เดือนภาษาอังกฤษจะมีวิธีใช้ต่างจากเดือนในภาษาไทย เดือนภาษาอังกฤษมีชื่อและความหมายเฉพาะตัว นอกจากนี้ ยังมีวิธีอ่านและ วิธีเขียนได้หลากหลายวิธี ไม่ใช่แค่วัน เดือน และปีเท่านั้น เพราะฉะนั้น ในบทความนี้ ELSA Speak จะอธิบายวิธีการใช้เดือนต่าง ๆ พร้อมข้อมูลที่น่าสนใจที่จะช่วยให้คุณจำเดือนภาษาอังกฤษได้ง่ายยิ่งขึ้น
Key takeaways
- วันในสัปดาห์เป็นภาษาอังกฤษ: Monday, Tuesday, Wednesday, Thursday, Friday, Saturday, Sunday
- เดือนภาษาอังกฤษ 12 เดือนในปี: January, February, March, April, May, June, July, August, September, October, November, December
- วันภาษาอังกฤษอ่านเป็นลำดับ (1st, 2nd, 3rd, 4th,…)
- ปีสามารถอ่านได้ 2 แบบ ตัวเลขที่มี n หลักหรือแบ่งเป็น 2 ส่วน (สำหรับตัวเลข 3-4 หลัก)
คำศัพท์เกี่ยวกับวันที่ภาษาอังกฤษ
วันในสัปดาห์
คำศัพท์เกี่ยวกับวันในสัปดาห์เป็นภาษาอังกฤษ
สอบก่อนเข้าฟรี

วัน | วันภาษาอังกฤษ | การถอดความ | คำย่อ |
---|---|---|---|
วันจันทร์ | Monday | /ˈmʌndeɪ/ | Mon |
วันอังคาร | Tuesday | /ˈtjuːzdeɪ/ | Tue |
วันพุธ | Wednesday | /ˈwenzdeɪ/ | Wed |
วันพฤหัสบดี | Thursday | /ˈθɜːzdeɪ/ | Thu |
วันศุกร์ | Friday | /ˈfraɪdeɪ/ | Fri |
วันเสาร์ | Saturday | /ˈsætədeɪ/ | Sat |
วันอาทิตย์ | Sunday | /ˈsʌndeɪ/ | Sun |

>>> อ่านเพิ่มเติม
- In time vs on time ต่างกันอย่างไร ตัวอย่างง่าย ๆ พร้อมแบบฝึกหัด
- คำบุพบทบอกเวลา (preposition of time): การใช้พร้อมกับตัวอย่าง
- อ่านเวลาและพูดเกี่ยวกับเวลาได้อย่างไร? วิธีการบอกเวลาภาษาอังกฤษแบบมาตรฐาน
ตัวอย่าง:
- This class takes place on Friday every week.
(ชั้นเรียนนี้จัดขึ้นในวันศุกร์ของทุกสัปดาห์)
- What do you usually do on Sunday?
(คุณมักจะทำอะไรในวันอาทิตย์?)
เลขลำดับสำหรับการอ่านวันภาษาอังกฤษ
เมื่ออยากพูดเกี่ยวกับวันในเดือนโดยภาษาอังกฤษ เราไม่ใช้ตัวเลข แต่ใช้ตัวเลขลำดับดังต่อไปนี้
แบบอักษร | การสะกดคำ | คำย่อ |
---|---|---|
first | /fɜːrst/ | 1st |
second | /ˈsekənd/ | 2nd |
third | /θɜːrd/ | 3rd |
fourth | /fɔːrθ/ | 4th |
fifth | /fɪfθ/ | 5th |
sixth | /sɪksθ/ | 6th |
seventh | /ˈsevnθ/ | 7th |
eight | /eɪtθ/ | 8th |
ninth | /naɪnθ/ | 9th |
tenth | tenth | 10th |
eleventh | /ɪˈlevnθ/ | 11th |
twelfth | /twelfθ/ | 12th |
thirteenth | /ˌθɜːrˈtiːnθ/ | 13th |
fourteenth | /ˌfɔːrˈtiːnθ/ | 14th |
fifteenth | /ˌfɪfˈtiːnθ/ | 15th |
sixteenth | /ˌsɪksˈtiːnθ/ | 16th |
seventeenth | /ˌsevnˈtiːnθ/ | 17th |
eighteenth | /ˌeɪˈtiːnθ/ | 18th |
nineteenth | /ˌnaɪnˈtiːnθ/ | 19th |
twentieth | /ˈtwentiəθ/ | 20th |
twenty-first | /ˌtwenti ˈfɜːrst/ | 21st |
twenty-second | /ˌtwenti ˈsekənd/ | 22nd |
twenty-third | /ˌtwenti ˈ θɜːrd/ | 23rd |
twenty-fourth | /ˌtwenti ˈ fɔːrθ/ | 24th |
twenty-fifth | /ˌtwenti ˈ fɪfθ/ | 25th |
twenty-sixth | /ˌtwenti ˈ sɪksθ/ | 26th |
twenty-seventh | /ˌtwenti ˈsevnθ/ | 27th |
twenty-eight | /ˌtwenti ˈeɪtθ/ | 28th |
twenty-ninth | /ˌtwenti ˈnaɪnθ/ | 29th |
thirtieth | /ˈθɜːrtiəθ/ | 30th |
thirty-first | /ˌθɜːrti ˈfɜːrst / | 31st |

ตัวอย่าง:
- There is a regular meeting on the 1st of every month.
