Author: Bao Ngan Nguyen
How old are you? หมายถึง “คุณอายุเท่าไหร่” ซึ่งใช้เพื่อถามอายุของคนอื่นแต่ควรจำกัดการใช้งานกับคนแปลกหน้า มาเรียนรู้คำถามที่พบบ่อย How old are you กับ ELSA Speak นะ
How old are you คืออะไร
How old are you เป็นคำถามที่ใช้เพื่อถามอายุของคนอื่น นี่เป็นประโยคที่พบบ่อยและถูกใช้มากในการสื่อสารภาษาอังกฤษ
เมื่อคุณออกไปข้างนอกและพบชาวต่างชาติ คุณสามารถเริ่มบทสนทนากับพวกเขาและถามอายุพวกเขาได้
มีอีกประโยคที่มีความหมายเหมือนกับ How old are you คือ What is your age? แต่ชาวต่างชาติไม่ได้ค่อยใช้เพราะมันไม่เป็นธรรมชาติ
ผู้เริ่มเรียนหลายคนมักจะมีความสับสนระหว่าง How old are you และ How are you ดังนั้นเมื่อได้ยินคนอื่นถามคำถาม คุณต้องตั้งใจฟังนะ
คำศัพท์ภาษาอังกฤษเกี่ยวกับอายุที่คุณควรรู้
เรามักแบ่งกลุ่มตามอายุ เช่น เด็ก วัยรุ่น วัยหนุ่มสาว ผู้สูงอายุ เป็นต้น และในภาษาอังกฤษก็มีการแบ่งแยกเช่นนั้นด้วย หากคุณอยากถามตอบเรื่องอายุอย่ามองข้ามวลีต่อไปนี้
คำศัพท์เกี่ยวกับอายุและร่างกาย
- Baby: เด็กทารก (อายุ 0 – 1 ปี)
- Toddler: เด็กวัยหัดเดิน (อายุ 1 – 3 ปี)
- Child: เด็ก (อายุ 4 – 12 ปี)
- Teenager: วัยหนุ่มสาว (มีอายุระหว่าง 13 ถึง 19 ปี)
- Adolescent: วัยรุ่น (มีอายุระหว่าง 19 ถึง 25 ปี)
- Adult: ผู้ใหญ่
- Senior citizen: ผู้สูงอายุ
ตัวอย่าง
- ฉันเป็นเด็ก => I’m a child.
- ฉันเป็นเด็กวัยหัดเดิน => I’m toddler.
คำศัพท์เกี่ยวกับกลุ่มอายุในภาษาอังกฤษ
- Age group – กลุ่มอายุ มักใช้สำหรับวัยรุ่นและมีความแม่นยำในระดับสูง
Children in the 10-15 age group need help to choose which subjects to specialise in at school. (เด็กในกลุ่มอายุ 10 -15 ปีต้องการความช่วยเหลือในการเลือกวิชาเฉพาะที่โรงเรียน)
- Age bracket – วลีเฉพาะทางมากขึ้น
Most of our students are in the 14-18 age bracket. (ส่วนใหญ่นักเรียนของเราอยู่ในช่วงอายุ 14 -18 ปี)
- Peer group – กลุ่มคนที่มีอายุเท่ากันและมีระดับการศึกษาหรือภูมิหลังครอบครัวเดียวกัน
When I went to school and interacted with my peer group, I was exposed to a different culture outside my home. (เมื่อฉันไปโรงเรียนและมีปฏิสัมพันธ์กับกลุ่มเพื่อน ฉันได้สัมผัสกับวัฒนธรรมอื่นที่แตกต่างจากในบ้านของฉัน)
วิธีตอบคำถาม How old are you
วีธีตอบที่พบบ่อยที่สุด
เพราะนี่เป็นคำถามที่ใช้บ่อยในชีวิตประจำวัน จึงถูกใส่ไว้ใน Simple tense เมื่อผสมกับ old (หมายถึงอายุ) จะมีโครงสร้างคำถามและคำตอบดังนี้
คำถาม: How old are you?
คำตอบ:
S + to be + ตัวเลขอายุ + year(s) old
ตัวอย่าง:
- ตอบว่า ฉันอายุ 10 ปี : I am ten years old.
- ตอบว่า เขาอายุ 5 ขวบ: He is five years old.
- ตอบว่า เธออายุ 1 ขวบ: She is one year old.
จากตัวอย่างข้างต้น สามารถสรุปได้ว่า
- ถ้าอายุมากกว่า 1 ปี เราต้องเติม s อยู่หลัง year => years
- ถ้าอายุน้อยกว่าหรือเท่ากับ 1 ปี เราใช้เฉพาะ year โดยไม่ต้องเติม s
หากคุณไม่ได้ยินคำถามของผู้ถามอย่างชัดเจน คุณสามารถขอให้เขาทวนคำถามโดยพูดว่า Sorry!
เพียงเท่านั้นเขาจะถามคำถามซ้ำให้คุณ
วิธีตอบด้วยการผสมคำกริยาวิเศษณ์
คุณสามารถผสมคำกริยาวิเศษณ์เพื่อแสดงอารมณ์ ซึ่งช่วยให้คำตอบมีบริบทมากขึ้น
- Early: ยังหนุ่มอยู่ มีอายุน้อย
ตัวอย่าง เด็กที่มีอายุเพียง 5 ขวบ คุณจะเห็นว่าเขายังเด็กมาก
Linda is early five years old. // ลินดาอายุ 5 ขวบต้นๆ
- My mid: อยู่กลางของช่วงอายุหนึ่งๆ
ใช้คำนี้เมื่อคุณเดาอายุของคนอื่นโดยไม่ทราบอายุของเขาอย่างแน่นอน
Winny is in my mid 50 years old. // วินนี่อายุ 50 กลางๆ
- Late: อยู่ปลายของช่วงอายุหนึ่งๆ
Our are late 30 years old. // เราอายุ 30 ปลายๆ แล้ว
บทสนทนาใช้ How old are you
- Anna: Hi!
(สวัสดีค่ะ)
- Winne: Hi. Nice to meet you. What’s your name?
(สวัสดีค่ะ ยินดีที่ได้พบคุณ คุณชื่ออะไรคะ)
- Anna: I am Anna. And you?
(ฉันชื่อแอนนา แล้วคุณล่ะ)
- Winne: I’m Winne. How old are you?
(ฉันชื่อวินน์ คุณอายุเท่าไหร่ )
- Anna: I am 22 years old. And you?
(ฉันอายุ 22 ปี แล้วคุณล่ะ)
- Winne: I’m 22 years old.
(ฉันอายุ 22 ปี)
- Anna: What date is your birthday?
(วันเกิดของคุณคือวันที่เท่าไหร่คะ)
- Winne: My date of birth is 1/1/1996. When’s your birthday?
(วันเกิดของฉันคือวันที่ 1 มกราคม 2539 แล้ววันเกิดของคุณคือเมื่อไหร่)
- Anna: My birthday is on 15th of June. Where do you live?
(วันเกิดของฉันคือวันที่ 15 มิถุนายน คุณอาศัยอยู่ที่ไหน)
- Winne: I live in Paris. It is very beautiful. Where are you from?
(ฉันอาศัยอยู่ที่ปาริส ที่นี่สวยมาก คุณมาจากไหน)
- Anna: I am from Tokyo. (ฉันมาจากโตเกียว)
>>> Read more: Top 10 บทความภาษาอังกฤษพื้นฐานและเข้าใจง่าย
ข้อสังเกตเมื่อใช้ How old are you ในภาษาอังกฤษ
เรามักเรียกคนอื่นโดยการใช้คำว่า พี่ ป้า อา ลุง เป็นต้น เพื่อแสดงความสุภาพ แต่ในภาษาอังกฤษเราใช้ You เท่านั้นกับทุกวัย ดังนั้นเราต้องสังเกตนะคะ
คำถามที่พบบ่อย
How old are you แปลว่า?
How old are you หมายถึง “คุณอายุเท่าไหร่” ใช้เพื่อถามอายุของผู้อื่นในภาษาอังกฤษ นี่เป็นประโยคที่พบบ่อยในการสื่อสาร
How old are you อ่านว่า?
ตามวิธีอ่านของคนไทย How old are you จะอ่านว่า ฮาว โอลฺ อาร์ ยู หากอ่านตามตาราง IPA จะอ่านว่า How /haʊ/ old /oʊld/ are /ɑːr/ you /juː/
How old are you now แปลว่า?
How old are you now หมายถึง “ตอนนี้คุณอายุเท่าไหร่” คำถามนี้มีความหมายเหมือนกับ how old are you
ELSA Speak หวังว่าบทความข้างต้นในหัวข้อ How old are you ภาษาอังกฤษ จะเป็นข้อมูลที่มีประโยชน์มากมายสำหรับคุณ และช่วยปรับปรุงความสามารถในการสื่อสารภาษาอังกฤษของคุณนะ
คำบุพบทบอกเวลา (Preposition of time) เป็นหนึ่งในหัวข้อไวยากรณ์สำคัญ ช่วยให้ผู้พูดพรรณนาเวลาของเหตุการณ์และการกระทำ อย่างไรก็ตาม ผู้เรียนภาษาอังกฤษหลายคนยังไม่เข้าใจอย่างชัดเจนถึงวิธีการใช้คำบุพบทบอกเวลาแต่ละประเภท ในบทความนี้ ELSA Speak จะช่วยให้คุณเรียนรู้ความรู้โดยละเอียดเกี่ยวกับคำบุพบทบอกเวลา มาดูกันนะคะ!
Preposition of time (คำบุพบทบอกเวลา) คืออะไร
คำบุพบทบอกเวลาทำหน้าที่เป็นคำเชื่อมระหว่างคำกริยากับคำบอกเวลาในประโยค การใช้คำบุพบทบอกเวลาแสดงข้อมูลเกี่ยวกับเส้นเวลาหรือระยะเวลาที่เกิดขึ้นการกระทำ
ตัาอย่างเช่น
- Everyday, Martin gets up at 5 am. (ทุกวันมาร์ตินจะตื่นนอนตอนตี 5)
- Jenny decided to go to the library on Friday. (เจนนี่ตัดสินใจไปห้องสมุดในวันศุกร์)
วิธีการใช้ คำบุพบทบอกเวลา (Preposition of time)
คำบุพบทบอกเวลา “At”
วิธีการใช้คำบุพบทบอกเวลา “At” | ตัวอย่าง | ความหมาย |
คำบุพบทบอกเวลา “At” สามารถใช้เพื่อบอกเวลาที่เฉพาะเจาะจงลงไป เช่นเวลาตามนาฬิกาหรือมื้ออาหารในแต่ละวัน (breakfast, lunch, dinner…), วัยอายุ, ช่วงเวลาในแต่ละวัน (midday, midnight, night, bedtime, sunset, sunrise) | She leads such an unhealthy lifestyle. She often goes to bed late and gets up at midday. | เธอมีวิถีชีวิตที่ไม่ดีต่อสุขภาพ เธอมักจะนอนดึกและตื่นตอนเที่ยง |
คำบุพบทบอกเวลา “At” ก็สามารถใช้กับช่วงวันหยุดสั้นๆได้ด้วย เช่น New Year, Christmas, Easter, the weekend,… | Our family usually goes traveling at New Year. She spends a whole day shopping at the weekend. | ครอบครัวของเรามักจะไปเที่ยวในช่วงปีใหม่เธอใช้เวลาทั้งวันให้การช้อปปิ้งในช่วงสุดสัปดาห์ |
At สามารถนำมารวมกับคำนามบางคำเพื่อสร้างวลีบอกระยะเวลาได้: at the end of, at the beginning of, at the moment, at that time,… | At the end of this month, I will go abroad for studies. My mom is not at home at the moment. You can come back later. | สิ้นเดือนนี้ฉันจะไปเรียนต่อต่างประเทศตอนนี้ แม่ของฉันไม่อยู่บ้านคุณสามารถกลับมาใหม่ที่หลัง |
คำบุพบทบอกเวลา “In”
วิธีการใช้คำบุพบทบอกเวลา “In” | ตัวอย่าง | ความหมาย |
คำบุพบทบอกเวลา “In” สามารถใช้เพื่อแสดงช่วงเวลาที่กว้างที่สุด เช่น เดือน ปี ฤดูกาล ทศวรรษ ศตวรรษ… | Jenny was born in 2001. This building was built in the 19th century. | เจนนี่เกิดในปี พ.ศ. 2544อาคารตึกนี้ถูกสร้างขึ้นในศตวรรษที่ 19 |
คำบุพบทบอกเวลา “In” ใช้สำหรับการระบุวันหยุดลงไป หลักสูตร หรือสามารถใช้ in the morning, in the afternoon, in the evening ก็ได้ด้วย | Hanna will arrive at 7 o’clock in the morning. Peter looks for a temporary job in the summer holidays. | ฮันนาจะมาถึงเวลา 7 โมงเช้าปีเตอร์มองหางานชั่วคราวในช่วงวันหยุดฤดูร้อน |
คำบุพบทบอกเวลา “In” อ้างถึงระยะเวลาที่ใช้ในการดำเนินการบางอย่างให้เสร็จสิ้นในอนาคต | Jenny did the crossword in 10 minutes. | เจนนี่เล่นปริศนาอักษรไขว้ใน 10 นาที |
คำบุพบทบอกเวลา “On”
วิธีการใช้คำบุพบทบอกเวลา “On” | ตัวอย่าง | ความหมาย |
คำบุพบทบอกเวลา “On” บอกเวลาวันในสัปดาห์หรือเดือนของปี | Jenny’s birthday is on 14th May. Anna will meet John on Sunday. | วันเกิดของเจนนี่คือวันที่ 14 พฤษภาคมแอนนาจะพบกับจอห์นในวันอาทิตย์ |
คำบุพบทบอกเวลา “On” สามารถใช้เพื่ออ้างถึงวันหนึ่งในช่วงวันหยุดหรือ เวลาเฉพาะเจาะจงในวัน | Hanna often goes out on Sunday evening. My class had a party on Christmas Day. | ฮันนามักจะออกไปข้างนอกในคืนวันอาทิตย์ชั้นเรียนของฉันจัดปาร์ตี้ในวันคริสต์มาส |
ข้อสังเกต:
ไม่ใช้คำบุพบทบอกเวลา “At, On, In” นำหน้าบางคำ เช่น “all, each, every, some, last, next, this, today, tomorrow, yesterday”
ตัวอย่าง:
- Hanna will see you next Monday. (ฮันนาจะพบคุณวันจันทร์หน้า)
- Is Tom free tomorrow evening? (คืนพรุ่งนี้ทอมว่างไหม?)
