Linking verb คืออะไร? กฎการใช้พร้อมตัวอย่างที่เข้าใจง่าย

Linking verb คือ กริยาหรือไม่ คำเหล่านี้ทำหน้าที่อะไรเมื่อเทียบกับกริยา และเมื่ออยู่ในบริบทแล้วจำเป็นต้องให้ผู้พูดผันกริยาหรือไม่ อันที่จริง linking verb ล้วนเป็นคำที่คุ้นเคยในภาษาอังกฤษซึ่งคุณต้องเคยพบเจอมาก่อน ในบทความนี้ ELSA Speak จะให้ผู้เรียนความรู้เกี่ยวกับ Linking verb มีอะไรบ้าง

แค่วันละ 2 บาท- ภาษาอังกฤษสุดปัง

สารบัญ

Linking verb คืออะไร?

คำนิยาม

สอบก่อนเข้าฟรี

{{(sIndex/sentences.length)*100}}%

{{ sentences[sIndex].text }}.

Linking verbs หรือที่เรียกว่า คำกริยาเชื่อม ที่ทำหน้าที่เชื่อมต่อหัวเรื่องและภาคแสดง คำกริยาเชื่อมไม่เหมือนกับคำกริยาตรงที่ไม่ได้แสดงการกระทำ แต่บ่งบอกถึงสถานะของสิ่งของ เหตุการณ์ และผู้คน

หมายเหตุบางประการเกี่ยวกับลักษณะและการใช้ linking verb เช่น

อธิบายสถานะและลักษณะของเหตุการณ์/สิ่งของ
ตามด้วยคำคุณศัพท์และคำนาม/นามวลีที่มี linking verbs
ไม่สามารถผันใน continuous tense ใด ๆ ได้

เพื่อเข้าใจ linking verb คือ อะไรเพิ่มเติม ดูตัวอย่างต่อไปนี้:

She seemed unable to concentrate.
They are so clever.
The house became Peter’s in 1980.

คุณควรดูความรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับคำกริยาเพื่อให้เข้าใจได้ดีขึ้น:

รูปแบบของ Linking verb

รูปแบบ to be

กริยา “to be” (am, is, are, was, were, been, being) เป็นกริยาเชื่อมที่ใช้กันมากที่สุดชนิดหนึ่ง หน้าที่ของกริยานี้คือการเชื่อมประธานกับส่วนประกอบเพื่ออธิบายสถานะ ลักษณะ หรือลักษณะของประธาน

โครงสร้างทั่วไป:

S + be + Adj/Noun

Adj (คูาคุณศัพท์): บรรยายลักษณะและสถานะของประธาน
Noun (คํานาม): กำหนดบทบาทหรือตัวตนของประธาน

ตัวอย่าง:

She is beautiful. (เธอสวย)
He is a doctor. (เขาเป็นหมอ)

อย่างไรก็ตาม ควรสังเกตว่าในหลายกรณี “to be” จะไม่ทำหน้าที่เป็นกริยาเชื่อมอีกต่อไป แต่จะปรากฏเป็นกริยาช่วย

ตัวอย่าง:

She is listening to music. (เธอกําลังฟังเพลง)
Peter was asked to join the Math class this evening. (ปีเตอร์ได้รับการขอให้เข้าร่วมชั้นเรียนคณิตศาสตร์เย็นนี้)

รูปแบบกริยาที่เกี่ยวข้องกับการรับรู้/ความรู้สึก

Linking verb	ความหมาย	ตัวอย่าง
seem	ดู ดูเหมือน	She seems tired. (เธอดูเหนื่อย)
appear	ดู	He appears confident. (เขาดูมั่นใจ)
look	ดู	They look happy. (พวกเขาดูมีความสุขดี)

กริยาที่เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลง

Linking verb	ความหมาย	ตัวอย่าง
become	ได้เป็น	She became a doctor. (เธอได้เป็นหมอ)
grow	กลายเป็น พัฒนาไปเป็น	He grew stronger after practice. (เขาแข็งแกร่งขึ้นหลังจากฝึกซ้อม)
get	เริ่ม เป็น (มักใช้ในภาษาพูด)	It’s getting dark. (มันเริ่มมืดแล้ว)
turn	กลายเป็น เริ่มเป็น	Her face turned red. (หน้าของเธอแดงก่ำ)

