Author: Bao Ngan Nguyen
คำว่า what ภาษาอังกฤษมีบทบาทสำคัญในการตั้งคำถามและถ่ายทอดข้อมูล บทความนี้จะรวมความหมาย วิธีการใช้ และตัวอย่างของ what เพื่อช่วยให้คุณพัฒนาทักษะการสื่อสาร มาเรียนรู้กับ ELSA Speak กันนะ
What แปลว่า อะไร?
ในภาษาอังกฤษ What แปลว่า อะไร คำถามที่ขึ้นต้นด้วย What คือหนึ่งในคำถาม Wh (WH – Question) ที่พบบ่อยในภาษาอังกฤษ What ใช้ถามทุกเรื่อง ตั้งแต่สิ่งเฉพาะเจาะจง เช่น What is this? (นี่คืออะไร) ไปจนถึงแนวคิดที่เป็นนามธรรมมากขึ้น เช่น What is love? (ความรักคืออะไร) นอกจากนี้ what ยังปรากฏในประโยคอุทานและรวมกับคำอื่น ๆ มากมายเพื่อสร้างวลีที่หลากหลาย
ตัวอย่าง:
- เวลาเจอเพื่อนใหม่คุณจะถามว่า What’s your name? (คุณชื่ออะไร?)
- เวลาคุณต้องการทราบว่าเกิดเหตุการณ์อะไร คุณจะถามว่า What happened? (เกิดอะไรขึ้น?)
- เวลาคุณอยากแสดงความประหลาดใจ คุณจะพูดว่า What a surprise! (ประหลาดใจจัง)
งั้น What คําอ่าน คืออะไร? วิธีการออกเสียงของคําว่า What คือ /wɒt/
What ใช้ยังไง ในประโยค (Subject Questions)
ใช้ what เป็นประธานในประโยค (Subject Questions)
ด้านล่างนี้คือโครงสร้างเมื่อ what ทำหน้าที่เป็นประธานของประโยค (Subject Questions) ลองดูตารางด้านล่างนี้เพื่อทําความเข้าใจให้ดีขึ้นนะ
ประเภทคําถาม | โครงสร้าง | ตัวอย่าง |
คําถามเกี่ยวกับประธาน (Subject question) | What + Verb + Object? (What + กริยา + กรรม?) | What happened yesterday?(เมื่อวานเกิดอะไรขึ้น?) |
What + to be + Adj/ Noun? (What + to be (is, am, are/was, were) + คําคุณศัพท์/คํานาม?) | What is the date today? (วันนี้วันที่เท่าไหร่?) |
ใช้ what เป็นกรรมในประโยค (Object Questions)
Object Questions คือ คำถามที่คำว่า What ทำหน้าที่เป็นกรรมของประโยค ตามตัวอย่างที่ให้ไว้ในตารางด้านล่างนี้
ประเภทคําถาม | โครงสร้าง | ตัวอย่าง |
คําถามเกี่ยวกับกรรม (Object question) | What + auxiliary verb + Subject + Verb? (What + กริยาช่วย + ประธาน + กริยา?) | • What will they do next? (พวกเขาจะทำอะไรต่อเหรอ) • Do you know what day is today? (คุณรู้ไหมว่าวันนี้เป็นวันอะไร?) |
What อยู่คนเดี่ยว ๆ ในประโยค
คำถามที่ขึ้นต้นด้วย what สามารถใช้เพื่อขอให้ผู้อื่นพูดข้อมูลซํ้าอีกครั้งได้ ในระหว่างการสนทนา ถ้าคุณได้ยินไม่ชัดเจนหรือไม่เข้าใจสิ่งที่คนอื่นเพิ่งพูด คุณสามารถใช้โครงสร้าง what เพื่อถามอีกครั้งได้ คำถามที่ใช้ what ในกรณีนี้ใช้เพื่อยืนยันข้อมูล
ตัวอย่าง 1:
A: I scored 9 in IELTS Reading. (ในพาร์ทการอ่าน IELTS ฉันได้ 9 คะแนน)
B: What? (อะไรนะ?)
ตัวอย่าง 2:
What is this? (นึ่คืออะไร?)
What ใช้ในประโยคอุทาน
คุณสามารถใช้ what ในประโยคอุทานเพื่อแสดงความรู้สึกและความคิดเห็นได้ ต่อไปนี้เป็นโครงสร้างของคำถามอุปทานโดยใช้ what:
ประเภทคําถาม | โครงสร้าง | ตัวอย่าง |
คําถามอุปทาน | What + a/an (+ adj) + noun!(ใช้กับคำนามเอกพจน์) | • What a beautiful flower!(ดอกไม้สีนี้สวยมาก!) • What an awesome movie! (หนังเรื่องนี้ยอดเยี่ยมมาก!) |
What + adj + noun! (ใช้สําหรับคำนามพหูพจน์) | What beautiful scenery!(วิวสวยมาก!) |
>>> Read more: รวบรวมความรู้ทั้งหมดเกี่ยวกับคำอุทานภาษาอังกฤษ
What ใช้ในประโยคบอกเล่า
โครงสร้าง What ในประโยคบอกเล่ามักใช้เพื่อถ่ายทอดข้อมูลหรือความคิดเห็นทางอ้อม ต่อไปนี้คือวิธีใช้ What ในประโยคบอกเล่า:
ประเภทคําถาม | โครงสร้าง | ตัวอย่าง |
อนุประโยค | What + ประธาน + Verb | • He said what she thought. (เขาพูดสิ่งที่เธอคิด) • I don’t remember what he told me. (ฉันจำไม่ได้ว่าเขาพูดอะไรกับฉัน) • She explained what the problem was. (เธออธิบายว่าปัญหาคืออะไร) |
What ใช้ในอนุประโยค
โครงสร้าง What ในอนุประโยคมักใช้เพื่อระบุบางสิ่งหรือแนวคิดที่ผู้พูดต้องการเน้นหรืออธิบาย ต่อไปนี้คือวิธีใช้ What ในอนุประโยค:
ประเภทคําถาม | โครงสร้าง | ตัวอย่าง |
อนุประโยค | What + Noun + (Verb) | • What you said was interesting. (สิ่งที่คุณพูดนั้นน่าสนใจ) • I don’t understand what she meant. (ฉันไม่เข้าใจว่าเธอหมายถึงอะไร) • What they did was unexpected. (สิ่งที่พวกเขาทำนั้นเป็นสิ่งที่คาดไม่ถึง) |
วิธีตั้งคําถามที่มีคําว่า What
คำว่า what ในภาษาอังกฤษเป็นคำถามที่มีความสำคัญเป็นอย่างมาก ซึ่งมักใช้เพื่อขอข้อมูลเกี่ยวกับสิ่งของ เหตุการณ์ หรือความคิดเห็น บทความนี้จะนำเสนอวิธีใช้ what ในประโยคคำถาม ซึ่งจะช่วยให้ผู้เรียนสามารถใช้วิธีตั้งคำถามอย่างมีประสิทธิภาพ
สำหรับคำถามเกี่ยวกับประธาน เรามีวิธีตั้งคำถามเฉพาะดังต่อไปนี้:
คําที่ใช้เพื่อถาม | กริยา | Object/Others (กรรม) | ความหมาย |
What | makes | you happy? | อะไรทำให้คุณมีความสุข? |
What | leads | to success? | อะไรนำไปสู่ความสำเร็จ? |
What | supports | your opinion? | อะไรสนับสนุนมุมมองของคุณ? |
What | improves | your writing skills? | อะไรช่วยให้คุณพัฒนาทักษะการเขียนของคุณ? |
What | prevents | mistakes in your work? | อะไรป้องกันข้อผิดพลาดในการทำงานของคุณ? |
What | drives | you to achieve your goals? | อะไรเป็นแรงบันดาลใจในการบรรลุเป้าหมายของคุณ? |
What | defines | a good friend? | อะไรเป็นความหมายของคําว่าเพื่อนที่ดี? |
What | motivates | you to study harder? | อะไรเป็นสิ่งที่ทําให้คุณพยายามเรียนมากขึ้น? |
What | influences | your decision? | อะไรมีอิทธิพลต่อการตัดสินใจของคุณ? |
คําที่ใช้เพื่อถาม | to be | Adj/Noun/Others (กรรม) | ควาหมาย |
What | is | the capital of Thailand? | เมืองหลวงของประเทศไทยชื่ออะไร? |
What | is | your favorite book? | หนังสือเล่มโปรดของคุณคืออะไร? |
What | is | the weather like today? | วันนี้อากาศเป็นอย่างไร? |
What | is | the main ingredient in this dish? | ส่วนผสมหลักของเมนูนี้คืออะไร? |
What | is | the population of your city? | เมืองของคุณมีประชากรเท่าไร? |
What | are | the benefits of exercise? | การออกกำลังกายมีประโยชน์อย่างไร? |
ตั้งคำถามเกี่ยวกับกรรมด้วยคำว่า what ต่อไปนี้คือสถานการณ์เฉพาะ:
คําที่ใช้เพื่อถาม | กริยาช่วย | กรรม | กริยา | ส่วนอื่น ๆ | ความหมาย |
What | is | your favorite | color? | คุณชอบสีอะไร? | |
What | are | they | planning | for the weekend? | พวกเขากำลังวางแผนอะไรในช่วงสุดสัปดาห์เหรอ |
What | do | you | want to eat | for dinner? | มื้อเย็นคุณอยากกินอะไร |
What | will | she | wear | to the party? | เธอจะใส่ชุดอะไรไปงานปาร์ตี้? |
What | did | he | say | during the meeting? | เขาพูดอะไรในที่ประชุม? |
What | can | they | do | to help? | พวกเขาสามารถช่วยอะไรได้บ้าง? |
What | are | we | discussing | in class? | เรากำลังคุยกันเรื่องอะไรในชั้นเรียน? |
What | have | you | decided | about the trip? | คุณตัดสินใจอะไรเกี่ยวกับการเดินทาง? |
What | should | we | bring | to the picnic? | เราควรนำอะไรไปปิกนิกบ้าง? |
What | would | you | like to learn | this semester? | ในเทอมนี้คุณอยากเรียนอะไร? |
What | are | your friends | doing | this afternoon? | บ่ายนี้เพื่อน ๆ ของคุณทำอะไรกันบ้าง? |
What | does | your sister | enjoy | doing in her free time? | พี่สาวของคุณชอบทำอะไรในเวลาว่าง? |
What | can | I | bring | to the meeting? | ฉันสามารถนำอะไรไปประชุมได้บ้าง? |
What | did | he | forget | to tell you? | เขาลืมบอกอะไรคุณ? |
What | is | your favorite | movie | หนังเรื่องโปรดของคุณคือเรื่องอะไร? |
โครงสร้างพิเศษที่ใช้คําว่า What
ต่อไปนี้เป็นโครงสร้างพิเศษที่พบบ่อยที่สุดเมื่อใช้ what ซึ่งคุณสามารถดูได้ในตารางด้านล่างนี้:
โครงสร้าง | ความหมายของโครงสร้าง | ตัวอย่าง | ความหมาย |
What kind of/ What type of… | ประเภท… ไหน | What kind of music do you prefer? | คุณชอบเพลงประเภทไหน? |
What color… | สีอะไร… | What color do you want for your room? | คุณอยากให้ห้องของคุณเป็นสีอะไร? |
What time… | กี่โมง… | What time does the movie start? | หนังเริ่มฉายกี่โมง? |
What day… | วันไหน… | What day will the meeting be held? | การประชุมจะจัดขึ้นวันไหน? |
What grade… | ชั้นเรียนไหน… | What grade did you achieve last year? | ปีที่แล้วคุณเรียนอยู่ชั้นไหน? |
What type of… | ประเภทอะไร… | What type of food do you like to eat? | คุณชอบทานอาหารประเภทไหน? |
What color… | สีอะไร… | What color is your favorite dress? | ชุดสีโปรดของคุณเป็นสีอะไร? |
What time… | กี่โมง… | What time do you start working? | คุณเริ่มทำงานกี่โมง? |
What day… | วันไหน… | What day do you usually go shopping? | คุณมักจะไปช้อปปิ้งวันไหน? |
What grade… | ชั้นไหน… | What grade will you be in next year? | ปีหน้าคุณจะเรียนอยู่ชั้นไหน? |
What… for? | เพื่อ… | What’s that button for? | ปุ่มนั้นมีไว้เพื่ออะไร? |
What… for? | เพื่อ… | What’s the meeting for? | ประชุมเพื่ออะไร? |
What’s on? | มีอะไร…? | What’s on the television tonight? | คืนนี้มีรายการโทรทัศน์อะไรบ้าง? |
What’s on? | มีอะไร…? | What’s on at the cinema this weekend? | สุดสัปดาห์นี้ที่โรงภาพยนตร์มีอะไรฉายบ้าง? |
สำนวนที่มีคําว่า What
ในการสื่อสารภาษาอังกฤษ คุณสามารถใช้วลีทั่วไปกับคําว่า what เพื่อแสดงความคิดได้อย่างเต็มที่ ด้านล่างนี้คือสำนวนทั่วไปที่มีคำว่า what
สํานวน | ความหมาย |
(Do you) see what I mean? | คุณเข้าใจที่ฉันหมายถึงไหม? |
Be careful what you wish for. | ระวังสิ่งที่คุณคาดหวังนะ |
Come what may. | เป็นไงเป็นกัน |
For what it’s worth | อาจจะไม่มีค่า |
Guess what! | เดาสิว่าอะไร |
So what? | แล้วไง |
What about (a cup of tea)? | กินชาสักแก้วไหม? |
What on earth (is going on here)? | นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันเนี่ย |
แบบฝึกหัดเกี่ยวกับการใช้ What
ลองใช้ความรู้ที่คุณเพิ่งเรียนมาด้านบนแล้วทำแบบฝึกหัดด้านล่างนะ
แบบฝึกหัดที่ 1: จงตั้งคำถามโดยใช้คำว่า what ในส่วนที่ขีดเส้นใต้
จงตั้งคำถามโดยใช้คำว่า what ในส่วนที่ขีดเส้นใต้
- The car is in the parking lot.
- The book was on the bookshelf.
- Jenny has lost her airpods.
- Lily made the candle.
- The caterpillar became a butterfly.
- The children watched the movie.
- James likes ice cream.
- Annie bought a dress this morning.
- Something odd happened during the storm last night.
แบบฝึกหัดที่ 2: จงเลือกคําถามที่ถูกต้องสําหรับประโยคต่อไปนี้
จงเลือกคําถามที่ถูกต้องสําหรับประโยคต่อไปนี้
1. She is looking for a car.
- What is she looking for?
- What she’s looking for?
- What is she looking?
2. She apologized for being late.
- What she did apologize for?
- What did she apologize?
- What did she apologize for?
3. Something terrible happened last night.
- What happened last night?
- What did happen last night?
- What will happen last night?
4. The movie is based on a novel.
- What is the movie based on?
- What is the movie based?
- What the movie is based?
5. She dreamt about beautiful princesses.
- What dreamt she about?
- What did she dream about?
- What dream she?
6. I always listen to music in the afternoon.
- What you do always listen to?
- What you does listen to in the afternoon?
- What do you always listen to in the afternoon?
7. Luke asked his mom for a new bag.
- What did Luke ask his mom for?
- What Luke did ask his mom for?
- What Luke asked his mom?
8. I’m happy about the good marks.
- What are you happy about?
- What do you happy about?
- What you are happy about?
9. Alexander Graham Bell invented the telephone.
- What did Alexander Graham Bell invent?
- What invented Alexander Graham Bell?
- What did invent Alexander Graham Bell?
10. Mark was looking at the new car.
- What he look at?
- What was he looking at?
- What were he look at?
เฉลย
1. A | 2. C | 3. A | 4. A | 5. B |
6. C | 7. A | 8. A | 9. A | 10. B |
แบบฝึกหัดที่ 3: จงเรียงคำที่กำหนดให้เป็นคำถามที่ถูกต้อง
จงเรียงคำที่กำหนดให้เป็นคำถามที่ถูกต้อง
1. yesterday/ What/ happened/?
2. sunflowers/ know/ What/ you/ do/ about/?
3. they/ last/ broadcast/ on/ did/ TV/ night/ What/?
4. What/ Annie/ studying/ now/ is/?
5. What/ cancer/ causes/?
6. helps/ What/ good/ produce/ crops/?
7. What/ layer/ the/ damaged/ ozone/?
8. What/ be/ can/ from/ inferred/ passage/ the?
9. yesterday/ What/ day/ was/?
10. grade/ Jane/ in/ What/ is/?
คําถามที่มีคำว่า what ที่พบบ่อย
ด้านล่างนี้เป็นคำตอบสำหรับคําถามที่มีคำว่า what ที่พบบ่อย
วิธีแยกแยะระหว่าง What กับ Which
เพื่อให้สามารถเข้าใจถึงความหมายได้อย่างชัดเจน คุณสามารถเปรียบเทียบกับนิยามอื่น ๆ ได้ นี่คือการเปรียบเทียบระหว่างคำว่า what และ which:
เกณฑ์ | Which | What |
วิธีการใช่ | ใช้เพื่อถามเกี่ยวกับตัวเลือกที่เฉพาะเจาะจง | ใช้ในการถามแบบทั่วไปมากกว่า |
คําตอบ | คำตอบมักจะจำกัดอยู่เพียงบางตัวเลือกเท่านั้น | คำตอบมักมีรายละเอียดและไม่จำกัด |
ตัวอย่าง | Which hat do you like? Polka-dot or striped? (คุณชอบหมวกแบบไหน ลายจุด หรือ ลายทาง?) | What hat do you like? (คุณชอบหมวกแบบไหน?) |
ตัวเลือก | มีตัวเลือกคำตอบที่เฉพาะเจาะจงตั้งแต่สองตัวเลือกขึ้นไป | จะตอบแบบไหนก็ได้ตามที่ต้องการ |
ประพันธสรรพนาม | ใช้แทนคำนามที่อ้างถึงสัตว์หรือวัตถุ | มักใช้เพื่ออ้างถึงสิ่งที่ไม่ได้ระบุหรือเพื่อสอบถามข้อมูล |
ตัวอย่างเกี่ยวกับประพันธสรรพนาม | This is the special gift which my mom gave me last year. (นี่คือของขวัญพิเศษที่แม่ให้ฉันเมื่อปีที่แล้ว) | She gave me what I needed.(เธอให้สิ่งที่ฉันต้องการ) |
What เป็นคําชนิดไหน
What เป็นคำที่มีหน้าที่หลากหลายในภาษาอังกฤษและสามารถจัดอยู่ในหมวดหมู่คำศัพท์ได้หลายชนิด ขึ้นอยู่กับบริบท ต่อไปนี้คือชนิดของคำที่ What สามารถเป็นได้:
ชนิดของคํา | หน้าที่ | ตัวอย่าง |
คำสรรพนาม | ใช้เพื่อถามเกี่ยวกับวัตถุ สิ่งของ เหตุการณ์ หรือความคิด | What is that? (นั่นคืออะไร?) |
คํานาม | บางที what สามารถใช้เป็นคำนามเพื่อพูดถึงสิ่งของหรือความคิดก็ได้ | I can’t believe what happened yesterday. (ฉันไม่สามารถเชื่อสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อวานนี้ได้) |
คําคุณศัพท์ | ยืนหน้าคำนามเพื่อขอรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับสิ่งของหรือเหตุการณ์เฉพาะเจาะจง | What color do you prefer? (คุณชอบสีไหน?) |
คำวิเศษณ์ | สามารถใช้ What เป็นคำวิเศษณ์เพื่อพูดถึงระดับหรือลักษณะของบางสิ่งบางอย่างได้ | What a wonderful surprise! (เป็นเซอร์ไพรส์ที่ดีจริง ๆ ) |
ประโยคอุทาน | สามารถใช้ What ในประโยคอุทานเพื่อแสดงอารมณ์ที่รุนแรง | What an amazing performance! (เป็นการแสดงที่น่าทึ่งมาก!) |
คำสันธาน | What ยังสามารถใช้เพื่อเชื่อมโยงอนุประโยคในประโยค โดยมักนำประโยครองมาใช้เพื่ออธิบายความหมาย | I don’t know what he wants. (ฉันไม่รู้ว่าเขาต้องการอะไร) |
What’s แปลว่า อะไร
What‘s ย่อมาจากวลี what is หรือ what has ในภาษาอังกฤษ ซึ่งมักใช้ในบริบทที่แตกต่างกัน ต่อไปนี้เป็นความหมายและวิธีการใช้คำว่า what‘s:
What’s (What is):
- ใช้เพื่อสอบถามข้อมูลหรือความหมายของบางสิ่งบางอย่าง
ตัวอย่าง: What’s your favorite movie? (คุณชอบภาพยนตร์เรื่องไหน?)
What’s (What has):
- บางครั้งใช้ถามถึงการกระทำที่เกิดขึ้นในอดีตหรือสถานะปัจจุบันที่เกี่ยวข้องกับอดีต
ตัวอย่าง: What‘s happened to your car? (เกิดอะไรขึ้นกับรถของคุณ?)
What’s เป็นคำที่มีประโยชน์มากในการสื่อสารในชีวิตประจำวัน ซึ่งช่วยให้ผู้พูดสามารถตั้งคำถามเกี่ยวกับข้อมูลหรือสถานการณ์ได้อย่างรวดเร็วและเป็นธรรมชาติ
What สามารถอยู่ตรงไหนในประโยค
ในภาษาอังกฤษ คำว่า what เป็นคำที่ยืดหยุ่นและสามารถใช้ได้ในหลายตำแหน่งของประโยค เพื่อทำหน้าที่ต่าง ๆ มากมาย ตั้งแต่การตั้งคำถาม การเพิ่มข้อมูลหรือการเชื่อมโยงแนวคิด ซึ่งการวางตำแหน่งของ what เป็นสิ่งที่สำคัญเพื่อให้เข้าใจถึงวัตถุประสงค์อย่างชัดเจนในบริบทเฉพาะ
ด้านล่างนี้ เราจะเรียนรู้เกี่ยวกับตําแหน่งที่ what สามารถปรากฏในประโยคได้ พร้อมด้วยวิธีการใช้และตัวอย่าง
ตําแหน่ง | วิธีใช้ | ตัวอย่าง |
หน้าประโยค (คำถาม) | What มักจะมาอยู่หน้าประโยคเพื่อเริ่มต้นตั้งคำถาม | What do you think about this movie? (คุณคิดอย่างไรกับหนังเรื่องนี้? ) |
กลางประโยค (ประโยคทางอ้อมหรือประโยคบอกเล่า) | ใช้เมื่อต้องการพูดอ้อม ๆ หรือประโยคบอกเล่า what สามารถอยู่กลางประโยคเพื่อเพิ่มข้อมูลได้ | He told me what he plans to do next. (เขาบอกฉันว่าเขาวางแผนจะทำอะไรต่อไป) |
อยู่หน้าคํานาม (คำคุณศัพท์บอกคำถาม) | What สามารถอยู่หน้าคำนามเป็นคำคุณศัพท์บอกคำถามได้ ซึ่งใช้เพื่อถามถึงลักษณะหรือข้อมูลของสิ่งของ | What color is your new car? (รถใหม่ของคุณสีอะไร? ) |
อยู่ท้ายประโยค (ประโยคอุทานหรือเมื่อต้องเน้นย้ำ) | ในประโยคอุทานหรือประโยคความซ้อนบางประโยค อาจปรากฏที่ท้ายประโยค | That’s quite surprising, what! (นี่มันน่าประหลาดใจมากเลย) |
ในประโยคความซ้อน (ประโยครอง) | What นอกจากนี้ยังใช้ในประโยคความซ้อนเพื่อนำหน้าประโยครองและมีบทบาทในการเชื่อมโยงความหมาย | She admired what he had accomplished. (เธอชื่นชมในสิ่งที่เขาทำสำเร็จ) |
What time คืออะไร
What time เป็นวลีที่ใช้เพื่อถามในโครงสร้างคำถามเรื่องเวลาที่พบบ่อย นั่นก็คือ What time is it? ซึ่งแปลเป็นภาษาไทยคือ What time is it now?
วลี What about แปลว่าอะไร
What about เป็นวลีที่ใช้เพื่อถามถึงความคิดเห็นหรือข้อเสนอแนะในเรื่องอื่น เช่น What about going to the movies? แปลว่า แล้วไปดูหนังล่ะ?
ประโยคที่ใช้ What ที่พบบ่อย
ตัวอย่างประโยค | วิธีใช้ | ตัวอย่าง |
ถามถึงข้อมูลส่วนบุคคล | ใช้เพื่อขอข้อมูลส่วนบุคคล | What is your name? (คุณชื่ออะไร?) |
ถามถึงสิ่งของหรือเหตุการณ์ | เมื่อคุณต้องการถามเกี่ยวกับสิ่งของหรือเหตุการณ์ที่ยังไม่รู้จัก | What is that? (นั่นคืออะไร?) |
ถามเกี่ยวกับอาชีพหรืองาน | ใช้เพื่อถามเกี่ยวกับอาชีพหรืองานของบุคคล | What do you do for a living? (คุณทำงานอะไร?) |
ถามเกี่ยวกับความชอบหรือความคิดเห็น | ช่วยให้เรียนรู้เกี่ยวกับความชอบของผู้อื่น | What is your favorite movie? (คุณชอบหนังเรื่องไหน?) |
ถามเกี่ยวกับกิจกรรมหรือแผนงาน | เพื่อรู้แผนหรือการกระทําของผู้อื่น | What are you doing this weekend? (สุดสัปดาห์นี้คุณจะทำอะไร?) |
ถามเกี่ยวกับเวลาที่เฉพาะเจาะจง | ใช้เพื่อกำหนดเวลาที่แน่นอน | What time does the meeting start? (การประชุมเริ่มกี่โมง?) |
ขอคำอธิบายหรือคำชี้แจง | ใช้เมื่อคุณต้องการทำความเข้าใจความคิดเห็นหรือข้อมูลให้ดีขึ้น | What do you mean? (คุณหมายความว่าอะไร?) |
ถามถึงเรื่องหรือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น | ใช้เพื่อเรียนรู้เกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น | What happened at the party? (เกิดอะไรขึ้นที่งานปาร์ตี้?) |
ถามเกี่ยวกับสภาพหรือสถานการณ์สมมุติ | ใช้เพื่อหารือเกี่ยวกับสถานการณ์ที่อาจเกิดขึ้น | What if it rains? (ถ้าฝนตกจะทำอย่างไร?) |
ถามเกี่ยวกับสถานที่ | ใช้เพื่อระบุตำแหน่งของสถานที่เฉพาะ | What is the nearest restaurant? (ร้านอาหารที่ใกล้ฉันที่สุดอยู่ที่ไหน?) |
ถามเกี่ยวกับสาเหตุหรือเหตุผล | ช่วยค้นหาสาเหตุของเหตุการณ์ | What caused the delay? (อะไรทำให้เกิดความล่าช้า?) |
ถามเกี่ยวกับข้อมูลทั่วไป | ใช้เพื่อทดสอบความรู้ของผู้อื่น | What do you know about this topic? (คุณทราบอะไรเกี่ยวกับหัวข้อนี้บ้าง?) |
ทําไมคําว่า What ถึงเป็นคําที่สําคัญในการสื่อสารในภาษาอังกฤษ
คำว่า What มีความสำคัญมากเพราะช่วยให้ผู้พูดและผู้ฟังเข้าใจข้อมูลที่ถูกถามได้ดีขึ้น การใช้ What ช่วยชี้แจงคำถามและนำมาซึ่งความแม่นยำในการสื่อสาร
สามารถใช้ What ในกรณีไหน
ต่อไปนี้เป็นสถานการณ์ที่คำว่า what สามารถใช้ในการสื่อสารภาษาอังกฤษที่พบบ่อย:
- สอบถามข้อมูลเฉพาะ
- ถามเกี่ยวกับความชอบหรือความคิดเห็น
- ถามเกี่ยวกับการกระทำหรือสถานการณ์
- ถามเรื่องเวลา
- ขอคำอธิบายหรือคำชี้แจง
- ถามถึงสิ่งของหรือเหตุการณ์ต่าง ๆ
- ถามเกี่ยวกับสภาพหรือสถานการณ์
- ถามเกี่ยวกับสถานที่
- ถามเกี่ยวกับสาเหตุหรือเหตุผล
- ถามเกี่ยวกับข้อมูลทั่วไป
- ถามเกี่ยวกับอาชีพ/การงาน
- ถามเรื่องสิ่งของหรือเหตุการณ์
ในภาษาอังกฤษ คำว่า what มีบทบาทสำคัญในการสื่อสารในชีวิตประจำวัน ช่วยให้คุณสอบถามข้อมูล ความชอบ และชี้แจงสถานการณ์ต่าง ๆ มากมาย การเข้าใจความหมายและการใช้คำ what จะช่วยให้คุณพัฒนาทักษะการสื่อสาร ถ้าคุณมีคำถามหรือต้องการพัฒนาทักษะภาษาอังกฤษ โปรดติดต่อ ELSA Speak ทันที เราพร้อมที่จะสนับสนุนคุณในเส้นทางสู่การเรียนภาษาอังกฤษอย่างมีประสิทธิภาพเสมอ
โครงสร้าง Before เป็นไวยากรณ์พื้นฐานในภาษาอังกฤษที่คุณต้องรู้ แล้ว Before แปลว่า อะไร? ก่อนและหลัง Before + รูปแบบประโยคอะไร? ในบทความนี้ ELSA Speak จะรวบรวมความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับ Before และวิธีใช้ในการสื่อสารในชีวิตประจำวันมาให้กับทุกคนนะ
Before มีความหมาย ว่าอะไร?
ตามพจนานุกรมของเคมบริดจ์ before – At or during a time earlier than (the thing mentioned) อธิบายง่ายๆ before แปลว่า ก่อน เวลาที่ถูกกล่าวถึง และใช้เพื่อขยายความประโยคหลัก
วิธีออกเสียง Before /bɪˈfɔːr/ เน้นพยางค์ที่สอง
ตัวอย่าง before แต่งประโยค :
- You should always wash your hands before meals. (คุณควรล้างมือก่อนรับประทานอาหารเสมอ)
- Before we make a decision, does anyone want to say anything else? (ก่อนตัดสินใจมีใครอยากพูดอะไรอีกมั้ย?)
Before ใช้ยังไง และตำแหน่งในประโยค
Before ใช้เป็นกริยาวิเศษณ์แสดงเวลา มักปรากฏในอนุประโยครองเพื่อขยายความหมายให้กับประโยคหลัก
ในทางกลับกัน อนุประโยคที่มี before สามารถอยู่ก่อนหรือหลังประโยคหลักได้ ขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ของความหมายในประโยค เมื่อขึ้นต้นประโยคจะถูกแยกออกจากประโยคหลักด้วยเครื่องหมายจุลภาคช่วยทำให้โครงเรื่องชัดเจนขึ้นและเพิ่มการเชื่อมโยงกันของประโยค
ตัวอย่าง: Before I go to bed, I always read a book. (ก่อนนอนฉันจะอ่านหนังสือเสมอ)
อธิบาย: อนุประโยคใจความรอง Before I go to bed ขยายความหมายให้อนุประโยคใจความหลัก I always read a book.
โครงสร้าง before + รูปแบบประโยคอะไร?
Before สามารถใช้ในกาลภาษาอังกฤษได้ โครงสร้าง before มักพบในการสื่อสารในชีวิตประจำวันทั้งในรูปแบบอดีต ปัจจุบัน และอนาคต
โครงสร้าง Before ใช้กับอดีตกาล
สำหรับอดีตกาล before ใช้เพื่อแสดงการกระทำที่เกิดขึ้นก่อนการกระทำอื่นในอดีต
Before + อนุประโยคใจความรอง (Past Simple tense), อนุประโยคใจความหลัก (Past perfect tense) |
หรือ:
อนุประโยคใจความหลัก (Past perfect tense) + before + อนุประโยคใจความรอง (Past Simple tense) |
ตัวอย่าง:
- Before she arrived, I had already prepared dinner. (ก่อนที่เธอมาถึง ฉันเตรียมอาหารเย็นไว้แล้ว)
- We had finished our homework before they left the house. (เราทำการบ้านเสร็จก่อนที่พวกเขาจะออกจากบ้าน)
โครงสร้าง Before ใช้กับกาลปัจจุบัน
ในกาลปัจจุบัน ผู้พูดใช้ before เพื่ออธิบายนิสัยที่ใครบางคนมีก่อนทำอย่างอื่น
Before + อนุประโยคใจความรอง (Simple Present tense), อนุประโยคใจความหลัก (Simple Present tense) |
หรือ:
อนุประโยคใจความหลัก (Simple Present tense) + before + อนุประโยคใจความรอง (Simple Present tense) |
ตัวอย่าง:
- Before she leaves for work, she always drinks a cup of coffee. (ก่อนออกไปทำงานเธอจะดื่มกาแฟหนึ่งแก้วเสมอ)
- They usually check the agenda before they start the meeting. (พวกเขาจะตรวจสอบวาระการประชุมก่อนที่จะเริ่มการประชุม)
โครงสร้าง Before ใช้กับกาลอนาคต
สุดท้ายนี้ ในกาลอนาคต before มักใช้เพื่ออ้างถึงเหตุการณ์หรือการกระทำที่จะเกิดขึ้นก่อนเหตุการณ์หรือการกระทำอื่น
Before + อนุประโยคใจความรอง (Simple Present tense), อนุประโยคใจความหลัก (Simple Future Tense) |
หรือ:
อนุประโยคใจความหลัก (Simple Future Tense) + before + อนุประโยคใจความรอง (Simple Present tense) |
ตัวอย่าง:
- Before she finishes her project, she will ask for feedback. (ก่อนที่โครงการของเธอเสร็จสิ้น เธอจะขอความคิดเห็นเสมอ)
- He will complete his thesis before he graduates. (เขาจะทำวิทยานิพนธ์ของเขาให้เสร็จก่อนที่เขาจะสำเร็จการศึกษา)
ข้อสังเกตเมื่อใช้ Before
ข้อสังเกตเกี่ยวกับวิธีใช้ before เพื่อสื่อสารได้อย่างคล่องแคล่วและเป็นธรรมชาติมากขึ้น:
- นอกจากจะทำหน้าที่เป็นส่วนประกอบในอนุประโยคแล้ว before ยังสามารถนำมาใช้ในโครงสร้างประโยคย้อนกลับ
ตัวอย่าง: before had we realized it, the meeting already started. (ก่อนที่เราจะรู้ตัว การประชุมก็ได้เริ่มไปแล้ว)
- ถ้าประโยคที่มี Before อยู่ที่จุดเริ่มต้นของประโยค ก็จะถูกแยกออกจากประโยคที่เหลือด้วยจุลภาค เมื่อประธานทั้งสองเหมือนกัน เราสามารถละประธานในประโยคต่อไปนี้และเปลี่ยนกริยาเป็นรูป V-ing ได้
ตัวอย่าง: Before he went to the party, he finished his homework => Before going to the party, he finished his homework. (ก่อนไปงานปาร์ตี้เขาทำการบ้านเสร็จแล้ว)
อธิบาย: ในประโยคที่มีประธาน he เราจะย่อประโยคและลบประธานออกจากนั้นเปลี่ยนกริยา went เป็น going (รูป V-ing ของกริยา go)
- เมื่อใช้โครงสร้าง Before ต้องสังเกตกับการใช้กาล การกระทำที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้จะถูกย้ายกลับไปในรูปแบบกาล (ประโยคก่อนหน้า Before จะถูกลดกลับไปหนึ่งกาล เมื่อเทียบกับประโยคที่อยู่หลัง Before)
ตัวอย่าง: I had finished my homework before my friends arrived. (ฉันทำการบ้านเสร็จก่อนที่เพื่อนจะมาถึง)
อธิบาย: ในประโยคนี้ การกระทำ had finished เกิดขึ้นก่อน my friends arrived ดังนั้น อนุประโยคก่อน before – I had finished my homework จึงเป็นอดีตกาลสมบูรณ์
ความแตกต่างระหว่างความหมาย และ โครงสร้าง Before, After
After และ before เป็นคำสันธาน 2 คำที่มีความหมายตรงกันข้ามกัน ความแตกต่างบางประการที่คุณต้องเข้าใจเพื่อหลีกเลี่ยงความสับสนคือ
เกณฑ์ | Before | After |
Before after ความหมาย | อธิบายการกระทำที่เกิดขึ้นก่อนเวลาหรือการกระทำอื่น | อธิบายการกระทำที่เกิดขึ้นหลังเวลาหรือการกระทำอื่น |
โครงสร้าง(ตามกาลที่ใช้) | Before + อดีตกาลธรรมดา, อดีตกาลสมบูรณ์ ตัวอย่าง: Before he called me, I had already sent the email. (ก่อนที่เขาจะโทรหาฉัน ฉันได้ส่งอีเมลไปแล้ว) | After + อดีตกาลธรรมดา, อดีตกาลธรรมดา ตัวอย่าง: After he finished his homework, he went out to play. (หลังจากที่เขาทำการบ้านเสร็จเขาก็ออกไปเล่น) |
Before + ปัจจุบันกาลธรรมดา, ปัจจุบันกาลธรรมดา ตัวอย่าง: Before he goes to bed, he reads a book. (ก่อนที่เขาจะเข้านอนเขาจะอ่านหนังสือ) | After + อดีตกาลธรรมดา, ปัจจุบันกาลธรรมดา ตัวอย่าง: After he graduated from university, he works at a bank. (หลังจากเขาเรียนจบมหาวิทยาลัยเขาทำงานที่ธนาคาร) | |
Before + ปัจจุบันกาลธรรมดา, ประโยคอนาคตกาล ตัวอย่าง: Before they go on vacation, they will make a packing list. (ก่อนที่จะไปเที่ยวพักผ่อน พวกเขาจะทำรายการสิ่งของที่ต้องแพ็ค) | After + ปัจจุบันกาลธรรมดา/ปัจจุบันกาลสมบูรณ์, ประโยคอนาคตกาล ตัวอย่าง: After she has completed the project, she will take a break. (หลังจากที่เธอทำโครงการเสร็จเธอจะพักผ่อน) |
แบบฝึกหัด Before จงแต่งประโยคตามโครงสร้าง
แบบฝึกหัด 1: เติมคำ before หรือ after ในช่องว่างด้วยประโยคต่อไปนี้:
1. I always stretch __________ exercising.
2. She likes to relax __________ finishing her work.
3. __________ the meeting starts, we should check the equipment.
4. He usually has dinner __________ he watches TV.
5. __________ studying, make sure you have all your materials ready.
แบบฝึกหัด 2:เรียงคำต่อไปนี้เป็นประโยคที่สมบูรณ์โดยใช้ before หรือ after:
1. the report / send / I / to my boss / before / I / finish / my work.
2. the movies / watch / we / dinner / go / after / we.
3. he / practice / his speech / before / the presentation / after / he / prepares.
4. the party / clean up / we / after / the guests / leave / before / we.
5. she / homework / finish / before / she / goes / out to play / after / dinner.
แบบฝึกหัด 3: เปลี่ยนประโยคต่อไปนี้ให้เป็นรูปแบบย่อโดยใช้ before หรือ after:
1. After she finished her exams, she went on a trip.
2. Before you start cooking, wash your hands.
3. He always checks his phone after he wakes up.
4. Before the concert begins, we should find our seats.
5. After they completed the project, they celebrated their success.
แบบฝึกหัด 4: เขียนประโยคโดยใช้ทั้ง before และ after เพื่ออธิบายกิจกรรมประจำวันของคุณมา 5 ประโยค
แบบฝึกหัด 5: เติม before หรือ after และใช้กาลที่ถูกต้องในประโยคต่อไปนี้:
1. I always feel better __________ I go for a walk.
2. She will call you __________ she arrives at the airport.
3. __________ finishing his homework, he played video games.
4. We should leave early __________ traffic gets heavy.
5. __________ the sun sets, we will take some photos.
เฉลย:
แบบฝึกหัด 1:
แบบฝึกหัด 1 | 1. Before | 2. After | 3. Before | 4. After | 5. Before |
แบบฝึกหัด 2:
1. I should send the report to my boss before I finish my work.
2. We go to the movies after we have dinner.
3. He practices his speech before the presentation after he prepares.
4. We clean up after the guests leave before we celebrate.
5. She finishes her homework before she goes out to play after dinner.
แบบฝึกหัด 3:
1. After finishing her exams, she went on a trip.
2. Before starting to cook, wash your hands.
3. He always checks his phone after waking up.
4. Before the concert begins, we should find our seats.
5. After completing the project, they celebrated their success.
แบบฝึกหัด 4:
1. I like to exercise before I have breakfast, and after that, I take a shower.
2. Before I go to bed, I read a book after I finish my homework.
3. I usually study before dinner, and I relax after I eat.
4. After I finish my chores, I like to watch TV before going to sleep.
5. I call my friends before going out, and we usually meet after school.
แบบฝึกหัด 5:
1. Before | 2. After | 3. Before | 4. Before | 5. Before |
คำถามที่พบบ่อย
How to pronounce before?
วิธีออกเสียง Before /bɪˈfɔːr/
Before เป็นคําชนิดใด?
Before สามารถใช้ได้หลากหลายหน้าที่ เช่น คำบุพบท (preposition), คำวิเศษณ์ (adverb) และคำเชื่อม (linking words)
Before tense อะไร?
Before ได้ใช้ทั้งใน tense อดีต ปัจจุบัน และอนาคต
Before after อ่านว่ายังไง?
- Before อ่านว่า /bɪˈfɔːr/
- After อ่านว่า /ˈæf.tɚ/
บทความนี้ ELSA Speak ได้แบ่งปันโครงสร้างพื้นฐานของ before และข้อควรรู้ที่สำคัญๆ เพื่อช่วยให้คุณได้รับความรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับไวยากรณ์ภาษาอังกฤษ อย่าลืมติดตามบทความของ ELSA Speak เพื่อพัฒนาความรู้ของคุณในทุกวันนะ
คำศัพท์เกี่ยวรถภาษาอังกฤษเป็นหัวข้อที่คุ้นเคย แต่ไม่ใช่คนใดก็สามารถจดจำคำศัพท์เหล่านั้นได้อย่างแม่นยำ ในบทความนี้ ELSA Speak จะช่วยคุณเรียนรู้วิธีออกเสียงชื่อรถยนต์ที่ใช้บ่อยในภาษาอังกฤษ พร้อมพัฒนาทักษะด้านคำศัพท์ มาค้นพบเพิ่มเติมเกี่ยวกับชื่อเรียกและการจำแนกประเภทรถแต่ละประเภทไปด้วยกัน!
แนะนำคำศัพท์เกี่ยวกับรถยนต์และยานพาหนะ
คำศัพท์เกี่ยวกับรถยนต์และยานพาหนะเป็นส่วนสำคัญในภาษาอังกฤษ โดยเฉพาะเมื่อคุณต้องสื่อสารในชีวิตประจำวันที่เกี่ยวข้องกับการเดินทาง การท่องเที่ยว หรือการทำงาน คำศัพท์รุ่นรถภาษาอังกฤษเหล่านี้ไม่เพียงช่วยให้คุณอธิบายประเภทของยานพาหนะได้อย่างถูกต้อง แต่ยังช่วยให้คุณเข้าใจและสามารถมีส่วนร่วมในการสนทนาเกี่ยวกับการบำรุงรักษา การใช้งาน และคุณสมบัติทางเทคนิคของยานพาหนะได้อีกด้วย
ประเภทยานพาหนะที่พบบ่อย
การจำแนกและความหมายของยานพาหนะแต่ละประเภท รถภาษาอังกฤษอ่านว่า อะไร มาดูกันเลย!
ยานพาหนะ | การสะกดคำ | ความหมาย |
Ambulance | /ˈæmbjələns/ | รถพยาบาล |
Aircraft | /ˈɛərkræft/ | เครื่องบิน |
Taxi | /ˈtæksi/ | แท็กซี่ |
Boat | /boʊt/ | เรือ |
Ferry | /ˈfɛri/ | เรือข้ามฟาก |
Tram | /træm/ | รถราง |
Hovercraft | /ˈhʌvərˌkræft/ | เรือพ่นลม |
Motorboat | /ˈmoʊtərˌboʊt/ | เรือยนต์ |
Subway | /ˈsʌbˌweɪ/ | รถไฟใต้ดิน |
Scooter | /ˈskuːtər/ | รถสกูตเตอร์ |
Minivan | /ˈmɪniˌvæn/ | รถตู้ขนาดเล็ก |
RV | /ɑr viː/ | รถบ้านเคลื่อนที่ |
Trolleybus | /ˈtrɒlibʌs/ | รถบัสไฟฟ้า |
Yacht | /jɑt/ | เรือยอชต์ |
Lorry | /ˈlɔːri/ | รถบรรทุก |
Tanker | /ˈtæŋkər/ | รถบรรทุกน้ำมัน |
Convertible | /kənˈvɜrtəbl/ | รถเปิดประทุน |
Limousine | /ˈlɪməˌzin/ | ลิมูซีน |
Coupe | /kuːˈpeɪ/ | รถคูเป้ |
Cabriolet | /ˌkæbrɪˈoʊleɪ/ | รถเปิดประทุน |
Van | /væn/ | รถตู้ |
Snowmobile | /ˈsnoʊməˌbil/ | รถเลื่อนหิมะ |
Moped | /ˈmoʊˌpɛd/ | มอเตอร์ไซค์เล็ก |
Segway | /ˈseɡweɪ/ | รถไฟฟ้าสมดุลสองล้อ |
Unicycle | /ˈjunəˌsaɪkl/ | รถจักรยานล้อเดียว |
Rollerblades | /ˈroʊlərˌbleɪdz/ | รองเท้าสเก็ตโรลเลอร์ |
Helicopter | /ˈhɛlɪˌkɑptər/ | เฮลิคอปเตอร์ |
Bicycle | /ˈbaɪsɪkl/ | จักรยาน |
Glider | /ˈɡlaɪdər/ | เครื่องร่อน |
Dinghy | /ˈdɪŋɪ/ | เรือเล็ก |
คำศัพท์ภาษาอังกฤษเกี่ยวกับประเภทของรถทั่วไป
ตารางคำศัพท์เกี่ยวกับประเภทของรถที่พบบ่อยในชีวิตประจำวัน
ประเภท | ยานพาหนะ ภาษาอังกฤษ คําอ่าน | ความหมาย |
Sedan | /sɪˈdæn/ | รถเก๋ง |
SUV | /ˈɛs juˈ viː/ | รถเอสยูวี (รถสปอร์ตอเนกประสงค์) |
Hatchback | /ˈhætʃˌbæk/ | รถแฮทช์แบค |
Coupe | /kuːˈpeɪ/ | รถคูเป้ |
Minivan | /ˈmɪniˌvæn/ | รถตู้เล็ก |
Sports Car | /spɔːrts kɑr/ | รถสปอร์ต |
Crossover | /ˈkrɔˌsoʊvər/ | รถครอสโอเวอร์ |
Convertible | /kənˈvɜrtəbl/ | รถเปิดประทุน |
Pickup Truck | /ˈpɪkˌʌp trʌk/ | รถกระบะ |
Roadster | /ˈroʊdstər/ | รถโรดสเตอร์ (เปิดประทุนสองที่นั่ง) |
Hybrid | /ˈhaɪˌbrɪd/ | รถไฮบริด |
Electric Car | /ɪˈlɛktrɪk kɑr/ | รถยนต์ไฟฟ้า |
Luxury Car | /ˈlʌkʃəri kɑr/ | รถหรู |
Compact Car | /ˈkɒmpækt kɑr/ | รถขนาดกะทัดรัด |