(มีการประชุมเป็นประจำทุกวันที่ 1 ของทุกเดือน)
- We are going to have a trip on the 18th of this month.
(เรากำลังจะมีทริปวันที่ 18 เดือนนี้)
เดือน ภาษาอังกฤษ
เดือนภาษาอังกฤษเป็นความรู้พื้นฐานที่สำคัญสำหรับผู้เริ่มเรียนภาษาอังกฤษ อย่างไรก็ตาม วิธีดการเขียนและการอ่านเดือนภาษาอังกฤษไม่เป็นไปตามกฎเกณฑ์เฉพาะใดๆ ทำให้ผู้เรียนอาจมีปัญหาเล็กน้อยในการจำคำศัพท์สำหรับ 12 เดือนภาษาอังกฤษ ลองดูรายละเอียดการเขียน การออกเสียง และการการเขียนเดือนภาษาอังกฤษบบย่อดังนี้
เดือน | เดือนภาษาอังกฤษ | การถอดความ | เดือนภาษาอังกฤษย่อ |
---|---|---|---|
มกราคม | January | /ˈdʒænjuəri/ | Jan |
กุมภาพันธ์ | February | /ˈfebruəri/ | Feb |
มีนาคม | March | /mɑːtʃ/ | Mar |
เมษายน | April | /ˈeɪprəl/ | Apr |
พฤษภาคม | May | /meɪ/ | May |
มิถุนายน | June | /dʒuːn/ | June |
กรกฎาคม | July | /dʒuˈlaɪ/ | Jul |
สิงหาคม | August | /ɔːˈɡʌst/ | Aug |
กันยายน | September | /sepˈtembə(r)/ | Sep |
ตุลาคม | October | /ɒkˈtəʊbə(r)/ | Oct |
พฤศจิกายน | November | /nəʊˈvembə(r)/ | Nov |
ธันวาคม | December | /dɪˈsembə(r)/ | Dec |

>>> อ่านเพิ่มเติม
- ประโยคคำถามในภาษาอังกฤษคืออะไร? โครงสร้างคำถามและตัวอย่างที่เข้าใจง่าย
- วิธีการอ่านและการเขียนวันในภาษาอังกฤษ
ตัวอย่าง:
- It often rains a lot in July here.
(ปกติที่นี่จะมีฝนตกชุกในเดือนกรกฎาคม)
- Songkran Festival is celebrated from April 13th to April 15th every year
เทศกาลสงกรานต์ ตรงกับวันที่ 13 เมษายน ถึง 15 เมษายน ของทุกปี
ปี
มีสองวิธีในการอ่านปีให้ถูกต้อง:
- อ่านเป็นตัวเลขหลายหลักในภาษาอังกฤษ:
- 2021: Two thousand and twenty one
- 2003: Two thousand and three
- 938: Nine hundred and thirty eight
- แบ่งเป็น 2 ส่วน เลขหน้า 2 หลัก เลขหลัง 2 หลัก (สำหรับเลข 4 หลัก)
- 2022: Twenty twenty two
- 2017: Twenty seventeen
- 1968: Nineteen sixty eight
ตัวอย่าง:
- There was a historic tsunami in japan in 2002.
(เกิดสึนามิครั้งประวัติศาสตร์ในญี่ปุ่นเมื่อปี 2002)
- This new policy will take effect in 2023.