กริยาแสดงการรับรู้ การรับรู้ทางประสาทสัมผัส

Linking verb	ความหมาย	ตัวอย่าง
feel	รู้สึก	I feel happy today. (วันนี้ฉันรู้สึกมีความสุข)
smell	ได้กลิ่น มีกลิ่น	The soup smells delicious. (ซุปหอมอร่อย)
sound	ฟังดู	That idea sounds interesting. (ไอเดียนั้นฟังดูน่าสนใจนะ)
taste	มีรส	The cake tastes sweet. (เค้กมีรสหวาน)

โครงส้รางประโยค linking verb

โครงสร้างทั่วไป

S + linking verb + to be + V-ing

ตัวอย่าง:

She seems to be crying. (เธอดูเหมือนจะร้องไห้)
He appears to be working hard. (เขาดูเหมือนจะทำงานหนัก)
They proved to be cheating. (พวกเขาพิสูจน์แล้วว่าพวกเขาโกง)

โครงสร้างกับ appear/look/prove/seem/turn out

S + appear/look/prove/seem/turn out + (to be) + Adj/Noun

ตัวอย่าง:

She looks (to be) happy. (เธอดูมีความสุข)
The plan turned out (to be) a success. (แผนนี้ประสบความสำเร็จ)
He seemed (to be) a good leader. (เขาดูเป็นผู้นำที่ดี)

โครงสร้างกับ alive/along/asleep/awake

S + linking verb + to be + alive/along/asleep/awake

ตัวอย่าง:

The patient was still alive. (คนไข้ยังมีชีวิตอยู่)
The baby is asleep. (ทารกหลับอยู่)
He is awake now. (ตอนนี้เขาตื่นแล้ว)

โครงสร้างกับ be/become/remain

S + be/become/remain + Noun phrase

ตัวอย่าง:

She is a teacher. (เธอเป็นครู)
He became a doctor. (เขาได้เป็นหมอ)
They remain good friends. (พวกเขายังคงเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน)

โครงสร้างเมื่อกลายเป็นสกรรมกริยา

ประโยคบอกเล่า:

ประธาน + Linking verb + กรรม

ตัวอย่าง:

She tasted the soup. (เธอชิมซุป)
He smelled the flowers. (เขาได้กลิ่นดอกไม้)
They felt the cold wind. (พวกเขารู้สึกถึงลมหนาว)

ประโยคที่ใช้กาลต่อเนื่อง

ประธาน + กริยา to be (am/is/are) + Linking verb + กรรม

ตัวอย่าง:

She is tasting the cake. (เธอกำลังชิมเค้ก)
He is smelling the perfume. (เขากำลังดมน้ำหอม)
They are feeling the fabric. (พวกเขากำลังสัมผัสเนื้อผ้า)

แพ็กเกจเรียนถูก – อัปอังกฤษวันนี้

ความผิดพลาดที่พบบ่อยเมื่อใช้ linking verb

ความสับสนระหว่าง action verb กับ linking verb

ในภาษาอังกฤษมีคำกริยาพิเศษบางคำ เช่น look, sound, taste, smell, feel ซึ่งคำกริยาเหล่านี้สามารถใช้เป็น linking verb (คำกริยาเชื่อม) หรือ action verb (คำกริยาแสดงการกระทำ) ได้ ขึ้นอยู่กับบริบท นี่เป็นเหตุผลที่ผู้เรียนหลายคนสับสน นำไปสู่การแปลที่ไม่ถูกต้องหรือประโยคที่ไม่ถูกต้อง

ตัวอย่าง:

Action verb: He looked at me carefully. (เขาจ้องมองฉันอย่างระมัดระวัง)
→ ที่นี่ “looked at” แสดงการกระทำ “มอง”
Linking verb: He looked tired. (เขาดูเหนื่อย)
→ ในกรณีนี้ “looked” ทำหน้าที่เป็น linking verb ตามด้วยคำคุณศัพท์ “tired” เพื่ออธิบายสถานะของประธาน

