Author: Bao Ngan Nguyen

ในภาษาอังกฤษคุณมักจะเจอคำที่มีการออกเสียงเหมือนกันแต่มีความหมายต่างกัน ซึ่งนั่นก็คือคำพ้องเสียง (Homophone) งั้น Homophone คืออะไร แยกแยะระหว่าง Homonym Homophone และ Homograph ได้อย่างไร มาดูรายละเอียดกันกับ ELSA Speak ด้านล่างนี้เลย

Homophone คืออะไร? ความสําคัญของ homophone ในภาษาอังกฤษ

นิยาม 

Homophone มาจากคำภาษากรีกว่า homos (แปลว่า เหมือนกัน) และ phone (แปลว่า เสียง) คำพ้องเสียงเป็นคำที่ฟังดูเหมือนกันแต่มีความหมายต่างกันสิ้นเชิง

ตัวอย่าง :

homophone คืออะไร

ความสําคัญของ homophone ในภาษาอังกฤษ

Homophone มีผลอย่างมากในแง่ของการเพิ่มคุณค่าและการกระจายกระบวนการในการสื่อสารและการส่งข้อมูล โดยเฉพาะการใช้คำพ้องเสียงในภาษาอังกฤษจะช่วยให้คุณสร้างเอฟเฟกต์ที่น่าสนใจ สร้างอารมณ์ขัน และลดความเครียดระหว่างการสื่อสารได้

Homophone ตัวอย่างประโยค :

แยกแยะ types of homophones (Homonym Homophone และ Homograph) อย่างละเอียด

เมื่อพูดถึงคำที่มีการออกเสียงคล้ายกัน หลายคนมักจะสับสนระหว่างนิยามทั้งสามข้างต้นนี้ ได้แก่ homophone homonym และ homograph อย่างไรก็ตาม นิยามเหล่านี้แตกต่างกัน 

มาดูวิธีแยกแยะอย่างละเอียดกับ ELSA Speak ผ่านตารางด้านล่างกันเลย

ปัจจัยที่แตกต่างHomonymHomophoneHomograph
การเขียนเหมือนกันเหมือน หรือ ต่างกันเหมือนกัน
ความหมายของคําต่างกันต่างกันต่างกัน
การออกเสียงเหมือนกันเหมือนกันต่างกัน
Types of homophones แยกแยะ Homonym Homophone และ Homograph

>>> Read more:

รวมคําศัพท์ Homophone (100 homophones) ที่พบบ่อยที่สุด

คำพ้องเสียง 1คำพ้องเสียง 2การออกเสียงตัวอย่าง
For: ให้Four: 4/fɔːr/I bought four apples for you. (ฉันซื้อแอปเปิ้ล 4 ลูกมาให้คุณ)
Ate: กินแล้วEight: 8/eɪt/I ate breakfast at eight a.m. (ฉันกินข้าวเช้าตอน 8 โมงเช้า)
Knight: อัศวินNight: คืน/naɪt/My brave knight came at night. (อัศวินผู้กล้าหาญของฉันมาในเวลากลางคืน)
Flour: แป้งFlower: ดอกไม้/ˈflaʊər/I bought flour and some flowers. (ฉันซื้อแป้งและดอกไม้)
Our: ของเราHour: ชั่วโมง/ˈaʊər/Our goal is to finish this task in 1 hour. (เป้าหมายของเราคือทำงานนี้ให้เสร็จภายใน 1 ชั่วโมง)
Pair: คู่Pear: สาลี่/peə(r)/She gave me a pair of pears. (เธอให้สาลี่คู่หนึ่งแก่ฉัน)
Hear: ได้ยันHere: ที่นี่/hɪə(r)/I can hear you from here. (ฉันได้ยินคุณจากที่นี่)
To: ถึง/ยังอยากToo: ด้วย/tuː/I would like to buy item number two, too. (ฉันก็อยากซื้อสินค้าอันที่สองด้วย)
Son: ลูกชายSun: พระอาทิตย์/sʌn/My son is playing under the sun. (ลูกชายของฉันกำลังเล่นอยู่ใต้แสงพระอาทิตย์) 
Meat: เนื้อMeet: พบ/miːt/We will meet to eat meat. (เราจะพบกันเพื่อไปกินเนื้อ)
Right: ขวา/ใช่Write: เขียน/raɪt/Please write your name on the right corner of the form. (กรุณาเขียนชื่อของคุณที่มุมขวาของแบบฟอร์ม)
Sea: ทะเลSee: เห็น/siː/I can see the sea from my house. (ฉันสามารถมองเห็นทะเลจากบ้านของฉัน)
Buy: ซื้อBy: โดย/ด้านข้าง /baɪ/We buy some food by the train station. (เราซื้ออาหารข้างสถานีรถไฟ)
Sail: การเดินทางโดยเรือSale: ขาย/seɪl/There is a sail on sale. (การเดินทางโดยเรือกําลังลดราคา)
Lessen: ลดน้อยลงLesson: บทเรียน/ˈlesn/Her lesson is to lessen her needs. (บทเรียนของเธอคือการลดความต้องการของเธอลง)
Misses: ลื่น/พลาด Mrs: นาง/ˈmɪsɪz/Mrs.Katie misses her chance. (เคธี่พลาดโอกาสของนางเอง)
Root: ราก/เชียร์Route: เส้นทาง/ruːt/That route is blocked by the big root of the tree. (เส้นทางนั้นถูกรากไม้ใหญ่ขวางไว้)
Close: ปิดClothes: เสื้อผ้า/kləʊz/I put my clothes into the cabinet and closed the doors. (ฉันใส่เสื้อผ้าลงในตู้แล้วปิดประตู) 
Stair: บันไดStare: จ้อง/steə(r)/We stare at the stairs and decide not to go up. (เราจ้องมองที่บันไดแล้วตัดสินใจว่าจะไม่ขึ้น)
Weather: สภาพอากาศWhether: ไม่ว่า/ˈweðər/I’m not sure whether we should go hiking tomorrow because the weather forecast predicts rain. (ไม่รู้ว่าพรุ่งนี้จะไปเดินป่าดีไหม เพราะพยากรณ์อากาศทำนายว่าฝนจะตก)
Bear: หมีBare: กล้า/beə(r)/The bear approached the campsite, and I couldn’t bare to watch what might happen next. (เจ้าหมีเข้าใกล้ที่ตั้งแคมป์และฉันก็ไม่กล้าดูว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป)
Principal: ครูใหญ่Principle: หลักการ/ˈprɪnsəpl/The principal emphasized the principle of honesty during the school assembly. (ครูใหญ่เน้นย้ำถึงหลักความซื่อสัตย์ในระหว่างการประชุมโรงเรียน)
Brake: เบรคBreak: ทำให้แตก/ทำลาย/breɪk/He had to brake suddenly to avoid the obstacle, fearing he might break the car. (เขาต้องเบรกกระทันหันเพื่อหลีกเลี่ยงสิ่งกีดขวางเพราะกลัวว่ารถจะพัง)
Mail: จดหมายMale: ผู้ชาย/meɪl/She received a mail from a male colleague regarding the project. (เธอได้รับจดหมายจากเพื่อนร่วมงานชายคนหนึ่งเกี่ยวกับโครงการนี้)
Cell: เซลล์Sell: ขาย/sel/The scientist discovered a new type of cell, but joked that he wouldn’t sell his discovery. (นักวิทยาศาสตร์ค้นพบเซลล์ชนิดใหม่แต่พูดติดตลกว่าเขาจะไม่ขายการค้นพบของเขา)
Dear: ที่รักDeer: กวาง/dɪə(r)/My dear friend, we saw a beautiful deer in the forest today. (เพื่อนรัก วันนี้เราเห็นกวางแสนสวยอยู่ในป่า)
Eye: ตาI: ฉัน/aɪ/I have something in my eye that I can’t seem to remove. (ฉันมีบางอย่างในดวงตาที่ไม่อาจลบออกได้)
Feet: เท้า (พหูพจน์ของ foot)Feat: ทักษะพิเศษ/fiːt/The mountain climber’s feat of reaching the summit on bare feet was incredible. (ทักษะพิเศษของนักปีนเขาที่จะไปถึงยอดเขาด้วยเท้าเปล่านั้นช่างเหลือเชื่อ)
Aloud: ดังAllowed: อนุญาต/əˈlaʊd/She read the book aloud to the class, which the teacher allowed. (เธออ่านหนังสือเสียงดังให้ชั้นเรียนฟัง ซึ่งครูอนุญาต)
Wear: สวมใส่Where: อยู่ที่ไหน/weə(r)/I don’t know what to wear to the party or where it will be held. (ไม่รู้ว่าจะใส่ชุดอะไรไปงานปาร์ตี้หรือมันจัดที่ไหน)
Sight: การมองเห็นSite: สถาน/saɪt/The sight of the ancient ruins at the archaeological site was breathtaking. (การมองเห็นซากปรักหักพังโบราณที่แหล่งโบราณคดีนั้นน่าทึ่งมาก)
Know: รู้No: ไม่/nəʊ/I know the answer, but no one asked me. (ฉันรู้คำตอบแต่ไม่มีใครถามฉัน)
Fairy: นางฟ้าFerry: เรือข้ามฟาก/ˈferi/The children listened to a story about a fairy while they waited for the ferry. (เด็กๆ ฟังนิทานเกี่ยวกับนางฟ้าระหว่างรอเรือข้ามฟาก)
Dew: น้ำค้างDue: ถึงกําหนด/djuː/The grass was covered in morning dew, and the assignment was due today. (หญ้าปกคลุมไปด้วยน้ำค้างยามเช้า และงานมอบหมายก็ครบกำหนดในวันนี้)
Check: ตรวจCheque: เช็ค/tʃek/Please check the amount on the cheque before you deposit it. (กรุณาตรวจสอบจำนวนเงินในเช็คก่อนที่จะฝาก)
Board: กระดานBored: เบื่อ/bɔːd/The students were bored during the lecture because the board was full of complicated equations. (ระหว่างบรรยายนักเรียนรู้สึกเบื่อเพราะกระดานเต็มไปด้วยสมการที่ซับซ้อน)
Billed: เรียกเก็บเงินแล้วBuild: ก่อสร้าง/bɪld/The construction company billed the client for the materials used to build the new house. (บริษัทรับเหมาก่อสร้างเรียกเก็บเงินลูกค้าสำหรับค่าวัสดุที่ใช้สร้างบ้านหลังใหม่)
Band: วงดนตรีBanned: ห้าม/band/The government banned the rock band from performing in public due to their controversial lyrics. (รัฐบาลสั่งห้ามไม่ให้วงดนตรีร็อคแสดงในที่สาธารณะเนื่องจากเนื้อเพลงของพวกเขาก่อให้เกิดความขัดแย้ง)
Floor: พื้นFlaw: ข้อบกพร่อง/ตำหนิ/flɔː/They discovered a flaw in the design of the top floor of the building. (พวกเขาค้นพบข้อบกพร่องในการออกแบบพื้นบนสุดของอาคาร)
Weight: หนัก/นํ้าหนักWait: รอคอย/weɪt/She couldn’t wait to see how much weight she had lost after months of dieting. (เธอแทบรอไม่ไหวที่จะเห็นว่าน้ำหนักของเธอลดลงไปเท่าไรหลังจากอดอาหารมาหลายเดือน)
Cent: เซนต์Scent: กลิ่น/sent/The perfume cost only a few cents, but its scent was exquisite. (น้ำหอมมีราคาเพียงไม่กี่เซนต์ แต่กลิ่นหอมนั้นช่างงดงาม)
Cereal: ซีเรียลSerial: ซีรีย์/ˈsɪəriəl/He enjoys eating cereal while watching his favorite serial on TV. (เขาชอบกินซีเรียลขณะดูซีรีย์เรื่องโปรดในทีวี)
Nun: แม่ชีNone: ไม่มี/nʌn/None of the nuns were available to attend the meeting this afternoon. (ช่วงบ่ายวันนี้ไม่มีแม่ชีคนใดเข้าร่วมการประชุม)
Scene: ฉากSeen: เห็น (past participle ของ see)/siːn/The beautiful scene they had seen in the movie stayed with them long after they left the theater. (ฉากที่สวยงามที่พวกเขาได้เห็นในภาพยนตร์อยู่กับพวกเขาเป็นเวลานานหลังจากที่พวกเขาออกจากโรงหนัง)
Sum: ผลรวม/จํานวนทั้งหมดSome: บาง/sʌm/She gave me some money, but it was not enough to cover the sum needed for the repairs. (เธอให้เงินฉันบางส่วนแต่ก็ไม่เพียงพอที่จะครอบคลุมจํานวนเงินทั้งหมดที่จําเป็นสำหรับการซ่อมแซม)
Cord: สายChord: คอร์ด/kɔːd/He played a beautiful chord on his guitar using a thin cord for the strings. (เขาเล่นคอร์ดกีตาร์ที่สวยงามโดยใช้สายเส้นเล็กสำหรับสาย)
Caste: วรรณะCast: หล่อ/โยน/รายชื่อผู้แสดง /kɑːst/The movie had a diverse cast of actors representing different social castes. (ภาพยนตร์เรื่องนี้มีนักแสดงที่หลากหลายซึ่งเป็นตัวแทนของวรรณะทางสังคมที่แตกต่างกัน)
Few: น้อย ไม่มากPhew: ว้า (คำอุทานแสดงความรังเกียจหรือประหลาดใจ)fjuː/After climbing the steep hill, they were relieved to find a few shady trees to rest under. Phew! (หลังจากปีนขึ้นไปบนเนินเขาสูงชันแล้ว พวกเขาก็โล่งใจที่พบต้นไม้ร่มรื่นสองสามต้นให้พักพิง ว้า)
Coin: เหรียญCoign: มุมในบ้าน/kɔɪn/He found an old coin in the coign of the room, hidden beneath the floorboards. (เขาพบเหรียญเก่าอยู่ในมุมของห้อง ซ่อนอยู่ใต้พื้นกระดาน)
Clime: ถิ่นClimb: ปีน/klaɪm/In their quest to climb the mountain, they experienced different climes, from lush forests to snowy peaks. (ในภารกิจการปีนภูเขา พวกเขาได้สัมผัสกับถิ่นที่แตกต่างกัน ตั้งแต่ป่าเขียวชอุ่มไปจนถึงยอดเขาที่เต็มไปด้วยหิมะ)
Blue: สีนํ้าเงินBlew: พัด (past tense ของ blow)/bluː/The wind blew so strongly that it made the blue curtains flutter in the breeze. (ลมพัดแรงมากจนทำให้ม่านสีน้ำเงินปลิวไปตามสายลม)
Earn: เก็บ(เงิน)/หาได้Urn: โกศ/ɜːn/She worked hard to earn enough money to buy a beautiful urn for her grandmother’s ashes. (เธอทำงานอย่างหนักเพื่อหาเงินให้ได้มากพอที่จะซื้อโกศอันสวยงามสำหรับขี้เถ้าของคุณยายของเธอ)
Bawl: ตะโกน/ร้องเสียงดังBall: ลูกบอล/bɔːl/The children were playing with a ball while their baby brother continued to bawl loudly. (เด็กๆ กำลังเล่นลูกบอลในขณะที่น้องชายยังคงตะโกนเสียงดังต่อไป)
Compliment: คําชมเชยComplement: เสริม/ˈkɒmplɪment/She received a lovely compliment on her cooking, which was a perfect complement to the delicious meal. (เธอได้รับคำชมที่น่ารักในการทำอาหาร ซึ่งเป็นส่วนเสริมที่เหมาะกับมื้ออาหารมื้ออร่อยนี้)
Berth: ที่นอนในยานพาหนะBirth: วันเกิด/การกําเนิด/bɜːθ/The cruise ship offered a comfortable berth for each passenger, while celebrating the birth of a new era in luxury travel. (เรือสำราญเสนอที่นอนที่สะดวกสบายสำหรับผู้โดยสารแต่ละคน ขณะเดียวกันก็เฉลิมฉลองการกำเนิดของยุคใหม่แห่งการเดินทางอันหรูหรา)
Creak: เสียงดังเอี๊ยดCreek: ลำธาร/ลําคลอง/อ่าวเล็ก ๆ/kriːk/They heard the old door creak as they walked along the creek in the narrow valley. (พวกเขาได้ยินเสียงประตูเก่าดังเอี๊ยดขณะเดินไปตามลำธารในหุบเขาแคบ ๆ)
Boy: เด็กผู้ชาย/หนุ่มBuoy: ทุ่น/bɔɪ/The boy noticed a buoy floating in the water while he played on the beach. (เด็กชายสังเกตเห็นทุ่นลอยอยู่ในน้ำขณะที่เขาเล่นบนชายหาด)
Cousin: ลูกพี่ลูกน้องCozen: โกง/หลอกหลวง/ˈkʌzn/Her cousin warned her not to trust the smooth-talking stranger who tried to cozen her out of her money. (ลูกพี่ลูกน้องของเธอเตือนเธอว่าอย่าไว้ใจคนแปลกหน้าที่พูดจาไพเราะซึ่งพยายามโกงเงินเธอ)
Curb: ขอบถนนKerb: ข้างถนน/kɜːb/They painted the curb yellow to remind drivers not to park on the kerb. (พวกเขาทาขอบถนนเป็นสีเหลืองเพื่อเตือนผู้ขับขี่ไม่ให้จอดรถบนถนน)
homophone คําศัพท์