(นโยบายใหม่นี้จะมีผลบังคับใช้ในปี 2023)
วิธีการเขียนและออกเสียงวัน เดือน ปี ในภาษาอังกฤษ
หากคุณได้เรียนรู้เกี่ยวกับ 12 เดือนภาษาอังกฤษแล้ว แต่ยังสงสัยว่าจะออกเสียงและเขียนวันที่อย่างไรให้ถูกต้อง สามารถลองดูคำแนะนำด้านล่างนี้ได้ ในภาษาอังกฤษ มีวิธีการเขียนที่เป็นที่นิยม 2 อย่าง นั่นก็คือ แบบบริติช (Day-Month-Year) และแบบอเมริกัน (Month-Day-Year)
วิธีเขียนวัน เดือน ทั่วไป
วัน วันที่ เดือน ปี
ตัวอย่าง: What day is it today? – It’s Wednesday, July 28th 2020 (วันนี้เป็นวันอะไร – วันพุธ วันที่ 28 กรกฎาคม 2020)
วัน เดือน วันที่ ปี
ตัวอย่าง: What day is it today? – It’s Wednesday, 28th July 2020 (วันนี้เป็นวันอะไร – วันพุธ วันที่ 28 กรกฎาคม 2020)
วิธีอ่านวันที่และเดือนภาษาอังกฤษ
เดือน + the + วันที่
ตัวอย่าง: When is your birthday? – On December the 16th (คุณเกิดวันไหน – วันที่ 16 ธันวาคม)
The + วันที่ + of + เดือน
ตัวอย่าง: When is your birthday? – On the 16th of December (คุณเกิดวันไหน – วันที่ 16 ธันวาคม)
แบบบริติช – Day-Month-Year
ในการเขียน ชาวบริติชมักเขียนวันก่อน จากนั้นตามด้วยเดือนและปี วันสามารถตามด้วยคำต่อท้ายแบบลำดับ เช่น st, nd, rd, th (เช่น 1st, 2nd, 3rd, 4th…)
สามารถใช้หรือละเว้นคำบุพบท the ที่อยู่หน้าวันที่ได้ และมักจะไม่ค่อยเห็นเครื่องหมายจุลภาคอยู่หน้าปี ตัวอย่างเช่น
- 14 Sept
- 14 September
- 14 September 2022
- 14th September 2022
- the 14th of September 2022
- the 14th of September, 2022
- Wednesday, 14 09/14/2022 หรือ 09-14-2022 September 2022
- Wednesday the 14th of September, 2022
- 14/9/22
- 14-9-2022
- 14/09/2022 หรือ 14-09-2022
- 14 Sept 2022 หรือ 14-Sept-2022
เมื่ออ่านภาษาอังกฤษแบบบริติช ให้อ่านคำนำหน้า “the” นำหน้าวันที่และเดือน เช่น April 2, 2019 – April the second, two thousand and nineteen.

>>> Read more:
- เลขและวิธีการใช้เลขภาษาอังกฤษ
- 200+ คำขอให้เป็นวันที่ดี ภาษาอังกฤษที่ใช้บ่อยที่สุด
- 100+ Happy Anniversary สุขสันต์วันครบรอบภาษาอังกฤษสุดโรแมนติก
แบบอเมริกัน – Month-Day-Year
ในการเขียน ชาวบริติชเขียนเดือนก่อน และตามด้วยวันที่และปี เครื่องหมายจุลภาคมักอยู่หน้าปี
ตัวอย่าง:
- September 14, 2022
- Wednesday, September 14, 2022
- 09/14/2022 หรือ 09-14-2022
ในภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน มักจะละเว้น the ข้างหน้าวันที่ เช่น March 1, 2020 – March first, two thousand and twenty

วิธีการอ่านวัน เดือน ปี ในภาษาอังกฤษ
วิธีการอ่านปีภาษาอังกฤษ
กรณี | กฏ | ตัวอย่าง | วิธีการอ่าน |
---|---|---|---|
ปีที่มีตัวเลข 1 หรือ 2 ตัว | อ่านเหมือนเลขธรรมดา | 68 | sixty-eight |
ปีที่มีตัวเลข 3 ตัว | เลขตัวแรก + เลขสองตัวถัดไป | 492 | four ninety-two |
ปีที่มีตัวเลข 4 ตัว (มีเลข 0 ต่อท้าย 3 ตัว) | (the year) + เลขตัวแรก + thousand | 1000 | (the year) one thousand |
