Author: Bao Ngan Nguyen
เมื่อครอบครัวและเพื่อนๆ ต้องเดินทางไกล เช่น กลับบ้านเกิด ไปเที่ยว ไปเรียนต่อต่างประเทศ ไปทำงาน ฯลฯ ใครๆ ก็อยากจะอวยพรให้คนที่เรารักโชคดีและปลอดภัยอยู่เสมอ ดังนั้น ELSA Speak จึงได้รวบรวมคำอวยพรเดินทางปลอดภัยในภาษาอังกฤษที่มีความหมายดี อ่านง่ายจำได้แม่นมาให้แล้ว
เดินทางปลอดภัย ภาษาอังกฤษ แปลว่าอะไร
เดินทางปลอดภัยในภาษาอังกฤษแปลว่า have a good trip, have a nice trip, safe journey hoặc safe trip,… วลีเหล่านี้หมายถึงการเดินทางที่ปลอดภัย ราบรื่นดี ไม่มีอุปสรรคระหว่างทาง ซึ่งมักจะพูดกับคนกำลังจะเดินทางไกลไกลหรือบอกลา
ขอให้เดินทางปลอดภัยภาษาอังกฤษสั้นๆ ความหมายดีๆ
คำอวยพรขอให้ เดินทาง ปลอดภัย ภาษาอังกฤษ | คำแปล |
Take care. | ดูแลตัวเองด้วยนะ |
All the best. | ขอให้ทุกอย่างราบรื่น |
I hope everything goes well. | ฉันหวังว่าทุกอย่างจะไปได้ด้วยดี |
You are going to have a nice trip. | ขอให้เดินทางปลอดภัย |
Drive carefully/ Drive safely. | ขับรถดีๆ นะ |
Have a safe travel. Have a safe journey. Have a safe trip. Have a nice journey. Have a safe ride. | ขอให้เดินทางปลอดภัย |
Have a safe flight. Have a good flight. | ขอให้เดินทางโดยสวัสดิภาพ |
Have fun, see you next week! | ขอให้สนุกนะ แล้วพบกันใหม่ |
Enjoy the journey. Enjoy your trip. | ขอให้เที่ยวสนุกและเดินทางปลอดภัยนะ |
Wishing you a safe journey. | ขอให้เดินทางปลอดภัย |
Bon voyage. | เป็นคำภาษาฝรั่งเศส หมายความว่า ขอให้เดินทางโดยสวัสดิภาพ |
To wish somebody bon voyage/a pleasant journey/a nice trip. | ขอให้(คนๆนั้น)เดินทางปลอดภัย |
You are going to have a nice trip. | คุณจะมีการเดินทางที่ดี |
Wishing you a healthy journey! | ขอให้มีสุขภาพแข็งแรงตลอดการเดินทาง |
Hope you have an amazing time! | ขอให้มีช่วงเวลาที่ดี |
May your journey be filled with joy and adventures! | ขอให้การเดินทางของคุณเต็มไปด้วยความสุขและการผจญภัย |
เที่ยวให้สนุกนะ ภาษาอังกฤษใช้คำไหนบ้าง
- Time to rest has arrived. Let’s enjoy this wonderful moment together.
คำแปล: ถึงเวลาพักผ่อนแล้ว มาสนุกกับช่วงเวลาอันแสนวิเศษนี้ด้วยกันนะ
- Have a nice trip and bring me back a lot of souvenirs, my dear, remember me all the time.
คำแปล: ขอให้เที่ยวให้สนุกและนำของฝากมาเยอะๆ ด้วยนะที่รัก คิดถึงฉันตลอดเวลานะ
- How wonderful would it be if you just focus on yourself and try the best that you can do.
คำแปล: จะดีแค่ไหนถ้าคุณแค่มุ่งมั่นไปที่ตัวเองและพยายามทำให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้
- For now, just listen to yourself, have a nice vacation, close your eyes or read a book, babe.
คำแปล: สำหรับตอนนี้ แค่ฟังเสียงหัวใจตัวเอง ขอให้เป็นวันหยุดที่ดี และหลับตาพักผ่อนหรืออ่านหนังสือนะที่รัก
- Try not to think of the problems that you might have to come back to after this, calm down.
คำแปล: พยายามอย่าคิดถึงปัญหาที่ยังมาไม่ถึง และหลังจากนี้ ต้องใจเย็นๆ นะ
- Vacation is a time for us to experience beautiful memories together.
คำแปล: วันหยุดเป็นเวลาที่เราจะได้สัมผัสประสบการณ์ความทรงจำที่สวยงามร่วมกัน
- Have you been fully prepared for this vacation? Wish you have a great vacation.
คำแปล: วันหยุดนี้คุณเตรียมตัวเต็มที่แล้วหรือยัง? ขอให้เที่ยวให้สนุกนะ
- Hope this vacation will be a meaningful one for my family.
คำแปล: ขอให้วันหยุดครั้งนี้เป็นวันหยุดที่มีความหมายกับครอบครัวของเรา
- This vacation lasts for a week. We will have time to travel together.
คำแปล: วันหยุดครั้งนี้มีเวลาหนึ่งสัปดาห์ เราจะมีเวลาไปเที่ยวด้วยกันนะ
- I will prepare you and your parents a plane ticket to travel. Wish you parents a great holiday.
คำแปล: หนูจะเตรียมตั๋วเครื่องบินให้พ่อแม่ไปเที่ยว ขอให้พ่อแม่เที่ยวให้สนุกนะ
>>> Read more: วันหยุดภาษาอังกฤษ วันหยุดเทศกาลต่าง ๆ ประจำปี
ขอให้ เดินทาง ปลอดภัย ภาษาอัง กฤษ เมื่อมีญาติตั้งถิ่นฐานในต่างประเทศ
คุณสามารถใช้ประโยคเหล่านี้เพื่ออวยพรให้ญาติเดินทางไปตั้งถิ่นฐานในต่างประเทศอย่างปลอดภัย:
คำอวยพรขอให้เดินทางปลอดภัยภาษาอังกฤษ | คำแปล |
May you and your family have a safe journey. | ขอให้คุณและครอบครัวเดินทางปลอดภัย |
Hope to see you soon. | หวังว่าจะได้เจอกันเร็วๆ นี้ |
Stay in touch! | ส่งข่าวถึงกันอยู่เสมอนะ |
I will miss you so much. | ฉันจะคิดถึงคุณมากๆ |
Wish you success and get back to winning soon! | ขอให้คุณประสบความสำเร็จและพบกันใหม่เร็วๆ นี้นะ |
If you have free time, come visit us again! | หากคุณมีเวลาว่างกลับมาหาเราอีกครั้งนะ |
Call me when you get there. | ถึงแล้วโทรหาฉันด้วยนะ |
Remember to stay healthy, goodbye! | อย่าลืมดูแลสุขภาพด้วยนะ |
Remember to take good care of yourself. | อย่าลืมดูแลตัวเองดีๆ ด้วยนะ |
Everything is fine. | ทุกสิ่งทุกอย่างจะราบรื่น |
Hope we can meet again. | หวังว่าเราจะได้พบกันอีก |
ขอให้เดินทางปลอดภัยภาษาอังกฤษ (โดยสารเครื่องบิน)
หวังว่าคุณจะสามารถเลือกใช้คำอวยพรให้เดินทางปลอดภัยโดยเครื่องบิน ภาษาอังกฤษ ด้านล่างนี้อย่างเหมาะสม
- I may not be with you on this journey, but my love and prayers are always with you. Safe travels!
คำแปล: ฉันอาจจะไม่ได้อยู่กับคุณในการเดินทางครั้งนี้ แต่ความรักและคำอวยพรอวยพรของฉันจะอยู่กับคุณเสมอ เดินทางปลอดภัยนะ
- Sending you all my love and best wishes for a smooth and comfortable first flight. Have fun!
คำแปล: ขอส่งความรักและคำอวยพรทั้งหมดให้กับคุณ เพื่อให้เที่ยวบินแรกราบรื่น สะดวกสบาย และมีความสุขนะ!
- Wishing you a smooth and peaceful journey, my beautiful wife. Can’t wait to see you soon.
คำแปล: ขอให้เดินทางปลอดภัย ผมรอเจอภรรยาคนสวยของผมแทบไม่ไหวแล้ว
- Wishing you a safe and comfortable flight, dear parents. Enjoy your travels and make unforgettable memories.
คำแปล: ขอให้พ่อแม่เดินทางโดยสวัสดิภาพและราบรื่น เที่ยวให้สนุกและเก็บความทรงจำที่ดีเหล่านี้ไว้นะ
- Fly safe, fly high and enjoy your journey. Sending you all my love!
คำแปล: ขอให้เป็นเที่ยวบินที่ดี และเพลิดเพลินกับการเดินทางของคุณนะ ขอส่งความรักทั้งหมดไปถึงคุณ
- My dear sister, may your flight be as safe as the love and support we have for you. Safe travels!
คำแปล: น้องสาวที่รัก ขอให้เดินทางปลอดภัยเหมือนกับความรักและการสนับสนุนที่พี่ๆ มีให้ เดินทางปลอดภัยนะ
- Have a pleasant flight, my darling husband. Can’t wait to hear all about your adventures.