>>> Read more:

แบบฝึกหัดเกี่ยวกับ Homophone คําศัพท์

แบบฝึกหัด: จงระบุคำด้านล่างว่าเป็น Homonyms, Homophones หรือ Homographs:

1. I can’t bear with the fact that the polar bear is going to extinct in this century!

2. They’re going to the zoo with their parents.

3. Can you hear that sound? – They are coming from over here!

4. I sit and wait for him at the river bank. He went to the bank to get a loan.

5. What is the date today? I am going on a date this weekend.

6. The shirt is so worn out. I warn him about the risks.

7. They wave back at us. The heat wave in London is crazy!

8. The wound is getting bad. He wound up hurting himself.

9. My mom accepts everyone on the dinner table except my brother.

10. The changes are minute. I came to the office one minute late.

เฉลย

1. Homonym2. Homophone3. Homophone4. Homonym5. Homonym
6. Homophone7. Homonym8. Homograph9. Homophone10. Homograph

บทความข้างต้นเป็นความรู้เกี่ยวกับคำพ้องเสียง  (Homophone) ซึ่งแยกความแตกต่างระหว่าง Homonym Homophone Homograph และวิธีการออกเสียงคำพ้องเสียง (How to pronounce homophone) เพื่อคุณสามารถประยุกต์ใช้ในชีวิตประจําวัน หวังว่าการแบ่งปันข้างต้นจะช่วยให้คุณเข้าใจคำพ้องเสียงเหล่านี้ได้ดีขึ้น นอกจากนี้ อย่าลืมแวะมาที่ ELSA Speak เป็นประจำเพื่ออัปเดทความรู้ด้านไวยากรณ์และคำศัพท์ภาษาอังกฤษใหม่ ๆ ได้ทุกวันนะ

โครงสร้าง While When เป็นคำเชื่อมสองคำที่ใช้เพื่ออธิบายความสัมพันธ์ของเวลาพบบ่อยในภาษาอังกฤษ แล้ว While ใช้อย่างไรบ้าง? เมื่อใดใช้ When? While การใช้อย่างไร? มาเรียนรู้รายละเอียดกับ ELSA Speak กันเถอะ!

โครงสร้างและการใช้คำเชื่อม While ในภาษาอังกฤษ

โครงสร้าง While คืออะไร?

โครงสร้าง While ถูกใช้ในประโยคจะมีความหมายว่า “ในขณะที่” เมื่อมีเหตุการณ์สองอย่างเกิดขึ้นพร้อมกัน

ตัวอย่าง:

while ตัวอย่างประโยค

While การใช้ในภาษาอังกฤษ

ตำแหน่งการใช้งานโครงสร้างWhile ตัวอย่างประโยค
การใช้ while ขึ้นต้นประโยคใช้เพื่อบรรยายการกระทำสองอย่างที่เกิดขึ้นในเวลาเดียวกัน (ต่อเนื่องในช่วงเวลาหนึ่ง)While + S + Present Continuous, S + Present ContinuousWhile he is dancing, she is reading the newspaper. (ในขณะที่เขากำลังเต้นรำ เธอกำลังอ่านหนังสือพิมพ์)
• My mother is cooking while my father is watching TV. (แม่ของฉันกำลังทำอาหาร ในขณะที่พ่อของฉันกำลังดูทีวี)
การใช้ while ขึ้นต้นประโยค/กลางประโยคใช้เมื่อพูดถึงการกระทำที่กำลังเกิดขึ้น และมีการกระทำอื่นแทรกเข้ามาS + Past Continuous, While + S + Past Simple• She fell off while I was studying at school. (เธอล้มลงในขณะที่ฉันกำลังเรียนที่โรงเรียน)
• Jack came across Lia while she was going shopping. (แจ็คบังเอิญเจอลีอาในขณะที่เธอกำลังไปช้อปปิ้ง)
การใช้ while กลางประโยคWhile จะถูกใช้ในความหมายที่ตรงข้ามS + V + while + S + V• He is very extroverted and self-assured while his sister is shy and quiet. (เขาเป็นคนที่เปิดเผยและมั่นใจ ในขณะที่น้องสาวของเขาขี้อายและพูดน้อย)
• John is quiet while his sister is talkative. (จอห์นเป็นคนพูดน้อย ในขณะที่น้องสาวของเขาช่างพูด)
หลัง whileไม่มีประธานหรือกริยาไม่มีคำกริยา: When (+ prep) + Noun (location), S + V.
ไม่มีประธาน: While + V_ing, S + V.
ไม่มีคำกริยา: Go to the park and you’ll see the lake. When there, you can ask people how to rent bikes. (ไปที่สวนสาธารณะแล้วคุณจะเห็นทะเลสาบ เมื่อไปถึงที่นั่น คุณสามารถถามคนอื่นว่าทำอย่างไรถึงจะเช่าจักรยานได้)
ไม่มีประธาน: While working, she loves to listen to Lofi. (ในขณะที่ทำงาน เธอชอบฟังเพลง Lofi)
while ใช้กับ tense อะไร

วลีพิเศษที่มี While

ด้านล่างนี้เป็นตัวอย่างวลีบางวลีในภาษาอังกฤษที่มี While!

วลีที่มี WhileความหมายWhile ตัวอย่างประโยค
Quite a whileเกิดขึ้นเป็นเวลานานแล้วIt has been quite a while since I last saw Jack. (มันผ่านมานานมากแล้วตั้งแต่ครั้งสุดท้ายที่ฉันเจอแจ็ค)
While awayฆ่าเวลาโดนการทำอะไรบางอย่างI whiled away the morning by talking with my best friends. (ฉันฆ่าเวลาตอนเช้าด้วยการคุยกับเพื่อนสนิทของฉัน)
Worth one’s whileคุ้มค่าที่จะทำIt would be worth your while reading this research about the environment because it is full of rare information. (มันคุ้มค่าที่จะอ่านงานวิจัยเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมนี้เพราะมีข้อมูลที่หายากเต็มไปหมด)
All the whileตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมาThere I was thinking you studied hard at school but you slept all the while. (ฉันคิดว่าคุณเรียนหนักที่โรงเรียนแต่จริงๆ แล้วช่วงเวลาที่ผ่านมาคุณนอนหลับตลอด)
While the cat’s away, the mice will playสามารถทำอะไรได้โดยไม่ต้องมีใครควบคุมI’d never leave my children at a place where they can be alone while I’m going on business. As they say, while the cat’s away, the mice will play. (ฉันไม่เคยทิ้งลูกๆ ไว้ในที่ที่พวกเขาสามารถอยู่คนเดียวได้ ในขณะที่ฉันก็มัวแต่ยุ่ง อย่างที่เขาว่ากันว่า แมวไม่อยู่หนูร่าเริง)
วลีพิเศษที่มี While

>>> Read more: Phrasal verbs คืออะไร? ครบชุด Phrasal verbs ที่พบบ่อยที่สุด 200 คำ

โครงสร้าง การใช้ When ในภาษาอังกฤษ

โครงสร้าง When คืออะไร?

โครงสร้าง When ถูกใช้เพื่อแสดงถึงเหตุการณ์ การกระทำ หรือสถานการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นในเวลาเดียวกัน เรามักจะใช้ when เชื่อมประโยค เหตุการณ์ หรือการกระทำที่เกิดขึ้นพร้อมกันหรือเกือบพร้อมกันในประโยคเดียวกัน

ตัวอย่าง:

>>> Read more:

ELSA Pro ไม่จำกัด

14,895 บาท -> 2,644 บาท

ELSA Premium 1 ปี

8,497 บาท -> 4,290 บาท

โครงสร้าง การใช้ When ในภาษาอังกฤษ

การใช้โครงสร้างการใช้ Whenตัวอย่าง
บรรยายการกระทำหนึ่งที่แทรกเข้ามาในขณะที่อีกการกระทำหนึ่งกำลังเกิดขึ้นWhen + S + Verb (Past Simple), S + Verb (Past Continuous)He was walking back to the mall when he realized that he forgot his wallet at home. (เขากำลังเดินกลับไปที่ห้างเมื่อเขารู้ตัวว่าเขาลืมกระเป๋าเงินไว้ที่บ้าน)
บรรยายการกระทำสองอย่างที่เกิดขึ้นต่อเนื่องกันหรือพร้อมกันในอดีตWhen + S + Verb (Past Simple), S + Verb (Past Simple)When she received my text, she called me. (เมื่อเธอได้รับข้อความของฉัน เธอก็โทรหาฉัน)
บรรยายการกระทำหนึ่งที่เกิดขึ้นก่อนการกระทำอื่นในอดีตWhen + S + Verb (Past Simple), S + Verb (Past Perfect)When I arrived at the restaurant, I had forgotten my phone at home. (เมื่อฉันมาถึงร้านอาหาร ฉันก็พบว่าฉันลืมโทรศัพท์ไว้ที่บ้าน)

When while โครงสร้างต่างกันอย่างไร?

ปัจจัยWhileWhen
สิ่งที่เหมือนกันใช้เพื่ออธิบายถึงการกระทำสองอย่างที่เกิดขึ้นในเวลาเดียวกัน
การใช้ใช้บ่อยเพื่อพูดถึงการกระทำที่เกิดขึ้นต่อเนื่อง อาจเกิดขึ้นในช่วงเวลาที่นาน ใช้ใน Continuous Tenseใช้บ่อยเพื่อพูดถึงการกระทำเดี่ยวๆ ที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาสั้น ๆ มักใช้ใน Past simple Tense หรือ Present Simple
ตัวอย่าง• He was playing games while I was studying. (เขาเล่นเกมในขณะที่ฉันเรียน)
• I didn’t eat anything sour while I was pregnant. (ฉันไม่ได้กินของเปรี้ยวในขณะที่ฉันตั้งครรภ์)
• He was shocked when I told him about Lily’s marriage. (เขาตกใจเมื่อฉันบอกเขาเกี่ยวกับการแต่งงานของ Lily)
• You should be careful when yawning. (คุณควรระวังเมื่อหาว)
When while โครงสร้าง

แยกแยะโครงสร้าง while และ whilst

ด้านล่างนี้คืออ้างอิงรายเกี่ยวกับ While และ Whilst :

WhileWhilst
สิ่งที่เหมือนกัน• While และ Whilst เมื่อเป็นคำเชื่อมในประโยคหรือคำวิเศษณ์จะมีความหมายเหมือนกันและสามารถแทนที่กันได้
• ตัวอย่าง: Alex felt so bored whilst/while Sam was away for school. (Alex รู้สึกเบื่อมากในขณะที่ Sam ไปเรียนต่างประเทศ)
ต่างกัน• While ถูกใช้บ่อยกว่า whilstWhile มีลักษณะธรรมดาและใช้ในชีวิตประจำวัน
• ตัวอย่าง: Would you like something to drink while we’re waiting? (คุณต้องการอะไรดื่มระหว่างที่เรารอไหม?)
• อย่างไรก็ตามในการเขียน โครงสร้าง Whilst จะเพิ่มความเป็นทางการให้กับประโยคมากขึ้น
• ตัวอย่าง: Whilst I appreciate your help, I want to do this by myself. (ฉันขอบคุณสำหรับความช่วยเหลือของคุณ แต่ฉันอยากทำสิ่งนี้ด้วยตัวเอง)

ความแตกต่างระหว่าง for while และ during

ForWhileDuring
ความหมายใน เป็นเวลา (ระยะเวลา)ในขณะที่ ในตอนที่ ระหว่าง ในช่วงเวลาในช่วงเวลา ตลอดเวลา
การใช้ใช้เพื่อเน้นระยะเวลาที่เกิดขึ้นของการกระทำหรือเหตุการณ์อธิบายการกระทำ 2 อย่างที่เกิดขึ้นพร้อมๆ กัน และระยะเวลาของการกระทำนั้นไม่สำคัญใช้เพื่อเน้นระยะเวลาที่เกิดขึ้นของเหตุการณ์หนึ่งในขณะที่เหตุการณ์อื่นกำลังเกิดขึ้น
โครงสร้างFor + ระยะเวลา (คำนาม/วลี)While + clause (อนุประโยค)During + N (คำนาม)
ตำแหน่งมักจะอยู่ต่อท้ายประโยคสามารถอยู่ต้นประโยคหรือท้ายประโยค (หลังจากอนุประโยคอื่น)สามารถอยู่ต้นหรือท้ายประโยค
ตัวอย่างI have been living here for 10 years. (ฉันอาศัยอยู่ที่นี่มาเป็นเวลา 10 ปีแล้ว)While I am reading books, my mother is watching TV. (ในขณะที่ฉันกำลังอ่านหนังสือ แม่ของฉันกำลังดูทีวี)During the party, he used his phone. (ในระหว่างงานปาร์ตี้ เขาใช้โทรศัพท์ของเขา)
ความแตกต่างระหว่าง for while และ during

คำถามที่พบบ่อย

While ใช้กับ tense อะไร?

ตัวอย่าง: She fell off while I was studying at school. (ในขณะที่ฉันเรียนอยู่ที่โรงเรียน เธอล้มลง)

ตัวอย่าง: She is cooking dinner while her brother is setting the table. (เธอกำลังทำอาหารเย็นในขณะที่พี่ชายกำลังจัดโต๊ะ)

การใช้ While ขึ้นต้นประโยค

While อยู่หน้าประโยคของ Past Continuous tense แสดงถึงการกระทำที่กำลังเกิดขึ้นและมีการกระทำอื่นแทรกเข้ามา

ตัวอย่าง: While I was doing my homework, my mother called me. (ในขณะที่ฉันกำลังทำการบ้าน แม่ของฉันโทรมาหาฉัน)

หลัง While ใช้ Tense อะไร

หลัง “while” เป็น อดีตกาลธรรมดา (Simple Past) หรือปัจจุบันกาลต่อเนื่อง (Present Continuous) และสามารถใช้กับ tense อื่น ๆ ได้ ขึ้นอยู่กับบริบทและความหมายที่ผู้พูดต้องการสื่อ

ตัวอย่าง: While they were partying hard, I tried to cram everything that could be on the test. (ในขณะที่พวกเขากำลังปาร์ตี้อย่างสนุก ฉันพยายามทบทวนทุกอย่างที่อาจจะอยู่ในข้อสอบ)

แบบฝึกหัด

แบบฝึกหัด

แบบที่ 1: เติม when หรือ while ลงในช่องว่างให้ถูกต้อง

1. I was cooking the meal,…..the bell rang.  

2. The children slept………..she cooked dinner.

3. …….we were having dinner, someone stole the car. 

4. I often ate candy, ……..I was a child.

5. We first met each other……….we were staying in Vietnam. 

6. My mother watched TV………………I washed clothes. 

7. She called him……………He was going to sleep. 

8. ……………Marry got up yesterday, the rain was falling. 

9. We saw the first signs of winter,…………………..we were driving down the street. 

10. I will text you…………….I get home. 

แบบที่ 2: เติมคำกริยาในวงเล็บให้ถูกต้อง

1. I (see)…… him when I was on my way to school.

2. When he (be)…. a child, he usually went to the museums.

3. While I was listening to music, my wife (cook)….. In the kitchen.

4. When I lived in Russia, I (work) ….. As a receptionist. 

5. While I (talking)….. with my friend, the taxi arrived. 

6. My father (break) his leg while he was fixing our house’s roof.

7. Our parents (divorce) …… when I was a teenager. 

8. I was doing my homework when my mom (come) …. Home.

9. She knew about the scandal when she (sit) ….. in the class. 

10. When she (finish) ….. her tasks, she went shopping. 

แบบที่ 3: เลือกคำตอบที่ถูกต้องที่สุด

1. He knew the information while he __ on the taxi.
A. sat
B. was sitting

2. I was doing some paperwork ____ Anna called.
A. when
B. while

3. __ it stopped raining, she went to school.