ปีที่มีตัวเลข 4 ตัว (เลข 0 ในตำแหน่งที่ 2 และ 3) | – เลขตัวแรก 2 ตัว + oh + เลขตัวสุดท้าย – เลขตัวแรก + thousand + and + เลขตัวสุดท้าย (อังกฤษ) – เลขตัวแรก + thousand + เลขตัวสุดท้าย (อเมริกา) | -2001 -2009 | – twenty oh one – two thousand and nine/two thousand nine |
ปีที่มีตัวเลข 4 ตัว (เลข 0 ในตำแหน่งที่ 2) | – เลขตัวแรก 2 ตัว + เลขสองตัวถัดไป – เลขตัวแรก + thousand and + เลขสุดท้าย 2 ตัว (อังกฤษ) – เลขตัวแรก + thousand + เลขสุดท้าย 2 ตัว (อเมริกา) หมายเหตุ เราสามารถอ่านตัวเลขเป็นคู่ | -2017 -2014 | – twenty seventeen – two thousand and fourteen/two thousand fourteen |
ปีที่มีตัวเลข 4 ตัว (เลข 0 ในตำแหน่งที่ 3) | – เลขตัวแรก 2 ตัว + oh + เลขตัวสุดท้าย หมายเหตุ เราสามารถอ่านตัวเลขเป็นคู่ | 1806 | eighteen oh six |
ไม่มีเลข 0 | – เลขตัวแรก 2 ตัว + เลขสุดท้าย 2 ตัว หมายเหตุ ให้เอาเลขแต่ละคู่นี้มาเชื่อมต่อกันแล้วอ่านเหมือนเลขที่มีตัวเลข 2 ตัว | 1964 | nineteen sixty-four |
วิธีใช้คำบุพบทกับจุดเวลา
การใช้คำบุพบทเป็นสิ่งที่ท้าทายสำหรับผู้เริ่มต้นเรียนภาษาอังกฤษทุกคน เนื่องจากมีกฎมากมายและมีการเปลี่ยนแปลงการใช้อย่างต่อเนื่อง ตัวอย่างเช่น หากคุณพูดถึงเดือนอย่างเดียว ให้ใช้คำบุพบท “in” (in April) แต่ถ้ามีวันและเดือน ต้องใช้ “on” (on 5th April) ต่อไปนี้คือกฎบางประการที่คุณควรทราบ:
การเขียนเวลาพร้อมคำบุพบท at
- at 6 o’clock (ตอน 6 โมง)
- at 2 p.m (เวลาบ่าย 2 โมง)
- at bedtime (เวลานอน)
- at lunchtime (เวลาอาหารกลางวัน)
- at Christmas (ในวันคริสต์มาส)
- at Easter (ในวันขอบคุณพระเจ้า)
ตัวอย่าง:
- The movie starts at eight o’clock.
(หนังเริ่มตอน 8 โมง)
- My father wakes up at 6:00 everyday.
(พ่อฉันตื่นนอนตอน 6 โมงเช้าทุกวัน)
- My last class ends at five p.m.
(คลาสสุดท้ายของฉันเลิกตอน 5 โมงเย็น)
วันที่ไปกับคำบุพบท on
- on Monday (ในวันจันทร์)
- on Sunday morning (ในตอนเช้าวันอาทิตย์)
- on November 6th (ในวันที่ 6 พฤศจิกายน)
- on June 27th 2017 (ในวันที่ 27 มิถุนายน 2017)
- on Christmas Day (ในวันคริสต์มาส)
- on Independence Day (ในวันประกาศอิสรภาพ)
- on New Year’s Eve (ในวันส่งท้ายปีเก่า)
- on New Year’s Day (ในวันปีใหม่)
- on her birthday (ในวันเกิดของเธอ)
ตัวอย่าง:
- On Sunday, I am taking my dog for a run.
(ในวันอาทิตย์ฉันมักจะพาสุนัขไปเดินเล่น)
- On Friday, I will get my hair done.
(วันศุกร์นี้ฉันจะไปทำผม)
เดือน/ปี ไปกับคำบุพบท in
- in May (ในเดือนพฤษภาคม)
- in 2010 (ในปี 2010)
- in summer (ในฤดูร้อน)
- in nineteenth century (ในศตวรรษที่ 19)
- in the past (ในอดีต)
- in the Ice Age (ในยุคน้ำแข็ง)
ตัวอย่าง:
- In December, I will bring it to you.
(ในเดือนธันวาคมฉันจะนำมาให้คุณ)
- I was born in 1997 (ฉันเกิดในปี 1997)
วัน + เดือน ไปกับคำบุพบท on
ตัวอย่าง:
- Our grandmother’s birthday is on March 23th.
