t. (ยังไม่เคย)
ตัวอย่างที่ 2
A: Has Sarah completed her task? (ซาร่าห์ทำงานของเธอเสร็จหรือยัง?)
B: Yes, she has. (เสร็จแล้วนะ)
C: No, she hasn’t. (ยังไม่เสร็จนะ)
B. คำถาม Wh-
| WH-word + have/ has + S + V3/Ved +…? |
| WH-word + haven’t/hasn’t + S + V3/Ved +…? |
ตัวอย่าง
- Why haven’t you sent that client our quotation? (ทำไมคุณไม่ส่งใบเสนอราคาให้ลูกค้ารายนั้น)
- Where has our daughter gone? (ลูกสาวเราหายไปไหน?)

หลักการใช้งาน Present Perfect Tense
Present Perfect Tense ใช้เพื่อแสดง:
- การกระทำหรือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีต ต่อเนื่องมาถึงปัจจุบัน ดำเนินต่อไปในอนาคตได้
- การกระทำหรือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหลายครั้งในอดีตจนถึงปัจจุบัน
- เน้นจำนวนครั้งที่การกระทำหรือเหตุการณ์เกิดขึ้น
- ใช้ในการเปรียบเทียบขั้นสูงสุดเพื่อแสดงความคิดเห็น
- การกระทำที่เคยทำหรือไม่เคยทำมาก่อนในชีวิต
- ใช้เพื่อถามว่ามีใครทำกิจวัตรประจำวันบางอย่าง (กินข้าว อาบน้ำ ฯลฯ) หรือสิ่งที่พวกเขาต้อง/จำเป็นต้องทำหรือยัง
- การกระทำหรือเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้น
- ใช้แทน Simple Past Tense เมื่อไม่ได้กล่าวถึงเวลาที่เกิดขึ้นของเหตุการณ์ เนื่องจากผู้พูดไม่ทราบหรือไม่ต้องการกล่าวถึง หรือด้วยเหตุผลอื่นๆ
- พูดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีตและยังคงเกิดขึ้นมาจนถึงปัจจุบัน
แสดงการกระทำหรือเหตุการณ์ที่เริ่มขึ้นในอดีต ดำรงอยู่และดำเนินต่อไปในปัจจุบัน และสามารถดำเนินต่อไปในอนาคต
ในประโยค มักจะมี: for + ช่วงเวลาหนึ่ง, since + คำ/วลี/ประโยคที่ระบุระยะเวลา
ตัวอย่าง
- That employee has typed that report for hours.
(พนักงานคนนั้นพิมพ์รายงานเป็นชั่วโมง)
- My cousins have painted the walls since this morning.
(ลูกพี่ลูกน้องของฉันทาสีผนังตั้งแต่เช้าวันนี้)
- Sarah hasn’t talked to me since we argued.
(ซาร่าห์ไม่พูดกับฉันตั้งแต่พวกเราทะเลาะกัน)
⟶ เหตุการณ์ “พิมพ์รายงาน” “ทาสีผนัง” และ “ไม่พูด” เกิดขึ้นในอดีตและยังคงเกิดขึ้นในปัจจุบัน
แสดงการกระทำหรือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหลายครั้งในอดีตจนถึงปัจจุบัน
ตัวอย่าง
- They have produced 2 movies together.
(พวกเขาได้สร้างภาพยนตร์ 2 เรื่องด้วยกัน)
- My friends and I have played this game more than 4 times.
(เพื่อนของฉันและฉันเล่นเกมนี้มามากกว่า 4 ครั้งแล้ว)
⟶ เหตุการณ์ “สร้างภาพยนตร์ด้วยกัน” และ “เล่นเกมนี้” เกิดขึ้นหลายครั้งตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน
เน้นย้ำว่า นี่เป็นครั้งที่ … ที่เหตุการณ์เกิดขึ้น
ประโยค/อนุประโยคที่ขึ้นต้นด้วย: ‘This is the + เลขลำดับ + time’
ตัวอย่าง
- This is the second time he has complained about this.
(นี่เป็นครั้งที่สองที่เขาบ่นเรื่องนี้)
- This is the first time I have watched this movie.
(นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันได้ดูหนังเรื่องนี้)
ใช้ในการเปรียบเทียบขั้นสูงสุดเพื่อแสดงความคิดเห็น
โครงสร้างทั่วไป:
- อนุประโยคใช้ในการเปรียบเทียบขั้นสูงสุด
- อนุประโยคใช้ Present Perfect Tense + ระหว่าง ‘have/has’ และ ‘V3/Ved’ ให้ใช้ ‘ever’
ตัวอย่าง
- She is the smartest girl I have ever met.
(เธอเป็นผู้หญิงที่ฉลาดที่สุดที่ฉันเคยพบมา)
- This is the most boring book she has ever read.
(นี่เป็นหนังสือที่น่าเบื่อที่สุดเท่าที่เธอเคยอ่านมา)
แสดงการกระทำที่เคยทำหรือไม่เคยทำมาก่อนในชีวิต
‘Never’ มักใช้เพื่อแสดงความคิดที่ไม่เคยทำอะไรเลย
ใช้ถามใครคนหนึ่งว่า ได้ทำอะไรในชีวิตบ้างหรือยัง, ‘ever’ มักจะใช้ในคำถามนี้
- My father has never tried this drink.
(พ่อของฉันไม่เคยลองเครื่องดื่มนี้)
- Have you ever ridden a horse?
(คุณเคยขี่ม้าหรือยัง?)
ใช้เพื่อถามว่ามีใครทำกิจวัตรประจำวันบางอย่าง (กินข้าว อาบน้ำ ฯลฯ) หรือสิ่งที่พวกเขาต้อง/จำเป็นต้องทำหรือยัง
หมายเหตุ:
เราใช้ Present Perfect Tense เพื่อถามคำถามเมื่อในช่วงเวลาปัจจุบัน ช่วงเวลาที่ต้องดำเนินการยังไม่สิ้นสุด
หากช่วงเวลานั้นสิ้นสุด เราจะใช้ Simple Past Tense
ตัวอย่าง
- Have you had dinner?
(คุณทานอาหารเย็นแล้วหรือยัง)
- Did you eat dinner yesterday?
(เมื่อวานคุณกินข้าวเย็นหรือยัง?)