คำแปล: ขอให้มีความสุขกับการบินนะสามีที่รักของฉัน รอที่จะได้ยินการผจญภัยของคุณแทบไม่ไหวแล้ว
- May your flight be as amazing as you are, my dear wife. Take care and have a great time!
คำแปล: ขอให้คุณมีการเดินทางที่ดีตามที่คุณหวังนะภรรยาที่รักของผม ขอให้มีช่วงเวลาที่ดีนะ
- Congratulations on your first flight! Wishing you a safe and memorable journey!
คำแปล: ขอแสดงความยินดีกับเที่ยวบินแรกของคุณ ขอให้คุณเดินทางปลอดภัยและเป็นที่น่าจดจำ
>>> Read more: คำอวยพรขอให้โชคดีภาษาอังกฤษที่ดีที่สุด
ขอให้เดินทางปลอดภัยภาษาอังกฤษในการเดินทาง
คำอวยพรขอให้ เดินทางปลอดภัยภาษาอังกฤษ | คำแปล |
Get on the road smoothly. | เดินทางอย่างราบรื่นนะ |
Good luck to you. | ขอให้คุณโชคดีนะ |
Safe and sound. | ปลอดภัยนะ |
Wishing you all the best! | ขอให้คุณเจอ แต่เรื่องดี ๆ |
Fingers crossed! | ขอให้โชคดี |
Wishing you lots of luck! | ขอให้โชคดีแบบสุดๆ นะ |
Have a blast! | มีความสุขมากๆ นะ |
Best wishes! | ขออวยพรที่ดีที่สุดให้แก่คุณ |
Many blessings to you! | ขออวยพรที่ดีที่สุดให้แก่คุณ |
May luck be in your favor! | ขอให้โชคเข้าข้าง |
Here’s a four-leaf clover! | ใบไม้ 4 แฉก (สัญลักษณ์ให้ความโชคดี) |
Wish you good health! | ขอให้คุณมีสุขภาพดี |
Hope to see you soon. | หวังว่าจะได้เจอกันอีกเร็วๆนี้นะ |
คำถามที่ใช้บ่อย
Have a good tripใช้ยังไง?
Have a good trip ใช้เพื่ออวยพรและให้กำลังใจใครสักคนก่อนที่จะเริ่มการเดินทางใหม่ อาจเป็นทริป หรือการเดินทางไหนก็ตาม
safe flight ใช้ยังไง?
Safe flight หมายถึง “ขอให้เดินทางปลอดภัยโดยเครื่องบิน” และใช้เพื่อบอกลาหรือขอให้ใครสักคนบินโดยสวัสดิภาพ
ขับรถ ดีๆ เดินทางปลอดภัยภาษาอังกฤษ
มักใช้ประโยคเช่น Drive safe Drive safe หรือ Have a safe drive
เดินทางปลอดภัยภาษาอังกฤษพูดแบบไหนได้บ้าง?
เดินทางปลอดภัยภาษาอังกฤษ สามารถใช้ประโยคเช่น: Have a safe travel. Have a safe journey. Have a safe trip. Have a nice journey. Have a safe ride, …
ข้างต้นคือคำอวยพร เดินทางปลอดภัยภาษาอังกฤษ ที่ ELSA Speak อยากแบ่งปันให้กับคุณ หวังว่าบทความนี้จะมีประโยชน์สำหรับคุณ และขอขอบคุณที่สนใจบทความของ ELSA Speak!
>>> Read more:
- วิธีพูด Thank you – ขอบคุณภาษาอังกฤษที่สมบูรณ์ที่สุด
- 150+ คำชมภาษาอังกฤษที่เรียบง่ายและดีที่สุดในทุกสถานการณ์
- 95+ คำอวยพรวันเกิดภาษาอังกฤษที่ดีพร้อมคำแปลภาษาไทย
แพ็กเกจ Conversation Bundle มีคู่หูที่สมบูรณ์ที่จะช่วยให้คุณปรับปรุงทักษะการพูดภาษาอังกฤษอย่างมาก มาค้นหาแต่ละคุณสมบัติในแพ็กเกจ Conversation Bundle กันนะ
Conversation Bundle คืออะไร?
Conversation Bundle เป็นแพ็กเกจที่พรีเนียมที่สุดของ ELSA Speak ในปัจจุบัน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ELSA AI และ Speech Analyzer ที่ไม่ได้มีการจำหน่ายปลีกในตลาด ปัจจุบันถูกรวมเข้ากับ Conversation Bundle ด้วย และมีระยะเวลาใช้งานได้ตลอดชีวิต
สนทนาโดยตรงกับติวเตอร์ ELSA AI
สำหรับ ELSA AI คุณจะได้ฝึกการสนทนาโดยตรงกับติวเตอร์ AI ELSA แม้ว่าคุณจะสนทนากับ AI แต่คุณก็จะได้รับความรู้สึกไม่ต่างจากการสนทนากับคนจริง เพราะนี่เป็น AI ที่อยู่ 5 อันดับแรกของโลกที่คอยรับฟังและฟีดแบคการออกเสียงของคุณในแต่ละพยางค์อย่างถูกต้อง
- เลือกสถานการณ์สมมติ: สถานการณ์การสนทนาถูกสร้างขึ้นแบบสุ่มแต่ยังสอดคล้องกับความเป็นจริงในชีวิตประจำวัน ซึ่งทำให้คุณคุ้นเคยเมื่อสื่อสารภาษาอังกฤษในชีวิตประจำวัน ด้วย ELSA AI คุณสามารถเลือกสถานการณ์ที่คุณต้องการฝึกฝน เช่น การสัมภาษณ์ การเชิญคู่ค้าไปทานอาหาร การแชร์เป้าหมายในอาชีพของคุณ เป็นต้น
- แสดงบทบาทสมมติและสนทนากับ AI: คุณสามารถสร้างสถานการณ์แบบสุ่มได้ตามแบบของคุณเองเพื่อปรับปรุงทักษะการโต้ตอบและทักษะการพูดของคุณ
- รับฟีดแบคอย่างรวดเร็ว: ติวเตอร์ ELSA AI จะประเมินการสนทนาของคุณตั้งแต่การออกเสียง คำศัพท์ ไปจนถึงไวยากรณ์ การประเมินนี้จะช่วยให้คุณรู้ได้อย่างชัดเจนว่าจุดไหนยังไม่ดีและจุดไหนต้องแก้ไขอย่างไรเพื่อให้สามารถพูดภาษาอังกฤษได้อย่างเป็นธรรมชาติมากขึ้น
>>> Read more: คู่มือการใช้ ELSA AI แบบละเอียด
Speech Analyzer
Speech Analyzer เป็นผู้ช่วยที่ชาญฉลาดของติวเตอร์ ELSA AI ที่จะช่วยให้คุณปรับปรุงและพัฒนาทักษะการพูดภาษาอังกฤษอย่างครอบคลุม ได้แก่
- การออกเสียง: แก้ไขข้อผิดพลาดในการออกเสียงทันทีเพื่อช่วยให้คุณตระหนักถึงข้อผิดได้อย่างง่ายและจดจำการออกเสียงที่ถูกต้อง
- น้ำเสียง: เน้นคำหลักที่สำคัญในประโยคเพื่อช่วยให้คุณสื่อสารได้น่าดึงดูดมากขึ้น
- ความคล่องแคล่ว: ชี้ให้เห็นถึงการโต้ตอบขณะที่คุณพูดและแนะนำวิธีเว้นวรรคอย่างถูกต้องเพื่อช่วยให้คุณสื่อสารภาษาอังกฤษอย่างเป็นธรรมชาติมากขึ้น
- ไวยากรณ์: ให้คะแนนไวยากรณ์และแนะนำโครงสร้างไวยากรณ์ขั้นสูง
- คำศัพท์: ประเมินคำศัพท์ตามมาตรฐาน CEFR นอกจากนี้ Speech Analyzer ยังแนะนำคำศัพท์ระดับสูงเพื่อช่วยให้คุณมีคลังคำศัพท์ที่กว้างมากขึ้น
นอกจากนี้ Speech Analyzer ยังมีคุณสมบัติการคาดการณ์คะแนนสอบพูดสำหรับใบรับรองระดับสากล เช่น IELTS TOEIC TOEFL อย่างถูกต้อง นี่เป็นเครื่องมือชาญฉลาดอย่างมากสำหรับผู้ที่กำลังเตรียมสอบใบรับรองระดับสากล คุณสามารถเรียนกับ ELSA Speech Analyzer และรับฟีดแบคได้ทุกวัน
คุณสมบัติอีกอย่างหนึ่งที่โดดเด่นยิ่งขึ้นก็คือคุณสามารถใช้ Speech Analyzer ได้โดยตรงทั้งบนเว็บไซต์และบนแอป มันสะดวกจริงๆ ใช่ไหม! ELSA จะเคียงข้างคุณในการเรียนรู้อยู่เสมอ เรียนได้ทุกที่ 24/7 ทั้งสะดวก รวดเร็วและง่ายดาย
Conversation Bundle ราคาเท่าไหร่
ปัจจุบัน Conversation Bundle มีราคา 5340 บาท ประหยัด 25% เมื่อเทียบกับราคาเดิมคือ 7,164 บาท ด้วยราคาเพียง 4 พันกว่าบาท คุณสามารถใช้คุณสมบัติพิเศษทั้งหมดของ ELSA Speak โดยไม่ต้องกังวลเรื่องระยะเวลาการใช้งานที่จำกัด
ELSA Speak จะมีโปรโมชั่นทุกเดือนเพื่อมอบสิทธิพิเศษให้แก่ผู้เรียน อย่าลืมติดตาม ELSA Speak เพื่ออัปเดตราคาโปรโมชั่นอย่างต่อเนื่องนะ
ใครสามารถซื้อ Conversation Bundle ได้?
