เรียนรู้ บทสนทนาภาษาอังกฤษ ที่ใช้บ่อยในชีวิตประจำวัน 40 บทต่อไปนี้เพื่อพัฒนาทักษะภาษาของคุณ รับรองว่าหลังจากอ่านบทความนี้แล้ว ทักษะภาษาของคุณจะอัพเลเวลอย่างทันที อย่าลืมบันทึกไว้เพื่อสามารถเรียนรู้ในแต่ละวันนะ! หากคุณต้องการพัฒนาทักษะการสื่อสารภาษาอังกฤษ การเรียนรู้บทสนทนาทั่วไปจะเป็นสิ่งสำคัญมากๆ ด้านล่างนี้คือ 40 บทสนทนาภาษาอังกฤษพื้นฐานที่ใช้กันทั่วไปในชีวิตประจำวัน ในการทำงาน และการเดินทาง ซึ่งจะช่วยให้คุณอัพเลเวลในเพียง 1 สัปดาห์เท่านั้น
บทสนทนาภาษาอังกฤษพื้นฐานในชีวิตประจำวัน
สวัสดีและลาก่อน
บทสนทนาที่ 1 – พูดคุยภาษาอังกฤษกับคนที่เพิ่งรู้จักกันในสถานการณ์ที่เป็นทางการ
Ms. Jasmine: Good afternoon, Ms. Brown! I’m Jasmine, Marketing Manager of A Group. It’s a pleasure to meet you. | สวัสดีค่ะ คุณ Brown ฉันชื่อ Jasmine ผู้จัดการฝ่ายการตลาดของ A Group ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ |
Ms. Brown: I’ve heard a lot about you. It’s a pleasure to meet you, too. | ฉันได้ยินมามากเกี่ยวกับคุณ ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกันค่ะ |
Ms. Jasmine: Shall we get down to business? | เรามาคุยเรื่องงานกันดีไหม |
Ms. Brown: Of course. | ได้ค่ะ |
บทสนทนาที่ 2 – ลาก่อน แล้วเจอกันคราวหน้า
Jasmine: It’s been great talking to you, but I’ve got to get back to work.
สอบก่อนเข้าฟรี
(ดีใจที่ได้คุยกับคุณ แต่ฉันต้องกลับไปทำงานแล้วค่ะ)
Patrick: That’s alright. Shall we meet another day?
(ไม่เป็นไรครับ ไว้เจอกันวันหลังนะ)
Jasmine: Sure! How about a coffee this weekend?
(ได้สิค่ะ! สุดสัปดาห์นี้กาแฟกันไหมคะ)
Patrick: Sounds great! I’ll text you later.
(ฟังดูดีนี่! เดี๋ยวผมจะส่งข้อความถึงคุณในภายหลังนะครับ)
Jasmine: Great! I have to leave now. See you!
(เยี่ยมเลยค่ะ! ฉันต้องไปแล้ว แล้วเจอกันใหม่)
Patrick: See you! Have a nice day!
(แล้วเจอกัน! ขอให้วันนี้เป็นวันที่ดีของคุณนะ)
Jasmine: You too!
(คุณก็เช่นกันค่ะ)
บทสนทนาภาษาอังกฤษ ในการแนะนำตัว
บทสนทนาที่ 1 – ถาม-ตอบ แนะนำตัวเองกับเพื่อนๆ
Tom: Patrick, this is John, my best friend.
(Patrick นี่คือ John เพื่อนที่ดีที่สุดของผมครับ)
Patrick: Nice to meet you! Tom always talked about you.
(ยินดีที่ได้รู้จักครับ! Tom พูดถึงคุณเสมอ)
John: I’ve heard a lot about you too.
(ผมก็ได้ยินเกี่ยวกับคุณมามากเหมือนกันครับ)
Patrick: Where are you from? When did you move here?
(คุณมาจากไหน คุณย้ายมาที่นี่เมื่อไหร่)
John: I’m from Hanoi, Vietnam. I moved here last month.
(ผมมาจากฮานอย เวียดนามครับ ผมย้ายมาที่นี่เมื่อเดือนที่แล้ว)
Patrick: You and Tam are at the same age, right?
(คุณกับ Tom อายุเท่ากันใช่ไหม)
John: Actually, I’m two years older. We joined the same book club.
(อันที่จริง ผมอยุมากกว่าเขา 2 ปีได้ เราเข้าชมรมหนังสือร่วมกันครับ)
Patrick: Oh, you like reading too?
(โอ คุณชอบอ่านหนังสือด้วยหรือ)
John: Yes. I’m also into cycling and dancing.
(ใช่ครับ ผมชอบปั่นจักรยานและเต้นรำด้วยครับ)
Patrick: Nice! We should go cycling together someday.
(เยี่ยมเลยครับ! สักวันหนึ่งเราควรจะไปปั่นจักรยานด้วยกันนะ)
John: Why not?
(ทำไมจะไม่ล่ะ)
บทสนทนาที่ 2 – ถาม-ตอบ แนะนำตัวเองระหว่างการสัมภาษณ์
Interviewer: Nice to see you here today! Can you tell us a little about yourself?
(ยินดีที่ได้พบคุณในวันนี้! คุณช่วยแนะนำตัวหน่อยได้ไหมครับ)
Candidate: Yes. I’m Jasmine, a fresh graduate from Banking University. My major is Auditing. I have 2 years’ experience of working as an auditor intern at a large-sized auditing company in Thailand.
(ได้ค่ะ ฉันชื่อ Jasmine ฉันเพิ่งจบการศึกษาจาก Banking University วิชาเอกของฉันคือการตรวจสอบบัญชี ฉันมีประสบการณ์ 2 ปีในการทำงานเป็นผู้สอบบัญชีฝึกงานที่บริษัทตรวจสอบบัญชีขนาดใหญ่แห่งหนึ่งที่ไทย)
Interviewer: How would you describe yourself?
(คุณจะอธิบายตัวเองอย่างไร)
Candidate: I see myself as a skilled, careful, and honest auditor. I also try my best in whatever I do.
(ฉันคิดว่าตัวเองเป็นผู้สอบบัญชีที่มีทักษะ รอบคอบ และซื่อสัตย์ ฉันยังพยายามอย่างเต็มที่ในทุกสิ่งที่ฉันทำ)
Interviewer: What is your greatest weakness?
(จุดอ่อนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของคุณคืออะไร)
Candidate: My biggest weakness is that I sometimes get so caught up in the details. I’ve been trying to improve in this aspect by checking in with myself regularly and reminding myself to refocus on the big picture. This way I can still ensure the quality of my work without impacting my productivity.
(จุดอ่อนที่ใหญ่ที่สุดของฉันคือชอบความสมบูรณ์แบบ บางครั้งฉันก็เน้นรายละเอียดมากเกินไป ฉันก็พยายามปรับปรุงในแง่มุมนี้โดยการตรวจสอบกับตัวเองเป็นประจำ และเตือนตัวเองให้โฟกัสไปที่ภาพรวมของงาน ด้วยวิธีนี้ฉันจึงยังรับรองคุณภาพของงานได้โดยไม่ส่งผลกระทบต่อประสิทธิภาพการทำงานของฉัน)
Interviewer: Okay, thank you! Now let’s move on to some expertise-related questions!
(โอเค ขอบคุณครับ ตอนนี้เราไปต่อด้วยคำถามที่เกี่ยวกับความเชี่ยวชาญกัน)
บทสนทนาเกี่ยวกับเรื่องสุขภาพและชีวิต
บทสนทนาที่ 1 – พูดคุยกับคนที่ไม่ได้เจอมานานแล้ว
Lana: Oh, long time no see, John!
(โอ John ไม่เจอกันนานเลย)
John: Long time no see! How are you doing?
(ไม่เจอกันมานานครับ พี่สบายดีไหม)
Lana: I’m good. How about you?
(ฉันสบายดีค่ะ แล้วคุณล่ะ)
Long: I’m quite busy these days. It’s the end of the year.
(ช่วงนี้งานยุ่งหน่อยครับ จะสิ้นปีแล้ว)
Lana: I see.
(เข้าใจ)
บทสนทนาที่ 2 – พูดถึงคนอื่น
Jasmine: How is your brother, Michelle? I heard he’s in hospital.
(Michelle พี่/น้องชายของคุณเป็นอย่างไรบ้าง ฉันได้ยินว่าเขาอยู่โรงพยาบาล)
Michelle: He broke his arm when playing football, but he’s okay now.
(เขาแขนหักขณะเล่นฟุตบอล แต่ตอนนี้เขาดีขึ้นแล้วครับ)
Jasmine: I’m sorry to hear that. I hope he will get well soon.
(ฉันเสียใจที่ได้ยินเช่นนั้น หวังว่าเขาจะหายดีในเร็วๆ นี้)
Michelle: Thank you!
(ขอบคุณครับ!)
บทสนทนาภาษาอังกฤษ ของการขอบคุณและขอโทษ
บทสนทนาที่ 1 – ขอบคุณสำหรับความช่วยเหลือจากเพื่อนร่วมงาน
William: Stacy, I can’t thank you enough for helping me with my report. Without you, I would still be struggling with it right now.
(Stacy ผมขอบคุณคุณมาก ๆ เลยนะที่ช่วยผมทำรายงาน ถ้าไม่มีคุณ ผมก็คงลำบากกับมันในตอนนี้)
Stacy: Don’t mention it, William. You have helped me several times. It’s time to return the favor.
(ไม่เป็นไรค่ะ วิลเลียม คุณช่วยฉันมาหลายครั้งแล้ว ถึงเวลาฉันต้องช่วยคุณสิ)
William: Are you free for some coffee this weekend? It’s on me. I want to ask you for some tips on writing a sales report.
(สุดสัปดาห์นี้คุณว่างดื่มกาแฟกันไหม ผมจะเลี้ยงเอง นะครับ อยากขอคำแนะนำเกี่ยวกับการเขียนรายงานการขายหน่อยครับ)
Stacy: Sounds great!
(Tốt!)
บทสนทนาที่ 2 – ขอบคุณสำหรับของขวัญ
Kate: Steven, thank you so much for the apple pie. It was so delicious. My family ate it all that afternoon.
(Steven ขอบคุณมากสำหรับพายแอปเปิ้ลค่ะ มันอร่อยมาก ครอบครัวของฉันกินหมดในบ่ายวันนั้นเลย)
Steven: Really? I thought it was a little too sweet.
(จริงหรือครับ ผมยังว่ามันหวานไปหน่อย)
Kate: We all have a sweet tooth, so it was perfect.
(เราทุกคนชอบของหวาน ดังนั้นมันจึงสมบูรณ์แบบเลยค่ะ)
Steven: Glad to hear that. It’s great when people enjoy what you make.
(ดีใจที่ได้ยินเช่นนั้นครับ เป็นเรื่องดีที่มีคนชอบสิ่งที่เราทำ)
บทสนทนาที่ 3 – ขออภัยที่ผิดนัด
Daniel: Jane, I’m so sorry for canceling the movie night with you last Friday.
(Jane ผมขอโทษมากที่ยกเลิกการดูหนังกับคุณเมื่อคืนวันศุกร์ที่แล้วครับ)
Jane: It would be easier to accept if you hadn’t stood me up for 30 minutes and then texted me that you couldn’t come.
(จะยอมรับได้ง่ายกว่านี้ถ้าคุณไม่ให้ฉันรอเป็นเวลา 30 นาที แล้วส่งข้อความหาฉันว่าคุณมาไม่ได้)
Daniel: I’m so sorry. There was an urgent incident at my work, so I was busy dealing with it.
(ผมขอโทษจริง ๆ ครับ มีเหตุฉุกเฉินในที่ทำงานของผม ดังนั้นผมจึงต้องจัดการกับมัน)
Jane: Okay okay, I got it. But next time, please don’t forget your date.
(โอเค ฉันเข้าใจค่ะ แต่ครั้งหน้าอย่าลืมนัดของคุณด้วยล่ะ)
Daniel: There won’t be a ‘next time’.
(มันจะไม่เกิดขึ้นอีกครับ)
บทสนทนาภาษาอังกฤษในโรงเรียน
บทสนทนาภาษาอังกฤษถามเกี่ยวกับบทเรียน
บทสนทนาที่ 1 – ถามเรื่องการบ้าน
Lee: Hey, what did Mr. Anderson give us as homework? I was busy taking notes.
(เฮ้ คุณ Anderson ให้เราทำการบ้านอะไรนะ ผมตั้งใจจดบันทึกอยู่)
Jasmine: Erm… let me see… Read the research from page 60 to page 67 and…erm… write a summary.
(เอิ่ม… รอหน่อย… อ่านงานวิจัยตั้งแต่หน้า 60 ถึงหน้า 67 และ…เอิ่ม… เขียนบทสรุปค่ะ)
Lee: Thanks a bunch! You’re the best!
(ขอบคุณมาก! คุณดีที่สุดรับ!)
บทสนทนาที่ 2 – ถามเกี่ยวกับบทเรียนที่พลาดไปเมื่อหยุดเรียน
Marie: Finally, you’re back! Where have you been? You were absent for 3 days.
(ในที่สุดเธอก็กลับมาแล้ว! ไปที่ไหนมา หยุดไป 3 วันเลยนะ)
Thomas: I had some personal business to take care of. Anyway, what did I miss?
(ผมมีเรื่องส่วนตัวที่ต้องจัดการ อย่างไรก็ตาม ผมพลาดอะไรไปแล้ว)
Marie: 6 new lessons and many assignments.
(บทเรียนใหม่ 6 บทและการบ้านมากมาย)
Thomas: Oh, no! Can I have your notes of the lessons, please?
(โอ้ ไม่! ฉันขอจดบันทึกบทเรียนของคุณได้ไหมครับ)
Marie: Okay, wait a minute!
(โอเค รอสักครู่ค่ะ)
Thomas: And the assignments too. Thanks a bunch!
(และบันทึกการบ้านด้วย ขอบคุณมากครับ)
>>> Read more
- [การ review อย่างละเอียด] App เรียนภาษาอังกฤษสำหรับเด็กดีหรือไม่ราคาเท่าไหร่
- [รีวิวแบบละเอียด] ELSA Speak คืออะไร? แอปฝึกพูดภาษาอังกฤษสำหรับคนทำงานที่มีเวลาน้อย
บทสนทนาภาษาอังกฤษ เมื่อทำงานกลุ่ม
บทสนทนาที่ 1 – การแบ่งงาน
Jasmine: Hi! Thanks for being here today! I know you all have a lot to do so let’s just start dividing the tasks. So there are 5 tasks: interviewing, analyzing the interview answers, writing the report, preparing the slides and presenting. Feel free to choose what you want to be in charge of.
(สวัสดีค่ะ! ขอบคุณที่มาวันนี้! ฉันรู้ว่าพวกคุณมีงานมากมายที่ต้องทำ ดังนั้นเรามาเริ่มแบ่งงานกันดีกว่า นี่คือ 5 สิ่งที่ต้องทำ: สัมภาษณ์, วิเคราะห์คำตอบสัมภาษณ์, เขียนรายงาน, เตรียมสไลด์และนำเสนอ คุณสามารถเลือกสิ่งที่คุณต้องการรับผิดชอบตามสบายค่ะ)
Sam: I can do the interviews.
(ผมสามารถสัมภาษณ์ได้ครับ)
Jasmine: Okay, let me note that down.
(โอเคค่ะ ฉันจดไว้ให้แล้วค่ะ)
David: I’ll prepare the slides.
(ผมจะเตรียมสไลด์ครับ)
Sarah: Leave the analysis to me.
(ให้ฉันทำวิเคราะห์ค่ะ)
Jasmine: And you, Wong?
(แล้วคุณล่ะ Wong?)
Wong: I’ll present. Are you okay with the report?
(ผมจะนำเสนอครับ คุณโอเคกับการทำรายงานไหม)
Jasmine: Sure! Okay, now I’ll read the task division to you. Just to make sure.
(ได้เลยค่ะ! โอเค ตอนนี้ฉันจะอ่านการแบ่งหน้าที่ให้ทุกคนฟังนะคะ เพื่อคอนเฟิร์มค่ะ)
บทสนทนาที่ 2 – ถามเกี่ยวกับความคืบหน้าของงาน
Ali: How is the report going, Jasmine?
(รายงานเป็นอย่างไรบ้าง Jasmine?)
Jasmine: So far so good. The analysis provides clear information and lots of figures.
(จนถึงตอนนี้ยังดีมาก บทวิเคราะห์ให้ข้อมูลที่ชัดเจนและมีตัวเลขมากมาย)
Ali: When do you think you can finish it?
(คุณคิดว่าจะทำเสร็จเมื่อไหร่?)
Jasmine: This Friday, as the latest.
(อย่างช้าที่สุดในวันศุกร์นี้ค่ะ)
Ali: I believe in you.
(ฉันไว้ใจคุณนะคะ)
บทสนทนาภาษาอังกฤษ ช่วงพัก
บทสนทนาที่ 1 – นัดไปเล่น
Susan: Are you free this Sunday?
(วันอาทิตย์นี้คุณว่างไหมคะ)
Jasmine: I don’t have any plans for now.
(ตอนนี้ฉันยังไม่มีแผนอะไรค่ะ)
Susan: Wanna join us? We’re going picnicking at the Central Park.
(อยากเข้าร่วมกับเราไหมคะ? เรากำลังจะไปปิคนิคที่ Central Park ค่ะ)
Jasmine: Oh, how many of you are going?
(โอ้ จะไปด้วยกันกี่คนคะ?)
Susan: Four. Sarah, Lucas, Vivian and me.
(สี่คนค่ะ Sarah, Lucas, Vivian และฉัน)
Jasmine: Okay, cool! I’m in.
(โอเค เยี่ยมค่ะ! ฉันขอไปด้วยนะ)
บทสนทนาที่ 2 – บทสนทนาเกี่ยวกับการแข่งขันในโรงเรียน
John: Alright, everyone! As you know, we’re taking part in the school marathon next month. We need to send 3 participants. Who wants to join?
(เอาล่ะ ทุกคน! อย่างที่ทราบกันดีว่าในเดือนหน้าเราจะเข้าร่วมการแข่งขันมาราธอนของโรงเรียน เราต้องมีผู้เข้าร่วม 3 คน ใครอยากเข้าร่วมบ้าง)
Trish: Me!
(ผมครับ!)
John: Nice! Two more. *complete silence*
(ดีมากครับ! อีกสองคนครับ) *เงียบสนิท*
John: Okay, if no one else volunteers, I’ll just draw 2 names.
(โอเค ถ้าไม่มีใครอาสา ผมจะจับสองคนนะครับ)
บทสนทนาภาษาอังกฤษในที่ทำงาน
บทสนทนาภาษาอังกฤษ ในที่ประชุม
บทสนทนาที่ 1 – เปิดการประชุมและกำหนดเลขานุการ
Meeting host: Hello, everyone! Richard and Sarah can’t make it back on time from their meeting with the client, so let’s just get started. Will, can you please take the minutes today?
(สวัสดีทุกคน! Richard และ Sarah ไม่สามารถกลับมาตรงเวลาเนื่องจากติดการประชุมกับลูกค้า ดังนั้นมาเริ่มกันเลย Will คุณช่วยจดรายงานการประชุมของวันนี้ได้ไหมคะ)
Will: Yes. Of course, Linda.
(ได้สิครับ Linda)
Meeting host: We have a lot to get through today. You can see the agenda on the screen. Now, let’s get the ball rolling.
(วันนี้เรามีเรื่องต้องคุยกันมากมาย คุณสามารถดูกำหนดการบนหน้าจอ เอาล่ะ ตอนนี้มาเริ่มกันเลยค่ะ)
บทสนทนาที่ 2 – สิ้นสุดการประชุม
Meeting host: Okay, everybody, I think we’ve covered everything on the list. Before we close the meeting, do you have any questions to make?
(เอาล่ะ ทุกคน ฉันคิดว่าเราได้ครอบคลุมทุกรายการแล้ว ก่อนปิดการประชุม ทุกคนมีคำถามอะไรไหม)
Richard: What’s the deadline for the market research? Sorry! I missed that.
(กำหนดเวลาสำหรับการวิจัยตลาดเมื่อไหร่ครับ ขอโทษ! ผมฟังไม่ทันครับ)
Meeting host: It’s 30th November.
(เป็นวันที่ 30 พฤศจิกายนค่ะ)
Richard: Thank you!
(ขอบคุณครับ)
Meeting host: Alright, if you don’t have any other questions, you can leave now. Thank you for your time!
(เอาล่ะ ถ้าทุกคนไม่มีคำถามอื่นก็สามารถออกไปได้เลย ขอขอบคุณสำหรับเวลาของพวกคุณค่ะ)
All: Thank you!
(ขอบคุณ)
บทสนทนาภาษาอังกฤษ แสดงความยินดี
บทสนทนาที่ 1 – ขอแสดงความยินดีเมื่อมีคนได้รับการเลื่อนตำแหน่ง
Steven: Congratulations on the promotion, Jasmine!