⟶ ทั้งสองคำถามข้างต้นถามเกี่ยวกับอาหารเย็น แต่คำถามข้างต้นถามในเวลาที่เวลาอาหารเย็นยังมีอยู่ ยังไม่เข้าสู่วันใหม่ เราใช้ Present Perfect Tense
และคำถามที่สอง ถูกถามเมื่อวันใหม่เข้ามา หมดเวลากินข้าวเย็นเมื่อวานแล้ว เราใช้ Simple Past Tense

แสดงการกระทำหรือเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้น
ในประโยค มักจะมี ‘just’ ระหว่าง ‘have/has’ และ V3/Ved
- We have just seen Tom in the meeting room.
(เราเพิ่งเห็นทอมในห้องประชุม)
- Has your brother just cooked something?
(พี่ชายเพิ่งทำอาหารอะไรหรือเปล่า?)
⟶ เหตุการณ์ “เพิ่งเห็น” และ “เพิ่งทำ” เกิดขึ้นก่อนเวลาพูดไม่นาน
ใช้แทน Simple Past Tense เมื่อไม่ได้กล่าวถึงเวลาที่เกิดขึ้นของเหตุการณ์
ตัวอย่าง
- Oh, no! Someone has stolen my bike. (โอ้ย ไม่นะ! มีคนขโมยจักรยานของฉันไป)
⟶ ไม่ต้องบอกเวลา เพราะรู้ได้ยากว่ารถถูกขโมยเมื่อไหร่
- My parents have bought an expensive car. (พ่อแม่ของฉันซื้อรถราคาแพง)
⟶ ไม่ระบุเวลา เพราะนั่นไม่ใช่ข้อมูลหลักหรือด้วยเหตุผลอื่น (ขึ้นอยู่กับผู้พูด)
พูดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีตและยังคงต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน
ตัวอย่าง
- I’ve lost my phone, so now I can’t contact anyone. (ฉันทำโทรศัพท์หาย ตอนนี้ฉันติดต่อใครไม่ได้เลย)
⟶ เหตุการณ์ “ทำโทรศัพท์หาย” เกิดขึ้นในอดีตแต่ยังทิ้งผลให้ “ติดต่อใครไม่ได้” ในปัจจุบัน
- They have cancelled the meeting, so now we have nothing to do. (พวกเขายกเลิกการประชุมแล้ว ดังนั้นตอนนี้พวกเราไม่มีอะไรทำ)
⟶ เหตุการณ์ “พวกเขายกเลิกการประชุม” เกิดขึ้นในอดีต แต่ก็ยังมีผลสืบเนื่องมาจาก “พวกเราไม่มีอะไรจะทำ” ในปัจจุบัน

เพื่อหลีกเลี่ยงความสับสนกับ Present Tense อื่น ๆ คุณสามารถดูบทความเกี่ยวกับ Simple Present Tense และ Present Continuous Tense ที่รวบรวมโดย ELSA Speak
สัญญาณการรับรู้ Present Perfect Tense
Present Perfect Tense ได้รับรู้ผ่านวลี/อนุประโยคต่อไปนี้:
- before: ก่อนหน้านี้
- ever: เคย
- never: ไม่เคย
- for + ระยะเวลา: ใน…(ระยะเวลา) (2 years, 5 hours,…)
- since + เส้นเวลา: ตั้งแต่… (2554, we argued,…)
- yet: ยัง (ใช้ในประโยคปฏิเสธและประโยคคำถาม)
- already: แล้ว
- the first/ second/…time: ครั้งที่ 1/ที่ 2…
- just/ recently/ lately: เพิ่ง/เมื่อเร็ว ๆ นี้
- so far/ until now/ up to now/ up to the present: สำหรับปัจจุบัน
ตัวอย่าง
- She has never seen that animal before. (เธอไม่เคยเห็นสัตว์ชนิดนั้นมาก่อน)
- Have you ever visited that city? (คุณเคยไปเมืองนั้นหรือยัง)
- I have never missed a deadline. (ฉันไม่เคยพลาดกำหนดเวลา)
- We have lived here for nearly 21 years. (พวกเราอาศัยอยู่ที่นี่มาเกือบ 21 ปีแล้ว)
- They haven’t heard from Jack since last July. (พวกเขาไม่ได้รับการติดต่อจากแจ็คตั้งแต่เดือนกรกฎาคมปีที่แล้ว)
- I haven’t completed my task yet. (ฉันยังทำงานไม่เสร็จ)
- They have completed their tasks already. (พวกเขาเสร็จสิ้นภารกิจแล้ว)
- This is the first time my younger sister has eaten this kind of ice-cream. (นี่เป็นครั้งแรกที่น้องสาวของฉันได้กินไอศกรีมแบบนี้)
- Your dog has just bitten my cat. (สุนัขของคุณเพิ่งกัดแมวของฉัน)
- They have recently published a new book. (พวกเขาเพิ่งตีพิมพ์หนังสือเล่มใหม่)
- Have you seen her lately? (คุณเคยเห็นเธอเมื่อเร็ว ๆ นี้หรือไม่?)
- How many books have you read so far/ until now/ up to now/ up to the present? (จนถึงปัจจุบัน คุณอ่านหนังสือไปแล้วกี่เล่ม?)
นอกจากวลี/อนุประโยคข้างต้นแล้ว Present Perfect Simple ยังได้รับรู้ผ่าน:
- โครงสร้างในส่วนที่ 2
- กรณีการใช้งานของ Present Perfect Tense ในส่วนที่ 3
- ตำแหน่งของคำวิเศษณ์ในประโยค:
- Yet: ใช้ในประโยคคำถาม ประโยคปฏิเสธ และอยู่ท้ายประโยค
- already: สามารถอยู่ท้ายประโยค
- already, never, ever, just: อยู่ที่หลัง have/has และก่อนหน้ากริยาช่องที่ 3 หรือ V_ed
- so far, recently, lately, up to present, up to this moment, in/ for/ during/ over + the past/ last + เวลา: จะอยู่ท้ายหรือขึ้นต้นประโยคก็ได้

ตัวอย่างประโยค Present Perfect Tense
My parents have always been happy since they got married. (พ่อแม่ของฉันมีความสุขเสมอตั้งแต่พวกเขาแต่งงานกัน)
That client hasn’t contacted us since July. (ลูกค้ารายนั้นไม่ได้ติดต่อเราตั้งแต่เดือนกรกฎาคม)
We have worked on this project for months. (พวกเราได้ทำงานในโครงการนี้เป็นเวลาหลายเดือน)
That student has come to class late more than 4 times. (นักเรียนคนนั้นมาสายเกิน 4 ครั้งแล้ว)
They have repaired that TV many times. (พวกเขาซ่อมทีวีเครื่องนั้นมาหลายครั้งแล้ว)
This is the first time my children have been to Disneyland. (นี่เป็นครั้งแรกที่ลูก ๆ ของฉันได้ไปดิสนีย์แลนด์)
This is the third time that employee has missed a deadline. (นี่เป็นครั้งที่สามที่พนักงานคนนั้นทำงานไม่ทันกำหนด)
He is the most interesting man I’ve ever talked to. (เขาเป็นคนที่น่าสนใจที่สุดที่ฉันเคยคุยด้วย)
Ms. Brown is the friendliest boss Lily has ever worked for. (คุณบราวน์เป็นหัวหน้าที่เป็นมิตรที่สุดเท่าที่ลิลี่เคยทำงานให้)
Their children have never seen a whale in real life. (ลูก ๆ ของพวกเขาไม่เคยเห็นวาฬในชีวิตจริง)
Has your elder brother ever gone diving? (พี่ชายของคุณเคยไปดำน้ำหรือยัง?)