>>> Read more:
คำบุพบทบอกเวลา “Before”
คำบุพบทบอกเวลา “Before” ในภาษาอังกฤษมักใช้เพื่ออ้างถึงเวลาก่อนจุดใดจุดหนึ่งกรณีเฉพาะและกรณีการใช้งานจำแนกออกได้ตามตารางด้านล่างนี้เกณฑ์ที่ใช้จำแนก
บอกช่วงเวลาหนึ่งของวัน: Before noon (ก่อนเที่ยง), before sunset (ก่อนพระอาทิตย์ตกดิน), before midnight (ก่อนเที่ยงคืน) | I have to finish this project before noon. | ฉันต้องทำโปรเจ็กต์นี้ให้เสร็จก่อนเที่ยง |
อ้างถึงวันใดวันหนึ่งเป็นการเฉพาะในระหว่างเทศกาลหนึ่งหรือวันหยุดพิเศษ: Before Christmas (ก่อนวันคริสต์มาส), before New Year’s Eve (ก่อนวันส่งท้ายปีเก่า), before Valentine’s Day (ก่อนวันวาเลนไทน์) | We need to buy presents before Christmas. | เราต้องซื้อของขวัญก่อนวันคริสต์มาส |
บอกถึงเหตุการณ์เฉพาะในอนาคต: Before the deadline (ก่อนกำหนดเวล), before the meeting (ก่อนการประชุม), before the flight (ก่อนขึ้นเครื่องบิน ) | We have to submit the report before the deadline. | เราต้องส่งรายงานก่อนกำหนดเวลา |
อ้างถึงการกระทำเฉพาะก่อนเวลาที่ได้กำหนด: Before going to bed (ก่อนเข้านอน), before leaving the house (ก่อนออกจากบ้าน), before starting the car (ก่อนสตาร์ทรถ) | Don’t forget to turn off the lights before going to bed. | อย่าลืมปิดไฟก่อนเข้านอนนะคะ |
คำบุพบทบอกเวลา “After”
คำบุพบทบอกเวลา “After” ในภาษาอังกฤษมักใช้เพื่ออ้างถึงเวลาก่อนจุดใดจุดหนึ่ง:
บอกช่วงเวลาหนึ่งของวัน : Afternoon (ตอนบ่าย), after sunset (หลังพระอาทิตย์ตก), after midnight (หลังเที่ยงคืน) | I will call you afternoon. | ฉันจะโทรหาคุณตอนบ่าย |
กล่าวถึงวันหรือเดือนที่แน่นอน: After Christmas (หลังวันคริสต์มาส), after New Year’s Day (หลังวันปีใหม่), after Valentine’s Day (หลังวันวาเลนไทน์) | We usually have a big sale after Christmas. | เรามักจะลดราคาครั้งใหญ่หลังวันคริสต์มาส |
กล่าวถึงเหตุการณ์เฉพาะในอดีตหรืออนาคต: After the party (หลังงานปาร์ตี้), after the meeting (หลังการประชุม), after the game (หลังเกม) | We will discuss the results after the meeting. | เราจะหารือเกี่ยวกับผลงานหลังการประชุม |
กล่าวถึงช่วงเวลาหนึ่งหลังจากเหตุการณ์เฉพาะหนึ่งๆ: After a few minutes (หลังจากไม่กี่นาที), after an hour (หลังจากอีกหนึ่งชั่วโมง), after a week (หลังผ่านไปหนึ่งสัปดาห์) | I usually feel better after a few minutes of rest. | ฉันมักจะรู้สึกดีขึ้นหลังจากพักผ่อนไม่กี่นาที |
กล่าวถึงการกระทำเฉพาะหลังจากเวลาที่ได้กำหนด: After finishing work (หลังจากเสร็จงาน), after leaving the office (หลังจากออกจากสำนักงาน), after getting home หลังจากกลับบ้าน). | I usually take a shower after finishing work. | ฉันมักจะอาบน้ำหลังจากทำงานเสร็จ |
คำบุพบทบอกเวลา “During”
คำบุพบทบอกเวลา “During” ในภาษาอังกฤษมักใช้เพื่ออ้างถึงเวลาในช่วงเวลาหรือเหตุการณ์เฉพาะ:
บอกช่วงเวลาหนึ่งของวัน: During the day (ระหว่างวัน), during the night (ระหว่างคืน), during the morning (ในช่วงเช้า), during the afternoon (ในช่วงบ่าย), during the evening (ในช่วงเย็น). | I like to drink coffee during the morning. | ฉันชอบดื่มกาแฟในในช่วงเช้า. |
บอกช่วงเวลาหนึ่งระหว่างสัปดาห์: During the week (ระหว่างสัปดาห์), during the weekend (ระหว่างสุดสัปดาห์) | I usually study during the week and relax during the weekend. | ฉันมักจะอ่านหนังสือระหว่างสัปดาห์และพักผ่อนระหว่างสุดสัปดาห์. |
บอกถึงเหตุการณ์เฉพาะ: During the concert (ในระหว่างการแสดงคอนเสิร์ต), during the meeting (ในระหว่างการประชุม), during the game (ระหว่างเกม). | Please be quiet during the concert. | อย่าส่งเสียงดังในระหว่างการแสดงคอนเสิร์ต |
บอกถึงช่วงเวลาหนึ่งของปี: During summer (ในระหว่างฤดูร้อน), during winter (ในระหว่างฤดูหนาว), during the holidays (ระหว่างวันหยุด). | We usually go to the beach during summer. | เรามักจะไปเที่ยวทะเลในระหว่างฤดูร้อน. |
บอกถึงการกระทำเฉพาะที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาหนึ่ง: During the party (ในระหว่างงานปาร์ตี้), during the class (ในระหว่างเรียน), during the movie (ระหว่างดูภาพยนตร์). | Please don’t talk during the movie. | อย่าพูดคุยกันระหว่างดูภาพยนตร์ |
คำบุพบทบอกเวลา “Until”
คำบุพบทบอกเวลา “Until” ในภาษาอังกฤษมักใช้เพื่ออ้างถึงเวลาจนถึงเวลาที่ได้กำหนด กรณีเฉพาะต้องใช้ “until” ในภาษาอังกฤษ:
บอกช่วงเวลาหนึ่งของวัน: Until noon (ถึงเที่ยงวัน), until sunset (ถึงพระอาทิตย์ต), until midnight (ถึงเที่ยงคืน). | You can play outside until sunset. | คุณสามารถเล่นข้างนอกได้จนถึงพระอาทิตย์ตก |
บอกวันหรือเดือนที่เฉพาะเจาะจง: Until Christmas (จนถึงวันคริสต์มาส), until New Year’s Eve (จนถึงวันส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่), until Valentine’s Day (จนถึงวันวาเลนไทน์). | We need to finish the project until New Year’s Eve. | เราต้องทำโครงการให้เสร็จจนถึงวันส่งท้ายปีเก่า |
บอกเหตุการณ์เฉพาะในอนาคต: Until the deadline (จนถึงกำหนดเวลา), until the meeting (จนถึงการประชุม), until the flight (จนกระทั่งเที่ยวบิน). | We have to wait until the flight arrives. | เราต้องรอจนกว่าเที่ยวบินจะมาถึง |
บอกระยะเวลาหนึ่งจนถึงเหตุการณ์เฉพาะ: Until then (จนกระทั่ง), until next week (จนกว่าอาทิตย์หน้า), until the end of the month (จนถึงสิ้นเดือน). | We can’t start the project until we have all the necessary materials. | เราไม่สามารถเริ่มโครงการได้จนกว่าเราจะมีวัสดุพื้นฐาน. |
บอกการกระทำเฉพาะจนถึงเวลาที่ได้กำหนด: Until I finish work (จนกว่าฉันจะทำงานเสร็จ), until you come back (จนกว่าคุณจะกลับมา), until the movie ends (จนกว่าหนังจะจบ). | I won’t go to bed until I finish my work. | ฉันจะไม่นอนจนกว่าฉันจะทำงานเสร็จ |
ข้อผิดพลาดทั่วไป
ไม่ใส่ “In”, “On”, “At” ก่อนวลีบอกเวลา
วลีบอกเวลาที่ขึ้นต้นด้วย each, every, next, last, some, this, that, one, any, all.
ตัวอย่าง:
- He plays football every Saturday. (เขาเล่นฟุตบอลทุกวันเสาร์.)
- Are you free next Monday at two o’clock? (ตอนบ่ายสองวันจันทร์หน้าคุณว่างไหม)
- Last summer we rented a villa in Portugal.(ฤดูร้อนที่แล้วเราเช่าวิลล่าหลังหนึ่งในโปรตุเกส.)
ไม่ใช้ “At” เมื่ออ้างถึงวันที่ที่ระบุ
ตัวอย่าง: He will be teaching at 14 October.
→ คำตอบที่ถูกต้อง: He will be teaching on 14 October. (เขาจะสอนในวันที่ 14 ตุลาคม)
แบบฝึกหัดเกี่ยวกับการใช้คำบุพบทบอกเวลา (Preposition of time)
แบบฝึกหัดที่ 1
เลือกคำตอบที่ถูกต้อง:
1. I usually get up _____________ 6 o’clock in the morning to go to school.
A. in
B. at
C. on
D. for
2. The outdoor workers will check out their shift _________ the afternoon.
A. at
B. for
C. when
D. in
3. Thompson was born ______ a small town_______January 8th.
A. in – on
B. in – at
C. at – on
D. for – over
4. What are you going to buy ________ Black Friday?
A. on
B. at
C. in
D. when
5. The weather tends to be more hot and humid ________ summer.
A. at
B. on
C. when
D. in
แบบฝึกหัดที่ 2
เติมคำบุพบทในช่องว่างให้ถูกต้อง (During, for, over, throughout)
1. Ms. Ha has been working in this company _______ 10 years.
2. _______ the summer, Lan has practiced the IELTS test _____ order to study abroad.
3. The Heineken advertisement is the most well-known video all _______ the world.
4. Hung and his friend spent 3 years together _________ the highschool years.
5. They had lived in Frankfurt _________ 8 years before moving to Vietnam.
แบบฝึกหัดที่ 3
เลือกคำตอบที่ดีที่สุดเพื่อเติมคำบุพบทในช่องว่างให้ถูกต้อง
1. The number of food waste increased ______ 2012_______2018.
2. _____ the time she gets twenty, she will be an independent girl.
