Author: Bao Ngan Nguyen
ในปัจจุบัน มีแบบทดสอบหลายแบบที่ช่วยผู้เรียนภาษาอังกฤษสามารถตรวจความสามารถทางภาษาของตัวเองได้ หาก TOEFL เป็นวิชาการมากกว่าและเหมาะสำหรับนักศึกษาและนักวิจัยเชิงลึก การทดสอบ TOEFL ก็ได้รับความไว้วางใจมากมายจากวัยรุ่นหลายคน ในบทความนี้ผู้เขียนจะแนะนำข้อมูลเกี่ยวกับแบบทดสอบ TOEFL อย่างรายละเอียดที่สุด เพื่อช่วยให้ผู้อ่านมีมุมมองที่ครอบคลุมเกี่ยวกับการทดสอบนี้
TOEFL คืออะไร?
TOEFL (Test Of English as a Foreign Language) คือ ข้อสอบภาษาอังกฤษตามแบบมาตรฐาน โดยการสอบความสามารถทางด้านภาษาอังกฤษ 4 ทักษะ ได้แก่ การฟัง (Listening) การพูด (Speaking) การอ่าน (Reading) และการเขียน (Writing) เพื่อประเมินการใช้ภาษาอังกฤษของผู้เรียนในสภาพแวดล้อมมหาวิทยาลัย เชิงวิชาการหรือการเข้าเมืองจากต่างประเทศ ใบรับรอง TOEFL ได้รับการยอมรับจากองค์กรวิชาการ การศึกษาและธุรกิจที่สำคัญหลายแห่งทั่วโลก คะแนน TOEFL ถือว่าเป็นหนึ่งในข้อกำหนดสำหรับการเข้าศึกษาในมหาวิทยาลัยและวิทยาลัยส่วนใหญ่ในสหรัฐอเมริกา
ภาพรวม | รายละเอียด |
การสอบ | TOEFL |
องค์กรผู้ก่อตั้ง | ศูนย์บริการแบบทดสอบทางการศึกษาอเมริกา – ETS (Educational Testing Service) |
ทักษะ | การฟัง (Listening) – การพูด (Speaking) การอ่าน (Reading) – การเขียน (Writing) |
ระยะเวลา (TOEFL iBT) | 3 ชั่วโมง 10 นาที – 4 ชั่วโมง 20 นาที |
ระดับคะแนน (TOEFL iBT) | 0 – 120 (30 คะแนนสูงสุดสำหรับแต่ละทักษะ) |
ผล | 2 ปี |
ข้อดีของใบรับรองการสอบ TOEFL
ใบรับรอง TOEFL ได้รับการคัดเลือกจากหลาย ๆ คนให้พิชิต มีเหตุผลหลายประการที่คุณควรพิจารณาสอบ TOEFL และเหตุผลสำคัญบางประการมีดังนี้
TOEFL ถูกใช้กันอย่างแพร่หลาย
คะแนน TOEFL ได้รับการยอมรับจากมหาวิทยาลัยประมาณ 10,000 แห่งใน 150 ประเทศทั่วโลก นี่เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ผู้คนมากกว่า 35 ล้านคนเข้าสอบ TOEFL จนถึงปัจจุบัน การสอบ TOEFL ถือเป็นการสอบที่ยอดเยี่ยมเพื่อเข้ามหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดในโลก
เป็นที่นิยมมาก
วิทยาลัยและมหาวิทยาลัยยอมรับคะแนน TOEFL มากกว่าการสอบภาษาอังกฤษอื่นๆ เนื่องจาก TOEFL ทดสอบความสามารถทั้งการอ่าน การเขียน การฟัง และการพูดของแต่ละบุคคล และคะแนนถือเป็นการวัดความสามารถทางภาษาอังกฤษที่แม่นยำของแต่ละบุคคล
นอกจากนี้ การมีคะแนน TOEFL ในเรซูเม่ของคุณจะช่วยเพิ่มความรู้ทางวิชาชีพและความสามารถทางภาษาอังกฤษของคุณ ทำให้คุณมีโอกาสมากขึ้นในการสมัครเข้ามหาวิทยาลัย
พัฒนาทักษะด้านภาษาของคุณ
การทดสอบจะประเมินความสามารถในสี่ส่วน ได้แก่ การอ่าน การเขียน การพูด และการฟัง นอกจากเป้าหมายในการได้คะแนนสูงแล้ว การเตรียมตัวในการสอบ TOEFL ยังช่วยให้บุคคลปรับปรุงทักษะการสื่อสารภาษาอังกฤษของตนเองได้อย่างแท้จริง ทั้งการเขียนและการพูด การมีทักษะภาษาอังกฤษที่ดีจะเป็นประโยชน์เสมอไม่ว่าคุณจะเรียนต่อหรือทำงานก็ตาม
เติมเต็มการศึกษาในต่างประเทศและเอกสารวีซ่าของคุณ
คะแนน TOEFL ช่วยในการยื่นขอวีซ่าของคุณ คะแนน TOEFL มีผลใช้ได้และได้รับการยอมรับเหมือนใบรับรองความสามารถทางภาษาอังกฤษสำหรับการยื่นขอวีซ่าออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ หากคุณต้องการยื่นขอวีซ่าธุรกิจและใบสมัคร PR (ถิ่นที่อยู่ถาวร) การมีคะแนน TOEFL ที่ถูกต้องตั้งแต่ 79 หรือสูงกว่านั้น สามารถช่วยในการยื่นขอวีซ่าผู้อพยพตามอาชีพของคุณ
รูปแบบการสอบ TOEFL
TOEFL (iBT) – ค่าสมัครสอบประมาณ 6,000 บาท
TOEFL Intemet-based Test เป็นข้อสอบคอมพิวเตอร์ ทดสอบทั้ง 4 ทักษะ ได้แก่ การฟัง การพูด การอ่าน การเขียน โดยมีคะแนนตั้งแต่ 0 – 120 คะแนน (30 คะแนนสำหรับแต่ละทักษะ) ข้อสอบ TOEFL iBT เป็นข้อสอบที่ได้รับความนิยมมากเพราะคะแนนได้รับการยอมรับทั่วโลก (สอบที่ไทย คุณสามารถสมัครเข้ามหาวิทยาลัยหรือทุนการศึกษาทั่วโลกได้) หรือสอบจากประเทศอื่นก็ได้ คุณก็สามารถนำผลคะแนนไปยื่นต่อมหาวิทยาลัยในประเทศไทยได้ด้วย
TOEFL (ITP) – ค่าสมัครสอบประมาณ 1,800 บาท
โปรแกรมการทดสอบสถาบัน TOEFL คือการทดสอบ TOEFL ที่ดำเนินการโดยองค์กรหรือสถาบันการศึกษาต่างๆ มากมาย ซื้อข้อสอบจาก ETS เพื่อจัดสอบเอง เช่น MUIC หรือ Kasetsart University หรือ Rajabhat University เป็นต้น (ในโครงการ Teacher Return Home Project) การทดสอบจะเป็นแบบทดสอบแบบใช้กระดาษ (แบบทดสอบแบบใช้กระดาษตามปกติ) ทดสอบทั้ง 3 ทักษะ นั่นหมายถึงการอ่าน การฟัง และไวยากรณ์ที่มีคะแนนตั้งแต่ 310 – 677 คะแนน แต่แบบทดสอบ TOEFL ITP ไม่ค่อยได้รับความนิยมมาก นัก เนื่องจากคะแนนแค่สามารถใช้ได้โดยองค์กรที่จัดการทดสอบเท่านั้น เช่น TOEFL ITP และ MUIC (มักได้เรียกว่า TOEFL MUIC) เพราะฉะนั้นแค่สามารถได้ใช้เพื่อส่งคะแนนให้ MUIC
ตารางเปรียบเทียบคะแนน TOEFL iBT กับ TOEFL ITP
TOEFL ITP | TOEFL iBT |
0-310 | 0-18 |
347-393 | 19-29 |
397-433 | 30-40 |
437-473 | 41-52 |
477-510 | 53-64 |
513-547 | 65-78 |
550-587 | 78-95 |
โครงสร้างของแบบทดสอบ TOEFL
ทดสอบ | เวลา | จำนวนคำถาม | ข้อกำหนด | ระดับคะแนน |
อ่าน | ประมาณ 54-72 นาที | 30 – 40 | อ่าน 3-4 ย่อหน้าและตอบคำถามที่เกี่ยวข้อง | 0 – 30 |
ฟัง | ประมาณ 41-57 นาที | 28 – 39 | ฟัง 3-4 บทเรียนและ 2-3 บทสนทนาแล้วตอบคำถาม | 0 – 30 |
เวลาพัก | 10 นาที | |||
พูด | ประมาณ 17 นาที | 4 | คำถาม 1 ข้อกำหนดให้ผู้สอบต้องแสดงความคิดเห็นส่วนตัวและคำถาม 3 ข้อต้องการให้ผู้สอบบูรณาการทักษะในการตอบตามการฟังและการอ่าน | 0 – 30 |
เขียน | ประมาณ 50 นาที | 2 | คำถาม 1 ข้อกำหนดให้ผู้สอบตอบตามการอ่านและการฟังข้อความสั้นๆ ส่วนคำถาม 1 ข้อกำหนดให้ผู้สอบเขียนเรียงความเพื่อพิสูจน์ความคิดเห็นส่วนตัว | 0 – 30 |
>>> Read more:
- [รวบรวม] 5,000 + คำศัพท์ IELTS ตามหัวข้อที่พบบ่อยที่สุด
- 1000 คําศัพท์ TOEIC ที่พบบ่อยและวิธีท่องจำที่มีประสิทธิภาพที่สุด
คำแนะนำในการลงทะเบียนสอบ TOEFL
ลงทะเบียนด้วยบัญชี ETS
- ลงทะเบียนที่เว็บไซต์ ETS
- บันทึกข้อมูลให้ตรงกับเอกสารยืนยันตัวตนของคุณในวันสอบ
- หลังจากกรอกรายละเอียดแล้ว คุณจะได้รับการยืนยันทางอีเมล
- เข้าสู่ระบบและเลือกลงทะเบียนเพื่อทดสอบ
- เลือกวันสอบและศูนย์สอบ
- ลงทะเบียนสำเร็จ
- ชำระค่าธรรมเนียม – ออนไลน์
คุณสามารถลงทะเบียนได้ 15 วันก่อนวันสอบ
ลงทะเบียนด้วยการส่งเอกสารทางไปรษณีย์
- เยี่ยมชมเว็บไซต์ ETS และกรอกแบบฟอร์มลงทะเบียน TOEFL
- กรอกรายละเอียดด้วยปากกาสีน้ำเงินหรือสีดำ
- ส่งเอกสารการลงทะเบียนและชำระเงินไปยังที่อยู่ที่ให้ไว้ทางไปรษณีย์
- สิ่งนี้จะต้องดำเนินการอย่างน้อย 4 สัปดาห์ก่อนวันสอบ
- รับการยืนยันการลงทะเบียนทางอีเมล
ลงทะเบียนทางโทรศัพท์
- ติดต่อ RRC โดยตรงเพื่อลงทะเบียนสอบ
- สิ่งนี้จะต้องดำเนินการอย่างน้อย 7 วันก่อนวันสอบ
- ชำระค่าธรรมเนียมโดยใช้บัตรเครดิตหรือบัตรเดบิต
- การลงทะเบียนสามารถทำได้ผ่านบัญชี ETS เท่านั้น
หมายเหตุ ในกรณีที่ลงทะเบียนสอบ TOEFL ITP คุณสามารถส่งใบสมัครไปที่หน่วยงานทดสอบได้โดยตรง
ตรวจเวลาสอบและศูนย์จัดการสอบ TOEFL ที่นี่
จะลงทะเบียนสอบ TOEFL ได้ที่ไหน
ปัจจุบันคุณสามารถลงทะเบียนสอบ TOEFL ได้อย่างง่ายดายและรวดเร็วในสถานที่ต่างๆ ทั่วประเทศ ศูนย์ทดสอบบางแห่งที่คุณสามารถอ้างอิงได้ ได้แก่
- ศูนย์สอบ TOEFL ITP – Alist Pro Alist Pro (กรุงเทพฯ โคราช)
- ศูนย์สอบ TOEFL ITP – Paradigm (กรุงเทพฯ)
- ศูนย์สอบ TOEFL ITP – Global Study & Exchange (กรุงเทพฯ)
- ศูนย์สอบ TOEFL ITP – BEC Center BEC Center
- ศูนย์สอบ TOEFL ITP – EdNET ลาดพร้าว (กรุงเทพฯ)
สิ่งที่ต้องเตรียมตัวก่อนสอบเพื่อรับใบรับรอง TOEFL
ELSA Speak เชื่อมั่นว่าการเผชิญกับการสอบใดๆ ย่อมมีความกดดันทั้งมากและน้อย ตามมาด้วยความวิตกกังวลและความสับสนไม่รู้จะเตรียมตัวอะไรก่อนสอบ
- นอกจากสิ่งที่พื้นฐาน เช่น นำเอกสารประจำตัวทั้งหมด สลิปยืนยันการสอบ ตลอดจนถึงสถานที่ตรงเวลาและไม่สายแล้ว ยังต้องอย่าลืมนำเอกสารที่จำเป็นทั้งหมดมาด้วยเพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยงระหว่างดำเนินการ
- คุณควรทบทวนและฝึกทำแบบทดสอบ 3 ถึง 4 สัปดาห์ก่อนการสอบ เพื่อทำความ คุ้นเคยกับโครงสร้างแบบทดสอบและความกดดันด้านเวลา ในจุดนี้ คุณมีความรู้ที่ มั่นคงเพียงพอที่จะทดสอบตัวเอง
- ไม่ควรหาความรู้เพิ่ม 1 วันก่อนสอบ คุณควรให้เวลาจิตใจได้พักผ่อนและจดจำเคล็ดลับง่ายๆ เพื่อมุ่งความตั้งใจในการทำแบบทดสอบอย่างดีที่สุด
- คุณต้องกำหนดคะแนนที่คุณต้องการประมาณหนึ่งสัปดาห์ก่อนการสอบ เพื่อจะได้รู้ว่าคุณต้องใช้ความพยายามมากแค่ไหน
- พักผ่อนและนอนให้เพียงพอก่อนวันสอบเพื่อมีสุขภาพที่ดีและมีจิตใจที่แจ่มใสในการ ทำข้อสอบได้แม่นยำที่สุด
เปรียบเทียบ TOEFL กับ IELTS และ TOEIC
จุดที่เหมือนกัน
- เป็นใบรับรองภาษาต่างประเทศที่ใช้เพื่อทดสอบความสามารถทางภาษาอังกฤษเพื่อดูว่าผู้สอบมีคุณสมบัติตรงตามข้อกำหนดที่กำหนดไว้สำหรับเป้าหมายเฉพาะหรือไม่
- เนื่องจากองค์กรอันทรงเกียรติทั่วโลกจัดการแข่งขันจึงมีความเป็นกลางและความเที่ยง ธรรมสูงสุด
- ไม่มีแนวความคิดที่จะผ่านหรือตกเมื่อทำการสอบเพื่อรับใบรับรองเหล่านี้ ผู้สมัครจะได้รับการประเมินความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษตามเกณฑ์ที่กำหนดตามผลการทดสอบของตัวเอง
- หากคุณได้คะแนนสูงในการสอบเหล่านี้ มันจะช่วยให้ผู้สอบบรรลุความฝันและเป้าหมายของตนเอง เช่น การเรียนต่อต่างประเทศ การปักหลัก การทำงานในบริษัทต่างประเทศ…
- แต่อย่าลืมว่าใบรับรองเหล่านี้มีอายุแค่ 2 ปีเท่านั้น
จุดที่แตกต่างกัน
TOEFL | IELTS | |
แบบฟอร์มการสอบ | ใช้การทดสอบแบบกระดาษหรือแบบคอมพิวเตอร์ ตามแต่ละรูปแบบของการทดสอบทั้งหมด | ใช้การทดสอบบนคอมพิวเตอร์ บทความประกอบด้วย 3 ส่วนและสัมภาษณ์แบบตัวต่อตัวกับผู้สอบ |
คะแนนสูงสุด | คะแนนเต็ม 990 | แบนด์ 9.0 |
การสอบ | ใช้เวลาในการสอบทั้งหมด 4 ชั่วโมงและได้แบ่งเป็น การอ่าน (W) 60 – 80 นาที การเขียน (W) 50 นาที การฟัง (L) 34 – 51 นาทีและการพูด (20 นาที) | ใช้เวลาในการสอบทั้งหมด 2 ชั่วโมง 45 นาทีและได้แบ่งเป็น การอ่าน (W) 60 นาที การเขียน (W) 60 นาที การฟัง (L) 30 นาทีและการพูด (11 – 14 นาที) |
สถานที่สอบ | • แบบฟอร์มที่ 1 คือการสอบ TOEFL iBT จะได้ปฏิบัติโดยคอมพิวเตอร์ที่ศูนย์สอบ ในอาคาร Alma Link (ศูนย์สอบ TOEFL iBT Paradigm), มหาวิทยาลัยเกษมบัณฑิต (ศูนย์สอบ KBU PROMETRIC) และอาคาร Charn Issara Tower (การฝึกอบรมทรัพยากรองค์กร) บริษัทจำกัด •แบบฟอร์มที่ 2 คือการสอบ TOEFL ITP คุณจะทำข้อสอบบนกระดาษโดยการเขียนคำตอบและเลือกคำตอบที่ถูกต้องในกระดาษคำตอบที่i Test Center, Alistpro Bangkok, Alistpro Korat, Alma Link Building (Paradigm TOEFL ITP Test Center, Promphan) อาคาร (การเรียนรู้และการแลกเปลี่ยนระดับโลก), ศูนย์ BEC, EdNET Ladprao และ มหาวิทยาลัยแม่โจ้ (ศูนย์ภาษา MJU) | บริหารงานโดยบริติช เคานซิล(เป็นตัวแทนของสหราชอาณาจักร) และ IDP (เป็นตัวแทนของออสเตรเลีย) |
ค่าสอบ | ตั้งแต่ 1,000 – 5,900 บาทขึ้นไป | ตั้งแต่ 6,900 บาทขึ้นไป |
ตารางเกี่ยวกับการแปลงคะแนนระหว่าง IELTS และ TOEFL
TOEFL Paper | TOEFL CBT | TOEFL iBT | IELTS |
0 – 310 | 0 – 30 | 0 – 8 | 0 – 1.0 |
1 | 1 | 1 | 1 |
347 – 393 | 63 – 90 | 19 – 29 | 2.0 – 2.5 |
397 – 433 | 93 – 120 | 30 – 40 | 3.0 – 3.5 |
437 – 473 | 123 – 150 | 41 – 52 | 4.0 |
477 – 510 | 153 – 180 | 53 – 64 | 4.5 – 5.0 |
513 – 547 | 183 – 210 | 65 – 78 | 5.5 – 6.0 |
550 – 587 | 213 – 240 | 79 – 95 | 6.5 – 7.0 |
590 – 677 | 243 – 300 | 96 – 120 | 7.5 – 9.0 |
Top Score 677 | Top Score 300 | Top Score 120 | Top Score 9 |
คำถามที่พบบ่อย
TOEFL สอบวันไหน?