(วันเกิดคุณย่าของฉันคือวันที่ 23 มีนาคม)
- On September 22nd, I am going to buy a new television.
(ในวันที่ 22 กันยายน ฉันจะซื้อทีวีใหม่)
>>> Read more:
- วิธีใช้ AM PM อย่างถูกต้องในภาษาอังกฤษ
วัน + เดือน + ปี ไปกับคำบุพบท on
ตัวอย่าง:
- On 16th November 1991, a legend in football was born.
Added:
- September 14, 2022
- Wednesday, September 14, 2022
- 09/14/2022 หรือ 09-14-2022
(วันที่ 16 พฤศจิกายน 1991 ตำนานแห่งวงการฟุตบอลถือกำเนิดขึ้น)
Added:
ในภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน มักจะละเว้น the ข้างหน้าวันที่ เช่น March 1, 2020 – March first, two thousand and twenty
คำศัพท์อื่นๆ เกี่ยวกับเวลา
คำศัพท์ | การถอดความ | ความหมาย |
---|---|---|
On/at the weekend | – | สุดสัปดาห์ |
Every day/month/year | – | ทุกวัน/เดือน/ปี |
A fortnight (n) | /ˈfɔːtnaɪt/ | 2 สัปดาห์; ครึ่งเดือน |
Daily/monthly/yearly/annually (adv.) | – | รายวัน/เดือน/ปี |
A decade (n) | /ˈdekeɪd/ | หนึ่งทศวรรษ (10 ปี) |
A century (n) | /ˈsentʃəri/ | หนึ่งศตวรรษ (100 ปี) |
A millennium (n) | /mɪˈleniəm/ | หนึ่งพันปี (1,000 ปี) |
Spring (n) | /sprɪŋ/ | ฤดูใบไม้ผลิ |
Summer (n) | /ˈsʌmə(r)/ | ฤดูร้อน |
Autumn (n) | /ˈɔːtəm/ | ฤดูใบไม้ร่วง |
Winter (n) | /ˈwɪntə(r)/ | ฤดูหนาว |
>>> Read more: ฤดูกาลภาษาอังกฤษ: คำศัพท์ idioms เกี่ยวกับฤดูกาลและ สภาพอากาศพร้อมวิธีอ่าน
วิธีการท่องจำและความหมายเดือนภาษาอังกฤษ
เพื่อการจำ12 เดือนภาษาอังกฤษอย่างง่ายดาย เราควรแบ่งออกเป็นกลุ่มๆ ที่มีบางสิ่งเหมือนกันก่อน หลังจากนั้น จะเห็นรายละเอียดที่น่าสนใจในชื่อของ 12 เดือนภาษาอังกฤษ ที่ช่วยให้เราจำได้เร็วขึ้นและนานขึ้น
ELSA ขอแบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม ได้แก่
- กลุ่มเดือนภาษาอังกฤษที่มีคำสุดท้าย -ary เช่น มกราคม (January) และ กุมภาพันธ์ (February)
- กลุ่มเดือนภาษาอังกฤษที่ไม่จุดร่วม ตั้งแต่มีนาคม (March) ถึงสิงหาคม (August)
- กลุ่มเดือนภาษาอังกฤษที่มีคำสุดท้าย -ember ตั้งแต่กันยายน (September) ถึงธันวาคม (September)
กลุ่มเดือนภาษาอังกฤษที่มีคำสุดท้าย -ary
- มกราคม (January) ตาม Oxford Languages “January” มาจาก “Januarius” ในภาษาละตินหมายถึงว่า “เดือนของ Janus” ตามศาสนาและตำนานของโรมัน Janus เป็นเทพเจ้าแห่งประตูทางผ่าน การเริ่มต้นและการเปลี่ยนแปลง ในทำนองเดียวกัน January – มกราคม ก็เป็นเดือนแรกของปี