3. The teacher did not believe in her eyes ________ John jumped out of the window in the middle of the lesson.
4. Your requirement will be canceled ______ 4 days after the day of registration.
5. We would like to see you __________ Christmas Day.
>>> Read more:
คำเฉลย
แบบฝึกหัดที่ 1:
1. B (6 โมงเช้าเป็นชั่วโมงเฉพาะ ตามทฤษฎี “at” ข้างต้น คำตอบ B เป็นคำตอบที่ถูกต้องที่สุด)
2. D (คำตอบ A คือ “at” ซึ่งจะพร้อมกับเวลาที่ได้กำหนด คำตอบ B “for” มักจะเชื่อมโยงกับช่วงเวลาหนึ่ง และคำตอบ C “WHEN” เป็นคำเชื่อม ดังนั้นคำตอบจะตามด้วยอนุประโยค => คำตอบ D เป็นคำตอบที่ถูกต้อง)
3. A (Small town เป็นสถานที่ที่ไม่เจาะจงเกินไป ดังนั้นให้ใช้ IN และวันที่ 8 มกราคม เป็นวันที่เจาะจง ดังนั้นคำบุพบทจะเป็น on)
4. A (Black Friday เป็นวันที่เจาะจง ดังนั้นคำตอบที่เหมาะสมคือ on)
5. D (ตามทฤษฎีข้างต้น ผู้เรียนจะใช้คำบุพบท IN สำหรับฤดูกาล)
แบบฝึกหัดที่ 2:
1. For ( สำหรับประโยคปัจจุบันสมบูรณ์แบบต่อเนื่อง,เพื่ออธิบายบุคคลที่ทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งในช่วงเวลาหนึ่ง ผู้เรียนใช้คำบุพบท For)
2. During – in (คำบุพบท During ใช้เมื่อพูดถึงการกระทำที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาเดียวกับที่มีการกระทำหรือเหตุการณ์หลักอื่นเกิดขึ้น และ “ใน IN ไปด้วยกับ Order to)
3. Over (collocation “all over the world)
4. Throughout (“throughout” อธิบายระยะเวลาไม่แน่นอนที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อ – “highschool years”)
5. For (“for”ที่นี้ให้ข้อมูลว่าการกระทำนั้นกินเวลานานเท่าใด ในประโยคนี้คือ “8 years”)
แบบฝึกหัดที่ 3:
1. From – to (เพื่อแสดงช่วงเวลาด้วยข้อมูลที่แน่นอนตั้งแต่กี่ปีถึงกี่ปี ผู้เรียนจึงใช้โครงสร้าง “from…to”)
2. By (สำหรับความหมายของประโยคและไวยากรณ์ ประโยคนี้ใช้ อนาคตกาลสมบูรณ์ต่อเนื่อง ผู้เรียนใช้โครงสร้าง by the time – ในขณะนั้น)
3. Until (ตามความหมายของประโยค – จนกระทั่ง…)
4. In (“4 days after the day of registration” เป็นช่วงเวลาที่ค่อนข้างเจาะจง จึงจะใช้ ณ์)
5. On (Christmas Day เป็นวันที่ระบุ ดังนั้นผู้เรียนจึงใช้ on ในกรณีนี้)
คำถามที่พบบ่อย
Preposition of time ใช้ยังไง
Preposition of time ใช้เป็นคำเชื่อมระหว่างกริยากับคำบอกเวลาในประโยค
Preposition of time มีอะไรบ้าง
Preposition of time รวมถึงคำต่างๆ เช่น in, on, at นอกจากนี้ยังมี in time, on time, during, for, since, from, to, by, before, after, until, within và between
ข้อความดังกล่าว ELSA Speak ได้รวบรวม และหวังว่าจะช่วยให้คุณมีความรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับคำบุพบทบอกเวลาในภาษาอังกฤษอย่างละเอียด เช่น วิธีการใช้งาน ตัวอย่าง และข้อฝึกหัดที่มีคำตอบ เพื่อให้คุณเตรียมตัวสอบได้อย่างมีประสิทธิภาพ โปรดอ้างอิงข้อมูลนี้เพื่อเตรียมสอบอย่างเต็มที่นะคะ
คำว่า “this, that, these, those” เป็นคำสรรพนามที่ผู้เรียนภาษาอังกฤษมีความคุ้นเคยดีในไวยากรณ์ภาษาอังกฤษ คำเหล่านี้ใช้เป็นคำที่ใช้แทนคำนาม ที่มีความหมายแตกต่างกันในประโยคขึ้นอยู่กับบริบท
นิยามของคําสรรพนาม
คํานิยาม
- คำสรรพนามชี้เฉพาะ (ภาษาอังกฤษ: Demonstrative Pronouns) ใช้เพื่ออ้างถึงผู้คนหรือสิ่งของที่กล่าวถึง มีทั้งหมด 4 คํา ในภาษาอังกฤษ ได้แก่: this, that, these, those.
- คำสรรพนามชี้เฉพาะจะอยู่ข้างหน้าคําสรรพนามเสมอ ในบางกรณีคำสรรพนามชี้เฉพาะไม่จําเป็นต้องมีคำสรรพนามและสามารถเป็นประธานของประโยคได้
- ตัวอย่าง:
This is my book. | นี่คือหนังสือของฉัน |
That is her telephone. | นั่นคือโทรศัพท์มือถือของเธอ |
This is my class’s new friend. | นี่คือเพื่อนร่วมชั้นคนใหม่ของฉัน |
Those are my children. They are very cute, aren’t they? | นั่นคือลูกของฉัน พวกเขาน่ารักมากใช่ไหม |
These apples are very fresh. | แอปเปิ้ลเหล่านี้สดมาก |
- ข้อสังเกต: ต้องแยกแยะระหว่าง this that these those – คำสรรพนามชี้เฉพาะกับคุณศัพท์ชี้เฉพาะ คุณศัพท์ชี้เฉพาะใช้กับคำสรรพนามที่ตามมา
- ตัวอย่าง:
These books are useful. (หนังสือเหล่านี้มีประโยชน์)
These are useful books for you. (หนังสือเหล่านี้เป็นหนังสือที่มีประโยชน์สำหรับคุณ)
>>> Read more: คำคุณศัพท์คืออะไรและต้องใช้อย่างไรในภาษาอังกฤษ
รูปแบบ
ในภาษาอังกฤษมีคำสรรพนามสาธิตอยู่ 4 คำ คือ This, That, These, Those โดยแบ่งตามเอกพจน์ – พหูพจน์และระยะใกล้ – ไกล ดังนี้
ระยะ | ใกล้ | ไกล |
เอกพจน์ | This (นี่/นี้) | That (นั่น/นั้น) |
พหูพจน์ | These (นี่/สิ่งเหล่านี้) | Those (นั่น/สิ่งเหล่านั้น) |
วิธีใช้
ตำแหน่ง
คำสรรพนามสาธิตในภาษาอังกฤษค่อนข้างยืดหยุ่นโดยสามารถมีบทบาทได้หลายอย่างในประโยค สำหรับบทบาทแต่ละประเภท คำสรรพนามสาธิตจะมีตำแหน่งที่แตกต่างกันไป มาดูกันว่าบทบาทและตำแหน่งเหล่านั้นจะเป็นอะไรบ้างนะ
อยู่ต้นประโยคเมื่อเป็นประธาน
ตัวอย่าง:
- This is my new car. (นี่คือรถใหม่ของฉัน)
- Those are my siblings. They are all younger than me. (นั่นคือน้อง ๆ ของฉัน พวกเขาอายุน้อยกว่าฉัน)
อยู่หลังคํากิริยาเมื่อเป็นกรรม
ตัวอย่าง:
- The experiences are so great. I’ll never forget those. (ประสบการณ์เหล่านั้นยอดเยี่ยมมาก ฉันจะไม่มีวันลืมมันเลย)
- I have asked for this 2 times but got no response. (ฉันขอสิ่งนี้ไป 2 ครั้งแล้วแต่ไม่ได้รับการตอบกลับเลย)
อยู่หลังคําบุพบท
เรามักจะเจอกรณีนี้กับการสนทนาในชีวิตประจําวัน
ตัวอย่าง:
- Look at that! (ดูนั่นสิ)
- There are some books on the table. Could you give me one of those? (มีหนังสือบางเล่มที่อยู่บนโต๊ะ คุณช่วยมอบให้ฉันเล่มหนึ่งในนั่นได้ไหม)
- After that, we went home straight away. (หลังจากนั้น พวกเราก็กลับบ้านทันที)
>>> Read more: คำบุพบท (preposition) คืออะไร? วิธีการใช้คำบุพบท
วิธีใช้คำสรรพนามชี้เฉพาะในภาษาอังกฤษ
ใช้เพื่ออ้างถึงผู้คนหรือสิ่งของ
เราจะใช้คำสรรพนามชี้เฉพาะที่เหมาะสมตามระยะห่างและปริมาณของผู้คนและสิ่งของที่เราต้องการอ้างถึง
ตัวอย่าง:
- In all your drawings I like this best. (ฉันชอบภาพนี้ที่สุดในภาพวาดทั้งหมดของคุณ)
- That really looks like the car I used to drive. (นั่นดูเหมือนรถที่ฉันเคยขับจริงๆ)
- Those look like oranges rather than apples. (นั่นดูเหมือนส้มมากกว่าแอปเปิ้ล)
- These are nice shoes, but they seem uncomfortable. (รองเท้าเหล่านี้สวยแต่ดูไม่ค่อยสบาย)
ใช้เพื่ออ้างถึงเหตุการณ์ สถานการณ์ที่กำลังจะเกิดขึ้นหรือกำลังจะกล่าวถึง
ในกรณีที่เราต้องการกล่าวถึงเหตุการณ์ที่ยังไม่จบ เราจะใช้ these หรือ this
ตัวอย่าง:
- I don’t want to say this, but I’m really not satisfied with the service here. (ฉันไม่ต้องการที่จะพูดแบบนี้แต่ฉันไม่พอใจกับบริการที่นี่จริงๆ)
- Listen to these. I bet you’ll like them. (ฟังนี่สิ ฉันพนันได้เลยว่าคุณจะชอบแน่นอน)
ใช้เพื่ออ้างถึงเหตุการณ์ สถานณการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้นหรือเกิดขึ้นไปแล้ว
เมื่อกล่าวถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแล้วหรือจบแล้ว เราจะใช้ Those และ That
- Those are too terrible and I will get blamed. (สิ่งเหล่านั้นแย่มากและฉันจะถูกตําหนิ)
- That is the best present that I have ever received. (นั่นคือของขวัญที่ดีที่สุดที่ฉันเคยได้รับมา)
วิธีใช้อื่น ๆ
This/ these, that/ those สามารถใช้แทนคำนาม (วลี) หรือประโยคที่กล่าวถึงแล้วได้
ตัวอย่าง:
- The fact is a pig’s intelligence is much greater than that of the dog.
(ความจริงก็คือหมูฉลาดกว่าสุนัขมาก)
That/ those ในบริบทที่เป็นทางการต่างๆ สามารถใช้เพื่อหมายถึง “the one(s)” (โดยเฉพาะเมื่อตามด้วยการเปรียบเทียบ)
ตัวอย่าง:
- I don’t like these flowers. I prefer those (ones) over there.
(ฉันไม่ชอบดอกไม้พวกนี้ ฉันชอบดอกไม้ที่นั่นมากกว่า)
- In a family, the responsibilities of the dad should be equal to those of the mom.
(ในครอบครัวความรับผิดชอบของพ่อควรเท่ากับความรับผิดชอบของแม่)
แยกแยะ this that these those
แยกแยะ this these
เราจะใช้ this (เอกพจน์) และ these (พหูพจน์) เป็นคำสรรพนาม:
- ใช้เพื่อพูดถึงผู้คนหรือสิ่งของที่อยู่ใกล้เรา:
This is a nice cup of tea. แปล: นี่คือชาถ้วยหนึ่งที่อร่อย
Whose shoes are these? แปล: รองเท้าคู่นี้เป็นของใครหรือ
- ใช้เพื่อแนะนําผู้คน:
This is Janet. (นี่คือเจเน็ต)
These are my friends, John and Michael. (นี่คือเพื่อนของฉัน จอห์นและไมเคิล)
- ข้อสังเกต:
เราจะไม่พูดว่า “These are John and Michael“
แต่จะพูดว่า “This is John and Michael“
- ใช้เพื่อแนะนําตัวเราเองเมื่อเริ่มการสนทนาทางโทรศัพท์มือถือ
Hello, this is David, can I speak to Sally? (สวัสดีครับ ผมคือเดวิด ผมขอคุยกับคุณแซลลี่ได้ไหมครับ)
>>> Read more: คํานามเอกพจน์และคำนามพหูพจน์คืออะไร คู่มือการใช้พร้อมกับแบบฝึกหัด
แยกแยะ that those
เราจะใช้ that (เอกพจน์) และ those (พหูพจน์) เป็นคําสรรพนาม:
- เพื่อกล่าวถึงผู้คนหรือสิ่งของที่อยู่ไกลเรา
What’s that? (นั่นคืออะไร?)