ตารางสอบ TOEFL จะแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับแต่ละประเทศและหน่วยงานที่จัดงาน คุณสามารถติดต่อโดยตรงกับหน่วยงานที่จัดการสอบ TOEFL ณ สถานที่ที่คุณต้องการสอบ เพื่อดูตารางสอบที่เฉพาะเจาะจงโดยเร็วที่สุด
TOEFL สอบได้ที่ไหน?
ในส่วนของการสอบ TOEFL นั้นมักจะมีให้บริการในกรุงเทพฯ ในการลงทะเบียนสอบ TOEFL iBT มีศูนย์สอบหลายแห่ง เช่น
- โรงเรียนสองภาษาอินเตอร์คิดส์ (Interkids)
- วิทยาลัยเทคโนโลยีสยาม
- การฝึกอบรมทรัพยากรขององค์กร (THE ENTERPRISE RESOURCE TRAIN)
- ศูนย์ทดสอบ KBU Prometric
อย่างไรก็ตาม ความพร้อมในการทดสอบขึ้นอยู่กับศูนย์ทดสอบที่ว่างหรือเปิดให้ทดสอบในแต่ละรอบ หากคุณสอบ TOEFL ITP คุณอาจจะสอบที่สถาบันนั้นและสามารถตรวจสอบสถานที่ได้เมื่อคุณลงทะเบียน
TOEFL ยากไหม?
ความยากของการสอบ TOEFL ขึ้นอยู่กับระดับภาษาอังกฤษของแต่ละคน แต่อย่างไรก็ตาม ถือว่าเป็นหนึ่งในแบบทดสอบภาษาอังกฤษที่ยากและยังยอดนิยมอีกด้วยโดยเฉพาะสำหรับผู้ที่ภาษาแรกไม่ใช่เป็นภาษาอังกฤษ
ค่าสอบ TOEFL เท่าไร?
ค่าธรรมเนียมการลงทะเบียนสอบ TOEFL iBT จะเปลี่ยนไปขึ้นอยู่กับภูมิภาคในประเทศ อย่างไรก็ตาม ความแตกต่างนี้ไม่มาก
ในประเทศไทย ศูนย์สอบมักต้องเสียค่าธรรมเนียมการลงทะเบียน TOEFL iBT 195 USD (ประมาณ 7,200 บาท) สำหรับการสอบ TOEFL ITP ปกติค่าลงทะเบียนประมาณ 1,800 บาท/ครั้ง อย่างไรก็ตาม เนื่องจากแต่ละองค์กรที่จัดการสอบค่าธรรมเนียมการสอบจึงอาจแตกต่างกันไป สิ่งนี้ขึ้นอยู่กับการบริการเฉพาะของแต่ละองค์กร
คะแนน TOEFL สูงสุดคือเท่าใด?
คะแนน TOEFL สูงสุดคือ 677 คะแนน
TOEFL มีอายุการใช้งานนานเท่าใด?
ใบรับรอง TOEFL มีอายุ 2 ปี
ข้อสอบ TOEFL มีกี่ทักษะ?
การทดสอบ TOEFL ประกอยด้วย 4 ทักษะ (ฟัง พูด อ่าน เขียน)
TOEFL มีกี่รูปแบบ?
ใบรับรอง TOEFL มี 5 ประเภท ได้แก่ TOEFL PBT (TOEFL Paper Based Test), TOEFL iBT (TOEFL Internet Based Test), TOEFL ITP (TOEFL Institutional Testing Program), TOEFL Primary, TOEFL Junior.
TOEFL 500 เทียบเท่ากับ IELTS เท่าไร
TOEFL 500 เทียบเท่ากับประมาณ 4.5-5 ของการสอบ IELTS
TOEFL กับ IELTS สอบไหนดีกว่า
เป็นการยากที่จะเปรียบเทียบระหว่างการสอบ TOEFL หรือการสอบ IELTS อันไหนดีกว่า เนื่องจากการสอบแต่ละครั้งมีวัตถุประสงค์ที่แตกต่างกัน สำหรับการสอบ TOEFL จะเหมาะสมกับการเรียนต่อต่างประเทศในมหาวิทยาลัยและวิทยาลัยในสหรัฐอเมริกาและแคนาดา ในขณะที่ IELTS ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางเพื่อวัตถุประสงค์หลายประการรวมถึงการศึกษาต่อต่างประเทศ การย้ายถิ่นฐานและการทำงานในหลายประเทศ
TOEFL จะฝึกได้ที่ไหน
คุณสามารถฝึกฝนการสอบ TOEFL ได้ที่ศูนย์ภาษาอังกฤษทั่วประเทศ เช่น Chula Tutor, Edu First School,… นอกจากนี้ มหาวิทยาลัยบางแห่งในประเทศไทยยังมีโปรแกรมเตรียมสอบ TOEFL สำหรับนักศึกษาหรือชุมชนอีกด้วย
บทความนี้จะช่วยให้คุณเข้าใจข้อมูลทั่วไปเกี่ยวกับใบรับรอง TOEFL ได้ดีขึ้นและเปรียบเทียบกับแบบทดสอบภาษาอังกฤษสากลอื่นๆ เช่น IELTS และ TOEIC ดังนั้นคุณสามารถ เลือกประเภทของปริญญาที่คุณต้องการเพื่อกำหนดวิธีการเรียนภาษาอังกฤษที่มีประสิทธิภาพได้ ติดตาม ELSA Speak เพื่ออัปเดตความรู้ภาษาอังกฤษที่มีประโยชน์ในทุกวันนะ
การเล่นเกมภาษาอังกฤษในขณะที่เรียนจะช่วยให้คุณจดจำได้นานและช่วยให้การเรียนของคุณมีประสิทธิภาพ มาทำให้การเรียนภาษาอังกฤษเป็นเรื่องสนุกและน่าตื่นเต้นด้วยคอลเลกชั่นเกมภาษาอังกฤษที่มีเอกลักษณ์กว่า 40 เกมนี้ มาติดตามบทความด้านล่างนี้กับ ELSA Speak นะ
ไปปิคนิคกันเถอะ (I am going on a picnic)
การเตรียมตัว
สามารถแทนที่รายการต่างๆ ตั้งแต่ A ถึง Z ได้ด้วยการ์ดคำศัพท์
วิธีเล่น
- ผู้เล่นคนแรกเริ่มต้นด้วยประโยค: I am going on a picnic, And I’m bringing apples หรืออะไรก็ตามที่ขึ้นต้นด้วยตัวอักษร A.
- จากนั้นผู้เล่นที่สองพูดประโยคที่ผู้เล่นคนแรกพูดและเพิ่มสิ่งที่ขึ้นต้นด้วยตัวอักษร B: I am going on a picnic, And I’m bringing apples and biscuits.
- ต่อไป คนถัดไปพูดประโยคของคนก่อนหน้าและเพิ่มสิ่งที่ขึ้นต้นด้วยตัวอักษร C: I am going on a picnic, And I’m bringing apples, biscuits and cookies.
เกมนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อฝึกทักษะความจำและการเรียนรู้คำศัพท์ อาจดูเหมือนคุณต้องจำคำศัพท์และพูดชื่อสิ่งของมากมาย แต่ความจริงก็คือแค่ต้องจำตัวอักษรตัวแรกของข้อ A, B, C แล้วไปต่อ ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องยากนัก
เรียนรู้โดยการเล่นเกมภาษาอังกฤษสนุก ๆ เช่น ELSA Speak
ต่อคำศัพท์ (Last Letter, First Letter)
การเตรียมตัว
ไม่ต้องเตรียมอะไร
วิธีเล่น
วิธีเล่นง่ายมากโดยใช้ตัวอักษรตัวสุดท้ายของคำของคนก่อนหน้า เพื่อคิดคำศัพท์ใหม่ และคนถัดไปจะต้องรวมคำนั้นและสร้างคำใหม่ที่ขึ้นต้นด้วยตัวอักษรตัวสุดท้ายของคำก่อนหน้า และต่อ ๆ ไปโดยไม่มีการซ้ำคำที่ใช้ก่อนหน้านี้
ตัวอย่าง:
คนแรกพูดคำว่า “Cat” ซึ่งมีตัวอักษรตัวสุดท้ายคือ “T”
คนถัดไปพูดคำว่า “Television” ขึ้นต้นด้วยตัวอักษร “T”
และไปต่อด้วยคำอื่น ๆ เช่น “Near – Rush – House – Eleven – Nine – Elephant”
แต่งประโยคจากสิ่งของ (Make a Sentences)
การเตรียมตัว
สิ่งของที่อยู่ใกล้เคียงสามารถนำมาใช้แต่งประโยคได้ ไม่ว่าจะเป็นอาหารหรือเครื่องใช้ต่างๆ
วิธีเล่น
- ผู้เล่นคนหนึ่งจะหยิบสิ่งของ 1-3 ชิ้นแล้วให้คนถัดไปแต่งประโยคที่มีคำศัพท์เหล่านั้น ถ้าผู้เล่นตอบถูกและเติมประโยคให้สมบูรณ์ เขาจะเป็นคนตั้งคําถามต่อไป
- ตัวอย่าง: ผู้เล่นคนแรกพูดว่า “Please make sentences from these items. Milk, Cookie and Plate” จากนั้นให้ผู้เล่นคนถัดไปแต่งประโยคที่มีคำเหล่านี้
- ผู้เล่นคนถัดไปสามารถแต่งประโยคได้ทุกทาง เช่น: “I ate the cookies on the plate and drank milk” หรือ “I buy milk and cookies from the store but there are no plates for sale.”
- เกมจะดำเนินต่อไปโดยผู้เล่นคนถัดไปหยิบสิ่งของและให้คนอื่นแต่งประโยค
เกมนี้ช่วยฝึกทักษะการแต่งประโยค ความคิดสร้างสรรค์ และการใช้คำศัพท์
>>> Read more: วิธีแต่งประโยคภาษาอังกฤษที่สมบูรณ์
นี่/นั่นคืออะไร? (What is this/that?)
การเตรียมตัว
แฟลชการ์ดหรือสิ่งของที่อยู่ใกล้ตัว
วิธีเล่น
- ให้เด็กนั่งเป็นวงกลม
- คุณครูแจกแฟลชการ์ดหรือสิ่งของต่าง ๆ ให้กับเด็ก ๆ และเลือกผู้เล่นคนแรก ให้เด็กหยิบสิ่งของแล้ววางไว้บนหัว
- จากนั้นเด็กที่ถูกเลือกจะชี้ไปที่สิ่งของและถามเด็กนั่งข้าง ๆ: “นี่คืออะไร” (What is this?) เด็กคนต่อไปจะต้องตอบว่า: “นี่คือแตงโม” (That is a watermelon.)
- จากนั้นเด็กคนนี้หยิบสิ่งของและถามเด็กคนอื่น ๆ ดังข้างต้นต่อไป เกมจะดำเนินต่อไปจนกว่าเด็กแต่ละคนจะมีโอกาสถามและตอบ
- จากนั้น เด็กจะถูกแบ่งออกเป็นกลุ่มละ 3 คน โดยเด็กคนแรกและคนที่สองนั่งติดกัน และเด็กคนที่สามนั่งแยกจากพวกเขา
- ต่อไป เด็กคนแรกถามเด็กคนที่สอง: “นั่นคืออะไร?” (What is that?)
- เด็กคนที่สองตอบว่า: “นั่นคือดินสอ” (That is a pencil.) และเด็กคนที่สามตอบว่า: “นี่คือดินสอ” (This is a pencil.)
- จากนั้นเด็ก ๆ เปลี่ยนที่นั่งและฝึกถามและตอบคำถามต่อไป
เกมนี้ช่วยให้เด็กเข้าใจถึง “this” และ “that” และเรียนรู้คำศัพท์ใหม่
เคลื่อนไหวเป็นสัตว์ (Move Like an Animal)
การเตรียมตัว
แฟลชการ์ดที่มีรูปสัตว์
วิธีเล่น
คุณครูแสดงแฟลชการ์ดและอ่านให้นักเรียนฟัง จากนั้นคุณครูก็ให้นักเรียนจำลองบทบาทของสัตว์ตัวนั้นตามจินตนาการของพวกเขา เช่น: “This is a chicken”
ครูตั้งคําถาม “What does the chicken look like?” และให้นักเรียนตอบตามรูปไก่
ต่อไป นักเรียนจะได้เล่นบทบาทสมมติกัน เกมนี้จะกระตุ้นให้พวกเขาตั้งคำถามให้กันและเรียนรู้คำศัพท์ใหม่
>>> Read more: 100+ คำศัพท์สัตว์ภาษาอังกฤษที่พบบ่อยที่สุด
นายพรานล่าสัตว์ (Hunter)
การเตรียมตัว
แฟลชการ์ดที่มีรูปสัตว์
วิธีเล่น
- วางการ์ดของผู้เล่นแต่ละคนไว้ด้านหลัง คนหนึ่งจะรับบทเป็นนายพรานล่าสัตว์ (ฮันเตอร์) และครูจะพูดชื่อสัตว์พร้อมพูด: “Go!”
- ผู้เล่นแต่ละคนจะแกล้งเป็นสัตว์ชนิดหนึ่งและต้องวิ่งหนีโดยที่ไม่ให้ฮันเตอร์เห็นป้ายชื่อของเขา ฮันเตอร์จะพยายามค้นหาและเมื่อพบแล้วจะพูดชื่อของคุณและบอกว่าคุณเป็นสัตว์ชนิดไหน
ตัวอย่าง: ครูพูดว่า “Emily is deer”
Emily จะเป็นฮันเตอร์คนถัดไปและคุณครูจะให้สัตว์ชนิดใหม่แก่ฮันเตอร์คนก่อน
เกมนี้ช่วยให้เด็ก ๆ ฝึกทักษะการฟังและการพูดภาษาอังกฤษผ่านการเล่นเกมที่สนุกสนาน
รู้แล้วเหยียบไว้ (Jump on it)
การเตรียมตัว
ชุดการ์ดคำศัพท์ที่มีรูปภาพ
วิธีเล่น
- วางการ์ดคำศัพท์บนพื้น
- ครูพูดชื่อคำศัพท์และให้เด็กๆ ค้นหาคำนั้น หากพบเด็กจะกระโดดขึ้นไปเหยียบบัตรคำศัพท์นั้น ถ้าเด็กตอบถูกก็จะได้รับคะแนน
- เกมนี้สามารถเล่นได้เดี่ยวหรือเป็นคู่ก็ได้ เด็ก ๆ สามารถช่วยกันหาคำศัพท์ได้
- คุณยังสามารถปรับความยากของคำศัพท์ได้โดยการอธิบายลักษณะของสิ่งของแทนการพูดชื่อ จากนั้นให้เด็กทายว่าสิ่งของนั้นคืออะไร
ตัวอย่าง: หากครูขอให้เด็ก ๆ หารูปแอปเปิ้ล สามารถอธิบายสิ่งของนั้นได้โดยระบุว่า:
Red
Can Eat
Fall from the tree
เกมนี้ช่วยฝึกทักษะการสังเกตและเพิ่มพูนความรู้ของเด็ก นอกจากนี้ยังช่วยให้เด็ก ๆ ได้เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับคุณสมบัติของศิ่งของต่าง ๆ นอกจากคำศัพท์หลักอีกด้วย
ทายดู รู้หรือเปล่า (Guessing Question Game)
การเตรียมตัว
ชุดการ์ดคําศัพท์
วิธีเล่น
ครูหยิบการ์ดคำศัพท์และให้เด็ก ๆ ทายว่ามันคืออะไรโดยการตั้งคำถาม เด็ก ๆ จะได้ฝึกถามคำถามเพื่อค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับคำ ๆ นั้น
ตัวอย่างเช่น ครูมีแฟลชการ์ดที่มีรูปแมวและถามว่า: “What is this?”
เด็ก ๆ สามารถให้คำตอบต่าง ๆ มากมายได้จนกว่าพวกเขาจะทายถูก
ตัวอย่าง:
It is a dog?
it is a water?
it is a Animal?
Its is a Fruit?