Conversation Bundle เป็นแพ็กเกจพิเศษที่ใช้กับผู้เรียน ELSA Pro ตลอดชีพเท่านั้น ไม่มีอะไรดีกว่าการมี ELSA Pro ตลอดชีพ รวมกับ Conversation Bundle เมื่อมีสองแพ็กเกจนี้คุณจะออกเสียงเหมือนเจ้าของภาษาอย่างแน่นอน
ควรซื้อ Conversation Bundle หรือไม่?
คำตอบก็คือ ควร เพราะเมื่อเทียบกับ ELSA Pro แล้ว ELSA Premium Conversation Bundle เป็นแพ็กเกจพรีเนียมและดีที่สุดของ ELSA Speak ซึ่งเหมาะสมสำหรับทุกสถานการณ์สื่อสารและทุกความต้องการในการใช้งาน
ด้วยเป้าหมายที่อยากช่วยให้ทุกคนสามารถพูดภาษาอังกฤษเหมือนเจ้าของภาษา ELSA Speak เชื่อว่า Conversation Bundle จะเป็นเพื่อนที่ดีให้กับคุณในการเดินทางเพื่อพิชิต Speaking อย่าลืมฝึกฝนวันละ 10 นาทีทุกวัน เพื่อพัฒนาทักษะภาษาอังกฤษของคุณนะ นอกจากนี้ คุณสามารถอัปเดตคุณสมบัติที่โดดเด่นของ ELSA ที่นี่ ไว้เจอกันใหม่ในบทความอื่นนะคะ
How old are you? หมายถึง “คุณอายุเท่าไหร่” ซึ่งใช้เพื่อถามอายุของคนอื่นแต่ควรจำกัดการใช้งานกับคนแปลกหน้า มาเรียนรู้คำถามที่พบบ่อย How old are you กับ ELSA Speak นะ
How old are you คืออะไร
How old are you เป็นคำถามที่ใช้เพื่อถามอายุของคนอื่น นี่เป็นประโยคที่พบบ่อยและถูกใช้มากในการสื่อสารภาษาอังกฤษ
เมื่อคุณออกไปข้างนอกและพบชาวต่างชาติ คุณสามารถเริ่มบทสนทนากับพวกเขาและถามอายุพวกเขาได้
มีอีกประโยคที่มีความหมายเหมือนกับ How old are you คือ What is your age? แต่ชาวต่างชาติไม่ได้ค่อยใช้เพราะมันไม่เป็นธรรมชาติ
ผู้เริ่มเรียนหลายคนมักจะมีความสับสนระหว่าง How old are you และ How are you ดังนั้นเมื่อได้ยินคนอื่นถามคำถาม คุณต้องตั้งใจฟังนะ
คำศัพท์ภาษาอังกฤษเกี่ยวกับอายุที่คุณควรรู้
เรามักแบ่งกลุ่มตามอายุ เช่น เด็ก วัยรุ่น วัยหนุ่มสาว ผู้สูงอายุ เป็นต้น และในภาษาอังกฤษก็มีการแบ่งแยกเช่นนั้นด้วย หากคุณอยากถามตอบเรื่องอายุอย่ามองข้ามวลีต่อไปนี้
คำศัพท์เกี่ยวกับอายุและร่างกาย
- Baby: เด็กทารก (อายุ 0 – 1 ปี)
- Toddler: เด็กวัยหัดเดิน (อายุ 1 – 3 ปี)
- Child: เด็ก (อายุ 4 – 12 ปี)
- Teenager: วัยหนุ่มสาว (มีอายุระหว่าง 13 ถึง 19 ปี)
- Adolescent: วัยรุ่น (มีอายุระหว่าง 19 ถึง 25 ปี)
- Adult: ผู้ใหญ่
- Senior citizen: ผู้สูงอายุ
ตัวอย่าง
- ฉันเป็นเด็ก => I’m a child.
- ฉันเป็นเด็กวัยหัดเดิน => I’m toddler.
คำศัพท์เกี่ยวกับกลุ่มอายุในภาษาอังกฤษ
- Age group – กลุ่มอายุ มักใช้สำหรับวัยรุ่นและมีความแม่นยำในระดับสูง
Children in the 10-15 age group need help to choose which subjects to specialise in at school. (เด็กในกลุ่มอายุ 10 -15 ปีต้องการความช่วยเหลือในการเลือกวิชาเฉพาะที่โรงเรียน)
- Age bracket – วลีเฉพาะทางมากขึ้น
Most of our students are in the 14-18 age bracket. (ส่วนใหญ่นักเรียนของเราอยู่ในช่วงอายุ 14 -18 ปี)
- Peer group – กลุ่มคนที่มีอายุเท่ากันและมีระดับการศึกษาหรือภูมิหลังครอบครัวเดียวกัน
When I went to school and interacted with my peer group, I was exposed to a different culture outside my home. (เมื่อฉันไปโรงเรียนและมีปฏิสัมพันธ์กับกลุ่มเพื่อน ฉันได้สัมผัสกับวัฒนธรรมอื่นที่แตกต่างจากในบ้านของฉัน)
วิธีตอบคำถาม How old are you
วีธีตอบที่พบบ่อยที่สุด
เพราะนี่เป็นคำถามที่ใช้บ่อยในชีวิตประจำวัน จึงถูกใส่ไว้ใน Simple tense เมื่อผสมกับ old (หมายถึงอายุ) จะมีโครงสร้างคำถามและคำตอบดังนี้
คำถาม: How old are you?
คำตอบ:
S + to be + ตัวเลขอายุ + year(s) old
ตัวอย่าง:
- ตอบว่า ฉันอายุ 10 ปี : I am ten years old.
- ตอบว่า เขาอายุ 5 ขวบ: He is five years old.
- ตอบว่า เธออายุ 1 ขวบ: She is one year old.
จากตัวอย่างข้างต้น สามารถสรุปได้ว่า
- ถ้าอายุมากกว่า 1 ปี เราต้องเติม s อยู่หลัง year => years
- ถ้าอายุน้อยกว่าหรือเท่ากับ 1 ปี เราใช้เฉพาะ year โดยไม่ต้องเติม s
หากคุณไม่ได้ยินคำถามของผู้ถามอย่างชัดเจน คุณสามารถขอให้เขาทวนคำถามโดยพูดว่า Sorry!
เพียงเท่านั้นเขาจะถามคำถามซ้ำให้คุณ
วิธีตอบด้วยการผสมคำกริยาวิเศษณ์
คุณสามารถผสมคำกริยาวิเศษณ์เพื่อแสดงอารมณ์ ซึ่งช่วยให้คำตอบมีบริบทมากขึ้น
- Early: ยังหนุ่มอยู่ มีอายุน้อย
ตัวอย่าง เด็กที่มีอายุเพียง 5 ขวบ คุณจะเห็นว่าเขายังเด็กมาก
Linda is early five years old. // ลินดาอายุ 5 ขวบต้นๆ
- My mid: อยู่กลางของช่วงอายุหนึ่งๆ
ใช้คำนี้เมื่อคุณเดาอายุของคนอื่นโดยไม่ทราบอายุของเขาอย่างแน่นอน
Winny is in my mid 50 years old. // วินนี่อายุ 50 กลางๆ
- Late: อยู่ปลายของช่วงอายุหนึ่งๆ
Our are late 30 years old. // เราอายุ 30 ปลายๆ แล้ว
บทสนทนาใช้ How old are you
- Anna: Hi!
(สวัสดีค่ะ)
- Winne: Hi. Nice to meet you. What’s your name?
(สวัสดีค่ะ ยินดีที่ได้พบคุณ คุณชื่ออะไรคะ)
- Anna: I am Anna. And you?
(ฉันชื่อแอนนา แล้วคุณล่ะ)
- Winne: I’m Winne. How old are you?
(ฉันชื่อวินน์ คุณอายุเท่าไหร่ )
- Anna: I am 22 years old. And you?
(ฉันอายุ 22 ปี แล้วคุณล่ะ)
- Winne: I’m 22 years old.
(ฉันอายุ 22 ปี)
- Anna: What date is your birthday?
(วันเกิดของคุณคือวันที่เท่าไหร่คะ)
- Winne: My date of birth is 1/1/1996. When’s your birthday?