This is our house, and that‘s Rebecca’s house over there. (นี่คือบ้านของเราและนั่นคือบ้านของรีเบคก้า)
Those are very expensive shoes. (นั่นคือรองเท้าที่มีราคาแพงมาก)
- นอกจากนี้ยังใช้ “that” เพื่ออ้างถึงบางสิ่งที่ใครบางคนเคยทำหรือพูดมาก่อน
Shall we go to the cinema? (เราจะไปโรงหนังกันไหม)
Yes, that‘s a good idea. (ได้ นั่นเป็นความคิดที่ดี)
I’ve got a new job. (ฉันเพิ่งได้รับงานใหม่)
That‘s great. (ยอดเยี่ยม)
I’m very tired. (ฉันเหนื่อย)
Why is that? (ทําไมหรือ)
ข้อสังเกต: แยกแยะระหว่างคําสรรพนามชี้เฉพาะกับคําคุณศัพท์ชี้เฉพาะ
มีคำประเภทหนึ่งที่มีรูปแบบเหมือนกับคำสรรพนามชี้เฉพาะซึ่งก็คือ “คำคุณศัพท์ชี้เฉพาะ” (หรือเรียกว่า “คําบ่งชี้”) แม้ว่าทั้งสองจะรวม these, those, that, this แต่มีความแตกต่างเป็นอย่างมากในการใช้ก็คือ: คำคุณศัพท์ชี้เฉพาะมักจะใช้พร้อมกับคำนาม (เพราะกำลังอธิบายสิ่งนั้น) ในขณะที่คำสรรพนามสาธิตยืนอยู่คนเดียว
ตัวอย่าง:
- Can you see that beautiful building?
(คุณเห็นอาคารที่สวยงามนั้นไหม)
-> หลัง that คือคํานาม “building” ดังนั้น “that” ในกรณีนี้คือคําคุณศัพท์ชี้เฉพาะ
- Can you see that? – Yes, it’s more impressive than I thought.
(คุณเห็นอันนั้นไหม – เห็นค่ะ มันน่าประทับใจมากกว่าที่ฉันคิด)
-> “That” ยืนอยู่คนเดียว ดังนั้นในประโยคนี้ “that” คือคำสรรพนามสาธิต
แบบฝึกหัดและคําเฉลยโดยละเอียด
แบบฝึกหัด
กรอกคําสรรพนามสาธิตลงในช่องว่าง
1. Look at __________ newspaper here.
2. __________ are my grandparents, and __________ people over there are my friend’s grandparents.
3. __________ building over there is the Chrysler Building.
4. __________ is my mobile phone and __________ is your mobile phone on the shelf over there.
5. __________ photos here are much better than __________ photos in the book.
6. __________ was a great evening.
7. Are __________ your pencils here?
8. __________ bottle over there is empty.
9. __________ bricks over there are for your chimney.
10. John, take __________ folder and put it on the desk over there.
คําเฉลย
1. This | 2. These – those | 3. That | 4. This – that | 5. These – those |
6. That | 7. These | 8. That | 9. Those | 10. This |
คําถามที่พบบ่อย
This that these those อ่านยังไง?
This that these those อ่านว่า this /ðɪs/, that /ðæt/, these /ðiːz/, those/ðoʊz/
This that these those ใช้ยังไง?
This That These Those คือคําสรรพนามสาธิต (demonstrative pronouns) ชี้เฉพาะวัตถุที่กล่าวถึงในประโยค
บทความนี้นำเสนอความรู้และแบบฝึกหัดในภาษาอังกฤษที่ ELSA Speak ได้รวบรวมขึ้น ELSA Speak หวังว่าบทความนี้จะให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์แก่คุณ เพื่อเสริมสร้างทักษะการสื่อสารในภาษาอังกฤษ ทบทวนความรู้ด้านไวยากรณ์และแบบฝึกหัดเสริม อย่าลืมแวะมาเยี่ยมชมเป็นประจำนะ ขอบคุณที่อ่านบทความนี้
คำยอดนิยมที่ใช้เรียก “ที่รัก” ของคุณในภาษาอังกฤษ
- Angel: นางฟ้า
- Babe: สุดที่รัก
- Bae: สุดที่รัก เรียกสั้นๆ ใช้เหมือนคำว่า Babe
- Buddy: เพื่อนสนิทมากๆ
- Cutie: สาวน่ารัก
- Darling: ที่รัก, สุดที่รัก
- Dear: ที่รัก, ยอดดวงใจ
- Destiny: พรหมลิขิต, “you are my destiny” หมายความว่า “เธอคือพรหมลิขิตของฉัน”
- Diamond: เพชรล้ำค่า
- Doll: ตุ๊กตา
- Hero: ฮีโร่
- Honey: น้ำผึ้ง นอกจากนี้ยังมีความหมายว่าที่รัก ใช้เหมือนคำว่า Darling
- Love: ความรักของฉัน
- Lover: คนรัก
- Mine: ของฉัน
- My Beloved: ที่รักของฉัน
- My Boy/Girl: พ่อหนุ่มของฉัน/หญิงสาวของผม
- Pet: สัตว์เลี้ยง
- Precious: มีค่า, สำคัญมาก
- Soul Mate: คู่รัก, คนที่รักกันมาก
- Spring: ฤดูใบไม้ผลิ คนที่นำความสุขและพลังมาสู่ชีวิตของคุณ
- Star: ดาว
- Sugar: หวานใจ
- Sunshine: แสงสว่างของฉัน
- Superman: ซูเปอร์แมน
- Sweetheart: หวานใจ มาจากคำว่า “sweet” (หวาน) และคำว่า “heart” (ใจ)
- Sweetie: หวานใจ คนที่ตัวเองรักที่สุด มาจากคำว่า “sweet” (หวาน)
- Teddy Bear: เจ้าหมีน้อย
- Treasure: สมบัติ
- True Love: รักแท้ รักจริง
คำเรียก “แฟน” ภาษาอังกฤษเก๋ๆ
- Apple of My Eye: หมายถึง คุณคือสุดที่รักของผม
- Cherry Blossom: ดอกซากุระ หมายถึงการได้เจอคนรักคือการได้เจอดอกซากุระ
- Dream Guy/Girl: หนุ่ม/หญิงในฝัน
- Goat: G.O.A.T – ย่อมาจาก “greatest of all time”, อย่างไรก็ตาม ถ้าคุณอยากใช้ชื่อนี้ ต้องถามแฟนก่อนเพราะคำว่า “goat” ในภาษาอังกฤษก็แปลว่า “แพะ”
- Kind Witch: แม่มดใจดีที่ทำให้ฉันหลงใหล
- Kindred Spirit: เนื้อคู่ มีความผูกพันกันอย่างแน่นแฟ้น ทั้งในแง่ของชีวิต จิตใจ ความรู้สึก และจิตวิญญาณ
- K.O: knockout , สามารถเข้าใจได้ในความหมาย “คนที่ฉันจีบติดแล้ว” หรือ “คนที่ทำให้ฉันหลงรัก”
- Lucky Charm: เสน่ห์นำโชค
- My Everything: ทุกสิ่งทุกอย่างของฉัน
- Old Man/Lady: เป็นคำเรียกแฟนหรือสามีภรรยาที่หวานซึ้งที่สุดคำหนึ่ง โดยเฉพาะกับคู่แต่งงานที่ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันมาเป็นเวลานาน
- One and Only: หนึ่งเดียวคนนี้
- Other Half: อีกครึ่งหนึ่งของชีวิต
- Pumpkin: ฟักทอง – แต่คนอเมริกามักใช้เรียกแทน “ที่รัก” ใช้เหมือนคำว่า Sweetheart หรือ Darling
- Smile Maker: คนที่ทำให้ฉันหัวเราะ คนที่ทำให้ฉันมีความสุข
- Trouble: ความหมายเดิมของคำนี้คือ “ปัญหา อุปสรรค” แต่ก็สามารถใช้เรียกแฟนได้ด้วยน้ำเสียงที่ตลกขบขันล้อเลียน
>>> Read more:
- 44 วิธีบอกคิดถึงภาษาอังกฤษที่น่าประทับใจและแสนหวานแทนใช้ I miss you
- 90+ คําคมความรักภาษาอังกฤษที่มีความหมาย สั้นๆ และโรแมนติกที่สุด
คำเรียก “แฟน” ภาษาอังกฤษหวานๆ
คำเรียกแฟนด้วยชื่ออาหารอาจมาจากความหวานของอาหาร และขึ้นอยู่กับอาหารจานโปรดของคุณหรือแฟนของคุณ หรือเพียงแค่อาหารที่เกี่ยวข้องกับความทรงจำระหว่างคุณสองคน อาหารบางอย่างที่มักถูกกล่าวถึงสำหรับคู่รักกัน มาเรียนชื่อเรียกแฟนภาษาอังกฤษได้แก่:
- Apple: แอปเปิล
- Butter Candy: ลูกอมเนย
- Cake: เค้ก
- Candy: ลูกอม
- Cheesecake: ขนมชีส
- Cherry: เชอร์รี่
- Cookie: คุกกี้
- Cupcake: ขนมเค้กที่อยู่ในถ้วยพิมพ์
- Cutie Pie: ขนมหวานน่ารัก
- Dumpling: เกี๊ยว
- Fruitcake: ขนมผลไม้
- Gummy Bear: ขนมหมีเคี้ยวหนึบ
- Honey Bun: ขนมน้ำผึ้ง
- Hot Chocolate: ช็อคโกแลตร้อน
- Lollipop: อมยิ้ม
- Marshmallow: มาร์ชแมลโลว์
- Milk Tea: ชานม
- Mint Chocolate: มินต์ช็อก
- Muffin: ขนมปังกลมลูกเล็ก ๆ
- Pancake: ขนมเบื้อง
- Peach: ลูกท้อ
- Peanut: ถั่วลิสง
- Pudding: ขนมพุดดิ้ง
- Soda: น้ำโซดา
- Sweet Tea: ชาหวาน
คําเรียกแฟนน่ารักๆ ภาษาอังกฤษ ด้วยชื่อสัตว์น่ารัก
พวกคำนี้มักขึ้นอยู่กับความสัมพันธ์จากรูปลักษณ์และบุคลิกภาพของบุคคลนั้นเพื่อให้ชื่อที่น่ารัก เช่น:
- Bear: หมี
- Bunny: ลูกกระต่าย
- Cat: แมว
- Chipmunk: กระแต
- Dolphin: ปลาโลมา
- Dove: นกพิราบ – ใช้สำหรับผู้หญิงตาสวย
- Duck: เป็ด
- Eagle: นกอินทรี
- Fox: สุนัขจิ้งจอก คนรักเจ้าเล่ห์และฉลาด
- Honey Bee: ผึ้งน้ำหวาน, หมายถึงแฟนที่ขยัน
- Jonah: แปลว่า “นกพิราบ” ในภาษาฮีบรู คล้ายตำว่า Dove
- Kitty: แมวน้อย
- Lion: สิงโต เป็นชื่อสำหรับแฟนผู้ชายและแฟนผู้หญิงที่แข็งแกร่ง
- Night Owl: นกฮูกกลางคืน คนที่มักจะอยู่ดึกเพื่อคุยกับคุณ
- Oisin: แปลว่า “กวางตัวน้อย” ในภาษาไอริช
- Panda: หมีแพนด้า
- Penguin: นกเพนกวิน
- Puppy: ลูกสุนัข
- Sparrow: นกกระจอก
- Tiger: เสือ, มักใช้กับนางแบบคู่รักที่แข็งแกร่ง คล้ายคำว่า Lion
>>> Read more: คำศัพท์สัตว์ภาษาอังกฤษที่พบบ่อยที่สุด
คำเรียก “แฟน” กับคำที่เป็นของคู่กัน มีอะไรบ้าง?
นอกจากคําเรียกแฟนน่ารักๆ ภาษาอังกฤษและโรแมนติกแล้ว คู่รักบางคู่ยังเลือกใช้คํา เรียกแฟน ผู้ชาย ภาษาอังกฤษ หรือคําเรียกแฟนผู้หญิงภาษาอังกฤษเป็นของคู่กัน เช่น:
- Beast/Beauty: เรียกเหมือนในเรื่อง “Beauty and the Beast” (นางงามกับอสูร)
- Bow/Arrow: คันธนูและลูกศร
- Chip/Dale: พี่น้องกระรอกในแอนิเมชั่นของวอล์ทดิสนีย์
- Fire/Ice: ไฟและน้ำแข็ง
- Ken/Barbie: ตุ๊กตาเคนและตุ๊กตาบาร์บี้
- King/Queen: พระราชาและราชินี
- Mickey/Minnie: มิกกี้เมาส์และมินนี่แฟนสาวของเขา
- Milk/Cookies: นมและคุกกี้
- Prince/Princess: เจ้าชายและเจ้าหญิง
- Romeo/Juliet: คู่รักชื่อดังในละครของนักเขียนชาวอังกฤษ วิลเลียม เชคสเปียร์
- Salt/Pepper: เกลือและพริกไทย
- Sugar Daddy/Sugar Baby: แฟนผู้ชายและแฟนผู้หญิง (เรียกเล่นๆ)
- Thunder/Lightning: ฟ้าร้อง/ฟ้าผ่า
- Tom/Jerry: คู่รักแมวและหนูมักจะหยอกล้อกันในการ์ตูนเรื่อง “Tom and Jerry”
- Wolf/Lamb: หมาป่าและแกะ
บทความข้างต้นรวบรวมคำเรียกแฟนผู้ชาย ผู้หญิง ในภาษาอังกฤษน่ารักๆ หากต้องการเรียนรู้คำศัพท์ใหม่ๆ ในหัวข้อความรัก อย่าลืมติดตาม ELSA Speak เพื่ออัปเดทบทเรียนใหม่ทุกวัน ขอให้คุณมีความสุขในวันวาเลนไทน์นะคะ
บรรยกาศของวัน Valentine กำลังจะมา แต่คุณยังไม่ทราบวิธีแสดงความรู้สึกอย่างไรในวันวาเลนไทน์ อย่ากังวลเลยค่ะ เพราะ ELSA Speak จะรวบรวมคำอวยพรวาเลนไทน์หรือแคปชั่นวาเลนไทน์ทั้งหมดให้คุณ มาดูกันเลย
คำอวยพรวาเลนไทน์ที่แสนหวานที่สุดในภาษาอังกฤษ
คำอวยพรวันวาเลนไทน์ในภาษาอังกฤษที่ไพเราะและน่าสนใจที่สุด บางคนอาจไม่คุ้นเคยกับการแสดงความรู้สึกทุกวัน ในกรณีนี้ วาเลนไทน์ถือเป็นโอกาสที่ดีในการชดเชยหากคุณเป็นคนขี้อาย เนื่องในโอกาสวันที่ 14 กุมภาพันธ์ ลองทดสอบความกล้าหาญส่งคำอวยพรอันแสนหวานด้านล่างนี้ถึงคนที่คุณรัก
คำอวยพร | ความหมายภาษาไทย |
Are you a banana? Because I find you a-peel-ing. | (เธอ) เป็นกล้วยใช่หรือเปล่า เพราะ (ฉัน) พบว่า (เธอ) มีเสน่ห์มาก(เล่นคำ “ a peeling” และ “appealing”) |
Every beat of my heart tells me how much I love you. It is impossible to live without you. Happy Valentine’s Day my sweetheart. | ทุกจังหวะของหัวใจ ย้ำเตือน (ฉัน) ว่า (ฉัน) รัก (เธอ) มากเพียงใด การอยู่โดยไม่มี (คุณ) เป็นไปไม่ได้ ขอให้ (คนรัก) มีความสุขในวันวาเลนไทน์ |
Every love story is wonderful but ours is my favorite. | เรื่องราวความรักทุกเรื่องนั้นแสนวิเศษ แต่ (ฉัน) ชอบแค่ของเราเท่านั้น |
Happy Valentine’s Day my love! You mean the world to me, and I will forever love you! | สุขสันต์วันวาเลนไทน์ ความรักของ (ฉัน) (เธอ) หมายถึงโลกสำหรับ (ฉัน) และ (ฉัน) จะรัก (เธอ) ตลอดไป! |
Happy Valentine’s Day to my beloved. Thanks for coming into my life and making it special forever. | สุขสันต์วันวาเลนไทน์ ความรักของ (ฉัน) ขอบคุณ (เธอ) ที่เข้ามาในชีวิต (ฉัน) และทำให้มันพิเศษตลอดไป |
Happy Valentine’s Day to the most special person in my life. | สุขสันต์วันวาเลนไทน์ ส่งถึงคนพิเศษที่สุดในชีวิตของ (ฉัน) |
Happy Valentine’s Day! My favorite place in the world is right next to you. | ขอให้ (เธอ) มีความสุขในวันวาเลนไทน์ ในโลกนี้สิ่งที่ (ฉัน) รักคือการได้อยู่กับ (เธอ) |
Happy Valentine’s day, love. I’m so grateful to have you by my side. | สุขสันต์วันวาเลนไทน์ ความรักของ (ฉัน) (ฉัน) รู้สึกขอบคุณมากที่มี (เธอ) อยู่เคียงข้าง(ฉัน) |
Here’s to a Valentine’s Day filled with good wine, good food, and especially a good lover like you. | วันนี้เป็นวันวาเลนไทน์ที่มีไวน์ดีๆ อาหารดีๆ และโดยเฉพาะอย่างยิ่งมีคนรักที่แสนวิเศษเช่นเธอ |
I can’t think of anyone to whom I’d rather be toasting on Valentine’s Day than a lover like you. I love you. Happy Valentine’s Day! | (ฉัน) ไม่คิดว่าจะมีใครเหมาะที่จะดื่มฉลองกับ(ฉัน) ในวันวาเลนไทน์นี้มากกว่า(เธอ) (ฉัน) รัก (เธอ) ขออวยพรให้ (เธอ) มีความสุขในวันวาเลนไทน์ |
I fell in love with you because of all the small things you don’t even realize you’re doing. | (ผม) รัก (เธอ) เพราะสิ่งเล็กๆ น้อยๆ ทั้งหมด ที่(เธอ) ทำ ซึ่งบางที (เธอ) อาจจะไม่รู้ด้วยซ้ำ |
I love you, my dear, and there’s nothing I wouldn’t do for you. Happy Valentine’s Day! | (ฉัน) รัก (คุณ) ที่รักของฉัน และไม่มีสิ่งใดที่ (ฉัน) ทำไม่ได้เพื่อ (คุณ) ขออวยพรให้คุณมีความสุขในวันวาเลนไทน์! |
I met you. I liked you. I love you. I’m keeping you. | (ผม) ได้พบกับ (คุณ) (ผม) ชอบ (คุณ) (ผม) รัก(คุณ) และ (ผม) จะรักษา (คุณ) ไว้ |
I never believed in luck until I found you. | (ผม) ไม่เคยเชื่อเรื่องโชคลาภ จนกระทั่ง (ผม) ได้พบ (เธอ) |
If my heart were a kingdom, you would be the king of it. Happy Valentine’s day, my precious! | ถ้าหัวใจของ (ผม) เป็นอาณาจักร (เธอ) จะเป็นผู้ปกครองมัน สุขสันต์วันวาเลนไทน์อันล้ำค่า |
Valentine is just one day in the year, but you should know that I love you every day and every moment. Take my love on this beautiful occasion! | วาเลนไทน์เป็นเพียงวันเดียวของปี แต่ (คุณ) ควรรู้ว่า (ผม) รัก (คุณ) ทุกวันและทุกช่วงเวลา โปรดรับความรักของ (ผม) ในโอกาสอันล้ำค่านี้ด้วย |
Like you and me, some things are just meant to be. | เช่นเดียวกับ (ผม) และ (เธอ) มีบางสิ่งที่มีอยู่เป็นโชคชะตา |
May you feel the warmth of love and a bunch of appreciation on valentine’s day because you deserve it! Happy Valentine’s Day, my dear! | ขอให้ (เธอ) รู้สึกถึงความอบอุ่นแห่งความรักและความซาบซึ้งในวันวาเลนไทน์นี้ เพราะ (เธอ) สมควรได้รับมัน สุขสันต์วันวาเลนไทน์ที่รักของผม |
No one can understand me better than you and that is why God sent you to me. I love my dear. | ไม่มีใครสามารถเข้าใจ (ผม) ได้ดีไปกว่า (เธอ) และนั่นคือสาเหตุที่พระเจ้าส่ง (เธอ) ไปหา (ผม) รักเธอนะ ที่รัก |
Nothing is more important and precious than you in my life. I love you forever. Happy Valentine’s Day my love! | ไม่มีอะไรสำคัญและมีค่ามากกว่า (เธอ) ในชีวิต (ของผม) รักเธอตลอดไป สุขสันต์วันวาเลนไทน์ที่รัก (ของผม) |
To my special person this Valentine’s Day, I couldn’t ask for someone who loves and supports me more than you do. | ถึงคนสำคัญ (ของผม) ในวันวาเลนไทน์ (ผม) ไม่สามารถขอใครสักคนที่รักและสนับสนุน (ผม) มากกว่า (เธอ) ได้ |
Thank you for being my perfect half. Happy Valentines Day 2024! | ขอบคุณ (เธอ) ที่เป็นครึ่งหนึ่งที่สมบูรณ์แบบ (ของผม) ขออวยพรให้เธอมีความสุขในวันวาเลนไทน์ปี 2024 |
Thank you for making me laugh and smile every single day since the day we met. | ขอบคุณที่ทำให้ (ผม) หัวเราะและยิ้มทุกวันตั้งแต่เราพบกัน |
Thank you for standing by my side through thick and thin, my forever. | ขอบคุณ (เธอ) ที่อยู่เคียงข้าง (ผม) ผ่านช่วงเวลาที่ดีและไม่ดีตลอดไป |
The best things in life are better with you. | สิ่งที่ดีที่สุดในชีวิตจะดีขึ้นเมื่อมี (คุณ) |
True love is the key to the heart and happiness to the soul and a gift to life. Happy Valentine’s day. | ความรักที่แท้จริงคือกุญแจสู่หัวใจ ความสุขของจิตวิญญาณ และเป็นของขวัญแห่งชีวิตที่แท้จริง สุขสันต์วันวาเลนไทน์ |
Valentine, you take my breath away, every single day. | วาเลนไทน์ (เธอ) ทำให้ (ผม)ตื่นเต้นจนแทบลืมหายใจเลย |
Whenever I feel like giving up, your love keeps me going. | เมื่อไรก็ตามที่ (ผม) อยากยอมแพ้ ความรัก(ของเธอ) จะช่วยให้ (ผม) ก้าวต่อไป |
Whenever I’m with you, wherever we are, I’m home. | เมื่อไหร่ก็ตามที่ฉันอยู่กับคุณ ไม่ว่าฉันจะอยู่ที่ไหน ก็คือบ้าน |
Wishing you a beautiful day filled with all the love and happiness you deserve. | ขออวยพรให้ (เธอ) มีวันที่สวยงาม เปี่ยมด้วยความรัก และความสุข ที่ (เธอ) สมควรได้รับ |
Words will fail to describe my love for you. (anh) one life would be too short to live with you. Happy Valentine’s day. | คำพูดจะไม่สามารถอธิบายความรัก (ผม) ที่มีต่อ (เธอ) ได้ และชีวิตหนึ่งนั้นสั้นเกินไปที่จะอยู่ร่วมกับ (เธอ) ขออวยพรให้เธอมีความสุขในวันวาเลนไทน์ |
You are the best thing that ever happened to me. Happy Valentine’s day, my happiness. | (เธอ) คือสิ่งที่ดีที่สุดที่เกิดขึ้นกับ (ผม) สุขสันต์วันวาเลนไทน์ ความสุขของผม |
You are the only flower that will bloom forever in my heart. Happy Valentine’s Day, Love! | (เธอ) คือดอกไม้ดอกเดียวที่จะเบ่งบานในใจ(ของผม) ตลอดไป สุขสันต์วันวาเลนไทน์ที่รัก |
You may hold my hand for a while, but you hold my heart forever. | (เธอ) อาจจับมือ (ผม)ได้เพียงครู่หนึ่งแต่ (เธอ)จะกุมหัวใจ (ของผม) ตลอดไป |
You’re my best friend and my partner in crime. Thank you so much for being you. | (เธอ) เป็นเพื่อนของ (ผม) ก็เป็นเพื่อนที่ดีของ(ผม) ด้วย ขอบคุณมากที่เป็น (เธอ) |
I’ve never been so sure of anything in my whole life, except “you’re the one”. | (ผม) ไม่เคยมั่นใจอะไรมาทั้งชีวิต ยกเว้น “(เธอ) เป็นเพียงคนเดียว” |
You’re the only person I send heart-eye (em)ojis to. | (เธอ) เป็นคนเดียวที่ (ผม) ส่งอิโมจิหัวใจให้ |
>>> Read more: 110+ คำเรียกแฟนภาษาอังกฤษ ความหมายน่ารักๆ สำหรับคู่รัก
คำอวยพรวาเลนไทน์เป็นภาษาอังกฤษตามวัตถุ
นอกจากคำอวยพรวาเลนไทน์แสนหวานที่กล่าวมาข้างต้นแล้ว คุณยังสามารถมอบคำอวยพรพิเศษให้แฟน ภรรยา หรือสามีของคุณเพื่อเป็นการขอบคุณที่คอยอยู่เคียงข้างคุณเสมอมา มาดูคำแนะนำจาก ELSA Speak ด้านล่างเพื่อรู้วิธี “เอา ใจ” อีกฝ่ายด้วยวิธีง่าย ๆ
คำอวยพรวาเลนไทน์เป็นภาษาอังกฤษสำหรับแฟนสาว
ในฐานะเป็นผู้หญิง ไม่มีใครไม่อยากให้คนรักแสดงความห่วงใยผ่านความปรารถนาอันโรแมนติกและเสน่หา หากต้องการแสดงความรู้สึกของคุณต่อแฟนสาวในวันวาเลนไทน์ คุณสามารถอ้างอิงความปรารถนาดีบางส่วนจาก ELSA Speak ต่อไปนี้ได้
คำอวยพร | ความหมายภาษาไทย |
Every love song is about you. Happy Valentine’s Day! | ทุกเพลงรักมีไว้สำหรับคุณ ขออวยพรให้คุณมีความสุขในวันวาเลนไทน์ |
Happy Valentine’s Day to the most beautiful woman I know. | ส่งคำอวยพรสุขสันต์วันวาเลนไทน์ให้กับสาวสวยที่สุดที่ผมรู้จัก |
I am the most fortunate man that I can call you “my girl”. Have a lovely Valentine’s day, honey. | ผมเป็นคนที่โชคดีที่สุดเพราะผมสามารถเรียกเธอว่า “ของผม” ได้ ขอให้เธอมีวันวาเลนไทน์ที่น่ารักนะแฟนของผม |
May our love keep us united for eternity! I am so lucky to have you in my life. Happy Valentine’s day. | ขอให้ความรักของเราผูกมัดเราไว้ด้วยกันตลอดไป ผมโชคดีมากที่มีเธออยู่ในชีวิต สุขสันต์วันวาเลนไทน์ |
My life is beautiful because you are in it. I hope you have a fantastic Valentine’s day, my love! | ชีวิตผมสวยงามเพราะมีเธออยู่ข้าง ๆ ผมหวังว่าเธอจะมีวันวาเลนไทน์ที่ยอดเยี่ยมนะที่รัก |
You take my breath away. Always. | เธอกลั้นลมหายใจของผม จะเป็นเสมอ |
คำอวยพรวาเลนไทน์เป็นภาษาอังกฤษสำหรับแฟนผู้ชาย
ไม่ใช่แค่ผู้หญิงเท่านั้นที่ชอบรับความปรารถนา ผู้ชายจะมีความสุขมากเช่นกันเมื่อพวกเขาได้รับ “คำสารภาพ” ที่น่ารักและอ่อนหวานจากอีกครึ่งหนึ่งของพวกเขา หากคุณกำลังมองหาคำอวยพรที่มีความหมายสำหรับแฟนของคุณ ลองใช้คำแนะนำข้อใดข้อหนึ่งต่อไปนี้
คำอวยพร | ความหมายภาษาไทย |
Happy Valentine’s day to the love of my life. You are a blessing I will always cherish. | ขอให้คุณมีความสุขในวันวาเลนไทน์ รักในชีวิตของฉัน คุณเป็นพรที่ฉันจะยึดมั่นตลอดไป |
Happy Valentine’s Day to the most special person in my life. | ส่งคำอวยพรสุขสันต์วันวาเลนไทน์ถึงคนที่สำคัญที่สุดในชีวิตของฉัน |
Happy Valentine’s Day, my handsome. | สุขสันต์วันวาเลนไทน์นะหนุ่มหล่อของฉัน |
Here’s to being my emergency contact someday. | นี่จะเป็นผู้ติดต่อกรณีฉุกเฉินของคุณสักวันหนึ่ง |
I can’t think of a single moment without you, my love. Happy Valentine’s Day, my “valentine”! | ฉันนึกภาพไม่ออกว่าถ้าไม่มีคุณอยู่ข้าง ๆ ที่รักของฉัน สุขสันต์วันวาเลนไทน์ “วาเลนไทน์” ของฉัน |
I love you for always making me feel like the happiest girl in the world. I want to make this Valentine’s Day the best day of your life! | ฉันรักคุณเพราะคุณทำให้ฉันรู้สึกเหมือนเป็นผู้หญิงที่มีความสุขที่สุดในโลกเสมอ ฉันอยากให้วันวาเลนไทน์นี้เป็นวันวาเลนไทน์ที่ดีที่สุดในชีวิตของคุณ |
I love you more than pizza. | ฉันรักคุณมากกว่าพิซซ่า |
You’re my everything. Happy Valentine’s Day! | คุณคือทุกสิ่งทุกอย่างของฉัน สุขสันต์วันวาเลนไทน์ |
You’re the only person I send heart-eye emojis to. | คุณเป็นคนเดียวที่ฉันส่งอิโมจิหัวใจไปให้ |
Your hugs make me feel safe in all my despair. Being your girlfriend is the best feeling I could ever have. Happy Valentine’s Day handsome. | ในความสิ้นหวัง อ้อมกอดของคุณทำให้ฉันรู้สึกปลอดภัย การเป็นแฟนของคุณเป็นความรู้สึกที่ดีที่สุดที่ฉันเคยมี ขอให้มีความสุขในวันวาเลนไทน์นะหนุ่มหล่อ |
คำอวยพรวาเลนไทน์เป็นภาษาอังกฤษสำหรับภรรยา
ทำหน้าที่ดูแลทั้งครอบครัว ความพยายามของภรรยาน่าชื่นชมอย่างยิ่ง หากคุณเป็นผู้ชายที่แต่งงานแล้วและกำลังมองหาคำอวยพรวันวาเลนไทน์ที่มีความหมายให้กับภรรยาของคุณ โปรดดูคำอวยพรด้านล่างนี้
คำอวยพร | ความหมายภาษาไทย |
A wife like you is a pure blessing for life. I Love you so much, dear wife. Happy Valentine’s Day! | การมีภรรยาแบบคุณถือเป็นโชคในชีวิตของผมอย่างแน่นอน รักคุณมากภรรยาที่รัก ขออวยพรให้คุณมีความสุขในวันวาเลนไทน์ |
A wife like you is a treasure for anyone. My life would be incomplete if you were not in it. I love you truly madly and deeply! Happy Valentine’s day! | ภรรยาเช่นคุณเป็นสมบัติของใครก็ตามชีวิตของผมคงไม่สมบูรณ์แบบหากไม่มีคุณ ผมรักคุณอย่างบ้าคลั่งและสุดซึ้ง ขออวยพรให้คุณมีความสุขในวันวาเลนไทน์ |
I’m the luckiest to have you in my life. Happy Valentine’s Day my beautiful wife! | ผมเป็นคนที่โชคดีที่สุดที่มีคุณในชีวิต ขออวยพรให้คุณมีความสุขในวันวาเลนไทน์ภรรยาคนสวยของผม |
I would choose you again and again. Happy Valentine’s Day to the woman of my dreams. | ผมสามารถเลือกคุณได้ครั้งแล้วครั้งเล่า ขออวยพรให้ผู้หญิงในฝันของผมมีความสุขในวันวาเลนไทน์ |
My beloved wife, I will choose you over anything on earth and in heaven. Happy Valentine’s day. | ภรรยาที่รักของผม ผมจะเลือกคุณเหนือสิ่งอื่นใดในโลกและในสวรรค์ ขออวยพรให้คุณมีความสุขในวันวาเลนไทน์ |
Thanks for being you and for being mine. | ขอบคุณที่เป็นคุณและเป็นของผม |
What would I do without you by my side? Happy Valentine’s Day to the love of my life. | ผมจะทำอย่างไรโดยไม่มีคุณอยู่เคียงข้างผม ขอให้คุณมีความสุขในวันวาเลนไทน์ รักในชีวิตของผม |
You are my best friend, my partner, and my soulmate. I love you. | คุณคือเพื่อนที่ดีที่สุดของผม สหาย และคนสนิทของผม ผมรัก |
You’re the reason I am who I am today. Thank you for everything you do for our family. Happy Valentine’s Day, my love! | คุณคือเหตุผลที่ผมกลายเป็นผมในวันนี้ ขอบคุณสำหรับทุกสิ่งที่คุณทำเพื่อครอบครัวของเรา ขออวยพรให้คุณมีความสุขในวันวาเลนไทน์ที่รักของผม |
>>> Read more:
คำอวยพรวาเลนไทน์เป็นภาษาอังกฤษสำหรับสามี
เมื่อพูดถึงคำว่า “ครอบครัว” ย่อมเป็นไปไม่ได้เลยที่จะเพิกเฉยต่อการมีส่วนร่วมของสามีเป็นเสาหลักของการดูแลและปกป้องสมาชิกทุกคนในครอบครัว สามี – พ่อก็สมควรได้รับการขอบคุณจากอีกครึ่งหนึ่งในวันวาเลนไทน์ เพื่อช่วยให้สายสัมพันธ์ในครอบครัวใกล้ชิดยิ่งขึ้น อย่าลืมส่งความปรารถนาอันมีความหมายด้านล่างไปให้สามีของคุณ
คำอวยพร | ความหมายภาษาไทย |
Happy Valentine’s day, husband. Thank you for loving me and making me feel special every day! | ขอให้สามีของฉันมีความสุขในวันวาเลนไทน์ ขอบคุณที่รักฉันและทำให้ฉันรู้สึกพิเศษทุกวัน |
I’m so lucky to be in love with you, my dear husband. | ฉันโชคดีมากที่ได้รักคุณ สามีที่รักของฉัน |
I’m thankful in every way for having a husband so amazing as you. You’ve made my life a piece of heaven. Wishing you a happy Valentine’s Day with love! | ฉันรู้สึกขอบคุณสำหรับทุกสิ่งเพราะมีสามีที่ยอดเยี่ยมเช่นคุณ คุณได้ทำให้ชีวิตของฉันเป็นส่วนหนึ่งของสวรรค์ ด้วยความรักขอสุขสันต์วันวาเลนไทน์ |
Thank you for always making me feel special. You are the best husband in the world and a perfect gift for my life. Wishing you all the love on this day! | ขอบคุณที่ทำให้ฉันรู้สึกพิเศษเสมอ คุณเป็นสามีที่ดีที่สุดในโลกและเป็นของขวัญที่ดีที่สุดในชีวิตของฉันด้วย ขออวยพรให้คุณด้วยทุกรักของฉัน |
Thank you for bringing so much love, joy, and adventure into my life. I love you. | ขอบคุณที่นำความรัก ความสุข และการผจญภัยมากมายเข้ามาในชีวิตของฉัน ฉันรักคุณ |
Through all the seasons, through all of time… I love you. Happy Valentine’s Day. | ตลอดทุกฤดูกาล ตลอดเวลา…ฉันรักเธอ ขออวยพรให้คุณมีความสุขในวันวาเลนไทน์ |
You still make me laugh. You still give me butterflies. And I’m still falling for you every single day. Happy Valentine’s Day! | คุณยังคงทำให้ฉันหัวเราะ คุณยังคงนำความรักมาให้ฉัน และฉันยังรักคุณแม้ทุกวันจะผ่านไป ขออวยพรให้คุณมีความสุขในวันวาเลนไทน์ |
ข้อความวาเลนไทน์เป็นภาษาอังกฤษสำหรับคู่รักทางไกล
ความรักทางไกลถือเป็นความท้าทายที่ยิ่งใหญ่ที่สุดสำหรับคู่รัก เนื่องจากระยะทางทางภูมิศาสตร์ จึงเป็นเรื่องยากสำหรับคู่รักที่จะหลีกเลี่ยงความรู้สึกคิดถึงและความโศกเศร้าเมื่อไม่สามารถพบกันเป็นประจำได้ ในกรณีนี้ ข้อความตลกขบขันอาจเป็นทางเลือกที่เหมาะสมที่สุดและเพียงพอที่จะแสดงความรักในขณะที่ยังคงสร้างบรรยากาศระหว่างคนสองคนที่สบายใจและมีความสุข มาดูกันเลย
คำอวยพร | ความหมายภาษาไทย |
All I need in this life is you and me. Oh, and WiFi. And wine. And snacks. But that’s it, I swear. | ทั้งหมด (ผม) ต้องการในชีวิตนี้คือ (เธอ) และ (ผม) ทั้งไวไฟ แอลกอฮอล์ และของว่าง แต่ (ผม) สาบานนั่นคือทั้งหมด |