ใช้ Linking verb เป็นกาลปัจจุบันต่อเนื่อง

หลายคนคิดว่า ล้วนเป็น Verbs (คำกริยา) แน่นอนว่า Linking verbs ทั้งหมดจะผันใน continuous tense ได้ อย่างไรก็ตาม ความจริงไม่ได้เป็นเช่นนั้น

ลองดูตัวอย่างต่อไปนี้

It seems normal in the USA when somebody is naked on the beach. (Correct)

It is seeming normal in the USA when somebody is naked on the beach. (Incorrect)

→ เหตุพลทําไมผิด: กริยา seem อยู่ในกลุ่ม stative verbs (กริยาแสดงสถานะ ความรู้สึก การรับรู้) โดยปกติไม่ใช้ในรูปแบบต่อเนื่อง (is seeming, are seeming, was seeming, …).

It sounds tedious. (Correct)

It is sounding tedious (Incorrect)

→ เหตุพลทําไมผิด: กริยาเหล่านี้ไม่ได้ใช้ในกาลต่อเนื่อง (is sounding, are sounding, was sounding…), เพราะมันไม่ใช่การดำเนินการต่อเนื่องแต่เป็นสถานะการประเมินผล

โปรดจำไว้ว่า Linking verbs ส่วนใหญ่ไม่สามารถผันใน continuous tense มีเพียงคำบางคำ เช่น feel, look, smell และ taste เท่านั้นที่ผันคำใน continuous tense ได้ อย่างไรก็ตาม ในกรณีเหล่านั้น คำเหล่านี้จะไม่ทำหน้าที่เชื่อมโยงและไม่ใช่ Linking verbs อีกต่อไป แต่กลายเป็น Action verbs (คำกริยาการกระทำ)

ตัวอย่าง:

They are looking so nervous about the test results.
Lanna is tasting the soup.

ใช้คำวิเศษณ์แทนส่วนขยายคำคุณศัพท์

โดยปกติแล้ว linking verb มักจะใช้ร่วมกับคำคุณศัพท์ (adjective) เพื่ออธิบายสถานะหรือลักษณะของประธาน อย่างไรก็ตาม ในบางกรณีพิเศษ คำวิเศษณ์ (adverb) ก็สามารถใช้เพื่อเพิ่มความหมายได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อต้องการเน้นลักษณะหรือระดับ

สูตร:

S + linking verb + Adverb

ตัวอย่าง:

The meeting is over. (การประชุมจบแล้ว)
He is here. (เขาอยู่ที่นี่)
She is there. (เธออยู่ที่นั่น)

รวมกับคำกริยาแสดงการกระทำ

ในหลายกรณี linking verb สามารถปรากฏร่วมกับกริยาแสดงการกระทำ (action verb) เพื่อสร้างประโยคที่เป็นธรรมชาติและมีความหมายมากขึ้น การผสมผสานนี้ช่วยแสดงสถานะของประธานและอธิบายการกระทำที่ประธานกระทำ

สูตร:

S + linking verb + Adj/Noun + and + Action verb

ตัวอย่าง:

She seems happy and smiles a lot. (เธอดูมีความสุขและยิ้มแย้มมาก)
He became a teacher and teaches English at school. (เขามาเป็นครูและสอนภาษาอังกฤษที่โรงเรียน)
They looked tired but still continued working. (พวกเขาดูเหนื่อยแต่ก็ยังทำงานต่อไป)

ขาดส่วนประกอบอยู่หลัง linking verb

หนึ่งในข้อผิดพลาดที่พบบ่อยในการใช้ linking verb คือการไม่เติมส่วนประกอบตามหลัง Linking verb จำเป็นต้องใช้ส่วนประกอบ (คำคุณศัพท์ คำนาม หรือคำวิเศษณ์บอกสถานะ/สถานที่) เสมอเพื่อเติมเต็มความหมาย หากปราศจากส่วนประกอบ ประโยคจะสั้นลงและสับสน

สูตรที่ถูกต้อง:

S + linking verb + Complement (Adj/Noun/Adverb)

ตัวอย่างที่ผิด: She looks.
-> ประโยคนี้ไม่สมบูรณ์ ไม่ชัดเจนว่าเธอ “ดู” เป็นอย่างไร