(วันเกิดของฉันคือวันที่ 1 มกราคม 2539 แล้ววันเกิดของคุณคือเมื่อไหร่)
- Anna: My birthday is on 15th of June. Where do you live?
(วันเกิดของฉันคือวันที่ 15 มิถุนายน คุณอาศัยอยู่ที่ไหน)
- Winne: I live in Paris. It is very beautiful. Where are you from?
(ฉันอาศัยอยู่ที่ปาริส ที่นี่สวยมาก คุณมาจากไหน)
- Anna: I am from Tokyo. (ฉันมาจากโตเกียว)
>>> Read more: Top 10 บทความภาษาอังกฤษพื้นฐานและเข้าใจง่าย
ข้อสังเกตเมื่อใช้ How old are you ในภาษาอังกฤษ
เรามักเรียกคนอื่นโดยการใช้คำว่า พี่ ป้า อา ลุง เป็นต้น เพื่อแสดงความสุภาพ แต่ในภาษาอังกฤษเราใช้ You เท่านั้นกับทุกวัย ดังนั้นเราต้องสังเกตนะคะ
คำถามที่พบบ่อย
How old are you แปลว่า?
How old are you หมายถึง “คุณอายุเท่าไหร่” ใช้เพื่อถามอายุของผู้อื่นในภาษาอังกฤษ นี่เป็นประโยคที่พบบ่อยในการสื่อสาร
How old are you อ่านว่า?
ตามวิธีอ่านของคนไทย How old are you จะอ่านว่า ฮาว โอลฺ อาร์ ยู หากอ่านตามตาราง IPA จะอ่านว่า How /haʊ/ old /oʊld/ are /ɑːr/ you /juː/
How old are you now แปลว่า?
How old are you now หมายถึง “ตอนนี้คุณอายุเท่าไหร่” คำถามนี้มีความหมายเหมือนกับ how old are you
ELSA Speak หวังว่าบทความข้างต้นในหัวข้อ How old are you ภาษาอังกฤษ จะเป็นข้อมูลที่มีประโยชน์มากมายสำหรับคุณ และช่วยปรับปรุงความสามารถในการสื่อสารภาษาอังกฤษของคุณนะ
คำบุพบทบอกเวลา (Preposition of time) เป็นหนึ่งในหัวข้อไวยากรณ์สำคัญ ช่วยให้ผู้พูดพรรณนาเวลาของเหตุการณ์และการกระทำ อย่างไรก็ตาม ผู้เรียนภาษาอังกฤษหลายคนยังไม่เข้าใจอย่างชัดเจนถึงวิธีการใช้คำบุพบทบอกเวลาแต่ละประเภท ในบทความนี้ ELSA Speak จะช่วยให้คุณเรียนรู้ความรู้โดยละเอียดเกี่ยวกับคำบุพบทบอกเวลา มาดูกันนะคะ!
Preposition of time (คำบุพบทบอกเวลา) คืออะไร
คำบุพบทบอกเวลาทำหน้าที่เป็นคำเชื่อมระหว่างคำกริยากับคำบอกเวลาในประโยค การใช้คำบุพบทบอกเวลาแสดงข้อมูลเกี่ยวกับเส้นเวลาหรือระยะเวลาที่เกิดขึ้นการกระทำ
ตัาอย่างเช่น
- Everyday, Martin gets up at 5 am. (ทุกวันมาร์ตินจะตื่นนอนตอนตี 5)
- Jenny decided to go to the library on Friday. (เจนนี่ตัดสินใจไปห้องสมุดในวันศุกร์)
วิธีการใช้ คำบุพบทบอกเวลา (Preposition of time)
คำบุพบทบอกเวลา “At”
วิธีการใช้คำบุพบทบอกเวลา “At” | ตัวอย่าง | ความหมาย |
คำบุพบทบอกเวลา “At” สามารถใช้เพื่อบอกเวลาที่เฉพาะเจาะจงลงไป เช่นเวลาตามนาฬิกาหรือมื้ออาหารในแต่ละวัน (breakfast, lunch, dinner…), วัยอายุ, ช่วงเวลาในแต่ละวัน (midday, midnight, night, bedtime, sunset, sunrise) | She leads such an unhealthy lifestyle. She often goes to bed late and gets up at midday. | เธอมีวิถีชีวิตที่ไม่ดีต่อสุขภาพ เธอมักจะนอนดึกและตื่นตอนเที่ยง |
คำบุพบทบอกเวลา “At” ก็สามารถใช้กับช่วงวันหยุดสั้นๆได้ด้วย เช่น New Year, Christmas, Easter, the weekend,… | Our family usually goes traveling at New Year. She spends a whole day shopping at the weekend. | ครอบครัวของเรามักจะไปเที่ยวในช่วงปีใหม่เธอใช้เวลาทั้งวันให้การช้อปปิ้งในช่วงสุดสัปดาห์ |
At สามารถนำมารวมกับคำนามบางคำเพื่อสร้างวลีบอกระยะเวลาได้: at the end of, at the beginning of, at the moment, at that time,… | At the end of this month, I will go abroad for studies. My mom is not at home at the moment. You can come back later. | สิ้นเดือนนี้ฉันจะไปเรียนต่อต่างประเทศตอนนี้ แม่ของฉันไม่อยู่บ้านคุณสามารถกลับมาใหม่ที่หลัง |
คำบุพบทบอกเวลา “In”
วิธีการใช้คำบุพบทบอกเวลา “In” | ตัวอย่าง | ความหมาย |
คำบุพบทบอกเวลา “In” สามารถใช้เพื่อแสดงช่วงเวลาที่กว้างที่สุด เช่น เดือน ปี ฤดูกาล ทศวรรษ ศตวรรษ… | Jenny was born in 2001. This building was built in the 19th century. | เจนนี่เกิดในปี พ.ศ. 2544อาคารตึกนี้ถูกสร้างขึ้นในศตวรรษที่ 19 |
คำบุพบทบอกเวลา “In” ใช้สำหรับการระบุวันหยุดลงไป หลักสูตร หรือสามารถใช้ in the morning, in the afternoon, in the evening ก็ได้ด้วย | Hanna will arrive at 7 o’clock in the morning. Peter looks for a temporary job in the summer holidays. | ฮันนาจะมาถึงเวลา 7 โมงเช้าปีเตอร์มองหางานชั่วคราวในช่วงวันหยุดฤดูร้อน |
คำบุพบทบอกเวลา “In” อ้างถึงระยะเวลาที่ใช้ในการดำเนินการบางอย่างให้เสร็จสิ้นในอนาคต | Jenny did the crossword in 10 minutes. | เจนนี่เล่นปริศนาอักษรไขว้ใน 10 นาที |
คำบุพบทบอกเวลา “On”
วิธีการใช้คำบุพบทบอกเวลา “On” | ตัวอย่าง | ความหมาย |
คำบุพบทบอกเวลา “On” บอกเวลาวันในสัปดาห์หรือเดือนของปี | Jenny’s birthday is on 14th May. Anna will meet John on Sunday. | วันเกิดของเจนนี่คือวันที่ 14 พฤษภาคมแอนนาจะพบกับจอห์นในวันอาทิตย์ |
คำบุพบทบอกเวลา “On” สามารถใช้เพื่ออ้างถึงวันหนึ่งในช่วงวันหยุดหรือ เวลาเฉพาะเจาะจงในวัน | Hanna often goes out on Sunday evening. My class had a party on Christmas Day. | ฮันนามักจะออกไปข้างนอกในคืนวันอาทิตย์ชั้นเรียนของฉันจัดปาร์ตี้ในวันคริสต์มาส |
ข้อสังเกต:
ไม่ใช้คำบุพบทบอกเวลา “At, On, In” นำหน้าบางคำ เช่น “all, each, every, some, last, next, this, today, tomorrow, yesterday”
ตัวอย่าง:
- Hanna will see you next Monday. (ฮันนาจะพบคุณวันจันทร์หน้า)
- Is Tom free tomorrow evening? (คืนพรุ่งนี้ทอมว่างไหม?)