Besides cheese, you are my favorite. | นอกจากชีสแล้ว (เธอ) ยังเป็นงานอดิเรกของฉันอีกด้วย |
Happy Valentine’s Day! Are you seriously not sick of me yet? | สุขสันต์วันวาเลนไทน์! (คุณ) แน่ใจว่าคุณยังไม่เบื่อ (ผม) ใช่ไหม |
Happy Valentine’s day, my dearest. May the love you spread find its way back to you. | ขออวยพรให้ (เธอ) มีความสุขในวันวาเลนไทน์ ที่รัก (ของผม) ขอให้ความรักที่ (เธอ) แผ่กระจายกลับมาหา (เธอ) |
I always searched for someone to live with, but I ended up finding the person I cannot live without. Happy Valentine! | (ผม) ยังมองหาใครสักคนอยู่ด้วยเสมอ แต่สุดท้าย (ผม) ก็พบคนที่ (ผม) ขาดไม่ได้ ขออวยพรให้เธอมีความสุขในวันวาเลนไทน์ |
I’m so happy and thankful to have found someone as weird as me. | (ผม) มีความสุขและขอบคุณมากที่ได้พบคนแปลกเช่นผม คือ (คุณ) |
I’m yours. Sorry, no refunds or exchanges. | (คุณ) เป็นของ (ฉัน) ขอโทษ แต่จะไม่มีการคืนหรือการแลกเปลี่ยน |
It is the best day to tell you that I have fallen for you. Happy Valentine’s day. Please be my “valentine”. | นี่เป็นวันที่ดีในการบอก (คุณ) ว่า (ผม) ตกหลุมรัก (คุณ) ขออวยพรให้คุณมีความสุขในวันวาเลนไทน์ แค่เป็น “วาเลนไทน์” (ของผม) นะ |
Love will make you feel fifteen at the age of fifty. So be in love always. Happy Valentine’s day. | ความรักจะทำให้คุณรู้สึกเหมือนอายุ 15 เมื่อคุณอายุ 50 ดังนั้นเรามารักกันตลอดไปนะ สุขสันต์วันวาเลนไทน์ |
No matter what happens in life, my love will always keep you safe and sound. I’m always here for you whenever you need me. Happy Valentine’s Day! | ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในชีวิต ความรัก (ของผม) จะทำให้เธอปลอดภัยเสมอ (ผม) จะอยู่ที่นี่เสมอเมื่อใดก็ตามที่ (เธอ) ต้องการ (ผม) ขออวยพรให้เธอมีความสุขในวันวาเลนไทน์ |
So happy we both swiped right. | ดีใจที่เราทั้งคู่ “ปัดไปทางขวา” |
The world becomes paradise when your hand is in mine. I love you, and I hope you know. | โลกกลายเป็นสวรรค์เมื่อผมจับมือเธอ (ผม) รัก (เธอ) และหวังว่า (เธอ) จะเข้าใจเช่นกัน |
You have the worst taste in TV shows, and I’m still madly in love with you. That’s how you know it’s real. | แม้ว่ารสนิยม (ของคุณ) ในการดูโทรทัศน์จะแย่มาก (ผม) ยังคงรัก (คุณ) อย่างบ้าคลั่ง เชื่อว่ามันเป็นเรื่องจริง |
Your smile matters to me the most because it brings nothing but joy in my life. I love you more than you can imagine. Happy Valentine’s Day. | รอยยิ้ม (ของเธอ) เป็นสิ่งสำคัญที่สุดเพราะมันนำความสุขมาสู่ชีวิต (ของผม) (ผมรักเธอมากกว่าที่เธอคิด ขออวยพรให้เธอมีความสุขในวันวาเลนไทน์ |
คำอวยพรวาเลนไทน์เป็นภาษาอังกฤษสำหรับเพื่อนและญาติ
ไม่เพียงแต่สำหรับคู่รักหรือคนรักเท่านั้น วันวาเลนไทน์ยังเป็นโอกาสที่ดีสำหรับการส่งคำอวยพรถึงเพื่อนและญาติอีกด้วยเพื่อยืนยันความสำคัญของเขาในหัวใจของคุณ หากคุณยังคงสงสัยว่าจะขออวยพรกับเพื่อนและญาติอย่างเหมาะสมและหลีกเลี่ยงความเข้าใจผิดได้อย่างไร ไม่ต้องกังวลเพราะ ELSA Speak จะแนะนำคุณที่นี่
คำอวยพร | ความหมายภาษาไทย |
A very happy Valentine’s Day to all! Love is the most beautiful thing in the world. So let’s spread the love! | ขอให้ทุกคนมีความสุขในวันวาเลนไทน์ ความรักคือสิ่งสวยงามที่สุดในโลกนี้ ดังนั้นเรามากระจายความรักด้วยกัน |
For my dear friends and family, I wish you get cherished moments filled with love this valentine’s day. Once again, wishing you Happy Valentine’s Day! | ถึงเพื่อนและครอบครัวที่รักของฉัน ฉันหวังว่าทุกคนจะได้รับช่วงเวลาแห่งความรักอันแสนล้ำค่าในวันวาเลนไทน์นี้ สุขสันต์วันวาเลนไทน์ทุกคนอีกครั้ง |
Happy Valentine’s day 2024. May you celebrate love not only this one day but throughout the year. | สุขสันต์วันวาเลนไทน์ 2024 ขอให้ทุกวันเป็นวันวาเลนไทน์สำหรับคุณ ไม่ใช่แค่วันเดียว |
Happy Valentine’s day to you and your family. Hold closer to the one you love the most. Have a wonderful celebration of the day! | ส่งคำอวยพรสุขสันต์วันวาเลนไทน์ให้กับคุณและครอบครัว ใกล้ชิดกับคนที่คุณรักมากที่สุดมากขึ้น ขออวยพรให้คุณมีวันแห่งการเฉลิมฉลองที่ยอดเยี่ยม |
May this Valentine’s day bring all the love your heart can hold. Sending hugs and best wishes! Happy Valentine’s Day to all. | ขอให้วันวาเลนไทน์นำความรักทั้งหมดมาสู่หัวใจของคุณ ส่งกอดและความปรารถนาดีถึงคุณ ขอให้ทุกคนมีความสุขในวันวาเลนไทน์ |
คำพูดบางส่วนที่สวยงามสำหรับวาเลนไทน์ในภาษาอังกฤษ
หากคุณอ่านคำแนะนำข้างต้นทั้งหมดแล้ว แต่ไม่สามารถเลือกคำอวยพรวาเลนไทน์เป็นภาษาอังกฤษที่คุณต้องการได้คุณสามารถ “ยืม” ถ้อยคำของคนดัง นักเขียน กวี… เพื่อแสดงความรู้สึกของคุณได้อย่างเต็มที่ ด้านล่างนี้คือคำพูดบางส่วนที่มีชื่อผู้แต่งเพื่อใช้อ้างอิง
คำพูด | ความหมายภาษาไทย |
“And I’d choose you; in a hundred lifetimes, in a hundred worlds, in any version of reality, I’d find you and I’d choose you.” – Kiersten White | “และฉันจะเลือกคุณ ในร้อยชาติ ในร้อยโลก ไม่ว่าในความเป็นจริงใดก็ตาม ฉันจะตามหาคุณ และฉันจะเลือกคุณ” – ผู้เขียนKiersten White |
“I seem to have loved you in numberless forms, numberless times, in life after life, in age after age forever.” – Rabindranath Tagore | “ดูเหมือนว่าฉันจะรักคุณหลายพันวิธี นับครั้งไม่ถ้วน จากชีวิตสู่ชีวิต ตลอดไปและตลอดไป” – ผู้เขียน Rabindranath Tagore |
“I would rather share one lifetime with you than face all the ages of this world alone.” — Arwen in The Lord of the Rings | “ฉันอยากจะแบ่งปันชีวิตกับคุณมากกว่าการเผชิญโลกนี้เพียงลำพังมานานหลายศตวรรษ” ตัวละคร Arwen ใน “The Lord of the Rings” |
“I’m scared of walking out of this room and never feeling the rest of my whole life the way I feel when I’m with you.” — Baby in Dirty Dancing | “ฉันกลัวที่จะเดินออกจากห้องนี้ และไม่สามารถรู้สึกตลอดชีวิตที่เหลือเหมือนที่ฉันทำร่วมกับคุณ” ตัวละคร Baby Houseman ใน “Dirty Dancing” |
“It is a curious thought, but it is only when you see people looking ridiculous, that you realize just how much you love them.” — Agatha Christie | “อาจเป็นความคิดที่แปลก แต่เมื่อคุณดูไร้สาระกับใครบางคนเท่านั้นที่คุณจะรู้ว่าคุณหลงรักพวกเขา” – นักประพันธ์ Agatha Christie |
“In case you ever foolishly forget: I am never not thinking about you.” – Virginia Woolf | “ถ้า (คุณ) โง่พอที่จะลืม: (ผม) จะไม่หยุดคิดถึง (คุณ)” – Virginia Woolf |
“Love doesn’t make the world go ’round. Love is what makes the ride worthwhile.” — Franklin P. Jones | “ความรักไม่ได้ทำให้โลกหมุนไป แต่ความรักคือสิ่งที่ทำให้การเคลื่อนไหวนี้คุ้มค่า” – ผู้เขียน Franklin P. Jones |
“Love is life. All, everything that I understand, I understand only because I love. Everything is, everything exists, only because I love.” — Leo Tolstoy | “ความรักคือชีวิต ทั้งหมด ทุกสิ่งที่ฉันเข้าใจ เข้าใจเพียงเพราะว่าฉันรัก ทุกสิ่งอยู่ที่นั่น ทุกสิ่งดำรงอยู่ เพียงเพราะฉันรัก” – ผู้เขียน Leo Tolstoy |
“Much love much trial, but what an utter desert is life without love.” — Charles Darwin | “ยิ่งคุณรักมากเท่าไหร่ คุณก็ยิ่งมีความท้าทายมากขึ้นเท่านั้น แต่ชีวิตก็จะเป็นเหมือนทะเลทรายที่ปราศจากความรัก” – นักวิทยาศาสตร์ Charles Darwin |
“To me, you are perfect.” — Mark in Love Actually | “สำหรับผมคุณสมบูรณ์แบบ.” ตัวละคร Mark ในเรื่อง “Love Actually” |
“The best and most beautiful things in this world cannot be seen or even heard, but must be felt with the heart.” – Helen Keller | “สิ่งอัศจรรย์และสวยงามที่สุดในโลกนี้ไม่สามารถมองเห็นหรือได้ยินได้ แต่สามารถสัมผัสได้ด้วยหัวใจ” – ผู้เขียน Helen Keller |
“When first we fall in love, we feel that we know all there is to know about life, and perhaps we are right.”— Mignon McLaughlin | “เมื่อเราตกหลุมรักครั้งแรก เราคิดว่าเรารู้ทุกอย่างเกี่ยวกับชีวิต และบางทีเราอาจคิดถูก” – นักข่าว Mignon McLaughlin |
“When you realize you want to spend the rest of your life with somebody, you want the rest of your life to start as soon as possible.” — Harry in When Harry Met Sally | “เมื่อคุณรู้ว่าคุณอยากใช้ชีวิตที่เหลือกับใครสักคน คุณคงอยากให้ชีวิตที่เหลือของคุณผ่านไปอย่างรวดเร็ว” ตัวละคร Harry ใน “When Harry Met Sally” |
“I love you like crazy, baby Cuz I’d go crazy without you.” – Pixie Foudre | “ฉันรักเธอจนแทบบ้า ที่รัก เพราะฉันจะคลั่งไคล้โดยไม่มีเธออยู่ข้าง ๆ”– Pixie Foudre |