Have you had dinner, David? (คุณทานอาหารเย็นหรือยัง เดวิด?)
That employee haven’t contacted that customer. He needs to do that today. (พนักงานคนนั้นยังไม่ได้ติดต่อลูกค้ารายนั้น เขาจำเป็นต้องทำสิ่งนั้นในวันนี้)
We have just received a call from our boss. (พวกเราเพิ่งได้รับโทรศัพท์จากเจ้านายของพวกเรา)
Lily has recently moved to this city. (ลิลลี่เพิ่งย้ายมาที่เมืองนี้)
Someone has fixed my bike. (มีคนซ่อมจักรยานของฉันแล้ว)
Our boss has given us more tasks. (เจ้านายของพวกเรามอบหมายงานให้พวกเรามากขึ้น)
He has caused an accident, so now he’s at the police station. (เขาเกิดอุบัติเหตุ ตอนนี้เขาอยู่ที่สถานีตำรวจแล้ว)
Someone has stolen my wallet, so I can’t pay for my lunch now. (มีคนขโมยกระเป๋าสตางค์ของฉันไป ดังนั้นฉันจึงไม่สามารถจ่ายค่าอาหารกลางวันได้ในตอนนี้)
แยกความแตกต่างระหว่าง Present Perfect Tense กับ…..ด้วยโครงสร้างที่ทำให้สับสนง่าย
ความแตกต่างระหว่าง Present Perfect Tense และ Present Perfect Continuous Tense
| Present Perfect Continuous Tense | Present Perfect Tense |
|---|---|
| เน้นให้กระทำอย่างต่อเนื่องไม่ขาดตอน | ไม่เน้นความต่อเนื่อง ไม่ขาดตอนของการกระทำ |
ตัวอย่าง
- It has been raining for 2 hours.
- It has rained for 2 hours.
⟶ ประโยคข้างต้นใช้ Present Perfect Continuous Tense เพื่อเน้นย้ำว่า ตลอด 2 ชั่วโมงนั้น ฝนตกไม่หยุดเลย ประโยคด้านล่างใช้ Present Perfect Tense โดยไม่เน้นความต่อเนื่อง และบางทีใน 2 ชั่วโมงนั้น ฝนหยุดตกเล็กน้อยแล้วกลับมาใหม่ หรือผู้พูดไม่ต้องการเน้น
Present Perfect และ Present Perfect Continuous เป็นสองหัวข้อที่สร้างความสับสนได้ง่ายเมื่อทำแบบฝึกหัดทั้งสอง tense มาดูตารางด้านล่างเพื่อแยกแยะ Present Perfect Tense และ Present Perfect Continuous Tense
ความแตกต่างระหว่าง Simple Past Tense และ Present Perfect Tense
Past Simple Tense แสดงการกระทำที่เริ่มต้นและสิ้นสุดในช่วงเวลาหนึ่งในอดีต
Present Perfect Tense แสดงถึงการกระทำที่เริ่มต้นในอดีต แต่สิ้นสุดในปัจจุบันและไม่ได้ระบุว่าการกระทำนั้นเกิดขึ้นเมื่อไหร่
เหมือนกัน: ทั้งสองมีหน้าที่แสดงการกระทำที่เกิดขึ้นในอดีตทำให้ง่ายต่อการสงสัยว่าจะใช้ tense ไหน ลองดูกรณีต่างๆ ด้านล่างเพื่อเลือก tense ที่เหมาะสม
กรณีที่ 1
| Simple Past Tenseโครงสร้าง | Present Perfect Tenseโครงสร้าง |
|---|---|
| Subject + V2/Ved + … | Subject + has/have + V3/Ved + … |
| – ใช้เมื่อพูดถึงเวลาที่เหตุการณ์เกิดขึ้น – ตัวอย่าง: This morning, my son broke my favorite vase. ⟶ เช้านี้ ลูกชายของฉันทำแจกันใบโปรดของฉันแตก ⟶ มีเวลาเฉพาะ: “เช้านี้” | – ใช้เมื่อ ไม่มีการกล่าวถึงเวลาที่การกระทำเกิดขึ้นเพราะเวลาไม่สำคัญ ผู้พูดไม่รู้ … – ตัวอย่าง: Someone has broken my favorite vase. ⟶ มีใครทำแจกันใบโปรดของฉันแตก ⟶ ไม่มีเวลา (อาจจะ) เพราะผู้พูดไม่รู้ว่า “ใคร” ทำแจกันแตกเมื่อไหร่ |
กรณีที่ 2
| Simple Past Tenseโครงสร้าง | Present Perfect Tenseโครงสร้าง |
|---|---|
| Subject + V2/Ved + … | Subject + has/have + V3/Ved + … |
| – ช่วงเวลาที่ผู้พูดกำลังพิจารณา (เมื่อพูดถึงการกระทำ) สิ้นสุดลงแล้ว – ตัวอย่าง: This afternoon, I called 5 customers. (It’s 6pm now.) ⟶ บ่ายนี้ ฉันโทรหาลูกค้า 5 ราย (ตอนนี้ 6 โมงเย็นแล้ว) ⟶ เวลาที่ผู้พูดพูดประโยคนี้คือ 6 โมงเย็น ดังนั้นช่วง “บ่ายนี้” จึงสิ้นสุดแล้ว ดังนั้นเราจึงใช้ Simple Past Tense | – ช่วงเวลาที่ผู้พูดกำลังพิจารณา (เมื่อพูดถึงการกระทำ) ยังไม่สิ้นสุด – ตัวอย่าง: This afternoon, I have called 5 customers. (It’s 4pm now.) ⟶ บ่ายนี้ฉันโทรหาลูกค้า 5 คน (ตอนนี้ 4 โมงเย็นแล้ว) ⟶ เมื่อผู้พูดพูดประโยคนี้เป็นเวลา 4 โมงเย็น ดังนั้นช่วงเวลา “บ่ายนี้” จึงยังไม่สิ้นสุด ดังนั้นเราจึงใช้ Present Perfect Tense |

