Author: Bao Ngan Nguyen
ในการสื่อสารภาษาอังกฤษ คำกล่าวเกี่ยวกับการทักทายและการให้กำลังใจคนป่วยเรียกว่า Get well soon นอกจากนี้มีคำพูดอื่นที่ลึกซึ้งสำหรับพูดแสดงความห่วงใยและให้กำลังใจคนป่วยเป็นภาษาอังกฤษอีกมากมาย มาเรียนรู้ 10 วิธีการพูดว่า “Get well soon” ผ่านบทความต่อไปนี้กันเลย
Get well soon แปลว่า ?
ความหมายของ Get well soon
Get well soon” แปลว่า “หายเร็วๆ” หรือ “หายไวๆ” เป็นคำที่ใช้อย่างไม่เป็นทางการและแสดงถึงความใกล้ชิดเพื่ออวยพรให้ผู้ป่วยหายป่วย
ตัวอย่าง
Get well soon. Everybody here is thinking of you.
10+ วิธีการพูด Get well soon ในภาษาอังกฤษ
สำหรับพูดกับเพื่อนร่วมงาน
I hope you get well really soon! I miss your smile.
- ความหมาย: หวังว่าคุณจะหายเร็วๆ นะ ฉันคิดถึงรอยยิ้มของคุณ
- ตัวอย่าง: I heard you’re not feeling well. I hope you get well really soon! I miss your smile.
แปล: ฉันได้ยินมาว่าคุณไม่สบาย ฉันหวังว่าคุณจะหายเร็วๆ ฉันคิดถึงรอยยิ้มของคุณ.
Thinking of you lots and hoping for your speedy recovery.
- ความหมาย: ฉันคิดถึงคุณมาก หวังว่าคุณจะหายเร็วๆ
- ตัวอย่าง: Just wanted to let you know I’m thinking of you lots and hoping for your speedy recovery.
แปล: แค่อยากให้คุณรู้ว่าฉันคิดถึงคุณมากและหวังว่าคุณจะหายเร็วๆ นะ
Feel better and get back on your feet soon!
- ความหมาย: รู้สึกดีขึ้นและกลับมาเป็นปกติเร็วๆ นะ
- ตัวอย่าง: Take care of yourself and follow the doctor’s advice. Feel better and get back on your feet soon!
แปล: อย่าลืมดูแลตัวเองและทำตามคำแนะนำของแพทย์ คุณจะรู้สึกดีขึ้นและกลับมาเป็นปกติเร็วๆ นะ
Sending healing vibes your way!
- ความหมาย: ขอส่งสิ่งดี ๆ และสุขภาพที่ดีให้กับคุณ
- ตัวอย่าง: I’m sending healing vibes your way. I hope they bring you comfort and a speedy recovery.
แปล: ฉันขอส่งสิ่งดี ๆ และสุขภาพที่ดีให้กับคุณ ฉันหวังว่าคุณจะรู้สึกสบายใจและหายป่วยเร็วๆนะ
May you bounce back in no time!
- ความหมาย: หวังว่าคุณจะหายเร็วๆ
- ตัวอย่าง: You’re a strong person, and I believe you’ll bounce back in no time.
คุณเป็นคนแข็งแรง และฉันเชื่อว่าคุณจะหายป่วยโดยเร็ว
Hoping for your quick recuperation!
- ความหมาย: หวังว่าคุณจะหายเร็วๆ
- ตัวอย่าง: Wishing you a quick recuperation and a speedy return to good health.
แปล: ขอให้คุณหายเร็วๆ และกลับมาแข็งแรงเหมือนเดิมนะ
Take care and get well before you know it!
- ความหมาย: ดูแลตัวเอง พักผ่อนเยอะๆ และหายป่วยเร็วๆ นะ
- ตัวอย่าง: Take care of yourself, rest well, and get well before you know it. We miss you!
แปล: อย่าลืมดูแลตัวเอง พักผ่อนเยอะๆ และหายป่วยเร็วๆ นะ พวกเราคิดถึงคุณมาก
Here’s to your health and a speedy comeback!
- ความหมาย: ดูแลสุขภาพและหายเร็วๆ นะ
- ตัวอย่าง: Raise a toast to your health and a speedy comeback. Get well soon and we’ll celebrate together!
แปล: ขอยกแก้วนี้เพื่อให้สุขภาพของคุณกลับมาแข็งแรงโดยเร็ววัน หายป่วยไวๆ แล้วเราค่อยมาฉลองด้วยกันอีกนะ
I got the news of your sickness and got you some flowers to make your happier and healthier again. Get well soon.
- ความหมาย: ฉันได้รับข่าวว่าคุณป่วยและได้นำดอกไม้มาให้คุณ เพื่อให้คุณมีความสุขและสุขภาพดีขึ้นอีกครั้ง หายเร็วๆ นะ
- ตัวอย่าง: Hi Sarah, I heard you’re not feeling well, so I brought you some flowers to brighten up your day and bring some cheer. Get well soon!
แปล: สวัสดีซาราห์ ฉันได้ยินมาว่าคุณไม่สบาย ฉันจึงนำดอกไม้มาให้คุณ เพื่อทำให้วันของคุณสดใสและมีความสุขมากขึ้น หายเร็วๆ นะ
Best wishes that you will soon be back to doing all the things you love.
- ความหมาย: ขอให้คุณกลับมาทำในสิ่งที่คุณรักได้ในเร็วๆ นี้นะ
- ตัวอย่าง: Hey Mark, I just wanted to send you my best wishes and let you know that I hope you recover quickly and get back to doing all the things you love. Take care!
แปล: สวัสดีมาร์ค ฉันแค่อยากส่งคำอวยพรให้คุณ หวังว่าคุณจะหายป่วยเร็วๆ และกลับมาทำในสิ่งที่คุณรักไวๆ ดูแลตัวเองด้วยนะ
>>> Read more: How are you? มาเรียนรู้ 90+ วิธีถามแบบอื่น
สำหรับญาติและเพื่อน
Get well soon, so you can resume bringing brightness and delight into our lives.
- ความหมาย: ขอให้หายป่วยเร็วๆ นะ เพื่อให้คุณกลับมานำความสดใสและความสุขมาสู่ชีวิตของพวกเราอีกครั้ง
- ตัวอย่าง: We miss your positive energy and laughter. Get well soon, so you can resume bringing brightness and delight into our lives.
แปล: พวกเราคิดถึงพลังบวกและเสียงหัวเราะของคุณ หายป่วยเร็วๆ นะ แล้วคุณจะได้กลับมานำความสดใสและความสุขมาสู่ชีวิตของพวกเราอีกครั้ง
Please get well soon. No, not soon. Get well now.
- ความหมาย: หายเร็วๆ นะ ไม่ใช่ “หายเร็วๆ” สิ แต่ต้อง “หายตอนนี้เลย”
- ตัวอย่าง: Your absence is deeply felt. Please get well soon. No, not soon. Get well now.
แปล: การที่คุณหายไปทำให้พวกเราคิดถึงคุณมาก หวังว่าคุณจะหายเร็วๆ ไม่ใช่ “หายเร็วๆ” สิ แต่ต้อง “หายตอนนี้เลย” นะ
I wish I had a magic wand with which I can call you up from your sick bed but I don’t, so I pray for you everyday to get well soon.
- ความหมาย: ฉันหวังว่าฉันจะมีไม้กายสิทธิ์ที่สามารถเสกให้คุณขึ้นมาจากเตียงได้ แต่ฉันดันไม่มี งั้นฉันขอสวดภาวนาทุกๆวัน หวังให้คุณหายป่วยในเร็ววันนะ
- ตัวอย่าง: Hi Emily, I wish I had a magic wand to make you feel better instantly, but since I don’t, please know that I’m praying for your speedy recovery every day. Get well soon!
แปล: สวัสดีเอมิลี่ ฉันหวังว่าฉันจะมีไม้กายสิทธิ์ที่สามารถเสกให้คุณขึ้นมาจากเตียงได้ แต่ฉันดันไม่มี งั้นฉันขอสวดภาวนาทุกๆวัน หวังให้คุณหายป่วยในเร็ววันนะ
May the good wishes and warm thoughts of those who care about you send a little cheerfulness into your world and help you feel better.
- ความหมาย: ขอให้ความปรารถนาดีและความอุ่นใจจากคนที่ห่วงใยคุณ
- ทำให้คุณมีความสุขและช่วยให้คุณรู้สึกดีขึ้นนะ
- ตัวอย่าง: Dear John, may all the good wishes and warm thoughts from your loved ones bring a little cheerfulness into your world and help you feel better. You’re in our thoughts. Get well soon!
แปล: ถึงจอห์น ขอให้ความปรารถนาดีและความอุ่นใจจากคนที่ห่วงใยคุณ ทำให้คุณมีความสุขและช่วยให้คุณรู้สึกดีขึ้นนะ
Look outside the sun is shining, and it’s telling you to get well soon.
- ความหมาย: ลองมองออกไปข้างนอกสิ พระอาทิตย์กำลังส่องแสงจ้าและบอกว่าให้คุณหายป่วยเร็วๆ นะ
- ตัวอย่าง: Hey Lisa, just wanted to remind you that even the sun is shining its brightest today, sending its warmth and telling you to get well soon. Take care and rest up!
แปล: สวัสดีลิซ่า ฉันแค่อยากบอกคุณว่า ให้ลองมองออกไปข้างนอกสิ พระอาทิตย์กำลังส่องแสงจ้าและบอกว่าให้คุณหายป่วยเร็วๆ นะ
May every cell in your body heal miraculously fast. Know that you are missed greatly.
- ความหมาย: ขอให้ทุกเซลล์ในร่างกายของคุณจะดีขึ้น ฉันคิดถึงคุณมาก
- ตัวอย่าง: Hi Mike, sending you my best wishes for a miraculous and speedy recovery. Every cell in your body is being wished to heal quickly. Know that you are missed greatly. Get well soon!
แปล: สวัสดีไมค์ ฉันขอส่งความปรารถนาดีถึงคุณนะ ฉันขอให้ทุกเซลล์ในร่างกายของคุณจะดีขึ้น และฉันคิดถึงคุณมาก หายเร็วๆ นะ
If money can buy back your health, I wouldn’t mind closing my bank account just to see you well again. You mean the world to me, so get well soon.
- ความหมาย: หากเงินซื้อสุขภาพของคุณได้ ฉันก็ยินดีที่จะปิดบัญชีธนาคาร เพื่อที่จะได้เห็นคุณดีขึ้นอีกครั้ง คุณมีความหมายสำหรับฉัน ดังนั้นขอให้หายเร็วๆ นะ
- ตัวอย่าง: My dear friend, if money could bring back your health, I would gladly give up everything just to see you well again. You mean the world to me, and I want nothing more than for you to get well soon.
แปล: เพื่อนรักของฉัน หากเงินสามารถทำให้สุขภาพของคุณกลับมาดีขึ้นได้ ฉันยินดีที่จะสละทุกอย่างเพื่อจะได้กลับมาพบกันอีกครั้ง คุณคือโลกของฉัน และฉันไม่ต้องการอะไรมากไปนอกจากคุณจะหายป่วยเร็วๆ นะ
>>> Read more:
- แคปชั่นภาษาอังกฤษสั้นๆ ให้แรงบันดาลใจสำหรับชีวิต
- 100+ คําให้กําลังใจ ภาษาอังกฤษ สั้นๆ ช่วยให้คุณรู้สึกมองโลกในแง่ดีมากขึ้น
คำถามที่เจอบ่อย
Get well soon ใช้เพื่อทำอะไร ?
Get well soon เป็นคำพูดที่แสดงถึงความใกล้ชิดและสุภาพใช้เพื่อพูดกับผู้ป่วย
ตัวอย่างการใช้ Get well soon
A: Hey, I heard you were feeling under the weather. How are you doing?
B: Yeah, I caught a nasty flu. I’ve been feeling pretty weak.
A: I’m sorry to hear that. Get well soon! Is there anything I can do to help?
B: Thanks, I appreciate it. Well, some hot soup would be great if you could manage that.