วันวาเลนไทน์เกี่ยวข้องกับความรักเสมอ ความรู้สึกเย้ายวนและโรแมนติก ดังนั้นอย่าอายและแสดงความรู้สึกที่จริงใจที่สุดต่อคนรักของคุณ ด้วยแคปชั่นวาเลนไทน์ คำอวยพรวาเลนไทน์ภาษาอังกฤษที่แนะนำโดย ELSA Speak ข้างต้น หวังว่าคุณและคนที่คุณรักจะมีวันวาเลนไทน์ที่มีความหมายและมีความสุข อย่าลืมกดติดตาม ELSA Speak เพื่อดูบทความภาษาอังกฤษที่น่าสนใจอีกมากมาย
>>> Read more:
- 100+ คําคม (Quote) ภาษาอังกฤษ ความหมายดีๆ สั้นๆ สร้างกำลังใจตัวเอง
- 80+ แคปชั่นภาษาอังกฤษสั้นๆความหมายดีที่สุดตลอดกาล
การกล่าว Complain เพื่อต้องการบอกว่าคุณอารมณ์เสีย ไม่มีความสุข หรือไม่พอใจกับบางคน/บางสิ่งบางอย่าง จะพูดประโยคดังกล่าวอย่างไรให้ดูสุภาพ มาเรียนรู้กับ ELSA Speak กันเลยนะ
รูปแบบประโยคภาษาอังกฤษที่มักใช้คอมเพลน
เมื่อคุณต้องการบ่นเกี่ยวกับสินค้า
- I’m really not happy with this shirt. (ฉันไม่พอใจกับเสื้อตัวนี้จริงๆ)
- It just broke down a few days ago. (มันพึ่งแตกเมื่อไม่กี่วันก่อน)
- Well, first the radio didn’t work and then the CD stopped working. (ตอนแรกวิทยุพังแล้วเครื่องเล่นซีดีก็ไม่เล่นอีกต่อไป)
- Sorry to bother you, but I think there’s something wrong with the air-conditioning. (ขอโทษที่รบกวน แต่ฉันคิดว่าเครื่องปรับอากาศมีปัญหา)
- I’m afraid there’s a slight problem with my room – the bed hasn’t been made. (ฉันเกรงว่าจะมีปัญหาเล็กน้อยกับห้องของฉัน – เตียงไม่น่าเชื่อถือ)
- Excuse me, but there’s a problem with the heating in my room. (ขอโทษที มีปัญหากับเครื่องทำความร้อนในห้องของฉัน)
- This isn’t what I ordered. (นี่ไม่ใช่เมนูที่ฉันสั่ง)
เมื่อคุณต้องการร้องเรียนเกี่ยวกับบริการบางอย่าง
- Look, there’s a mistake. I didn’t make any international calls. (ดูสิมีข้อผิดพลาด…ฉันไม่มีการโทรระหว่างประเทศ)
- How much longer do we have to wait? (เราต้องรออีกนานแค่ไหน)
- I’m not satisfied with the service here. (ฉันไม่พอใจกับบริการที่นี่)
- I’m afraid I have to make a complaint. Some money has gone missing from my hotel room. (ฉันเกรงว่าจะต้องบ่นเกี่ยวกับเงินบางส่วนจากห้องพักในโรงแรมของฉันหายไป)
>>> Read more: 15+ วิธีพูด ไม่เป็นไร ภาษาอังกฤษ ที่เรียบง่ายและจดจำได้ง่าย
ตัวอย่างประโยคในการคอมเพลน
เมื่อคุณรู้สึกไม่สบายใจเกี่ยวกับบางสิ่งบางอย่างแต่ยังคงต้องการตอบอย่างสุภาพ คุณสามารถใช้ตัวอย่างประโยคการร้องเรียนทั่วไปด้านล่างนี้
- I think you may have… (ฉันคิดว่าคุณอาจจะ…)
- I just noticed… (ฉันเพิ่งตระหนัก…)
- There seems to be a mistake… (ดูเหมือนว่าจะมีปัญหาเกิดขึ้นกับ…)
- I was very disappointed about… (ฉันผิดหวังกับ…มาก)
- I’m angry about… (ฉันโกรธเรื่อง…)
- I’ll make a complaint about it! (ฉันจะร้องเรียนเกี่ยวกับเรื่องนี้)
- I am calling to complain about… (ฉันโทรมาร้องเรียนเกี่ยวกับเรื่อง…)
- I have a complaint to make… (ฉันมีข้อร้องเรียนอย่างหนึ่ง…)
- Sorry to bother you but… (ขออภัยที่ต้องรบกวน แต่…)
- I’m sorry to say this but… (ฉันขอโทษที่ต้องพูดสิ่งนี้ แต่…)
- I’m afraid I’ve got a complaint about… (ฉันเกรงว่า ฉันมีเรื่องจะบ่นเกี่ยวกับ…)
- I’m afraid there is a slight problem with… (ฉันเกรงว่ามีปัญหานิดหน่อยกับเรื่อง…)
- Excuse me but there is a problem about… (ฉันขอโทษ แต่มีปัญหาเกิดขึ้น…)
- I want/wish to complain about… (ฉันอยากบ่นเกี่ยวกับ…)
- I don’t understand why… (ฉันไม่รู้ว่าทำไม…)
- I’m sorry to say this but… (ฉันเสียใจมากที่ต้องพูดแบบนี้ แต่…)
- There seems to be a problem with…(ฉันกำลังมีปัญหากับ…)
- There appears to be something wrong with…(มีบางอย่างผิดปกติกับ…)
- I was expecting … but… (ฉันกำลังรอคอย…แต่…)
- I want to complain about… (ฉันอยากจะบ่นเรื่อง…)
- I have to make a complaint about… (ฉันต้องบ่นว่า …)
- I hate to tell you but… (ฉันเกลียดที่จะบอกคุณเรื่องนี้จริงๆ แต่….)
- I’m angry about… (ฉันโกรธมากเรื่อง…)
- I’m not satisfied with… (ฉันไม่พอใจเกี่ยวกับเรื่อง…)
- I don’t understand why… (ฉันไม่เข้าใจว่าทำไม…)
- Excuse me but there is a problem… (ขอโทษแต่มีปัญหาอยู่ที่นี่…)
- This is unfair. (สิ่งนี้ไม่ยุติธรรมเลย)
- I don’t think this is fair. (ฉันไม่คิดว่ามันยุติธรรมจริงๆ)
- This is ridiculous. (นี่มันไร้สาระจริงๆ)
- I think this is ridiculous. (ฉันคิดว่ามันค่อนข้างไร้สาระ)
- This seems unreasonable. (เป็นเรื่องไร้สาระจริงๆ)
- I think that sounds unreasonable. (ฉันคิดว่ามันไร้สาระ)
- I wonder if you could help me…. (ฉันอยากรู้ว่าคุณสามารถช่วยฉันได้ไหม…)
- I hate to have to say this, but… (ฉันเกลียดที่จะพูดแบบนี้ แต่…)
- Sorry to bother you but… (ต้องขอโทษจริงๆ แต่…)
- I’m afraid I’ve got a complaint about… (ฉันอายมากที่จะพูดถึง…)
- Excuse me but there is a problem about… (ขอโทษ แต่ฉันเห็นปัญหาเกี่ยวกับ…)
- Won’t you please be quiet? (ช่วยเงียบไว้ได้ไหม)
ตัวอย่างประโยคขอให้แก้ปัญหา
หลังจากที่ผู้ฟังเข้าใจปัญหาที่มีอยู่แล้ว คุณควรเสนอหรือเสนอแนวทางแก้ไขไปในทิศทางที่คุณต้องการ รูปแบบประโยคบางส่วนที่คุณสามารถใช้ในส่วนนี้คือ
- Could I please speak with the manager? (ฉันสามารถพูดคุยกับผู้จัดการได้หรือไม่)
- Would it be possible…? (เป็นไปได้ไหม…)
- Is there any chance…? (มีวิธีใดบ้าง…)
- Can/Could you tell me…? (คุณบอกฉันได้ไหม…)
- Do you know…? (คุณรู้ไหม…)
- Would you mind…? (คุณจะรังเกียจไหม…)
- I would like to… (ฉันอยาก…)
- I’d be grateful/ appreciate if… (ฉันจะขอบคุณมากถ้า…)
- Please let me know… (กรุณาแจ้งให้ฉันทราบ…)
- I’d like a refund please. (ฉันต้องการเงินคืน)
- I’d be grateful if you would replace this stereo immediately. (ฉันจะขอบคุณมากหากคุณสามารถแลกเปลี่ยนเครื่องบันทึกนี้ให้ฉันได้ทันที)
- I would appreciate your sending me a replacement as soon as possible. (ฉันจะขอบคุณถ้าคุณจะส่งอีกอันมาให้ฉันโดยเร็วที่สุด)
- Please let me know what you intend to do about this situation. (โปรดแจ้งให้ผมทราบความคิดของคุณเกี่ยวกับเรื่องนี้)
หากต้องการตอบกลับข้อร้องเรียน ก่อนอื่นคุณต้องรับฟังเพื่อทราบว่าอีกฝ่ายกำลังประสบปัญหาอะไร จากนั้นจึงหาคำตอบและแนวทางแก้ไขที่เหมาะสม คุณสามารถตอบกลับได้หลายวิธี ขึ้นอยู่กับปัญหาของผู้พูดและความสามารถในการแก้ไขปัญหาของผู้ที่ได้รับการร้องเรียน
ตัวอย่างประโยคเกี่ยวกับการรับข้อร้องเรียน
ในกรณีที่ได้รับการตอบรับและตรวจสอบให้แน่ใจว่าปัญหามาจากฝั่งของคุณคุณสามารถใช้ได้หลายสำนวน
- I’m so sorry, but this will never happen again. (ฉันขอโทษ เรื่องนี้จะไม่เกิดขึ้นอีก)
- I’m sorry, we promise never to make the same mistake again. (ฉันขอโทษเราสัญญาว่าจะไม่ทำผิดพลาดนี้อีก)
- I can’t tell you how sorry I am. (ฉันขอโทษจริงๆ)
- I’m really sorry. We’ll do our best not to make the same mistake again. (ฉันขอโทษจริงๆ เราจะพยายามอย่างดีที่สุดเพื่อหลีกเลี่ยงข้อผิดพลาดเดิมซ้ำ)
ตัวอย่างประโยคเกี่ยวกับการปฏิเสธข้อร้องเรียน
ในกรณีที่ไม่เห็นด้วยกับคำขอของบุคคลอื่น คุณสามารถปฏิเสธหรือแนะนำวิธีแก้ปัญหาอื่นๆ อย่างสุภาพได้โดยใช้วลีด้านล่าง
- We are sorry but… (เราต้องขอโทษ แต่…)
- Sorry, there is nothing we can do about it. (ขอโทษ ไม่มีอะไรที่เราสามารถทำได้)
- I’m afraid, there isn’t much we can do about it. (ฉันกลัวว่าเราไม่สามารถทำอะไรได้)
- Sorry but it’s not our fault. (ขอโทษนะ แต่ไม่ใช่ความผิดของเรา)
>>> Read more:
- 4 ขั้นตอนในการปฏิเสธภาษาอังกฤษ
- วิธีการพูดแทน Of course อย่างธรรมชาติเหมือนเจ้าของภาษา
- 60+ วิธีบอกว่า Yes No ในภาษาอังกฤษ
บทสนทนาภาษาอังกฤษในการสื่อสารเพื่อการบ่น
บทสนทนาภาษาอังกฤษด้านล่างจะช่วยให้คุณฝึกฝนและเข้าใจสถานการณ์ได้ง่ายขึ้น
บทสนทนา 1
Liesel: Hi. What’s the matter? (สวัสดี มีเรื่องอะไรหรอ)
Amit: I hate to complain, but this soup is too salty. (ฉันเกลียดที่จะบ่นแต่ซุปนี้เค็มเกินไป)
Liesel: I’m very sorry sir. I’ll ask the manager to take care of this (ฉันขอโทษเป็นอย่างยิ่งครับท่านฉันจะถามผู้จัดการเกี่ยวกับเรื่องนี้)
Amit: Thank you. (ขอบคุณ)
บทสนทนา 2
Liesel: I’m afraid I have to return this jacket. (ฉันเกรงว่าฉันจะต้องคืนแจ็คเก็ตตัวนี้)
Amit: Oh, May I ask if there’s anything wrong with it? (เอ่อ ขอถามหน่อยได้มั้ยคะว่ามีปัญหาอะไรคะ)
Liesel: You see. There is a problem with the zip. (ดูนี่สิ ล็อคนี้พังแล้ว)
Amit: Oh, I’m so sorry madam. Would you like to change it for another one? (โอ้ ฉันขอโทษจริงๆ คุณต้องการเปลี่ยนไปใช้อันอื่นหรือไม่คะ)
Liesel: No, thank you. (ไม่ ขอบคุณค่ะ)
คำถามที่พบบ่อย
Complain กับ complaint ต่างกันอย่างไร? Complaint เป็นคำนามที่แสดงถึงความไม่พอใจ ส่วน complain เป็นคำกริยาที่ใช้พูดถึงความไม่พอใจกับบางคน/บางสิ่งบางอย่าง
จากบทเขียนข้างต้น ELSA Speak หวังว่าผู้อ่านจะเข้าใจวิธีการบ่นและวิธีการตอบกลับข้อร้องเรียนเป็นภาษาอังกฤษได้อย่างชัดเจน ซึ่งจะช่วยพัฒนาทักษะในการสื่อสารและสามารถสร้างความประทับใจที่ดีให้กับผู้คนจำนวนมากได้