ตัวอย่างที่ถูกต้อง:

She looks beautiful. (เธอสวยมาก)
The room is clean. (ห้องสะอาด)
He became a doctor. (เขาได้เป็นหมอ)

หมายเหตุ: ควรจำไว้เสมอว่า linking verb ≠ คำกริยาแสดงการกระทำ ดังนั้นจำเป็นต้องมีส่วนประกอบเพื่อทำให้ประโยคมีความหมายสมบูรณ์

ความแตกต่างระหว่าง Linking verb กับ Action verb

นี่คือวิธีการแยกความแตกต่างระหว่าง action verb กับ linking verb:

เกณฑ์	Action verb (กริยาแสดงการกระทำ)	Linking verb (กริยาเชื่อม)
วิธีการใช้	บรรยายการกระทำของประธาน	บรรยายถึงสถานะ ตำแหน่ง ลักษณะ หรือความรู้สึกของประธาน
สูตร	S + V + O	S + Linking verb + ส่วนประกอบ
ส่วนประกอบ	โดยปกติจะมีกรรม (Object) หรือไม่มีเลย	โดยปกติจะเป็นคําคุณศัพท์ คำนาม หรือวลีวิเศษณ์
ตัวอย่าง	They eat lunch. (พวกเขาทานข้าวเที่ยง)	Their lunch is delicious. (มื้อเที่ยงของพวกเขาอร่อยมาก)

ตารางแยกแยะความแตกต่างระหว่าง Action verb กับ Linking verb

แบบฝึกหัดเกี่ยวกับ Linking verb (พร้อมเฉลย)

แบบฝึกหัดที่ 1: ขีดเส้นใต้ Linking verbs ในประโยค

1. She is such a good student.

2. It tastes terrible.

3. Mr. James looks so handsome in this suit.

4. It turns bigger than expected.

5. These tasks seem to be difficult for us.

6. I feel grateful to have you as my friend.

7. It smells so bad.

8. She always proves to be a good girl.

9. I will become Miss. Universe one day.

10. The number of students remained unchanged within 2 years.

11. The landscape here is so stunning.

12. These jeans feel too tight for her.

13. She seemed tired after the party yesterday.

แบบฝึกหัดที่ 2: อ่านและดูว่าประโยคต่อไปนี้ถูกต้องตามหลักไวยากรณ์หรือไม่ถูกต้อง จากนั้นเติมคำว่า Correct (ถูกต้อง) และ Incorrect (ไม่ถูกต้อง) ใว้ข้างๆ

1. Mary seemed sad.

2. Mary seemed sadly.

3. The cake tastes good.

4. The cake tastes well.

5. The train is slowly.

6. The train is slow.

7. Remember to stay calmly.

8. Remember to stay calm.

9. Your project sounds interesting.

10. Your project sounds interestingly.

11. The negotiations appear to be better.

12. The negotiations appear be better.

13. The bride looks so gorgeous.

14. The bride looks so gorgeously.

>>> Read more

แบบฝึกหัดที่ 3: ขีดเส้นใต้คำกริยาในประโยคต่อไปนี้ เขียน A หากเป็น Action verb (คำกริยาการกระทำ) หรือ L (หากเป็น Linking verbs)

1. The girl feels nervous.

2. Today is her wedding day.

3. She sits in a fancy chair.

4. Footmen carry the chair on their shoulders.

5. Her parents arranged the marriage.

6. She is only sixteen years old.

7. She sees her husband for the first time.

8. He looks handsome and kind.

9. She appears happy and content.

10. The family hopes for a happy marriage.

แบบฝึกหัดที่ 4: เติม Linking verbs ที่เหมาะสมลงในช่องว่างและผันคำกริยา

become sound feel look

appear grow seem getting

1. She…….. so beautiful in that white dress.

2. A. What about going to the Italian restaurant?

B. That ……..great!

3. She wants to ……….a fashion designer like Victoria Beckham in the future.

4. I ………..painful in my stomach after eating that cake.

5. It ……..interesting that he didn’t like anything except that bowl.

6. Teenagers like to make their own choice when they……… older.

7. Turn on the fan. It is …….. hotter and hotter.