ถ้าตอบผิดครูจะบอกว่า “ไม่ใช่.” แต่ถ้าตอบถูกครูจะบอกว่า “ถูกต้อง”
เมื่อเด็กทายถูก พวกเขาจะได้รับบทบาทเป็นผู้ตั้งคำถามถัดไป เด็กอีกคนจะทายคำถัดไป เกมนี้สามารถเล่นได้ระหว่างครูกับเด็ก หรือระหว่างเด็กสองคน หรือเป็นกลุ่มใหญ่ ช่วยให้เด็ก ๆ ได้ฝึกทักษะการเรียนรู้คำศัพท์ การตั้งคำถาม และตอบคำถาม
ถูกหรือผิด (True or False)
การเตรียมตัว
แฟลชการ์ดมีรูปสิ่งของหรือสิ่งของที่อยู่ใกล้เคียง
วิธีเล่น
แบ่งห้องเรียนออกเป็น 2 ทีม และอธิบายวิธีการเล่นให้เด็ก ๆ ฟัง ถ้าถูกเด็กจะตะโกนว่า TRUE ถ้าผิดก็จะตะโกนว่า FALSE จากนั้นครูเลือกแฟลชการ์ดหรือสิ่งของแล้วอ่านออกเสียงให้เด็ก ๆ เดา ถ้าเขาเลือก TRUE ให้อ่านคำตอบอีกครั้ง ถ้าเลือก FALSE ให้อ่านคำตอบที่ถูกต้อง แต่ละครั้งที่เด็กเดาถูกให้เพิ่ม 1 คะแนน
ตัวอย่าง: ครูถือรูปกล้วยและพูดว่า Banana ถ้าเด็กเลือก TRUE ให้พูดคำตอบ Banana อีกครั้ง
ตัวอย่าง: ครูถือรูปกล้วยและพูดว่า Apple ถ้าเด็กเลือก FALSE ให้พูดคำตอบที่ถูก ซึ่งก็คือ Banana
ตอบให้ทัน (Against time)
การเตรียมตัว
ลูกบอล 1 ลูก
วิธีเล่น
ครูระบุชุดคำศัพท์ที่เด็กจะตอบในเวลา 5 วินาที โดยไม่พูดซ้ำกับเพื่อน เช่น พูดชื่อสัตว์ต่าง ๆ หรือชื่ออาหารเป็นภาษาอังกฤษ จะมีลูกบอลให้ถือและส่ง เมื่อบอลเข้าไปต้องมีคนตอบสนองทันที หากใครไม่สามารถตอบได้ก็จะถูกตัดออกจากเกม อาจมีการลงโทษเล็ก ๆ น้อย ๆ เช่น การเต้นรำ ให้เพื่อนได้เพลิดเพลิน จากนั้นให้ครูคิดคำศัพท์ชุดใหม่ขึ้นมา และถามไปเรื่อย ๆ จนกว่าจะมีผู้ชนะ
เกมนี้จะช่วยทำให้การเรียนภาษาอังกฤษง่ายขึ้นหลายเท่า
>>> Read more:
- คำศัพท์เกี่ยวกับชื่อปลาแต่ละประเภท
- 200+ คำศัพท์อังกฤษที่ต้องรู้ หมวด เมนูอาหารภาษาอังกฤษ
- วิธีจดจำคำศัพท์ภาษาอังกฤษเกี่ยวกับอาหาร
ฉันคู่กับเธอ (Who is your partner?)
การเตรียมตัว
การ์ดคำศัพท์ที่มาเป็นคู่ เช่น ช้อนและส้อม รีโมทคอนโทรลและโทรทัศน์ แปรงสีฟันและยาสีฟัน
วิธีเล่น
ครูแจกแฟลชการ์ดที่มีชื่อนักเรียนแต่ละคนให้พวกเขา จากนั้นก็ให้เด็กแต่ละคนค้นหาแฟลชการ์ดของตนเองภายในเวลาที่กำหนด เมื่อหมดเวลาครูจะรวบรวมแฟลชการ์ดแล้วถามว่า: Who is your partner? เด็กก็จะตอบว่า I am a … And my partner is …
ตัวอย่าง:
Teacher: Who is your partner?
Kid: I am a toothbrush And my partner is toothpaste.
ฉันคือใคร (Who am I?)
การเตรียมตัว
ไม่ต้องเตรียมอะไร
วิธีเล่น
ครูแบ่งนักเรียน 5 คนออกเป็น 1 กลุ่ม ต่อไป ให้แต่ละกลุ่มแสดงบทบาทเป็นสัตว์หรือบุคคลที่ประกอบอาชีพบางอย่าง แต่ละกลุ่มจะคิดคําใบ้เป็นภาษาอังกฤษ เช่น ถ้าครูให้กลุ่ม A เป็น Rabbit กลุ่ม A จะให้คําใบ้ เช่น
I have long ears
I like to eat carrots
I don’t like the noise It shocked me
I have a short tail
I have four legs and I can jump
เมื่อหมดเวลาแต่ละกลุ่มจะให้คําใบ้ให้กลุ่มอื่นเดา กลุ่มที่เดาถูกก่อนจะได้รับคะแนน
เขียนศัพท์ นับคะแนน (Make Words)
การเตรียมตัว
ดินสอ
กระดาษ
วิธีเล่น
- ครูเขียนตัวอักษร 2 ตัวลงบนกระดาษ เช่น “C” และ “A”.
- จากนั้นให้เด็กๆ สร้างคำศัพท์โดยใช้ตัวอักษรสองตัวนี้ เป้าหมายคือการสร้างคำศัพท์ที่หลากหลายซึ่งสามารถใช้ได้ทั้งตัวอักษรที่กำหนด เช่น ด้วยตัว “C” และ “A” เด็กสามารถสร้างคำต่าง ๆ เช่น “Cat” (แมว), “Camera” (กล้อง), “Actor” (นักแสดง), “Cola” (โคล่า), “Bacon” (หมูรมควัน) และอีกหลายคํา
ยังสามารถเพิ่มความยากด้วยการเพิ่มอีกหนึ่งตัวอักษรและให้เด็ก ๆ สร้างคำศัพท์โดยใช้ตัวอักษรทั้งสามตัว
คำศัพท์ที่ถูกต้องแต่ละคำจะได้รับ 1 คะแนน
เกมนี้ช่วยให้เด็กๆ ฝึกทักษะการคิด เพิ่มคำศัพท์ และสำรวจความสามารถในการสร้างคำศัพท์
ใคร ไม่เข้าพวก (Who is different?)
การเตรียมตัว
การ์ดคําศัพท์
วิธีเล่น
- จัดเรียงภาพประเภทเดียวกันเป็นกลุ่มที่มีการ์ดคําศัพท์ 4 ใบ ต่อไป เพิ่มอีกหนึ่งการ์ดคำศัพท์ที่ไม่เกี่ยวข้องลงในกลุ่ม
- ให้เด็กทายว่าอะไรแตกต่างจากที่เหลือและไม่ได้อยู่ในหมวดหมู่เดียวกันกับก่อนหน้านั้นต้องพูดคำศัพท์นั้นออกมาก่อนจะถามว่าทำไมคําศัพท์นั้นไม่เหมือนคําอื่น
เช่น ถ้ากลุ่มเป็น “Pizza, Cake, Candy และ Noodle” และคําศัพท์ที่เพิ่มมาคือ “Tiger”ต้องถามว่า “Why are tigers different?”
เด็กก็จะพิจารณาและตอบว่าเสือเป็นสัตว์ในขณะที่คำอื่น ๆ เป็นอาหาร ซึ่งจะช่วยฝึกทักษะการสังเกต เรียนรู้คำศัพท์และคำตอบ
เกมนี้จะช่วยให้เด็ก ๆ ฝึกทักษะการสังเกต เรียนรู้คำศัพท์ และแต่งประโยค
ทายสิ นี่ใคร (Guess Who?)
การเตรียมตัว
กระดานที่มีรูปภาพของตัวละครในการ์ตูนหรือบุคคลที่มีชื่อเสียง
วิธีเล่น
ครูให้เด็กดูภาพตัวละครและชื่อของตัวละครทั้งหมด จากนั้นบอกเด็กว่ามีคนหนึ่งที่ครูเลือก ต่อไปให้เด็ก ๆ เดาว่าคนนั้นคือใคร โดยตั้งคำถามตามลักษณะของตัวละครนั้นและครูจะตอบว่าใช่หรือไม่ใช่ เช่น
Is the person a man?
Is the person a Female?
He has a mustache?
เด็ก ๆ จะทายว่านั่นคือตัวละครตัวไหนตามคำตอบของครู ถ้าเด็กทายถูก เขาจะเชิญหนึ่งคนขึ้นมาเพื่อเล่นเกมต่อ
ตามล่า หาสมบัติ (Treasure Hunt)
การเตรียมตัว
สิ่งของที่มีขนาดกลางและขนาดเล็ก ไม่ใหญ่เกินไป และห้องเรียนที่มีพื้นที่ที่สามารถซ่อนสิ่งของได้
วิธีเล่น
คุณครูจะเป็นซ่อนสมบัติที่ไหนสักแห่งในห้องเรียน เสร็จแล้วก็ให้ลูกทาน เดาว่าเขาซ่อนมันไว้ที่ไหน? ใช้คำถามโดยระบุจุดยืนแล้วตอบว่าใช่หรือไม่ใช่ เช่น
Is it in the table?
Is it around the blackboard?
Is it in the bookcase behind the classroom?
เด็กที่ตอบถูกจะเป็นคนซ่อนสมบัติต่อไปและเปลี่ยนเด็กที่เหลือให้เป็นผู้ค้นหา
ถอดรหัส (Unscramble)
การเตรียมตัว
กระดาษจดหมาย
วิธีเล่น
ให้เด็ก ๆ จับคู่กันหรือจะเล่นเป็นกลุ่มก็ได้ ขึ้นอยู่กับความยาก-ง่ายของคำ ครูจะคิดคำพูดขึ้นมา และแจกตัวอักษรที่ประกอบเป็นคำเหล่านั้นให้เด็กแต่ละกลุ่มโดยให้ตัวอักษรผสมกันบนกระดาษ สลับตำแหน่ง และหน้าที่ของเด็กคือการถอดรหัสคำเหล่านั้นให้เป็นคำที่ถูกต้อง เช่น
tufrBtelyt >> Butterfly
etCmopur >> Computer
อะไรหายไป (What is missing)
การเตรียมตัว
สิ่งที่ใกล้ตัวที่มีคำศัพท์ไม่ยากเกินไป
วิธีเล่น
ให้ครูวางสิ่งของที่รวบรวมไว้ หรือเตรียมไว้ก่อนแล้ววางบนโต๊ะข้างหน้าเด็กแล้วให้เด็กจำสิ่งของเหล่านี้เป็นภาษาอังกฤษ และให้เด็กหลับตา จากนั้นครูก็จะหยิบสิ่งของขึ้นมา และเมื่อเด็กลืมตาก็ถามว่า:
Do you know what is missing?
ใครตอบได้ก่อนและตอบถูกว่าขาดอะไรไปจะได้เก็บสิ่งนั้นและได้รับ 1 คะแนน เมื่อเกมจบ ใครมีคะแนนมากที่สุดจะเป็นผู้ชนะ
สร้างคำให้เป็นเรื่อง (Word Chain)
วิธีเล่น
ให้เด็กพูดคำศัพท์ต่อเนื่องกัน ตอนแรกสามารถย่อเป็น:
I
watch
Television
with dad
and mom
หากเด็กมีความเข้าใจคำศัพท์และประโยคเพียงพอแล้ว ให้ค่อย ๆ เพิ่มประโยคเข้าไปด้วย เช่น
Once upon a time In a village.
There lived a rich family.
There are 7 people in that family.
เรื่องราวจะถูกเล่าต่อตามจินตนาการของเด็ก ๆ เกมนี้จะช่วยฝึกความคิดสร้างสรรค์ ฝึกทักษะทั้งการพูด และการฟังของเด็ก
มาออกกำลังกายกันเถอะ (Let’s exercise)
การเตรียมตัว
รวมเพลงที่สนุก ๆ และการเคลื่อนไหวของร่างกาย
วิธีเล่น
ครูจะเปิดเพลงที่สนุก ๆ และให้เด็ก ๆ ปฏิบัติตาม เช่น
Jump 10 times
Turn around 4 times
นี่คือเกมที่จะช่วยให้เด็ก ๆ เรียนรู้คำกริยาและการนับ เด็กชอบขยับร่างกายเป็นจังหวะ
>>> Read more: ออกกำลังกายภาษาอังกฤษคืออะไร?
ปิดตาหาทางออก (Blindfold Course)
การเตรียมตัว
จัดห้องเรียนให้เป็นทางเดินที่มีสิ่งกีดขวาง เช่น เก้าอี้ หมวก หรืออุปกรณ์ใด ๆ ที่ไม่เป็นอันตรายต่อเด็ก
วิธีเล่น
แบ่งห้องเรียนเป็นกลุ่มเล็ก ๆ กลุ่มละ 2 คน หนึ่งในนั้นคือผู้นําทาง ส่วนอีกคนจะถูกปิดตา เมื่อเริ่มเกม ผู้นําทางจะบอกทางให้คนถูกปิดตาเพื่อหลีกเลี่ยงอุปสรรคในการไปถึงเส้นชัย ผู้นําทางสามารถใช้ประโยคเหล่านี้เพื่อบอกทางได้ เช่น:
Walk forward 2 steps.
Turn right.
In front there are pillars. Step to the right.