แปล:
A: เฮ้ ฉันได้ยินมาว่าคุณรู้สึกไม่ค่อยสบาย เป็นอย่างไรบ้าง
B:ใช่ ฉันเป็นไข้หวัดใหญ่ ฉันรู้สึกไม่ค่อยสบายตัว
A: ฉันเสียใจมากที่ได้ยินแบบนี้ หายเร็วๆ นะ มีอะไรให้ฉันช่วยก็บอกนะ
B: ขอบคุณมากนะ ฉันอยากได้ซุปร้อนๆ สักถ้วย ก็น่าคงจะดีขึ้น
ELSA Speak หวังว่าบทความข้างต้นนี้จะเป็นประโยชน์สำหรับคุณในการใช้พูดแทนคำว่า Get well soon และทำให้คลังคำศัพท์ภาษาอังกฤษของคุณมีความหลากหลายมากขึ้น อย่าลืมติดตาม ELSA Speak ได้ในบทความต่อไปนะ
การลงเรียนคอร์สเรียนภาษาอังกฤษถือเป็นทางเลือกสำหรับคนที่ลืมพื้นฐานภาษาอังกฤษไปนานแล้ว เพราะคุณจะได้มีเทคนิคและแนวทางการเรียนรู้ใหม่ๆ ที่เหมาะสม เรามาศึกษาคอร์สเรียนภาษาอังกฤษที่ดีที่สุดและมีประสิทธิภาพในปัจจุบันด้วย ELSA Speak ผ่านบทความด้านล่างนี้นะ
คอร์สเรียนภาษาอังกฤษ
แบ่งตามอายุ
คอร์สเรียนภาษาอังกฤษสำหรับเด็ก นี่เป็นคอร์สเรียนสำหรับเด็กมีอายุประมาณ 3-12 ปี หลักสูตรในคอร์สเรียนเหล่านี้มักจะเน้นในการพัฒนาทักษะด้านการฟัง พูด อ่านและเขียน โดยผ่านกิจกรรมที่สนุกสนาน เกมและนิทาน เรื่องเล่า
คอร์สเรียนภาษาอังกฤษสำหรับวัยรุ่น นี่เป็นคอร์สเรียนสำหรับนักเรียนมัธยมปลายมีอายุตั้งแต่ 12 – 18 ปี หลักสูตรในคอร์สเรียนเหล่านี้มักจะเน้นในการพัฒนาทักษะด้านไวยากรณ์ คำศัพท์ การออกเสียง และการสื่อสารภาษาอังกฤษ นอกจากนั้น คอร์สเรียนนี้ก็สามารถส่งเสริมความรู้เกี่ยวกับวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ของประเทศที่ใช้ภาษาอังกฤษในการสื่อสาร
คอร์สเรียนภาษาอังกฤษสำหรับผู้ใหญ่ นี่เป็นคอร์สเรียนสำหรับผู้ใหญ่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป หลักสูตรในคอร์สเรียนเหล่านี้สามารถปรับเปลี่ยนให้เหมาะสมกับเป้าหมายและความต้องการของผู้เรียนแต่ละคน คอร์สเรียนนี้ยังสามารถเน้นในการพัฒนาทักษะการสื่อสารในชีวิตประจำวัน ทักษะการเขียน ทักษะการฟังแล้วเข้าใจหรือเตรียมสอบภาษาอังกฤษในระดับนานาชาติ เช่น TOEFL, IELTS และ TOEIC
แบ่งตามเป้าหมายการเรียนภาษาอังกฤษ
คอร์สเรียนการสื่อสารภาษาอังกฤษ
คอร์สเรียนเหล่านี้มุ่งเน้นในการส่งเสริมทักษะการสื่อสารในชีวิตประจำวัน เนื้อหาในการสอนมักเกี่ยวข้องกับสถานการณ์การสื่อสารจริง เช่น การสั่งอาหารในร้านอาหาร การไปช้อปปิ้ง การพบปะเพื่อนฝูง และการพูดคุยเรื่องงาน
คอร์สเรียนภาษาอังกฤษเชิงวิชาการ
คอร์สเรียนเหล่านี้ช่วยผู้เรียนพัมนาทักษะภาษาอังกฤษในสาขาวิชาการ โปรแกรมการศึกษาสามารถประกอบด้วยการเขียนเรียงความ วิเคราะห์ข้อความ และอภิปรายหัวข้อทางวิชาการ
เป็นคอร์สเรียนสำหรับผู้ที่ต้องการเตรียมตัวสอบภาษาอังกฤษในระดับนานาชาติ เช่น TOEFL, IELTS และ TOEIC หลักสูตรในคอร์สเรียนเหล่านี้เน้นในการส่งเสริมกลยุทธ์ ทักษะ และความรู้ที่จำเป็นในการทำคะแนนสอบให้สูง
คอร์สเรียนภาษาอังกฤษเฉพาะทาง
คอร์สเรียนเหล่านี้เป็นคอร์สเรียนที่มุ่งพัฒนาทักษะภาษาอังกฤษในสาขาเฉพาะทาง เช่น ธุรกิจ การแพทย์ กฎหมาย การท่องเที่ยว เทคโนโลยีสารสนเทศ และสาขาอื่นๆ อีกมากมาย หลักสูตรในคอร์สเรียนเหล่านี้มุ่งเน้นไปที่ทักษะด้านคำศัพท์ ไวยากรณ์ และการสื่อสารเฉพาะทางในสาขานั้น
เกณฑ์การเลือกคอร์สเรียนภาษา
สำรวจระดับภาษาอังกฤษของคุณในปัจจุบัน
ก่อนที่จะเลือกคอร์สเรียนภาษา การสำรวจระดับภาษาอังกฤษในปัจจุบันของคุณเป็นสิ่งที่สำคัญมาก เพราะมันช่วยให้คุณเลือกคอร์สเรียนที่เหมาะสมกับความสามารถและจุดประสงค์การเรียนรู้ของตัวเองได้
เลือกรูปแบบคอร์สเรียน
หลังจากการสำรวจระดับภาษาของคุณแล้ว คุณสามารถเลือกรูปแบบคอร์สเรียนที่เหมาะสมกับความต้องการและสถานการณ์ของคุณ คุณสามารถเลือกหลักสูตรภาษาต่างประเทศที่ได้รับความนิยมได้
- คอร์สเรียนสด (ออฟไลน์) นี่เป็นรูปแบบดั้งเดิม คุณจะเข้าเรียนในห้องเรียนกับครูและเพื่อนร่วมชั้นคนอื่นๆ คอร์สเรียนแบบเห็นหน้ากันเปิดโอกาสให้มีปฏิสัมพันธ์โดยตรงกับครูและเพื่อนผู้เรียน และจะมีแนวทางการเรียนรู้ที่เฉพาะเจาะจง
- คอร์สเรียนออนไลน์ ซึ่งเป็นรูปแบบหนึ่งที่ได้จัดผ่านอินเตอร์เน็ต คุณสามารถเรียนบทเรียนออนไลน์ผ่านวิดีโอสดหรือเรียนตามกำหนดเวลาที่ยืดหยุ่น คอร์สเรียนออนไลน์มักให้ความยืดหยุ่นในด้านเวลาและสถานที่ ช่วยให้คุณสามารถเรียนจากระยะทางไกลและจัดการคอร์สไปตามแนวทางของตัวเองได้
- คอร์สเรียนด้วยตัวเอง นี่คือรูปแบบหนึ่งของการศึกษาภาษาอังกฤษด้วยตนเองที่คุณสามารถทำได้ที่บ้าน โดยใช้หนังสือเรียน สื่อการเรียนรู้ออนไลน์ แอปพลิเคชันบนมือถือ หรือสื่อวิดีโอ คอร์สเรียนการศึกษาด้วยตนเองช่วยให้คุณสามารถปรับตารางเรียนและจัดการการเรียนรู้ของคุณได้
คอร์สเรียนที่มีครูชาวต่างชาติ
หากคุณต้องการพัฒนาทักษะการฟังและการออกเสียงภาษาอังกฤษ คุณสามารถเลือกคอร์สเรียนที่มีครูชาวต่างชาติได้ ครูชาวต่างชาติสามารถช่วยให้คุณฝึกการออกเสียงอย่างถูกต้องและปรับปรุงการฟังให้ดีขึ้นได้ เขาสามารถออกแบบวิธีการสอนที่ดี เพื่อให้คุณเข้าใจวิธีการออกเสียงภาษาอังกฤษที่ยาก
ราคาคอร์สเรียน
คอร์สเรียนออนไลน์มักจะมีค่าใช้จ่ายน้อยกว่าคอร์สเรียนแบบสด (ออฟไลน์) คอร์สเรียนด้วยตัวเองอาจคุ้มค่า แต่คุณต้องแน่ใจว่าคุณมีระเบียบวินัยเพียงพอที่จะเรียนได้อย่างมีประสิทธิภาพ คุณควรพิจารณาการเงินของคุณเองเพื่อตัดสินใจเลือกลงคอร์สที่เหมาะสมที่สุด
แพ็กเกจ ELSA Speak Pro | ราคาเดิม | ข้อเสนอพิเศษ |
ELSA Pro ตลอดชีวิต | 14,865 บาท | 3,659 บาท |
ELSA Pro 1 ปี | 2,499 บาท | 1,749 บาท |
ELSA Pro 6 เดือน | 2,099 บาท | 1,049 บาท |
ELSA Pro 3 เดือน | 1,119 บาท | 559 บาท |
*ราคาแพ็กเกจอัปเดทในวันที่ 13/05/2567 และอาจเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา
คอร์สเรียนภาษาอังกฤษออนไลน์ที่ดีที่สุดและมีประสิทธิภาพในปัจจุบัน
คอร์สเรียนออนไลน์ที่ ELSA Speak
คอร์สเรียนภาษาอังกฤษออนไลน์ ELSA Speak ได้รับการออกแบบตามแนวทางการเรียนรู้ของแต่ละคนโดยพิจารณาจากความสามารถและเป้าหมายการเรียนรู้ของแต่ละคน ELSA Speak ช่วยให้คุณฟื้นพื้นฐานภาษาอังกฤษที่แข็งแกร่งได้อย่างรวดเร็ว ทั้งด้านการออกเสียง การฟัง การพูด และการสื่อสารอย่างคล่องแคล่ว หลังจากเรียนเพียงระยะเวลาสั้นๆ
แต่ละคนมีติวเตอร์ AI (เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์) – เทรนด์การพัฒนาใหม่ที่ทำให้หลักสูตรการเรียนรู้แม่นยำยิ่งขึ้นและเส้นทางการเรียนรู้ได้ชัดเจนขึ้น ติวเตอร์ AI ทำหน้าที่เหมือนครูที่มีทักษะการสอน ผ่านการฝึกการอบรมทางวิทยาศาสตร์และประสิทธิภาพ
คุณไม่จำเป็นต้องจ่ายเงินหลายล้านหรือหลายสิบล้านสำหรับใช้ในการลงคอร์สเรียนภาษาอังกฤษออนไลน์ เพื่อปรับปรุงทักษะการสื่อสารภาษาอังกฤษหรือออกเสียงอย่างถูกต้องเหมือนเจ้าของภาษา สำหรับผู้ที่ไม่มีพื้นฐานมาก่อน เนื่องจาก ELSA Speak เป็นแอปพลิเคชั่นที่สามารถตรวจจับการออกเสียงผิดในทุกพยางค์ (95%) และให้คำแนะนำในการแก้ไขข้อผิดพลาดอย่างรวดเร็วด้วยเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ การจดจำเสียงแบบพิเศษ หน่วยวัดเป็นสำเนียงมิดเวสต์ในสหรัฐอเมริกา – เสียงที่ได้ยินง่ายและมีการออกเสียงที่แม่นยำเพียงแค่เงินที่ไม่ถึง 4,000 บาท คุณก็สามารถเรียนภาษาอังกฤษตลอดชีวิตกับ ELSA ได้อย่างสะดวกสบาย
บทเรียนของ ELSA Speak มีความหลากหลายมาก โดยมีหัวข้อต่างๆ มากมายที่ใช้ในชีวิตจริง ช่วยให้คุณรู้สึกตื่นเต้น อีกทั้งยังเรียนภาษาอังกฤษออนไลน์ที่บ้านได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ในปัจจุบัน ELSA Speak มีหัวข้อมากกว่า 192 หัวข้อพร้อมแบบฝึกหัดมากกว่า 7,000 รายการ ซึ่งจะช่วยเสริมสร้างความมั่นใจในการสื่อสารภาษาอังกฤษได้อย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ บทเรียนและหัวข้อที่หลากหลายยังได้รับการสำรวจ วิจัยและเรียบเรียง โดยซอฟต์แวร์การเรียนรู้ภาษาอังกฤษออนไลน์ของ ELSA Speak เพื่อให้เหมาะกับวัฒนธรรมและวิถีชีวิตของชาวไทยโดยเฉพาะและประเทศอื่นๆ ทั่วไป คุณต้องการเรียนภาษาอังกฤษออนไลน์แบบตัวต่อตัวอย่างมีประสิทธิภาพสำหรับคนทำงานหรือผู้เริ่มต้นหรือไม่? ELSA Speak จะช่วยให้คุณบรรลุเป้าหมายทั้งหมดของคุณได้
เรียนภาษาอังกฤษออนไลน์ที่ British Council
บริติช เคานซิล ถูกรู้จักในฐานะองค์กรที่จัดสอบ IELTS, A Level และ IGCSE สำหรับการเรียนต่อต่างประเทศ บริติช เคานซิล ยังมีคอร์สเรียนภาษาอังกฤษทั้งในสถาบันและออนไลน์ สำหรับผู้เรียนทุกวัย คอร์สเรียนออนไลน์ได้แบ่งเป็นคอร์สสำหรับผู้ใหญ่ เช่น คอร์สเรียนพื้นฐาน คอร์สเรียนเฉพาะทางสำหรับอาชีพต่างๆ และคอร์สเรียนเตรียมสอบ IELTS รวมไปถึงคอร์สเรียนสำหรับนักเรียนอายุ 13 – 17 ปี
เมื่อลงทะเบียนเรียนที่นี่ สถาบันจะจัดรูปแบบการเรียนรู้ 3 รูปแบบ คือ การเรียนรู้แบบตัวต่อตัว จะใช้เวลาเรียน 25 นาที บทเรียนกลุ่มใช้เวลา 55 นาที จะช่วยให้คุณฝึกการสื่อสารได้คล้ายกับบทเรียนในชีวิตจริงและแบบตัวต่อตัว คุณสามารถเรียนทั้ง 3 ชั้นได้โดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม
เรียนภาษาอังกฤษออนไลน์กับคอร์สเรียน MULTIMETHOD
คอร์สเรียน MULTIMETHOD คือแพลตฟอร์มการเรียนรู้ภาษาอังกฤษระดับโลกที่ช่วยผู้ที่ไม่มีความรู้พื้นฐาน เรียนภาษาอังกฤษอย่างธรรมชาติ เริ่มต้นจากการฝึกฟัง ออกเสียง พูด อ่านและเขียนภาษาอังกฤษ โดยยึดตามระดับความสามารถของนักเรียน เรียนภาษาอังกฤษด้วย MULTIMETHOD จะช่วยการสื่อสารกับคนต่างชาติได้คล่องแคล่วในชีวิตประจำวันทั้งการเรียนที่มหาวิทยาลัยหรือสำหรับคนทำงาน