(ขอแสดงความยินดีกับการเลื่อนขั้นของคุณนะครับ Jasmine)
Jasmine: Thank you! I couldn’t sleep last night.
(ขอบคุณค่ะ มื่อคืนฉันนอนไม่หลับเลย)
Steven: I know how you feel. You worked very hard.
(ผมรู้ว่าคุณรู้สึกอย่างไรครับ คุณขยันทำงานมาก)
บทสนทนาที่ 2 – แสดงความยินดีกับผู้ที่ทำภารกิจสำเร็จ
Hannah: I’ve heard about the project. What a huge success! You guys did a very good job!
(ฉันได้ยินเกี่ยวกับโครงการ ช่างเป็นความสำเร็จที่ยอดเยี่ยม! พวกคุณทำได้ดีมากค่ะ!)
John: Thank you! We tried our best.
(ขอบคุณครับ! เราพยายามทำดีที่สุดแล้วครับ)
Hannah: Your efforts paid off!
(ความพยายามของคุณได้ผลแล้วค่ะ)
บทสนทนาภาษาอังกฤษ เวลาถ่ายโอนงาน
บทสนทนาที่ 1 – ประกาศลาออกจากบริษัทและบอกลา
Meeting host: Alright everybody, before we close the meeting, Mai Anh would like to have a few words with you.
(เอาล่ะ ทุกคน ก่อนที่เราจะปิดการประชุม Jasmine อยากจะคุยกับทุกคนสักสองสามคำค่ะ)
Jasmine: Hello, everyone! Some of you may have heard the news, but I still would love to make an official announcement. After nearly 5 years at NewTech, I have accumulated a lot of valuable experience, gone a long way and built irreplaceable relationships. I regret to say that this is my last month at NewTech. My journey here has been incredible, but I also hope to challenge myself in another field. Your love and support will forever be in my heart. Thank you and goodbye!
(สวัสดีทุกคน พวกคุณบางคนอาจเคยได้ยินข่าวนี้แล้ว แต่ฉันยังอยากจะประกาศอย่างเป็นทางการ หลังจากทำงานที่ NewTech มาเกือบ 5 ปี ฉันได้สั่งสมประสบการณ์อันมีค่ามากมาย ก้าวไปไกล และสร้างความสัมพันธ์ที่ไม่มีอะไรมาแทนที่ได้ ฉันเสียใจที่จะบอกว่านี่เป็นเดือนสุดท้ายของฉันที่ NewTech การเดินทางของฉันที่นี่ช่างเหลือเชื่อมาก แต่ฉันก็หวังว่าจะท้าทายตัวเองในสาขาอื่นด้วย ความรักและการสนับสนุนของทุกคนจะอยู่ในใจฉันตลอดไป ขอบคุณและลาก่อนค่ะ)
Meeting host: We would love to express our appreciation for your devotion and hard work, Jasmine. You will always be a talented and dependable member of our hearts.
(เราขอแสดงความชื่นชมในความทุ่มเทและการทำงานขยันของคุณ Jasmine คุณจะเป็นสมาชิกที่มีความสามารถและเชื่อถือได้ในใจของเราตลอดไป)
บทสนทนาที่ 2 – บอกลาคนที่กำลังจะออกจากบริษัท
Jackson: Hello, Jasmine, do you have time?
(สวัสดีครับ Jasmine คุณมีเวลาไหม)
Jasmine: Sure! Come in! What is it?
(แน่นอนค่ะ เข้ามา! มีอะไรคะ)
Jackson: I’d love to have a few words with you. Since my first day at NewTech, you have always supported and given me valuable guidance. I’m so grateful for all of that. And I wish you all the best on your next journey. Once again, thank you!
(ผมอยากคุยกับคุณสักสองสามคำครับ ตั้งแต่วันแรกที่ผมทำงานที่ NewTech คุณได้สนับสนุนและให้คำแนะนำที่มีค่าแก่ผมเสมอมา ผมรู้สึกขอบคุณสำหรับทั้งหมดนั้น และผมขอให้คุณโชคดีในการเดินทางครั้งต่อไป ขอขอบคุณอีกครั้งครับ!)
Jasmine: Oh, Jackson, I don’t know what to say. Listen, you’re a talented and dependable employee. Keep up the hard work. I believe you will go a long way in the future.
(โอ Jackson ฉันไม่รู้จะพูดอะไรเลย ฟังนะ คุณเป็นพนักงานที่มีความสามารถและไว้ใจได้ พยายามทำงานต่อไปนะ ฉันเชื่อว่าคุณจะไปได้ไกลในอนาคตค่ะ)
Jackson: Thank you so much!
(ขอบคุณมากครับ)
บทสนทนาภาษาอังกฤษ เกี่ยวกับเวลารับตำแหน่งใหม่
บทสนทนาที่ 1 – สุนทรพจน์สั้นๆ ในวันแรกที่รับตำแหน่งใหม่
Daniel: Hello, everyone! I’m Daniel Steward. From now on, I will be working with you as the Marketing Manager. I hope we will have a good time working together, bring more value to the organization and develop ourselves. Thank you!
(สวัสดีทุกคน ผมชื่อ Daniel Steward จากนี้ไป ผมจะร่วมงานกับทุกคนในฐานะผู้จัดการฝ่ายการตลาด ผมหวังว่าเราจะมีช่วงเวลาทำงานดีๆ ร่วมกัน เพื่อสามารถเพิ่มคุณค่าให้กับองค์กรและพัฒนาตัวเองด้วยกัน ขอบคุณครับ)
All: *applause*
*ตบมือ*
>>> Read more
- [การ review อย่างละเอียด] App เรียนภาษาอังกฤษสำหรับเด็กดีหรือไม่ราคาเท่าไหร่
- [รีวิวแบบละเอียด] ELSA Speak คืออะไร? แอปฝึกพูดภาษาอังกฤษสำหรับคนทำงานที่มีเวลาน้อย
บทสนทนาที่ 2 – ไปเยี่ยมชมบริษัทและทำความรู้จักกับทุกคนในวันแรกทำงาน
HR Officer: Good morning, Thomas (อรุณสวัสดิ์ Thomas)
Thomas: Good morning, Sarah. Nice to see you again!
(อรุณสวัสดิ์ครับ Thomas ยินดีที่ได้พบคุณอีกครั้ง)
HR Officer: Let me take you to your desk and then I will take you on a company tour.
(ให้ฉันพาคุณไปที่โต๊ะทำงานของคุณ แล้วฉันจะพาคุณไปเยี่ยมชมบริษัทค่ะ)
Thomas: Great! *a few minutes later*
(สุดยอดครับ) *หลังจากนั้นไม่นาน*
HR Officer: Here is your desk.What a view, right?
(นี่โต๊ะทำงานของคุณ วิวสวยใช่มั้ยล่ะ)
Thomas: This is amazing!
(ยอดเยี่ยมมากครับ)
HR Officer: Drop your belongings here, and let’s go!
(วางสิ่งของของคุณที่นี่ แล้วไปกันเลยค่ะ)
Thomas: Yes, I’m ready.
(ครับ ผมพร้อมแล้ว)
HR Officer: That is Ling, our senior market analyst.You will be working with her. Let’s go say hi.
(นั่นคือ Ling นักวิเคราะห์ตลาดอาวุโสของเรา คุณจะทำงานร่วมกับเธอ ไปทักทายกันเถอะ)
HR Officer: Ling, this is Thomas, our department’s new addition.
(Ling นี่คือ Thomas สมาชิกใหม่ของแผนกเราค่ะ)
Ling: Welcome aboard, Thomas! I Really looked forward to seeing you.
(ยินดีต้อนรับค่ะ Thomas ฉันรอคอยที่จะพบคุณจริงๆ)
Thomas: Nice to meet you! I am very happy to be here. Just let me know whenever you need me. I am glad to be of any assistance.
(ยินดีที่ได้รู้จักครับ ผมดีใจมากที่ได้มาที่นี่ เพียงแจ้งให้ผมทราบเมื่อใดก็ตามที่คุณต้องการผม ผมยินดีที่ได้ช่วยคุณครับ)
HR Officer: I am giving John a company tour so that he knows his way around here.
(ฉันกำลังพา Thomas ไปเยี่ยมชมบริษัทเพื่อให้เขารู้ทางของที่นี่)
Ling: See you later!
(แล้วพบกันใหม่นะคะ)
Trung: Yes, see you! *minutes later*
(ครับ แล้วพบกันใหม่) *หลังจากนั้นไม่นาน*
HR Officer: OK, I think that’s enough for today. I should leave you on your own to get organized.
(เอาล่ะ ฉันคิดว่าเพียงพอสำหรับวันนี้แล้ว ฉันจะปล่อยให้คุณอยู่คนเดียวเพื่อให้คุณจะได้จัดเรียงข้อมูลนะคะ)
John: Thank you so much for the information, Sarah!
(ขอบคุณมากสำหรับข้อมูล Sarah)
บทสนทนาภาษาอังกฤษท่องเที่ยว
บทสนทนาภาษาอังกฤษ สำหรับการจองตั๋วเครื่องบิน
บทสนทนาที่ 1 – จองตั๋วเครื่องบิน
Ticket Agent: Hello, how can I help you?
(สวัสดีค่ะ มีอะไรให้ฉันช่วยไหมคะ)
Passenger: Hi! When is the next flight to New York?
(สวัสดีครับ เที่ยวบินถัดไปไปนิวยอร์กคือเมื่อไหร่ครับ)
Ticket Agent: 5:00 this afternoon, sir.
(17:00 น. บ่ายวันนี้ค่ะ)
Passenger: One ticket, please.
(ขอตั๋วหนึ่งใบครับ)
Ticket Agent: What’s your name, sir?
(คุณชื่ออะไรคะ)
Passenger: Thomas
(Thomas ครับ)
Ticket Agent: Can you spell that?
(ช่วยสะกดชื่อให้หน่อยได้ไหมคะ)
Passenger: Sure. Thomas is spelled T-H-O-M-A-S
(ได้ครับ Thomas สะกดว่า T-H-O-M-A-S)
Ticket Agent: What’s your address?
(ที่อยู่ของคุณคืออะไรคะ)
Passenger: 3462 First Avenue Miami, Florida 33056
(3462 First Avenue Miami, Florida 33056)
Ticket Agent: And your phone number?
(และหมายเลขโทรศัพท์ของคุณคืออะไรคะ?)
Passenger: Area code (305) 667-7157
(รหัสพื้นที่ (305) 667-7157)
Ticket Agent: Would you like a window or aisle seat?
(คุณต้องการนั่งริมหน้าต่างหรือริมทางเดินคะ)
Passenger: Aisle, please.
(ทางเดินครับ)
Ticket Agent: How would you like to pay for that, sir?
(คุณจะจ่ายอย่างไรคะ)
Passenger: Do you take credit cards?
(คุณรับเครดิตการ์ดหรือไม่)
Ticket Agent: Yes, sir.
(เรารับเครดิตการ์ดค่ะ)
Passenger: Here you are. *a few minutes later*
(นี่ครับ) *ไม่กี่นาทีต่อมา*
Ticket Agent: Everything is set. Here are your ticket and card, sir.
(ทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว นี่คือตั๋วและการ์ดของคุณค่ะ)
Passenger: Thank you!
(ขอบคุณครับ)
บทสนทนาที่ 2 – ที่เคาน์เตอร์เช็คอิน
Check-in Officer: Hello. Are you flying to New York today?
(สวัสดีค่ะ วันนี้คุณจะบินไปนิวยอร์กใช่ไหมคะ)
Passenger: Yes, I have the tickets here.
(ใช่ครับ นี่คือตั๋วของผมครับ)
Check-in: Great. I’ll need to see your passport as well.
(ดีค่ะ ฉันขอดูหนังสือเดินทางของคุณด้วยค่ะ)
Passenger: Okay, wait a sec!
(โอเค รอสักครู่ครับ)
Check-in Officer: Actually, I just need your name and I can find you on the computer.
(อันที่จริง ฉันแค่ต้องการชื่อของคุณ แล้วฉันก็สามารถหาข้อมูลของคุณในคอมพิวเตอร์ได้แล้วค่ะ)
Passenger: It’s Thomas
(Thomas)
Check-in Officer: Great! I can see your ticket information here. And, you’re traveling with a child, right?
(ดีมากค่ะ ฉันสามารถดูข้อมูลตั๋วของคุณได้ที่นี่ และคุณกำลังเดินทางกับเด็กใช่ไหมคะ)
Passenger: Yes, my daughter Jane. 4 years old.
(ใช่ครับ Jane ลูกสาวของผม อายุ 4 ขวบครับ)
Check-in Officer: Okay. I’ll need to see your daughter’s birth certificate.
(ค่ะ ฉันขอดูสูติบัตรของลูกสาวคุณค่ะ)
Passenger: Here you are. Say, can we get aisle seats? My daughter may need to go to the washroom a lot.
(นี่ครับ เรานั่งริมทางเดินได้ไหมครับ ลูกสาวผมคงต้องเข้าห้องน้ำบ่อยแน่ๆ)
Check-in Officer: Sure. I’ll put you near the washroom, too.
(ได้ค่ะ ฉันจะจัดที่นั่งให้คุณอยู่ใกล้ห้องน้ำ)
Passenger: Thanks a lot! And I want to check these two big bags.
(ขอบคุณมากครับ และผมต้องการเช็คอินกระเป๋าใบใหญ่สองใบนี้)
Check-in Officer: Sure. And that backpack is your carry-on?
(ได้ค่ะ และเป้ใบนั้นเป็นกระเป๋าถือขึ้นเครื่องของคุณใช่ไหมคะ)
Passenger: Yes.
(ใช่ครับ)
Check-in Officer: Okay. Here are your boarding passes. Please be at the boarding gate one hour before the boarding time. You will be able to preboard because you are traveling with a child.
(เสร็จแล้วค่ะ นี่คือบอร์ดดิ้งพาสของคุณ โปรดไปที่ประตูทางออกขึ้นเครื่องหนึ่งชั่วโมงก่อนเวลาขึ้นเครื่อง คุณจะสามารถขึ้นเครื่องล่วงหน้าได้เนื่องจากคุณเดินทางพร้อมเด็กค่ะ)
Passenger: Thank you so much! Have a nice day!
(ขอบคุณมากครับ ขอให้วันนี้เป็นวันที่ดีครับ)
Check-in Officer: You too!
(คุณก็เช่นกันค่ะ)
บทสนทนาภาษาอังกฤษ สำหรับการจองโรงแรม
บทสนทนาที่ 1 – การจองโรงแรม
Receptionist: Good afternoon, New Star Hotel. May I help you?
(โรงแรม New Star สวัสดีตอนบ่ายค่ะ มีอะไรให้ฉันช่วยไหมคะ)
Guest: I´d like to book a room, please.
(ผมต้องการจองห้องพักครับ)
Receptionist: Certainly. When for, sir?
(ค่ะ เมื่อไหร่ค่ะ)
Guest: July the 17th.
(17 กรกฎาคมครับ)
Receptionist: How long will you be staying?
(คุณจะอยู่กี่วันคะ)
Guest: Two nights.
(สองคืนครับ)
Receptionist: What kind of room would you like, sir?
(ค่ะ คุณต้องห้องแบบไหนคะ)
Guest: A double room, please.
(ขอห้องคู่นะครับ)
Receptionist: Certainly, sir.
(ได้ค่ะ)
Guest: How much is the charge per night?
(ค่าห้องต่อคืนเท่าไหร่ครับ)
Receptionist: Would you like breakfast?
(คุณต้องการทานอาหารเช้าไหมคะ)
Guest: No, thanks.
(ไม่ครับ ขอบคุณครับ)
Receptionist: It´s $30 per night excluding VAT.
(คืนละ 30 ดอลลาร์สหรัฐ ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่มค่ะ)
Guest: That’s fine.
(ได้ครับ)
Receptionist: Who´s the booking for, sir?
(ใครเป็นคนจองห้องคะ)
Guest: Mr. and Mrs. Browns.
(นายและนาง Browns ครับ)
Receptionist: Let me make sure I got that right: Mr. and Mrs. Browns. A double room for July the 17th and 18th. Is that correct?
(ฉันขอคอนเฟิร์มอีกครั้งค่ะ: นายและนาง Browns ห้องเตียงคู่สำหรับวันที่ 17 และ 18 กรกฎาคม ถูกต้องหรือไม่คะ)
Guest: Yes. Thank you!
(ใช่ครับ ขอบคุณครับ)
Receptionist: Thank you for choosing New Star Hotel. Have a nice day, sir!
(ขอขอบคุณที่เลือก New Star Hotel ค่ะ ขอให้คุณมีความสุขในวันนี้)
Guest: You too!
(คุณก็เช่นกันครับ)
บทสนทนาที่ 2 – ปัญหาในห้องพักที่โรงแรม
Receptionist: Reception, may I help you?
(พนักงานต้อนรับค่ะ มีอะไรให้ฉันช่วยไหมคะ?)
Thomas: The air conditioning is not working. Could you send someone to fix it?
(เครื่องปรับอากาศไม่ทำงาน คุณช่วยส่งคนไปซ่อมได้ไหมครับ)
Receptionist: What´s your room number, please?
(หมายเลขห้องของคุณคืออะไรคะ)
Thomas: 303
Receptionist: I´ll send someone there right away, sir.
(ฉันจะส่งคนไปที่นั่นทันทีค่ะ)
Thomas: Thank you!
(ขอบคุณคับ)
บทสนทนาภาษาอังกฤษ เพื่อขอความช่วยเหลือ
บทสนทนาที่ 1 – ขอความช่วยเหลือ
Anna: Sorry for bothering you, but could you help me carry this box to my car over there? It’s too heavy.
(ขอโทษที่รบกวนค่ะ แต่คุณช่วยฉันถือกล่องนี้ไปที่รถของฉันที่นั่นได้ไหมคะ มันหนักเกินไป)
Stranger: No problem! *a few minutes later*
(ได้ครับ) *ไม่กี่นาทีต่อมา*
Anna: Thank you so much! I would still be struggling now without you. Please take this drink!
(ขอบคุณมากค่ะ ถ้าไม่มีคุณ ฉันคงลำบากแน่ โปรดรับเครื่องดื่มนี้ค่ะ)
Stranger: Oh, come on! You don’t have to do this. Thanks, anyway!
(โอ ไม่มีอะไรหรอกครับ คุณไม่จำเป็นต้องทำอย่างนี้ ยังไงก็ตาม ขอบคุณครับ)
Anna: Have a nice day!
(ขอให้เป็นวันที่ดีค่ะ)
Stranger: You too!
(คุณก็เช่นกันครับ)
บทสนทนาที่ 2 – ขอยืมบางอย่างจากใครสักคน
Colleague 1: Rosie, can I borrow your laptop? I have a presentation at 2:00, but mine is suddenly ‘dead’.
(Rosie ผมขอยืมแล็ปท็อปของคุณได้ไหม ผมมีงานนำเสนอเวลา 2:00 น. แต่จู่ๆคอมพิวเตอร์ของผมก็เสียกะทันหันครับ)
Colleague 2: How long are you going to use it?
(คุณจะใช้มันนานแค่ไหนคะ)
Colleague 1: Roughly 20 minutes. It won’t be long.
(ประมาณ 20 นาที มันจะไม่นานหรอกครับ)
Colleague 2: I need it back by 3:00.
(ฉันต้องได้คืนภายก่อนบ่าย 3 โมงค่ะ)
Colleague 1: No problem!
(ได้ครับ)
Colleague 2: There you go.
(นี่ค่ะ)
Colleague 1: Thanks a bunch! You saved my life!
(ขอบคุณมากครับ คุณช่วยชีวิตผมไว้)
การเจรจาต่อรองราคาเป็นภาษาอังกฤษ
บทสนทนาที่ 1
Customer: Excuse me, where is this vase from?
(ขอโทษค่ะ แจกันนี้มาจากไหนคะ)
Seller: It’s from France. One of our new arrivals.
(จากฝรั่งเศสค่ะ หนึ่งในผลิตภัณฑ์ใหม่ของเราค่ะ)
Customer: How much is it?
(ราคาเท่าไหร่คะ)
Seller: It’s two hundred.
(สองร้อยค่ะ)
Customer: That’s expensive. Seventy
(แพงมากค่ะ เจ็ดสิบได้ไหมคะ)
Seller: One hundred and fifty.
(หนึ่งร้อยห้าสิบค่ะ)
Customer: One hundred.
(หนึ่งร้อยค่ะ)
Seller: Okay, it’s a special discount for you.
(โอเคค่ะ มันเป็นส่วนลดพิเศษสำหรับคุณนะ)
บทสนทนาที่ 2
Customer: How much are you selling this clock for?
(นาฬิกาเรือนนี้ราคาเท่าไหร่คะ)
Seller: It’s 70 dollars.
(70 ดอลลาร์สหรัฐค่ะ)
Customer: That’s too expensive for me. Can you go down on the price? I’ll buy it for 40 dollars.
(นั่นแพงเกินไปสำหรับฉัน ลดราคาได้ไหมคะ ฉันจะซื้อมันในราคา 40 ดอลลาร์สหรัฐ)
Seller: I’m sorry, but the price is fixed.
(ขอโทษค่ะ ราคาคงที่ค่ะ)
Customer: Oh, okay. Thanks anyway!
(โอเคค่ะ ยังไงก็ขอบคุณนะคะ!)
บทสนทนาภาษาอังกฤษทั่วไปอื่นๆ
บทสนทนาภาษาอังกฤษ เกี่ยวกับสุขภาพ
บทสนทนาที่ 1 – อธิบายอาการในพื้นที่คัดกรอง
Nurse: Good morning! What brought you here today?
(อรุณสวัสดิ์ค่ะ อะไรทำให้คุณมาที่นี่ในวันนี้คะ)
Patient: I haven’t been well since last week.
(ฉันไม่สบายตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้วค่ะ)
Nurse: Can you tell me your symptoms?
(คุณช่วยบอกอาการของคุณได้ไหมคะ)
Patient: I have been dizzy and constantly short of breath. My body aches at night, so I can’t fall asleep. I have also lost my appetite.
(ฉันเวียนหัวและหายใจไม่อิ่มตลอดเวลา ร่างกายของฉันปวดเมื่อยตอนกลางคืน ฉันจึงนอนไม่หลับ ฉันยังสูญเสียความอยากที่จะกินอาหารไปด้วยค่ะ)
Nurse: You took a rapid covid test before entering this area, didn’t you?
(คุณได้ทำการตรวจหาเชื้อโควิดอย่างรวดเร็วก่อนเข้ามาในบริเวณนี้ใช่ไหมคะ)
Patient: I did, of course. Here’s the result: negative.
(แน่นอนฉันทำอยู่แล้วค่ะ นี่คือผลลัพธ์: ลบ)
Nurse: Thank you for the information! Please take your number and have a seat over there! You will soon be called to enter the consulting room.
(ขอบคุณสำหรับข้อมูลค่ะ โปรดรับหมายเลขของคุณและนั่งที่นั่น คุณจะได้รับเชิญให้ไปที่คลินิกเร็วๆ นี้ค่ะ)
Patient: Thank you!
(ขอบคุณค่ะ)
บทสนทนาที่ 2 – การตรวจร่างกายกับแพทย์
Dr. Perez: Good morning, Mr. Barnes. How are you feeling today?
(อรุณสวัสดิ์ครับ คุณ Barnes วันนี้คุณรู้สึกอย่างไรบ้าง)
Mr. Barnes: I have a sore throat.
(ผมเจ็บคอครับ)
Dr. Perez: When did it start?
(มันเริ่มเมื่อไหร่ครับ)
Mr. Barnes: Two days ago.
(สองวันที่แล้วครับ)
Dr. Perez: Do you have any other symptoms?
(คุณมีอาการอื่น ๆ หรือไม่)
Mr. Barnes: I also have a fever.
(ผมมีไข้ด้วยครับ)
Dr. Perez: Alright, I’ll have a look at your throat. I’m going to give you a prescription for an antibiotic.
(เอาล่ะ ผมจะตรวจคอของคุณ และผมจะให้ใบสั่งยาปฏิชีวนะแก่คุณนะครับ)
Mr. Barnes: How often should I take it?
(ผมควรรับประทานยาบ่อยแค่ไหนครับ)
Dr. Perez: Take one pill twice a day for five days. You’ll probably start feeling better in a couple of days.
(รับประทานครั้งละ 1 เม็ดวันละ 2 ครั้งเป็นเวลา 5 วัน คุณอาจจะเริ่มรู้สึกดีขึ้นในอีก 2-3 วันครับ)
Mr. Barnes: Thank you, Doctor Perez!
(ขอบคุณดร. Perez ครับ)
บทสนทนาภาษาอังกฤษ เกี่ยวกับสภาพอากาศ
บทสนทนาที่ 1
Thomas: It doesn’t look very nice outside.
(อากาศข้างนอกดูไม่ค่อยดีนัก)
Susan: I think it’s going to rain.
(ฉันคิดว่าฝนกำลังจะตกค่ะ)
Thomas: Yeah, look at those dark clouds!
(ใช่ ดูเมฆดำนั่นสิ)
Susan: I think we have to cancel the picnic.
(ฉันคิดว่าเราต้องยกเลิกการปิกนิกแล้วค่ะ)
Thomas: *sigh* I guess so.
(*ถอนหายใจ* คงจะอย่างนั้นแล้วครับ)
บทสนทนาที่ 2
Husband: How’s the weather, darling?
(อากาศเป็นอย่างไรบ้างที่รัก)
Wife: What a beautiful day! It’s cloudy and cool.
(ช่างเป็นวันที่สวยงามจริงๆ ฟ้าครึ้มและเย็นสบายค่ะ)
Husband: Shall we go biking? We can stop for coffee and lunch.
(เราไปปั่นจักรยานกันไหม เราสามารถแวะดื่มกาแฟและรับประทานอาหารกลางวันได้)
Wife: Sounds great!
(ฟังดูดีมากค่ะ)
บทสนทนาภาษาอังกฤษ เกี่ยวกับการถามทาง
บทสนทนาที่ 1 – การถามทาง
Thomas: Excuse me!Is this the right way to Liberty Museum?
(ขอโทษครับ นี่เป็นทางไปพิพิธภัณฑ์ Liberty ใช่หรือไม่ครับ)
Amanda: You’re going the wrong way.
(คุณไปผิดทางแล้วค่ะ)
Thomas: Can you tell me how to get there?
(ช่วยบอกทางไปที่นั่นหน่อยได้ไหมครับ)
Amanda: No problem! Did you see a mall on the way here?
(ได้ค่ะ! คุณเห็นห้างสรรพสินค้าระหว่างทางมาที่นี่ไหมคะ)
Thomas: Yes.
(เห็นครับ)
Amanda: Go back to the mall and turn left into St. George Street. Keep going straight until you see a big theater on your right. The museum is a few meters away.
(คุณกลับไปที่ห้างสรรพสินค้าแล้วเลี้ยวซ้ายเข้าสู่ถนน George เดินตรงไปเรื่อยๆ จนกว่าคุณจะเห็นโรงละครขนาดใหญ่ทางขวามือ พิพิธภัณฑ์อยู่ห่างออกไปไม่กี่เมตรค่ะ)
Thomas: Thank you so much!
(ขอบคุณมากครับ)
บทสนทนาที่ 2 – ถามเกี่ยวกับเส้นทางรถไฟ/รถยนต์ไปที่ใด
Tourist: Excuse me! Is this the bus to the Central Post Office?
(ขอโทษค่ะ รถเมล์สายนี้ไปไปรษณีย์กลางหรือเปล่าคะ)
Local: Oh, not that one. You need to take the 19.
(โอไม่ครับ คุณต้องขึ้นรถเมล์สาย 19)
Tourist: Can I catch it here?
(ฉันรอรถเมล์ตรงนี้ได้ไหมคะ)
Local: You’ll need to go to the stop on Main Street.
(คุณจะต้องไปที่ป้ายรถเมล์ที่ถนนบนสายหลักครับ)
Tourist: Oh, how do I get there?
(โอ ฉันจะไปที่นั่นได้อย่างไรคะ)
Local: From here, you go straight and at the first traffic light, turn right into Main Street. Keep walking straight for a few meters and you’ll find a bus stop.
(จากที่นี่ คุณเดินตรงไปและเมื่อถึงไฟจราจรแรก เลี้ยวขวาเข้าสู่ถนนสายหลัก เดินตรงไปไม่กี่เมตรจะเจอป้ายรถเมล์ครับ)
Tourist: Thank you so much!
(ขอบคุณมากค่ะ)
Local: You’re welcome!
(ด้วยความยินดีครับ)
บทสนทนาภาษาอังกฤษ เกี่ยวกับวันหยุด
บทสนทนาที่ 1 – ถามเกี่ยวกับแผนวันหยุด
Tim: What are you going to do this Christmas?
(คริสต์มาสนี้คุณจะทำอะไรครับ)
Thomas: I’m going to spend time with my family. We’re going to have a party and exchange gifts. How about you?
(ผมจะใช้เวลาอยู่กับครอบครัวครับ เราจะมีปาร์ตี้และแลกของขวัญกัน แล้วคุณล่ะ)
Tim: I don’t know. I’m still thinking.
(ผมไม่รู้ ผมยังคงคิดอยู่ครับ)
บทสนทนาที่ 2 – บทสนทนาภาษาอังกฤษ 2 คนชวนไปเที่ยว
Daniel: Hey, do you have any plans this New Year?
(เฮ้ ปีใหม่นี้คุณมีแผนอะไรไหมครับ)
William: Not yet.
(ยังครับ)
Daniel: We’re having a count-down party at my place. Do you want to join?
(เรากำลังจัดปาร์ตี้เคาท์ดาวน์ที่บ้านของผม คุณอยากเข้าร่วมไหมครับ)
William: I’m in.
(ได้ครับ)
วิธีเรียนสนทนาภาษาอังกฤษด้วยตนเองที่บ้านอย่างมีประสิทธิภาพที่สุด
ฝึกฝนไวยากรณ์พื้นฐานและคำศัพท์ทั่วไปให้เชี่ยวชาญก่อนเรียน บทสนทนาภาษาอังกฤษ
ก่อนที่คุณจะเริ่มเรียนบทสนทนาด้วยตัวเอง คุณต้องทำสิ่งหนึ่งที่สำคัญมาก: ฝึกฝน/ทบทวนไวยากรณ์พื้นฐานและคำศัพท์พื้นฐาน
ซึ่งสิ่งนี้จะช่วยให้คุณไม่แปลกใจ เข้าใจง่ายและ สามารถนำบทสนทนาไปใช้ทันที แทนที่จะท่องจำและพยายามนึกถึงรูปแบบประโยคในบทสนทนาทุกครั้งที่ต้องการจะใช้
หากคุณไม่มีเวลาเรียนไวยากรณ์และคำศัพท์พื้นฐานแล้วเริ่มเรียนบทสนทนา ให้ลองทบทวนไวยากรณ์และคำศัพท์พื้นฐานที่สุดก่อน แล้วจึงค่อยทบทวนและเรียนรู้เพิ่มเติมพร้อมไปกับการเรียนบทสนทนา
เรียนรู้-เข้าใจ ไม่ใช่ “การเรียนรู้แบบท่องจำ”
เมื่อเรียนบทสนทนา ให้พยายามอ่านและวิเคราะห์เพื่อทำความเข้าใจคำศัพท์และหลักไวยากรณ์ในการสนทนาแทนการท่องจำ
สิ่งนี้จะช่วยให้คุณเข้าใจและจำได้นาน ใช้บทสนทนาและความรู้ในการสนทนาได้อย่างมั่นใจและยืดหยุ่น นี่เป็นวิธีการเรียนรู้ที่มีประสิทธิภาพมากเมื่อเทียบกับ “การเรียนรู้แบบท่องจำ”
เน้นการออกเสียงและฝึกอ่านและพูดตาม บทสนทนาภาษาอังกฤษ
หนึ่งในสิ่งที่หลายคนมักจะมองข้ามเมื่อเรียนภาษาอังกฤษด้วยตัวเองผ่านบทสนทนาคือการใส่ใจกับการออกเสียงและฝึกออกเสียงให้ถูกต้อง นี่เป็นสิ่งที่ “อันตราย” มาก เนื่องจากไม่ว่าคุณจะใช้ไวยากรณ์และคำศัพท์ได้ดีเพียงใด แต่ออกเสียงไม่ถูกต้อง ผู้ฟังก็จะไม่สามารถเข้าใจในสิ่งที่คุณสื่อ ดังนั้นคุณควรใช้พจนานุกรมเพื่อตรวจสอบหรือเรียนรู้การออกเสียง เปิดเสียง และออกเสียงตาม
การฝึกอ่านบทสนทนาภาษาอังกฤษแล้วฝึกพูดซ้ำบทสนทนาก็มีความสำคัญมากในการฝึกความคล่องแคล่วและสร้างน้ำเสียงที่เป็นธรรมชาติ
หาคนฝึกด้วย
นอกเหนือจากนี้ คุณควรหาคนฝึกอ่านหรือฝึกพูดสนทนากับคุณด้วย
วิธีนี้จะช่วยเพิ่มปฏิสัมพันธ์ และช่วยปรับปรุงปฏิกิริยาตอบสนองของคุณในชีวิตจริง
ความยืดหยุ่นในการเปลี่ยนแปลงและสร้างสรรค์
สิ่งที่คุณต้องจำไว้อีกประการหนึ่งเมื่อเรียนรู้และฝึกฝนการสนทนาภาษาอังกฤษก็คือ ในตอนท้าย คุณต้องเปลี่ยนและสร้างสรรค์บทสนทนาใหม่ให้เหมาะกับตัวเองและสถานการณ์ที่คุณต้องการจะใช้
เมื่อคุณเข้าใจคำศัพท์ โครงสร้างไวยากรณ์ และสำนวน คุณจะสามารถนำคำศัพท์เหล่านี้จากบทสนทนาหนึ่งไปยังอีกบริบทหนึ่งได้อย่างสะดวกสบาย
เช่นนั้นเราจึงได้เรียนรู้รู บทสนทนาภาษาอังกฤษ ที่มีประโยชน์มากมายในชีวิตแล้ว สิ่งต่อมาที่สำคัญไม่แพ้กันคือการฝึกฝนในแต่ละวัน ผู้อ่านสามารถนำรูปแบบประโยคข้างต้นไปฝึกกับเพื่อนๆ เพื่อพัฒนาภาษาอังกฤษได้อย่างรวดเร็ว!
อ้างอิงหลักสูตรภาษาอังกฤษของ ELSA สำหรับผู้เริ่มต้น โดยเฉพาะสำหรับคนวัยทำงานและวัยเรียน ช่วยให้นักเรียนพูดและใช้ภาษาอังกฤษได้อย่างมั่นใจและเป็นธรรมชาติเหมือนภาษาไทย