สามารถเพิ่มความยากให้เกมได้โดยการให้คนที่เหลือบอกทางพร้อมกันเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจของผู้เล่น ผู้ถูกปิดตาจะต้องจำเสียงของเพื่อนร่วมกลุ่มได้อย่างชัดเจน เกมนี้จะเสริมสร้างความสามัคคีและช่วยคุณเรียนคำศัพท์เกี่ยวกับเส้นทาง
เกมกระซิบ (Whisper Game)
วิธีเล่น
แบ่งเด็กออกเป็นสองกลุ่มและให้เด็ก ๆ นั่งเป็นแถวยาว เด็ก ๆ ที่นั่งแถวหน้าจะต้องเดินฟังเสียงกระซิบของครู ทั้งสองทีมจะมีประโยคที่แตกต่างกัน แล้วส่งต่อให้เพื่อนที่นั่งข้าง ๆ ตัวเอง และเมื่อประโยคถูกส่งต่อไปยังเด็กคนสุดท้าย ให้ยืนขึ้นแล้วพูดว่า: คุณได้รับข้อความนี้อย่างไร? หากเด็กคนไหนตอบครบถ้วนหรือใกล้เคียงที่สุดก็จะได้รับคะแนน
หาจุดเชื่อมโยง (Word Link)
วิธีเล่น
ทุกคนนั่งเป็นวงกลม เริ่มต้นด้วยการที่ครูพูดคำหนึ่งและขอให้เด็กคนถัดไปพูดคำที่เกี่ยวข้องกับคำก่อนหน้า ตามความคิดสร้างสรรค์และจินตนาการ เช่น
Bread : เบอร์เกอร์มีขนมปังเป็นส่วนผสม
Rice : ขนมปังที่ทำจากข้าว
Farmer : ชาวนาคือคนปลูกข้าว
แฮงค์แมน (Hangman)
การเตรียมตัว
กระดานสีดํา
วิธีเล่น
ครูคิดคำศัพท์ขึ้นมาและวาดรูปคนหนึ่งที่ถูกแขวนคอ เริ่มต้นจากพื้นฐาน เด็ก ๆ จะต้องเดาตัวอักษรที่พวกเขาคิดว่าจะอยู่ในคำนั้น หากเดาผิดมือและเท้าของคนที่ถูกแขวนคอจะถูกเพิ่มเข้าไปจนกว่าจะมีคนเดาคำศัพท์ถูกทั้งหมดหรือมีคนเดาผิดจนกว่าเกมจะจบลง
เช็กร่างกาย (Check your body)
วิธีเล่น
ครูจะอธิบายคำศัพท์ที่เกี่ยวข้องกับอวัยวะของร่างกายและให้เด็ก ๆ ทำท่าทางที่สอดคล้องเมื่อพูดถึงคำนั้น
เช่น เมื่อพูดถึง “Head” ครูจะใช้มือสัมผัสกับศีรษะ เมื่อพูดคําว่า “Lip” ครูจะลูบไล้รอบปากเบา ๆ เมื่อพูดคําว่า “Hair” ครูจะใช้มือลูบผม
ส่วนเด็ก ๆ จะฟังคำศัพท์ที่ครูพูดและทำท่าทางที่สอดคล้องกัน เกมจะเริ่มต้นจากระดับง่าย ๆ และค่อยๆเพิ่มความเร็วเพื่อเพิ่มความสนุกสนาน
ครูสามารถหลอกเด็กได้นิดหน่อย เช่น พูดคําว่า “Eye” แต่แตะที่หู หากเด็กทำผิด ครูสามารถกําจัดพวกเขาออกจากเกมจนกว่าจะมีผู้ชนะ
เกมนี้ช่วยฝึกความเฉียบแหลมของเด็กและการเรียนรู้คำศัพท์ที่เกี่ยวข้องกับร่างกาย
>>> Read more: ร่างกายภาษาอังกฤษ พร้อมการถอดเสียงที่สมบูรณ์ที่สุด
บิงโกคํา
เกมนี้เป็นเกมที่ดีในการช่วยเพิ่มคำศัพท์ภาษาอังกฤษของคุณ สร้างการ์ดบิงโกด้วยคำศัพท์ภาษาอังกฤษ และแทนที่จะบอกเป็นตัวเลข ให้บอกเป็นความหมายหรือคำพ้องความหมาย ผู้เล่นทำเครื่องหมายคำที่เกี่ยวข้องบนการ์ด คนแรกที่ตะโกน “บิงโก” จะเป็นผู้ชนะ นี่เป็นวิธีที่สนุกในการเพิ่มทักษะการจำคำศัพท์ของคุณ
ข่วน
เกมข่วนเป็นเกมเล่นคำศัพท์คลาสสิกที่สามารถทําให้การเรียนคำศัพท์และการสะกดคำของคุณมี
ประสิทธิภาพมากขึ้น ลองท้าทายเพื่อนหรือครอบครัวของคุณให้เล่นเกมนี้และดูว่าใครสามารถสร้างคำศัพท์ที่น่าประทับใจที่สุดนะ สิ่งที่ดีที่สุดที่คุณจะได้รับคือคุณจะได้เรียนรู้คำศัพท์ใหม่ ๆ และความหมายในขณะที่เล่น
คาราโอเกะภาษาอังกฤษ
เกมคาราโอเกะช่วยปรับปรุงการออกเสียงและไวยากรณ์ภาษาอังกฤษของคุณ เลือกเพลงภาษาอังกฤษที่คุณชื่นชอบ ร้องเพลง และใส่ใจกับเนื้อเพลง ซึ่งจะช่วยให้คุณเพิ่มพูนคำศัพท์ พัฒนาการออกเสียง และแม้แต่ความเข้าใจในการแสดงออกของคุณ
ปริศนาอักษรไขว้
ปริศนาอักษรไขว้เป็นเหมือนแบบฝึกหัดฝึกสมองสำหรับผู้ชื่นชอบภาษา ค้นหาหนังสือปริศนาอักษรไขว้หรือใช้แหล่งข้อมูลออนไลน์เพื่อไขปริศนาที่ท้าทายความรู้ภาษาอังกฤษของคุณ คุณจะประหลาดใจที่การเรียนคำศัพท์ของคุณจะพัฒนาเร็วแค่ไหนเมื่อคุณไขปริศนาเหล่านี้เป็นประจำ
20 คําถาม
เกมนี้เป็นแบบฝึกหัดที่ดีในการพัฒนาทักษะภาษาของคุณ ผู้เล่นคนหนึ่งนึกถึงคำภาษาอังกฤษ และอีกคนจะถามคำถามมากถึง 20 ข้อเพื่อเดาคำตอบ เกมนี้ช่วยส่งเสริมการคิดอย่างมีวิจารณญาณและภาษาเชิงพรรณนา
การสร้างเรื่องราว
รวบรวมกลุ่มเพื่อนและเริ่มเกมสร้างเรื่องราว คนหนึ่งเริ่มพูดประโยค จากนั้นแต่ละคนก็ผลัดกันเพิ่มประโยคในเรื่อง ประโยคจะต้องมีความถูกต้องตามหลักไวยากรณ์และสมเหตุสมผลในบริบทของเรื่อง เกมนี้ช่วยพัฒนาทักษะด้านไวยากรณ์และการเล่าเรื่องของคุณ
โซ่คํา
ในเกมนี้ ผู้เล่นจะผลัดกันพูดคำที่ขึ้นต้นด้วยตัวอักษรตัวสุดท้ายของคำที่พูดไปก่อนหน้า เช่น หากคำแรกคือ “แอปเปิ้ล” ผู้เล่นคนถัดไปสามารถพูดคําว่า “ช้าง” ได้ เกมนี้ไม่เพียงแต่สนุกเท่านั้น แต่ยังเป็นวิธีที่ดีในการเรียนคำศัพท์ใหม่และฝึกการคิดด้วยตนเอง
รีเลย์แฟลชการ์ด
ทําแฟลชการ์ดที่มีคำภาษาอังกฤษด้านหนึ่งและความหมายอีกด้านหนึ่ง แบ่งออกเป็นทีมและเข้าร่วมการแข่งขันวิ่งผลัดซึ่งสมาชิกคนหนึ่งจะต้องพลิกการ์ดและระบุคำที่ถูกต้อง เพื่อให้ผู้เล่นคนถัดไปสามารถเดินต่อได้ เกมนี้เป็นเกมที่ดำเนินไปอย่างรวดเร็วและให้ความรู้แก่คุณ
ปริศนาภาษาอังกฤษ
ปริศนาเป็นเกมที่จะช่วยพัฒนาทักษะการสื่อสารอวัจนภาษาเป็นภาษาอังกฤษของคุณ เขียนคำหรือวลีภาษาอังกฤษลงในกระดาษแล้วผลัดกันแสดงออกมาโดยไม่ต้องพูดในขณะที่เพื่อนหรือครอบครัวของคุณเดาว่าคุณพยายามสื่อถึงอะไร
ฉันคืออะไร (What Am I)
เกมฝึกภาษาอังกฤษในห้องเรียนนี้จะช่วยให้เด็ก ๆ ฝึกตั้งคำถามและค้นหาคำตอบ เหมาะสำหรับการสอนและทบทวนคำคุณศัพท์กับคําศัพท์ที่หลากหลาย เช่น อาชีพ สัตว์ สิ่งของ เป็นต้น
จำนวนผู้เล่น
นี่เป็นเกมที่ดีในการเล่นเป็นคู่ ผลัดกันถามและตอบ แต่สำหรับเด็กเล็ก สามารถเล่นด้วยกันเป็นกลุ่ม ผลัดกันช่วยตอบคำถาม จากนั้นคุณสามารถเดินไปรอบ ๆ และตั้งคําถามได้
การเตรียมตัว
กระดาษที่มีคำศัพท์หรือแฟลชการ์ด และถ้าคุณมีกระดาษเปล่าเพื่อปิดปังแฟลชการ์ดจะยิ่งดี (เพื่อไม่ให้เห็นคำตอบ) หรือถ้าไม่มีคุณสามารถถือกระดาษหรือแฟลชการ์ดไว้บนศีรษะก็ได้ หรือสามารถติดไว้กับหมวกของคุณก็ได้ คุณสามารถใช้นาฬิกาจับเวลาถอยหลังหรือนาฬิกาทรายเพื่อนับเวลา
วิธีเล่น
สุ่มแจกแผ่นคำศัพท์หรือแฟลชการ์ดให้เด็กแต่ละคน ซึ่งเขาจะไม่รู้ว่าได้รับคำไหน
เริ่มจับเวลาถอยหลังและให้เด็ก ๆ ผลัดกันถามและตอบคำถาม เช่น:
Am I tall ?
What do I use for my job ?
How many eyes do I have ?
สําหรับเด็ก อาจใช้ท่าทางประกอบคำใบ้ได้ เช่น เด็กสามารถส่งสัญญาณด้วยวาจาได้ แต่ไม่ใช่ท่าทางที่สื่อถึงคำตอบโดยตรง
เมื่อหมดเวลาใครถูกถามก็ต้องตอบว่าคืออะไร แล้วเปลี่ยนผู้เล่น
ช่วยฝึกทักษะการสนทนาและการคิดวิเคราะห์เพื่อตั้งคำถามและค้นหาคำตอบ
ทอยลูกเต๋าเริ่มบทสนทนา (Conversation Starter Dice)
เกมทอยลูกเต๋าเริ่มบทสนทนาเป็นเกมที่ช่วยฝึกทักษะการพูดภาษาอังกฤษโดยไม่จำกัดจำนวนหัวข้อ เพราะชุดคำถามสามารถปรับได้ตามเนื้อหาที่ต้องการ สามารถแบ่งตามวิธีการสอนในส่วนไวยากรณ์ได้ (Grammar) เช่น Tense, If-clause, Infinitive-Gerund, v.v.
จำนวนผู้เล่น
ไม่จำกัด สามารถเล่นด้วยกันได้ทั้งห้อง
การเตรียมตัว
กล่องลูกเต๋ามีชุดคำถามที่แตกต่างกันในแต่ละด้าน แต่ถ้าคุณไม่สามารทํากล่องลูกเต๋าของคุณเองได้ คุณสามารถใช้ลูกเต๋าธรรมดาได้ หรือลูกเต๋าผ้าขนาดใหญ่ คุณสามารถตั้งคำถามบนกระดานหรือกระดาษได้
วิธีเล่น
กำหนดว่าใครจะต้องตอบคำถามเป็นคนแรก
ให้ผู้ตอบทอยลูกเต๋าเพื่อดูว่าเขาได้รับคำถามอะไร จากนั้นก็ตอบคำถาม
ครูหรือผู้ปกครองสามารถตั้งกฎเกณฑ์ในการตอบคำถามได้ เช่น การตอบประโยคเต็ม เป็นต้น
ฝึกทักษะการพูด การสนทนา และการคิดวิเคราะห์อย่างอิสระและสร้างสรรค์ คุณสามารถระบุความยากและความซับซ้อนของชุดคำถามและคำตอบได้
เกมเขียนกระดาน (Board Race)
เกมฝึกภาษาอังกฤษนี้เหมาะสำหรับเด็กอายุ 6-7 ขวบขึ้นไป ช่วยเสริมบทเรียน ทบทวนคำศัพท์และไวยากรณ์
จํานวนผู้เล่น
สามารถเล่นได้ตั้งแต่ 6 คนขึ้นไป ยิ่งเยอะยิ่งดี
การเตรียมตัว
คุณสามารถใช้กระดานและปากกาในห้องเรียนได้
วิธีเล่น
แบ่งนักเรียนในห้องออกเป็น 2 กลุ่ม หรือถ้ามีนักเรียนจำนวนมาก สามารถแบ่งออกเป็น 3-4 กลุ่ม
ลากเส้นเพื่อแบ่งกระดาน และสร้างหัวข้อที่ต้องการเป็นประเด็นหลักของการแข่งขัน เช่น Body Parts
ให้แต่ละทีมเริ่มเขียนคำตอบ ทีมละ 1 คน ตามหัวข้อที่กำหนด เช่น หัวข้อ Body Parts คำตอบที่เป็นไปได้ เช่น Arms, Eyes หรือ Head, v.v.
เมื่อคนแรกในทีมเขียนคำตอบเสร็จแล้วให้ส่งปากกาให้คนถัดไป
ทีมที่เขียนทุกอย่างก่อนและถูกต้องหมดจะชนะ (หากมีการสะกดคําผิด หรืออ่านไม่ออก จะไม่ได้รับคะแนน)
ทักษะที่ได้รับ
นอกจากการฝึกความสามารถในการจดจำและสะกดคำอย่างถูกต้องแล้ว เด็กๆ ยังฝึกทักษะการทำงานเป็นทีมและการแก้ปัญหาอีกด้วย เพราะเมื่อเล่นเกมนี้ คนที่อยู่ข้างหลังไม่มีทางรู้ได้เลยว่าคนตรงหน้าเขียนคำเดียวกันกับที่พวกเขาคิดขึ้นมาหรือไม่
>>> Read more: เรียนรู้คำศัพท์ภาษาอังกฤษเกี่ยวกับร่างกายมนุษย์พร้อมรูปภาพ
เกมจับผิดภาพ (What is Wrong with This Picture?)
จํานวนผู้เล่น
ไม่จำกัด สามารถเล่นกันได้ทั้งห้อง หรือถ้าแบ่งเป็นกลุ่มเล็ก ๆ 3-4 คนก็จะช่วยเด็ก ๆ ได้เยอะขึ้นเพราะพวกเขาจะมีโอกาสแสดงความคิดเห็นของตัวเอง
การเตรียมตัว
รูปภาพที่ใช้ในการตรวจจับข้อผิดพลาดสามารถแสดงบนหน้าจอได้ หรือคุณสามารถพิมพ์มันออกมาและใช้เป็นแฟลชการ์ดได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากรูปภาพมีความซับซ้อน เกมก็จะเพิ่มความสนุกสนานให้นักเรียนได้ช่วยกันแสดงความคิดเห็นและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นได้ยิ่งขึ้น
วิธีเล่น
ให้นักเรียนในห้องดูภาพด้วยกัน หรือแบ่งรูปภาพออกเป็นกลุ่มย่อย แล้วแจกให้กลุ่มได้แสดงความคิดเห็น
ผลัดกันให้นักเรียนแต่ละคนมีส่วนร่วมและแสดงความคิดเห็นของตนเอง หรืออธิบายความแตกต่างหรือลักษณะที่แปลกตาของภาพ
ในระหว่างเล่นเกม คุณครูอาจมีคำถามอื่นและเด็ก ๆ ก็สามารถเข้าร่วมได้
การเรียนรู้ภาษาอังกฤษผ่านเกมนี้จะช่วยให้เด็ก ๆ ได้ฝึกฝนความสามารถในการสังเกตและคุ้นเคยกับสภาพแวดล้อมของตนเองมากขึ้น
ฉันอยากได้… (Bring Me…)
นี่คือเกมที่ใช้เพื่อฝึกจําคำศัพท์ผ่านประโยคง่าย ๆ หรือซับซ้อน เหมาะสำหรับเด็กเล็ก และใช้เพื่อช่วยสอนและทบทวนคำศัพท์
จํานวนผู้เล่น
ไม่จำกัด สามารถเล่นด้วยกันได้ทั้งห้อง
การเตรียมตัว
เพียงแค่ต้องมีของให้เด็ก ๆ ใช้เล่น ซึ่งอาจจะเป็นของเล่น ผลไม้ หรือตุ๊กตาสัตว์ต่าง ๆ หรือที่ง่ายที่สุดคือสามารถใช้อุปกรณ์ทั้งในและนอกห้องเรียนได้
วิธีเล่น
ครูเริ่มคำสั่งโดยเริ่มประโยค “Bring me…” เพื่อให้นักเรียนรู้ว่าต้องไปหาอะไร สามารถสั่งการจากง่ายไปยากได้ เช่น
คำสั่งโดยตรงได้แก่: Bring me a pencil / an apple.
รวมคำสั่งแบบกว้าง ๆ: Bring me something to eat หรือ Bring me something black., v.v.
คำสั่งที่ทำให้เด็กคิดแต่ต้องเฉพาะเจาะจง: Bring me the thing you use for brushing your teeth, v.v.
ต่อไปก็ให้เด็กเดินไปหยิบสิ่งของ เมื่อหยิบถูกต้องครูสามารถถามว่า What is the thing you picked up? แล้วให้เด็กตอบ
เด็ก ๆ จะได้เรียนรู้คำศัพท์ที่หลากหลายและฝึกทักษะการตัดสินใจ เพราะนี่คือเกมที่เด็ก ๆ จะต้องเลือกและหยิบสิ่งของตามคำถาม
เกมแข่งกันร้องเพลง (Sing It Out Loud!)
สามารถใช้ในการเรียนการสอนในบทเรียนหรือนอกบทเรียนได้
จํานวนผู้เล่น
ไม่จำกัด สามารถเล่นด้วยกันได้ทั้งห้อง
การเตรียมตัว
เครื่องเล่นเพลงและเพลงที่ใช้ฝึกร้องเพลงสำหรับเด็ก ระดับความยากของเพลงสามารถแบ่งได้ตามความซับซ้อนของภาษาที่ใช้ในแต่ละเพลง เช่น ถ้าเป็นกลุ่มเด็กเล็ก คุณสามารถใช้เพลง Coco Melon เป็นต้น เพื่อสร้างคำศัพท์พื้นฐาน หากลูกของคุณโตขึ้น คุณสามารถใช้เพลงที่กำลังได้รับความนิยมในขณะนั้นได้
วิธีเล่น
ครูเปิดเพลงให้เด็ก ๆ ฟังหนึ่งครั้งแล้วสอนให้เด็ก ๆ ร้องเพลงตามและอาจรวมถึงท่าทางเพื่อเพิ่มความเข้าใจและความจำ แบ่งทีมออกเป็น 2 ทีมขึ้นไปเพื่อร้องเพลงหน้าชั้นเรียน
ทักษะเพิ่มเติมที่เด็ก ๆ ได้รับจากเกมนี้คือ ความกล้าแสดงออก และทักษะการร้องและเต้นตามจังหวะเพลง ที่จะช่วยเสริมความจำในการเรียนภาษาอังกฤษอย่างสนุกสนาน
เกมกระโดดร่ม! (Parachute!)
นี่เป็นวิธีการเรียนแบบ Active Learning Method ซึ่งเป็นอีกวิธีหนึ่งที่ Speak Up Language ใช้ในการสอนและทบทวนบทเรียนและคำศัพท์ในโรงเรียน
จํานวนผู้เล่น
เหมาะสำหรับการเล่นเป็นกลุ่มเล็ก ๆ ตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป
การเตรียมตัว
ในเกมนี้ คุณครูจะเตรียมลูกบอลขนาดเล็กที่มีคำถามหรือคำศัพท์ติดไว้ข้างบนล่วงหน้าประมาณ 5-10 ลูกหรือขึ้นอยู่กับข้อกำหนด นอกจากนี้จำเป็นต้องเตรียมผ้าเพื่อใช้เป็น “ร่ม” ด้วย ควรเลือกผ้าที่มีความเรียบและเบาเพื่อให้ลูกบอลตกได้ง่าย
วิธีเล่น
ให้เด็ก ๆ ยืนเป็นวงกลมและแต่ละคนจับมุมผ้า ครูวางลูกบอลไว้บนผ้าและให้เด็ก ๆ ดันผ้าเข้าหากันเพื่อให้ลูกบอลตกมาตามลำดับ
เมื่อลูกบอลตกถ้าเป็นคำศัพท์ก็ให้เด็ก ๆ อ่านด้วยกัน ถ้าเป็นคำถามก็สามารให้เด็ก ๆ ตอบพร้อมกันหรือตอบทีละคนก็ได้แล้วแต่ประเภทของคำถาม
นอกจากจะช่วยทบทวนและสอนบทเรียนภาษาอังกฤษให้กับเด็ก ๆ แล้ว เกมนี้ยังช่วยดึงดูดความสนใจและทำให้เด็ก ๆ รู้สึกกดดันน้อยลงเมื่อได้อ่านหรือตอบคำถาม ซึ่งจะช่วยให้เด็กคุ้นเคยและมั่นใจในการแสดงออกมากขึ้น
ELSA Speak เพิ่งแนะนําให้คุณเกมภาษาอังกฤษยอดนิยมมากกว่า 40 เกมที่ใช้บ่อยและมีประสิทธิภาพมากที่สุด อย่าลืมดาวน์โหลดแอปเรียนภาษาอังกฤษ ELSA Speak เพื่อสามารถเรียนในขณะที่เล่นด้วยวิธีที่ดีที่สุดนะ
หากคุณกำลังเรียนรู้เกี่ยวกับตัวอย่างประโยค Could you please คุณช่วย…ได้ไหม แต่ยังไม่เข้าใจความหมายคืออะไร โครงสร้างและวิธีใช้อย่างไร โครงสร้างใดที่สามารถใช้แทน Could you please คุณช่วย…ได้ไหม หรือประโยคขอความช่วยเหลือที่ใช้บ่อยในชีวิตประจำวันมีอะไรบ้าง มาเรียนรู้กับ ELSA Speak ตอนนี้เลย
Could you please คุณช่วย…ได้ไหม คืออะไร?