เรียนภาษาอังกฤษออนไลน์ที่ California English
การจัดคอร์สเรียนที่เหมาะกับเป้าหมายของแต่ละคนถือเป็นสิ่งสำคัญมากเมื่อเลือกโรงเรียนสอนภาษาอังกฤษ California English ช่วยให้ผู้เรียนมีโอกาสเลือกศึกษาเนื้อหาที่ต้องการได้อย่างอิสระ หรือทำวิจัยเฉพาะทางเพื่อธุรกิจหรือวิชาชีพต่างๆ สถาบันยังมีคอร์สเตรียมความพร้อมสำหรับการสอบวัดระดับภาษาประเภทต่างๆ
California English มีสองเทคนิคการสอน คือ เรียนรู้ผ่านแอปพลิเคชั่น Mondly พร้อมบทเรียนที่หลากหลายให้คุณเลือก และการเรียนโดยตรงกับครูต่างชาติจะทำให้คุณได้ฝึกฝนทักษะมากขึ้นและสามารถพูดคุยเกี่ยวกับการเรียนของตัวเองได้ทันที
เรียนภาษาอังกฤษออนไลน์ที่ Exchange English
Xchange English เป็นอีกหนึ่งสถานที่สอนภาษาอังกฤษที่ได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่องในประเทศไทย เพราะมีเทคนิคการสอนที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่เป็นระบบ เข้าใจง่าย และสามารถนำไปปฏิบัติได้จริง ทุกคอร์สเรียนได้สอนแบบออนไลน์ ด้วยเทคนิคที่จะช่วยให้คุณเข้าใจเนื้อหาผ่าน Memology หรือจำคำศัพท์ด้วยภาพและ Melody หรือจำคำศัพท์ด้วยเพลง รวมเทคนิคการจำศัพท์จากรากคำศัพท์ ซึ่งจะช่วยให้คุณเพิ่มคำศัพท์ได้ง่ายขึ้น
เรียนภาษาอังกฤษออนไลน์ที่ Goblish
ตั้งแต่ปี 2014 Globish Academia ได้เปิดสอนหลักสูตรภาษาอังกฤษออนไลน์สำหรับคนทำงาน จุดมุ่งหมายคือเพื่อให้นักศึกษาใช้ความรู้เกี่ยวกับภาษาของเขาเพื่อทำงานต่อไป ในปัจจุบันสถาบันมีคอร์สเรียนหลายแบบให้เลือก ทั้งภาษาอังกฤษทั่วไปและภาษาอังกฤษธุรกิจ เหมาะสำหรับผู้ที่มีความรู้พื้นฐานและผู้ที่ไม่มี นอกจากนั้น ยังมีคอร์สเรียนสำหรับแต่ละสาขาอาชีพ รวมไปถึงคอร์สสำหรับเด็กมีอายุตั้งแต่ 7 – 14 ปีอีกด้วย
แต่ละคอร์สที่ Globish แบ่งออกเป็นระดับอย่างละเอียดเพื่อเหมาะสมกับกลุ่มเรียนแต่ละกลุ่มเรียนและช่วยให้การเรียนมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยจะแบ่งออกเป็น 6 ระดับ เริ่มตั้งแต่ระดับเริ่มต้นไปจนถึงระดับสูง ทางสถาบันจะมีคนประเมินระดับภาษาเพื่อแนะนำคอร์สเรียนที่เหมาะกับผู้เรียนแต่ละคน
คอร์สเรียนออนไลน์ที่ Engnow
หลายคนอาจจะได้เห็นมีมเกี่ยวกับภาษาอังกฤษในโซเชียลมีเดีย มีมีมบางรูปภาพมาจาก Engnow ซึ่งเป็นหนึ่งในสถาบันการสอนภาษาอังกฤษออนไลน์ที่ได้รับความไว้วางใจจากหลายคน เพราะมีคอร์สเรียนหลายชนิดเพื่อให้เลือกประกอบด้วยคอร์สเรียนเกี่ยวกับไวยากรณ์ คอร์สเรียนภาษาอังกฤษเชิงพาณิชย์และคอร์สเรียนสื่อสารในชีวิตประจำวันที่เหมาะสมกับทุกเพศทุกวัย Engnow ก็จะมีราคาที่ถูกใจสำหรับนักเรียน
แต่ละคอร์สเรียนที่สถาบันจะมีครูที่แตกต่างกัน ครูแต่ละคนจะสอนวิชาเฉพาะของตนเอง อีกอย่างหนึ่งคือครูส่วนใหญ่เป็นวัยรุ่นและวัยกลางคน หลังจากที่ลงทะเบียนแล้ว Engnow จะส่งแบบทดสอบและการบ้าน เพื่อให้คุณทำทุกสัปดาห์ พร้อมกับเอกสารอื่นๆ ที่จะช่วยพัฒนาการฝึกฝนอีกด้วย
คอร์สเรียนผสมผสานภาษาอังกฤษทั่วไปที่ English Upskill
สถาบันภาษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ นอกจากจะจัดสอบ TU-GET และจัดคอร์สเรียนภาษาสำหรับนักศึกษามหาวิทยาลัยแล้ว ทางสถาบันยังมีคอร์สเรียนสำหรับบุคคลทั่วไปที่ต้องการเรียนภาษาอังกฤษและภาษาที่สามอีกด้วย คอร์สเรียนภาษาอังกฤษขั้นสูงเป็นคอร์สเรียนที่เหมาะสำหรับผู้ที่มีพื้นฐานและต้องการพัฒนาทักษะของตัวเอง อาจารย์ทุกคนล้วนเป็นอาจารย์ของมหาวิทยาลัย คอร์สเรียนนี้จะใช้เวลาประมาณ 4 เดือน
คอร์สเรียนนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อช่วยให้ผู้เรียนใช้ทักษะภาษาอังกฤษทั้งสี่ทักษะ การฟัง การพูด การอ่าน และการเขียนอย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงความสามารถในการสื่อสารกับชาวต่างชาติอย่างมั่นใจ ผ่าน 2 บทเรียนหลัก โดยบทเรียนแรกจะเน้นการพัฒนาทักษะพื้นฐาน และบทเรียนที่สองจะเน้นไปที่การประยุกต์ใช้ทางธุรกิจ
คำถามที่พบบ่อย
จะเริ่มเรียนภาษาอังกฤษอย่างไร?
เพื่อเริ่มเรียนภาษาอังกฤษ คุณสามารถ
- กำหนดจุดประสงค์การเรียน
- เรียนไวยากรณ์และคำศัพท์
- ฟังและพูดภาษาอังกฤษ
- อ่านและเขียนภาษาอังกฤษ
- เข้าร่วมคอร์สเรียนหรือมีคนแนะนำ
จะลงคอร์สเรียนภาษาอังกฤษที่ไหนดี?
คุณสามารถลงเรียนคอร์สเรียนภาษาอังกฤษในแอปพลิเคชัน เช่น ELSA Speak เพื่อประหยัดเวลาและสะดวก เรียนได้ทุกที่ทุกเวลา ด้วยค่าเรียนที่ประหยัดสุดๆ
คนทำงานควรเรียนคอร์สเรียนภาษาอังกฤษตัวต่อตัวหรือไม่?
มี การเรียนคอร์สเรียนภาษาอังกฤษแบบตัวต่อตัวหรือคอร์สเรียนเฉพาะบุคคลจะเป็นประโยชน์มาก สำหรับคนทำงานลงคอร์สเรียนภาษาอังกฤษ เป็นวิธีหนึ่งที่มีประสิทธิภาพเพื่อคนทำงานสามารถพัฒนาทักษะภาษาอังกฤษในงานของตัวเอง มาอ่านบทความของ ELSA Speak ต่อไปเพื่อเรียนรู้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการเรียนภาษาอังกฤษนะ
ในภาษาอังกฤษ คำกริยาแสดงสภาวะ (Stative verbs) เป็นกริยาประเภทหนึ่งที่ใช้บ่อยที่สุดในไวยากรณ์ภาษาอังกฤษ ซึ่งช่วยให้ผู้พูดแสดงความรู้สึก ความคิด หรืออารมณ์ของตนเองไปถึงคนรอบข้างได้ อย่างไรก็ตาม ยังมีผู้เรียนจำนวนมากสับสนระหว่างคำกริยาแสดงสภาวะกับคำกริยาประเภทอื่น ดังนั้นคำกริยาแสดงสภาวะคืออะไร? ต้องใช้อย่างไรให้ถูกต้อง? มาเรียนรู้จากบทความด้านล่างกับ ELSA Speak กันนะ!
คำกริยาแสดงสภาวะ (stative verbs) คืออะไร?
คำกริยาแสดงสภาวะ (stative verbs) คือคำที่อธิบายสภาวะ สภาพ หรืออารมณ์ ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ทันเวลาและมักจะไม่มาพร้อมกับการกระทำที่เฉพาะเจาะจง แต่มักจะอธิบายถึงสภาวะความเป็นอยู่
ตัวอย่างคำกริยาแสดงสภาวะ:
- I love chocolate. (ฉันชอบชอคโกแลต)
- Linda seems tired (ลินดาดูเหนื่อย)
- I always believe in justice. (ฉันเชื่อในความยุติธรรมเสมอ)
- The pizza in an Italian restaurant tastes delicious. (พิซซ่าในร้านอาหารอิตาเลียนรสชาติอร่อย)
ประเภทของคำกริยาแสดงสภาวะ stative verb มีอะไรบ้าง
คำกริยาแสดงสภาวะภาษาอังกฤษแบ่งออกเป็นกลุ่ม ขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ในการถ่ายทอด ความหมาย และบริบทการใช้งาน การทำความเข้าใจกลุ่มเหล่านี้จะช่วยให้คุณใช้อย่างถูกต้องในการเขียนและการสื่อสารเป็นภาษาอังกฤษ
คำกริยาแสดงสภาวะแบ่งออกเป็นกลุ่มได้ดังต่อไปนี้:
คำกริยาที่แสดงสภาวะอารมณ์ (Emotional)
คำกริยาเหล่านี้อธิบายความรู้สึกหรืออารมณ์ของบุคคลอื่น
คำกริยา | ความหมาย | ตัวอย่าง |
Love | รัก | She loves reading book. |
Like | ชอบ | He likes pancake. |
Hate | เกลียด | They hate getting up early in the morning. |
Admire | ชื่นชม | Many people admire her talent in singing. |
Fear | กลัว | I fear nothing. |
Envy | อิจฉา | We all envy her beauty. |
>>> Read more: คำศัพท์ภาษาอังกฤษเพื่อแสดงอารมณ์
คำกริยาที่แสดงประสาทสัมผัส (Perception)
อธิบายข้อมูลที่ได้รับผ่านประสาทสัมผัส
คำกริยา | ความหมาย | ตัวอย่าง |
See | ดู | I can see the beautiful sunset from my window. |
Hear | ฟัง | I heard a strange noise last night. |
Smell | ดม | Dinner smells good. |
Taste | ลิ้มรส | This soup taste delicious. |
Touch | สัมผัส | He touched his puppy’s fur. |
Notice | สังเกต | Did you notice the new painting on the wall? |
Recognize | จำได้ | She recognized her old friend at the party. |
คำกริยาที่แสดงสภาวะ (Stative)
กริยาอธิบายสภาพหรือสถานะของสิ่งของหรือเหตุการณ์
คำกริยา | ความหมาย | ตัวอย่าง |
Be | เป็น | It is a sunny day today. |
Seem | ดูเหมือน | She seems tired after a long day at work. |
Appear | ปรากฏ | The stars appear in the night sky. |
Belong | เป็นของ | This book belongs to the library. |
Consist | ประกอบด้วย | The recipe consists of various ingredients. |
Possess | การครอบครอง | He possesses great knowledge in history. |
Own | เป็นเจ้าของ | They own a beautiful house by the lake. |
คำกริยาที่แสดงสภาวะทางความคิด (Mental)
นี่เป็นคำที่เกี่ยวข้องกับความคิด จิตสำนึก และจิตใจของวัตถุ
คำกริยา | ความหมาย | ตัวอย่าง |
Know | รู้ | I know the answer to this question. |
Believe | เชื่อ | She believes in the power of positive thinking. |
Understand | เข้าใจ | He understands the concept of relativity. |
Doubt | สงสัย | I doubt that it will rain tomorrow. |
Remember | จดจำ | Do you remember his phone number? |
Forget | ลืม | I sometimes forget where I put my keys. |
Realize | ตระหนัก | She realized her mistake after reviewing her work. |
คำกริยาที่แสดงความหวัง (Hope)
คำกริยาเหล่านี้แสดงถึงความหวังหรือความปรารถนาของประธานในวัตถุหรือเหตุการณ์
คำกริยา | ความหมาย | ตัวอย่าง |
Hope | หวัง | I hope you have a great time at the party. |
Want | ต้องการ | He wants a new bicycle for his birthday. |
Wish | ปรารถนา | She wishes to travel to Paris someday. |
Desire | ความต้องการ | He desires to become a successful author. |
>>> Read more: รูปแบบคำกริยาทั่วไปในภาษาอังกฤษ
วิธีแยกแยะระหว่างคำกริยาปกติและกริยาแสดงสภาวะ
คำกริยาปกติและกริยาแสดงสภาวะต่างกันอย่างไร ก่อนอื่นเราต้องไปทำความรู้จักกันว่า คำกริยาปกติคืออะไร
คำกริยาปกติในภาษาอังกฤษ (Action Verbs) เป็นคำกริยาที่อธิบายการกระทำหลักในประโยค ส่วน Present Simple Tense ใช้เพื่ออธิบายการกระทำหรือเหตุการณ์ทั่วไป อธิบายนิสัยที่ทำซ้ำหลายครั้ง อธิบายสิ่งที่ชัดเจนเป็นความจริง
เปรียบเทียบระหว่างคำกริยาปกติและกริยาแสดงสภาวะ
โดยทั่วไปแล้ว กริยาปกติหรือกริยาแสดงสภาวะจะทำหน้าที่เป็นกริยาหลักในประโยค ทั้งหมดเป็นไปตามกฎของบุคคล หมายเลขหัวเรื่อง และกาลประโยค
อย่างไรก็ตาม ด้วยความหมายที่แตกต่างกัน ในบริบทเฉพาะ และในประโยคพิเศษบางประเภท การใช้ทั้งสองอย่างจะมีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญ เช่น:
คำกริยาปกติ | คำกริยาแสดงสภาวะ | |
ความหมาย | คำกริยาปกติมักจะมองเห็นหรือจินตนาการได้ เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องในระหว่างการพูดหรือเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา- สร้างผลลัพธ์ที่แน่นอนและเฉพาะเจาะจง | • คำกริยาแสดงสภาวะมีความเสถียรมากกว่าและไม่เปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญ • มักนำไปสู่การกระทำที่เฉพาะเจาะจงแต่ไม่ได้ให้ผลลัพธ์ แต่ใช้เพื่อแสดงออกและอธิบายบุคคล สิ่งของ และเหตุการณ์เท่านั้น |
ประโยคที่ไม่โต้ตอบ | คำกริยาปกติสามารถใช้ Dynamic verb ได้โดยผันไปตามโครงสร้าง Tense ของประโยค | คำกริยาในกลุ่มนี้โดยปกติแล้วจะใช้ใน Simple Tense เท่านั้น และจะไม่ใช้ในรูปเติม –ing ใน Continuous Tense |
หน้าที่ | อธิบายการกระทำหรือกิจกรรมเฉพาะของบุคคล สิ่งของ เหตุการณ์ หรือปรากฏการณ์ (การรับประทานอาหาร กิจกรรมต่างๆ การเล่น การทำงาน ฯลฯ) | อธิบายสถานะของบุคคล สิ่งของ เหตุการณ์ ปรากฏการณ์ (ความต้องการ ความรู้สึก ความปรารถนา ความหมาย ความเป็นเจ้าของ…) |
ผันคำกริยา | สามารถแบ่งออกได้เป็น 3 รูปแบบ คือ ต่อเนื่อง เรียบง่าย สมบูรณ์ | แบ่งได้เฉพาะรูปแบบ เรียบง่ายและสมบูรณ์เท่านั้น ไม่ใช่รูปแบบต่อเนื่อง (V-ing) |
ตัวอย่าง | • Harry feels sleepy tonight. (คืนนี้แฮร์รี่รู้สึกง่วงนอน) • Jena forgot about her appointment tonight. (เจน่าลืมเรื่องการนัดหมายของเธอคืนนี้) • Jimmy owns 2 houses in Ohio. (จิมมี่เป็นเจ้าของบ้าน 2 หลังในรัฐโอไฮโอ) | • She doesn’t speak French well. (เธอพูดภาษาฝรั่งเศสไม่เก่ง) • We went camping last weekend. (เมื่อสุดสัปดาห์ที่แล้วพวกเราไปตั้งแคมป์) • Karen will play the piano at the Christmas party. (คาเรนจะเล่นเปียโนในงานคริสต์มาส) |
กริยาที่เป็นทั้งกริยาปกติและกริยาแสดงสภาวะ
อย่างไรก็ตาม หลายครั้งคุณยังพบกริยาที่แสดงการผันคำกริยา V_ing หรือเป็นกริยาหลักในประโยคที่ไม่ต้องโต้ตอบ เมื่อมาถึงจุดนี้ พวกคำนี้ได้เปลี่ยนเป็นคำกริยาปกติแล้ว
ความจริงที่ว่ากริยาสามารถเป็นได้ทั้งกริยาแสดงสภาวะและกริยาปกตินั้นเป็นเรื่องปกติในภาษาอังกฤษ ทำให้นักเรียนหลายคนสับสนได้ง่ายเมื่อใช้
คำกริยา | กริยาแสดงสภาวะ | กริยาปกติ |
Have | แสดงความเป็นเจ้าของหรือสถานะของวัตถุหรือเหตุการณ์ตัวอย่าง: She has a cat. (เธอมีแมว 1 ตัว) | แสดงการกระทำที่เฉพาะเจาะจง ตัวอย่าง: They are having lunch. (เขากำลังกินข้าวกลางวัน) |
Think | แสดงความคิดเห็น ความคิดของใครคนหนึ่งในเรื่องใดเรื่องหนึ่งตัวอย่าง: I think that’s a good idea. (ฉันคิดว่านั่นเป็นความคิดที่ดี) | อธิบายการกระทำหรือความคิดเฉพาะเจาะจง ตัวอย่าง: He is thinking about his future.(เขากำลังคิดถึงอนาคตของเขา) |
Smell | ความสามารถในการรับรู้กลิ่นของบุคคลหรือวัตถุตัวอย่าง: This flower smells nice. (ดอกไม้นี้มีกลิ่นหอม) | การกระทำของการรับรู้กลิ่น ตัวอย่าง: She is smelling the food to check if it’s fresh. (เธอกำลังดมกลิ่นอาหารเพื่อดูว่ามันสดหรือไม่) |
See | สถานะการมองเห็นตัวอย่าง: I see a rainbow. (ฉันเห็นสายรุ้ง) | การกระทำแสดงการพบเจอ ตัวอย่าง: I will see you later. (ไว้เจอกันใหม่) |
Believe | สถานะของการไว้วางใจหรือความเชื่อVí dụ: He believes in honesty. (เขาเชื่อในความซื่อสัตย์) | การกระทำแสดงความเชื่อ ตัวอย่าง: I believe what you say. (ฉันเชื่อสิ่งที่คุณพูด) |
Taste | ความรู้สึกถึงรสชาติ• ตัวอย่าง: The cake made by Kate tastes so good. (เค้กที่ทำโดยเคทรสชาติดีมาก) | การกระทำกึงการชิม ตัวอย่าง: Dorothy always tastes her food before adding seasoning. (โดโรธีมักจะชิมอาหารของเธอก่อนปรุงรสเสมอ) |
Stay | รักษาสถานะ• ตัวอย่าง: Stay calm! You need to focus on this exam. (ใจเย็นๆ คุณต้องมุ่งเน้นไปที่การสอบครั้งนี้) | การอยู่ ตัวอย่าง: She stayed at home for 2 months because she was unemployed. (เธออยู่บ้านเป็นเวลา 2 เดือนเพราะเธอว่างงาน) |
Weigh | หมายถึง ภาวะหนัก มีน้ำหนัก • ตัวอย่าง: She weighs 50 kilograms. (เธอมีน้ำหนัก 50 กิโลกรัม) | กิจกรรมชั่งน้ำหนัก ตัวอย่าง: You must weigh this bag of fruits before selling it to customers. (คุณต้องชั่งน้ำหนักถุงผลไม้นี้ก่อนที่จะขายให้กับลูกค้า) |
Enjoy | ความรู้สึกชอบ• ตัวอย่าง: Phoebe enjoys eating ice cream. (เฟอร์บี้ชอบกินไอศกรีม) | การกระทำที่เพลิดเพลิน ตัวอย่าง: Ralph and Isolde enjoyed their honeymoon in Bali. (ลาฟและไอโซ เพลิดเพลินกับการฮันนีมูนในบาหลี) |
>>> Read more: กริยาไม่ปกติคืออะไรและตารางกริยาไม่ปกติในภาษาอังกฤษ
แบบฝึกหัดกริยาแสดงสภาวะ
ข้อที่ 1: เติมประโยคต่อไปนี้ให้สมบูรณ์โดยเลือกคำและผันคำในรูปแบบที่ถูกต้อง
1. Michael (like/look) _____________ playing video games with his friends.
2. The sunflowers (smell/look) _____________ so beautiful.
3. I (hate/agree) ______________ arguments.
4. Bella (deny/think) ______________ they will succeed in this project.
5. This dog (have/belong) ______________ to Rihana.
6. I will (mind/enjoy) ______________ my trip next month.
7. He (believe/see) ______________ in Lily’s love.
8. This house (fee/include) ______________ 1 living room, 2 bedrooms, 1 kitchen and 1 bathroom.
คำตอบ:
1. likes | 2. look | 3. hate | 4. thinks |
5. belongs | 6. enjoy | 7. believes | 8. includes |
ข้อที่ 2 – ระบุประโยคที่มีคำกริยาแสดงสภาวะ
1. Jack is noisy.
2. Bill, I’m depending on you to win this contract for us.
3. It depends what you mean.
4. Jill’s being noisy.
5. Deirdre has a Porsche.
6. We’re weighing the baby.
7. This bag weighs a ton!
คำตอบ
กริยาแสดงสภาวะ (Stative Verbs) | กริยาปกติ (Action Verbs) |
1. Jack is noisy. | 2. Bill, I’m depending on you to win this contract for us. |
3. It depends what you mean. | 4. Jill’s being noisy. |
5. Deirdre has a Porsche. | 6. We’re weighing the baby. |
7. This bag weighs a ton! |
ข้อที่ 3 –ประโยคด้านล่างมีกริยาแสดงสภาวะหรือไม่?
1. I feel that you are wrong. (True/False)
2. I’m feeling terrible. (True/False)
3. I think I like you! (True/False)
4. David’s thinking about getting a new job. (True/False)
5. This fish tastes awful! (True/False)
6. We’re having an interesting conservation! (True/False)
7. I’m feeling terrible. (True/False)
คำตอบ
1 | 2 | 3 | 4 | 5 | 6 | 7 |
TRUE | FALSE | TRUE | FALSE | TRUE | FALSE | FALSE |
ข้อที่ 4: เติมประโยคให้สมบูรณ์ด้วยกริยาแสดงสภาวะดังต่อไปนี้: owns, hope, realize, see
1. Jack’s cousin … a 4-star hotel and a luxury restaurant.
2. I don’t … that my girlfriend has changed her weight.
3. The final test is coming. I hope I can pass the test with the best scores.
4. I … what you say. You do not need to explain much.
คำตอบ:
1. owns | 2. see | 3. hope | 4. realize |
ข้อที่ 5: เติมประโยคให้สมบูรณ์ด้วยกริยาแสดงสภาวะดังต่อไปนี้: thinks, smells, want, weigh
1. I’m too hungry – Do you … a Som Tam?
2. Kaew insists he loves Trang because he … she is a nice girl.
3. Don’t eat banana cakes. It … terrible.
4. Irin, you … 70kg. You shouldn’t drink a lot of milk tea.
1. want | 2. thinks | 3. smells | 4. weigh |
หวังว่าเนื้อหาความรู้ทั้งหมดรวมถึงแบบฝึกหัดข้างต้นจะช่วยให้คุณเข้าใจคำกริยาแสดงสภาวะ (state/stative verb) ได้อย่างชัดเจน และสามารถช่วยพัฒนาระดับภาษาอังกฤษของคุณมากยิ่งขึ้น อย่าลืมดาวน์โหลดแอป ELSA Speak เพื่อเรียนภาษาอังกฤษได้ทุกวันนะ!
คำ วลี และชื่อที่เกี่ยวข้องกับ ออกกำลังกาย ภาษาอังกฤษ มักปรากฏในชีวิตประจำวันของเรา อย่างไรก็ตาม คำศัพท์เหล่านี้มีชื่อเรียกในภาษาอังกฤษอย่างไร? ผู้เรียนภาษาอังกฤษไม่น้อยคนสับสนเกี่ยวกับความรู้และคำศัพท์ด้านนี้ ในบทความวันนี้ ELSA Speak จะแบ่งปันคำศัพท์ที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อออกกำลังกายในภาษาอังกฤษกับคุณได้อย่างเต็มที่เลยนะ
ออกกำลังกาย ภาษาอังกฤษ คืออะไร?