A. When

B. While

4. While he played video games, I was reading a book.
A. played
B. was playing

5. When he __ school, he wants to have a gap year.
A. Finishes
B. will finish

6. Can you water the flowers while ____ tomorrow?
A. I am going to the dentist
B. I will be going to the dentist

7. I was taking a shower _____ doorbell rang.
A. When
B. While

8. _____ I was living in Tokyo, there was a big earthquake.
A. While
B. When

9. She had her first tattoo _______ she was at the age of 20.
A. when
B. While

10. While he was playing soccer, I ______ my nails.
A. did
B. was doing

11. I always wear gloves ______ clean the toilet.
A. When
B. While

12. While he____ to the music, he often danced.
A. Was listening
B. Listened 

13. I bought some souvenirs _____ I was at the airport.
A. While
B. When

14. I _____ lunch when he called me.
A. Was having
B. Had

15. We were watching a movie _____ John had a stomach ache.
A. While
B. When.

16. They _____ in Africa when they were young.
A. Lived
B. Was living

17. What were you doing ____ I called you yesterday?
A. While
B. When

18. When I _____ the room, my friends were playing cards.
A. Was entering
B. Entered

19. When you arrived home, who ____ there?
A. Being
B. was

20. She ____ as a teacher when she met her husband.
A. Was working
B. worked

คำตอบ

แบบที่ 1:

1. when2. while3. while4. when5. while
6. while7. while8. when9. while10. when

แบบที่ 2:

1. Saw2. Was3. Was cooking 4. Worked5. Was talking
6. Broke7. Divorced8. Came9. Was sitting10. Finished 

แบบที่ 3:

1. B2. A3. A4. B5. A6. A7. A8. B9. A10. B
11. A12. A13. B14. A15. B16. A17. B18. B19. B20. A

บทความข้างต้นนี้คือคำตอบของคำถาม While การใช้อย่งไร? และการแยกแยะ When While หวังว่าข้อมูลข้างต้นจะช่วยให้คุณเข้าใจโครงสร้าง While มากขึ้น นอกจากนี้ อย่าลืมเข้าชม ELSA Speak บ่อย ๆ เพื่ออัปเดตความรู้ด้านไวยากรณ์และคำศัพท์ภาษาอังกฤษใหม่ๆได้ทุกวันนะ!

Let เป็นโครงสร้างทั่วไปในการสื่อสารภาษาอังกฤษในชีวิตประจำวัน ซึ่งแสดงถึงการอนุญาตให้ผู้อื่นทำอะไรบางอย่าง งั้น Let แปลว่าอะไร? วิธีใช้ Let และรูปแบบต่างๆ ของ Let เป็นอย่างไร? มาเรียนรู้ด้วย ELSA Speak ในตอนนี้เลย

โครงสร้างของ Let

Let แปลว่า

let แปลว่า

Let เป็นคำกริยา แปลว่า อนุญาต โครงสร้าง Let ใช้เพื่ออธิบายการอนุญาตให้ใครบางคนหรือได้รับอนุญาตให้ทำอะไรบางอย่าง

Let ตัวอย่างประโยค :

โครงสร้างของ Let

Let + Object (กรรม) + V-inf (กริยาตัวเดิมที่ไม่เติมแล้วก็ไม่ผัน)

ในนั้น

ตัวอย่าง

ประโยคที่ประธานเป็นผู้ถูกกระทำกับ Let

โครงสร้างตัวอย่าง
• ใช้โครงสร้าง Be Allowed to V เพื่อเขียนเป็นประโยค ที่ประธานเป็นผู้ถูกกระทำ
• ประโยคที่ประธานเป็นผู้กระทำกริยา: Let + somebody + V (infinitive) + something
->ประโยคที่ประธานเป็นผู้ถูกกระทำ: S + V (tobe) + allowed + to V
My math teacher let me go home early.
=> I was allowed to go home early by my teacher. 
(ฉันได้รับอนุญาตให้กลับบ้านเร็วโดยครูของฉัน)
• เปลี่ยนเป็นประโยคที่ประธานเป็นผู้ถูกกระทำด้วยโครงสร้าง Let oneself be Ved (PII)
• ประโยคที่ประธานเป็นผู้กระทำกริยา: Let somebody do something
-> ประโยคที่ประธานเป็นผู้ถูกกระทำ:
Let oneself be Ved (PII)
Let them finish the project.
=> Let the project be finished by them.
(ปล่อยให้โครงการนี้เสร็จสิ้นโดยพวกเขา)
• โครงสร้างถูกกระทำในประโยคคำสั่ง:
Let + O + (not) be + Ved (PII)
Let the light be turned off. 
(ปล่อยให้ไฟดับลง)
let ใช้ยังไง

>>> Read more: Passive Voice: สูตร ตัวแปร และการใช้งานที่แม่นยำที่สุด (พร้อมแบบฝึกหัด)

สำนวน/วลีบางคำที่มี Let

วลีความหมายภาษาไทยตัวอย่าง
Let alone + clauseอย่าว่าแต่… เลยHe doesn’t even care about me, let alone you. (เขายังไม่ใส่ใจฉันเลย อย่าว่าแต่ คุณเลย)
Let one’s hair downสบายใจและผ่อนคลายStop thinking about the score, and let your hair down. (ไม่ต้องคิดถึงคะแนนอีก เพียงแค่ผ่อนคลายและทำใจสบายๆ)
Let sb goปล่อยใครสักคนไป (เมื่อพวกเขาก่ออาชญากรรม) ลืมใครสักคน (เมื่อพวกเขาเสียชีวิต)The police had to let them go because of a lack of evidence. (ตำรวจต้องปล่อยพวกเขาไปเพราะขาดหลักฐาน)
Let sb off the hookยกโทษ หรือให้อภัยใครสักคนI’m going to let you off the hook this time, but don’t ever do that again.  (ฉันจะยกโทษให้คุณในครั้งนี้ แต่อย่าทำอย่างนั้นอีก)
Don’t let (sb หรือ sth) get you downอย่าให้ใคร/สิ่งใดมาทำให้คุณท้อใจDon’t let his words get you down. (อย่าให้คำพูดของเขาทำให้คุณท้อใจ)
Let off steamกำจัดความเบื่อหน่ายWe knew it was important to let off steam. (เรารู้ว่ามันเป็นสิ่งสำคัญในการกำจัดความเบื่อหน่าย)
สำนวน/วลีบางคำที่มี Let

Let ใช้ยังไงไปกับคำบุพบทอะไร

กริยาวลีจะมีความหมายที่แตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับคำบุพบท (phrasal verb) ที่มาด้วยกัน

วลีความหมายตัวอย่าง
Let downทำให้ใครสักคนผิดหวังHe let me down by not showing up to the meeting. (เขาทำให้ฉันผิดหวังที่ไม่มาประชุม)
Let inให้ใครเข้ามาPlease let the guests in and show them to their seats. (กรุณาให้แขกเข้ามาและพาพวกเขาไปยังที่นั่ง)
Let offให้อภัย/ลบการลงโทษThe teacher let the students off for being late to class. (ครูไล่ให้นักเรียนออกไปเพราะมาเรียนสาย)
Let outการอนุญาตให้ออก/ออกสถานที่The prison guard let the prisoner out after serving his sentence. (ผู้คุมปล่อยนักโทษออกมาหลังจากพ้นโทษแล้ว)
Let upลดลงThe rain finally let up, and we could continue our outdoor activities. (ในที่สุดฝนก็เบาลงและเราก็สามารถกลับมาทำกิจกรรมกลางแจ้งได้)

>>> Read more: คำบุพบท (preposition) คืออะไร? วิธีการใช้คำบุพบท

คำพ้องความหมายกับ Let

คำพ้องความหมายกับ Let
วลีตัวอย่าง
Allow sb do sthMy mother doesn’t allow me to go to the movies alone. (แม่ไม่อนุญาตให้ฉันไปดูหนังคนเดียว)
Enable sb do sthHe is looking for a job that will enable him to develop his skills. (เขากำลังมองหางานที่สามารถช่วยพัฒนาทักษะของเขาได้)
Grant sb sthHe granted journalists an interview. (เขาอนุญาตให้นักข่าวสัมภาษณ์)
Make it possible for sb to do sthWhat makes it possible for them to live again? (อะไรทำให้พวกเขาสามารถกลับมามีชีวิตอีกครั้งได้?)
Permit sb do sthHe doesn’t permit his son to use the telephone. (เขาไม่อนุญาตให้ลูกชายใช้โทรศัพท์)

>>> Read more: Synonym คืออะไร? หน้าที่มันมีอะไรบ้าง การแยกประเภท และวิธีแยกแยะคำพ้องความหมาย

โครงสร้าง Let’s

Let’s แปลว่าอะไร?

โครงสร้าง Let’s = Let us ใช้เพื่อเรียกกลุ่มคนให้ทำอะไรร่วมกัน

โครงสร้าง Let’s

Let’s + do something (V-inf)

ตัวอย่าง 

โครงสร้าง Let’s

ข้อสังเกตเมื่อใช้โครงสร้าง Let’s

ข้อสังเกตตัวอย่าง
แสดงความเคารพเมื่อขออนุญาตใครสักคน/ทำอะไรบางอย่าง อย่าเขียนย่อว่า Let’s
==> การใช้ที่ถูกต้อง: Let us
Let us help! You can’t do this alone. (ให้พวกเราช่วยเถอะ คุณทำคนเดียวไม่ได้)
รูปปฏิเสธของ Let’s: อย่าใช้ Don’t Let’s
==> การใช้ที่ถูกต้อง: Let’s not
Let’s not argue; he’s already apologized. (อย่าทะเลาะกันเลย เขาขอโทษแล้ว)

โครงสร้างที่ตรงกันกับ Let’s

เมื่อเขียนประโยคใหม่โดยใช้โครงสร้าง Let’s เพื่อแนะนำบางสิ่ง เราสามารถใช้โครงสร้างที่มีความหมายเทียบเท่าได้ดังนี้

โครงสร้างแปล
Why don’t we/you + V-inf?ทำไมพวกเราไม่ …?
Why not + V-inf?ทำไมไม่ทำอะไรสักอย่าง?
How about + Ving/Noun?noun phrase?แล้วเรื่องนี้ล่ะ?
What about + Ving/Noun/Noun phrase?แล้วเรื่องนี้ล่ะ?
Shall/Will we + V-inf?มาทำอะไรสักอย่างกันเถอะ

ตัวอย่าง: Let’s have a picnic in the park this weekend. (สุดสัปดาห์นี้ไปจัดปิกนิกที่สวนสาธารณะ)

เราสามารถเขียนประโยคใหม่ได้ดังนี้

โครงสร้างของ Lets

Lets แปลว่า

Lets ใช้เพื่อแสดงการอนุญาตให้บางคนทำอะไรบางอย่าง ใช้เมื่อประธานของประโยคในกาลปัจจุบันธรรมดาเป็นเอกพจน์บุรุษที่ 3 (he, she, it).

โครงสร้างของ Lets

S + Lets + Object (กรรม) + V-inf (กริยาตัวเดิมที่ไม่เติมแล้วก็ไม่ผัน)

ตัวอย่าง

โครงสร้างของ Lets

Phrasal Verbs ทั่วไปกับ Let

Phrasal Verbs คำนิยายตัวอย่าง
Let someone downทำให้ใครผิดหวังPeter really let me down by lying to me. (ปีเตอร์ทำให้ฉันผิดหวังจริงๆ ด้วยการโกหกฉัน)
Let onเปิดเผยให้ใครบางคน(เกี่ยวกับความลับบางอย่าง)It was Bae who let on that Voet had stolen the money. (นั้นคือเบ เป็นคนที่เปิดเผยว่าโวเอตขโมยเงินไป)
Let someone offปล่อยให้ใครสักคนออกไปThe police officer let him off without arresting him. (ตำรวจปล่อยตัวเขาโดยไม่มีการจับกุม)
Let something offยิงปืนหรือปล่อยให้อุปกรณ์ใดๆ ระเบิดOn Monday police said they did not yet have any idea who had let off the bomb (เมื่อวันจันทร์ ตำรวจกล่าวว่าไม่รู้ว่าใครเป็นคนจุดชนวนระเบิด)
Let upหยุด/งด หรือทำสิ่งที่ดีกว่าWhen the rain lets up we’ll go for a walk. (เมื่อฝนหยุดตกเราก็ไปเดินเล่นกัน) 
Let something outทำให้บางสิ่งบางอย่างออกมา(พร้อมเสื้อผ้า): คลายออกHe let the air out of the balloon. (เขาปล่อยลมบอลลูน) These trousers are too tight – I’m going to have to let them out. (กางเกงรัดแน่นมาก ฉันต้องคลายมันออก) 
Let someone in on somethingให้ใครสักคนรู้อะไรบางอย่างPalm wouldn’t let Kan in on his plans. (ปาล์มไม่ยอมให้กันรู้แผนของเขา)
Let sb in for Somethingการปล่อยให้ตัวเองเข้าไปพัวพันกับสถานการณ์อันไม่พึงประสงค์ซึ่งมักเกิดขึ้นโดยไม่ได้ตั้งใจI don’t know why Kwan lets herself in such an isolated lifestyle. (ฉันไม่รู้ว่าทำไมขวัญถึงยอมให้เขาใช้ชีวิตแบบสันโดษขนาดนี้)
Phrasal Verbs ทั่วไปกับ Let

แยกแยะระหว่าง Let Lets และ Let’s

LetLetsLet’s
ความหมายอนุญาต ให้อนุญาต ให้ต้องการ
วิธีใช้ใช้กับบุคคลพหูพจน์ เช่น I, We, Youใช้สำหรับบุคคลที่สามเอกพจน์ใช้เมื่อให้คำแนะนำหรือข้อเสนอแนะ
สูตรS + let + somebody + do somethingS + lets + somebody + do somethingLet’s + do something
ตัวอย่างThey let their hair grow long. (พวกเขาปล่อยให้ผมยาว)My boss lets me do whatever I want. (เจ้านายของฉันอนุญาตให้ฉันทำทุกอย่างที่ฉันต้องการ)Let’s go to school. (ไปโรงเรียนกันเถอะ)

แยกแยะระหว่างโครงสร้าง Let และ Spend

แยกแยะระหว่างโครงสร้าง Let และ Spend
LetSpend
วิธีใช้ใช้เพื่ออนุญาตหรือเชิญผู้อื่นให้ทำบางสิ่งบางอย่างใช้เพื่อแสดงจำนวนเวลา/เงิน/ความพยายาม… ที่ใช้ไปในกิจกรรมหนึ่งๆ
โครงสร้างLet + object + V-infinitiveS + Spend + time/money/… + V-ing
ตัวอย่างLet me help you with your bags. (ให้ฉันช่วยคุณถือกระเป๋าเดินทางของคุณ)I spend a lot of time studying. (ฉันใช้เวลาเรียนมาก)

แบบฝึกหัดกับ Let

แบบฝึกหัด

แบบฝึกหัดที่ 1: เรียงคำที่กำหนดให้เป็นประโยคที่สมบูรณ์

1. know / let / me /  you / any / help / if / need.

2. let /  go / for / a / in / the / park / us / walk.

3. let / the / play / for / a / while / children / outside.

4. her / borrow / book / weekend / let / your / the / for.

5. him / let / on / the / restaurant / decide / for / tonight.

6. choose / let / them / their / path / in / life /own.

7. let / out / the / dog / into / backyard / the.

8. let / long / play/ the / music / all / night.

9. let / me / of / take / the / dishes / care / tonight.

10. guide / let / your / you / to / dreams / success.

แบบฝึกหัดที่ 2: เขียนประโยคใหม่โดยใช้โครงสร้าง Let’s

1. Shall we go to the Cinema?

2. Why doesn’t he sing “we don’t talk anymore”?

3. How about going to the CGV?

4. Why don’t you call John?

5. Shall we go to Lyly’s house?

แบบฝึกหัดที่ 3: เติมในช่องว่าง (Let, Let’s, Lets)

1. …… not push! Line up, come on! 