Could คืออะไร? ตามพจนานุกรมของ Cambridge คำว่า Could เป็นกริยาช่องที่ 2 ของกริยาช่วย Can ใช้เพื่อบ่งชี้ความสามารถในการทำสิ่งใดสิ่งหนึ่ง เพื่อขออนุญาต ขอร้องและความสามารถที่จะเกิดสิ่งใดสิ่งหนึ่งขึ้น
ตัวอย่าง
- When Jennie was younger, Jennie could stay up all night and not get tired. (เมื่อเจนนี่ยังเด็ก เขาสามารถตื่นทั้งคืนโดยที่ไม่รู้สึกเหนื่อย)
- Tom asked if the computer could access the internet. (ทอมถามว่าคอมพิวเตอร์สามารถเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตได้ไหม)
- Please คืออะไร? ตามพจนานุกรมของ Cambridge คำว่า Please มีหน้าที่เป็นคำอุทานที่แปลว่า กรุณา โปรด ใช้เพื่อถามและตอบอย่างสุภาพ
ตัวอย่าง
- Could I have two teas and a coffee, please? (ฉันขอชาสองแก้วและกาแฟหนึ่งแก้วได้ไหมคะ/ครับ)
- Please remember to close the door before you leave. (โปรดปิดประตูก่อนออกจากห้องทุกครั้ง)
งั้น Could you please มีความหมายว่าอะไร? โครงสร้างไหนของ Could you please ที่ใช้เพื่อถามหรือขอความช่วยเหลือแบบสุภาพในภาษาอังกฤษ
ตัวอย่าง
- Could you please help Sammy solve this problem? (คุณสามารถช่วยแซมมี่แก้ไขปัญหานี้ได้ไหมคะ/ครับ)
- Could you please show me the way to the post office? (คุณช่วยบอกทางไปไปรษณีย์ให้ฉันหน่อยได้ไหมคะ/ครับ)
โครงสร้างของ could you please และวิธีใช้
โครงสร้างของ Could you please
Could you + (please) + V (ช่อง 1) + …
วิธีใช้ Could you please
สามารถใช้ “possibly” แทนใช้ “please” เพื่อขอร้องอย่างสุภาพกว่า
ตัวอย่าง
- Could you possibly get to me a cup of tea?
(คุณช่วยหยิบชาให้ฉันสักแก้วได้ไหมคะ/ครับ?)
- Could you possibly show me the way to the nearest bank?
(คุณช่วยบอกทางไปธนาคารที่ใกล้ที่สุดให้ฉันหน่อยได้ไหมคะ/ครับ?) ฟังดูดีขึ้น
ประโยคที่ใช้ “possibly” อาจจะสุภาพกว่า ดังนั้น นี่เป็นวิธีช่วยให้ประโยคขอร้องของคุณจะฟังดูดีขึ้น
ใช้ Couldn’t เพื่อแสดงความหวังของผู้พูดที่จะได้รับคำตอบที่สมเหตุสมผลมากขึ้น)
ตัวอย่าง
- Couldn’t you wait one minute?
(รบกวนคุณรอสัก 1 นาทีได้ไหมคะ/ครับ )
- Couldn’t you close the window?
(รบกวนคุณช่วยปิดประตูให้หน่อยได้ไหมคะ/ครับ?)
คำตรงข้ามของ could you please
คำศัพท์ | ถอดเสียง | แปล | ตัวอย่าง |
Can you | /kæn juː/ | ถามบุคคลอื่นเกี่ยวกับความเป็นไปได้ในการกระทำบางสิ่งบางอย่าง | Can you pass me the salt? (คุณช่วยส่งเกลือมาให้ฉันหน่อยได้ไหมคะ/ครับ) |
Will you | /wɪl juː/ | เสนอบางสิ่งบางอย่างที่สุภาพ | Will you please be quiet? (กรุณาเบาเสียงนิดหนึ่งนะคะ/ครับ) |
Do you mind | /duː juː maɪnd/ | ถามผู้อื่นว่า เขารังเกียจหรือไม่ | Do you mind if I sit here? (คุณจะรังเกียจไหมถ้าฉันนั่งตรงนี้) |
บทสนทนากับโครงสร้าง could you please ในภาษาอังกฤษ
A: Hi, I need some help with this report. (สวัสดีค่ะ/ครับ ฉันขอความช่วยเหลือเกี่ยวกับรายงานนี้หน่อยค่ะ/ครับ)
B: Of course, I’d be happy to assist. What do you need help with? (ได้เลยค่ะ/ครับ คุณอยากให้ฉันช่วยอะไรคะ/ครับ?)
C: Could you please review the financial section and check for any errors? (คุณช่วยตรวจสอบส่วนการเงินและตรวจสอบข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้นได้ไหมคะ/ครับ)
D: Sure, I’ll take a look at it right away. (แน่นอนค่ะ/ครับ ฉันจะดำเนินการตรวจสอบตอนนี้เลยค่ะ/ครับ)
เปรียบเทียบโครงสร้าง Could/Would/Will you please?
โครงสร้าง | วิธีใช้ | ตัวอย่าง |
Could you please | ใช้เพื่อถามหรือขอให้ใครสักคนช่วยอย่างสุภาพ | Could you please pass me the salt? (คุณช่วยส่งเกลือมาให้ฉันหน่อยได้ไหมคะ/ครับ?) |
Would you please | โครงสร้างนี้ใช้เพื่อถามหรือขอให้ใครสักคนช่วยอย่างสุภาพ แต่เป็นทางการกว่าและมักใช้ในการทำงาน | Would you please lower your voice? I’m trying to concentrate. (คุณช่วยเบาเสียงนิดหนึ่งได้ไหมคะ/ครับ ฉันกำลังต้องการสมาธิค่ะ/ครับ) |
Will you please | โครงสร้างนี้เป็นคำขอร้องอย่างสุภาพ แต่แสดงความสุภาพน้อยกว่า “could” และ “would” มักใช้เมื่อคุณต้องการความช่วยเหลือหรือความร่วมมืออย่างรวดเร็วและไม่ต้องมีความสุภาพสูง | Will you please hand me the pen? (คุณช่วยส่งปากกาให้ฉันหน่อยได้ไหมคะ/ครับ?) |
>>> Read more: คำว่า will – would ต่างกันอย่างไรและใช้ให้ถูกต้อง
โครงสร้างที่ใช้แทนให้ could you please ในภาษาอังกฤษ
ด้านล่างนี้คือโครงสร้างของประโยคขอร้องที่สามารถใช้แทนให้โครงสร้าง could you please
โครงสร้าง Will/ Would you (please)
โครงสร้าง will/would you (please) มีความหมายเดียวกันกับโครงสร้าง Can you (please) คือ “คุณช่วย…ได้ไหม”.
อย่างไรก็ตาม โครงสร้าง Will you ฟังดูไม่ค่อยสุภาพ ดังนั้นโครงสร้าง Will/would จึงมักจะถูกวางไว้ที่ต้นประโยคหรือท้ายประโยคแทน
Will/would you (please) + V (ช่อง 1)
ตัวอย่าง
- Will you help me? = Could you help me? (คุณสามารถช่วยฉันหน่อยได้ไหมคะ/ครับ?)
- Turn off the TV, will you? = Could you please turn off the? (คุณช่วยปิดทีวีให้หน่อยได้ไหมคะ/ครับ?)
หมายเหตุ: เนื่องจากโครงสร้าง could you please มีความไม่เหมาะสมและไม่สุภาพ เราจึงควรใช้โครงสร้าง will/wow แทน ซึ่งโครงสร้างนี้สามารถใช้ในสถานการณ์ที่ไม่เป็นทางการและคนใกล้ชิดได้
นอกจากนี้ Will/will ยังสามารถใช้เพื่อร้องขอจากบุคคลที่สามได้เช่นกัน:
ตัวอย่าง
- Would you invite the Smiths and grandparents to the charity event. Please wear white clothing when join?
(คุณช่วยเชิญคุณสมิธและปู่ย่าของเขามางานการกุศลได้ไหมคะ/ครับ? และขอความกรุณาสวมชุดสีขาวในการเข้าร่วมด้วยนะคะ/นะครับ)
- Would anyone who knows how to solve this exercise, please go to the worksheet? (ใครพอจะรู้วิธีแก้แบบฝึกหัดนี้บ้าง รบกวนเข้ามาที่ไฟล์งานนี้หน่อยนะ)
โครงสร้าง Can you (please)
ในกรณีที่ไม่ต้องการความสุภาพมากเกินไป เราสามารถใช้ Can you (see) แทนโครงสร้าง could you please ได้
Can you (please) + V (ช่อง 1)
ตัวอย่าง
- Can you please repeat the homework request again?
= Could you please repeat the homework request again?
(รบกวนคุณรอสัก 1 นาทีได้ไหมคะ/ครับ)
- Can you please help me with the book in the closet?
= Could you please help me with the book in the closet?
(คุณช่วยหยิบหนังสือในตู้ให้ฉันหน่อยได้ไหมคะ/ครับ?)
โครงสร้างเกี่ยบกับการตอบคำถาม Could/ Will/ Would you please
ในการตอบด้วยโครงสร้าง Could/ Will/ Would you please มีสองวิธีดังนี้
วิธีตอบว่าตกลง
- Yeah! Sure! (ได้แน่นอนค่ะ/ครับ!)
- Sure, don’t worry! (แน่นอนค่ะ/ครับ ไม่ต้องกังวล!)
- Sure, no problem! (โอเคค่ะ/ครับ ไม่มีปัญหา!)
วิธีตอบว่าปฏิเสธ
- I’m afraid I can’t. (ขอโทษที่ฉันไม่สามารถช่วยได้คะ/ครับ)
- I can help you later on, but not just now, so sorry! (ฉันไม่สามารถช่วยคุณได้ในตอนนี้ ไว้คราวหลังนะคะ/ครับ ขออภัยด้วยค่ะ/ครับ!)
>>> Read more:
โครงสร้างประโยค “ร้องขอ” แบบสุภาพ
1. Will you…? (คุณจะ…?)
เช่น Will you open the door for me?
(คุณจะสามารถเปิดประตูให้ฉันหน่อยได้ไหมคะ/ครับ?)
2. Would you…? (คุณจะ…?)
เช่น Would you open the door for me
(คุณช่วยเปิดประตูให้ฉันได้ไหมคะ/ครับ)
3. Would you please…? (คุณจะกรุณา…?)
เช่น Would you please open the door (for me)?
(คุณจะกรุณาเปิดประตูให้ฉันได้ไหมคะ/ครับ)
4. Could you please…? (ได้โปรด…)
Could you please open the door for me?
(ได้โปรดเปิดประตูให้ฉันได้ไหมคะ/ครับ?)
5. Could you possibly…? ( เป็นไปได้ไหมที่เธอจะ…?)
เช่น Could you possibly open the door?
(เป็นไปได้ไหมที่คุณจะสามารถเปิดประตูให้ฉัน?)
6. Would you kindly…? (คุณพอจะช่วย …)
เช่น Would you kindly open the door (for me)?
(คุณพอจะช่วยเปิดประตูให้ฉันหน่อยได้ไหมคะ/ครับ?))
7. Would you mind…? (คุณพอจะช่วย…ได้ไหม?)
เช่น Would you mind opening the door?
(คุณพอจะช่วยเปิดประตูได้ไหมคะ/ครับ?)
8. May I + V(ช่อง 1) (สิ่งที่ขอให้ช่วย)?
May I use your computer? – ฉันขอใช้คอมพิวเตอร์ของคุณได้ไหมคะ/ครับ
9. Would you help me + V (ช่อง 1) (สิ่งที่ขอให้ช่วย)?
Would you help me make some coffee? – รบกวนคุณช่วยฉันชงกาแฟหน่อยได้ไหมคะ
ประโยคขอความช่วยเหลือที่ใช้บ่อยในชีวิตประจำวัน
ประโยคขอความช่วยเหลือภาษาอังกฤษ ง่ายๆ
สามารถใช้ตัวอย่างประโยคนี้ได้ กรณีที่เราขอความช่วยเหลือในเรื่องที่ไม่มากจนเกินไป
- Can you give me a hand for a minute?
คุณสามารถช่วยฉันแป๊บหนึ่งได้ไหมคะ/ครับ?
- Could you lend me a hand?
คุณพอจะช่วยฉันหน่อยได้ไหมคะ/ครับ?
ตัวอย่างประโยคขอความช่วยเหลือภาษาอังกฤษ ที่ควรรู้
- Is there any chance you have time to …?
คุณพอมีเวลาที่จะ….ได้ไหม?
- Please help me with…
โปรดช่วยฉันในเรื่อง…
- Is it possible for you to …?
คุณพอที่จะช่วย…ได้ไหม
- I was wondering if you could please show me how to…
ฉันไม่แน่ใจ คุณพอจะบอกวิธีให้กับฉันได้ไหมคะ/ครับ?
- Do you have any free time on ….?
คุณมีเวลาว่างที่จะ..ได้ไหมคะ/ครับ?
- Do you know anything about ….?
คุณรู้อะไรเกี่ยวกับ .. หรือเปล่าคะ/ครับ?
- I was having a problem with … Do you think you can help me?
ฉันกำลังมีปัญหาในเรื่อง… คุณคิดว่าคุณจะสามารถช่วยฉันได้ไหมคะ/ครับ?
ตัวอย่างประโยคที่เราเข้าหาผู้อื่น และขอให้ช่วยเหลือ
- If you don’t mind, I could really use your assistance with …?
หากคุณไม่ว่าอะไร คุณพอจะช่วยฉันในเรื่อง…ได้ไหมคะ/ครับ?
- If you don’t mind, I really need your help with ….
หากคุณไม่ว่าอะไรฉันขอความช่วยเหลือจากคุณในเรื่อง….หน่อยนะ
- I know (that) you’re good at…, and I really could use some help.
ฉันรู้ว่าคุณเก่งในเรื่อง …. และพอที่ฉันจะขอความช่วยเหลือได้
- I heard (that) you’re really good at… Is there any chance you could help me?
ฉันได้ยินมาว่าคุณนั้นเก่งในเรื่อง…จริง ๆ คุณพอจะช่วยฉันบ้างได้ไหมคะ/ครับ?
- Is there any chance that you could give me a hand with ….?
พอเป็นไปได้ไหมที่คุณจะช่วยฉันในเรื่อง…ได้
- I heard that you have a lot of experience with…, and I could really use your help.
ฉันได้ยินมาว่าคุณมีประสบการณ์อย่างมากในเรื่อง … ฉันน่าจะพอขอความช่วยเหลือจากคุณได้บ้าง
ประโยคเสนอความช่วยเหลือภาษาอังกฤษ
เมื่อคุณเจอคนที่ตกอยู่ในสถานการณ์ยากลำบาก แต่คุณอยากแสดงความมีน้ำใจและให้ความช่วยเหลือ ในภาษาอังกฤษพูดได้หลายแบบ ดังนี้
- Let me help you. ให้ฉันช่วยคุณนะ
- Do you want any help? คุณต้องการความช่วยเหลือไหมคะ/ครับ?
- Do you need a hand? คุณต้องการให้ช่วยไหมคะ/ครับ
- What can I do for you? มีอะไรให้ช่วยหรือเปล่าคะ/ครับ?
- Is there anything I can do for you? มีอะไรที่ฉันสามารถช่วยคุณได้บ้างไหมคะ/ครับ?
- If you want me to help, please let me know. ถ้าคุณอยากให้ช่วย บอกได้เลยนะคะ/ครับ
>>> Read more: โครงสร้างประโยคขอความช่วยเหลืออื่น ๆ Make, Force, Let, Permit, Allow,…
แบบฝึกหัดเกี่ยวกับโครงสร้าง could you please
แบบฝึกหัดที่ 1: แปลประโยคต่อไปนี้เป็นภาษาไทย
1. Could you please pass me the salt?
2. Could you please help me with my homework?
3. Would you please be quiet during the movie?
4. Would you please make a reservation for two at the restaurant tonight?
5. Will you please hand me the remote control?
เฉลย
1. คุณช่วยส่งเกลือมาให้ฉันหน่อยได้ไหมคะ/ครับ?
2. คุณช่วยฉันทำการบ้านหน่อยได้ไหมคะ/ครับ?
3. ขณะที่ดูหนังคุณช่วยเบาเสียงนิดหนึ่งได้ไหมคะ/ครับ?
4. คืนนี้คุณช่วยฉันจองโต๊ะอาหารสำหรับสองคนได้ไหมคะ/ครับ?
5. คุณช่วยส่งรีโมตให้ฉันหน่อยได้ไหมคะ/ครับ?
แบบฝึกหัดที่ 2: ค้นหาและแก้ไขข้อผิดพลาดในประโยคด้านล่าง
1.Could you please turning down the music? I’m trying to study.