ออกกำลังกาย ภาษาอังกฤษ คือ do exercise สะกดว่า /duː ˈɛksəsaɪz/ การออกกำลังกายคือกิจกรรมของร่างกายทั้งหมดเพื่อรักษาและปรับปรุงสุขภาพของมนุษย์โดยทั่วไป
คำศัพท์ ออกกำลังกาย ภาษาอังกฤษ – กีฬา
คำศัพท์ | การสะกด | ความหมาย | ตัวอย่าง |
Football (soccer) | /ˈfʊtbɔːl/ | ฟุตบอล | This was the best game of football I have seen all season. นี่เป็นเกมฟุตบอลที่ดีที่สุดที่ฉันเคยเห็นมาทั้งฤดูกาล |
Basketball | /ˈbæskɪtbɔːl/ | บาสเกตบอล | I played college basketball for a while. ฉันเล่นบาสเก็ตบอลในวิทยาลัยมาระยะหนึ่งแล้ว |
Baseball | /ˈbeɪsbɔːl/ | เบสบอล | We watched baseball on TV last night. เราดูการแข่งขันเบสบอลในทีวีเมื่อคืนนี้ |
American football | /ˈæmeriːkən ˈfʊtbɔːl/ | อเมริกันฟุตบอล | The kids were outside playing American football. เด็กๆ กำลังเล่นอเมริกันฟุตบอลข้างนอก |
Cricket | /ˈkrɪkt/ | คริกเก็ต | This game marks his comeback to the international cricket scene. เกมนี้ทำให้เขากลับมาสู่วงการคริกเก็ตระดับนานาชาติอีกครั้ง |
Tennis | /ˈtenɪs/ | เทนนิส | He retired from competitive tennis at the age of 34. เขาเกษียณจากการแข่งขันเทนนิสเมื่ออายุ 34 ปี |
Golf | /ɡɔːlf/ | กอล์ฟ | He enjoyed a round of golf on a Sunday morning. เขาสนุกกับการเล่นกอล์ฟในเช้าวันอาทิตย์ |
Swimming | /ˈswɪmɪŋ/ | ว่ายน้ำ | Swimming is a good form of exercise. การว่ายน้ำเป็นการออกกำลังกายที่ดี |
Running | /ˈrʌnɪŋ/ | วิ่ง | He took up running for exercise. เขาเริ่มวิ่งเพื่อออกกำลังกาย |
Cycling | /ˈsaɪklɪŋ/ | ปั่นจักรยาน | An average cycling workout will burn about 400 calories per hour. การออกกำลังกายด้วยการปั่นจักรยานโดยเฉลี่ยจะเผาผลาญพลังงานได้ประมาณ 400 แคลอรี่ต่อชั่วโมง |
Gymnastics | /dʒɪmˈnæstɪks/ | ยิมนาสติก | She does gymnastics at school. เขาเล่นยิมนาสติกที่โรงเรียน |
Weightlifting | /ˈweɪtlifʦɪŋ/ | ยกน้ำหนัก | This is a partial list of weight training exercises organized by muscle groups. นี่คือลิ้สรายการการยกน้ำหนักเฉพาะส่วน โดยถูกจัดตามกลุ่มของกล้ามเนื้อ |
Wrestling | /ˈreslɪŋ/ | มวยปล้ำ | My favorite sport is wrestling. กีฬาโปรดของฉันคือมวยปล้ำ |
Boxing | /ˈbɒksɪŋ/ | มวยสากล | He does boxing in his spare time. เขาชกมวยสากลในเวลาว่าง |
Judo | /ˈdʒuːdoʊ/ | ยูโด | She’s a black belt in judo. เขาเป็นสายสีดำในยูโด |
Karate | /kɑːˈrɑːti/ | คาราเต้ | She has a brown belt in karate. เธอมีสายคาดเอวสีน้ำตาลในคาราเต้ |
Taekwondo | /tæˈkwondɔː/ | เทควันโด | There’s taekwondo lessons and guitar lessons. มีบทเรียนเทควันโดและบทเรียนกีตาร์ |
Fencing | /ˈfensɪŋ/ | ฟันดาบ | The Vietnamese fencing team aims to win 3 gold medals. ทีมฟันดาบเวียดนามตั้งเป้าคว้า 3 เหรียญทอง |
Archery | /ˈɑːrkərɪ/ | ยิงธนู | He took up archery eight years ago. เขาเริ่มยิงธนูเมื่อแปดปีที่แล้ว |
Shooting | /ˈʃoʊtɪŋ/ | ยิงปืน | At the 31st SEA Games, shooting will take place from May 16 to 22 at the Hanoi National Sports Center. ในซีเกมส์ ครั้งที่ 31 การยิงปืนจะมีขึ้นระหว่างวันที่ 16-22 พฤษภาคม ที่ศูนย์กีฬาแห่งชาติฮานอย |
Sailing | /ˈseɪlɪŋ/ | เดินเรือ | 24 teams with 48 domestic and foreign athletes participated in the sailing race in Chiang Mai. 24 ทีมพร้อมกับนักกีฬาในประเทศและต่างประเทศ 48 คนเข้าร่วมการแข่งขันเรือใบที่เชียงใหม่ |
Diving | /ˈdaɪvɪŋ/ | ดำน้ำ | I’d love to go diving in the Aegean. ฉันชอบไปดำน้ำในทะเลอีเจียน |
Surfing | /ˈsɜːrfɪŋ/ | โต้คลื่น | Her hobbies include diving and surfing. งานอดิเรกของเขา ได้แก่ ดำน้ำและโต้คลื่น |
Skiing | /ˈskɪɪŋ/ | เล่นสกี | We are planning to go skiing tomorrow. เรากำลังเตรียมที่จะไปเล่นสกีพรุ่งนี้ |
Snowboarding | /ˈsnoʊboːrʦɪŋ/ | สโนว์บอร์ด | Snowboarding is a popular sport at the winter Olympics. สโนว์บอร์ดเป็นกีฬายอดนิยมในโอลิมปิกฤดูหนาว |
Ice skating | /aɪs ˈskeɪtɪŋ/ | สเกตน้ำแข็ง | He goes ice skating. เขาไปเล่นสเก็ตน้ำแข็ง |
Figure skating | /ˈfɪɡər ˈskeɪtɪŋ/ | สเกตลีลา | The first national figure skating championship in 2022 was held in Vietnam. การแข่งขันสเก็ตลีลาระดับชาติครั้งแรกในปี 2565 ถูกจัดขึ้นที่ประเทศเวียดนาม |
Hockey | /ˈhoʊki/ | ฮอกกี้ | He plays in the college hockey team. เขาเล่นในทีมฮอกกี้ของวิทยาลัย |
Lacrosse | /ləˈkroːs/ | ลาครอส | Lacrosse is widely played in North America. ลาครอสมีการเล่นกันอย่างแพร่หลายในอเมริกาเหนือ |
In-line skating | /ˌɪn laɪn ˈskeɪtɪŋ/ | อินไลน์สเกต | I’m watching a beginner inline skating tutorial video. ฉันกำลังดูวิดีโอสอนการเล่นอินไลน์สเก็ตสำหรับผู้เริ่มต้น |
Dart | /dɑːrt/ | เกมปาเป้า | They spend the evening playing darts in the pub. พวกเขาใช้เวลาช่วงเย็นเล่นปาเป้าในผับ |
Martial art | /ˌmɑːrʃl ˈɑːrt/ | ศิลปะการต่อสู้ | Martial Art is a martial art that Russian special forces soldiers often use. ศิลปะการต่อสู้เป็นศิลปะการต่อสู้ที่ทหารกองกำลังพิเศษของรัสเซียมักใช้ |
Walking | /ˈwɔːkɪŋ/ | การเดิน | Activities on offer include walking and bird watching. กิจกรรมที่เสนอ ได้แก่ การเดินและการดูนก |
Windsurfing | /ˈwɪndsɜːrfɪŋ/ | วินด์เซิร์ฟ | Windsurfing is one of the sports that require good health. วินด์เซิร์ฟเป็นกีฬาชนิดหนึ่งที่ต้องการสุขภาพที่ดี |
Bowling | /bəʊl/ | โบว์ลิ่ง | Let’s go bowling on Saturday. ไปเล่นโบว์ลิ่งวันเสาร์กันเถอะ |
Volleyball | /ˈvɑːlibɔːl/ | วอลเลย์บอล | Vietnam men’s volleyball lost to Thailand in the AVC Challenge Cup semi-finals. วอลเลย์บอลชายเวียดนามพ่ายไทยในรอบรองชนะเลิศ AVC Challenge Cup |
Mountaineering | /ˌmaʊntnˈɪrɪŋ/ | ปีนเขา | Each 2-3 day mountaineering tour costs from 3000 to 7000 bath/person. ทัวร์ปีนเขา 2-3 วันแต่ละครั้งมีค่าใช้จ่ายตั้งแต่ 3000 ถึง 7000 บาทต่อคน |
Horse riding | /ˈhɔːrs raɪdɪŋ/ | ขี่ม้า | Horse riding is a sport that requires players to know how to interact with animals. การขี่ม้าเป็นกีฬาที่ให้ผู้เล่นรู้วิธีสื่อสารกับสัตว์ |
Yoga | /ˈjəʊɡə/ | โยคะ | I go to a yoga session on Thursdays. ฉันไปฝืกโยคะในวันพฤหัสบดี |
Hiking | /ˈhaɪkɪŋ/ | การเดินป่า | He loves hiking. เขารักการเดินป่า |
Rugby | /ˈrʌɡbi/ | รักบี้ | Kids from six years old play mini rugby at the club. เด็กอายุตั้งแต่ 6 ขวบเล่นมินิรักบี้ที่สโมสร |
Canoeing | /kəˈnuːɪŋ/ | พายเรือแคนู | Canoeing is an Olympic sport. การพายเรือแคนูเป็นกีฬาโอลิมปิก |
Go-karting | /ɡəʊ ˈkɑːrtɪŋ/ | โกคาร์ท | Go-karting is a sport that requires skill and focus. โกคาร์ทเป็นกีฬาที่ต้องใช้ทักษะและเพ่งความสนใจ |
Billiards | /ˈbɪljərdz/ | คิวสปอตส์/บิลเลียด | Have you ever played billiards? คุณเคยเล่นบิลเลียดหรือไม่? |
Motor racing | /ˈməʊtər reɪsɪŋ/ | แข่งรถ | The Monaco Grand Prix is the most exciting car race in the world. โมนาโก กรังด์ปรีซ์ถือเป็นการแข่งขันการแข่งรถแข่งที่น่าสนใจที่สุดในโลก |
Water polo | /ˈwɔːtər pəʊləʊ/ | โปโลน้ำ | Water polo is a team sport. โปโลน้ำเป็นกีฬาประเภททีม |
>>> Read more: คำศัพท์เกี่ยวกับกีฬาภาษาอังกฤษที่คุณอาจจะยังไม่รู้
คำศัพท์ภาษาอังกฤษเกี่ยวกับการออกกำลังกาย-สนามเล่นกีฬา
คำศัพท์ | การสะกด | ความหมาย | ตัวอย่าง |
A stadium | /ˈsteɪdiəm/ | สนามกีฬา | The football match was played at Wembley Stadium. การแข่งขันฟุตบอลจะเล่นที่สนามกีฬาเวมบลีย์ |
A sports center | /ˈsports ˈsenter/ | ศูนย์กีฬา | The sports center has a swimming pool, a gym, and a tennis court. ศูนย์กีฬามีสระว่ายน้ำ ห้องฟิตเนส และสนามเทนนิส |
A golf course | /ɡɔːlf kɔːrs/ | สนามกอล์ฟ | The golf course is located in the countryside. สนามกอล์ฟถูกตั้งอยู่ในชนบท |
A tennis court | /ˈtenɪs kɔːrt/ | สนามเทนนิส | The tennis court is in the park. สนามเทนนิสอยู่ในสวนสาธารณะ |
A basketball court | /ˈbasketˌboʊl kɔːrt/ | สนามบาสเกตบอล | The basketball court is at the school. สนามบาสเก็ตบอลอยู่ที่โรงเรียน |
A football field | /ˈfoʊtˌbɔːl fiːld/ | สนามฟุตบอล | The football field is in the city center. สนามฟุตบอลอยู่ในใจกลางเมือง |
A baseball field | /ˈbeɪsˌbɔːl fiːld/ | สนามเบสบอล | The baseball field is in the suburbs. สนามเบสบอลอยู่ในแถบชานเมือง |
A hockey rink | /ˈhoʊki rɪnk/ | สนามฮอกกี้ | The hockey rink is in the arena. สนามฮอกกี้อยู่ในที่สนามกีฬาอารีน่า |
A swimming pool | /ˈswɪmɪŋ pʊl/ | สระว่ายน้ำ | The swimming pool is open from 9 am to 5 pm. สระว่ายน้ำเปิดให้บริการตั้งแต่ 9.00 น. ถึง 17.00 น. |
A gym | /dʒɪm/ | ห้องฟิตเนส | The gym is open from 6 am to 10 pm. ห้องฟิตเนสเปิดให้บริการตั้งแต่ 6.00 น. ถึง 22.00 น. |
A cricket ground | /ˈkrikɪt ɡraʊnd/ | สนามคริกเก็ต | The cricket ground is located in the park. สนามคริกเก็ตถูกตั้งอยู่ในสวนสาธารณะ |
A running track | /ˈrʌnɪŋ træk/ | ลู่วิ่ง | The running track is located in the sports center. ลู่วิ่งตั้งอยู่ในศูนย์กีฬา |
คำศัพท์ อุปกรณ์ออกกําลังกาย ภาษาอังกฤษ
คำศัพท์ | การสะกด | ความหมาย | ตัวอย่าง |
Ball | /bɔːl/ | ลูกบอล | Just try to concentrate on hitting the ball. แค่พยายามมีสมาธิกับการตีลูก |
Bat | /bæt/ | ไม้ตีลูกบอล | The whole team had signed the bat. ทั้งทีมได้ลงชื่อไม้ตีลูกบอล |
Basket | /ˈbæskit/ | ตะกร้า | Nam threw the ball into the basket. น้ำโยนลูกบอลลงในตะกร้า |
Cricket bat | /ˈkrikɪt bæt/ | ไม้คริกเก็ต | My dad has a lot of cricket bats. พ่อของฉันมีไม้คริกเก็ตเยอะมาก |
Cricket ball | /ˈkrikɪt bɔːl/ | ลูกคริกเก็ต | A cricket ball is a hard, solid ball used to play cricket. ลูกคริกเก็ตเป็นลูกบอลแข็งและแน่นที่ถูกใช้ในการเล่นคริกเก็ต |
Golf club | /ɡɔːlf klʌb/ | ไม้กอล์ฟ | That store specializes in golf clubs. ร้านนั้นเชี่ยวชาญไม้กอล์ฟ |
Hockey stick | /ˈhoʊki stik/ | ไม้ฮอกกี้ | He broke his hockey stick. เขาทำไม้ฮอกกี้ของเขาพัง |
Racket | /ˈræket/ | แร็กเก็ต | It is the best racket I have ever used. มันเป็นแร็กเก็ตที่ดีที่สุดที่ฉันเคยใช้ |
Skate | /skeit/ | รองเท้าสเก๊ต | I bought skates to go skiing in Niseko. ฉันซื้อรองเท้าสเก็ตเพื่อไปเล่นสกีที่เมืองนิเซโกะ |
Swimsuit | /ˈswɪmsuːt/ | ชุดว่ายน้ำ | That swimsuit accentuated my body lines. ชุดว่ายน้ำนั้นทำให้รูปร่างของฉันเด่น |
Tennis racket | /ˈtenɪs ræket/ | ไม้เทนนิส | I was given a tennis racket by Novak Djokovic. ฉันได้รับไม้เทนนิสจากนอวาก จอกอวิช |
Wrestling belt | /ˈreslɪŋ belt/ | เข็มขัดมวยปล้ำ | I found a place that sells wrestling belts very cheaply.ฉันเจอร้านที่ขายเข็มขัดมวยปล้ำราคาถูกมาก |
Yoga mat | /ˈjoʊɡə mæt/ | เสื่อโยคะ | The yoga practitioner meditated on a yoga mat. ผู้ฝึกโยคะนั่งสมาธิบนเสื่อโยคะ |
Bowling ball | /ˈboʊlɪŋ bɔːl/ | ลูกโบว์ลิ่ง | He throws the bowling ball down the lane. เขาโยนลูกโบว์ลิ่งลงเลน |
Bowling pin | /ˈboʊlɪŋ pɪn/ | พินโบว์ลิ่ง | Linda hits all the bowling pins with the bowling ball. ลินดาตีพินโบว์ลิ่งทั้งหมดด้วยลูกโบว์ลิ่ง |
Croquet mallet | /ˈkrɒkeɪt ˈmælət/ | ไม้ตีคลี | The croquet player hit the ball with the croquet mallet. ผู้เล่นโครเก้ตีลูกบอลด้วยไม้ตีคลี |
Dart | /dɑːrt/ | ลูกดอก | She threw the darts at the dartboard. เขาขว้างลูกดอกไปที่กระดานปาเป้า |
Football helmet | /ˈfoʊtˌbɔːl ˈhelmit/ | หมวกอเมริกันฟุตบอล | My dad wore a football helmet. พ่อของฉันสวมหมวกอเมริกันฟุตบอล |
Golf ball | /ɡɔːlf bɔːl/ | ลูกกอล์ฟ | That trader hits the golf ball with a golf club. พ่อค้าคนนั้นตีลูกกอล์ฟด้วยไม้กอล์ฟ |
Golf cart | /ɡɔːlf kɑːrt/ | รถกอล์ฟ | Staff drove the golf cart around the golf course. พนักงานขับรถกอล์ฟไปรอบสนามกอล์ฟ |
Ice skates | /aɪs ˈskeɪts/ | รองเท้าสเกตน้ำแข็ง | That dancer was wearing ice skates. นักเต้นคนนั้นสวมรองเท้าสเก็ตน้ำแข็ง |
Jacuzzi | /dʒækjuːzi/ | อ่างจากุซซี่ | The jacuzzi was located in the hotel. อ่างจากุซซี่วางอยู่ในโรงแรม |
Jump rope | /dʒʌmp ˈroʊp/ | เชือกกระโดด | The children jumped rope in the park. เด็กๆ กระโดดเชือกในสวนสาธารณะ |
Ladder | /ˈlædə/ | บันได | The ladder was used to climb up to the roof. บันไดถูกใช้ปีนขึ้นไปบนหลังคา |
Pool cue | /puːl kjuː/ | ไม้คิว | The coach hits the billiard ball with the Pool cue. โค้ชตีลูกบิลเลียดด้วยไม้คิวพูล |
Punching bag | /ˈpʌnʧɪŋ bæɡ/ | กระสอบทราย | The boxer punched the punching bag. นักมวยชกกระสอบทราย |
Racquetball racquet | /ˈræketboːl ˈræket/ | ไม้ตีลูกในการเล่นกีฬาแร็กเกต | The female athlete hit the ball with a racquetball racket. นักกีฬาหญิงตีลูกบอลด้วยแร็กเก็ตบอล |
Scuba gear | /ˈskuːbə ɡiːr/ | อุปกรณ์เพื่อการดำน้ำลึก | The scuba diver wore scuba gear. นักดำน้ำสวมอุปกรณ์เพื่อการดำน้ำลึก |
Surfboard | /ˈsɜːfboːrd/ | กระดานโต้คลื่น | I rode a surfboard on the beach of Da Nang. ฉันเล่นกระดานโต้คลื่นบนชายหาดของดานัง |
Tennis racket | /ˈtenɪs ræket/ | ไม้เทนนิส | My mother bought me a tennis racket yesterday. แม่ซื้อไม้เทนนิสให้ฉันเมื่อวาน |
Weightlifting bar | /ˈweɪtliftiŋ bɑːr/ | บาร์เบล | Personal trainer lifting weights on weightlifting bar. ครูฝึกส่วนตัวยกน้ำหนักบนบาร์เบล |
Dumbbell | /ˈdʌm.bel/ | ดัมบ์เบล | She is doing dumbbell curls to work her biceps. เธอกำลังยกดัมเบลเพื่อให้กล้ามเนื้อไบเสบทำงาน |
Barbell | /ˈdʌm bel/ | บาร์เบล | She’s doing barbell squats to work her legs. เขาทำบาร์เบลล์สควอชเพื่อบริหารขา |
Treadmill | /ˈtredmɪl/ | ลู่วิ่งไฟฟ้า | She works out on a treadmill. เขาออกกำลังกายบนลู่วิ่งไฟฟ้า |
Exercise-Bike | /ˈek.sɚ.saɪz ˌbaɪk/ | จักรยานออกกำลังกาย | I bought an exercise-bike to use at home. ฉันซื้อจักรยานออกกำลังกายใช้ที่บ้าน |
Glove | /ɡlʌv/ | ถุงมือ | The baseball player caught the ball with his glove. นักเบสบอลจับลูกบอลด้วยถุงมือของเขา |
Punching-Bag | /ˈpʌntʃɪŋ bæɡ/ | กระสอบทราย | Punching bags are a great way to get a workout and improve your upper body strength. การต่อยกระสอบทรายเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการออกกำลังกายและช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงของร่างกายส่วนบน |
คำศัพท์ภาษาอังกฤษที่พบได้ทั่วไปในห้องฟิตเนส
คำศัพท์ | การสะกด | ความหมาย | ตัวอย่าง |
Warm-up | /ˈwɔːrm ʌp/ | การอบอุ่นร่างกาย | It’s important to warm up before exercising to prevent injuries. การอบอุ่นร่างกายก่อนออกกำลังกายเป็นสิ่งสำคัญเพื่อป้องกันการบาดเจ็บ |
Cool down | /kul daʊn/ | คูลดาวน์ / การค่อยๆ ลดความเหนื่อยจากการออกกำลังกายลง | The athletes did a light cool-down after the competition. นักกีฬาทำการคูลดาวน์อย่างนิดเดียวหลังการแข่งขัน |
Work out | /wɜːrk aʊt/ | ออกกำลังกาย | She’s working out for her upcoming marathon. เขากำลังออกกำลังกายเพื่อการวิ่งมาราธอนที่กำลังจะมาถึง |
Exercise | /ˈeksərsaɪz/ | ออกกำลังกาย | Regular exercise is important for maintaining good health. การออกกำลังกายเป็นประจำเป็นสิ่งสำคัญสำหรับการรักษาสุขภาพที่ดี |
Gym | /dʒɪm/ | ห้องฟิตเนส | The gym is a great place to get exercise and stay healthy. ห้องฟิตเนสเป็นสถานที่ที่ดีเยี่ยมในการออกกำลังกายและรักษาสุขภาพให้แข็งแรง |
Aerobic | /eˈrəʊbɪk/ | แอโรบิก | Aerobic exercise is important for heart health. การออกกำลังกายแบบแอโรบิกเป็นสิ่งสำคัญสำหรับสุขภาพของหัวใจ |
Cardio | /ˈkɑːrdiəʊ/ | คาร์ดิโอ | I try to get at least 30 minutes of cardio most days of the week. ฉันพยายามออกกำลังกายแบบคาร์ดิโออย่างน้อย 30 นาทีเกือบทุกวันในสัปดาห์ |
Squat | /skwɑːt/ | สควอช | The athlete performed a perfect squat. นักกีฬาทำท่าสควอชได้อย่างดีเลิศ |
Push-up | /ˈpʊʃ ʌp/ | วิดพื้น | The push-up challenge is a popular way to test your fitness level. ความท้าทายในการวิดพื้นเป็นวิธียอดนิยมในการทดสอบระดับสมรรถภาพทางกายของคุณ |
Jog | /dʒɑːɡ/ | วิ่งเหยาะๆ | I jog every morning before work to stay in shape. ฉันวิ่งจ็อกกิ้งทุกเช้าก่อนทำงานเพื่อรักษารูปร่าง |
Bodybuilding | /ˈbɑːdibɪldɪŋ/ | เพาะกาย | Bodybuilding requires a lot of discipline and hard work. การเพาะกายต้องใช้วินัยและการทำงานหนักอย่างมาก |
Personal trainer | /ˌpɜːrsənl ˈtreɪnər/ | ผู้ฝึกสอนส่วนตัว / ส่วนบุคคล | I hired a personal trainer to help me get in shape. ฉันจ้างผู้ฝึกสอนส่วนตัวเพื่อช่วยให้ฉันมีหุ่นดี |
Yoga | /ˈjəʊɡə/ | โยคะ | Yoga is a mind-body exercise that originated in India. โยคะเป็นการออกกำลังกายทั้งร่างกายและจิตใจที่มีต้นกำเนิดในประเทศอินเดีย |
Pilates | /pɪˈlɑːtiːz/ | พิลาทิส | Pilates can also help to reduce stress, anxiety, and pain. พิลาทิสยังสามารถช่วยลดความเครียด วิตกกังวล และความเจ็บปวดได้ |
สำนวนทั่วไป: ออกกำลังกาย ภาษาอังกฤษ
สำนวน | ความหมาย | ตัวอย่าง |
Be on your toes | มีสมาธิอย่างมาก | He was on his toes during the game. เขามีสมาธิอย่างมากระหว่างเกม |
Beat the clock | การทำบางอย่างสำเร็จลุล่วงก่อนเวลา | He beat the clock and finished the race first. เขาจัดการเวลาได้และเข้าเส้นชัยเป็นคนแรก |
Go the extra mile | ทำงานให้ดีเกินคาดหวัง | He went the extra mile and practiced for hours every day. เขาทำงานให้ดีเกินคาดหวังและฝึกฝนเป็นเวลาหลายชั่วโมงทุกวัน |
Play fair | เล่นอย่างยุติธรรม | He played fair and didn’t cheat. เขาเล่นอย่างยุติธรรมและไม่โกง |
Run the show | เป็นผู้นำซึ่งควบคุมกลุ่มคนทำอะไรบางอย่าง | He ran the show and led his team to victory. เขาดำเนินรายการและนำทีมไปสู่ชัยชนะ |
Take a shot | เพื่อพยายามทำบางสิ่งให้สำเร็จ | He took a shot at the goal and scored. เขายิงเข้าประตูและทำประตู |
Win by a landslide | ชัยชนะอย่างถล่มทลาย | They won by a landslide and didn’t lose a single game. พวกเขาชนะอย่างถล่มทลายและไม่แพ้แม้แต่เกมเดียว |
>> ดูเพิ่มเติม 1001 สำนวนภาษาอังกฤษตามหัวข้อทั่วไปในการสอบพร้อมคำแปลและตัวอย่าง
คำพูดดีๆ และคำพูดให้กำลังใจในการออกกำลังกาย
I want to look good in bikini : ฉันอยากดูดีในชุดบิกินี่
Sweat Now, Shine Later : เสียเหงื่อในตอนนี้ เพื่อรูปร่างที่ดีในวันหน้า
Do it for the skin tight dresses : พยายามเพื่อชุดรัดรูป
Wake Up and Work Out! : ตื่นขึ้นมาและออกกำลังกาย!
To Change your body, you must first change your mind : อยากเปลี่ยนร่างกาย ต้องเปลี่ยนความคิดก่อน
Work Out, Eat Well, Be Patient. Your body will reward you : ออกกำลังกาย กินให้ดี อดทน ร่างกายของคุณจะตอบแทนคุณ
บทสนทนาเกี่ยวกับการออกกำลังกายในภาษาอังกฤษ
A: Do you usually exercise? (ปกติคุณออกกำลังกายเป็นประจำหรือเปล่าคะ/ครับ?)
B: Yes, I do. Doing exercise is one of my good habits. (ใช่ค่ะ/ครับ การออกกำลังกายถือเป็นนิสัยที่ดีอย่างหนึ่งของฉัน)
A: What sport do you play? (คุณเล่นกีฬาอะไรคะ/ครับ?)
B: Swimming is my favorite. I also play tennis. (กีฬานิยมของฉันคือว่ายน้ำ และเล่นเทนนิสด้วยค่ะ/ครับ)
A: How often do you exercise? (คุณออกกำลังกายบ่อยไหมคะ/ครับ?)
B: I go jogging almost every day before breakfast. (ฉันไปวิ่งจ็อกกิ้งเกือบทุกวันก่อนอาหารเช้าค่ะ/ครับ)
A: When did you start doing exercise? (คุณเริ่มออกกำลังกายเมื่อไหร่คะ/ครับ?)
B: Just last year, actually. (แค่ปีที่แล้วจริงๆค่ะ/ครับ)
A: Is there anyone who does exercise with you? (มีใครบ้างที่ออกกำลังกายกับคุณ?)
B: I go jogging with my older brother. He’s a good company of mine. (ฉันไปวิ่งจ๊อกกิ้งกับพี่ชาย เขาเป็นเพื่อนที่ดีของฉันค่ะ/ครับ)
A: What benefits can you get from exercising? (คุณจะได้ประโยชน์อะไรบ้างจากการออกกำลังกายคะ/ครับ)
B: Well, a lot. Exercise helps reduce fat and build muscles. It also keeps me awake mentally during the whole day. (เยอะมากค่ะ/ครับ การออกกำลังกายช่วยลดไขมันและสร้างกล้ามเนื้อ นอกจากนี้ยังทำให้ฉันตื่นตัวตลอดทั้งวันค่ะ/ครับ)
A: Where do you exercise? (คุณออกกำลังกายที่ไหนคะ/ครับ?)
B: At a nearby park. There are some exercise machines for people to use. (ที่สวนสาธารณะใกล้เคียงค่ะ/ครับ มีเครื่องออกกำลังกายให้คนใช้บ้างค่ะ/ครับ)
A: Why do you exercise? (ทำไมคุณถึงออกกำลังกายคะ/ครับ?)
B: I like moving. For me, life without moving is like a picture without color. (ฉันชอบที่จะได้เคลื่อนไหวค่ะ/ครับ สำหรับฉัน ชีวิตที่ไร้การเคลื่อนไหวก็เหมือนภาพที่ไร้สีสันค่ะ/ครับ)
A: Do people in your country do much exercises? (คนในประเทศของคุณออกกำลังกายบ่อยไหมคะ/ครับ?)
B: I don’t think so. They’re so busy working that they forget to do exercise. (ฉันไม่คิดอย่างนั้นค่ะ/ครับ พวกเขายุ่งมากกับการทำงานจนลืมออกกำลังกายค่ะ/ครับ)
A: What if people don’t do enough exercise? (จะเป็นอย่างไรหากคนเราออกกำลังกายไม่เพียงพอคะ/ครับ?)
B: Obviously, they’ll gain weights fast and become obese. (แน่นอนว่าพวกเขาจะมีน้ำหนักเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วและเป็นโรคอ้วนค่ะ/ครับ).
บทความข้างต้นของ ELSA ได้นำความรู้ทั้งหมดเกี่ยวกับหัวข้อ ออกกำลังกาย ภาษาอังกฤษ หวังว่าผู้เรียนจะได้รับคำศัพท์เกี่ยวกับหัวข้อนี้มากขึ้นและสามารถนำไปประยุกต์ใช้ในชีวิตจริงได้
สั่งอาหาร ภาษาอังกฤษ เป็นหนึ่งในหัวข้อที่พบบ่อยและมีประโยชน์อย่างมากในการสื่อสารภาษาอังกฤษ ในบทความต่อไปนี้ ELSA Speak จะแนะนำวิธีสั่งอาหาร ภาษาอังกฤษ ง่ายๆ และ ขออนุญาตเสิร์ฟอาหาร ภาษาอังกฤษ ให้กับทุกคนนะ
วิธีจองโต๊ะ ภาษาอังกฤษ
ก่อนที่จะมาทานอาหารในร้านใดร้านหนึ่ง โดยเฉพาะร้านที่มีลูกค้าแน่นและหรูหรา เรามักจะต้องโทรจองโต๊ะล่วงหน้า
แสดงความต้องการที่จะจองโต๊ะ
โครงสร้าง | ตัวอย่าง | ความหมาย |
I would like to make a lunch/dinner reservation on … (วัน). | I would like to make a dinner reservation on 14/02. | ฉันต้องการจองโต๊ะช่วงเย็นในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ |
I would like to book a table on… (วัน). | I would like to book a table on 25th December. | ฉันต้องการจองโต๊ะในวันที่ 25 ธันวาคม |
หลังจากที่พนักงานถามเวลาจองโต๊ะแล้ว คุณลูกค้าสามารถใช้ตัวอย่างประโยคต่อไปนี้เพื่อแจ้งเวลาที่ต้องการได้
โครงสร้าง | ตัวอย่าง | ความหมาย |
I would prefer + (เวลาจอง) | I would prefer 7 pm. | ฉันต้องการจองโต๊ะตอนเวลา 19.00 น. |
(เวลาจอง) + would be the best for me. | 8.30pm would be best for me. | 20.30 น. เป็นเวลาที่ดีที่สุดสำหรับฉัน |
เมื่อพนักงานถามถึงจำนวนผู้ที่มาทานอาหาร
There will be + (จำนวนลูกค้า)
I would like to book a table for (ฉันต้องการจองโต๊ะสำหรับ….. คน)
ตัวอย่าง
- There will be three of us
- I would like to book a table for two.
สั่งอาหาร ภาษาอังกฤษ
วิธีถามเมนูอาหาร
หลังจากที่คุณจองโต๊ะจนมาถึงร้านอาหารและนั่งที่โต๊ะแล้ว คุณจะต้องทำอะไรต่อไป? แน่นอนคุณจะต้องสั่งอาหาร คุณสามารถใช้ตัวอย่างประโยคดังนี้
- The menu, please. (ขอเมนูด้วยค่ะ/ครับ)
- What’s on the menu? (เมนูมีอาหารอะไรบ้าง?)
- Do you have a set menu? (มีเมนูแบบเซ็ตไหมคะ/ครับ)
- I would like to order my food now. (ฉันต้องการสั่งอาหารตอนนี้)
- Could I see the menu, please? (ขอดูเมนูหน่อยได้ไหม?)
- Could I see the wine list, please? (ขอดูเมนูไวน์หน่อยได้ไหม?)
- Could you bring us the menu, please? (คุณช่วยนำเมนูมาให้เราได้ไหม?)
- Yes, can I see the dessert menu, please? (ขอดูเมนูของหวานหน่อยได้ไหม?)
- Could you bring us the salt/ pepper/ ketchup/ vinegar, please? (คุณช่วยนำเกลือ/พริก/ซอสมะเขือเทศ/น้ำส้มสายชูมาให้เราได้ไหม?)
โดยส่วนใหญ่แล้ว คุณไม่ต้องพูดอะไร เพราะพนักงานเสิร์ฟจะนำเมนูมาให้คุณ พวกเขาอาจจะพูดว่า:
- Here is our menu. Please take a look at it. (นี่คือเมนูของเรา เชิญคุณลูกค้าดูได้เลย)
- Can I get you any drinks? (คุณลูกค้าอยากดื่มอะไรไหมคะ/ครับ?)
- Are you ready to order? (คุณต้องการสั่งอาหารหรือยังคะ/ครับ?)
หากคุณดูเมนูแล้วไม่รู้จะเลือกอาหารอะไร ลองถามพนักงานเสิร์ฟด้วยคำถามต่อไปนี้
- We’d like a little longer, please. (พวกเราต้องดูอีกสักหน่อยค่ะ/ครับ)
- Do you have any specials today? (วันนี้มีเมนูอะไรพิเศษไหม?)
- What’s the soup of the day? (วันนี้มีซุปอะไรเหรอ?)
- What do you recommend? (คุณมีเมนูอะไรแนะนำให้ฉันไหม?)
- What’s this dish? (อาหารนี้คืออาหารอะไรเหรอ?)
>>> Read more: 200+ คำศัพท์เมนูอาหารภาษาอังกฤษ
วิธีสั่งอาหาร ภาษาอังกฤษ
ตัวอย่างประโยค ภาษาอังกฤษ | ตัวอย่าง | ความหมาย |
Could I have the (dish name), please? | Could i have the medium-rare steak? | ฉันขอสเต็กแบบมีเดียมแรร์ได้ไหม? |
I’d like the…/I’ll have the… | I’d like the grilled salmon. | ฉันต้องการปลาแซลมอนย่าง |
The (dish name), please. | The tomato soup, please. | ขอซุปมะเขือเทศหน่อย |
I want the (dish name). | I want the boiled chicken. | ฉันต้องการไก่ต้ม |
Give me the (dish name) | Give me the Tiramisu. | เอาทีรามิสุมาให้ฉันหน่อย |
I would like to have … (dish name) for appetizer/ the main course/ dessert, please. | I would like to have tomato soup for appetizer, please. | ฉันขอซุปมะเขือเทศเป็นอาหารเรียกน้ำย่อยนะ |
May I have … (dish name) please? | May I have the tomato soup please? | ฉันขอซุปมะเขือเทศได้ไหม |
นอกจากนี้ ในการสื่อสารภาษาอังกฤษ ผู้พูดมักจะใช้คำว่า “please” – “กรุณา” ในตอนท้ายของคำขอและข้อแสนอแนะ เพื่อแสดงความสุภาพและความเคารพต่อบุคคลอื่น ดังนั้น ผู้อ่านต้องสังเกตว่า เมื่อทำการร้องขอในร้านอาหาร ผู้อ่านจะต้องเติม “please” ในตอนท้ายประโยคเพื่อให้มีความสุภาพนั่นเอง
วิธีสั่งอาหารมังสวิรัติ ภาษาอังกฤษ
หากคุณกำลังควบคุมน้ำหนักหรือทานอาหารมังสวิรัติ คุณต้องบอกพนักงานเสิร์ฟทันทีเพื่อให้พวกเขารู้ความต้องการของคุณ
- I’m a vegetarian. (ฉันกินอาหารมังสวิรัติ)
- I’m allergic to bean. (ฉันแพ้ถั่ว)
- I’m severely allergic to shrimp. (ฉันแพ้กุ้งอย่างรุนแรง)
- I don’t eat fish. (ฉันไม่กินปลา)
ประโยคสั่งเครื่องดื่ม ภาษาอังกฤษ
- I think I’ll take this one. 🠚 ฉันคิดว่าฉันจะเอาอาหารจานนี้
- Yes, I’d like a glass of orange juice, please. 🠚 ฉันต้องการน้ำส้มหนึ่งแก้ว
- I would like a cup of coffee, please! 🠚 ฉันขอกาแฟหนึ่งแก้ว
- I think I will take this. 🠚 ฉันคิดว่าฉันจะเลือกอาหารจานนี้
- Ah okay. So…I’d like to change it into orange juice, please. 🠚 โอเคค่ะ/ครับ งั้น … ฉันต้องการเปลี่ยนเป็นน้ำส้ม ขอบคุณค่ะ/ครับ
- Could I have a medium coffee to go?🠚 ฉันขอกาแฟแก้วขนาดกลางได้ไหม?
- Can I get a cafe latte for here please? 🠚 ฉันขอกาแฟลาเต้ดื่มที่นี่ได้ไหม?
บทสนทนา สั่งอาหารและเครื่องดื่ม ภาษาอังกฤษ
บทสนทนาจองโต๊ะ ภาษาอังกฤษ
พนักงาน | Moonlight Restaurant. |
ลูกค้า | Hi, I would like to make a dinner reservation this Friday. |
พนักงาน | Of course, What time will you be dining with us? |
ลูกค้า | I would prefer 8pm. |
พนักงาน | How many people will you need the reservation for? |
ลูกค้า | There will be five of us. |
พนักงาน | Alright, Could I have your name and your phone number please? |
ลูกค้า | Sure. My name is Nguyen Quang Anh and my phone number is 12345678. |
พนักงาน | Thank you. May I please repeat the table reservation details: A table for five people, at 8pm on this Friday, in the name of Mr. Quang Anh. And your phone number is 12345678. Is that detail correct? |
ลูกค้า | Correct! |
พนักงาน | Thank you very much for calling, Mr. Quang Anh. We look forward to seeing you then. Have a great day. |
ลูกค้า | Thank you so much. I appreciate your help. |
สั่งอาหาร ภาษาอังกฤษ ง่ายๆ
วิธีสั่งอาหาร ง่ายๆ ของลูกค้า 2 คนกับพนักงานเสิร์ฟดังต่อไปนี้จะช่วยให้คุณฝึกเรียนภาษาอังกฤษง่ายดายยิ่งขึ้น มาดูกันเลย
ภาษาอังกฤษ | ภาษาไทย | |
พนักงานเสิร์ฟ | May I get you anything to drink? | ฉันจะสั่งเครื่องดื่มอะไรให้คุณดีค่ะ/ครับ |
Peter | Yes, please. May I get 2 glasses of orange juice? | ฉันขอน้ำส้ม 2 แก้วได้ไหม? |
พนักงานเสิร์ฟ | Sure. Would you like an appetizer? | ได้ค่ะ/ครับ คุณต้องการอาหารเรียกน้ำย่อยไหมคะ/ครับ? |
Peter | I’ll have the tomato soup to start. | ฉันจะกินซุปมะเขือเทศเป็นอาหารเรียกน้ำย่อย |
Jenny | I’ll have the shrimp soup. | ส่วนฉัน ฉันจะกินซุปกุ้ง |
พนักงานเสิร์ฟ | Would you like to order anything else? | คุณต้องการสั่งอาหารอื่นอีกไหมคะ/ครับ? |
Peter | That’ll be all for now. | ตอนนี้ไม่มีครับ |
พนักงานเสิร์ฟ | Let me know when you’re ready to order your food. | แจ้งให้ฉันทราบเมื่อคุณพร้อมที่จะสั่งอาหารนะคะ/ครับ |
>>> Read more:
กรณีต้องการเปลี่ยนอาหาร
ภาษาอังกฤษ | ภาษาไทย | |
Waiter | Here is your potato soup, Madam. | นี่คือซุปมันฝรั่งของคุณครับ |
Jenny | But I ordered shrimp soup! | แต่ฉันสั่งซุปกุ้งไป |
Waiter | I’m so sorry. I’ll change it for you straightaway. | ขอโทษครับ ผมจะเปลี่ยนให้คุณทันที |
Jenny | I would appreciate that. | ฉันจะขอขอบคุณมากค่ะ/ครับ |
กรณีต้องการสั่งอาหารเพิ่ม ภาษาอังกฤษ
ภาษาอังกฤษ | ภาษาไทย | |
Anna | Excuse me. Could you bring us the menu, please? | ขอโทษค่ะ คุณช่วยนำเมนูให้ฉันหน่อยได้ไหม? |
Anna | We’d like to order a cheeseburger and some fries. | ฉันต้องการสั่งชีสเบอร์เกอร์และมันฝรั่งทอดค่ะ |
Waiter | Sorry, the fries are off. Why don’t you try the steak? It is excellent. | ขอโทษครับ มันฝรั่งทอดหมดแล้ว คุณอยากลองสเต็กดูไหม มันยอดเยี่ยมมากเลย |
Anna | I’ll trust your taste and take one order of that. | ฉันขอเชื่อคุณนะ งั้นสั่งอาหารจานนั้นมาให้ฉัน |
Waiter | Do you want a dessert? | คุณอยากกินของหวานไหม? |
Jenny | The chocolate mousse cake sounds great. | เค้กมูสช็อกโกแลตดูดีมาก |
Waiter | Can I get you anything else? | คุณต้องการสั่งอะไรเพิ่มอีกไหมครับ? |
Jenny | That’s all, thank you. | ไม่ค่ะ ขอบคุณค่ะ |
>>> Read more: 45+ คำศัพท์ของหวานในภาษาอังกฤษ (dessert)
บทสนทนาสั่งเครื่องดื่ม ภาษาอังกฤษ
ภาษาอังกฤษ | ภาษาไทย | |
Waiter | What are you having? | คุณดื่มอะไรครับ? |
Customer | Can I have the menu, please? | ขอดูเมนูหน่อยได้ไหม? |
Waiter | Of course, here you are. | ได้ครับ นี่ครับ |
Customer | Just give me a few minutes, ok? | ขอดูอีก 2 – 3 นาทีนะ |
Waiter | Oh yeah, take your time. | ได้ครับ ค่อยๆ ดูก็ได้ครับ |
Customer | I would like a cup of coffee, please. | ขอกาแฟหนึ่งแก้วค่ะ/ครับ |
Waiter | Would you like ice with that? | คุณต้องการน้ำแข็งด้วยไหมครับ? |
Customer | A little, please. | ใส่น้ำแข็งนิดหนึ่งนะค่ะ/ครับ |
Waiter | Is that all? | นี่คือทั้งหมดใช่ไหมครับ? |
Customer | Nothing else, thank you. | แค่นี้ ขอบคุณค่ะ/ครับ |
Waiter | Alright, I’ll come back in a few minutes! | ได้ครับ ผมจะกลับมาในอีกไม่กี่นาที |
Waiter | Here’s your coffee. | นี่คือกาแฟของคุณครับ |
Customer | Thanks. | ขอบคุณค่ะ/ครับ |
ข้อสังเกตเมื่อสั่งอาหาร ภาษาอังกฤษ
ข้อที่ ๑: วิธีสั่งอาหารเป็นกลุ่ม
- We’ll have the (dish name), please.
เราจะกิน…..(ชื่ออาหาร) ได้ไหม - We’ll share the (dish name), please.
เราจะแบ่งปัน…..(ชื่ออาหาร) ได้ไหม
ข้อที่ ๒: ข้อผิดพลาดทั่วไปเมื่อสั่งอาหาร ภาษาอังกฤษ
- การออกเสียงชื่ออาหารผิด
- การใช้คำที่เป็นทางการผิดระดับ
- ไม่ชัดเจนเรื่องจำนวนอาหาร
- ไม่กล่าวถึงส่วนผสมที่ทำให้เกิดอาการแพ้
ข้อที่ ๓: เคล็ดลับในการสั่งอาหาร ภาษาอังกฤษ
- จงสุภาพและอดทนรอ
- ฝึกออกเสียงชื่ออาหารให้ถูกต้องเมื่อสั่งอาหาร
- เตรียมปริมาณ ชื่ออาหาร และเครื่องเคียงไว้ล่วงหน้าก่อนเรียกพนักงานเสิร์ฟ
บทความข้างต้นได้แนะนำตัวอย่างประโยคทั่วไปในการสื่อสารให้กับทุกคนเพื่อสั่งอาหาร ภาษาอังกฤษ ELSA Speak หวังว่าหลังจากอ่านบทความนี้แล้ว ผู้อ่านจะสามรถสื่อสารได้อย่างมีประสิทธิภาพและคล่องแล่วขึ้น
ในตอนพิเศษของรายการปีนี้ KND Studio ที่เป็นรายการทอล์คโชว์บน YouTube ที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับการเรียนภาษาอังกฤษผ่านการสนทนาได้มีโอกาสพูดคุยกับ CEO ของช่อง The Standard คือ เคน นครินทร์ ซึ่งได้แบ่งปันการเดินทางในการพิชิตภาษาอังกฤษของตนผ่าน ELSA Speak
เคน นครินทร์ – CEO ของช่อง The Standard
เคน นครินทร์ ปัจจุบันเป็น CEO ของช่อง The Standard มีพื้นฐานเริ่มต้นจากการเป็นนักศึกษาสาขาเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ และได้เปลี่ยนสายการทำงานมาสู่สายงานบรรณาธิการ ตามความต้องการของตนเอง ก่อนที่จะกลายเป็น CEO ชื่อดัง เคน นครินทร์ เคยทำงานให้กับสำนักพิมพ์ A day, นิตยสาร ELLe Men, บรรณาธิการบริหารของ The Momentum ฯลฯ ด้วยความพยายามที่ไม่ยอมแพ้ เขาได้นำทีมและสร้างช่อง The Standard ซึ่งเป็นบริษัทสื่อใหญ่ในประเทศไทยที่มีคอนเท้นที่หลากหลาย บนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย เช่น YouTube, Facebook,..ซึ่งช่อง YouTube THE STANDARD เป็นช่องที่ได้รับความนิยมสูงสุด โดยมีผู้ติดตามมากกว่า 3.4 ล้านคน
ดูการแชร์เกี่ยวกับการเรียนรู้ภาษาอังกฤษของเคน นครินทร์ ได้ที่นี่
มาร่วมเรียนรู้กับ ELSA Speak เพื่อพิชิตภาษาอังกฤษเหมือนเคน นครินทร์
ด้วยผลงานที่โดดเด่นระดับประเทศ อีกทั้งยังเป็นเยาวชนอยู่ พร้อมกับมีวิสัยทัศน์และอยากจะพิชิตเป้าหมายที่ใหญ่ขึ้นเสมอ เขาเล่าในรายการว่า เขาเห็นชัดเจนแล้วว่ายุคปัจจุบันเป็นยุคของเทคโนโลยี ผู้คนและทุกสิ่งเชื่อมต่อกันได้ง่ายขึ้นมาก ดังนั้นภาษาต่างประเทศจึงมีความสำคัญและจำเป็นมาก ดังนั้นเขาจึงตั้งเป้าหมาย “Go Global” และคำหลักที่สำคัญที่สุดในการเดินทาง Go Global ของเขาคือภาษาอังกฤษ หากเราพูดภาษาอังกฤษได้คล่อง เราจะมีโอกาสมากขึ้นและคว้าโอกาสแบบเชิงรุกมากขึ้น
การเดินทางในการเข้าถึงเป้าหมาย Go Global ของเขา พบว่ามีอุปสรรคมากมาย เนื่องจากเขาเป็นคนที่อายที่ภาษาอังกฤษของตนเอง กลัวการสื่อสารภาษาอังกฤษ กลัวที่จะผิดพลาด เขินอายในการออกเสียงภาษาอังกฤษ ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้ในบางครั้งแนวคิดและเป้าหมายของบริษัทชะงัก แม้ว่าเขาจะเป็น CEO ที่มีชื่อเสียง แต่เขาก็ยังกลัวการถูกสัมภาษณ์เป็นภาษาอังกฤษและไม่กล้านำเสนอเป็นภาษาอังกฤษ ด้วยความท้อแท้หลายครั้ง เขาตระหนักว่าภาษาอังกฤษไม่ใช่สิ่งที่น่ากลัว ความกลัวที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคือการไม่กล้าที่จะเอาชนะตัวเอง เขาเลือกจุดเริ่มต้นของการเดินทางในการพิสูจน์ความสามารถในการสื่อสารภาษาอังกฤษของตนเอง โดยการเข้าร่วมคลาส ซึ่งเป็นโอกาสที่ทำให้เขาเข้าถึงภาษาอังกฤษ แต่เขายังไม่กล้าที่จะนำเสนอ เนื่องจากความอายในภาษาอังกฤษ แต่เขาก็ยังคงศรัทธาในตัวของเขา ด้วยเหตุผลหลายประการนี้ ในที่สุด เขาก็ตระหนักว่า เมื่อเรียนภาษาอังกฤษ เขาจำเป็นต้องมีความมั่นใจ “English is not about skill, it’s all about confidence.” ในช่วงเวลาสั้นๆ เพียงปีเดียว เขาพยายามสร้างสภาพแวดล้อมสำหรับตัวเองในการเรียนภาษาอังกฤษโดยการฝึกพูด เขาได้พบกับชาวต่างชาติเกือบ 200-300 คน และพูดคุยกับพวกเขา หลังจากนั้นเขาได้ปรับปรุงและเพิ่มความสามารถในการใช้งานภาษาอังกฤษของตนเอง จึงทำให้ทุกคนประหลาดใจมาก
การฝึกพูดเป็นวิธีหนึ่งที่จะพัฒนาระดับภาษาอังกฤษของคุณได้อย่างรวดเร็ว เขายังเล่าอีกว่า เมื่อฝึกพูดภาษาอังกฤษ เราต้องพูดออกมาดังๆ เพราะนั่นคือวิธีที่เราจะได้ยินการออกเสียงของตน หากเราพูดเบา ๆ หรืออ่านเงียบ ๆ อยู่ในปาก เราจะไม่สามารถพูดภาษาอังกฤษได้ดีขึ้นได้ ครั้งหนึ่งเขาบังเอิญได้เรียนรู้เกี่ยวกับแอป ELSA Speak จากโฆษณา เห็นแอปน่าสนใจอยู่จึงอยากลองใช้แอปนี้ หลังจากใช้แล้วเขาชื่นชมแอปเรียนภาษาอังกฤษ ELSA Speak เป็นอย่างมาก และแนะนำให้ทุกคนรู้จักในรายการทอล์คโชว์ของตัวเอง ตามที่เขากล่าว การใช้แอปเพื่อเรียนภาษาอังกฤษนั้นสะดวกมาก เพราะเขาสามารถฝึกพูดภาษาอังกฤษได้ทุกที่ทุกเวลา เขาเลือกใช้แอป ELSA Speak ซึ่งใช้ปัญญาประดิษฐ์ในกระบวนการจดจำเสียง และรับการวิเคราะห์จาก AI ที่ชี้ให้เห็นการออกเสียงผิดของเขา แอปนี้เป็นเครื่องมือที่สนับสนุนอย่างมีประสิทธิภาพ ในเส้นทางการพิชิตภาษาอังกฤษของเขา นั่นจึงเป็นสาเหตุที่เขาเลือกใช้แอป ELSA Speak จากบรรดาแอปนับแสนแอปที่มีอยู่ตอนนี้
>>> ดูเพิ่ม: ELSA Speak ลูกกอล์ฟ Review เคล็ดลับในการเรียนภาษาอังกฤษที่มีประสิทธิภาพอย่างน่าประหลาดใจ
วิธีการเรียนภาษาอังกฤษที่มีประสิทธิภาพผ่านแอป ELSA
แม้ว่าจะเป็น CEO ที่มีชื่อเสียง แต่คุณเคน นครินทร์ ก็เผชิญกับอุปสรรคหลายอย่างเนื่องจาก ภูมิหลัง ภาษาอังกฤษของเขาไม่ดี แต่เขาก็กลับมาเอาชนะมันได้ ดังนั้นผู้ที่รู้สึกไม่มั่นใจและมีปัญหาเกี่ยวกับภาษาอังกฤษ อย่ากังวลเพราะ ELSA Speak จะคอยช่วยเหลือผู้เรียนทุกที่ทุกเวลา แอปเรียนภาษาอังกฤษ ELSA Speak ซึ่งย่อมาจาก English Learning Speech Assistant ถูกสร้างขึ้นเพื่อช่วยเหลือผู้ที่มีความยากลำบากในการเรียนภาษาอังกฤษ การพูดภาษาอังกฤษหรือการออกเสียงที่ผิดพลาด
นอกจากนี้ ELSA Speak ยังมีฟีเจอร์พิเศษอื่นๆ เช่น
- การสร้างแผนการเรียนรู้ตั้งแต่เริ่มต้น ELSA จะติดตามและประเมินความก้าวหน้าของคุณผ่านการฝึกฝนประจำวัน เพื่อชี้แนะข้อผิดพลาดในการออกเสียงของคุณ
- ชุดคำศัพท์ที่หลากหลายในทุกสาขา ทุกหัวข้อ ตั้งแต่ระดับพื้นฐานไปจนถึงระดับสูง เพราะเวลาพูดภาษาอังกฤษ ผู้เรียนต้องมีจำนวนคำศัพท์เพื่อสามารถฟังและเข้าใจเรื่องราวที่อีกฝ่ายต้องการกล่าวถึง การเรียนคำศัพท์และการฝึกสื่อสารบนแอปจะช่วยให้ผู้เรียนจดจำได้นานและใช้คำศัพท์ได้อย่างหลากหลายถูกต้องและเหมาะสมที่สุด
- ELSA Speak ได้สร้างแบบฝึกหัดในการใช้งาน มากกว่า 25,000+ แบบ ผู้เรียนสามารถเรียนภาษาอังกฤษได้อย่างสะดวกสบายโดยไม่มีขีดจำกัดผ่านการลงทะเบียน ELSA Pro
- คุณสมบัติการสนทนาโดยตรงและสร้างสถานการณ์ให้กับตัวคุณเอง ELSA Speak เปรียบเสมือนเพื่อนที่พูดภาษาอังกฤษกับคุณตลอดเวลาและในหัวข้อต่างๆ และพร้อมกับคุณสมบัติอื่น ๆ อีกมากมาย
ELSA Speak ด้วยพันธกิจของตัวเองยังมั่นคงที่จะอัปเดตบทความเกี่ยวกับหัวข้อภาษาอังกฤษเป็นประจำ เพื่อให้ผู้เรียนได้รับข้อมูลและคำศัพท์เพิ่มเติม และวิธีการใช้ไวยากรณ์อย่างถูกต้อง ไม่ว่าคุณจะเป็นผู้ใดก็ตาม ELSA Speak จะเป็นเพื่อนร่วมทางในการพิชิตภาษาอังกฤษตลอดเส้นทางของคุณ