2. If you are hungry, …. your sister finishes working, and then she will cook dinner.

3. My son needs your permission to do this. Please ….. him do this!

4. The taxi is coming, …….. go!

5. Huong will …… Dat alone for a while. 

แพ็กเกจ ELSA Speak Proราคาเดิมข้อเสนอพิเศษ
ELSA Pro ตลอดชีวิต14,865 บาท2,944 บาท
ELSA Pro 1 ปี2,499 บาท1,749 บาท
ELSA Pro 6 เดือน2,099 บาท1,049 บาท
ELSA Pro 3 เดือน1,119 บาท559 บาท
*ราคาแพ็กเกจอัปเดทในวันที่ 14/11/2024 และอาจเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา

คำตอบ

แบบฝึกหัดที่ 1:

1. Let me know if you need any help.

2. Let us go for a walk in the park.

3. Let the children play outside for a while.

4. Let her borrow your book for the weekend.

5. Let him decide on the restaurant for tonight.

6. Let them choose their own path in life.

7. Let the dog out into the backyard.

8. Let the music play all night long.

9. Let me take care of the dishes tonight.

10. Let your dreams guide you to success.

แบบฝึกหัดที่ 2: 

1. Let’s go to the Cinema!

2. Let’s sing “we don’t talk anymore”!

3. Let’s go to the CGV!

4. Let’s call John!

5. Let’s go to Lyly’s house!

แบบฝึกหัดที่ 3:

1. Let’s2. Let3. Let4. Let’s5. Let 

ข้างบนนี้เป็นความรู้ทั้งหมดเกี่ยวกับ let แปลว่าอะไร รวมทั้งโครงสร้าง วิธีใช้รูปแบบต่างๆ ของ Let  หวังว่าการแบ่งปันข้างต้นจะช่วยให้คุณเข้าใจคำกริยานี้ได้ดีขึ้น นอกจากนั้น อย่าลืมเข้า ELSA Speak เพื่ออัปเดทความรู้ภาษาอังกฤษทุกวันนะ

คุณกําลังอยากเข้าใกล้และจีบคนที่คุณชอบแต่ไม่รู้จะทำอย่างไร มาเรียนรู้ประโยคประโยคจีบ ภาษาอังกฤษดี ๆ น่าประทับใจ และสื่อถึงอารมณ์อารมณ์ในภาษาอังกฤษกับ ELSA Speak กันด้านล่างนี้เลย

จีบภาษาอังกฤษคืออะไร

จีบ ภาษาอังกฤษคือ flirt /flɜːrt/

ตัวอย่าง: 

จีบภาษาอังกฤษคืออะไร

คําศัพท์/วลีในภาษาอังกฤษที่หมายถึงจีบ 

คําศัพท์/วลีภาษาอังกฤษความหมายตัวอย่าง
To hit on someoneจีบใครสักคนSome guy tried hitting on me at the party yesterday, but he wasn’t my type. (เมื่อวานมีผู้ชายพยายามจะจีบฉันที่งานปาร์ตี้ แต่เขาไม่ใช่สเปกของฉัน)
Pick upจีบและทำความรู้จัก (ใครสักคน)Peter picked up this really cute girl at the club. (ปีเตอร์จีบสาวน่ารักคนนี้ที่คลับจริง ๆ )
Get withการมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับใครสักคนA: Is it true that you got with Katie over the summer? (ที่คุณออกเดทกับเคธี่ในช่วงฤดูร้อนเป็นเรื่องจริงใช่ไหม?)
B: Yeah, we’ve been on a few dates so far. (ใช่ เราไปเดทกันสองสามครั้งแล้ว)
Go cruisingล่าเหยื่อหรือล่าแต้มHey buddy. What are you up to next Friday? Do you want to go cruising the bars for some action? (ไงเพื่อน ศุกร์หน้าติดทําอะไรหรือเปล่า ไปจีบสาวที่บาร์กันไหม)
คําศัพท์/วลีในภาษาอังกฤษที่หมายถึงจีบ 

>>> Read more: ครบชุด Phrasal verbs ที่พบบ่อยที่สุด 200 คำ

รวมประโยคจีบที่มัความหมายดี ๆ และเป็นที่นิยมในภาษาอังกฤษ

วิธีชวนไปเดทในภาษาอังกฤษ

ประโยคจีบ ภาษาอังกฤษความหมาย
I was wondering if you’d like to go out for a drink.ฉันกําลังสงสัยว่าคุณอยากจะไปหาอะไรดื่มไหม?
Do you want to go for a drink sometimes?ว่าง ๆ ไปดื่มด้วยกันไหม?
If you’d like to meet up sometime, let me know.ถ้าคุณอยากเจอเมื่อไหร่ก็บอกฉันนะ
I’d love to take you out on a date. Are you free this weekend?ฉันอยากเดทกับคุณมากจริง ๆ สุดสัปดาห์นี้คุณว่างไหม
I was wondering if you’d like to join me for [activity] on [day of the week]?คุณอยากเข้าร่วม [กิจกรรม] กับผมใน [วัน] ไหม?
I know this great [restaurant/bar/place], would you like to go there with me?ผมรู้จัก [ร้านอาหาร/บาร์/สถานที่ดี ๆ] แห่งหนึ่ง คุณอยากไปกับผมไหม?
I’m going to the [concert/movie/event] on [day of the week]. Would you like to come with me?ผมจะดู [คอนเสิร์ต/ภาพยนตร์/กิจกรรม] ใน [วันธรรมดา] คุณอยากจะไปกับผมไหม?
I’m planning on hiking/biking/going to the beach this weekend. Would you like to join me?สุดสัปดาห์นี้ผมวางแผนจะไปเดินป่า/ปั่นจักรยาน/ไปชายหาด คุณอยากไปกับผมไหม?
Would you like to take a walk with me in the park sometime?คุณอยากจะไปเดินเล่นที่สวนสาธารณะกับฉันสักครั้งไหม?
I know a great spot for ice cream/dessert. Would you like to go there with me?ฉันรู้จักสถานที่ที่ดีสำหรับไอศกรีม/ของหวานที่อร่อยที่สุด คุณอยากจะไปที่นั่นกับฉันไหม
I was wondering if you’d like to go out for a drink sometime?ฉันสงสัยว่าคุณอยากออกไปดื่มข้างนอกบ้างไหม
Do you fancy getting a bite to eat?คุณอยากไปกินอะไรไหม?
If you’d like to meet up sometime, let me know!ถ้าคุณอยากให้เราเจอเมื่อไหร่ก็บอกฉันนะ
Do you have any plans for tonight?คุณมีแผนสำหรับคืนนี้ไหม?
ประโยคจีบ ภาษาอังกฤษ ชวนไปเดท

>>> Read more: การออกเดทในภาษาอังกฤษคืออะไร? คำศัพท์ บทสนทนาและวิธีชวน “คน ๆ นั้น” ไปเดท

วิธีจีบผู้หญิงในภาษาอังกฤษ 

ประโยคจีบ ผู้หญิง ภาษาอังกฤษความหมาย
Is your name Google? Because you have everything I’ve been searching for.คุณชื่อกูเกิลใช่ไหม? เพราะคุณมีทุกสิ่งที่ผมตามหา
Do you believe in love at first sight, or should I walk by again?คุณเชื่อในรักแรกพบหรือผมต้องเดินผ่านไปอีกครั้งดี?
Are you a time traveler? Because I can see you in my future.คุณเป็นนักเดินทางข้ามเวลาใช่ไหม? เพราะผมสามารถเห็นคุณในอนาคตของผม
Your hand looks heavy. Can I hold it for you?มือของคุณดูหนัก ฉันถือมันไว้ให้คุณได้ไหม
Do you have a Band-Aid? Because I just scraped my knee falling for you.คุณมี Band-Aid ไหม? เพราะผมคุกเข่าตกหลุมรักคุณไปแล้ว
I can’t stop thinking about you since I met you.ผมไม่สามารถหยุดคิดถึงคุณได้ตั้งแต่ผมได้พบคุณ
I always have a great time when I’m with you.ผมมีช่วงเวลาที่ดีเสมอเวลาอยู่กับคุณ
Do you know where my heart is? Not to the left or to the right, but to his side.เธอรู้ไหมว่าใจฉันอยู่ที่ไหน ไม่ใช่อยู่ทางซ้ายหรือทางขวา แต่อยู่เคียงข้างเธอ
Do you know why my skin is black when I’m around you? Because I was busy looking at your sunny smile.รู้ไหมทำไมผิวผมถึงดำเวลาอยู่ใกล้คุณ เพราะผมมัวแต่มองรอยยิ้มที่สดใสของคุณอยู่
If you had eleven roses and you looked in the mirror; then you’d see twelve of the most beautiful things in the world. ถ้าคุณมีดอกกุหลาบ 11 ดอก และกำลังมองกระจกอยู่ คุณจะเห็นดอกกุหลาบที่ 12 ที่สวยที่สุดของโลก
His character was inherently honest. Do you really relax or “auto”.บุคลิกของผมมีความซื่อสัตย์โดยเนื้อแท้ คุณชอบผมจริง ๆ หรือ “ออโต้”
There are days when I’m tired and don’t want to do anything, just want to be your lover. มีวันที่เหนื่อยไม่อยากทำอะไร แค่อยากเป็นแฟนคุณ
I love you like Uncle Ho loves his country. Losing you, I am like France losing Indochina. รักเธอเหมือนลุงโฮรักประเทศ การสูญเสียคุณก็เหมือนกับฝรั่งเศสที่สูญเสียอินโดจีน
The pink thread is wrapped around the red thread. If you love me, don’t leave me.เชือกสีชมพูพันรอบด้ายสีแดง ถ้ารักฉันอย่าทิ้งฉันไป
Honey, I love watches. I also love being your mistress.ที่รัก ฉันชอบนาฬิกา ฉันก็ชอบเป็นแฟนเธอเหมือนกัน
I thought my dreams weren’t real, but since I saw you, that mindset has changed. ผมคิดว่าความฝันของผมไม่เป็นจริง แต่เมื่อผมเห็นคุณ ความคิดนั้นก็เปลี่ยนไป
Are you a magician? Because whenever I look at you, everyone else disappears.คุณเป็นนักมายากลใช่ไหม เพราะทุกครั้งที่ผมมองคุณ ทุกคนก็หายไป
Do you have a map? Because I keep getting lost in your eyes.คุณมีแผนที่ไหม เพราะผมยังคงหลงอยู่ในสายตาของคุณ
If you were a vegetable, you’d be a cutecumber.ถ้าคุณเป็นผัก คุณจะเป็นแตงกวาที่น่ารัก
ประโยคจีบ ผู้หญิง ภาษาอังกฤษ

>>> Read more: คำชมผู้หญิงภาษาอังกฤษที่เรียบง่ายและดีที่สุด

วิธีจีบผู้ชายในภาษาอังกฤษ

ประโยค จีบผู้ชาย ภาษาอังกฤษความหมาย
Are you a camera? Because every time I look at you, I smile.คุณเป็นกล้องหรือเปล่า เพราะทุกครั้งที่ฉันมองคุณ ฉันก็ยิ้ม
Together with you is my favorite place to be.การได้อยู่กับเธอเป็นสถานที่โปรดของฉัน
I’ve never cared what tomorrow will bring. I’ve cared just today that I have you.ฉันไม่เคยสนใจว่าพรุ่งนี้จะเป็นอย่างไร ฉันสนใจแค่วันนี้ฉันมีเธอ
If I were a stop light. I’d turn red every time you passed by, Just so I could stare at you a bit longer.หากฉันเป็นไฟจราจร ฉันจะเป็นสีแดงทุกครั้งที่เธอเดินผ่าน เพราะขอแค่ได้มองเธอให้นานขึ้นอีกหน่อย
Can I have directions to your heart?ฉันขอเส้นทางสู่หัวใจของเธอได้ไหม?
Brother, this earth is round, if you don’t hide well, still meet me.ที่รักคะ โลกนี้มันกลม ถ้าเธอไม่ซ่อนตัวดี ๆ เธอก็จะยังเห็นฉันอยู่
Aren’t you tired? Aren’t you tired of running 24 hours a day?คุณไม่เหนื่อยเหรอ คุณไม่เบื่อกับการวิ่ง 24 ชั่วโมงเหรอ
It only takes a second to say I love you, but it will take a lifetime to show you how much.ใช้เวลาเพียง 1 วินาทีในการบอกว่าฉันรักเธอ แต่ต้องใช้เวลาทั้งชีวิตในการพิสูจน์
My life is still unfinished. Can you step in for protection?ชีวิตของฉันยังไม่สิ้นสุด เธอสามารถเข้ามาปกป้องฉันได้ไหม?
I’m not drunk, but I’m infatuated with your smile.ฉันไม่ได้เมา แต่ฉันเมาเพราะรอยยิ้มของเธอ
My heart is full of acid now. Need you to neutralize with a little base.ตอนนี้หัวใจของฉันเต็มไปด้วยกรด ฉันต้องการให้เธอทำให้เป็นกลางด้วยฐานหน่อย
Where are you at home? Going back and forth in my heart I don’t know the way back?เธอมาจากที่ไหน วนเวียนอยู่ในใจไม่รู้ทางกลับเหรอ
Car without stopping. This could be due to brake failure. My love doesn’t stop. It’s definitely you.รถไม่มีหยุด อาจเป็นเพราะเบรกแตก ฉันหยุดรักไม่ได้ เพราะเธออย่างแน่นอน
If I could change the alphabet, I would definitely put I next to U.ถ้าฉันเปลี่ยนตัวอักษรได้ ฉันจะวาง I ไว้ข้าง ๆ U อย่างแน่นอน
ประโยค จีบผู้ชาย ภาษาอังกฤษ

ประโยคจีบที่น่าประทับใจในภาษาอังกฤษ

ประโยคจีบความหมาย
You’re almost better than chocolate.เธอนั้นหวานกว่าช็อคโกแลต
Come live in my heart. Its rent is free.เข้ามาอยู่ในหัวใจของฉัน มันไม่มีค่าเช่า
You’re my one and only.เธอคือหนึ่งเดียวของฉัน
Thanks for always being the best.ขอบคุณที่เป็นสิ่งที่ดีที่สุดเสมอมา
In my wedding, do you want to be my bride?ในงานแต่งงานของผม คุณอยากรับบทเป็นเจ้าสาวไหม
Don’t wish me good night, when you’re the one keeping me awake.อย่าอวยพรให้ฉันฝันดี ในเมื่อคุณคือคนทำให้ฉันนอนไม่หลับ
My heart calls out for you.เสียงหัวใจฉันเรียกร้องหาเพียงเธอ
Are you a thief? Cause you stole my heart.เธอเป็นขโมยใช่ไหม เพราะเธอได้โขมยหัวใจของฉันไป
I allow you to stay forever in my heart.ฉันอนุญาตให้เธออยู่ในใจของฉันตลอดไป
I bet not even all the fireworks in the world can light up my world like you do.ฉันพนันได้เลยว่าแม้แต่ดอกไม้ไฟทั้งหมดในโลกก็ไม่สามารถทำให้โลกของฉันสว่างไสวได้เท่าคุณ
I need you like a heart needs a beat.ผมต้องการคุณเหมือนที่หัวใจของผมต้องการจังหวะ
I’m not good at anything… except loving you.ฉันไม่เก่งอะไรเลย… นอกจากการได้รักเธอ
Loving you is like breathing… I just can’t stop.การรักเธอก็เหมือนกับลมหายใจที่ไม่อาจหยุดยั้งได้
You light up my life.เธอทำให้ชีวิตของฉันสดใส
You are my destiny.เธอคือพรหมลิขิตของฉัน
I can’t stop thinking about you.ฉันไม่สามารถหยุดคิดถึงเธอได้เลย
Once I’m with you, nobody else matters.เมื่อฉันอยู่กับเธอ ก็จะไม่มีใครสำคัญอีกต่อไป
Meeting you is the best thing that ever happened to me.การได้พบเธอเป็นสิ่งที่ดีที่สุดที่เคยเกิดขึ้นกับฉัน
I am who I am because of you. You are every reason, every hope, and every dream I’ve ever had.ฉันเป็นตัวของตัวเองเมื่อฉันอยู่กับเธอ เธอคือทุกเหตุผล ความหวัง และทุกความฝันที่ฉันมี
If I know what love is, it is because of you.ถ้าฉันจะรู้ว่ารักคืออะไร นั่นมันก็เป็นเพราะเธอนั่นแหละ
I love you without knowing how, why or even from where.ฉันรักเธอโดยไม่รู้ว่ารักอย่างไร ทำไม หรือแม้แต่รักจากที่ไหน
I don’t know what my future holds, but I’m hoping you are in it.ฉันไม่รู้ว่าอนาคตจะเป็นอย่างไร ฉันแค่หวังว่าฉันจะมีเธออยู่เคียงข้าง
The flirting sentence is that I copied it, but the love for you is sincere.ประโยคจีบคือฉันลอกมาแต่ความรักที่มีให้เธอนั้นมาจากใจจริง
You may only be one person to the world but you may be the world to one person.คุณอาจจะเป็นคนๆหนึ่งในโลกนี้ แต่คุณอาจจะเป็นโลกทั้งใบของคนๆหนึ่งก็ได้
The rain is falling down, then why don’t you fall for me?ฝนตกลงมาแล้ว แล้วทำไมเธอถึงยังไม่ตกหลุมรักฉัน
My life was originally a straight line, just because I met you, I turned sideways.ชีวิตของฉันเป็นเส้นตรงเสมอ แต่เพราะเธอทำให้ฉันหันข้าง
No one gives me that special feeling like you.ไม่มีใครทำให้ฉันรู้สึกพิเศษได้เท่าคุณ
I’m sure I will always love you unconditionally.ฉันมั่นใจว่าฉันจะรักเธอตลอดไปโดยไม่มีเงื่อนไข
No matter who you are, or what you are doing, or who you are with. I will always, honestly, truly, completely, love you.ไม่ว่าคุณจะเป็นใคร กำลังทำอะไร หรืออยู่กับใคร ฉันจะรัก ซื่อสัตย์ จริงใจ กับคุณเสมอ
ประโยคจีบที่น่าประทับใจในภาษาอังกฤษ

คำสารภาพรักและประโยคจีบสั้น ๆ ในภาษาอังกฤษ

ประโยค Flirt จีบ ภาษาอังกฤษความหมาย
Every time I look at you, my soul is dizzy.ทุกครั้งที่ฉันมองเธอวิญญาณของฉันก็หลุดลอยไป
I wonder how my life would be if I hadn’t met you.ฉันสงสัยว่าชีวิตฉันจะเป็นอย่างไรถ้าไม่ได้พบเธอ
Take my hand, take my whole life too.จับมือฉันไว้ แล้วรับชีวิตของฉันไว้ด้วย
When I’m with you, no one else is more important.เมื่อเธออยู่กับฉันไม่มีใครสำคัญไปกว่าเธออีกแล้ว
My heart only calls your name.ใจฉันเรียกแต่ชื่อเธอเท่านั้น
Hey guys! You dropped your lover.ไงพวก เธอทําคนรักของเธอหล่นแล้ว
Morning without you is a dwindled dawn.เช้าที่ไม่มีเธอ คือรุ่งอรุณที่กำลังจะจางหายไป
You remind me of my next boyfriend.เธอทำให้ฉันนึกถึงแฟนในอนาคตของฉัน
Did it hurt when you fell from heaven?ตอนตกลงมาจากสวรรค์เจ็บไหม?
Are you homeless? Why do you stay in my heart forever?เธอไม่มีที่อยู่อาศัยเหรอ? ทำไมเธอถึงอยู่ในใจฉันตลอดอ่ะ
I looked at your face, and my heart jumped all over the place.ทุกครั้งที่ฉันเห็นเธอ หัวใจฉันก็เต้นรัว
I’ve never felt this way about anyone before.ไม่เคยมีใครทําให้ฉันรู้สึกแบบนี้เหมือนเธอ
I wanna be the one holding your heart.อยากเป็นคนเดียวในใจเธอ
Only care about you.ฉันสนใจแค่เธอเท่านั้น
You drive me crazy!เธอทำให้ฉันคลั้งไคล้
You’re my one and only.เธอเป็นคนรักคนเดียวของฉัน
You are too good to be true!เธอคือความฝันในชีวิตของฉันที่เป็นจริง

>>> Read more:

ELSA Pro ไม่จำกัด

14,895 บาท -> 2,644 บาท

ELSA Premium 1 ปี

8,497 บาท -> 4,290 บาท

ประโยคจีบแบบเล่นคําแสนหวานและนุ่มนวล

ประโยคจีบความหมาย
Did you hurt yourself… when you fell from heaven?เจ็บไหม…ตอนเธอตกลงมาจากสวรรค์
I used to think that dreams do not come true, but this quickly changed the moment I laid my eyes on you.ฉันเคยคิดว่าความฝันของฉันคงไม่เป็นจริงจนกว่าฉันได้พบเธอ
It’s said that nothing lasts forever. Will you be my nothing?มีคนบอกว่าไม่มีอะไรเป็นนิรันดร์ งั้นเธอมาเป็น “นิรันดร์” ของฉันได้ไหม?
Even If there wasn’t any gravity on earth, I would still fall for you!แม้ว่าโลกจะไม่มีแรงโน้มถ่วงอีกต่อไป แต่ฉันก็ยังตกหลุมรักเธอ
My eyes need a check-up, I just can’t take them off of you.ฉันอาจต้องตรวจตาเพราะฉันไม่สามารถละสายตาจากเธอได้
Is it hot in here or is it just you?ที่นี่มันร้อนหรือเป็นเพราะเธอกันแน่
My teeth hurt because you are so sweet.ฉันปวดฟันเพราะเธอหวานเกินไป
The word “happiness” starts with H in the dictionary. But my happiness starts with U!ความสุขเริ่มต้นด้วย “H” แต่ความสุขของฉันเริ่มต้นด้วย “U”
Are you a thief? Cause you stole my heart!คุณเป็นขโมใช่ไหม? เพราะเธอขโมยหัวใจของฉันไปแล้ว
We are like a 4-leaf clover. You are the C and I am the R, and there is love between us.เราก็เหมือนโคลเวอร์ 4 แฉก เธอคือ C และฉันคือ R และมี LOVE ระหว่างเรา
If your heart was in prison, I would want to be sentenced to life.หากหัวใจเธอคือคุก ฉันอยากถูกตัดสินประหารชีวิตที่นั้น
There are many ways to be happy, but the fastest way is seeing you.มีหลายวิธีในการค้นหาความสุข แต่วิธีที่เร็วที่สุดคือการมองธอ
Could you smile? I forgot to put sugar in my cafe.เธอหัวเราะได้ไหม ฉันลืมใส่น้ำตาลลงในกาแฟ
Are you tired of keeping going in my mind?เหนื่อยไหมที่ต้องคอยอยู่ในใจฉัน
Do you know which side of my heart? It’s beside you.รู้ไหมว่าใจฉันอยู่ด้านไหน มันอยู่ด้านเธอ
No matter how horrible I feel, when I see your enchanting smile, everything becomes alright.ไม่ว่าฉันจะรู้สึกแย่แค่ไหน แต่เมื่อฉันเห็นรอยยิ้มอันน่าหลงใหลของเธอ ทุกอย่างก็กลายเป็นปกติ
Our love shines in my heart like the Sun that shines upon the Earth.ความรักของเธอส่องอยู่ในใจของฉันเหมือนดวงอาทิตย์ส่องแสงบนโลก
I’ve finished reading the book “10 Ten Thousand Questions Why” but I still can’t answer why I love you.ฉันอ่านหนังสือ “หมื่นคำถาม” แต่ยังตอบไม่ได้ว่าทำไมฉันถึงรักเธอ
I’m trying my best to fall asleep, but I can’t stop thinking about you.ฉันพยายามนอนหลับให้ดีที่สุดแล้วแต่ก็หยุดคิดถึงเธอไม่ได้
If I had a dollar for every time I snicker secretly having you in my mind I think my bank account would show up millions.ถ้าเงินเพิ่มขึ้น 1 ดอลลาร์ทุกครั้งที่ฉันยิ้มเวลานึกถึงเธอ ฉันคิดว่าบัญชีธนาคารของฉันคงจะมีเงินหลายล้านดอลลาร์แล้วแหละ
I think of you only twice a day. That’s when I am alone and when I am with someone else.ฉันคิดถึงคุณแค่วันละสองครั้ง นั่นคือตอนที่ฉันอยู่คนเดียวและตอนที่ฉันอยู่กับคนอื่น
Forget everything that surrounds you. Think that there’s just you and me in this wide world.ลืมทุกสิ่งรอบตัวเธอเถอะ คิดว่ามีเพียงเธอและฉันในโลกใบใหญ่นี้ก็พอ
You are like my morning coffee. You power me through the day.เธอเป็นเหมือนกาแฟยามเช้า เธอทำให้ฉันมีพลังตลอดทั้งวัน
If you live to be a hundred, I wish to live to be a hundred minus one day so I never have to live without you.ถ้าคุณอยู่ถึงร้อยปี ฉันขออยู่หนึ่งร้อยลบสักวันหนึ่ง จะได้ไม่ต้องอยู่โดยไม่มีคุณ
I wish I were your mirror so I could look at your charming glamorous self every morning.ฉันอยากเป็นกระจกของเธอ จะได้มองเห็นเสน่ห์ของเธอทุกเช้า
I always have many roads to go, but I take the one which leads to you.ฉันมักจะมีเส้นทางมากมายให้เดินไป แต่ฉันจะเลือกเส้นทางที่ไปสู่เธอ
Could you stop being so alluring? You’re driving me crazy.เธอหยุดมีเสน่ห์แบบนี้ได้ไหม เธอกำลังทำให้ฉันเป็นบ้า
There is no word in the dictionary that can explain your type of fascinating beauty.ไม่มีคำใดในพจนานุกรมที่สามารถอธิบายความงามอันมีเสน่ห์ของเธอได้
If there was a flower for every time I thought of you, I could walk in my garden forever.ถ้ามีดอกไม้ทุกครั้งที่คิดถึงเธอ ฉันจะเดินเล่นในสวนของฉันตลอดไป
You are just a gentle breeze. But my love for you is much stronger than a storm!เธอเป็นแค่สายลมที่อ่อนโยน แต่ความรักที่ฉันมีต่อเธอนั้นแข็งแกร่งยิ่งกว่าพายุ
I feel like my tooth hurts because you’re so sweet.ฉันปวดฟันเพราะเธอหวานเกินไป
I am good with directions, but I get lost under your ocean eyes every time.แม้ว่าฉันจะมีแผนที่หรือเข็มทิศ ฉันก็หนีไม่พ้นเสน่ห์แห่งดวงตาของเธอ
It’s cold outside, but maybe you don’t feel cold because you’re in my heart.ข้างนอกหนาวมากแต่ฉันไม่รู้สึกหนาวเลยเพราะฉันกําลังอยู่ในใจเธอแล้ว
ประโยคจีบแบบเล่นคําแสนหวานและนุ่มนวล

วิธีตอบสนองต่อการจีบภาษาอังกฤษ

ตอบรับการจีบด้วยการตกลง

วิธีตอบสนองความหมายตัวอย่าง
I’m totally into…ฉันชอบเขาจริงPeter: He was flirting with you! (เขากำลังจีบคุณอยู่)
Emma: I know, I’m totally into him. (ฉันรู้ ฉันก็ชอบเขาจริงๆ)
We are meant for each other or we are meant to beเราถูกสร้างมาเพื่อกันและกันYou know I’m glad we have been talking these past few days. I really think we may be meant to be (คุณก็รู้ว่าฉันดีใจที่เราได้พูดคุยกันในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา ฉันคิดว่าเราถูกสร้างมาเพื่อกันและกันจริง ๆ)
I’m falling for youฉันหลงรักเธอPeter: I think I’m falling for you.(ฉันคิดว่าฉันหลงรักเธอเข้าแล้ว)
Emma: Me too.(ฉันก็เหมือนกัน)
Get togetherพบกันLouis: I’d like to get together sometime. (ฉันอยากพบคุณสักวันหนึ่ง)
Mia: How are you still single? I’d date you if I had the chance. (ทําไมคุณยังโสดอยู่ ฉันจะเดทกับคุณถ้าฉันมีโอกาส)
วิธีตอบสนองต่อการจีบภาษาอังกฤษ

ตอบรับการจีบด้วยการปฏิเสธ

วิธีตอบสนองความหมายตัวอย่าง
Sorry, not interestedขอโทษ ฉันไม่สนใจI’m sorry, but I’m not interested: ขอโทษ แต่ฉันไม่สนใจ
ถ้าคุณอยู่ในสถานการณ์ที่เป็นทางการและต้องการปฏิเสธอย่างสุภาพมากขึ้น ให้พูดว่า “I appreciate the compliment but I’m not really looking for a relationship right now.” (ฉันขอขอบคุณสําหรับคำชมของคุณ แต่ฉันไม่ได้มองหาความสัมพันธ์ในขณะนี้)
Get lostไปให้พ้น/ไปซะนี่เป็นวิธีปฏิเสธที่ค่อนข้างรุนแรงและหยาบคายเมื่อคุณไม่ต้องการได้รับความสนใจหรือจีบจากผู้อื่น คำตอบนี้แสดงว่าคุณต้องการให้บุคคลนั้นหนีไปให้ไกล ไปที่ไหนสักแห่ง และไม่ต้องการให้พวกเขารบกวนคุณอีกต่อไป
ตัวอย่าง: 
Peter: How about I buy you a drink? (ผมขอซื้อน้ำให้คุณได้ไหม?) 
Mia: Get lost. (ไปให้พ้นซะ)

>>> Read more:

บทความข้างต้นคือการรวบรวมประโยคจีบภาษาอังกฤษเพื่อให้คุณสามารถนําไปประยุคต์ใช้ในสถานการณ์จริงได้ นอกจากนี้อย่าลืมเข้ามาที่ ELSA Speak เป็นประจำเพื่อเรียนรู้การสื่อสารและคำศัพท์ภาษาอังกฤษทุกวันกันนะ

Causative verbs คือคำกริยาที่ก่อให้เกิดการกระทำอื่น และใช้บ่อยในภาษาอังกฤษ โครงสร้างและวิธีใช้คำกริยา causative เป็นอย่างไร? มาค้นหาคำตอบกับ ELSA Speak ด้านล่างนี้กันเลย!

Causative verbs คืออะไร?

Causative verbs เป็นคำกริยาในภาษาอังกฤษที่ใช้ในการบอกให้ใครบางคนหรือสิ่งใดสิ่งหนึ่งทำการกระทำบางอย่าง เข้าใจง่าย ๆ คำกริยา causative คือคำกริยาที่ก่อให้เกิดการกระทำอื่น แสดงความสัมพันธ์เชิงสาเหตุ – ผลลัพธ์ โดยที่ประธานของประโยคเป็นผู้ก่อให้เกิดการกระทำต่อวัตถุหรือบุคคลอื่น

คำกริยา causative ในภาษาอังกฤษประกอบด้วย: Have (ทำให้) Get (ทำให้) Make (ทำให้) Let (ให้) Allow (อนุญาต) Persuade (โน้มน้าว) Remind (เตือน) Tell (บอก) Motivate (กระตุ้น) Assist (ช่วยเหลือ)…

Causative verbs ตัวอย่างประโยค:

causative verbs คืออะไร

โครงสร้างและวิธีการใช้ causative verbs ที่พบบ่อย

Let

คำกริยา causative “Let” มักใช้เพื่อบอกถึงการอนุญาตหรือให้ใครบางคนทำการกระทำบางอย่าง

โครงสร้าง:

S + let + somebody/something + V-inf

ตัวอย่าง:

causative verb การใช้

Make, Force, Require

Make Force Require ล้วนมีความหมายว่า บังคับให้ใครบางคนทำบางอย่าง ดังนี้:

MakeForceRequire
ความหมายบังคับ/ขอให้ใครบางคนกระทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งที่พวกเขาไม่ชอบ
โครงสร้างS + make + O + VS + force + O + to + VS + require + O + to + V
ตัวอย่างDo you want to make me change my mind? (คุณต้องการที่จะให้ฉันเปลี่ยนใจหรือไม่?)You can’t force Linda to make a quick decision. (คุณไม่สามารถบังคับให้ลินดาตัดสินใจอย่างรวดเร็ว)The teacher requires students to hand in homework. (ครูต้องการให้นักเรียนส่งการบ้าน)
causative verbs Make, Force, Require

Make

คำกริยา causative “Make” ใช้เพื่อบอกถึงการบังคับหรือทำให้ใครบางคนหรือสิ่งใดสิ่งหนึ่งทำการกระทำบางอย่าง

โครงสร้าง:

S + make + somebody/something + V-inf

ตัวอย่าง:

causative verbs  ตัวอย่างประโยค

Get

“Get” เป็นคำกริยา causative ที่ใช้บ่อยเพื่อบอกถึงการทำให้ใครบางคนทำการกระทำบางอย่าง (คล้ายกับ Have)

ประโยคที่ประธานเป็นผู้กระทำ:

S + get + somebody + to + V-inf

ประโยคที่ประธานเป็นผู้ถูกกระทำ:

S + get + something + V3/Ved

ตัวอย่าง:

คำกริยา causative Get

Have

Have ใช้เพื่อบอกถึงการทำให้หรือให้ใครบางคนทำการกระทำบางอย่าง เราสามารถใช้ Have ในโครงสร้าง active หรือ passive ได้

ประโยคที่ประธานเป็นผู้กระทำ: 

S + have + somebody + V-inf

ประโยคที่ประธานเป็นผู้ถูกกระทำ:

S + have + something + V3/Ved

ตัวอย่าง:

causative verbs ตัวอย่างประโยค

>>> Read more: การใช้ have has และ had ที่ง่ายที่สุดและเข้าใจดี

Help

คำกริยา causative Help ใช้เพื่อบอกถึงการช่วยหรือสนับสนุนใครบางคนทำการกระทำบางอย่าง

โครงสร้าง:

S + help + somebody + (to) + V-inf

ตัวอย่าง:

Help causative verbs ตัวอย่างประโยค

Permit / Allow

คำกริยา permit/allow ใช้เพื่อบอกถึงการอนุญาตให้ใครบางคนทำบางอย่าง

โครงสร้าง:

S + permit / allow(s) + someone + to V-inf (กริยาอนันต์)

ตัวอย่าง:

causative verbs โครงสร้าง

Keep

คำกริยา causative keep มีความหมายว่า เก็บหรือรักษาบางอย่างไว้

โครงสร้าง:

S + keep (s) + someone + to  V-inf

ตัวอย่าง:

causative verbs สรุป Keep

แบบฝึกหัดเกี่ยวกับ Causative verbs (คำกริยา causative)

แบบฝึกหัด

แบบฝึกหัด 1: เติมคำกริยาเพื่อให้ประโยคต่อไปนี้สมบูรณ์ที่สุด:

1. He let his assistant _____ (take) charge of the projects from last month.

2. The company had its products _____ (test) by independent laboratories for quality assurance yesterday.

3. My father helped his neighbor _____ (fix) a broken fence yesterday.

4. In the coming months, they will have their website _____ (redesign).

5. By the time the students graduate, the school lets them _____ (engage) in community projects.

6. The manager has his team _____ (brainstorm) ideas for process improvement every Monday.

7. Next month, they will have their facilities _____ (upgrade) to meet the latest safety standards.

8. During his tenure as CEO, he got the company’s policies _____ (review) by legal experts.

9. Next year, they will let their team members _____ (choose) projects they are passionate about.

10. Next year, they will get an architect _____ (redesign) their office.

แบบฝึกหัด 2: เลือกคำตอบที่ถูกต้องที่สุด

1. She …………… that he wouldn’t tell anyone.

A. made him promise

B. made him promised

C. promise to make 

2. Does your tooth still hurt? Yes, I have to get a dentist …….soon. 

A. look at it 

B. to look at it 

C. to get it looked at 

3. I…………. a couple of days ago. 

A. had my bike to be fixed

B. had my bike fix 

C. had my bike fixed 

4. I will not ………… with this!

A. allow you get away 

B. Let you get away 

C. To let you get away

5. Don’t ……these things about you!

A. let him say 

B. let him to say 

C. let him said

6. The movie………..sad.

A. made to feel 

B. made him feel 

C. made him to feel 

7. I ……………from my other address.

A. get my mail forward

B. get my mail to forward 

C. get my mail forwarded

8. Have your assistant …….these letters immediately!

A. to send

B. send

C. to be sent

9. He…………yesterday.

A. had his hair cut 

B. had his hair to be cut 

C. had hair to be cut 

10. The professor …………early.

A. to let the students leave

B. let the student leave 

C. let the student to leave 

>>> Read more: 

คำตอบ

แบบฝึกหัด 1:

1. take2. tested3. (to) fix4. redesigned5. engage
6. brainstorm7. upgraded8. reviewed9. choose10. to redesign

แบบฝึกหัด 2:

1. A2. B3. C4. B5. A6. B7. C8. B9. A10. B

ข้างต้นคือวิธีการใช้คำกริยา causative (Causative verbs) ทั้งหมดที่นำมาให้คุณ หวังว่าบทความข้างต้นจะช่วยให้คุณเข้าใจคำกริยานี้มากขึ้น นอกจากนี้ อย่าลืมเข้าชม ELSA Speak เป็นประจำเพื่อเรียนภาษาอังกฤษในทุกวันนะ!

การบรรยายบุคคล (Describing people) เป็นหัวข้อที่คุ้นเคยในการสื่อสารในชีวิตประจำวัน อย่างไรก็ตาม มีคำคุณศัพท์ไหนบ้างที่บรรยายรูปร่าง ผิว นิสัยของคน หรือ บุคลิกภาพ ภาษาอังกฤษ มาค้นหาคำตอบกับ ELSA Speak ด้วยบทความด้านล่างนี้กันเลย

การบรรยายลักษณะรูปร่างในภาษาอังกฤษ

Describing people คำศัพท์คำอ่านความหมาย
Fat/fæt/อ้วน
Athletic/æθˈletɪk/มีร่างกายที่แข็งแรง
Overweight/əʊvəˈweɪt/น้ำหนักเกิน
Obese/əʊˈbiːs/อ้วนเกินไป
Chubby/ˈtʃʌbi/อวบ จ้ำม่ำ
Curvaceous/kɜːˈveɪʃəs/ส่วนเว้าส่วนโค้ง
Hour-glass figure/ˈaʊəɡlɑːs ˈfɪɡə(r)/หุ่นนาฬิกาทราย
Slim/slɪm/ผอมบาง
Thin/θɪn/ผอมแห้ง
Skinny/ˈskɪni/ผอมบาง
Statuesque/ˌstætʃuˈesk/สง่างาม
Tall/tɔːl/สูง
Short/ʃɔːt/เตี้ย
Well-built/ˌwel ˈbɪlt/หุ่นดี

Describing people ตัวอย่าง : 

He looks so young that I can not believe that he is a middle-aged man. (เขาดูเด็กมากจนฉันแทบไม่เชื่อว่าเขาเป็นผู้ชายวัยกลางคน)

describing people คำศัพท์ การบรรยายลักษณะรูปร่าง

การบรรยายลักษณะผิวหนังในภาษาอังกฤษ

Describing people คำศัพท์คำอ่านความหมาย
Brown-skinned/braʊn-skɪnd/ผิวสีน้ำตาล
Dark-skinned/dɑːk-skɪnd/ผิวสีเข้ม
Fair- skinned/feə– skɪnd/ผิวขาว
Fawn-skinned/fɔːn-skɪnd/ผิวสีเหลืองอมน้ำตาล
Lily-white skin/ˈlɪlɪˈwaɪt skɪn/ผิวขาวออร่า
Olive-skinned/ˈɒlɪv-skɪnd/ผิวดำแดง
Pale-skinned/peɪl-skɪnd/ผิวขาวซีด
Russet-skinned/ˈrʌsɪt-skɪnd/ผิวสีน้ำตาลอมแดง
Tan-skinned/ˈrʌsɪt-skɪnd/ผิวสีแทน
Tawny-skinned/ˈtɔːni-skɪnd/ผิวสีน้ำตาลอมส้ม
Yellow-skinned/ˈjɛləʊ-skɪnd/ผิวสีเหลือง
Rough-skinned/’rʌf-skɪnd/ผิวหยาบกร้าน
Smooth-skinned/’smuːð-skɪnd/ผิวเนียน
Dry-skinned/’draɪ-skɪnd/ผิวแห้ง

Describing people ตัวอย่าง :  He had a tawny-skinned complexion that glowed under the summer sun. (เขามีผิวสีน้ำตาลอมเหลืองเปล่งประกายภายใต้แสงแดดฤดูร้อน)

ELSA Pro ไม่จำกัด

14,895 บาท -> 2,644 บาท

ELSA Premium 1 ปี

8,497 บาท -> 4,290 บาท

การบรรยายอายุในภาษาอังกฤษ

คำศัพท์คำอ่านความหมาย
Baby/ˈbeɪbi/ทารก
ChildChildren/tʃaɪld//ˈtʃɪldrən/เด็ก
Teenager/ˈtiːneɪdʒər/วัยหนุ่มสาว
Adolescent/ædəˈlesənt/วัยรุ่น
Adult/ˈædʌlt/ผู้ใหญ่
Middle-aged/mɪdəlˈeɪdʒd/วัยกลางคน
Senior citizen/ˈsiːniər ˈsɪtɪzən/ผู้สูงอายุ
Elderly/ˈeldəli/อาวุโส
Young/jʌŋ/เด็ก
Old/əʊld/แก่

ตัวอย่าง: She is a young and energetic teacher who inspires her students every day (เธอเป็นครูที่อายุน้อยและกระตือรือร้นซึ่งเป็นแรงบันดาลใจให้นักเรียนของเธอทุกวัน)

describing people

การบรรยายลักษณะใบหน้าในภาษาอังกฤษ

คำศัพท์ภาษาอังกฤษเกี่ยวกับการบรรยายลักษณะใบหน้า

คำศัพท์คำอ่านความหมาย
Birth-mark/ˈbɜːθmɑːk/ปาน
Clean-shaven/kliːn-ˈʃeɪvᵊn/ไม่มีหนวด
Diamond-shaped/ˈdaɪəmənd-ʃeɪpt/ใบหน้ารูปเพชร
Dimple (in the cheeks or chin)/ˈdɪmpᵊl/ลักยิ้ม (บนแก้มหรือคาง)
Freckle-faced/ˈfrɛkᵊl-feɪst/มีกระ
Gaunt  face/ɡɔːnt feɪs/ผอมแห้ง
Heart-shaped /hɑːt-ʃeɪpt /ใบหน้ารูปหัวใจ
High cheekbones/haɪ ˈʧiːkbəʊnz/โหนกแก้มสูง
Oblong/ˈɒblɒŋ/ใบหน้ายาว
Oval face/ˈəʊvᵊl feɪs/ใบหน้ารูปไข่
Rectangular face/rɛkˈtæŋɡjələ feɪs/ใบหน้าทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้า
Round face/raʊnd feɪs/ใบหน้าทรงกลม
Square face/skweə feɪs/ใบหน้าเหลี่ยม
Square-jawed/skweə-ʤɔːd/กรามใหญ่
Sunken cheeks/ˈsʌŋkən ʧiːks/แก้มตอบ
Triangle-shaped face/ˈtraɪæŋɡᵊl-ʃeɪpt feɪs/ใบหน้าสามเหลี่ยม
Wrinkly /ˈrɪŋkli/มีรอยยับ

ตัวอย่าง: My sister has an oval face with a straight nose, big eyes and a small mole on her cheek. She has long hair and she often wears a ponytail. (น้องสาวของฉันมีใบหน้ารูปไข่ จมูกโด่ง ตาโต และมีไฝเล็กๆ บนแก้ม เธอมีผมยาวและมักมัดผมหางม้า)

describe people's appearance

คำศัพท์บรรยายเส้นผมในภาษาอังกฤษ

คำศัพท์คำอ่านความหมาย
a Mohican / Mohawk/ə məʊˈhiːkᵊn/ /ˈməʊhɔːk/ทรงผมโมฮอว์ก
a receding hairline/ə rɪˈsiːdɪŋ ˈheəlaɪn/ไรผม
a red-head/ə rɛd-hɛd/ผมสีแดง
a shaved head/ə ʃeɪvd hɛd/โกนผม
Bald/bɔːld/หัวโล้น
Blonde hair/blɒnd heə/ผมสีบลอนด์
Bob/bɒb/ผมบ๊อบ
Bun/bʌn/มวยผม
Cornrows/kɔːnrəʊz/ถักเปียรอบหัว
Coarse hair/kɔːs heə/ผมเส้นใหญ่และหนา
Copped hair/kɒpt heə/ผมสั้นเกรียน
Curly hair/ˈkɜːli heə/ผมหยิก
Dreadlocks/ˈdrɛdˌlɒk/ทรงผมเดรดร็อคส์

French braid

/frɛnʧ breɪd/
เปียตะขาบ
Fishtail braids/ˈfɪʃteɪl breɪdz/เปียก้างปลา
Fringe/frɪnʤ/ผมหน้าม้า
Grey hair/ɡreɪ heə/ผมหงอก

Flat top

/flæt tɒp/
ทรงลานบิน
Jet- black hair/ʤɛt– blæk heə/ผมสีดำสนิท
Layered hair/leəd heə/ผมซอยมีเลเยอร์
Long/short hair/lɒŋ / ʃɔːt heə/ผมยาว/สั้น
Pigtail/ˈpɪɡteɪl/ผมแกละ
Plait/plæt/ผมเปีย
Ponytail/ˈpəʊnɪteɪl/ผมหางม้า
Shoulder-length/ˈʃəʊldə-lɛŋθ/ผมยาวปะบ่า
Sideburns/ˈsaɪdbɜːnz/จอนหู
Sleek hair/sliːk heə/ผมเงาสลวย
Spiky hair/ˈspaɪki heə/ทรงตั้งแหลม
Straight hair/streɪt heə/ผมตรง
Thick hair/θɪk heə/ผมหนา
Undercut/ˈʌndəkʌt/ทรงผมเปิดข้าง
wavy hair/ˈweɪvi heə/ผมลอน

ตัวอย่าง: She has long, straight, jet-black hair that always shines brightly under the sunlight. (เธอมีผมยาวตรงสีดำสนิทที่ส่องแสงเจิดจ้าภายใต้แสงแดด)

คำศัพท์บรรยายหูในภาษาอังกฤษ

คำศัพท์คำอ่านความหมาย
Attached lobe/əˈtæʧt ləʊb/ใบหูที่ติดแนบกับหัว
Broad ears / narrow ears/brɔːd ɪəz //ˈnærəʊ ɪəz/หูกาง / หูชิด
Cauliflower ears/ˈkɒlɪflaʊər ɪəz/หูดอกกะหล่ำ หูที่ผิดรูปเนื่องจากได้รับบาดเจ็บ (โดยเฉพาะจากการชก)
Earlobe/ˈɪələʊb/ติ่งหู
Large / small ears/lɑːʤ / smɔːl ɪəz/หูใหญ่/หูเล็ก
Pointed ears/ˈpɔɪntɪd ɪəz/หูแหลม
Prominent / protruding  / sticking-out  /bat ears /ˈprɒmɪnənt / /prəˈtruːdɪŋ / /ˈstɪkɪŋ-aʊt / /bæt ɪəz /หูยื่น หูค้างคาว ยื่นออกมาจากศีรษะเกิน 2 ซม
Round-shaped ears/raʊnd-ʃeɪpt ɪəz/หูกลม
Sharp ears/ʃɑːp ɪəz/หูดี
Split earlobes/splɪt ˈɪələʊbz/ติ่งหูแยกออกจากกัน อาจเกิดจากการใส่ต่างหูที่ใหญ่เกินไปหรือหนักเกินไป 
Square ears/skweər ɪəz/หูเหลี่ยม

Describing people ตัวอย่าง :  His earlobes were attached and his ears were broad, giving him a distinctive look. They were not pointed or cauliflower ears, but rather large and round-shaped, slightly protruding from his head. (ใบหูของเขาติดอยู่กับหัวและหูของเขากางทำให้เขามีรูปลักษณ์ที่โดดเด่น หูของเขาไม่ได้แหลมหรือคล้ายหูดอกกะหล่ำ แต่ค่อนข้างใหญ่และกลม ยื่นออกมาจากหัวของเขานิดหน่อย)

describing people คำศัพท์

คำศัพท์บรรยายจมูกในภาษาอังกฤษ

คำศัพท์คำอ่านความหมาย
Big nose/bɪɡ nəʊz/จมูกใหญ่
Broad nose / narrow nose/brɔːd nəʊz/ /ˈnærəʊ nəʊz/จมูกกว้าง / จมูกแคบ
Bulbous nose /bʌlbəs nəʊz/จมูกทรงชมพู่
Button nose / snub nose/ˈbʌtᵊn nəʊz //snʌb nəʊz/จมูกสั้นและเชิด
Crooked nose/krʊkt nəʊz/จมูกแหมบ
Fleshy nose/ˈflɛʃi nəʊz/จมูกเนื้อใหญ่และกว้างมีสันจมูกโด่ง
Hawk nose/hɔːk nəʊz/จมูกเหยี่ยว
Hooked nose/hʊkt nəʊz/จมูกโด่ง
Long nose/lɒŋ nəʊz/จมูกยาว
Pointed nose/ˈpɔɪntɪd nəʊz/จมูกแหลม
Pug nose/pʌɡ nəʊz/จมูกงอนสั้นและกว้าง
Roman nose/ˈrəʊmən nəʊz/จมูกโด่ง
Straight nose/streɪt nəʊz/สันจมูกยาว ตรง
Upturned nose/ʌpˈtɜːnd nəʊz/จมูกเชิด

ตัวอย่าง: Her nose was small and delicate, with a slight curve that gave her a charming look. (จมูกของเธอเล็กและงอน มีความโค้งเล็กน้อยที่ทำให้เธอดูมีเสน่ห์)