>>> Read more:
คำบุพบทบอกเวลา “Before”
คำบุพบทบอกเวลา “Before” ในภาษาอังกฤษมักใช้เพื่ออ้างถึงเวลาก่อนจุดใดจุดหนึ่งกรณีเฉพาะและกรณีการใช้งานจำแนกออกได้ตามตารางด้านล่างนี้เกณฑ์ที่ใช้จำแนก
บอกช่วงเวลาหนึ่งของวัน: Before noon (ก่อนเที่ยง), before sunset (ก่อนพระอาทิตย์ตกดิน), before midnight (ก่อนเที่ยงคืน) | I have to finish this project before noon. | ฉันต้องทำโปรเจ็กต์นี้ให้เสร็จก่อนเที่ยง |
อ้างถึงวันใดวันหนึ่งเป็นการเฉพาะในระหว่างเทศกาลหนึ่งหรือวันหยุดพิเศษ: Before Christmas (ก่อนวันคริสต์มาส), before New Year’s Eve (ก่อนวันส่งท้ายปีเก่า), before Valentine’s Day (ก่อนวันวาเลนไทน์) | We need to buy presents before Christmas. | เราต้องซื้อของขวัญก่อนวันคริสต์มาส |
บอกถึงเหตุการณ์เฉพาะในอนาคต: Before the deadline (ก่อนกำหนดเวล), before the meeting (ก่อนการประชุม), before the flight (ก่อนขึ้นเครื่องบิน ) | We have to submit the report before the deadline. | เราต้องส่งรายงานก่อนกำหนดเวลา |
อ้างถึงการกระทำเฉพาะก่อนเวลาที่ได้กำหนด: Before going to bed (ก่อนเข้านอน), before leaving the house (ก่อนออกจากบ้าน), before starting the car (ก่อนสตาร์ทรถ) | Don’t forget to turn off the lights before going to bed. | อย่าลืมปิดไฟก่อนเข้านอนนะคะ |
คำบุพบทบอกเวลา “After”
คำบุพบทบอกเวลา “After” ในภาษาอังกฤษมักใช้เพื่ออ้างถึงเวลาก่อนจุดใดจุดหนึ่ง:
บอกช่วงเวลาหนึ่งของวัน : Afternoon (ตอนบ่าย), after sunset (หลังพระอาทิตย์ตก), after midnight (หลังเที่ยงคืน) | I will call you afternoon. | ฉันจะโทรหาคุณตอนบ่าย |
กล่าวถึงวันหรือเดือนที่แน่นอน: After Christmas (หลังวันคริสต์มาส), after New Year’s Day (หลังวันปีใหม่), after Valentine’s Day (หลังวันวาเลนไทน์) | We usually have a big sale after Christmas. | เรามักจะลดราคาครั้งใหญ่หลังวันคริสต์มาส |
กล่าวถึงเหตุการณ์เฉพาะในอดีตหรืออนาคต: After the party (หลังงานปาร์ตี้), after the meeting (หลังการประชุม), after the game (หลังเกม) | We will discuss the results after the meeting. | เราจะหารือเกี่ยวกับผลงานหลังการประชุม |
กล่าวถึงช่วงเวลาหนึ่งหลังจากเหตุการณ์เฉพาะหนึ่งๆ: After a few minutes (หลังจากไม่กี่นาที), after an hour (หลังจากอีกหนึ่งชั่วโมง), after a week (หลังผ่านไปหนึ่งสัปดาห์) | I usually feel better after a few minutes of rest. | ฉันมักจะรู้สึกดีขึ้นหลังจากพักผ่อนไม่กี่นาที |
กล่าวถึงการกระทำเฉพาะหลังจากเวลาที่ได้กำหนด: After finishing work (หลังจากเสร็จงาน), after leaving the office (หลังจากออกจากสำนักงาน), after getting home หลังจากกลับบ้าน). | I usually take a shower after finishing work. | ฉันมักจะอาบน้ำหลังจากทำงานเสร็จ |
คำบุพบทบอกเวลา “During”
คำบุพบทบอกเวลา “During” ในภาษาอังกฤษมักใช้เพื่ออ้างถึงเวลาในช่วงเวลาหรือเหตุการณ์เฉพาะ:
บอกช่วงเวลาหนึ่งของวัน: During the day (ระหว่างวัน), during the night (ระหว่างคืน), during the morning (ในช่วงเช้า), during the afternoon (ในช่วงบ่าย), during the evening (ในช่วงเย็น). | I like to drink coffee during the morning. | ฉันชอบดื่มกาแฟในในช่วงเช้า. |
บอกช่วงเวลาหนึ่งระหว่างสัปดาห์: During the week (ระหว่างสัปดาห์), during the weekend (ระหว่างสุดสัปดาห์) | I usually study during the week and relax during the weekend. | ฉันมักจะอ่านหนังสือระหว่างสัปดาห์และพักผ่อนระหว่างสุดสัปดาห์. |
บอกถึงเหตุการณ์เฉพาะ: During the concert (ในระหว่างการแสดงคอนเสิร์ต), during the meeting (ในระหว่างการประชุม), during the game (ระหว่างเกม). | Please be quiet during the concert. | อย่าส่งเสียงดังในระหว่างการแสดงคอนเสิร์ต |
บอกถึงช่วงเวลาหนึ่งของปี: During summer (ในระหว่างฤดูร้อน), during winter (ในระหว่างฤดูหนาว), during the holidays (ระหว่างวันหยุด). | We usually go to the beach during summer. | เรามักจะไปเที่ยวทะเลในระหว่างฤดูร้อน. |
บอกถึงการกระทำเฉพาะที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาหนึ่ง: During the party (ในระหว่างงานปาร์ตี้), during the class (ในระหว่างเรียน), during the movie (ระหว่างดูภาพยนตร์). | Please don’t talk during the movie. | อย่าพูดคุยกันระหว่างดูภาพยนตร์ |
คำบุพบทบอกเวลา “Until”
คำบุพบทบอกเวลา “Until” ในภาษาอังกฤษมักใช้เพื่ออ้างถึงเวลาจนถึงเวลาที่ได้กำหนด กรณีเฉพาะต้องใช้ “until” ในภาษาอังกฤษ:
บอกช่วงเวลาหนึ่งของวัน: Until noon (ถึงเที่ยงวัน), until sunset (ถึงพระอาทิตย์ต), until midnight (ถึงเที่ยงคืน). | You can play outside until sunset. | คุณสามารถเล่นข้างนอกได้จนถึงพระอาทิตย์ตก |
บอกวันหรือเดือนที่เฉพาะเจาะจง: Until Christmas (จนถึงวันคริสต์มาส), until New Year’s Eve (จนถึงวันส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่), until Valentine’s Day (จนถึงวันวาเลนไทน์). | We need to finish the project until New Year’s Eve. | เราต้องทำโครงการให้เสร็จจนถึงวันส่งท้ายปีเก่า |
บอกเหตุการณ์เฉพาะในอนาคต: Until the deadline (จนถึงกำหนดเวลา), until the meeting (จนถึงการประชุม), until the flight (จนกระทั่งเที่ยวบิน). | We have to wait until the flight arrives. | เราต้องรอจนกว่าเที่ยวบินจะมาถึง |
บอกระยะเวลาหนึ่งจนถึงเหตุการณ์เฉพาะ: Until then (จนกระทั่ง), until next week (จนกว่าอาทิตย์หน้า), until the end of the month (จนถึงสิ้นเดือน). | We can’t start the project until we have all the necessary materials. | เราไม่สามารถเริ่มโครงการได้จนกว่าเราจะมีวัสดุพื้นฐาน. |
บอกการกระทำเฉพาะจนถึงเวลาที่ได้กำหนด: Until I finish work (จนกว่าฉันจะทำงานเสร็จ), until you come back (จนกว่าคุณจะกลับมา), until the movie ends (จนกว่าหนังจะจบ). | I won’t go to bed until I finish my work. | ฉันจะไม่นอนจนกว่าฉันจะทำงานเสร็จ |
ข้อผิดพลาดทั่วไป
ไม่ใส่ “In”, “On”, “At” ก่อนวลีบอกเวลา
วลีบอกเวลาที่ขึ้นต้นด้วย each, every, next, last, some, this, that, one, any, all.
ตัวอย่าง:
- He plays football every Saturday. (เขาเล่นฟุตบอลทุกวันเสาร์.)
- Are you free next Monday at two o’clock? (ตอนบ่ายสองวันจันทร์หน้าคุณว่างไหม)
- Last summer we rented a villa in Portugal.(ฤดูร้อนที่แล้วเราเช่าวิลล่าหลังหนึ่งในโปรตุเกส.)
ไม่ใช้ “At” เมื่ออ้างถึงวันที่ที่ระบุ
ตัวอย่าง: He will be teaching at 14 October.
→ คำตอบที่ถูกต้อง: He will be teaching on 14 October. (เขาจะสอนในวันที่ 14 ตุลาคม)
แบบฝึกหัดเกี่ยวกับการใช้คำบุพบทบอกเวลา (Preposition of time)
แบบฝึกหัดที่ 1
เลือกคำตอบที่ถูกต้อง:
1. I usually get up _____________ 6 o’clock in the morning to go to school.
A. in
B. at
C. on
D. for
2. The outdoor workers will check out their shift _________ the afternoon.
A. at
B. for
C. when
D. in
3. Thompson was born ______ a small town_______January 8th.
A. in – on
B. in – at
C. at – on
D. for – over
4. What are you going to buy ________ Black Friday?
A. on
B. at
C. in
D. when
5. The weather tends to be more hot and humid ________ summer.
A. at
B. on
C. when
D. in
แบบฝึกหัดที่ 2
เติมคำบุพบทในช่องว่างให้ถูกต้อง (During, for, over, throughout)
1. Ms. Ha has been working in this company _______ 10 years.
2. _______ the summer, Lan has practiced the IELTS test _____ order to study abroad.
3. The Heineken advertisement is the most well-known video all _______ the world.
4. Hung and his friend spent 3 years together _________ the highschool years.
5. They had lived in Frankfurt _________ 8 years before moving to Vietnam.
แบบฝึกหัดที่ 3
เลือกคำตอบที่ดีที่สุดเพื่อเติมคำบุพบทในช่องว่างให้ถูกต้อง
1. The number of food waste increased ______ 2012_______2018.
2. _____ the time she gets twenty, she will be an independent girl.