แบบฝึกหัด Present Perfect Tense
แบบฝึกหัดที่ 1: ผันคำกริยาในวงเล็บลงตาม Present Perfect Tense
1. Someone ……………… (steal) my phone.
2. My younger brother ……………… (lose) his favorite toy, and he is still very sad now.
3. ……………… your mother ever ……………… (go) diving?
4. That men ……………… (sit) there for hours.
5. My best friend ……………… (be) a member of that club for years.
Answer:
1. has stolen – 2. has lost – 3. Has… gone – 4. has sat – 5. has been
แบบฝึกหัดที่ 2: เรียงลำดับคำเพื่อสร้างประโยคที่ถูกต้อง
1. has worked/ for 4 years/ my younger sister/ for that company/ .
2. since last Christmas/ him/ haven’t heard from/ Michelle and I/ .
3. we/ this movie/ have watched/ the second time/ this is/ .
4. again/checked/ the accountant/ the document/ has/ ?
5. rained/ since/ it/ midnight/ has/ .
Answer:
1. My younger sister has worked for that company for 4 years.
2. Michelle and I haven’t heard from him since last Christmas.
3. This is the second time we have watched this movie.
4. Has the accountant checked the document again?
5. It has rained since midnight.
แบบฝึกหัดที่ 3: ผันกริยาในวงเล็บตาม Present Perfect Tense หรือ Simple Past Tense ให้ถูกต้อง
1. Dad just ……………… (bring) a cat home. Here it is. Look!
2. My parents ……………… (buy) that house 2 years ago.
3. This is the second that employee ……………… (miss) a deadline.
4. She is the smartest girl I ever ……………… (meet).
5. This year, I ……………… (read) 5 books.
6. Last year, I ……………… (read) 10 books.
Answer:
1. has just brought
2. bought
3. has missed
4. have ever met
5. have read
6. read
แบบฝึกหัดที่ 4: แต่ละประโยคด้านล่างมีข้อผิดพลาด 1 ข้อ จงค้นหาและแก้ไขข้อผิดพลาดเหล่านั้น
1. My mother have fixed the sink.
2. Tony didn’t write to me since last summer.
3. You are the funniest person I met.
4. I have worked for this company for I moved to this city.
5. My sisters has swum since 1 hour ago.
Answer:
1. My mother have fixed the sink. ⟶ has
2. Tony didn’t write to me since last summer. ⟶ hasn’t written
3. You are the funniest person I met. ⟶ have ever met
4. I have worked for this company for I moved to this city. ⟶ since
5. My sisters have swam since noon. ⟶ swum
แบบฝึกหัดที่ 5: ตั้งคำถามสำหรับส่วนที่ขีดเส้นใต้
1. I haven’t written to you since July because I’ve been very busy.
2. My father has taught Literature at that school for nearly 12 years.
3. Sarah has taken care of the plants in our office since Spring.
4. Those kids has bullied my younger brother.
5. She has worked very hard and efficiently since April.
Answer:
1. Why haven’t you written to me since July?
2. How long has your father taught Literature at that school?
3. Who has taken care of the plants in our office since Spring?
4. What have those kids done to your younger brother?
5. How has she worked since April?
>>> Read more : irregular verbs – กริยาไม่ปกติในภาษาอังกฤษที่ครบถ้วนที่สุด
ด้านบนคือข้อมูลทั้งหมดเกี่ยวกับ Present Perfect Tense และแบบฝึกหัดที่มีรายละเอียดมากที่สุด หวังว่าบทความข้างต้นจะช่วยให้คุณเพิ่มความรู้เกี่ยวกับไวยากรณ์ภาษาอังกฤษมากขึ้น ขอให้คุณเรียนภาษาอังกฤษได้ผลดี!
Past Perfect Continuous Tense เป็นหนึ่งใน tense พื้นฐานในภาษาอังกฤษที่คุณต้องเชี่ยวชาญ บทความต่อไปนี้ ELSA Speak จะเผยความรู้ทั้งหมดเกี่ยวกับ Past Perfect Continuous Tense รวมถึง คำนิยาม โครงสร้าง หลักการใช้งาน และแบบฝึกหัดบางส่วน เพื่อช่วยให้คุณคุ้นเคยกับ tense นี้ มาลองดูตอนนี้เลย!
Past Perfect Continuous คืออะไร
Past Perfect Continuous เป็น tense ที่แสดงการกระทำหรือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนการกระทำอื่นในอดีต และเน้นความต่อเนื่องของการกระทำนั้น
Past Perfect Continuous Tense ตัวอย่างประโยค:
I had been working very hard until they came to help me.
(ฉัน (เคย) ทำงานหนักมากจนพวกเขามาช่วยฉัน)
It had been raining for hours before it finally stopped at 4 this afternoon.
(ฝนตกนานหลายชั่วโมงก่อนจะหยุดตกตอน 4 โมงเย็นในวันนี้)

โครงสร้าง Past Perfect Continuous Tense
รูปแบบประโยคบอกเล่า
| S + had + been + V-ing + … |
ตัวอย่าง
They had been dancing non-stop when came.
(พวกเขาเต้นไม่หยุดเมื่อเรามาถึง)
She had been practicing for hours so she was exhausted when we saw her.
(เธอฝึกมาหลายชั่วโมง (ก่อนหน้านี้) ดังนั้นเธอจึงหมดแรงเมื่อเราเห็นเธอ)

รูปแบบประโยคปฏิเสธ
| S + had not (hadn’t) + been + V-ing + … |
ตัวอย่าง
That hadn’t been living in that house for years before we bought it last year.