คำศัพท์บรรยายลักษณะดวงตาในภาษาอังกฤษ

คำศัพท์คำอ่านความหมาย
Alluring/əˈljʊərɪŋ/ดวงตามีเสน่ห์
Black, blue, brown eyes/blæk, bluː, braʊn aɪz/ตาสีดำ ฟ้า น้ำตาล
Big eyes/bɪɡ aɪz/ตาโต
Close-set eyes/kləʊz-sɛt aɪz/ตาชิด
Dreamy/ˈdriːmi/ดวงตาชวนฝัน
Expressive/ɪksˈprɛsɪv/ดวงตาที่บ่งบอกถึงความลึกซึ้ง
Glittering/ˈɡlɪtərɪŋ/วาววับ
Hazel eyes/ˈheɪzᵊl aɪz/ตาสีน้ำตาล
Hawk-eyed/ˈhɔːkaɪd/ตาที่แหลมคมเหมือนตาเหยี่ยว
Luminous/ˈluːmɪnəs/ดวงตาเปล่งประกาย
Mesmerizing/ˈmɛzməraɪzɪŋ/ดวงตาชวนให้หลงใหล
Pop-eyed/ˈpɒpaɪd/(1) ตาโปน; (2) ดวงตาเบิกกว้าง กลมโตด้วยความประหลาดใจ
Soulful/ˈsəʊlfʊl/ดวงตาเต็มไปด้วยความรู้สึก
Sparkling/ˈspɑːklɪŋ/วิบวับ
Sunken eyes/sʌŋkən aɪz/เบ้าตาลึก

ตัวอย่าง: Her eyes were mesmerizing, with a luminous hazel hue that seemed to sparkle in the sunlight. (ดวงตาของเธอช่างน่าหลงใหลด้วยสีน้ำตาลแดงที่ส่องสว่างซึ่งดูเหมือนเป็นประกายเมื่อถูกแสงแดด)

คำศัพท์บรรยายลักษณะดวงตาในภาษาอังกฤษ

คำศัพท์บรรยายฟันในภาษาอังกฤษ

คำศัพท์คำอ่านความหมาย
Crooked teeth/krʊkt tiːθ/ฟันเก
Even/regular teeth/ˈiːvᵊn/ /ˈrɛɡjələ tiːθ/ฟันเรียบและตรง
Gap-toothed/ɡæp-tuːθt/ฟันห่าง

ตัวอย่าง: Her teeth were even and regular, with no gaps or crookedness, giving her a bright and confident smile. (เธอมีฟันเรียบและตรงและไม่มีช่องว่างหรือฟันเก ทำให้เธอมีรอยยิ้มที่สดใสและมั่นใจ)

คำศัพท์บรรยายริมฝีปากในภาษาอังกฤษ

คำศัพท์คำอ่านความหมาย
Bow-shaped lips/bəʊ-ʃeɪpt lɪps/ริมฝีปากรูปโบว์
Curved lips/kɜːvd lɪps/ริมฝีปากโค้ง
Full lips/fʊl lɪps/ริมฝีปากอวบอิ่ม

Goldilocks lips

/ˈɡəʊldɪlɒks lɪps/
ริมฝีปากแบบปกติไม่ได้หนาและบางมีลักษณะทั่วๆไป
Heart-shaped lips/hɑːt-ʃeɪpt lɪps/ทรงปากรูปหัวใจ
Pursed lips/pɜːst lɪps/ปากจู๋
Round lips/raʊnd lɪps/ริมฝีปากกลม
Thin lips/θɪn lɪps/ริมฝีปากบาง
Small mouth/smɔːl maʊθ/ปากเล็ก
Make a lip/tuː meɪk ə lɪp/ทำปาก
Upper lip / lower lip/ˈʌpə lɪp / ˈləʊə lɪp/ริมฝีปากบน / ริมฝีปากล่าง
Wide lips/waɪd lɪpsริมฝีปากกว้าง

ตัวอย่าง : Her lips were full and heart-shaped, with a natural pinkish hue that made them look even more inviting. (เธอมีริมฝีปากอวบอิ่มและเป็นรูปหัวใจ มีสีชมพูอ่อนๆ ตามธรรมชาติที่ทำให้ดูมีเสน่ห์ยิ่งขึ้น)

การบรรยายลักษณะอื่นๆ ในภาษาอังกฤษ

คำศัพท์คำอ่านความหมาย
In glasses/in ɡlɑːs/ใส่แว่นตา
With dimples/ˈdɪmpl/มีลักยิ้ม
Wrinkles/ˈrɪŋkl/มีริ้วรอย
Scar/skɑː(r)/แผลเป็น
Mole/məʊl/ไฝ
Birthmark/ˈbɜːθmɑːk/ปาน
Beard/bɪəd/หนวดเครา
Moustache/ˈmʌstæʃ/หนวด

ตัวอย่าง: He is a man in glasses, with a charming smile that reveals dimples on his cheeks. His face shows a few wrinkles, a scar near his eyebrow, and a distinctive mole on his chin. (เขาเป็นผู้ชายใส่แว่นและมีรอยยิ้มที่มีเสน่ห์ซึ่งเผยให้เห็นลักยิ้มบนแก้มของเขา ใบหน้าของเขามีริ้วรอยเล็กน้อย มีแผลเป็นบริเวณคิ้ว และมีไฝที่เด่นชัดบนคาง)

คำศัพท์เกี่ยวกับเสื้อผ้าและสไตล์

คำศัพท์คำอ่านความหมาย
Dressed to kill/drɛst tuː kɪl/แต่งตัวสวยมาก
Elegant /ˈɛlɪɡᵊnt/งดงาม
Fashionable/ˈfæʃᵊnəbᵊl/ตามแฟชั่น
Have good dress sense / have a sense of style/hæv ɡʊd drɛs sɛns / hæv ə sɛns ɒv staɪl/มีรสนิยมการแต่งตัวดี /มีสไตล์เป็นของตัวเอง
Presentable/prɪˈzɛntəbᵊl/เรียบร้อย
Scruffy/ˈskrʌfi/สกปรก
Stylish/ˈstaɪlɪʃ/ทันสมัย
Trendy/ˈtrɛndi/ตามกระแส
Unkempt/ʌnˈkɛmpt/ไม่มีระเบียบ สกปรก
Well-groomed/ˌwɛlˈɡruːmd/สะอาดหมดจด เรียบร้อยดี

ตัวอย่าง: She is dressed to kill, always elegant and fashionable.(เธอแต่งตัวสวยมาก สง่างามและทันสมัยอยู่เสมอ)

การบรรยายอารมณ์เป็นภาษาอังกฤษ

คำศัพท์คำอ่านความหมาย
Smile/smaɪl/ยิ้ม
Frown/fraʊn/ขมวดคิ้ว
Grin/ɡrɪn/ยิ้มเห็นไรฟัน
Grimace/ɡrɪˈmeɪs/หน้าตาบูดบึ้ง
Scowl/skaʊl/หน้าบึ้ง
Laugh/lɑːf/หัวเราะ
Pout/paʊt/หน้ามุ่ย
Sulk/sʌlk/บูดบึ้ง

ตัวอย่าง: He has a warm smile that lights up his face whenever he laughs. (เขามีรอยยิ้มที่อบอุ่นและทำให้ใบหน้าของเขาสดใสทุกครั้งที่เขาหัวเราะ)

คำคุณศัพท์บรรยายลักษณะนิสัยบุคคลในภาษาอังกฤษ

describe your character and personality in English
คำศัพท์คำอ่านความหมาย
Adventurous/ədˈvɛntʃərəs/ชอบผจญภัย
Affable/ˈæfəbl/เป็นมิตร
Affectionate/əˈfɛkʃənət/เมตตา
Agreeable/əˈɡriːəbl/น่าคบ
Altruistic/ˌæltruˈɪstɪk/เห็นแก่ผู้อื่น
Ambitious/æmˈbɪʃəs/ทะเยอทะยาน
Amiable/ˈeɪmiəbl/มีไมตรีจิต
Amicable/ˈæmɪkəbl/เป็นกันเอง
Amusing/əˈmjuːzɪŋ/ขบขัน
Artistic/ɑːrˈtɪstɪk/ชอบศิลปะ
Brave/breɪv/กล้าหาญ
Bright/braɪt/ฉลาด
Broad-minded/ˌbrɔːd ˈmaɪndɪd/ใจกว้าง
Calm/kɑːm/ใจเย็น
Careful/ˈkɛrfl/ระมัดระวัง
Caring/ˈkɛrɪŋ/ใส่ใจ
Charismatic/ˌkærɪzˈmætɪk/มีพรสวรรค์
Charitable/ˈtʃærɪtəbl/เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ ใจบุญ
Charming/ˈtʃɑːrmɪŋ/มีเสน่ห์ดึงดูด
Chatty/ˈtʃæti/ช่างคุย
Cheerful/ˈtʃɪrfl/ร่าเริง
Clever/ˈklɛvər/ชาญฉลาด
Collaborative/kəˈlæbərətɪv/ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน
Communicative/kəˈmjuːnɪkətɪv/ชอบพูด
Compassionate/kəmˈpæʃənət/ใจบุญใจกุศล
Compassionate/kəmˈpæʃənət/มีความสงสาร มีความเห็นอกเห็นใจ
Conscientious/ˌkɑːnʃiˈɛnʃəs/รอบคอบ
Considerate/kənˈsɪdərət/มีน้ำใจ
Considerate/kənˈsɪdərət/นึกถึงผู้อื่น
Convivial/kənˈvɪviəl/สนุกสนานรื่นรมย์
Cooperative/koʊˈɑːpərətɪv/ร่วมมือกัน
Courageous/kəˈreɪdʒəs/กล้าหาญ
Courteous/ˈkɔːrtiəs/มีมารยาท
Creative/kriːˈeɪtɪv/ความคิดสร้างสรรค์
Creative/kriˈeɪtɪv/ความคิดสร้างสรรค์
Decisive/dɪˈsaɪsɪv/เด็ดขาด
Dependable/dɪˈpɛndəbəl/เชื่อถือได้
Determined/dɪˈtɜːrmɪnd/เด็ดเดี่ยว
Diligent/ˈdɪlɪdʒənt/ขยัน
Diligent/ˈdɪlɪdʒənt/ขยัน
Diplomatic/ˌdɪpləˈmætɪk/การทูต / ฉลาด
Diplomatic/ˌdɪpləˈmætɪk/มีทักษะในการสื่อสาร
Discreet/dɪˈskriːt/สุขุมรอบคอบ
Dynamic/daɪˈnæmɪk/คล่องแคล่ว
Easy-going/ˌiːzi ˈɡoʊɪŋ/ง่ายๆ สบายๆ
Efficient/ɪˈfɪʃənt/มีประสิทธิภาพ
Efficient/ɪˈfɪʃənt/มีประสิทธิภาพ
Emotional/ɪˈmoʊʃənəl/ควบคุมอารมณ์ได้
Empathetic/ɛmˌpæθˈɛtɪk/เห็นอกเห็นใจ
Energetic/ˌɛnərˈdʒɛtɪk/กระตือรือร้น
Enthusiastic/ɪnˌθuziˈæstɪk/กระตือรือร้น
Extroverted/ˌɛkstroʊˈvɜrtd/คนเปิดเผย
Exuberant/ɪɡˈzuːbərənt/บริสุทธิ์
Fair-minded/fɛr ˈmaɪndɪd/ยุติธรรม
Faithful/ˈfeɪθfəl/ซื่อสัตย์
Fearless/ˈfɪrləs/กล้าหาญ
Forceful/ˈfɔːrsfəl/เข้มแข็ง
Frank/fræŋk/ตรงไปตรงมา
Friendly/ˈfrɛndli/เป็นมิตร
Funny/ˈfʌni/ตลก
Generous/ˈdʒɛnərəs/ใจกว้าง
Gentle/ˈdʒɛntəl/อ่อนโยน
Giving/ˈɡɪvɪŋ/ใจดี
Giving/ˈɡɪvɪŋ/ใจดี
Good/ɡʊd/ดี
Gregarious/ɡrɪˈɡɛəriəs/เข้ากับคนง่าย
Hardworking/ˌhɑːrdˈwɜːrkɪŋ/ขยัน
Hardworking/ˈhɑːrdwɜːrkɪŋ/ขยัน
Helpful/ˈhɛlpfəl/ชอบช่วยเหลือคนอื่น
Helpful/ˈhɛlpfəl/ชอบช่วยเหลือคนอื่น
Hilarious/hɪˈlɛriəs/ตลกขบขัน
Honest/ˈɑːnɪst/ซื่อสัตย์
Honest/ˈɑːnɪst/ซื่อสัตย์
Humorous/ˈhjuːmərəs/ตลก
Imaginative/ɪˈmædʒənətɪv/มีความคิดสร้างสรรค์
Impartial/ɪmˈpɑːrʃəl/ยุติธรรม
Independent/ˌɪndɪˈpɛndənt/รักอิสระ
Industrious/ɪnˈdʌstriəs/ขยันหมั่นเพียร
Innovative/ˈɪnəveɪtɪv/มีความคิดล้ำสมัย
Intellectual/ˌɪntəˈlɛktʃuəl/มีปัญญาสูง
Intelligent/ɪnˈtɛlɪdʒənt/ฉลาด
Intuitive/ɪnˈtuːɪtɪv/หยั่งรู้
Inventive/ɪnˈvɛntɪv/มีความคิดสร้างสรรค์
Joyful/ˈdʒɔɪfəl/ร่าเริง
Kind/kaɪnd/ใจดี
Kind/kaɪnd/ใจดี
Kooky/ˈkuːki/ประหลาดวิตถาร
Laid-back/ˈleɪdˌbæk/สบายๆ
Likable/ˈlaɪkəbəl/น่าคบ
Loving/ˈlʌvɪŋ/น่ารัก
Loyal/ˈlɔɪəl/ซื่อสัตย์
Lucky/ˈlʌki/โชคดี
Methodical/məˈθɑːdɪkl/มีแบบแผน
Modest/ˈmɑːdɪst/ถ่อมตัว
Neat/niːt/มีระเบียบ
Nice/naɪs/มีมิตรไมตรี
Non-judgemental/ˌnɒnˈdʒʌdʒməntəl/ไม่ตัดสินคนอื่น
Observant/əbˈzɜːrvənt/ตาไว
Optimistic/ˌɒptɪˈmɪstɪk/มองโลกในแง่ดี
Organized/ˈɔːrɡənaɪzd/เป็นระเบียบ
Organized/ˈɔːrɡənaɪzd/เป็นระเบียบ
Passionate/ˈpæʃənət/เร่าร้อน
Patient/ˈpeɪʃənt/อดทน
Patient/ˈpeɪʃənt/อดทน
Persistent/pərˈsɪstənt/ยืนกราน
Philosophical/ˌfɪləˈsɒfɪkəl/มีเหตุผล
Pioneering/ˌpaɪəˈnɪərɪŋ/ผู้บุกเบิก
Placid/ˈplæsɪd/ใจเย็น
Plucky/ˈplʌki/กล้าหาญ
Polite/pəˈlaɪt/สุภาพ
Polite/pəˈlaɪt/สุภาพ
Popular/ˈpɒpjʊlər/เป็นที่นิยม
Powerful/ˈpaʊərfəl/แข็งแรง
Practical/ˈpræktɪkəl/เพ้อฝัน
Pro-active/proʊˈæktɪv/ทำทุกอย่างในเชิงรุก
Problem- solving/ˈprɑːbləm ˌsɑːlvɪŋ/มีการแก้ปัญหาที่ดี
Productive/prəˈdʌktɪv/มีประสิทธิผล
Professional/prəˈfɛʃənl/มืออาชีพ
Punctual/ˈpʌŋktʃuəl/ตรงต่อเวลา
Quick-witted/kwɪk ˈwɪtɪd/หัวไว
Quiet/ˈkwaɪət/เงียบๆ
Rational/ˈræʃənl/มีความพอประมาณ/มีเหตุผล
Reliable/rɪˈlaɪəbl/น่าเชื่อถือ
Reliable/rɪˈlaɪəbl/น่าเชื่อถือ
Reserved/rɪˈzɜːrvd/ขรึม
Resourceful/rɪˈsɔːrsfl/มีหัวดี
Resourceful/rɪˈsɔːrsfəl/มีหัวดี
Respectful/rɪˈspɛktfəl/สุภาพเรียบร้อย มีความน่าเคารพ
Responsible/rɪˈspɑːnsəbl/รู้จักหน้าที่
Romantic/roʊˈmæntɪk/ใฝ่ฝันถึงเรื่องรักๆ ใคร่ๆ (โรแมนติก)
Self-confident/ˌsɛlfˈkɑːnfədənt/มั่นใจในตัวเอง
Self-disciplined/ˌsɛlfˈdɪsəplɪnd/มีระเบียบวินัยในตัวเอง
Selfless/ˈsɛlfləs/ไม่เห็นแก่ตัว
Sensible/ˈsɛnsəbl/มีไหวพริบ
Sensitive/ˈsɛnsɪtɪv/อ่อนไหวง่าย
Shy/ʃaɪ/อาย
Silly/ˈsɪli/เหลวไหล
Sincere/sɪnˈsɪr/ซื่อสัตย์
Smart/smɑːrt/ฉลาด
Sociable/ˈsəʊ.ʃə.bəl/ เข้ากับคนง่าย
Straight-Forward/ˌstreɪtˈfɔːrwərd/ซื่อตรง
Supportive/səˈpɔːrtɪv/เอื้อเฟื้อต่อคนอื่น
Sympathetic/ˌsɪmpəˈθetɪk/เห็นอกเห็นใจ
Talkative/ˈtɔːkətɪv/ช่างคุย
Thoughtful/ˈθɔːtfəl/รอบคอบ
Thoughtful/ˈθɔːtfəl/รอบคอบ
Tidy/ˈtaɪdi/สะอาดสะอ้าน
Tolerant/ˈtɑːlərənt/ใจกว้าง
Tough/tʌf/ใจแข็ง
Trustworthy/ˈtrʌstwɜːrði/น่าไว้วางใจ
Trustworthy/ˈtrʌstwɜrði/น่าไว้วางใจ
Unassuming/ˌʌnəˈsjuːmɪŋ/ถ่อมตัว
Understanding/ˌʌndərˈstændɪŋ/ความเห็นอกเห็นใจ
Understanding/ˌʌndərˈstændɪŋ/ความเห็นอกเห็นใจ
Upbeat/ˈʌpbiːt/มองโลกในแง่ดี
Versatile/ˈvɜːrsətaɪl/มีความสามารถรอบตัว
Versatile/ˈvɜːrsətl/มีความสามารถรอบตัว
Warmhearted/ˈwɔːrmˈhɑrtɪd/มีความเมตตา
Well – mannered/wɛl ˈmænərd/มีกิริยามารยาทดี
Wise/waɪz/รอบรู้
Witty/ˈwɪti/เฉลียวฉลาด