3. The teacher did not believe in her eyes ________ John jumped out of the window in the middle of the lesson.
4. Your requirement will be canceled ______ 4 days after the day of registration.
5. We would like to see you __________ Christmas Day.
>>> Read more:
คำเฉลย
แบบฝึกหัดที่ 1:
1. B (6 โมงเช้าเป็นชั่วโมงเฉพาะ ตามทฤษฎี “at” ข้างต้น คำตอบ B เป็นคำตอบที่ถูกต้องที่สุด)
2. D (คำตอบ A คือ “at” ซึ่งจะพร้อมกับเวลาที่ได้กำหนด คำตอบ B “for” มักจะเชื่อมโยงกับช่วงเวลาหนึ่ง และคำตอบ C “WHEN” เป็นคำเชื่อม ดังนั้นคำตอบจะตามด้วยอนุประโยค => คำตอบ D เป็นคำตอบที่ถูกต้อง)
3. A (Small town เป็นสถานที่ที่ไม่เจาะจงเกินไป ดังนั้นให้ใช้ IN และวันที่ 8 มกราคม เป็นวันที่เจาะจง ดังนั้นคำบุพบทจะเป็น on)
4. A (Black Friday เป็นวันที่เจาะจง ดังนั้นคำตอบที่เหมาะสมคือ on)
5. D (ตามทฤษฎีข้างต้น ผู้เรียนจะใช้คำบุพบท IN สำหรับฤดูกาล)
แบบฝึกหัดที่ 2:
1. For ( สำหรับประโยคปัจจุบันสมบูรณ์แบบต่อเนื่อง,เพื่ออธิบายบุคคลที่ทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งในช่วงเวลาหนึ่ง ผู้เรียนใช้คำบุพบท For)
2. During – in (คำบุพบท During ใช้เมื่อพูดถึงการกระทำที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาเดียวกับที่มีการกระทำหรือเหตุการณ์หลักอื่นเกิดขึ้น และ “ใน IN ไปด้วยกับ Order to)
3. Over (collocation “all over the world)
4. Throughout (“throughout” อธิบายระยะเวลาไม่แน่นอนที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อ – “highschool years”)
5. For (“for”ที่นี้ให้ข้อมูลว่าการกระทำนั้นกินเวลานานเท่าใด ในประโยคนี้คือ “8 years”)
แบบฝึกหัดที่ 3:
1. From – to (เพื่อแสดงช่วงเวลาด้วยข้อมูลที่แน่นอนตั้งแต่กี่ปีถึงกี่ปี ผู้เรียนจึงใช้โครงสร้าง “from…to”)
2. By (สำหรับความหมายของประโยคและไวยากรณ์ ประโยคนี้ใช้ อนาคตกาลสมบูรณ์ต่อเนื่อง ผู้เรียนใช้โครงสร้าง by the time – ในขณะนั้น)
3. Until (ตามความหมายของประโยค – จนกระทั่ง…)
4. In (“4 days after the day of registration” เป็นช่วงเวลาที่ค่อนข้างเจาะจง จึงจะใช้ ณ์)
5. On (Christmas Day เป็นวันที่ระบุ ดังนั้นผู้เรียนจึงใช้ on ในกรณีนี้)
คำถามที่พบบ่อย
Preposition of time ใช้ยังไง
Preposition of time ใช้เป็นคำเชื่อมระหว่างกริยากับคำบอกเวลาในประโยค
Preposition of time มีอะไรบ้าง
Preposition of time รวมถึงคำต่างๆ เช่น in, on, at นอกจากนี้ยังมี in time, on time, during, for, since, from, to, by, before, after, until, within và between
ข้อความดังกล่าว ELSA Speak ได้รวบรวม และหวังว่าจะช่วยให้คุณมีความรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับคำบุพบทบอกเวลาในภาษาอังกฤษอย่างละเอียด เช่น วิธีการใช้งาน ตัวอย่าง และข้อฝึกหัดที่มีคำตอบ เพื่อให้คุณเตรียมตัวสอบได้อย่างมีประสิทธิภาพ โปรดอ้างอิงข้อมูลนี้เพื่อเตรียมสอบอย่างเต็มที่นะคะ
คำว่า “this, that, these, those” เป็นคำสรรพนามที่ผู้เรียนภาษาอังกฤษมีความคุ้นเคยดีในไวยากรณ์ภาษาอังกฤษ คำเหล่านี้ใช้เป็นคำที่ใช้แทนคำนาม ที่มีความหมายแตกต่างกันในประโยคขึ้นอยู่กับบริบท
นิยามของคําสรรพนาม
คํานิยาม
- คำสรรพนามชี้เฉพาะ (ภาษาอังกฤษ: Demonstrative Pronouns) ใช้เพื่ออ้างถึงผู้คนหรือสิ่งของที่กล่าวถึง มีทั้งหมด 4 คํา ในภาษาอังกฤษ ได้แก่: this, that, these, those.
- คำสรรพนามชี้เฉพาะจะอยู่ข้างหน้าคําสรรพนามเสมอ ในบางกรณีคำสรรพนามชี้เฉพาะไม่จําเป็นต้องมีคำสรรพนามและสามารถเป็นประธานของประโยคได้
- ตัวอย่าง:
This is my book. | นี่คือหนังสือของฉัน |
That is her telephone. | นั่นคือโทรศัพท์มือถือของเธอ |
This is my class’s new friend. | นี่คือเพื่อนร่วมชั้นคนใหม่ของฉัน |
Those are my children. They are very cute, aren’t they? | นั่นคือลูกของฉัน พวกเขาน่ารักมากใช่ไหม |
These apples are very fresh. | แอปเปิ้ลเหล่านี้สดมาก |
- ข้อสังเกต: ต้องแยกแยะระหว่าง this that these those – คำสรรพนามชี้เฉพาะกับคุณศัพท์ชี้เฉพาะ คุณศัพท์ชี้เฉพาะใช้กับคำสรรพนามที่ตามมา
- ตัวอย่าง:
These books are useful. (หนังสือเหล่านี้มีประโยชน์)
These are useful books for you. (หนังสือเหล่านี้เป็นหนังสือที่มีประโยชน์สำหรับคุณ)
>>> Read more: คำคุณศัพท์คืออะไรและต้องใช้อย่างไรในภาษาอังกฤษ
รูปแบบ
ในภาษาอังกฤษมีคำสรรพนามสาธิตอยู่ 4 คำ คือ This, That, These, Those โดยแบ่งตามเอกพจน์ – พหูพจน์และระยะใกล้ – ไกล ดังนี้
ระยะ | ใกล้ | ไกล |
เอกพจน์ | This (นี่/นี้) | That (นั่น/นั้น) |
พหูพจน์ | These (นี่/สิ่งเหล่านี้) | Those (นั่น/สิ่งเหล่านั้น) |
วิธีใช้
ตำแหน่ง
คำสรรพนามสาธิตในภาษาอังกฤษค่อนข้างยืดหยุ่นโดยสามารถมีบทบาทได้หลายอย่างในประโยค สำหรับบทบาทแต่ละประเภท คำสรรพนามสาธิตจะมีตำแหน่งที่แตกต่างกันไป มาดูกันว่าบทบาทและตำแหน่งเหล่านั้นจะเป็นอะไรบ้างนะ
อยู่ต้นประโยคเมื่อเป็นประธาน
ตัวอย่าง:
- This is my new car. (นี่คือรถใหม่ของฉัน)
- Those are my siblings. They are all younger than me. (นั่นคือน้อง ๆ ของฉัน พวกเขาอายุน้อยกว่าฉัน)
อยู่หลังคํากิริยาเมื่อเป็นกรรม
ตัวอย่าง:
- The experiences are so great. I’ll never forget those. (ประสบการณ์เหล่านั้นยอดเยี่ยมมาก ฉันจะไม่มีวันลืมมันเลย)
- I have asked for this 2 times but got no response. (ฉันขอสิ่งนี้ไป 2 ครั้งแล้วแต่ไม่ได้รับการตอบกลับเลย)
อยู่หลังคําบุพบท
เรามักจะเจอกรณีนี้กับการสนทนาในชีวิตประจําวัน
ตัวอย่าง:
- Look at that! (ดูนั่นสิ)
- There are some books on the table. Could you give me one of those? (มีหนังสือบางเล่มที่อยู่บนโต๊ะ คุณช่วยมอบให้ฉันเล่มหนึ่งในนั่นได้ไหม)
- After that, we went home straight away. (หลังจากนั้น พวกเราก็กลับบ้านทันที)
>>> Read more: คำบุพบท (preposition) คืออะไร? วิธีการใช้คำบุพบท
วิธีใช้คำสรรพนามชี้เฉพาะในภาษาอังกฤษ
ใช้เพื่ออ้างถึงผู้คนหรือสิ่งของ
เราจะใช้คำสรรพนามชี้เฉพาะที่เหมาะสมตามระยะห่างและปริมาณของผู้คนและสิ่งของที่เราต้องการอ้างถึง
ตัวอย่าง:
- In all your drawings I like this best. (ฉันชอบภาพนี้ที่สุดในภาพวาดทั้งหมดของคุณ)
- That really looks like the car I used to drive. (นั่นดูเหมือนรถที่ฉันเคยขับจริงๆ)
- Those look like oranges rather than apples. (นั่นดูเหมือนส้มมากกว่าแอปเปิ้ล)
- These are nice shoes, but they seem uncomfortable. (รองเท้าเหล่านี้สวยแต่ดูไม่ค่อยสบาย)
ใช้เพื่ออ้างถึงเหตุการณ์ สถานการณ์ที่กำลังจะเกิดขึ้นหรือกำลังจะกล่าวถึง
ในกรณีที่เราต้องการกล่าวถึงเหตุการณ์ที่ยังไม่จบ เราจะใช้ these หรือ this
ตัวอย่าง:
- I don’t want to say this, but I’m really not satisfied with the service here. (ฉันไม่ต้องการที่จะพูดแบบนี้แต่ฉันไม่พอใจกับบริการที่นี่จริงๆ)
- Listen to these. I bet you’ll like them. (ฟังนี่สิ ฉันพนันได้เลยว่าคุณจะชอบแน่นอน)
ใช้เพื่ออ้างถึงเหตุการณ์ สถานณการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้นหรือเกิดขึ้นไปแล้ว
เมื่อกล่าวถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแล้วหรือจบแล้ว เราจะใช้ Those และ That
- Those are too terrible and I will get blamed. (สิ่งเหล่านั้นแย่มากและฉันจะถูกตําหนิ)
- That is the best present that I have ever received. (นั่นคือของขวัญที่ดีที่สุดที่ฉันเคยได้รับมา)
วิธีใช้อื่น ๆ
This/ these, that/ those สามารถใช้แทนคำนาม (วลี) หรือประโยคที่กล่าวถึงแล้วได้
ตัวอย่าง:
- The fact is a pig’s intelligence is much greater than that of the dog.
(ความจริงก็คือหมูฉลาดกว่าสุนัขมาก)
That/ those ในบริบทที่เป็นทางการต่างๆ สามารถใช้เพื่อหมายถึง “the one(s)” (โดยเฉพาะเมื่อตามด้วยการเปรียบเทียบ)
ตัวอย่าง:
- I don’t like these flowers. I prefer those (ones) over there.
(ฉันไม่ชอบดอกไม้พวกนี้ ฉันชอบดอกไม้ที่นั่นมากกว่า)
- In a family, the responsibilities of the dad should be equal to those of the mom.
(ในครอบครัวความรับผิดชอบของพ่อควรเท่ากับความรับผิดชอบของแม่)
แยกแยะ this that these those
แยกแยะ this these
เราจะใช้ this (เอกพจน์) และ these (พหูพจน์) เป็นคำสรรพนาม:
- ใช้เพื่อพูดถึงผู้คนหรือสิ่งของที่อยู่ใกล้เรา:
This is a nice cup of tea. แปล: นี่คือชาถ้วยหนึ่งที่อร่อย
Whose shoes are these? แปล: รองเท้าคู่นี้เป็นของใครหรือ
- ใช้เพื่อแนะนําผู้คน:
This is Janet. (นี่คือเจเน็ต)
These are my friends, John and Michael. (นี่คือเพื่อนของฉัน จอห์นและไมเคิล)
- ข้อสังเกต:
เราจะไม่พูดว่า “These are John and Michael“
แต่จะพูดว่า “This is John and Michael“
- ใช้เพื่อแนะนําตัวเราเองเมื่อเริ่มการสนทนาทางโทรศัพท์มือถือ
Hello, this is David, can I speak to Sally? (สวัสดีครับ ผมคือเดวิด ผมขอคุยกับคุณแซลลี่ได้ไหมครับ)
>>> Read more: คํานามเอกพจน์และคำนามพหูพจน์คืออะไร คู่มือการใช้พร้อมกับแบบฝึกหัด
แยกแยะ that those
เราจะใช้ that (เอกพจน์) และ those (พหูพจน์) เป็นคําสรรพนาม:
- เพื่อกล่าวถึงผู้คนหรือสิ่งของที่อยู่ไกลเรา
What’s that? (นั่นคืออะไร?)
This is our house, and that‘s Rebecca’s house over there. (นี่คือบ้านของเราและนั่นคือบ้านของรีเบคก้า)
Those are very expensive shoes. (นั่นคือรองเท้าที่มีราคาแพงมาก)
- นอกจากนี้ยังใช้ “that” เพื่ออ้างถึงบางสิ่งที่ใครบางคนเคยทำหรือพูดมาก่อน
Shall we go to the cinema? (เราจะไปโรงหนังกันไหม)
Yes, that‘s a good idea. (ได้ นั่นเป็นความคิดที่ดี)
I’ve got a new job. (ฉันเพิ่งได้รับงานใหม่)
That‘s great. (ยอดเยี่ยม)
I’m very tired. (ฉันเหนื่อย)
Why is that? (ทําไมหรือ)
ข้อสังเกต: แยกแยะระหว่างคําสรรพนามชี้เฉพาะกับคําคุณศัพท์ชี้เฉพาะ
มีคำประเภทหนึ่งที่มีรูปแบบเหมือนกับคำสรรพนามชี้เฉพาะซึ่งก็คือ “คำคุณศัพท์ชี้เฉพาะ” (หรือเรียกว่า “คําบ่งชี้”) แม้ว่าทั้งสองจะรวม these, those, that, this แต่มีความแตกต่างเป็นอย่างมากในการใช้ก็คือ: คำคุณศัพท์ชี้เฉพาะมักจะใช้พร้อมกับคำนาม (เพราะกำลังอธิบายสิ่งนั้น) ในขณะที่คำสรรพนามสาธิตยืนอยู่คนเดียว
ตัวอย่าง:
- Can you see that beautiful building?
(คุณเห็นอาคารที่สวยงามนั้นไหม)
-> หลัง that คือคํานาม “building” ดังนั้น “that” ในกรณีนี้คือคําคุณศัพท์ชี้เฉพาะ
- Can you see that? – Yes, it’s more impressive than I thought.
(คุณเห็นอันนั้นไหม – เห็นค่ะ มันน่าประทับใจมากกว่าที่ฉันคิด)
-> “That” ยืนอยู่คนเดียว ดังนั้นในประโยคนี้ “that” คือคำสรรพนามสาธิต
แบบฝึกหัดและคําเฉลยโดยละเอียด
แบบฝึกหัด
กรอกคําสรรพนามสาธิตลงในช่องว่าง
1. Look at __________ newspaper here.
2. __________ are my grandparents, and __________ people over there are my friend’s grandparents.
3. __________ building over there is the Chrysler Building.
4. __________ is my mobile phone and __________ is your mobile phone on the shelf over there.
5. __________ photos here are much better than __________ photos in the book.
6. __________ was a great evening.
7. Are __________ your pencils here?
8. __________ bottle over there is empty.
9. __________ bricks over there are for your chimney.
10. John, take __________ folder and put it on the desk over there.
คําเฉลย
1. This | 2. These – those | 3. That | 4. This – that | 5. These – those |
6. That | 7. These | 8. That | 9. Those | 10. This |
คําถามที่พบบ่อย
This that these those อ่านยังไง?
This that these those อ่านว่า this /ðɪs/, that /ðæt/, these /ðiːz/, those/ðoʊz/
This that these those ใช้ยังไง?