2. Could you please picked up some groceries on your way home?
3. Will you please to take care of the dog while I’m away this weekend?
4. Would you please closed the door behind you when you leave?
5. Would you please to proofread my report for any errors?
เฉลย
1. turning ➞ turn
2. picked ➞ pick
3. to take ➞ take
4. closed ➞ close
5. to proofread ➞ proofread
แบบฝึกหัดที่ 3: เขียนประโยคใหม่แต่ไม่ทำให้ความหมายเปลี่ยน
1. Could you please suggest this?
=> Can you………………………………..
=> Will/would………………………………..
2. Could you please send a message back later? I’m busy now.
=> Can you………………………………..
=> Will/would………………………………..
3.Could you please bring the book to the class?
=> Can you………………………………..
=> Will/would………………………………..
4. Could you please show me the way?
=> Can you………………………………..
=> Will/would………………………………..
5. Could you please confirm it?
=> Can you………………………………..
=> Will/would………………………………..
เฉลย
1. Can you suggest this?
Will/would suggest this?
2. Can you send a message back later? I’m busy now.
Will/would send a message back later? I’m busy now.
3. Can you bring the book to the class?
Will/would bring the book to the class?
4. Can you please show me the way
Will/would you please show me the way
5. Can you confirm it?
Will/would confirm it?
แบบฝึกหัดที่ 4: เติมประโยคต่อไปนี้ให้สมบูรณ์โดยใช้โครงสร้าง could you please…? เพื่อขอความช่วยเหลือหรือขอข้อมูล
1. ______________ tell me the way to the train station?
2. _______________ help me carry this bag, please?
3. _______________ give me a glass of water, please?
4. _______________ send me the report by email, please?
5. _______________ explain this word to me, please?
เฉลย
1. Could you please tell me the way to the train station?
2. Could you please help me carry this bag?
3. Could you please give me a glass of water?
4. Could you please send me the report by email?
5. Could you please explain this word to me?
แบบฝึกหัดที่ 5: เติมคำที่หายไปในประโยคโดยใช้โครงสร้าง could you please…? เพื่อขอความช่วยเหลือหรือขอข้อมูล
1. _______________ me how to get to the post office, please?
2. _______________ me a favor and turn off the lights, please?
3. _______________ me the menu, please?
4. _______________ me your phone number, please?
5. _______________ me a hand with this box, please?
เฉลย
1. Could you please tell me how to get to the post office?
2. Could you please do me a favor and turn off the lights?
3. Could you please give me the menu?
4. Could you please give me your phone number?
5. Could you please give me a hand with this box?
ELSA Speak ได้แบ่งปันวิธีใช้ Could you please คุณช่วย…ได้ไหม และตัวอย่างประโยคขอร้องให้กับคุณ หวังว่าบทความนี้จะช่วยให้คุณเรียนภาษาอังกฤษและนำโครงสร้าง Could you please มาใช้ ในชีวิตประจำวันอย่างถูกต้อง และอย่าลืมดาวน์โหลด ELSA Speak ตอนนี้เพื่อฝึกฝนภาษาอังกฤษได้ทุกวันนะ!
Not only but also เป็นโครงสร้างไวยากรณ์ภาษาอังกฤษที่เราพบเจอบ่อยในชีวิตประจําวัน แต่โครงสร้างนี้ใช้อย่างไร ข้อควรระวังเมื่อใช้โครงสร้างนี้คืออะไร ในบทความวันนี้ ELSA Speak จะแบ่งปันข้อมูลทั้งหมดเกี่ยวกับโครงสร้างไวยากรณ์นี้ให้กับคุณนะ ถ้าเพื่อน ๆ สนใจ อ่านเพิ่มเติมได้เลยนะ
โครงสร้าง Not only but also คืออะไร
โครงสร้าง Not only but also หมายถึง “ไม่เพียงแค่ (แต่) …แต่ก็ยัง…” นี่คือโครงสร้างไวยากรณ์ประเภทหนึ่งที่ใช้กันทั่วไปในภาษาอังกฤษ ซึ่งใช้เพื่อเน้นลักษณะหรือการกระทำของเหตุการณ์หรือสิ่งของบางอย่าง นอกจากนี้โครงสร้าง Not only but also ยังเป็นคำสันธานที่ใช้เชื่อมคำ วลี หรือประโยคที่เป็นประเภทเดียวกันในภาษาอังกฤษอีกด้วย
ความหมายของโครงสร้าง Not only but also
โครงสร้าง Not only but also ใช้เพื่อเชื่อมโยงคำหรือวลีสองคำที่มีลักษณะและอยู่ตําแหน่งเดียวกัน ขณะเดียวกันก็เน้นย้ำความคิดที่ต้องแสดงออกมาในสองประโยคนี้ด้วย ตัวอย่างโครงสร้าง Not only but also:
ปกติคุณสามารถพูดว่า: Kathy is lovely and funny. (เคธี่น่ารักและตลก) แต่เมื่อใช้เพื่อเน้นกับโครงสร้าง Not only but also: Kathy is not only lovely but also funny. (เคธี่ไม่เพียงแค่น่ารักเท่านั้น แต่ก็ยังตลกอีกด้วย)
→ ประโยคนี้เน้นย้ำว่าเคธี่ทั้งน่ารักและตลก
วิธีใช้ Not only but also
โครงสร้าง | สูตร | ตัวอย่าง |
เน้นคำนาม | S + V + not only + Noun1 + but also + Noun2 | • Not only Jenny but also John do not like to exercise. (ไม่ใช่แค่เจนนี่เท่านั้น แต่จอห์นก็ไม่ชอบออกกำลังกายด้วย) • We will visit not only Chiang Mai but also Chiang Rai. (เราจะไปเยี่ยมชมไม่เพียงแค่เชียงใหม่แต่ยังไปเชียงรายด้วย) |
เน้นคำกริยา | S + not only + V1 + but also + V2 | • Kathy not only dances well but also sings perfectly. (เคธี่ไม่เพียงแค่เต้นเก่ง แต่ยังร้องเพลงได้สมบูรณ์แบบอีกด้วย) |
S + V1 + not only + V2 + but also + V3 | • Sara hates not only washing clothes but also cleaning her room. (ซาร่าไม่เพียงแต่เกลียดการซักเสื้อผ้า แต่ยังเกลียดการทำความสะอาดห้องของเธออีกด้วย) | |
เน้นคำคุณศัพท์ | S + V + not only + Adj1 + but also + Adj2 | • Hana studies not only hard but also efficient. (ฮาน่าไม่เพียงแต่เรียนหนักแต่ยังเรียนอย่างมีประสิทธิภาพอีกด้วย) |
เน้นคำวิเศษณ์ | S + V + not only + Adv1 + but also + Adv2 | • Jessica drives not only carefully but also slowly. (เจสสิก้าไม่เพียงแค่ขับรถอย่างระมัดระวัง แต่ยังขับช้าด้วย) |
เน้นบุพบทวลี | S + V + not only + Prep1 + but also + Prep2 | • Daisy is not only good at Math but also at Physics. (เดซี่ไม่เพียงแต่เก่งคณิตศาสตร์ แต่ยังเก่งฟิสิกส์อีกด้วย) • Playing football is not only good for my health but also for my mood. (การเล่นฟุตบอลไม่เพียงแต่ดีต่อสุขภาพของฉันเท่านั้น แต่ยังดีต่ออารมณ์ของฉันด้วย) |
เน้นคำนามวลี | S + V + not only + Noun phrase 1 + but also + Noun phrase 2 | • Increasing the number of students not only decreases the teaching quality but also negatively affects the students’ performance. (การเพิ่มของจำนวนนักเรียนไม่เพียงแค่ลดคุณภาพการสอนเท่านั้น แต่ยังส่งผลเสียต่อผลการเรียนของนักเรียนอีกด้วย) → เน้นกริยาวลี (decreases the teaching quality – negatively affects the students’ performance) • Studying abroad is not only a good chance to learn a language, but also a great way to make new friends. (การเรียนต่อต่างประเทศไม่เพียงแต่เป็นโอกาสที่ดีในการเรียนรู้ภาษาเท่านั้น แต่ยังเป็นวิธีที่ดีในการทําความรู้จักกับเพื่อนใหม่อีกด้วย) → เน้นคำนามวลี (a good chance to learn a language – a great way to make new friends) |
เมื่อใช้ not only but also เราสามารถคงรูปวลี “but also” หรือตัดคําว่า “also” ออกก็ได้ นอกจากนี้ก็สามารถแยก “also” จาก “but” ได้ด้วยเช่นกัน
ตัวอย่าง: Martin drives not only carefully but slowly also. (มาร์ตินไม่เพียงขับอย่างระมัดระวัง แต่ยังขับช้าด้วย)
ประโยคย้อนกลับของ Not only but also
โครงสร้าง | สูตร | ตัวอย่าง |
ประโยคย้อนกลับกริยาช่วย | Not only + Modal verb + S + V, but also +… | Martin can not only play soccer very well, but she is also an excellent student. → Not only can Martin play soccer very well, but she is also an excellent student. (มาร์ตินไม่เพียงแต่สามารถเล่นฟุตบอลได้เป็นอย่างดี แต่เขายังเป็นนักเรียนที่ยอดเยี่ยมอีกด้วย) |
ประโยคย้อนกลับ กริยา to be | Not only + คํากริยา to be + S +…, but also +… | Hanna is not only rich but also kind. → Not only is Hanna rich, but also kind. (ฮันนาไม่เพียงแค่รวย แต่ยังใจดีอีกด้วย) |
ประโยคย้อนกลับ กริยาปกติ | Not only + กริยาช่วย + S + V, but also +… | Kathy not only dances perfectly but also sings well. → Not only does Kathy dance perfectly but also sings well. (เคธี่ไม่เพียงแค่เต้นเก่งแต่ยังร้องเพลงเพราะอีกด้วย) |
>>> Read more: วิธีใช้โครงสร้างประโยคย้อนกลับ (Inversion) พร้อมแบบฝึกหัด
โครงสร้างที่มีความหมายเดียวกันกับ Not only but also
โครงสร้าง As well as (ทั้ง… และ…)
- S + V + N/adv + as well as + N/adv
- S + V + as well as + V
- S + to be + adj + as well as + adj
ตัวอย่าง:
- Jerry is handsome as well as polite. (เจอร์รี่ทั้งเก่งและสุภาพ)
- Jerry plays the piano as well as the guitar. (เจอร์รี่เล่นทั้งเปียโนและกีตาร์)
- Jerry is working as well as singing. (เจอร์รี่ทั้งทำงานและร้องเพลงไปด้วย)
- Jerry loves Hannah as well as Alex. (เจอร์รี่รักทั้งฮันนาห์และอเล็กซ์)
หมายเหตุ: เมื่อใช้โครงสร้าง both and หรือ well as จะไม่มีการเน้นที่ประโยคหลังอีกต่อไป ทั้งสอง
ตําแหน่งมีความหมายเท่ากัน
Both ….and… (ทั้ง… ทั้ง…)
- S + V + both + adv + and + adv
- S + to be + both + adj + and adj
- Both S1 and S2 + V
ตัวอย่าง:
- Maya is both talented and beautiful. (มายาทั้งเก่งทั้งสวย)
- Both Maya and Porn won the competition. (ทั้งมายาและพรชนะการแข่งขัน)
- Maya plays the guitar masterfully and emotionally. (มายาเล่นกีตาร์ได้เก่งและเต็มไปด้วยอารมณ์)
ข้อควรระวังทั่วไปเมื่อใช้โครงสร้าง Not only but also
ชนิดของคำส่วนหน้าและส่วนหลังไม่สอดคล้องกัน
เมื่อใช้โครงสร้าง not only but also ผู้เรียนต้องใช้โครงสร้างที่สอดคล้องกัน ซึ่งหมายความว่าคูาที่อยู่หลัง not only และ but also ต้องเป็นคำชนิดเดียวกัน
ตัวอย่างประโยคที่ผิด | ประโยคที่ถูกต้อง |
David is not only enjoy playing football but also a very young man.-> ในประโยคข้างต้น “not only enjoy playing football” หมายถึงกิจกรรม ในขณะที่ “a very young man” เป็นคำนาม ประโยคนี้มีโครงสร้างที่ไม่ถูกต้องและไม่สอดคล้องกัน | David is not only a football enthusiast but also a very young man. (เดวิดไม่เพียงแต่เป็นผู้ที่ชื่นชอบฟุตบอลเท่านั้น แต่เขายังเป็นเด็กมาก ๆ ด้วย) |
สลับคําในประโยคผิดตําแหน่ง
สำหรับโครงสร้าง not only but also รวมถึงสูตรทั่วไปคือการกลับคําที่ประโยคหน้าและเก็บไว้ที่ประโยคหลังไว้ ผู้เรียนบางคนมักสับสนตำแหน่งของการสลับคําในประโยค
ตัวอย่างประโยคที่ผิด | ประโยคที่ถูกต้อง |
Not only she was a bad-tempered person, but was she also yelled at her son. | Not only was she a bad-tempered person, but she was also yelled at her son. (เธอไม่เพียงแต่เป็นคนอารมณ์ร้อนเท่านั้น แต่เธอยังดุลูกชายของเธออีกด้วย) |
ไม่ใช้เครื่องหมายวรรคตอน (,) เมื่อเชื่อมประโยคที่เป็นอิสระทั้ง 2 ประโยคเข้าด้วยกัน
เมื่อเชื่อมโยงอนุประโยคอิสระทั้ง 2 ประโยค ผู้เรียนควรทราบว่าต้องใช้เครื่องหมายวรรคตอนเพื่อแยกประโยคทั้งสองออกจากกัน
ตัวอย่าง: Not only has he been late several times, but he has also done no homework. (เขาไม่เพียงแค่มาสายหลายครั้งเท่านั้น แต่เขายังไม่ได้ทำการบ้านอีกด้วย)
>>> Read more: โครงสร้างและวิธีแต่งประโยคภาษาอังกฤษ
แบบฝึกหัด Not only but also มีเฉลยอย่างละเอียด
บทที่ 1: จงเติมประโยคให้สมบูรณ์โดยใช้โครงสร้าง Not only but also
1. There are problems with Tom. There are problems with his parents.
→
2. We visit our grandmother’s house in the summer. We visit our grandmother’s house in winter.
→
3. The children need food. The children need medicine.
→
บทที่ 2: จงเขียนประโยคใหม่ด้วย “Not only” ด้วยโครงสร้างสลับคํา
1. She is not only pretty but also talented.
→
2. They not only have a farm but also own a hotel.
→
3. The man not only saved me but also gave me some money.
→
4. Robots will not only do housework but also guard our houses.
→
บทที่ 3: จงเรียงประโยคให้สมบูรณ์ด้วยคำต่อไปนี้
1. she/ finish/ expectations/ she/ but also/ did/ not only/ the/time/ exceed/ on/ our/ project
2. watching/ soccer/ not only/ I/ also/ I/ but/ do/ enjoy/ it/ like/ playing
3. did/ notes/ from/ semester/ not only/ for/ he/ but also/ reviewed/ entire/ exam/ study/ he/ the/ he/ his
4. pianist/ but also/ not only/ is/ not/ she/ talented/ gifted/ singer/ a/ a
5. thought-provoking/ entertaining/ was/ movie/ The Nguyen/ was/ it/ also
เฉลย Not only but also อย่างละเอียด
คําเฉลยบทที่ 1
1. There are problems not only with Tom but also with his parents.
2. We visit our grandmother’s house not only in summer but also in winter.
3. The children need not only food but also medicine.
คําเฉลยบทที่ 2
1. Not only is she pretty, but she is also talented.
2. Not only do they have a farm, but they also own a hotel.
3. Not only did the man save me, but he also gave me some money.
4. Not only will robots do housework, but they will also guard our houses.
คําเฉลยบทที่ 3
1. Not only did she finish the project on time, but also she exceeded our expectations.
2. Not only do I enjoy playing soccer, but I also like watching it.
3. Not only did he study for the exam, but also he reviewed his notes from the entire semester.
4. She is not only a talented singer but also a gifted pianist.
5. The Nguyen movie was entertaining. It was also thought-provoking.
คําถามที่พบบ่อย
วิธีใช้ “Not only but also” ที่ถูกต้อง
“Not only” และ “but also” มักจะอยู่หน้าคำหรือสำนวนเพื่อช่วยขยายความหมาย
The place was not only good but well and safe.
โครงสร้างใดสามารถใช้แทน “Not only but also” ได้
คําต่อไปนี้เป็นคำที่ใช้แทนและยังเป็นคำพ้องความหมายสำหรับคำสันธานที่สัมพันธ์กัน เพื่อใช้เชื่อมประโยค “not only but also”
as well as | likewise | similarly | in the same way | and | in addition to | furthermore |
additionally | moreover | what’s more | too | also | both…and | another |
equally important | besides | further | in fact | as a result | consequently |
“Not only but also” เป็นคําสันธานใช่ไหม?
“Not only…but also” ไม่ใช่คำสันธานที่ใช้เชื่อมคำ วลี หรือประโยคที่เป็นประเภทเดียวกัน แต่เป็นคําสันธานที่ต้องใช้คู่กันเสมอ
แยกแยะระหว่างคำสันธานที่ใช้เชื่อมคำ วลี หรือประโยคที่เป็นประเภทเดียวกัน กับ คําสันธานที่ต้องใช้คู่กันเสมอ
- คำสันธานที่ใช้เชื่อมคำ วลี หรือประโยคที่เป็นประเภทเดียวกัน: เชื่อมต่อองค์ประกอบในระดับเดียวกันในประโยค สร้างความสัมพันธ์แบบเท่าเทียมกันะหว่างองค์ประกอบต่าง ๆ
ตัวอย่าง: “and”, “for”, “or”.
- คําสันธานที่ต้องใช้คู่กันเสมอ: เชื่อมต่อส่วนประกอบที่ไม่อยู่ในระดับเดียวกันในประโยค สร้างความสัมพันธ์แบบพึ่งพาระหว่างส่วนประกอบต่าง ๆ
- ตัวอย่าง: “not only…but also”, “either…or”, “neither…nor”, “both…and”.