ตัวอย่าง: 

>>> Read more:

วลีและสำนวนที่ใช้บรรยายลักษณะรูปร่างบุคคลในภาษาอังกฤษ (describe people’s appearance)

คำศัพท์ความหมาย
as bald as a cootหัวล้านเหมือนนกตะกรุม
all skin and boneผอมเห็นแต่กระดูก
as thin as a rakeผอมเหมือนไม้เสียบผี
be the spitting image of someone / be the spitความเหมือนกันมากของคน 2 คน
cut a dashอวดโก้
down at heelแต่งตัวแย่มาก
dressed to the ninesแต่งตัวงดงามหรูหราสุดๆ
drop-dead gorgeousสวยแบบวัวตายควายล้ม
getting on a bit / knocking on a bitใกล้แก่แล้ว
like chalk and cheeseแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
like peas in a podเหมือนกันจนแยกไม่ออก
look a sightไม่เรียบร้อย ดูสกปรก
look like you’ve been dragged through the hedge backwardsดูยุ่งเหยิงและเลอะเทอะ
not a hair out of placeแต่งตัวดีมาก
not look your ageดูเด็กกว่าอายุจริง
not much to look atดูเฉยๆ ดูงั้นๆ
to balloonน้ำหนักขึ้นเร็ว

ตัวอย่าง: You really do not look your age, you look much younger than 40. (คุณดูเด็กกว่าอายุจริงมาก ดูเด็กกว่า 40 เยอะเลย)

describing people ตัวอย่าง

ข้อควรรู้เมื่อบรรยายบุคคลเป็นภาษาอังกฤษ

โครงสร้างใช้บรรยายบุคคล

S + V (tobe) + Adj หรือ S + V (tobe) + a + Adj + person/man/woman

ตัวอย่าง :

ลำดับคำคุณศัพท์เมื่อบรรยายบุคคลเป็นภาษาอังกฤษ

Opinion → size → age → shape → color → origin 

(ความคิดเห็น → ขนาด → อายุ → รูปร่าง → สี → ที่มา)

ลำดับคำคุณศัพท์บรรยาย
ความคิดเห็นการประเมินเชิงอัตนัยของผู้บรรยายต่อบุคคลอื่น เช่น beautiful, handsome, pretty, ugly…
ขนาดสัดส่วนร่างกายของบุคคลที่บรรยาย เช่น tall, short…
อายุระบุอายุเฉพาะหรือคำอายุทั่วไป เช่น young, old…
รูปร่างคำที่บรรยายรูปร่าง เช่น fat, thin, curvy…
สีสีผิว สีผม เช่น pale, tanned, brown, blonde…
ที่มาสัญชาติและบ้านเกิดของบุคคลที่ถูกอธิบาย
ประโยคบอกลักษณะรูปร่าง ภาษาอังกฤษ

>>> Read more: Order of Adjectives การเรียงลำดับคำคุณศัพท์และวิธีจดจำที่มีประสิทธิภาพ

วิธีบรรยายรูปร่างเป็นภาษาอังกฤษแบบสุภาพ

ประโยคบอกลักษณะรูปร่างภาษาอังกฤษแบบสุภาพตัวอย่าง
ใช้ “a bit” หรือ“a little”(นิดหน่อย) ก่อนคำคุณศัพท์ที่บรรยายMy sister is a bit overweight. (น้องสาวของฉันมีน้ำหนักเกินนิดหน่อย)
เมื่อพูดถึงส่วนสูงของคนที่ไม่สูง ไม่ควรใช้ “very short” (เตี้ยมาก)แต่ควรแทนที่ด้วยการพูดที่สุภาพกว่านี้He is not very tall. (เขาไม่ค่อยสูงมาก)
She is kind of petite. (เธอเป็นคนตัวเล็ก)
สำหรับคนที่สูงเกินไปก็ควรหลีกเลี่ยงการใช้คำนี้ “very tall” (สูงมาก)He towers over other people. (เขาสูงกว่าคนอื่น)
ควรหลีกเลี่ยงการใช้คำ “ugly” (ขี้เหร่)He is not so handsome. (เขาไม่ได้หล่อมาก)
He is not very good-looking. (เขาไม่ได้หน้าตาดีมาก)
เมื่อบรรยายสีผิวของบุคคล หลีกเลี่ยงการใช้คำ “very white” (ขาวมาก), “very black” (ดำมาก)He has pale skin. (เขามีผิวซีด)
He has dark skin. (เขามีผิวคล้ำ)
She is very tanned. (เธอมีผิวแทนมาก)

การใช้คำศัพท์เพื่อบรรยายบุคคลเป็นภาษาอังกฤษผ่านบทสนทนาและบทความ

บทสนทนา describing people – บทสนทนาที่อธิบายบุคคลเป็นภาษาอังกฤษ

Sarah: Hey, have you met our new colleague, Alex?

John: No, I haven’t. What’s he like?

Sarah: Well, Alex is quite tall, probably around 6 feet. He has an athletic build, not overly muscular, but definitely fit.

John: That sounds impressive. What about his face? Can you describe it?

Sarah: Sure! He has a square-shaped face with a strong jawline. His eyes are a striking shade of blue, very captivating. He also has high cheekbones and a straight nose. His skin is fair, with a bit of a tan, probably from spending time outdoors.

John: And his hair? What color is it?

Sarah: Alex has dark brown hair, almost black. It’s short on the sides but a bit longer on top, kind of tousled in a stylish way. He looks like he puts some effort into his appearance but not too much.

John: Interesting. What about his personality?

Sarah: Alex is really friendly and approachable. He’s always smiling and has this positive energy about him. He’s very articulate and seems genuinely interested in getting to know everyone. He also has a great sense of humor and doesn’t take himself too seriously. Plus, he’s very dependable and always willing to lend a hand.

John: Wow, he sounds like a great addition to the team.

Sarah: He definitely is. I’m sure you’ll like him when you meet him.

แปล :

ซาร่าห์: สวัสดี คุณเจออเล็กซ์เพื่อนร่วมงานคนใหม่ของพวกเราแล้วหรือยัง?

จอห์น: ยังเลย ผมยังไม่เจอว่าแต่เขามีรูปร่างเป็นแบบไหนเหรอ?

ซาร่าห์: อเล็กซ์ค่อนข้างสูง น่าจะสูงประมาณ 6 ฟุต (ประมาณ 183 ซม) เขามีรูปร่างคล้ายนักกีฬา ไม่ได้มีกล้ามมากมายแต่ดูแล้วฟิตแน่นอน

จอห์น: ฟังดูน่าประทับใจมาก แล้วหน้าตาของเขาล่ะ คุณบรรยายได้ไหม?

ซาร่าห์: ได้สิ เขามีใบหน้าทรงสี่เหลี่ยมและมีกรามที่ค่อนข้างใหญ่ ดวงตาของเขามีสีน้ำเงินที่สะดุดตา น่าดึงดูดมาก เขายังมีโหนกแก้มสูงและจมูกตรง ผิวของเขาขาว แต่คล้ำเล็กน้อย อาจเป็นเพราะใช้เวลาอยู่นอกบ้านบ่อย

จอห์น: แล้วผมของเขาสีอะไรเหรอ?

ซาร่าห์: อเล็กซ์มีผมสีน้ำตาลเข้ม เกือบจะดำ ผมด้านข้างสั้นแต่ด้านบนยาวกว่าเล็กน้อย ดูเซอร์อย่างมีสไตล์ เขาเป็นคนดูแลตัวเองแต่ไม่ได้เยอะจนเกินไป

จอห์น: น่าสนใจ แล้วนิสัยของเขาล่ะ?

ซาร่าห์: อเล็กซ์เป็นมิตรและเข้าถึงง่าย เขายิ้มตลอดเวลาและมีพลังงานบวกในตัว เขาเก่งเรื่องการสื่อสารและดูเหมือนสนใจที่จะรู้จักทุกคนจริงๆ นะ เขายังมีอารมณ์ขันและไม่ถือตัวจนเกินไป นอกจากนี้เขายังเป็นคนน่าเชื่อถือและเต็มใจช่วยเหลือคนอื่นเสมอ

จอห์น: ว้าว เขาดูเป็นส่วนเติมเต็มที่ยอดเยี่ยมให้กับทีมจังเลย

ซาราห์: แน่นอน ฉันแน่ใจว่าคุณจะชอบเขาเมื่อได้เจอเขา

บทความที่บรรยายบุคคลเป็นภาษาอังกฤษ

บทความที่บรรยายบุคคลเป็นภาษาอังกฤษ

ย่อหน้าที่ 1: 

I have a best friend named Linda, we have been together since we were just little kids. She has beautiful bright skin and brown eyes. We have a lot of things in common, such as that we love the same band, food, and books. She and I even share the same name, and it is a small surprise for anyone who has talked to us. Linda is not my classmate, but we always help each other with homework and school projects. We spend every minute of our break time talking about all the things that happen in class, and people usually ask what can even make us laugh that hard. Sometimes I think it is like we have been best mates since forever, and I hope that we will be happy like this for a very long time.

แปล: ฉันมีเพื่อนสนิทคนหนึ่งชื่อลินดา เราคบกันมาตั้งแต่ยังเด็ก เธอมีผิวสวยสดใสและดวงตาสีน้ำตาล เรามีอะไรหลายอย่างที่เหมือนกัน เช่น ชอบวงดนตรีเดียวกัน ชอบกินอาหารและชอบอ่านหนังสือเหมือนกัน ฉันกับเธอมีชื่อเหมือนกันด้วยซ้ำ เป็นเรื่องเซอร์ไพรส์เล็กๆ น้อยๆ สำหรับทุกคนที่ได้คุยกับเรา ลินดาไม่ใช่เพื่อนร่วมชั้นของฉัน แต่เรามักจะช่วยเหลือกันเรื่องการบ้านและเมื่อมีโครงงานของโรงเรียนเสมอ เราใช้เวลาทุกนาทีในช่วงพักเพื่อพูดคุยเกี่ยวกับสิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นในชั้นเรียน และผู้คนมักจะถามว่าอะไรทำให้เราหัวเราะดังขนาดนั้นได้ บางทีก็คิดว่าเราเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดกันมาโดยตลอดและหวังว่าเราจะมีความสุขแบบนี้ไปนานๆ

ย่อหน้าที่ 2: 

My mother is the one I love most in my life. For what she’s done, she deserves it from the whole world. My mother is a 43-year-old household wife. She’s tall and slim, and she especially has beautiful, long black hair. She always smiles, so everyone considers her a friendly person. My mom loves every member of the family with all her heart. She agreed to be a household woman instead of working out. My mother takes care of the household chores. She wakes up early in the morning and goes to bed late in the night. And during the day, she’s very busy. I remember once when my mother got sick, so nobody did the housework, and everything went crazy. From then on, my father and I joined hands to help my mother whenever we had free time. She’s really happy about that. When I was a kid, mom taught me to play the piano  each weekend. I still remember the songs, which include many of my childhood’s experiences. She not only taught me to play piano, she also taught me to be a better human. I love the moral stories that she told me before I fell asleep every night. We’re really appreciative of the mother’s effort, patience, and hard work to conserve the family’s happiness. My mother is an indispensable part of my life. When I grow up, I want to be a woman like her.

แปล: แม่ของฉันคือคนที่ฉันรักมากที่สุดในชีวิต สำหรับสิ่งที่เธอทำ เธอสมควรได้รับมันจากคนทั้งโลก แม่ของฉันเป็นแม่บ้านอายุ 43 ปี เธอสูง ผอม และมีผมยาวสีดำที่สวยงาม แม่ฉันมักจะมีรอยยิ้มเสมอ ทุกคนจึงมองว่าแม่ฉันเป็นมิตร แม่ของฉันรักทุกคนในครอบครัวอย่างสุดหัวใจ เธอตกลงที่จะทำหน้าที่แม่บ้านแทนที่จะออกไปทำงานข้างนอก แม่ดูแลงานบ้านตื่นเช้าแต่เข้านอนดึกและยุ่งทั้งวันฉันจำได้ว่ามีครั้งหนึ่งที่แม่ป่วย ไม่มีใครทำงานบ้านและทุกอย่างก็วุ่นวายไปหมดตั้งแต่นั้นมาพ่อกับฉันก็ร่วมมือกันช่วยแม่ทุกครั้งที่เรามีเวลาว่าง แม่ดีใจกับเรื่องนี้มาก ตอนที่ฉันยังเป็นเด็กแม่สอนให้ฉันเล่นเปียโนทุกสุดสัปดาห์ฉันยังจำเพลงเหล่านั้นได้ ซึ่งรวมถึงความทรงจำมากมายในวัยเด็กของฉัน แม่ไม่เพียงแต่สอนให้ฉันเล่นเปียโนเท่านั้นแม่ยังสอนให้ฉันเป็นคนดีด้วยฉันชอบฟังนิทานสอนใจที่แม่เล่าให้ฟังก่อนนอนทุกคืน พวกเราซาบซึ้งในความพยายาม ความอดทนและการทำงานหนักของแม่ที่พยายามรักษาความสุขของครอบครัวเอาไว้ แม่เป็นส่วนสำคัญที่ขาดไม่ได้ในชีวิตของฉัน เมื่อฉันโตขึ้นฉันอยากเป็นผู้หญิงแบบแม่

แบบฝึกหัด 

บทที่ 1: เลือกคำตอบที่ถูกต้องที่สุด

1. My grandmother is quite _____.

A. old

B. ancient

C. former

2. A ______ person is between forty and sixty years old.

A. young

B. centenarian

C. middle-aged

3. Emily was so _____ that we could see her bones.

A. fat

B. thin

C. obese

4. Baby looks so adorable with his _____ pink cheeks.

A. ears

B. chubby

C. nose

5. Healthy diet and sunscreen are the secrets to ______ skin.

A. gorgeous

B. pale

C. ugly

บทที่ 2: จับคู่คำศัพท์ในตาราง A กับความหมายที่ถูกต้องในตาราง B

AB
1. balda. used to describe someone who does not get much exercise, with poor muscle tone 
2. chubbyb. a person who has no hair
3. flabbyc. used to describe someone who is very thin (impolite) 
4. scruffyd. a polite way of describing someone who is a bit overweight
5. skinnye. used to describe someone whose appearance is very untidy

คำตอบ

ข้อ 1ข้อ 2ข้อ 3ข้อ 4ข้อ 5
บทที่ 1ACBbA
บทที่ 2BDAEC

บทความข้างต้นนี้เป็นคำศัพท์ภาษาอังกฤษเกี่ยวกับ describing people (การบรรยายบุคคล) ทั้งหมด หวังว่าในบทความนี้ คุณจะได้เรียนรู้คำศัพท์ในหัวข้อเกี่ยวกับบุคคลมากขึ้นและนำไปใช้ในชีวิตได้ นอกจากนี้อย่าลืมเข้ามาที่ ELSA Speak เพื่อเรียนภาษาอังกฤษทุกวันกันนะ!