- กุมภาพันธ์ (February) ตาม Oxford Languages “February” ที่สร้างโดย “Februarius” ในภาษาละติน ซึ่งมาจาก “februa” ที่มีความหมายว่าทำความสะอาดหรือชำระล้าง และยังเป็นชื่อของพิธีชำระล้างแบบโบราณที่จัดขึ้นในเดือนกุมภาพันธ์ทุกปี
กลุ่มเดือนภาษาอังกฤษที่ไม่จุดร่วม
- มีนาคม (March) ตามวิกิพีเดีย “March” มาจาก “Martius” ซึ่งเป็นชื่อของเดือนแรกในปฏิทินโรมันยุคแรก ดังนั้นอาจกล่าวได้ว่า “March” เคยเป็นเดือนแรก หลังจากนั้น “January” และ “February” ถูกวางไว้ก่อน “March”
- เมษายน (April) ชื่อ “April” มาจากคำ “Aperio” ในภาษาละติน ซึ่งมีความหมายว่า “ออกดอกน” เพราะตามชาวโรมันโบราณ ดอกไม้มักจะบานในเดือนนี้
- พฤษภาคม (May) คำ “May” มาจาก “mariores” ในภาษาละติน ซึ่งมีความหมายว่า “elders” ตามวัฒนธรรมโรมันโบราณ ผู้คนได้รับการแสดงความยินดีและให้เกียรติในเดือนนี้
- มิถุนายน (June) ชื่อ “June” มาจาก “juvenis” ซึ่งแปลว่าคนหนุ่มสาว เราสามารถพูดได้ว่าเดือนมิถุนายนเป็นจุดเริ่มต้นของฤดูร้อน ที่เยาวชนส่วนใหญ่ชอบมากๆ และเป็นช่วงเวลาที่พวกเขาหยุดพักจากโรงเรียนเพื่อสนุกสนาน ผ่อนคลาย ฯลฯ
- กรกฎาคม (July) “July” ถูกตั้งชื่อตาม Julius Caesar เป็นจักรพรรดิแห่งกรุงโรมโบราณ พระองค์มีส่วนสำคัญในการปฏิรูปปฏิทินโรมัน เดือนกรกฎาคมถูกตั้งชื่อตามจักรพรรดิพระองค์นี้เนื่องจากพระองค์ประสูติในเดือนกรกฎาคม
- สิงหาคม (August) “August” ถูกตั้งชื่อตาม Augustus ซึ่งเป็นบุคคลที่เกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิดกับ Julia Caesar เขาเป็นหลานชายบุญธรรมและเป็นทายาทคนเดียวของ Caesar Augustus มีอานิสงส์ในการเผยแพร่ปฏิทิน
กลุ่มเดือนภาษาอังกฤษที่มีคำสุดท้าย -ember
เมื่ออธิบายถึงที่มาของชื่อ “March” ELSA เคยกล่าวว่าเดิมที “March”’ เป็นเดือนแรกในปฏิทินโรมัน หลังจาดนั้น มีการเพิ่มม January และ February ไว้ที่จุดเริ่มต้น นั่นเป็นเหตุผลที่เดือน “September” “October” “November” และ “September” ยังคงเหมือนเดิม ดังนั้น เมื่อแปลธาตุละตินใน4 ชื่อนี้เป็นภาษาไทย จะเห็นว่าสูงกว่าด้วยตัวเลข 2 ตัว
- September (กันยายน) “septem” ในภาษาละตินคือ 7
- October (ตุลาคม) “octo” ในภาษาละตินคือ 8
- November (พฤศจิกายน) “novem” ในภาษาละตินคือ 9
- December (ธันวาคม) “decem” ในภาษาละตินคือ 10
วิธีถามเดือนเป็นภาษาอังกฤษ
ต่อไปนี้เป็นคำถามบางอย่างเกี่ยวกับเดือนในภาษาอังกฤษที่ใช้บ่อยที่สุดในการสื่อสารในชีวิตประจำวัน:
1. What date is it today?/What is today’s date?
(วันนี้เป็นวันอะไร)
– Today is the fifth (วันนี้วันที่สิบห้า)
– Today it is the second (วันนี้เป็นวันที่สอง)
– It is the first (วันที่หนึ่ง)
2. What day is it today?/What is today’s day?
(วันนี้เป็นวันอะไร?)
– Today is Monday (วันนี้เป็นวันจันทร์)
– Monday (วันจันทร์)
– It is Monday (วันจันทร์)
ความหมายของชื่อเดือนภาษาอังกฤษ
เนื่องจากเดือนภาษาอังกฤษส่วนใหญ่มาจากตัวอักษรละตินและยังได้รับการตั้งชื่อตามเทพเจ้าโรมันโบราณองค์ต่างๆ ดังนั้นชื่อของเดือนมีที่มาที่น่าสนใจและมีความหมายที่แตกต่างกัน มาค้นพบความหมายกับที่มาของชื่อเดือนภาษาอังกฤษพร้อมกับ ELSA Speak เพื่อช่วยให้คุณเข้าใจและจดจำได้ง่
มกราคม ภาษาอังกฤษ: January
ชื่อ January มาจากเทพเจ้าโรมัน Janus เทพองค์นี้มีสองหน้าที่สามารถมองเห็นอดีตและอนาคต เขาเป็นตัวแทนของการเริ่มต้นใหม่และการเปลี่ยนแปลง ดังนั้นชื่อของเขาจึงถูกกำหนดให้กับเดือนแรกของปีใหม่ มกราคมหรือเดือนอ้ายของปีที่เกี่ยวข้องกับความหมายของ Januarius Mensis ก่อนศตวรรษที่ 14 ชาวอังกฤษใช้วลีนี้ในรูปของ Gevenen จากปี 1391 เดือนมกราคมถูกเรียกว่า January
กุมภาพันธ์ ภาษาอังกฤษ : February
February มาจากคำว่า Februarius ในภาษาละติน หมายถึงพิธีกรรมชำระล้างบาปในสมัยโบราณซึ่งจัดขึ้นในวันที่ 15 กุมภาพันธ์ของทุกปี สันนิษฐานว่าเพราะมันเป็นสัญลักษณ์ของความชั่วร้าย เดือนกุมภาพันธ์จึงมีวันน้อยกว่าเดือนต่างๆ ซึ่งมี 28 หรือ 29 วันเท่านั้น
Februar เป็นเทศกาลที่มีชื่อเสียงซึ่งจัดขึ้นในเดือนกุมภาพันธ์ของทุกปี เทศกาลนี้ในช่วงต้นศตวรรษที่ 13 เป็นที่รู้จักในภาษาอังกฤษว่า Federer และเปลี่ยนเป็น Feoverel ไม่นานหลังจากนั้น ในปี 1373 เพื่อให้สามารถสะกดและเขียนง่ายกว่า ชาวอังกฤษเลยเรียกว่ากุมภาพันธ์เป็น Februar ชื่อของเดือนกุมภาพันธ์นี้ยังคงถูกเรียกโดยทั่วประเทศอังกฤษจนถึงทุกวันนี้
มีนาคม ภาษาอังกฤษ: March
ชื่อ March ในภาษาอังกฤษมาจากภาษาฝรั่งเศสโบราณ หมายถึงเทพเจ้าแห่งสงคราม Mars ในเดือนมีนาคม ชาวโรมันจะจัดเทศกาลเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับสงครามและถวายเกียรติแด่เทพเจ้าองค์นี้ เดือนนี้เป็นที่นิยมของหลาย ๆ คนเนื่องจากมีสภาพอากาศที่เย็นสบายและเป็นสีฟ้าสดใจ
เมษายน ภาษาอังกฤษ: April
คำภาษาอังกฤษ April มาจากคำ Aprillis ในภาษาละติน ในปฏิทินเก่าของบางประเทศ เดือนเมษายนถือเป็นเดือนแรกของปี ซึ่งเป็นเดือนแห่งฤดูใบไม้ผลิ
ในภาษาลาติน April เป็นเดือนที่ดอกไม้บานในต้นฤดูใบไม้ผลิ ก่อนหน้านี้ April ถูกเรียกว่า Aprilis ในภาษาละติน และ Avril ในภาษาฝรั่งเศส เมื่อเข้าสู่ศตวรรษที่ 13 เมษายนถูกเรียกด้วยชื่อใหม่ว่า Averil อย่างไรก็ตาม ชื่อนี้คงอยู่จนถึงปี 1375 และก็ถูกเปลี่ยน ตั้งแต่นั้นมาจนถึงปัจจุบัน เมษายนในภาษาอังกฤษเลยถูกเรียกว่า April
พฤษภาคม ภาษาอังกฤษ: May
May ในภาษาอังกฤษได้ตั้งชื่อตามเทพธิดา Maia เทพีแห่งดินและความเจริญรุ่งเรือง เพราะในประเทศตะวันตก เดือนพฤษภาคมที่อบอุ่นถึงทำให้ต้นไม้และพืชผลเติบโต ชื่อ Magnus มาจากภาษาลาติน แปลว่าการเติบโต อย่างไรก็ตาม ชื่อนี้ก็ถูกเปลี่ยนเมื่อต้นศตวรรษที่ 12 เนื่องจากอิงจากคำภาษาฝรั่งเศส Mai ชาวอังกฤษเลยเรียกพฤษภาคมว่า May
มิถุนายน ภาษาอังกฤษ: June
June ตั้งชื่อตามเทพเจ้าโบราณ Juno ซึ่ง Juno เป็นเทพีแห่งการแต่งงานและการเกิด และวันเด็กสากลก็เป็นวันที่ 1 มิถุนายนด้วย ซึ่งก็สมเหตุสมผล นี่คือที่มาของชื่อ June เพื่อหมายถึงเดือนมิถุนายนโดยเฉพาะ เพื่อหลีกเลี่ยงความสับสนกับเดือนภาษาอังกฤษอื่นๆ ชื่อ June ได้ใช้เรียกเดือนมิถุนายนตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 11 จนถึงปัจจุบัน
กรกฎาคม ภาษาอังกฤษ: July
เดือนกรกฎาคมถูกตั้งชื่อว่า July เพื่อระลึกถึงจักรพรรดิคาร์ซาเร จักรพรรดิแห่งโรมันชื่อ Carsare เกิดในเดือนกรกฎาคม บุคคลนี้มีสติปัญญาเหนือมนุษย์ ซึ่งได้รับการยกย่องเนื่องจากช่วยปรับปรุงระบบปฏิทินโรมัน ตามชื่อ Julius Caesar คนอังกฤษตั้งชื่อกรกฎาคมว่า July เพื่อระลึกถึงจักรพรรดิพระองค์นี้
สิงหาคม ภาษาอังกฤษ: August
แม้ชื่อของพระองค์ผู้อ้างว่าเป็นเทพเจ้า Julius Caesar นั้นถูกใช้อย่างมากมาย แต่ก็ถูกดัดแปลงอย่างมีนัยสำคัญเช่นกัน โดยที่โดดเด่นที่สุดคือ Augustus Caesar หลานชายของจักรพรรดิพระองค์เก่งกาจองค์นี้ได้นำชื่อของเขามาตั้งเป็นชื่อเดือนภาษาอังกฤษ ดังนั้นจึงใช้ชื่อ August ตั้งแต่นั้นมาจนถึงปัจจุบัน

>>> Read more:
กันยายน ตุลาคม พฤศจิกายน ธันวาคม ภาษาอังกฤษ : September, October, November, December
เนื่องจาก Julius และ August ได้ใส่ชื่อไว้ในปฏิทินแล้ว 4 เดือนหลังนี้จึงต้องเลื่อนกลับไป 2 เดือนตามลำดับ
- กันยายน ภาษาอังกฤษ : September – Septem หมายถึง “ที่เจ็ด” ในภาษาละติน และตามปฏิทินโรมันโบราณ เดือนกันยายนเป็นเดือนที่ 7 ใน 10 เดือนของหนึ่งปี จึงได้ชื่อว่า September
- ตุลาคม ภาษาอังกฤษ : October – คำว่า Octo ในภาษาละตินหมายถึง “ที่ 8” (เดือนที่ 8 ของปี) คุณสามารถนึกถึง “octopus” ซึ่งเป็นปลาหมึกยักษ์ที่มีหนวด 8 เส้น แต่ต่อมามีการใส่ชื่อไว้ในปฏิทินเป็น 2 เดือน เลยเรียกตุลาคมว่า October เดือนสิ้นปีก็เปลี่ยนเป็นเดือนเต็ม ถ้าตามปฏิทิน เดือนนี้จะเป็นเดือนสิงหาคม ซึ่งเป็นเดือนที่แสดงความบริบูรณ์และความสุข
- พฤศจิกายน ภาษาอังกฤษ : November – ในภาษาละติน Novem หมายถึง “ที่ 9” และใช้เพื่อตั้งชื่อเดือนพฤศจิกายนภายหลัง
- ภาษาอังกฤษ ธันวาคม: December – ธันวาคมเป็นเดือนสุดท้ายของปี และตั้งชื่อตามเดือนที่ 10 ของชาวโรมันโบราณ

หวังว่าความรู้ที่น่าสนใจข้างต้นจาก ELSA Speak จะช่วยให้คุณไม่เพียงแต่จำคำศัพท์ได้นานขึ้นและง่ายขึ้นเท่านั้น แต่ยังช่วยให้คุณเรียนรู้วิธีการอ่านและเขียนคำที่บ่งบอกถึง “month” ในภาษาอังกฤษได้อย่างแม่นยำ ซึ่งจะช่วยให้คุณมั่นใจในการสื่อสารภาษาอังกฤษมากขึ้น ดังนั้น อย่าลืมศึกษาและฝึกฝนทุกวันเพื่อพัฒนาทักษะของคุณกันนะ!