(พวกเขาไม่ได้อาศัยอยู่ในบ้านหลังนั้นมาหลายปีก่อนที่เราจะซื้อมันเมื่อปีที่แล้ว)
Marie and I hadn’t been talking until she called me last night.
(มารีกับฉันไม่ได้คุยกัน (เป็นเวลาหนึ่ง) จนกระทั่งเธอโทรหาฉันเมื่อคืนนี้)

รูปแบบประโยคคำถาม
คำถาม Yes – No
| Had + S + been + V-ing + …? |
| Yes, S + had.No, S + hadn’t. |
ตัวอย่าง
Had our daughter been doing her homework before you got home?
(ลูกสาวของเราทำการบ้านก่อนที่คุณจะกลับถึงบ้านหรือเปล่า)
➥ Yes, she had.
Had you been cooking for hours when they came to help?
(คุณทำอาหารเป็นชั่วโมงเมื่อพวกเขามาช่วยหรอ)
➥ No, I hadn’t.
(ไม่นะ)

คำถาม Wh-
คำใช้ถามที่ไม่ใช่หัวเรื่อง
What/ Where/ When/ Why/ How/ Who(m) + had + (not) + S + been + V-ing + … ?
ตัวอย่าง
What had our son been doing in the attic when you came in?
(ลูกชายของเราทำอะไรในห้องใต้หลังคาเมื่อคุณเข้ามา)
Where had he been hiding before the bad guy found him
(เขาซ่อนตัวอยู่ที่ไหนก่อนที่คนร้ายจะเจอเขา)
Who(m) had she been talking to until I called her?
(เธอคุยกับใครจนกระทั่งฉันโทรหาเธอ)
คำใช้ถามคือหัวเรื่อง
What/ Who + had (not) + V3/ed + …? (be)
ตัวอย่าง
What had been bothering you before you talked to the doctor yesterday?
(มีอะไรรบกวนคุณก่อนที่คุณจะคุยกับหมอเมื่อวานนี้)
Who had been living in this room for nearly 10 years before I moved in?
(ใครอาศัยอยู่ที่นี่เกือบ 10 ปีก่อนที่ฉันย้ายเข้ามา)

วิธีการผันคำกริยาใน Past Perfect Continuous Tense
คำกริยาใน Past Perfect Continuous Tense ค่อนข้างยาว โดยมีส่วนประกอบ 3 ส่วนดังนี้: had + been + V-ing
โดยที่ ‘had’ และ ‘been’ ไม่ได้เปลี่ยนแปลง แต่ ‘V-ing’ จะเปลี่ยนไปตามกริยาในแต่ละกรณี
หมายเหตุ: เนื่องจาก Past Perfect Continuous Tense ก็เป็น Continuous Tense จึงจะมีคำกริยาบางคำที่เราไม่ค่อยได้ใช้ใน tense นี้ เช่น
คำกริยาแสดงอารมณ์ ชอบ เกลียด ความต้องการ…
- like: ชอบ
- love: รัก
- dislike: ไม่ชอบ
- hate: เกลียด
- want: อยาก
- prefer: ชอบมากกว่า (การเลือก)
- need: ต้องการ
คำกริยาแสดงความคิด ความเห็น…
- think: คิด
- believe: เชื่อใน
- know: รู้ว่า
- understand: เข้าใจ
- remember: จำบางสิ่งในอดีต/จำสิ่งที่ต้องทำ
- forget: ลืมบางสิ่งในอดีต/ลืมทำบางสิ่ง
- realize: ตระหนักว่า
หมายเหตุ: เมื่อคำกริยา ‘think’ หมายถึง “คิดถึงใครบางคน/บางสิ่ง” และตามด้วย ‘of/ about’ + คำนาม เราก็สามารถใช้ ‘think’ ใน Past Perfect Continuous Tense

คำกริยาเชื่อมโยง (linking verbs) และเกี่ยวข้องกับการรับรู้ทางประสาทสัมผัส
- taste: รส
- smell: เหม็น
- feel: รู้สึก (This place feels cozy. – สถานที่นี้ให้ความรู้สึกอบอุ่น)
- sound: ฟังดูเหมือน
- seem: ดูเหมือน
- look: ดูเหมือนว่า
หมายเหตุ: เมื่อคำกริยาข้างต้นไม่ได้ทำหน้าที่เชื่อมโยง และไม่แสดงการรับรู้ทางประสาทสัมผัส แต่ทำหน้าที่ของคำกริยาการกระทำและแสดงการกระทำ เราสามารถใช้คำนั้นได้ใน Past Perfect Continuous Tense เมื่อมีความหมายต่อไปนี้:
- taste: เพื่อลิ้มรส
- smell: กลิ่น
- feel: รู้สึกอย่างไร
- sound: เพื่อสร้างเสียง/ทำให้เกิดเสียง
- look at something: ดูบางอย่าง
คำกริยาเชื่อม ‘be’
‘be’ ไม่ค่อยได้ใช้ใน Continuous Tense คุณต้องหลีกเลี่ยงการแปลโดยตรงจากภาษาไทยเป็นภาษาอังกฤษเพื่อไม่ให้เกิดข้อผิดพลาดในการใช้ ‘be’ ใน Continuous Tense เมื่อไม่จำเป็นหรือไม่ควรใช้
ตัวอย่าง
คุณมีประโยคภาษาไทยในหัวอยู่แล้วว่า “เธอเคยเศร้าและกำลังเศร้าก่อนที่เขาจะมา”
จากนั้นพยายามแปลเป็นภาษาอังกฤษว่า “She HAD BEEN BEING sad before he came.”
ในขณะที่วิธีพูดที่ถูกต้องตามหลักไวยากรณ์และเป็นธรรมชาติที่สุดก็คือ “She HAD BEEN sad before he came.”