ELSA Speak ได้รวบรวมรายละเอียดทั้งหมดเกี่ยวกับโครงสร้าง Not only but also มาให้แล้ว อย่าลืมสรุปและจดบันทึกไว้ในสมุดกันด้วยนะ เอาไว้ทบทวนยามจําเป็น ยังไงก็ขอให้คุณเรียนอย่างมีประสิทธิภาพและอย่าลืมนำความรู้นี้ไปใช้ในชิวิตประจําวันกันด้วยนะ
ในการสื่อสารภาษาอังกฤษ คำกล่าวเกี่ยวกับการทักทายและการให้กำลังใจคนป่วยเรียกว่า Get well soon นอกจากนี้มีคำพูดอื่นที่ลึกซึ้งสำหรับพูดแสดงความห่วงใยและให้กำลังใจคนป่วยเป็นภาษาอังกฤษอีกมากมาย มาเรียนรู้ 10 วิธีการพูดว่า “Get well soon” ผ่านบทความต่อไปนี้กันเลย
Get well soon แปลว่า ?
ความหมายของ Get well soon
Get well soon” แปลว่า “หายเร็วๆ” หรือ “หายไวๆ” เป็นคำที่ใช้อย่างไม่เป็นทางการและแสดงถึงความใกล้ชิดเพื่ออวยพรให้ผู้ป่วยหายป่วย
ตัวอย่าง
Get well soon. Everybody here is thinking of you.
10+ วิธีการพูด Get well soon ในภาษาอังกฤษ
สำหรับพูดกับเพื่อนร่วมงาน
I hope you get well really soon! I miss your smile.
- ความหมาย: หวังว่าคุณจะหายเร็วๆ นะ ฉันคิดถึงรอยยิ้มของคุณ
- ตัวอย่าง: I heard you’re not feeling well. I hope you get well really soon! I miss your smile.
แปล: ฉันได้ยินมาว่าคุณไม่สบาย ฉันหวังว่าคุณจะหายเร็วๆ ฉันคิดถึงรอยยิ้มของคุณ.
Thinking of you lots and hoping for your speedy recovery.
- ความหมาย: ฉันคิดถึงคุณมาก หวังว่าคุณจะหายเร็วๆ
- ตัวอย่าง: Just wanted to let you know I’m thinking of you lots and hoping for your speedy recovery.
แปล: แค่อยากให้คุณรู้ว่าฉันคิดถึงคุณมากและหวังว่าคุณจะหายเร็วๆ นะ
Feel better and get back on your feet soon!
- ความหมาย: รู้สึกดีขึ้นและกลับมาเป็นปกติเร็วๆ นะ
- ตัวอย่าง: Take care of yourself and follow the doctor’s advice. Feel better and get back on your feet soon!
แปล: อย่าลืมดูแลตัวเองและทำตามคำแนะนำของแพทย์ คุณจะรู้สึกดีขึ้นและกลับมาเป็นปกติเร็วๆ นะ
Sending healing vibes your way!
- ความหมาย: ขอส่งสิ่งดี ๆ และสุขภาพที่ดีให้กับคุณ
- ตัวอย่าง: I’m sending healing vibes your way. I hope they bring you comfort and a speedy recovery.
แปล: ฉันขอส่งสิ่งดี ๆ และสุขภาพที่ดีให้กับคุณ ฉันหวังว่าคุณจะรู้สึกสบายใจและหายป่วยเร็วๆนะ
May you bounce back in no time!
- ความหมาย: หวังว่าคุณจะหายเร็วๆ
- ตัวอย่าง: You’re a strong person, and I believe you’ll bounce back in no time.
คุณเป็นคนแข็งแรง และฉันเชื่อว่าคุณจะหายป่วยโดยเร็ว
Hoping for your quick recuperation!
- ความหมาย: หวังว่าคุณจะหายเร็วๆ
- ตัวอย่าง: Wishing you a quick recuperation and a speedy return to good health.
แปล: ขอให้คุณหายเร็วๆ และกลับมาแข็งแรงเหมือนเดิมนะ
Take care and get well before you know it!
- ความหมาย: ดูแลตัวเอง พักผ่อนเยอะๆ และหายป่วยเร็วๆ นะ
- ตัวอย่าง: Take care of yourself, rest well, and get well before you know it. We miss you!
แปล: อย่าลืมดูแลตัวเอง พักผ่อนเยอะๆ และหายป่วยเร็วๆ นะ พวกเราคิดถึงคุณมาก
Here’s to your health and a speedy comeback!
- ความหมาย: ดูแลสุขภาพและหายเร็วๆ นะ
- ตัวอย่าง: Raise a toast to your health and a speedy comeback. Get well soon and we’ll celebrate together!
แปล: ขอยกแก้วนี้เพื่อให้สุขภาพของคุณกลับมาแข็งแรงโดยเร็ววัน หายป่วยไวๆ แล้วเราค่อยมาฉลองด้วยกันอีกนะ
I got the news of your sickness and got you some flowers to make your happier and healthier again. Get well soon.
- ความหมาย: ฉันได้รับข่าวว่าคุณป่วยและได้นำดอกไม้มาให้คุณ เพื่อให้คุณมีความสุขและสุขภาพดีขึ้นอีกครั้ง หายเร็วๆ นะ
- ตัวอย่าง: Hi Sarah, I heard you’re not feeling well, so I brought you some flowers to brighten up your day and bring some cheer. Get well soon!
แปล: สวัสดีซาราห์ ฉันได้ยินมาว่าคุณไม่สบาย ฉันจึงนำดอกไม้มาให้คุณ เพื่อทำให้วันของคุณสดใสและมีความสุขมากขึ้น หายเร็วๆ นะ
Best wishes that you will soon be back to doing all the things you love.
- ความหมาย: ขอให้คุณกลับมาทำในสิ่งที่คุณรักได้ในเร็วๆ นี้นะ
- ตัวอย่าง: Hey Mark, I just wanted to send you my best wishes and let you know that I hope you recover quickly and get back to doing all the things you love. Take care!
แปล: สวัสดีมาร์ค ฉันแค่อยากส่งคำอวยพรให้คุณ หวังว่าคุณจะหายป่วยเร็วๆ และกลับมาทำในสิ่งที่คุณรักไวๆ ดูแลตัวเองด้วยนะ
>>> Read more: How are you? มาเรียนรู้ 90+ วิธีถามแบบอื่น
สำหรับญาติและเพื่อน
Get well soon, so you can resume bringing brightness and delight into our lives.
- ความหมาย: ขอให้หายป่วยเร็วๆ นะ เพื่อให้คุณกลับมานำความสดใสและความสุขมาสู่ชีวิตของพวกเราอีกครั้ง
- ตัวอย่าง: We miss your positive energy and laughter. Get well soon, so you can resume bringing brightness and delight into our lives.
แปล: พวกเราคิดถึงพลังบวกและเสียงหัวเราะของคุณ หายป่วยเร็วๆ นะ แล้วคุณจะได้กลับมานำความสดใสและความสุขมาสู่ชีวิตของพวกเราอีกครั้ง
Please get well soon. No, not soon. Get well now.
- ความหมาย: หายเร็วๆ นะ ไม่ใช่ “หายเร็วๆ” สิ แต่ต้อง “หายตอนนี้เลย”
- ตัวอย่าง: Your absence is deeply felt. Please get well soon. No, not soon. Get well now.
แปล: การที่คุณหายไปทำให้พวกเราคิดถึงคุณมาก หวังว่าคุณจะหายเร็วๆ ไม่ใช่ “หายเร็วๆ” สิ แต่ต้อง “หายตอนนี้เลย” นะ
I wish I had a magic wand with which I can call you up from your sick bed but I don’t, so I pray for you everyday to get well soon.
- ความหมาย: ฉันหวังว่าฉันจะมีไม้กายสิทธิ์ที่สามารถเสกให้คุณขึ้นมาจากเตียงได้ แต่ฉันดันไม่มี งั้นฉันขอสวดภาวนาทุกๆวัน หวังให้คุณหายป่วยในเร็ววันนะ
- ตัวอย่าง: Hi Emily, I wish I had a magic wand to make you feel better instantly, but since I don’t, please know that I’m praying for your speedy recovery every day. Get well soon!
แปล: สวัสดีเอมิลี่ ฉันหวังว่าฉันจะมีไม้กายสิทธิ์ที่สามารถเสกให้คุณขึ้นมาจากเตียงได้ แต่ฉันดันไม่มี งั้นฉันขอสวดภาวนาทุกๆวัน หวังให้คุณหายป่วยในเร็ววันนะ
May the good wishes and warm thoughts of those who care about you send a little cheerfulness into your world and help you feel better.
- ความหมาย: ขอให้ความปรารถนาดีและความอุ่นใจจากคนที่ห่วงใยคุณ
- ทำให้คุณมีความสุขและช่วยให้คุณรู้สึกดีขึ้นนะ
- ตัวอย่าง: Dear John, may all the good wishes and warm thoughts from your loved ones bring a little cheerfulness into your world and help you feel better. You’re in our thoughts. Get well soon!
แปล: ถึงจอห์น ขอให้ความปรารถนาดีและความอุ่นใจจากคนที่ห่วงใยคุณ ทำให้คุณมีความสุขและช่วยให้คุณรู้สึกดีขึ้นนะ
Look outside the sun is shining, and it’s telling you to get well soon.
- ความหมาย: ลองมองออกไปข้างนอกสิ พระอาทิตย์กำลังส่องแสงจ้าและบอกว่าให้คุณหายป่วยเร็วๆ นะ
- ตัวอย่าง: Hey Lisa, just wanted to remind you that even the sun is shining its brightest today, sending its warmth and telling you to get well soon. Take care and rest up!
แปล: สวัสดีลิซ่า ฉันแค่อยากบอกคุณว่า ให้ลองมองออกไปข้างนอกสิ พระอาทิตย์กำลังส่องแสงจ้าและบอกว่าให้คุณหายป่วยเร็วๆ นะ
May every cell in your body heal miraculously fast. Know that you are missed greatly.
- ความหมาย: ขอให้ทุกเซลล์ในร่างกายของคุณจะดีขึ้น ฉันคิดถึงคุณมาก
- ตัวอย่าง: Hi Mike, sending you my best wishes for a miraculous and speedy recovery. Every cell in your body is being wished to heal quickly. Know that you are missed greatly. Get well soon!
แปล: สวัสดีไมค์ ฉันขอส่งความปรารถนาดีถึงคุณนะ ฉันขอให้ทุกเซลล์ในร่างกายของคุณจะดีขึ้น และฉันคิดถึงคุณมาก หายเร็วๆ นะ
If money can buy back your health, I wouldn’t mind closing my bank account just to see you well again. You mean the world to me, so get well soon.
- ความหมาย: หากเงินซื้อสุขภาพของคุณได้ ฉันก็ยินดีที่จะปิดบัญชีธนาคาร เพื่อที่จะได้เห็นคุณดีขึ้นอีกครั้ง คุณมีความหมายสำหรับฉัน ดังนั้นขอให้หายเร็วๆ นะ
- ตัวอย่าง: My dear friend, if money could bring back your health, I would gladly give up everything just to see you well again. You mean the world to me, and I want nothing more than for you to get well soon.
แปล: เพื่อนรักของฉัน หากเงินสามารถทำให้สุขภาพของคุณกลับมาดีขึ้นได้ ฉันยินดีที่จะสละทุกอย่างเพื่อจะได้กลับมาพบกันอีกครั้ง คุณคือโลกของฉัน และฉันไม่ต้องการอะไรมากไปนอกจากคุณจะหายป่วยเร็วๆ นะ
>>> Read more:
- แคปชั่นภาษาอังกฤษสั้นๆ ให้แรงบันดาลใจสำหรับชีวิต
- 100+ คําให้กําลังใจ ภาษาอังกฤษ สั้นๆ ช่วยให้คุณรู้สึกมองโลกในแง่ดีมากขึ้น
คำถามที่เจอบ่อย
Get well soon ใช้เพื่อทำอะไร ?
Get well soon เป็นคำพูดที่แสดงถึงความใกล้ชิดและสุภาพใช้เพื่อพูดกับผู้ป่วย
ตัวอย่างการใช้ Get well soon
A: Hey, I heard you were feeling under the weather. How are you doing?
B: Yeah, I caught a nasty flu. I’ve been feeling pretty weak.
A: I’m sorry to hear that. Get well soon! Is there anything I can do to help?
B: Thanks, I appreciate it. Well, some hot soup would be great if you could manage that.