This That These Those คือคําสรรพนามสาธิต (demonstrative pronouns) ชี้เฉพาะวัตถุที่กล่าวถึงในประโยค
บทความนี้นำเสนอความรู้และแบบฝึกหัดในภาษาอังกฤษที่ ELSA Speak ได้รวบรวมขึ้น ELSA Speak หวังว่าบทความนี้จะให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์แก่คุณ เพื่อเสริมสร้างทักษะการสื่อสารในภาษาอังกฤษ ทบทวนความรู้ด้านไวยากรณ์และแบบฝึกหัดเสริม อย่าลืมแวะมาเยี่ยมชมเป็นประจำนะ ขอบคุณที่อ่านบทความนี้
คำยอดนิยมที่ใช้เรียก “ที่รัก” ของคุณในภาษาอังกฤษ
- Angel: นางฟ้า
- Babe: สุดที่รัก
- Bae: สุดที่รัก เรียกสั้นๆ ใช้เหมือนคำว่า Babe
- Buddy: เพื่อนสนิทมากๆ
- Cutie: สาวน่ารัก
- Darling: ที่รัก, สุดที่รัก
- Dear: ที่รัก, ยอดดวงใจ
- Destiny: พรหมลิขิต, “you are my destiny” หมายความว่า “เธอคือพรหมลิขิตของฉัน”
- Diamond: เพชรล้ำค่า
- Doll: ตุ๊กตา
- Hero: ฮีโร่
- Honey: น้ำผึ้ง นอกจากนี้ยังมีความหมายว่าที่รัก ใช้เหมือนคำว่า Darling
- Love: ความรักของฉัน
- Lover: คนรัก
- Mine: ของฉัน
- My Beloved: ที่รักของฉัน
- My Boy/Girl: พ่อหนุ่มของฉัน/หญิงสาวของผม
- Pet: สัตว์เลี้ยง
- Precious: มีค่า, สำคัญมาก
- Soul Mate: คู่รัก, คนที่รักกันมาก
- Spring: ฤดูใบไม้ผลิ คนที่นำความสุขและพลังมาสู่ชีวิตของคุณ
- Star: ดาว
- Sugar: หวานใจ
- Sunshine: แสงสว่างของฉัน
- Superman: ซูเปอร์แมน
- Sweetheart: หวานใจ มาจากคำว่า “sweet” (หวาน) และคำว่า “heart” (ใจ)
- Sweetie: หวานใจ คนที่ตัวเองรักที่สุด มาจากคำว่า “sweet” (หวาน)
- Teddy Bear: เจ้าหมีน้อย
- Treasure: สมบัติ
- True Love: รักแท้ รักจริง
คำเรียก “แฟน” ภาษาอังกฤษเก๋ๆ
- Apple of My Eye: หมายถึง คุณคือสุดที่รักของผม
- Cherry Blossom: ดอกซากุระ หมายถึงการได้เจอคนรักคือการได้เจอดอกซากุระ
- Dream Guy/Girl: หนุ่ม/หญิงในฝัน
- Goat: G.O.A.T – ย่อมาจาก “greatest of all time”, อย่างไรก็ตาม ถ้าคุณอยากใช้ชื่อนี้ ต้องถามแฟนก่อนเพราะคำว่า “goat” ในภาษาอังกฤษก็แปลว่า “แพะ”
- Kind Witch: แม่มดใจดีที่ทำให้ฉันหลงใหล
- Kindred Spirit: เนื้อคู่ มีความผูกพันกันอย่างแน่นแฟ้น ทั้งในแง่ของชีวิต จิตใจ ความรู้สึก และจิตวิญญาณ
- K.O: knockout , สามารถเข้าใจได้ในความหมาย “คนที่ฉันจีบติดแล้ว” หรือ “คนที่ทำให้ฉันหลงรัก”
- Lucky Charm: เสน่ห์นำโชค
- My Everything: ทุกสิ่งทุกอย่างของฉัน
- Old Man/Lady: เป็นคำเรียกแฟนหรือสามีภรรยาที่หวานซึ้งที่สุดคำหนึ่ง โดยเฉพาะกับคู่แต่งงานที่ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันมาเป็นเวลานาน
- One and Only: หนึ่งเดียวคนนี้
- Other Half: อีกครึ่งหนึ่งของชีวิต
- Pumpkin: ฟักทอง – แต่คนอเมริกามักใช้เรียกแทน “ที่รัก” ใช้เหมือนคำว่า Sweetheart หรือ Darling
- Smile Maker: คนที่ทำให้ฉันหัวเราะ คนที่ทำให้ฉันมีความสุข
- Trouble: ความหมายเดิมของคำนี้คือ “ปัญหา อุปสรรค” แต่ก็สามารถใช้เรียกแฟนได้ด้วยน้ำเสียงที่ตลกขบขันล้อเลียน
>>> Read more:
- 44 วิธีบอกคิดถึงภาษาอังกฤษที่น่าประทับใจและแสนหวานแทนใช้ I miss you
- 90+ คําคมความรักภาษาอังกฤษที่มีความหมาย สั้นๆ และโรแมนติกที่สุด
คำเรียก “แฟน” ภาษาอังกฤษหวานๆ
คำเรียกแฟนด้วยชื่ออาหารอาจมาจากความหวานของอาหาร และขึ้นอยู่กับอาหารจานโปรดของคุณหรือแฟนของคุณ หรือเพียงแค่อาหารที่เกี่ยวข้องกับความทรงจำระหว่างคุณสองคน อาหารบางอย่างที่มักถูกกล่าวถึงสำหรับคู่รักกัน มาเรียนชื่อเรียกแฟนภาษาอังกฤษได้แก่:
- Apple: แอปเปิล
- Butter Candy: ลูกอมเนย
- Cake: เค้ก
- Candy: ลูกอม
- Cheesecake: ขนมชีส
- Cherry: เชอร์รี่
- Cookie: คุกกี้
- Cupcake: ขนมเค้กที่อยู่ในถ้วยพิมพ์
- Cutie Pie: ขนมหวานน่ารัก
- Dumpling: เกี๊ยว
- Fruitcake: ขนมผลไม้
- Gummy Bear: ขนมหมีเคี้ยวหนึบ
- Honey Bun: ขนมน้ำผึ้ง
- Hot Chocolate: ช็อคโกแลตร้อน
- Lollipop: อมยิ้ม
- Marshmallow: มาร์ชแมลโลว์
- Milk Tea: ชานม
- Mint Chocolate: มินต์ช็อก
- Muffin: ขนมปังกลมลูกเล็ก ๆ
- Pancake: ขนมเบื้อง
- Peach: ลูกท้อ
- Peanut: ถั่วลิสง
- Pudding: ขนมพุดดิ้ง
- Soda: น้ำโซดา
- Sweet Tea: ชาหวาน
คําเรียกแฟนน่ารักๆ ภาษาอังกฤษ ด้วยชื่อสัตว์น่ารัก
พวกคำนี้มักขึ้นอยู่กับความสัมพันธ์จากรูปลักษณ์และบุคลิกภาพของบุคคลนั้นเพื่อให้ชื่อที่น่ารัก เช่น:
- Bear: หมี
- Bunny: ลูกกระต่าย
- Cat: แมว
- Chipmunk: กระแต
- Dolphin: ปลาโลมา
- Dove: นกพิราบ – ใช้สำหรับผู้หญิงตาสวย
- Duck: เป็ด
- Eagle: นกอินทรี
- Fox: สุนัขจิ้งจอก คนรักเจ้าเล่ห์และฉลาด
- Honey Bee: ผึ้งน้ำหวาน, หมายถึงแฟนที่ขยัน
- Jonah: แปลว่า “นกพิราบ” ในภาษาฮีบรู คล้ายตำว่า Dove
- Kitty: แมวน้อย
- Lion: สิงโต เป็นชื่อสำหรับแฟนผู้ชายและแฟนผู้หญิงที่แข็งแกร่ง
- Night Owl: นกฮูกกลางคืน คนที่มักจะอยู่ดึกเพื่อคุยกับคุณ
- Oisin: แปลว่า “กวางตัวน้อย” ในภาษาไอริช
- Panda: หมีแพนด้า
- Penguin: นกเพนกวิน
- Puppy: ลูกสุนัข
- Sparrow: นกกระจอก
- Tiger: เสือ, มักใช้กับนางแบบคู่รักที่แข็งแกร่ง คล้ายคำว่า Lion
>>> Read more: คำศัพท์สัตว์ภาษาอังกฤษที่พบบ่อยที่สุด
คำเรียก “แฟน” กับคำที่เป็นของคู่กัน มีอะไรบ้าง?
นอกจากคําเรียกแฟนน่ารักๆ ภาษาอังกฤษและโรแมนติกแล้ว คู่รักบางคู่ยังเลือกใช้คํา เรียกแฟน ผู้ชาย ภาษาอังกฤษ หรือคําเรียกแฟนผู้หญิงภาษาอังกฤษเป็นของคู่กัน เช่น:
- Beast/Beauty: เรียกเหมือนในเรื่อง “Beauty and the Beast” (นางงามกับอสูร)
- Bow/Arrow: คันธนูและลูกศร
- Chip/Dale: พี่น้องกระรอกในแอนิเมชั่นของวอล์ทดิสนีย์
- Fire/Ice: ไฟและน้ำแข็ง
- Ken/Barbie: ตุ๊กตาเคนและตุ๊กตาบาร์บี้
- King/Queen: พระราชาและราชินี
- Mickey/Minnie: มิกกี้เมาส์และมินนี่แฟนสาวของเขา
- Milk/Cookies: นมและคุกกี้
- Prince/Princess: เจ้าชายและเจ้าหญิง
- Romeo/Juliet: คู่รักชื่อดังในละครของนักเขียนชาวอังกฤษ วิลเลียม เชคสเปียร์
- Salt/Pepper: เกลือและพริกไทย
- Sugar Daddy/Sugar Baby: แฟนผู้ชายและแฟนผู้หญิง (เรียกเล่นๆ)
- Thunder/Lightning: ฟ้าร้อง/ฟ้าผ่า
- Tom/Jerry: คู่รักแมวและหนูมักจะหยอกล้อกันในการ์ตูนเรื่อง “Tom and Jerry”
- Wolf/Lamb: หมาป่าและแกะ
บทความข้างต้นรวบรวมคำเรียกแฟนผู้ชาย ผู้หญิง ในภาษาอังกฤษน่ารักๆ หากต้องการเรียนรู้คำศัพท์ใหม่ๆ ในหัวข้อความรัก อย่าลืมติดตาม ELSA Speak เพื่ออัปเดทบทเรียนใหม่ทุกวัน ขอให้คุณมีความสุขในวันวาเลนไทน์นะคะ