ดังนั้นแทนที่จะคิดเป็นภาษาไทยแล้วแปลเป็นภาษาอังกฤษ คุณเพียงแค่พิจารณาจากแนวคิดที่คุณต้องการพูด จากนั้นเลือกโครงสร้างและคำศัพท์ภาษาอังกฤษที่เหมาะสมเพื่อแสดงแนวคิดนั้น
อย่างไรก็ตาม ยังมีบางกรณีที่ผู้พูดใช้ ‘be’ ใน Present Continuous Tense เพื่อเน้นเรื่องชั่วคราว เรื่องนี้จะกล่าวถึงในบทความอื่นเกี่ยวกับคำกริยาที่ไม่ได้ใช้ใน Continuous Tense
หลักการเติม -ing
หมายเหตุ:
- คำกริยา ‘like’, ‘love’, ‘dislike’ และ ‘hate’ ยังสามารถนำมาใช้ใน Past Perfect Continuous Tense เมื่อผู้พูดต้องการเน้นความชั่วคราวของอารมณ์ แต่ว่ากรณีนี้ไม่เป็นที่นิยม
- หากคำกริยาที่จะผันไม่ได้อยู่ในสถานการณ์ด้านล่างนี้ ให้เติม -ing ต่อกริยาตามปกติ
>>> Read more: Irregular Verbs –กริยาไม่ปกติในภาษาอังกฤษที่ครบถ้วนที่สุด
คำกริยาที่ลงท้ายด้วย “e”
เมื่อคำกริยาที่จะผันลงท้ายด้วย “e” เราต้องทิ้ง “e” แล้วเติม -ing
ตัวอย่าง
- They are racing. (race → racing)
(พวกเขากำลังแข่ง)
- Look! She’s waving at us. (wave → waving)
(ดูสิ! เธอกำลังโบกมือให้พวกเรา)
คำกริยาที่ลงท้ายด้วย “ie”
ในกรณีนี้ เราต้องเปลี่ยน “ie” เป็น “y” แล้วเติม -ing
ตัวอย่าง
- Her cat is lying in my bed. (lie → lying)
(แมวของเธอกำลังนอนอยู่บนเตียงของฉัน)
- There’s too much to do. I’m dying. (die → dying)
(มีมากเกินไปที่จะทำ ฉันกำลังจะตาย)
คำกริยาที่มี 1 พยางค์ ลงท้ายด้วยพยัญชนะ นำหน้าด้วยสระ
ในกรณีนี้ เราเพิ่มพยัญชนะตัวสุดท้ายเป็นสองเท่า แล้วเติม -ing
ตัวอย่าง
- The hairdresser is cutting my hair. (cut → cutting)
(ช่างตัดผมกำลังตัดผม)
- They are putting fruits into the fridge. (put → putting)
(พวกเขากำลังใส่ผลไม้เข้าไปในตู้เย็น)
คำกริยาที่มี 2 พยางค์ ลงท้ายด้วยพยัญชนะ นำหน้าด้วยสระ เน้นเสียงอยู่ที่พยางค์ที่ 2
ในกรณีนี้ เรายังเพิ่มพยัญชนะตัวสุดท้ายเป็นสองเท่า แล้วเติม -ing
ตัวอย่าง
Leaves are beginning to fall. (begin→ beginning; /bɪˈɡɪn/)
(ใบไม้กำลังเริ่มร่วงหล่น)
| มาทบทวนกริยาไม่ปกติทั้ง 600 คำ (irregular verbs) และเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับการใช้งานใน Past Perfect Continuous Tense รวมถึงโครงสร้างอื่น ๆ ของ irregular verbs กัน |
หลักการใช้ Past Perfect Continuous Tense
Past Perfect Continuous Tense มี 2 หน้าที่ และหน้าที่หลักก็ได้กล่าวถึงในส่วนที่ 1 แล้ว
สองหน้าที่ของ Past Perfect Continuous Tense คือ
| แสดงการกระทำที่เริ่มต้นก่อนช่วงเวลาหนึ่งหรือการกระทำอื่นในอดีต และดำเนินต่อไปจนถึงช่วงเวลานั้นหรือการกระทำนั้น |
- She had been working for that company for 10 years before she quit her job there.
(เธอทำงานให้กับบริษัทนั้นเป็นเวลา 10 ปีก่อนที่เธอจะลาออกจากที่นั่น)
→ วิเคราะห์: การ “ทำงานให้กับบริษัทนั้น” เริ่มขึ้น ดำเนินไป และสิ้นสุดในเวลาที่ “เธอลาออก”
→ หมายเหตุ: ในกรณีนี้ เราสามารถใช้ Past Perfect Tense ได้ แต่จะไม่เน้นระยะเวลายาวนานของการกระทำ “ทำงานให้กับบริษัทนั้นเป็นเวลา 10 ปี”
- No one had been using that machine when we bought it.
(ไม่มีใครใช้เครื่องนั้นเมื่อเราซื้อมัน)
→ วิเคราะห์: การ “ไม่มีใครใช้เครื่องนั้น” เริ่มขึ้น ดำเนินไป และสิ้นสุดในเวลาที่ “เราซื้อมัน”
→ หมายเหตุ: ในกรณีนี้ เราสามารถใช้ Past Perfect Tense ได้ แต่จะไม่เน้นระยะเวลายาวนานของการกระทำ “ไม่มีใครใช้เครื่องนั้น”
| แสดงและเน้นการกระทำที่เกิดขึ้นและสิ้นสุด แต่ยังส่งผลในเวลาต่อมาในอดีต |
- It had been raining and the ground was still wet this afternoon.
(ฝนตกและพื้นดินยังเปียกในบ่ายวันนี้)
→ วิเคราะห์: “ฝนตก” เกิดขึ้นและสิ้นสุดก่อนเวลา “บ่ายวันนี้” แต่ผลยังปรากฏอยู่ในเวลานั้น คือ “พื้นดินยังเปียกอยู่”
- She had been singing all yesterday evening, and her throat was sore this morning.
(เธอร้องเพลงตลอดเย็นวานนี้ และเช้านี้เธอเจ็บคอ)
→ วิเคราะห์: “เธอร้องเพลง” เกิดขึ้นและสิ้นสุดก่อนเวลา “เช้านี้” ก็คือ “เย็นวานนี้” แต่ผลยังปรากฏอยู่ในเวลา “เช้านี้”: “เธอเจ็บคอ”
สัญญาณการรับรู้ Past Perfect Continuous Tense
กรณีที่ 1
Past Perfect Continuous Tense ใช้ในประโยคความเดียวพร้อมวลีระบุช่วงเวลาในอดีตที่มีโครงสร้าง: before/ until/ by/… + noun (phrase)
ตัวอย่าง
- They hadn’t been talking to each other until yesterday.
(พวกเขาไม่ได้คุยกันจนถึงเมื่อวาน)
- Marie and I had been living together before our graduation last year.
(ฉันกับมารีอยู่ด้วยกันก่อนเรียนจบปีที่แล้ว)
กรณีที่ 2
Past Perfect Continuous Tense สามารถใช้ในอนุประโยคของประโยคที่ซับซ้อนได้
อนุประโยคที่เหลือใช้ Simple Past Tense และเริ่มต้นด้วย when/ before/ until/ by the time/…
หรืออนุประโยคหนึ่งใช้ Simple Past Tense และอีกอนุประโยคหนึ่งใช้Past Perfect Continuous Tense แล้วเริ่มต้นด้วย ‘After’
ตัวอย่าง
- They hadn’t been talking to each other until they met yesterday.
(พวกเขาไม่ได้คุยกันจนกระทั่งพบกันเมื่อวานนี้)
- Marie and I had been living together by the time we graduated last year.
(มารีกับฉันอยู่ด้วยกัน (ตลอด) ก่อนที่เราจะเรียนจบเมื่อปีที่แล้ว)
ตัวอย่างประโยค Past Perfect Continuous Tense
Our daughter had been studying by 11:30 last night.
(ลูกสาวของเราเรียนจนถึงห้าทุ่มครึ่งเมื่อคืนนี้)
We had been living together before that argument.
(เราอยู่ด้วยกันก่อนที่จะทะเลาะกัน)
My best friend had been working as a tutor until her graduation last month.
(เพื่อนสนิทของฉันทำงานเป็นครูสอนพิเศษจนกระทั่งเธอสำเร็จการศึกษาเมื่อเดือนที่แล้ว)
Our parents had been using that company’s products for years before their scandal last week.
(พ่อแม่ของเราใช้ผลิตภัณฑ์ของบริษัทนั้นมาหลายปีก่อนที่จะเกิดเรื่องอื้อฉาวเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว)
Last night, our son had been watching a Netflix series until 11:45.
(เมื่อคืนลูกชายของเราดูซีรีส์ Netflix จนถึง 11:45 น)
She had been studying non-stop by the time she took a break at 3pm.
(เธอเรียนไม่หยุดจนกระทั่ง (ก่อน) เลิกเรียนเวลาบ่าย 3)
That employee had been writing that report the whole morning before she moved on to a new one.
(พนักงานเขียนรายงานนั้นตลอดทั้งเช้าก่อนจะไปรายงานฉบับอื่น)
The students had been practicing before they performed yesterday.
(นักเรียนฝึก (ตลอด) ก่อนทำการแสดงเมื่อวานนี้)
She had been working overtime for weeks, and she was still exhausted yesterday.
(เธอทำงานล่วงเวลามาหลายสัปดาห์แล้ว และเมื่อวานเธอก็ยังเหนื่อยอยู่)
The kids had been playing games too much, and this morning, their eyes were still tired.
(เด็กๆ เล่นเกมส์กันเยอะ (เป็นเวลาหนึ่ง) และเช้านี้ตายังล้าอยู่เลย)
ความแตกต่างระหว่าง Past Perfect Tense กับ Past Perfect Continuous Tense
เหมือนกัน:
พูดคุยเกี่ยวกับการกระทำเกิดขึ้นก่อนเวลาหรือการกระทำอื่นในอดีต
ความแตกต่าง
- ข้อที่ 1
| Past Perfect Continuous Tense | Past Perfect Tense |
|---|---|
| แสดงและเน้นระยะเวลายาวนานของการ กระทำ | ใช้สำหรับการกระทำที่เกิดขึ้นในระยะเวลาสั้น ๆ ไม่ใช่ยาวนานในช่วงเวลาหนึ่งที่แน่นอน หรือใช้เมื่อไม่อยากเน้นถึงความยาวนานดังกล่าว |
| ตัวอย่าง She had been studying for hours before she took a break at 3pm. (เธอเรียนหลายชั่วโมงก่อนจะพักตอนบ่าย 3) → เน้นว่า การเรียนรู้นี้ใช้เวลายาวนานระยะหนึ่ง ก็คือ “หลายชั่วโมง” ก่อนการ “พัก” ที่จะเกิดขึ้น | ตัวอย่าง She had studied before she took a break at 3pm. (เธอเรียนก่อนจะพักตอนบ่าย 3) → เพียงแสดงว่า ก่อน “พักตอนบ่าย 3” เธอก็ “เรียน” |
| *หมายเหตุ ถ้าในประโยคกล่าวถึงระยะเวลาที่การกระทำเกิดขึ้นก่อนมีความยาวนาน เช่น ‘for hours/ years/ a long time/…’ และการกระทำที่เกิดขึ้นก่อนคือการกระทำที่สามารถมีความยาวนาน (‘live’, ‘sleep’, ‘study’, …) → ใช้ Past Perfect Continuous Tense | *หมายเหตุ ถ้าในประโยค (มักจะ) ไม่ได้กล่าวถึงระยะเวลานานของการกระทำเกิดขึ้นก่อน เช่น ‘for hours/ years/ a long time/…’ และการกระทำที่เกิดขึ้นก่อนคือการกระทำที่ไม่สามารถเกิดนานได้ (‘begin’, ‘start’, ‘stop’, …) → ใช้ Past Perfect Tense อย่างไรก็ตาม จะมีบางกรณีที่จะสามารถใช้ Past Perfect Continuous Tense ได้ แต่ผู้พูด/ผู้เขียนไม่ต้องการเน้นระยะเวลายาวนาน จึงใช้เฉพาะ Past Perfect Tense เท่านั้น |
- ข้อที่ 2
| Past Perfect Continuous Tense | Past Perfect Tense |
|---|---|
| แสดงและเน้นการกระทำที่เกิดขึ้นและสิ้นสุด แต่ยังส่งผลในเวลาต่อมาในอดีต | ในด้านไวยากรณ์ ยังใช้ได้ แต่ไม่ได้ผลในการเน้นย้ำได้เท่ากับ Past Perfect Continuous Tense เพราะตามการรับรู้ของเจ้าของภาษาส่วนใหญ่ การใช้ Past Perfect Continuous Tense สามารถเน้นย้ำสถานการณ์ดังกล่าวได้จริงๆ |
| ตัวอย่าง It had been raining and the ground was still wet this afternoon. → ฝนตกและพื้นดินยังเปียกในบ่ายวันนี้ |
| การเข้าใจ Past Perfect Continuous Tense ช่วยให้คุณอธิบายประสบการณ์การทำงานที่เกิดขึ้นต่อเนื่องในอดีตได้ชัดเจนยิ่งขึ้น เมื่อนำไปใช้ใน cv ภาษาอังกฤษ ก็จะช่วยเล่าเส้นทางการทำงานของคุณได้เป็นลำดับและดูเป็นมืออาชีพมากขึ้น |
แบบฝึกหัดเกี่ยวกับ Past Perfect Continuous Tense
แบบฝึกหัดที่ 1: ผันคำกริยาในวงเล็บเป็นกริยาใน Past Perfect Continuous Tense ให้ถูกต้อง
1. We__________________ (live) there before we moved to District 12.
2. Before the contest, they__________________ (practice) for days.
3. After she__________________ (work) for hours, her eyes were tired.
4. Before we took her to hospital, she__________________ (not eat) anything for 2 days.
5. We__________________ (clean) the house for hours when our parents said that we should stop.
6. Before the meeting, they__________________ (not take) care of the customers well.
7. My mom__________________ (use) that phone for years before it was stolen last week.
คำตอบ:
1. had been living
2. had been practiced
3. had been working
4. hadn’t been eating
5. had been cleaning
6. hadn’t been taking
7. had been using
แบบฝึกหัดที่ 2: จัดเรียงคำด้านล่างเพื่อสร้างประโยคที่ถูกต้อง
1. for years/ they/ they/ before/ bought a house/ had been living in that flat/.
2. for hours/ I started using that computer/ my sister/ , / when/ had been working on it/.
3. until/ had been doing homework/ 3am today/ our daughter/.
4. /gave him a day off/ he/ our boss/ had been working overtime for days/ after.
5. had been working part-time as a sales assistant/ before/ she/ her first full-time job/.
คำตอบ:
1. They had been living in that flat for years before they bought a house.
2. When I started using that computer, my sister had been working on it for hours.
3. Our daughter had been doing homework until 3am today.
4. After he had been working overtime for days, our boss gave him a day off.
5. She had been working part-time as a sales assistant before her first full-time job.
แบบฝึกหัดที่ 3: แต่ละประโยคด้านล่างมีข้อผิดพลาด 1 ข้อ จงค้นหาและแก้ไขให้ถูกต้อง
1. They have been singing for hours by the time we came.
2. My parents had lived there for nearly 7 years before they moved to another city.
3. By the time we saw him lying on the floor, he has been working non-stop.
4. After she had sung for hours last night, her throat was still sore this afternoon.
5. My sister had been working as a sales assistant after she became a model.
คำตอบ:
1. have been singing → had been singing
2. had lived → had been living (การใช้ Past Perfect Tense ก็ไม่ผิดหลักไวยากรณ์ แต่จะไม่เน้นความยาวนานและความต่อเนื่องของการกระทำ ‘live’)
3. have been singing → had been singing
4. had sung → had been singing (การใช้ Past Perfect Tense ก็ไม่ผิดหลักไวยากรณ์ แต่จะไม่เน้นความยาวนานและความต่อเนื่องของการกระทำ ‘sung’)
5. after → before
แบบฝึกหัดที่ 4: ผันคำกริยาในวงเล็บลงใน Past Perfect Continuous Tense หรือ Past Perfect Tense ให้ถูกต้อง
1. She__________________ (play) the piano for nearly 3 hours when you came.
2. Before your arrival, they__________________ (end) the meeting.
3. That family__________________ (move) to another place before you bought the house.
4. The concert__________________ (start) before we arrived.
5. That team__________________ (practice) for hours so when we came, the members were all exhausted.
คำตอบ:
1. had been playing (เน้นความยาวนานของการกระทำ)
2. had ended (การกระทำ ‘end’ ไม่สามารถดำเนินต่อไปได้อีก)
3. had moved (การกระทำ ‘move’ ไม่สามารถดำเนินต่อไปได้อีก)
4. had started (การกระทำ ‘start’ ไม่สามารถดำเนินต่อไปได้อีก)
5. had been practicing (เน้นความยาวนานของการกระทำ)
แบบฝึกหัดที่ 5: ผันคำกริยาในวงเล็บลงใน Past Perfect Continuous Tense หรือ Simple Past Tense ให้ถูกต้อง
1. That singer had been performing for nearly an hour when we __________________ (arrive).
2. She__________________ (use) the computer for a long time and it still__________________ (feel) hot when I touched it a few minutes ago.
3. That family__________________ (sing) karaoke for hours before we__________________ (ask) them to stop.
4. Before I__________________ (turn) it off, that video__________________ (play) for hours.
5. When she__________________ (get) to the company, we__________________ (discuss) the new project for nearly 2 hours.
คำตอบ:
1. arrived
2. had been using- felt
3. had been singing- asked
4. turned- had been playing
5. got- had been discussing
แบบฝึกหัดที่ 6: จับคู่แต่ละข้อในคอลัมน์ A กับข้อที่เหมาะสมในคอลัมน์ B
| A | B |
|---|---|
| 1. It had been raining heavily, | A. she was still tired and sleepy this afternoon. |
| 2. When we saw them at the supermarket, | B. when we told her stop. |
| 3. By the time we got to the party, | C. they had been shopping there since 1pm. |
| 4. After our daughter had been playing games the whole evening yesterday, | D. and some parts of the city were still flooded this afternoon. |
| 5. Our daughter had been studying for hours | E. they had been drinking and eating for quite a long time. |
คำตอบ:
| 1. D | 2. C | 3. E | 4. A | 5. B |


แบบฝึกหัดที่ 7: เขียนอีกหนึ่งอนุประโยคเข้าที่หลังอนุประโยคด้านล่างเพื่อแสดงผล/อิทธิพล
1. Yesterday, when I got home,…
2. By the time I had lunch yesterday,…
3. … before I left work today.
4. … by lunch yesterday.
5. … before last weekend.
คำตอบ:
คำตอบเหล่านี้เป็นคำตอบปลายเปิด ซึ่งขึ้นอยู่กับความคิดของคุณเอง ดังนั้นคำตอบด้านล่างมีไว้สำหรับอ้างอิงเท่านั้น และเพื่อให้คุณเห็นวิธีใช้ Past Perfect Continuous Tense
1. Yesterday, when I got home, my father had been cooking dinner.
2. By the time I had lunch yesterday, I had been working very hard.
3. I had been writing an important report before I left work today.
4. My family had been spending time together by lunch yesterday.
5. I had been working overtime for days before last weekend.