แปล:
A: เฮ้ ฉันได้ยินมาว่าคุณรู้สึกไม่ค่อยสบาย เป็นอย่างไรบ้าง
B:ใช่ ฉันเป็นไข้หวัดใหญ่ ฉันรู้สึกไม่ค่อยสบายตัว
A: ฉันเสียใจมากที่ได้ยินแบบนี้ หายเร็วๆ นะ มีอะไรให้ฉันช่วยก็บอกนะ
B: ขอบคุณมากนะ ฉันอยากได้ซุปร้อนๆ สักถ้วย ก็น่าคงจะดีขึ้น
ELSA Speak หวังว่าบทความข้างต้นนี้จะเป็นประโยชน์สำหรับคุณในการใช้พูดแทนคำว่า Get well soon และทำให้คลังคำศัพท์ภาษาอังกฤษของคุณมีความหลากหลายมากขึ้น อย่าลืมติดตาม ELSA Speak ได้ในบทความต่อไปนะ
การลงเรียนคอร์สเรียนภาษาอังกฤษถือเป็นทางเลือกสำหรับคนที่ลืมพื้นฐานภาษาอังกฤษไปนานแล้ว เพราะคุณจะได้มีเทคนิคและแนวทางการเรียนรู้ใหม่ๆ ที่เหมาะสม เรามาศึกษาคอร์สเรียนภาษาอังกฤษที่ดีที่สุดและมีประสิทธิภาพในปัจจุบันด้วย ELSA Speak ผ่านบทความด้านล่างนี้นะ
คอร์สเรียนภาษาอังกฤษ
แบ่งตามอายุ
คอร์สเรียนภาษาอังกฤษสำหรับเด็ก นี่เป็นคอร์สเรียนสำหรับเด็กมีอายุประมาณ 3-12 ปี หลักสูตรในคอร์สเรียนเหล่านี้มักจะเน้นในการพัฒนาทักษะด้านการฟัง พูด อ่านและเขียน โดยผ่านกิจกรรมที่สนุกสนาน เกมและนิทาน เรื่องเล่า
คอร์สเรียนภาษาอังกฤษสำหรับวัยรุ่น นี่เป็นคอร์สเรียนสำหรับนักเรียนมัธยมปลายมีอายุตั้งแต่ 12 – 18 ปี หลักสูตรในคอร์สเรียนเหล่านี้มักจะเน้นในการพัฒนาทักษะด้านไวยากรณ์ คำศัพท์ การออกเสียง และการสื่อสารภาษาอังกฤษ นอกจากนั้น คอร์สเรียนนี้ก็สามารถส่งเสริมความรู้เกี่ยวกับวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ของประเทศที่ใช้ภาษาอังกฤษในการสื่อสาร
คอร์สเรียนภาษาอังกฤษสำหรับผู้ใหญ่ นี่เป็นคอร์สเรียนสำหรับผู้ใหญ่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป หลักสูตรในคอร์สเรียนเหล่านี้สามารถปรับเปลี่ยนให้เหมาะสมกับเป้าหมายและความต้องการของผู้เรียนแต่ละคน คอร์สเรียนนี้ยังสามารถเน้นในการพัฒนาทักษะการสื่อสารในชีวิตประจำวัน ทักษะการเขียน ทักษะการฟังแล้วเข้าใจหรือเตรียมสอบภาษาอังกฤษในระดับนานาชาติ เช่น TOEFL, IELTS และ TOEIC
แบ่งตามเป้าหมายการเรียนภาษาอังกฤษ
คอร์สเรียนการสื่อสารภาษาอังกฤษ
คอร์สเรียนเหล่านี้มุ่งเน้นในการส่งเสริมทักษะการสื่อสารในชีวิตประจำวัน เนื้อหาในการสอนมักเกี่ยวข้องกับสถานการณ์การสื่อสารจริง เช่น การสั่งอาหารในร้านอาหาร การไปช้อปปิ้ง การพบปะเพื่อนฝูง และการพูดคุยเรื่องงาน
คอร์สเรียนภาษาอังกฤษเชิงวิชาการ
คอร์สเรียนเหล่านี้ช่วยผู้เรียนพัมนาทักษะภาษาอังกฤษในสาขาวิชาการ โปรแกรมการศึกษาสามารถประกอบด้วยการเขียนเรียงความ วิเคราะห์ข้อความ และอภิปรายหัวข้อทางวิชาการ
เป็นคอร์สเรียนสำหรับผู้ที่ต้องการเตรียมตัวสอบภาษาอังกฤษในระดับนานาชาติ เช่น TOEFL, IELTS และ TOEIC หลักสูตรในคอร์สเรียนเหล่านี้เน้นในการส่งเสริมกลยุทธ์ ทักษะ และความรู้ที่จำเป็นในการทำคะแนนสอบให้สูง
คอร์สเรียนภาษาอังกฤษเฉพาะทาง
คอร์สเรียนเหล่านี้เป็นคอร์สเรียนที่มุ่งพัฒนาทักษะภาษาอังกฤษในสาขาเฉพาะทาง เช่น ธุรกิจ การแพทย์ กฎหมาย การท่องเที่ยว เทคโนโลยีสารสนเทศ และสาขาอื่นๆ อีกมากมาย หลักสูตรในคอร์สเรียนเหล่านี้มุ่งเน้นไปที่ทักษะด้านคำศัพท์ ไวยากรณ์ และการสื่อสารเฉพาะทางในสาขานั้น
เกณฑ์การเลือกคอร์สเรียนภาษา
สำรวจระดับภาษาอังกฤษของคุณในปัจจุบัน
ก่อนที่จะเลือกคอร์สเรียนภาษา การสำรวจระดับภาษาอังกฤษในปัจจุบันของคุณเป็นสิ่งที่สำคัญมาก เพราะมันช่วยให้คุณเลือกคอร์สเรียนที่เหมาะสมกับความสามารถและจุดประสงค์การเรียนรู้ของตัวเองได้
เลือกรูปแบบคอร์สเรียน
หลังจากการสำรวจระดับภาษาของคุณแล้ว คุณสามารถเลือกรูปแบบคอร์สเรียนที่เหมาะสมกับความต้องการและสถานการณ์ของคุณ คุณสามารถเลือกหลักสูตรภาษาต่างประเทศที่ได้รับความนิยมได้
- คอร์สเรียนสด (ออฟไลน์) นี่เป็นรูปแบบดั้งเดิม คุณจะเข้าเรียนในห้องเรียนกับครูและเพื่อนร่วมชั้นคนอื่นๆ คอร์สเรียนแบบเห็นหน้ากันเปิดโอกาสให้มีปฏิสัมพันธ์โดยตรงกับครูและเพื่อนผู้เรียน และจะมีแนวทางการเรียนรู้ที่เฉพาะเจาะจง
- คอร์สเรียนออนไลน์ ซึ่งเป็นรูปแบบหนึ่งที่ได้จัดผ่านอินเตอร์เน็ต คุณสามารถเรียนบทเรียนออนไลน์ผ่านวิดีโอสดหรือเรียนตามกำหนดเวลาที่ยืดหยุ่น คอร์สเรียนออนไลน์มักให้ความยืดหยุ่นในด้านเวลาและสถานที่ ช่วยให้คุณสามารถเรียนจากระยะทางไกลและจัดการคอร์สไปตามแนวทางของตัวเองได้
- คอร์สเรียนด้วยตัวเอง นี่คือรูปแบบหนึ่งของการศึกษาภาษาอังกฤษด้วยตนเองที่คุณสามารถทำได้ที่บ้าน โดยใช้หนังสือเรียน สื่อการเรียนรู้ออนไลน์ แอปพลิเคชันบนมือถือ หรือสื่อวิดีโอ คอร์สเรียนการศึกษาด้วยตนเองช่วยให้คุณสามารถปรับตารางเรียนและจัดการการเรียนรู้ของคุณได้
คอร์สเรียนที่มีครูชาวต่างชาติ
หากคุณต้องการพัฒนาทักษะการฟังและการออกเสียงภาษาอังกฤษ คุณสามารถเลือกคอร์สเรียนที่มีครูชาวต่างชาติได้ ครูชาวต่างชาติสามารถช่วยให้คุณฝึกการออกเสียงอย่างถูกต้องและปรับปรุงการฟังให้ดีขึ้นได้ เขาสามารถออกแบบวิธีการสอนที่ดี เพื่อให้คุณเข้าใจวิธีการออกเสียงภาษาอังกฤษที่ยาก
ราคาคอร์สเรียน
คอร์สเรียนออนไลน์มักจะมีค่าใช้จ่ายน้อยกว่าคอร์สเรียนแบบสด (ออฟไลน์) คอร์สเรียนด้วยตัวเองอาจคุ้มค่า แต่คุณต้องแน่ใจว่าคุณมีระเบียบวินัยเพียงพอที่จะเรียนได้อย่างมีประสิทธิภาพ คุณควรพิจารณาการเงินของคุณเองเพื่อตัดสินใจเลือกลงคอร์สที่เหมาะสมที่สุด
แพ็กเกจ ELSA Speak Pro | ราคาเดิม | ข้อเสนอพิเศษ |
ELSA Pro ตลอดชีวิต | 14,865 บาท | 3,659 บาท |
ELSA Pro 1 ปี | 2,499 บาท | 1,749 บาท |
ELSA Pro 6 เดือน | 2,099 บาท | 1,049 บาท |
ELSA Pro 3 เดือน | 1,119 บาท | 559 บาท |
*ราคาแพ็กเกจอัปเดทในวันที่ 13/05/2567 และอาจเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา
คอร์สเรียนภาษาอังกฤษออนไลน์ที่ดีที่สุดและมีประสิทธิภาพในปัจจุบัน
คอร์สเรียนออนไลน์ที่ ELSA Speak
คอร์สเรียนภาษาอังกฤษออนไลน์ ELSA Speak ได้รับการออกแบบตามแนวทางการเรียนรู้ของแต่ละคนโดยพิจารณาจากความสามารถและเป้าหมายการเรียนรู้ของแต่ละคน ELSA Speak ช่วยให้คุณฟื้นพื้นฐานภาษาอังกฤษที่แข็งแกร่งได้อย่างรวดเร็ว ทั้งด้านการออกเสียง การฟัง การพูด และการสื่อสารอย่างคล่องแคล่ว หลังจากเรียนเพียงระยะเวลาสั้นๆ
แต่ละคนมีติวเตอร์ AI (เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์) – เทรนด์การพัฒนาใหม่ที่ทำให้หลักสูตรการเรียนรู้แม่นยำยิ่งขึ้นและเส้นทางการเรียนรู้ได้ชัดเจนขึ้น ติวเตอร์ AI ทำหน้าที่เหมือนครูที่มีทักษะการสอน ผ่านการฝึกการอบรมทางวิทยาศาสตร์และประสิทธิภาพ
คุณไม่จำเป็นต้องจ่ายเงินหลายล้านหรือหลายสิบล้านสำหรับใช้ในการลงคอร์สเรียนภาษาอังกฤษออนไลน์ เพื่อปรับปรุงทักษะการสื่อสารภาษาอังกฤษหรือออกเสียงอย่างถูกต้องเหมือนเจ้าของภาษา สำหรับผู้ที่ไม่มีพื้นฐานมาก่อน เนื่องจาก ELSA Speak เป็นแอปพลิเคชั่นที่สามารถตรวจจับการออกเสียงผิดในทุกพยางค์ (95%) และให้คำแนะนำในการแก้ไขข้อผิดพลาดอย่างรวดเร็วด้วยเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ การจดจำเสียงแบบพิเศษ หน่วยวัดเป็นสำเนียงมิดเวสต์ในสหรัฐอเมริกา – เสียงที่ได้ยินง่ายและมีการออกเสียงที่แม่นยำเพียงแค่เงินที่ไม่ถึง 4,000 บาท คุณก็สามารถเรียนภาษาอังกฤษตลอดชีวิตกับ ELSA ได้อย่างสะดวกสบาย
บทเรียนของ ELSA Speak มีความหลากหลายมาก โดยมีหัวข้อต่างๆ มากมายที่ใช้ในชีวิตจริง ช่วยให้คุณรู้สึกตื่นเต้น อีกทั้งยังเรียนภาษาอังกฤษออนไลน์ที่บ้านได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ในปัจจุบัน ELSA Speak มีหัวข้อมากกว่า 192 หัวข้อพร้อมแบบฝึกหัดมากกว่า 7,000 รายการ ซึ่งจะช่วยเสริมสร้างความมั่นใจในการสื่อสารภาษาอังกฤษได้อย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ บทเรียนและหัวข้อที่หลากหลายยังได้รับการสำรวจ วิจัยและเรียบเรียง โดยซอฟต์แวร์การเรียนรู้ภาษาอังกฤษออนไลน์ของ ELSA Speak เพื่อให้เหมาะกับวัฒนธรรมและวิถีชีวิตของชาวไทยโดยเฉพาะและประเทศอื่นๆ ทั่วไป คุณต้องการเรียนภาษาอังกฤษออนไลน์แบบตัวต่อตัวอย่างมีประสิทธิภาพสำหรับคนทำงานหรือผู้เริ่มต้นหรือไม่? ELSA Speak จะช่วยให้คุณบรรลุเป้าหมายทั้งหมดของคุณได้
เรียนภาษาอังกฤษออนไลน์ที่ British Council
บริติช เคานซิล ถูกรู้จักในฐานะองค์กรที่จัดสอบ IELTS, A Level และ IGCSE สำหรับการเรียนต่อต่างประเทศ บริติช เคานซิล ยังมีคอร์สเรียนภาษาอังกฤษทั้งในสถาบันและออนไลน์ สำหรับผู้เรียนทุกวัย คอร์สเรียนออนไลน์ได้แบ่งเป็นคอร์สสำหรับผู้ใหญ่ เช่น คอร์สเรียนพื้นฐาน คอร์สเรียนเฉพาะทางสำหรับอาชีพต่างๆ และคอร์สเรียนเตรียมสอบ IELTS รวมไปถึงคอร์สเรียนสำหรับนักเรียนอายุ 13 – 17 ปี
เมื่อลงทะเบียนเรียนที่นี่ สถาบันจะจัดรูปแบบการเรียนรู้ 3 รูปแบบ คือ การเรียนรู้แบบตัวต่อตัว จะใช้เวลาเรียน 25 นาที บทเรียนกลุ่มใช้เวลา 55 นาที จะช่วยให้คุณฝึกการสื่อสารได้คล้ายกับบทเรียนในชีวิตจริงและแบบตัวต่อตัว คุณสามารถเรียนทั้ง 3 ชั้นได้โดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม
เรียนภาษาอังกฤษออนไลน์กับคอร์สเรียน MULTIMETHOD
คอร์สเรียน MULTIMETHOD คือแพลตฟอร์มการเรียนรู้ภาษาอังกฤษระดับโลกที่ช่วยผู้ที่ไม่มีความรู้พื้นฐาน เรียนภาษาอังกฤษอย่างธรรมชาติ เริ่มต้นจากการฝึกฟัง ออกเสียง พูด อ่านและเขียนภาษาอังกฤษ โดยยึดตามระดับความสามารถของนักเรียน เรียนภาษาอังกฤษด้วย MULTIMETHOD จะช่วยการสื่อสารกับคนต่างชาติได้คล่องแคล่วในชีวิตประจำวันทั้งการเรียนที่มหาวิทยาลัยหรือสำหรับคนทำงาน
เรียนภาษาอังกฤษออนไลน์ที่ California English
การจัดคอร์สเรียนที่เหมาะกับเป้าหมายของแต่ละคนถือเป็นสิ่งสำคัญมากเมื่อเลือกโรงเรียนสอนภาษาอังกฤษ California English ช่วยให้ผู้เรียนมีโอกาสเลือกศึกษาเนื้อหาที่ต้องการได้อย่างอิสระ หรือทำวิจัยเฉพาะทางเพื่อธุรกิจหรือวิชาชีพต่างๆ สถาบันยังมีคอร์สเตรียมความพร้อมสำหรับการสอบวัดระดับภาษาประเภทต่างๆ
California English มีสองเทคนิคการสอน คือ เรียนรู้ผ่านแอปพลิเคชั่น Mondly พร้อมบทเรียนที่หลากหลายให้คุณเลือก และการเรียนโดยตรงกับครูต่างชาติจะทำให้คุณได้ฝึกฝนทักษะมากขึ้นและสามารถพูดคุยเกี่ยวกับการเรียนของตัวเองได้ทันที
เรียนภาษาอังกฤษออนไลน์ที่ Exchange English
Xchange English เป็นอีกหนึ่งสถานที่สอนภาษาอังกฤษที่ได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่องในประเทศไทย เพราะมีเทคนิคการสอนที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่เป็นระบบ เข้าใจง่าย และสามารถนำไปปฏิบัติได้จริง ทุกคอร์สเรียนได้สอนแบบออนไลน์ ด้วยเทคนิคที่จะช่วยให้คุณเข้าใจเนื้อหาผ่าน Memology หรือจำคำศัพท์ด้วยภาพและ Melody หรือจำคำศัพท์ด้วยเพลง รวมเทคนิคการจำศัพท์จากรากคำศัพท์ ซึ่งจะช่วยให้คุณเพิ่มคำศัพท์ได้ง่ายขึ้น
เรียนภาษาอังกฤษออนไลน์ที่ Goblish
ตั้งแต่ปี 2014 Globish Academia ได้เปิดสอนหลักสูตรภาษาอังกฤษออนไลน์สำหรับคนทำงาน จุดมุ่งหมายคือเพื่อให้นักศึกษาใช้ความรู้เกี่ยวกับภาษาของเขาเพื่อทำงานต่อไป ในปัจจุบันสถาบันมีคอร์สเรียนหลายแบบให้เลือก ทั้งภาษาอังกฤษทั่วไปและภาษาอังกฤษธุรกิจ เหมาะสำหรับผู้ที่มีความรู้พื้นฐานและผู้ที่ไม่มี นอกจากนั้น ยังมีคอร์สเรียนสำหรับแต่ละสาขาอาชีพ รวมไปถึงคอร์สสำหรับเด็กมีอายุตั้งแต่ 7 – 14 ปีอีกด้วย
แต่ละคอร์สที่ Globish แบ่งออกเป็นระดับอย่างละเอียดเพื่อเหมาะสมกับกลุ่มเรียนแต่ละกลุ่มเรียนและช่วยให้การเรียนมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยจะแบ่งออกเป็น 6 ระดับ เริ่มตั้งแต่ระดับเริ่มต้นไปจนถึงระดับสูง ทางสถาบันจะมีคนประเมินระดับภาษาเพื่อแนะนำคอร์สเรียนที่เหมาะกับผู้เรียนแต่ละคน
คอร์สเรียนออนไลน์ที่ Engnow
หลายคนอาจจะได้เห็นมีมเกี่ยวกับภาษาอังกฤษในโซเชียลมีเดีย มีมีมบางรูปภาพมาจาก Engnow ซึ่งเป็นหนึ่งในสถาบันการสอนภาษาอังกฤษออนไลน์ที่ได้รับความไว้วางใจจากหลายคน เพราะมีคอร์สเรียนหลายชนิดเพื่อให้เลือกประกอบด้วยคอร์สเรียนเกี่ยวกับไวยากรณ์ คอร์สเรียนภาษาอังกฤษเชิงพาณิชย์และคอร์สเรียนสื่อสารในชีวิตประจำวันที่เหมาะสมกับทุกเพศทุกวัย Engnow ก็จะมีราคาที่ถูกใจสำหรับนักเรียน
แต่ละคอร์สเรียนที่สถาบันจะมีครูที่แตกต่างกัน ครูแต่ละคนจะสอนวิชาเฉพาะของตนเอง อีกอย่างหนึ่งคือครูส่วนใหญ่เป็นวัยรุ่นและวัยกลางคน หลังจากที่ลงทะเบียนแล้ว Engnow จะส่งแบบทดสอบและการบ้าน เพื่อให้คุณทำทุกสัปดาห์ พร้อมกับเอกสารอื่นๆ ที่จะช่วยพัฒนาการฝึกฝนอีกด้วย
คอร์สเรียนผสมผสานภาษาอังกฤษทั่วไปที่ English Upskill
สถาบันภาษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ นอกจากจะจัดสอบ TU-GET และจัดคอร์สเรียนภาษาสำหรับนักศึกษามหาวิทยาลัยแล้ว ทางสถาบันยังมีคอร์สเรียนสำหรับบุคคลทั่วไปที่ต้องการเรียนภาษาอังกฤษและภาษาที่สามอีกด้วย คอร์สเรียนภาษาอังกฤษขั้นสูงเป็นคอร์สเรียนที่เหมาะสำหรับผู้ที่มีพื้นฐานและต้องการพัฒนาทักษะของตัวเอง อาจารย์ทุกคนล้วนเป็นอาจารย์ของมหาวิทยาลัย คอร์สเรียนนี้จะใช้เวลาประมาณ 4 เดือน
คอร์สเรียนนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อช่วยให้ผู้เรียนใช้ทักษะภาษาอังกฤษทั้งสี่ทักษะ การฟัง การพูด การอ่าน และการเขียนอย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงความสามารถในการสื่อสารกับชาวต่างชาติอย่างมั่นใจ ผ่าน 2 บทเรียนหลัก โดยบทเรียนแรกจะเน้นการพัฒนาทักษะพื้นฐาน และบทเรียนที่สองจะเน้นไปที่การประยุกต์ใช้ทางธุรกิจ
คำถามที่พบบ่อย
จะเริ่มเรียนภาษาอังกฤษอย่างไร?
เพื่อเริ่มเรียนภาษาอังกฤษ คุณสามารถ
- กำหนดจุดประสงค์การเรียน
- เรียนไวยากรณ์และคำศัพท์
- ฟังและพูดภาษาอังกฤษ
- อ่านและเขียนภาษาอังกฤษ
- เข้าร่วมคอร์สเรียนหรือมีคนแนะนำ
จะลงคอร์สเรียนภาษาอังกฤษที่ไหนดี?
คุณสามารถลงเรียนคอร์สเรียนภาษาอังกฤษในแอปพลิเคชัน เช่น ELSA Speak เพื่อประหยัดเวลาและสะดวก เรียนได้ทุกที่ทุกเวลา ด้วยค่าเรียนที่ประหยัดสุดๆ
คนทำงานควรเรียนคอร์สเรียนภาษาอังกฤษตัวต่อตัวหรือไม่?
มี การเรียนคอร์สเรียนภาษาอังกฤษแบบตัวต่อตัวหรือคอร์สเรียนเฉพาะบุคคลจะเป็นประโยชน์มาก สำหรับคนทำงานลงคอร์สเรียนภาษาอังกฤษ เป็นวิธีหนึ่งที่มีประสิทธิภาพเพื่อคนทำงานสามารถพัฒนาทักษะภาษาอังกฤษในงานของตัวเอง มาอ่านบทความของ ELSA Speak ต่อไปเพื่อเรียนรู้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการเรียนภาษาอังกฤษนะ