Phonics คือ อะไร และวิธีออกเสียง IPA –ตารางการถอดเสียงภาษาอังกฤษ

การเชี่ยวชาญ IPA จะช่วยคุณแก้ไขข้อผิดพลาดในการออกเสียงภาษาอังกฤษอย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ว่าอยู่ในระดับไหนเมื่อเข้าใจ IPA คุณไม่เกิดการพูดภาษาอังกฤษผิดแน่นอน บทความนี้จะให้ผู้เรียนเพิ่มเติ่มข้อมูล phonics คือ อะไร และจำได้ง่ายที่สุด

สารบัญ

ตารางการถอดเสียงภาษาอังกฤษและวิธีการออกเสียง

ตารางการถอดเสียงภาษาอังกฤษ IPA แบบเต็ม

ไม่เหมือนตารางตัวอักษร ตารางการถอดเสียง IPA นั้นเป็นระบบตัวอักษรละตินที่คุณจะรู้สึกว่าแปลกใจเมื่อเห็น มีสระภาษาอังกฤษพื้นฐานทั้งหมด 44 ตัวซึ่งพวกเราจะแนะนำการใช้ตารางการถอดเสียงและวิธีการออกเสียงให้ถูกต้องตามมาตรฐานนานาชาติให้คุณได้รู้จัก

สอบก่อนเข้าฟรี

{{(sIndex/sentences.length)*100}}%
{{ sentences[sIndex].text }}.
loading

ในพจนานุกรม การถอดเสียงแบบออกเสียงจะอยู่ในวงเล็บถัดจากคำนั้น ซึ่งให้ใช้คำเหล่านี้เพื่อออกเสียงให้ถูกต้อง

ตารางการถอดเสียงภาษาอังกฤษสากล IPA มีทั้งหมด 44 เสียงที่ประกอบด้วย สระ 20 ตัว  (vowel sounds) และพยัญชนะ 24 ตัว(consonant sounds)

คำนิยาม:

  • Vowels – สระ
  • Consonants: พยัญชนะ
  • Monophthongs: สระเสียงสั้น
  • Diphthongs: สระเสียงยาว
phonics คือ 1

ตัวอย่างเช่น เรามีคำสองคำนี้:

  • Desert /di’zə:t/ (v) = ละทิ้ง
  • Desert /’dezət/ (n) = ทะเลทราย

มันสามารถอ่านว่า /ˈdez•ərt/  – หมายความว่าที่ดินกว้างขวาง ฝนน้อย แห้งแล้งคำสองคำนี้เหมือนกันกับการเขียนแต่การออกเสียงและความหมายของคำแตกต่างกัน

ตัวอย่างอื่นๆ:

  • Cite /sait/ (v) = อ้างจาก
  • Site /sait/ (n) = สถานที่ พื้นที่ที่ใช้ในการก่อสร้าง
  • Sight /sait/ (n) = สายตา ทิวทัศน์ (v) = สังเกต ดู

สามคำนี้มีการออกเสียงเหมือนกันแต่วิธีเขียนและความหมายแตกต่างกัน

นี่คือกรณีทั่วไปที่คุณสามารถเห็นความแตกต่างอย่างชัดเจนของแบบอักษรการออกเสียงและเข้าใจความหมายของแต่ละคำ

คุณต้องฝึกฝนวิธีการออกเสียง 44 เสียงตามมาตรฐานนานาชาติจนถึงชำนาญเพราะนี่เป็นสิ่งที่สำคัญช่วยให้คุณออกเสียงและเขียนให้ถูกต้อง ในภาษาไทย เพราะมีคู่คำที่มีตัวอักษรเหมือนกันแต่ออกเสียงต่างกัน และในทางกลับกัน จึงมีคู่คำที่อ่านเหมือนกันแต่มีตัวอักษรต่างกัน

phonics คือ 2

วิธีการออกเสียงมาตรฐานนานาชาติตามตารางการถอดเสียงภาษาอังกฤษ IPA

ตารางสละภาษาอังกฤษ 44 เสียง ประกอบด้วยสาระ 20 ตัวและพยัญชนะ 24 ตัว

นี่คือวิดีโอแนะนำจาก Ms.Jenny ซึ่งจะช่วยคุณเข้าใจได้ง่ายกว่านะค่ะ

เสียงสระเป็นเสียงเกิดเมื่อลมหายใจจากกล่องเสียงไปยังริมฝีปากโดยไม่มีสิ่งกีดขวาง เสียงเหล่านี้เรียกว่าเสียงที่เกิดจากการสั่นสะเทือนของกล่องเสียง

สระสามารถแยกเดี่ยวหรือรวมกับพยัญชนะเพื่อสร้างเสียงได้-หรือเรียกว่าคำ

ขึ้นอยู่กับเสียงจากกล่องเสียง เมื่อออกเสียง จะต้องขยับลิ้น ริมฝีปาก และหายใจเข้าจึงจะออกเสียงได้อย่างถูกต้อง

วิธีการออกเสียงสระ 20 ตัว

ในตารางตัวอักษร สระหลักคือ a, o, i, u, e และกึ่งสระ y,w หากอ่านตามการถอดเสียงเรามีสระ 20 ตัวดังนี้

เสียง /ɪ/

นี่คือเสียง i สั้นๆ ออกเสียงเหมือนเสียงอิของภาษาไทยแต่สั้นกว่า ให้เปิดริมฝีปากกว้างไปสองข้างวางลิ้นให้ต่ำ

ตัวอย่าง: his /hiz/,  kid /kɪd/

เสียง /i:/

สำหรับเสียง i ยาว คุณก็ออกเสียง i ให้ยาวขึ้น โดยจะออกมาจากช่องปาก ไม่ใช่เป่าลม ริมฝีปากเปิดกว้างไปสองข้างราวกับกำลังยิ้ม ลิ้นยกสูงขึ้น

ตัวอย่าง:  sea /siː/, green /ɡriːn/

เสียง /e/

คล้ายกับเสียง แ- ในภาษาไทยแต่ออกเสียงสั้นกว่าริมฝีปากเปิดไปสองข้างกว้างกว่าเสียง /i/วางลิ้นต่ำกว่าเสียง/i/

ตัวอย่าง:  bed /bed/ , head /hed/

>>> Read more

เสียง /ə/

เสียง /ə/ สั้น ฟังดูเหมือนเสียง เออในภาษาไทยแต่สั้นและเบากว่า ริมฝีปากเปิดเล็กน้อยวางลิ้นตามสบาย

ตัวอย่าง: banana /bəˈnɑːnə/, doctor /ˈdɒktə(r)/

เสียง /ɜ:/

เป็นเสียง เออแต่งอลิ้น คุณออกเสียง/ ə /แล้วกระงอลิ้นขึ้นออกเสียงจากช่องปาก 

ริมฝีปากเปิดเล็กน้อยงอลิ้นขึ้นลิ้น แตะเพดานปากเมื่อสิ้นเสียง

ตัวอย่าง: burn /bɜːn/, birthday /ˈbɜːθdeɪ/

สระ /ʊ/

เสียง u สั้นคล้ายเสียง อูในภาษาไทย เวลาออกเสียง ไม่ใช้ริมฝีปากแต่ดันลมให้สั้นออกจากคอ

ทำริมฝีปากรูปกลมวางลิ้นให้ต่ำลง

ตัวอย่าง: good /ɡʊd/, put /pʊt/ 

phonics คือ 3
สระ  /u:/

เสียง u ยาวมาจากช่องปาก แต่ไม่เป่าลม ทำให้เสียง u สั้นยาวขึ้น

 ริมฝีปากกลม ลิ้นยกขึ้น

ตัวอย่าง: goose /ɡuːs/, school /sku:l/

สระ /ɒ/

เสียง o สั้น คล้ายเสียงโอของไทยแต่ออกเสียงสั้นกว่า

ริมฝีปากโค้งมนเล็กน้อย ลิ้นลดลง

ตัวอย่าง: hot /hɒt/, box /bɒks/

สระ /ɔ:/

ออกเสียงเหมือนเสียงโอของไทย แต่กระดกลิ้นขึ้นไม่ออกเสียงจากปาก

ริมฝีปากกลม ลิ้นโค้งขึ้นแตะเพดานปากเมื่อสิ้นเสียง

ตัวอย่าง: ball /bɔːl/, law /lɔː/

สระ  /ʌ/

เสียงเป็นลูกผสมระหว่างเสียงสระอะและสระเออะในภาษาไทยซึ่งคล้ายกับเสียง ă มากกว่า การออกเสียงต้องออกมาเล็กน้อย

ปากแคบลิ้นยกขึ้นเล็กน้อย

ตัวอย่าง: come /kʌm/, love /lʌv/

สระ /ɑ:/ 

เสียงอ่านยาวเสียงออกจากช่องปาก

ริมฝีปากกว้างขึ้น ลิ้นลดลง

ตัวอย่าง:  start /stɑːt/, father /ˈfɑːðə(r)/

>>> Read more

สระ /æ/

เสียงแบนๆ เหมือน a กับ e นิดหน่อย รู้สึกบีบๆ

ปากเปิดกว้าง ริมฝีปากล่างลดลง ใบมีดต่ำมาก

ตัวอย่าง: trap /træp/, bad /bæd/

สระ  /ɪə/ 

สระคู่ การออกเสียงเปลี่ยนจาก /ʊ/ และค่อยๆ เป็น /ə/

ริมฝีปากค่อย ๆ ขยาย แต่ไม่กว้างเกินไป ลิ้นดันไปข้างหน้าทีละน้อย

ตัวอย่าง: near /nɪə(r)/, here /hɪə(r)/

สระ /eə/ 

ออกเสียงโดยพูดว่า /e/ แล้วค่อยๆ เปลี่ยนเป็น /ə/

ริมฝีปากแคบเล็กน้อย ลิ้นถอยไปข้างหลัง

เสียงยาว ตัวอย่าง: near /nɪə(r)/, here /hɪə(r)/

สระ /eɪ/ 

ออกเสียงโดยพูดว่า /e/ แล้วค่อยๆ เปลี่ยนเป็น /ɪ/

ริมฝีปากแผ่ออกไปด้านข้าง ลิ้นชี้ขึ้น

ตัวอย่าง: face /feɪs/, day /deɪ/

สระ /ɔɪ/ 

ออกเสียงโดยพูดว่า /ɔ:/ แล้วค่อยๆ เปลี่ยนเป็น /ɪ/

ริมฝีปากแผ่ออกไปด้านข้าง ลิ้นยกขึ้นและดันไปข้างหน้า

เสียงยาว เช่น: choice /tʃɔɪs/, boy /bɔɪ/

phonics คือ 4
สระ /aɪ/

ออกเสียงโดยพูดว่า /ɑ:/ แล้วค่อยๆ เปลี่ยนเป็น /ɪ/

ริมฝีปากแผ่ออกไปด้านข้าง ลิ้นยกขึ้นและดันไปข้างหน้าเล็กน้อย

เสียงยาว เช่น: nice /naɪs/, try /traɪ/

สระ /əʊ/

ออกเสียงโดยอ่านเสียง /ə/ แล้วค่อยๆ เปลี่ยนเป็นเสียง /ʊ/

ริมฝีปากจากเปิดเล็กน้อยถึงโค้งมนเล็กน้อย ลิ้นถอยไปข้างหลัง

ตัวอย่างเช่น: goat /ɡəʊt/, show /ʃəʊ/

สระ /aʊ/ 

ออกเสียงโดยพูดว่า /ɑ:/แล้วค่อยๆ เปลี่ยนเป็น /ʊ/

ริมฝีปากกลม ลิ้นถูกหดกลับเล็กน้อย

เสียงยาว เช่น: mouth/maʊθ/, cow /kaʊ/

สระ /ʊə/

อ่านแบบ uo เปลี่ยนจากเสียงหลัง /ʊ/เป็นเสียงกลาง /ə/

ในตอนเริ่มต้น ริมฝีปากจะเปิดกลม แบนเล็กน้อย หันหน้าออก ผิวลิ้นถูกนำเข้าไปในช่องปากและขึ้นไปใกล้กับเพดานปากด้านบน

ทันทีหลังจากนั้น ปากจะเปิดออกเล็กน้อย นำลิ้นกลับไปที่กลางช่องปาก

ตัวอย่างเช่น: sure /∫ʊə(r)/ ,  tour /tʊə(r)/

และเสียงพยัญชนะคือเสียงที่เปล่งออกมาเมื่อลมจากกล่องเสียงไปยังริมฝีปากถูกกีดขวาง เช่นฟันริมฝีปากชนกันลิ้นโค้งแตะริมฝีปากเรียกว่าเสียงที่ออกจากกล่องเสียงทางปากห้ามใช้พยัญชนะเดี่ยวแต่ต้องมีสระประกอบคำเพื่อให้ออกเสียงเป็นคำพูด

วิธีการออกเสียงพยัญชนะ 24 ตัว

พยัญชนะมีทั้งหมด 24 ตัว

พยัญชนะ /p/

อ่านเกือบจะเหมือนเสียง P ของไทย ริมฝีปากปิดกั้นการไหลของอากาศในปากแล้วเปิดออก รู้สึกถึงการสั่นสะเทือนเล็กน้อยของเส้นเสียง

ตัวอย่างเช่น: pen /pen/, copy /ˈkɒpi/

พยัญชนะ /b/

คล้ายกับเสียง bในภาษาไทย ให้ริมฝีปากปล่อยลมออกจากปากแล้วพ่นออกมา กล่องเสียงสั่นเล็กน้อย

ตัวอย่างเช่น: back /bæk/, job /dʒɒb/

elsa speak official
พยัญชนะ /t/

ฟังดูเหมือนเสียง t ในภาษาไทย แต่แรงกว่าเล็กน้อย เมื่อออกเสียง ให้วางปลายลิ้นไว้ใต้เหงือก เมื่อเปิดกระแสลม ปลายลิ้นแตะฟันหน้าล่าง

ฟันสองซี่ขบแน่นเปิดทางหนีอากาศสร้างความสั่นสะเทือนในเส้นเสียง

ตัวอย่างเช่น: tea /tiː/, tight /taɪt/

พยัญชนะ /d/

ออกเสียงคล้ายภาษาไทย /d/ เสียงยังแข็งกว่าเล็กน้อยให้สอดปลายลิ้นไว้ใต้เหงือก เมื่อลมออก ให้ปลายลิ้นแตะฟันหน้าล่างและฟันสองซี่แน่น เปิดช่องลม สร้างความสั่นสะเทือนให้กล่องเสียงเหมือนอ่านเสียงข้างบน

ตัวอย่างเช่น:  day /deɪ/, ladder /ˈlædə(r)/

พยัญชนะ /t∫/

การอ่านจะคล้ายกับเสียง CH แต่ต่างกันที่ริมฝีปากจะกลมเล็กน้อยเวลาจะอาเจียนต้องยื่นออกมาข้างหน้าเมื่ออากาศออก ริมฝีปากจะมีลักษณะครึ่งวงกลม ลิ้นจะตรงและแตะที่กรามล่าง เพื่อให้อากาศหนีออกมาที่ผิวของลิ้นโดยไม่ส่งผลกระทบต่อสายเสียง

ตัวอย่างเช่น: church /ʧɜːʧ/, match /mætʃ/

พยัญชนะ /dʒ/ 

ออกเสียงเหมือน /t∫/ แต่มีการสั่นสะเทือนของเส้นเสียง

การอ่านที่คล้ายกัน: ริมฝีปากโค้งมนเล็กน้อย แขนขาไปข้างหน้า เมื่อปล่อยแก๊สออกมา ริมฝีปากจะเป็นรูปครึ่งวงกลม ลิ้นตั้งตรง แตะขากรรไกรล่างเพื่อให้อากาศไหลออกที่ผิวลิ้น

ตัวอย่างเช่น:  age /eiʤ/, gym /dʒɪm/

พยัญชนะ /k/ 

ออกเสียงคล้ายเสียง ก ของไทยแต่เป่าแรงขึ้นโดยยกส่วนหลังลิ้นแตะเพดานอ่อน ลดเสียงลงเมื่อเป่าลมแรงๆ และไม่กระทบสายเสียง

ตัวอย่างเช่น: key /ki:/, school /sku:l/

พยัญชนะ /g/ 

ขณะที่คุณอ่าน คุณจะยกลิ้นของคุณขึ้น แตะเพดานอ่อน และลดระดับลงขณะที่ลมแรงเป่าออกมาเพื่อให้สายเสียงสั่นสะเทือน

ตัวอย่างเช่น: get /ɡet/, ghost /ɡəʊst/

พยัญชนะ /f/ 

อ่านออกเสียงคล้าย f ในภาษาไทย เวลาออกเสียงเสียงกรามบนจะแตะริมฝีปากล่างเบาๆ

ตัวอย่างเช่น: fat /fæt/, coffee /ˈkɒfi/ 

พยัญชนะ /v/ 

อ่านเหมือนเสียง  w ในภาษาไทย เวลาออกเสียงกรามบนจะแตะริมฝีปากล่างเบาๆ

ตัวอย่างเช่น: view /vjuː/, move /muːv/

พยัญชนะ
พยัญชนะ /ð/ 

วิธีออกเสียงคือเอาปลายลิ้นสอดเข้าไประหว่างฟันทั้งสองเพื่อให้อากาศระหว่างลิ้นกับฟันเล็ดลอดออกมาทำให้กล่องเสียงสั่น

ตัวอย่างเช่น: this /ðɪs/, other /ˈʌðə(r)/

พยัญชนะ /θ/

เมื่ออ่านเสียงนี้ควรวางปลายลิ้นไว้ระหว่างฟันเพื่อให้อากาศหนีระหว่างลิ้นกับฟันทำให้กล่องเสียงไม่สั่นสะเทือน

ตัวอย่างเช่น: thin /θɪn/, path /pɑːθ/

พยัญชนะ /s/ 

คุณปล่อยให้ลิ้นวางอยู่บนขากรรไกรบนเล็กน้อย เพดานอ่อนยกขึ้น อากาศหนีออกจากพื้นผิวของลิ้นและเหงือก ดังนั้นจึงไม่มีการสั่นสะเทือนของกล่องเสียง

ตัวอย่างเช่น: soon /suːn/, sister /ˈsɪstə(r)/

พยัญชนะ /z/ 

คุณออกเสียงโดยวางลิ้นเบา ๆ บนขากรรไกรบน เพดานอ่อนยกขึ้น อากาศหนีออกจากพื้นผิวของลิ้นและเหงือก แต่สั่นสะเทือนกล่องเสียง

ตัวอย่างเช่น:  zero /ˈzɪərəʊ/, buzz /bʌz/

พยัญชนะ /∫/ 

เมื่ออ่านเสียงนี้ริมฝีปากจะยื่นออกมาข้างหน้าและริมฝีปากจะกลมพื้นผิวของลิ้นสัมผัสกับเหงือกบนและยกส่วนหน้าของลิ้น

ตัวอย่างเช่น: ship /ʃɪp/, sure /ʃɔː(r)/ 

พยัญชนะ /ʒ/  

ริมฝีปากมุ่ย ไปข้างหน้า ริมฝีปากกลม ให้หน้าลิ้นสัมผัสกับเหงือกบนและยกส่วนหน้าของลิ้นขึ้นและอ่านการสั่นสะเทือนของกล่องเสียง

ตัวอย่างเช่น: pleasure /’pleʒə(r), vision /ˈvɪʒn/

พยัญชนะ /m/ 

อ่านเหมือนเสียง M ในภาษาไทย หุบปาก ปล่อยลมออกทางจมูก

ตัวอย่างเช่น: pleasure /’pleʒə(r), vision /ˈvɪʒn/

พยัญชนะ /n/ 

อ่านเหมือนเสียงตัว N แต่เวลาอ่าน ริมฝีปากอ้าเล็กน้อย ปลายลิ้นแตะกรามบน กั้นแก๊สออกจากจมูก

ตัวอย่างเช่น: nice /naɪs/, sun /sʌn/ 

พยัญชนะ /ŋ/ 

เมื่อออกเสียง ลิ้นจะปิดกั้นอากาศ ริมฝีปากเปิดเล็กน้อย อากาศถูกปล่อยออกจากจมูก ริมฝีปากเปิดเล็กน้อย กล่องเสียงสั่น ลิ้นส่วนหลังยกขึ้นแตะเพดานอ่อน

ตัวอย่างเช่น: ring /riŋ/, long /lɒŋ/

พยัญชนะ /h/

อ่านได้เหมือนเสียง h ของไทย อ้าปากครึ่งนึง ลดลิ้นเพื่อไล่อากาศออก กล่องเสียงไม่สั่น

ตัวอย่างเช่น: hot /hɒt/, behind /bɪˈhaɪnd/  

พยัญชนะ /l/ 

ม้วนลิ้นช้าๆ แตะฟันบน กล่องเสียงสั่น ริมฝีปากขยายเต็มที่ ปลายลิ้นโค้งขึ้นช้าๆ และวางบนริมฝีปากบน

ตัวอย่างเช่น: light /laɪt/, feel /fiːl/

พยัญชนะ /r/ 

อ่านเสียง R ของไทยต่างกันเวลาออกเสียง ให้งอลิ้นเข้าด้านใน ริมฝีปากกลม เชิดหน้าเล็กน้อย เมื่อปล่อยลม ลิ้นจะผ่อนคลาย และริมฝีปากกลมจะกว้าง

ตัวอย่างเช่น: right /raɪt/, sorry /ˈsɒri/

พยัญชนะ 2
พยัญชนะ /w/ 

ริมฝีปากกลม ไปข้างหน้า ลิ้นผ่อนคลาย เมื่ออากาศออก ริมฝีปากจะเปิดกว้าง ลิ้นยังคงผ่อนคลาย

ตัวอย่างเช่น:  wet /wet/, win /wɪn/

พยัญชนะ /j/

เวลาออกเสียง ให้ยกส่วนหน้าของลิ้นใกล้กับเพดานแข็ง ดันอากาศออกระหว่างส่วนหน้าของลิ้นกับเพดานแข็ง แต่ไม่มีเสียงอากาศเสียดสีกัน ทำให้สายเสียงในลำคอสั่น ริมฝีปากเปิดเล็กน้อย เมื่ออากาศออก ริมฝีปากจะขยายออก ส่วนตรงกลางของลิ้นจะยกขึ้นเล็กน้อยและผ่อนคลาย

ตัวอย่างเช่น: yes /jes/ , use /ju:z/

คุณสามารถค้นหาบทเรียนวิธีถอดเสียงภาษาอังกฤษใน YouTube เพื่อเรียนรู้ด้วยตัวเองผ่านรูปภาพและวิดีโอสอนการออกเสียงภาษาต่างประเทศในช่องต่างๆ เช่น BBC Learn English, English Vid… ตามมาตรฐานเจ้าของภาษา

Note:

บางคนถามว่าเครื่องหมาย “:”  เป็นเสียงตึงหรือเสียงยาว

คำตอบคือขึ้นอยู่กับว่าคุณเรียกมันอย่างไร

คุณเรียกเป็นเสียงยาวแต่ก็มีบางคนเรียกว่าเสียงตึง

ปัญหาสำคัญไม่ได้อยู่ที่วิธีที่คุณเรียก แต่อยู่ที่วิธีที่คุณออกเสียง เพราะฉะนั้นคุณต้องใส่ใจวิธีการออกเสียงเพื่อออกเสียงให้ถูกต้อง

สรุปและหมายเหตุ:

วิธีการออกเสียง 44 เสียงตามมาตรฐานนานาชาติประกอบด้วยการจัดรูปริมฝีปาก การวางตำแหน่งลิ้น การดึงลมหายใจ ฯลฯ ต่อไปนี้คือบางประเด็นที่คุณต้องจำเมื่อออกเสียงด้วยริมฝีปาก:

ริมฝีปากย่น: /∫/, /ʒ/, /dʒ/, /t∫/

ริมฝีปากเปิดปานกลาง:  / ɪ /, / ʊ /, / æ / 

ริมฝีปากกลม: /u:/, /əʊ/

ด้วยลิ้น:

ลิ้นสัมผัสฟัน: /f/, /v/

งอปลายลิ้นเพื่อสัมผัสเหงือก: /t/, /d/, /t∫/, /dʒ/, /η/, /l/

ปลายลิ้นโค้งแตะเพดานแข็ง: / ɜ: /, / r /

ยกโคนลิ้น: / ɔ: /, / ɑ: /, / u: /, / ʊ /, / k /, / g /, / η /

ลิ้นแตะฟัน: /ð/, /θ/

ด้วยสายเสียง:

 การสั่น (เปล่งเสียง): สระ/b/, /d/, /g/, /v/, /z/, /m/, /n/, /w/, /j/, /dʒ/ , /ð /, /ʒ/

ไม่มีการสั่น(ไม่มีเสียง): /p/, /t/, /k/, /f/, /s/, /h/, /∫/, /θ/, /t∫/

ถ้าอยากเรียนการออกเสียงได้ถูกต้อง คุณควรเลือกหนังสือสองเล่มนี้สำหรับการฝึกฝน

các gói elsa

กฎการออกเสียงภาษาอังกฤษด้วยสระและพยัญชนะ

ด้วยครึ่งเสียง Y และ W จะเป็นเสียงสระหรือพยัญชนะก็ได้

ตัวอย่างเช่น:

You – พยัญชนะแต่ gym เป็นสาระ

We – พยัญชนะแต่ Saw – สาระ

พยัญชนะ g

ถ้าหลัง g เป็นพยัญชนะ I, y, e การออกเสียงจะเป็น dʒ

ตัวอย่างเช่น: gYm, gIant, gEnerate,hugE, languagE,vegEtable…

ถ้าหลัง g เป็นสระที่เหลือ a, u, o การออกเสียงจะเป็น g

ตัวอย่างเช่น: go, gone, god, gun, gum, gut, guy, game, gallic,…

อ่านพยัญชนะ c

C – อ่านว่า S ถ้าตามด้วยสระ i, y, e ตัวอย่างเช่น city, centure, cycle, cell, cyan,… 

C – อ่านว่า K ถ้าตามด้วยสระ a,u,o

ตัวอย่างเช่น: cat, cut, cold, call, culture, coke,…

อ่านพยัญชนะ r

ถ้า r นำหน้าด้วยสระเสียงอ่อน เช่น /ə/ ก็สามารถละไว้ได้

ตัวอย่างเช่น: ด้วยคำ interest มีถอดเสียงได้เต็มคือ ˈɪntərəst/ˈɪntərest.

แต่เนื่องจาก r นำหน้าด้วยเสียง ə จึงออกเสียงว่า ˈɪntrəst/ˈɪntrest(2) คุณสามารถดูพจนานุกรมจำนวนมากที่มีการถอดเสียงแบบกรณีที่กรณีที่ 2

พยัญชนะ j

ในกรณีส่วนใหญ่ เสียง j จะอยู่หน้าคำและออกเสียงว่า dʒ

ตัวอย่างเช่น: jump, jealous, just, job,…

กฎการแยกแยะสระเสียงยาว – สระเสียงยาว

สระเสียงสั้นมี 5 เสียง คือ ă ĕ ĭ ŏ ŭ

a เสียงสั้น: ă: /æ/ : act, apt, bad, bag, fad,….

e เสียงสั้น: /e/: ben, den, fed, bed,…..

i เสียงสั้น: /I/: bin, bid, in,…

o เสียงสั้น: /ɒ/: hot, Tom, bop,…

u เสียงสั้น: /ʌ/: cut, sun, bug,…

สระเสียงยาว – สระเสียงยาว

และมีสระเสียงยาวอีกห้าตัวได้แสดง ตามลำดับคือ ā ē ī ō ū ที่คุณได้เห็นอยู่ในตารางถอดเสียงภาษาอังกฤษแบบเต็ม สระเสียงยาวคือสระที่ได้ออกเสียงเช่น

a เสียงยาว: ā : /eɪ/: Cake, rain, day, eight,…

e เสียงยาว: ē: /i:/: tree, beach, me, baby, key, field,…

i เสียงยาว: ī : /aɪ/: five, tie, light, my, find, child,…

o เสียงยาว: ō : /oʊ/: nose, toe, toast, no, snow, bold, most,…

u เสียงยาว: ū : /u: hoặc ju:/: new, few, blue, suit, fuel,….

หากต้องการแยกเสียงสระเสียงสั้นและเสียงยาว ให้ปฏิบัติตามกฎต่อไปนี้:

คำที่มีสระ 1 ตัว และสระที่ไม่ได้อยู่ท้ายคำจะเป็นสระเสียงสั้นเสมอ ยังมีข้อยกเว้นบางประการเช่น mind, find แต่คุณสามารถใช้กฎนี้กับคนส่วนใหญ่ได้

ตัวอย่างเช่น: bug, think, cat, job, bed, ant, act,…

คำที่มีสระเพียงตัวเดียวและสระที่อยู่ท้ายคำตามกฎการออกเสียงภาษาอังกฤษ 100% เป็นสระเสียงยาว: she(e เสียงยาว),he, go(o เสียงยาว), no,..

ถ้าสระสองสระอยู่ติดกัน สระแรกจะยาว ส่วนสระที่สองมักไม่ออกเสียง เรียกว่า เสียงเงียบ

ตัวอย่าง: rain(a, i อยู่ข้างกัน a เป็นเสียงยาวส่วน i เป็นเสียงเงียบดังนั้น rain จะได้ออกเสียงเป็น rein), tied(i ยาว, e เงียบ), seal( e ยาว, a เงียบ), boat( o ยาว, a เงียบ)

ยกเว้น: read – ในอดีตกาล e สั้น แต่ในปัจจุบันกาล e ยาว และมีอีกบางคำ

ถ้าสระตามด้วยพยัญชนะสองตัวที่คล้ายกัน (a double consonant) ก็เป็นสระเสียงสั้นแน่นอน

ตัวอย่าง: Dinner(I เสียงสั้น), summer(u เสียงสั้น), rabbit(a เสียงสั้น), robber(o เสียงสั้น), egg(e เสียงสั้น).

คำที่มีสระสองเสียงติดต่อกันที่ออกเสียงเหมือนกัน (a double vowel) จะออกเสียงเหมือนสระเสียงยาว

ตัวอย่าง: Peek(e เสียงยาว), greet(e เสียงยาว), meet(e เสียงยาว), vacuum(u เสียงยาว)

อย่าใช้กฎนี้กับสระ O เพราะมันจะทำให้เสียงแตกต่างกัน: poor, tool, fool, door,..

ใช้ไม่ได้ถ้าสระสองตัวนี้ตามด้วยเสียง R เพราะเสียงเปลี่ยนไปแล้ว: beer

เมื่อ Y อยู่ท้ายคำพยางค์เดียว มันจะอ่านว่า i ยาว/ai/

ตัวอย่าง: Cry, Try, by, shy,…

เรียนภาษาอังกฤษแบบ 1-1 กับ ELSA Speak

ความสนใจกับสระ – พยัญชนะเพื่อเขียนให้ถูกต้อง

หลังจากสระเสียงสั้นเป็น f,l,s ให้เพิ่มสองเท่าของคำว่า f,l,s

ตัวอย่าง: Ball, staff, pass, tall, different(i เสียงสั้น), coLLage(o เสียงสั้น), compass (a เสียงสั้น)

สำหรับคำที่มี 2 พยางค์หลังสระเสียงสั้นเป็น b,d,g,m,n,p เราก็เพิ่มเป็นสองเท่าเช่นกัน

ตัวอย่าง: rabbit(a เสียงสั้น), maNNer(a เสียงสั้น), suMMer(u เสียงสั้น), haPPy(a เสียงสั้น), hoLLywood(o เสียงสั้น), suGGest(u เสียงสั้น), odd(o เสียงสั้น),…

การจำกฎข้อนี้ได้ จะช่วยให้คุณจะหลีกเลี่ยงข้อผิดพลาดในการสะกดคำ (Spelling) เมื่อเขียนคำตามเสียง ตัวอย่างเช่น คุณได้ยินว่า compass เข้าใจกฎแล้วคุณจะรู้ว่าหลังจากสระเสียงสั้นต้องใช้ “s” สองตัวจะได้ไม่เขียนผิดเป็น compas

สระ e

ถ้าคำสั้นหรือเสียงสุดท้ายของคำยาวลงท้ายด้วยสระ + พยัญชนะ + e ตัว e จะถูกปิดเสียงและสระก่อนหน้าเป็นสระเสียงยาว

เรียกว่า Magic e, silient e, super e…

ตัวอย่าง:

           bit /bɪt/ => bite /baɪt/

            at /ət/ => ate /eɪt/

            cod /kɒd/ => code  /kəʊd/ 

            cub /kʌb/ => cube /kjuːb/

            met /met/ => meet  /miːt/

นี่เป็นเคล็ดลับในการสร้างสระเสียงยาวในภาษาอังกฤษสมัยใหม่

ข้างต้นคือกฎบางข้อเกี่ยวกับสระและพยัญชนะในภาษาอังกฤษทุกคนอย่าลืมสังเกตุดีๆ นะ อาจยังไม่ถูกต้อง 100% แต่ใช้ได้กับคำส่วนใหญ่ ดังนั้นให้นำไปใช้เพื่อจำการถอดเสียงได้ง่ายขึ้น และเขียนคำได้ถูกต้องด้วย

ทั้งหมดดังกล่าวเป็นข้อมูล phonics คือ อะไร และตารางการถอดเสียงภาษาอังกฤษแบบเต้มด้วยเคล็ดลับ การออกเสียงมาตรฐานให้ทุกคนบันทึกไว้ศึกษาต่อไปนะหากมีปัญหาระหว่างการเรียน ให้มาหา ELSA Speak เพื่อได้รับคำตอบนะ

ELSA Pro ตลอดชีพ เพียง 2,744 บาท