Full-size Car | /fʊl saɪz kɑr/ | รถขนาดใหญ่ |
Muscle Car | /ˈmʌsl kɑr/ | รถมัสเซิล |
Station Wagon | /ˈsteɪʃən ˈwæɡən/ | รถสเตชันแวกอน |
Subcompact | /sʌbˈkɒmpækt/ | รถขนาดเล็ก |
Microcar | /ˈmaɪkroʊˌkɑr/ | รถไมโคร |
Kei Car | /keɪ kɑr/ | รถเคย์ (ญี่ปุ่น) |
Bakkie | /ˈbæk.i/ | รถกระบะ (แอฟริกาใต้) |
Cabriolet | /ˌkæbriəˈleɪ/ | รถเปิดประทุนขนาดเล็ก |
Limousine | /ˈlɪməˌzin/ | รถลิมูซีน |
Utility Vehicle | /juːˈtɪlɪti vɪˈhɪkl/ | รถเอนกประสงค์ |
Estate Car | /ɪˈsteɪt kɑr/ | รถบรรทุกสินค้า |
Touring Car | /ˈtʊərɪŋ kɑr/ | รถทัวริ่ง |
Grand Tourer (GT) | /ɡrænd ˈtʊərər/ | รถสปอร์ตแกรนด์ทัวเรอร์ |
Hearse | /hɜːrs/ | รถบรรทุกศพ |
แยกแยะรถหรูและรถระดับพรีเมียมในภาษาอังกฤษ
รถระดับพรีเมี่ยมไม่ได้มีเพียงการออกแบบภายในและภายนอกที่พิถีพิถัน แต่ยังมอบประสบการณ์การขับขี่ที่แตกต่างอย่างเหนือชั้น ด้านล่างนี้คือประเภทของรถหรูที่ได้รับความนิยม:
คำศัพท์ | การสะกดคำ | คำอธิบาย |
Limousine | /ˌlɪməˈziːn/ | รถลิมูซีน มักใช้ในโอกาสพิเศษหรือบริการรับส่งแขกระดับสูง มีพื้นที่ด้านหลังกว้างขวางและสิ่งอำนวยความสะดวกหรูหรา |
Luxury SUV | /ˈlʌk.ʃər.i ˌɛs.juːˈviː/ | รถเอสยูวีหรูที่ผสมผสานสไตล์หรูหรากับความสามารถในการขับขี่ทุกสภาพถนน เป็นที่นิยมในแบรนด์อย่าง BMW, Mercedes-Benz และ Lexus |
Luxury convertible | /ˈlʌk.ʃər.i kənˈvɜːrtəbl/ | รถเปิดประทุนหรูเหมาะกับการเดินทางในสภาพอากาศดี รุ่นยอดนิยมเช่น Mercedes-Benz S-Class Convertible, BMW Z4 |
Luxury sedan | /ˈlʌk.ʃər.i sɪˈdæn/ | รถเก๋งหรูที่มีการออกแบบเรียบหรูและสิ่งอำนวยความสะดวกขั้นสูง เหมาะสำหรับการเดินทางระยะไกลและงานที่ต้องการความมีระดับ |
Sports car | /spɔːrts kɑːr/ | รถสปอร์ตเป็นรถที่มีความเร็วและพลังงานสูง ออกแบบให้ดูสปอร์ต เหมาะสำหรับผู้ที่ชื่นชอบความเร็ว |
Executive car | /ɪɡˈzɛkjətɪv kɑːr/ | รถหรูสำหรับนักธุรกิจ มีพื้นที่กว้างขวางและฟีเจอร์อำนวยความสะดวก เหมาะสำหรับการประชุมหรือกิจกรรมต่าง ๆ |
Grand tourer | /ɡrænd ˈtʊrər/ | รถแกรนด์ทัวเรอร์ที่รวมสมรรถนะสูงและความสะดวกสบาย เหมาะสำหรับการเดินทางระยะไกล |
Crossover | /ˈkrɔːsˌoʊvər/ | รถครอสโอเวอร์เป็นการผสมผสานระหว่างเอสยูวีกับรถเก๋ง มอบความสะดวกสบายและสมรรถนะดีในสภาพถนนหลากหลาย |
ประเภทของรถเชิงพาณิชย์ในภาษาอังกฤษ
รถเชิงพาณิชย์ใช้สำหรับการขนส่งสินค้า หรือการให้บริการสาธารณะเป็นหลัก ด้านล่างนี้คือรถเชิงพาณิชย์ที่พบได้บ่อย:
คำศัพท์ | การสะกดคำ | คำอธิบาย |
heavy-duty truck | /ˈhɛv.i ˈduː.ti trʌk/ | รถบรรทุกขนาดใหญ่ ใช้สำหรับขนส่งสินค้าหนักในระยะทางไกล มักพบในเส้นทางระหว่างประเทศ |
taxi | /ˈtæk.si/ | รถแท็กซี่ ยานพาหนะสาธารณะสะดวกสบายสำหรับการเดินทางในเมือง มีให้บริการในทุกประเทศ |
ประเภทรถออฟโรดภาษาอังกฤษ
รถออฟโรดคือยานพาหนะที่ได้รับการออกแบบมาเป็นพิเศษสำหรับการขับขี่บนพื้นผิวที่ขรุขระและไม่ราบเรียบ พวกมันมีความสามารถในการผ่านอุปสรรคต่าง ๆ และมักถูกใช้ในการเดินทางสำรวจหรือกีฬากลางแจ้ง
คำศัพท์ | การสะกดคำ | คำอธิบาย |
All-purpose vehicle | /ɔːl ˈpɜːrpəs ˈviː.ə.kəl/ | รถอเนกประสงค์ที่สามารถขับผ่านทุกสภาพพื้นผิว เหมาะสำหรับกิจกรรมกลางแจ้งและการผจญภัย |
Off-road truck | /ˈɔfˌroʊd trʌk/ | รถบรรทุกออฟโรดขนาดใหญ่ที่ออกแบบมาเพื่อวิ่งผ่านภูมิประเทศที่เป็นภูเขา ทะเลทราย หรือป่าไม้ |
SUV (Sport Utility Vehicle) | /ˈspɔːrt ˈjuːtɪləti ˈviː.ə.kəl/ | รถเอสยูวี (รถสปอร์ตอเนกประสงค์) ที่ผสมผสานระหว่างการขับขี่บนภูมิประเทศและความสะดวกสบาย เหมาะสำหรับครอบครัวและการเดินทางไกล |
4×4 (Four by Four) | /fɔːr baɪ fɔːr/ | รถขับเคลื่อนสี่ล้อ ช่วยให้สามารถขับผ่านภูมิประเทศที่ยากลำบากและเพิ่มการยึดเกาะพื้นถนน |
Crossover | /ˈkrɔːsˌoʊvər/ | รถครอสโอเวอร์ที่รวมความสะดวกสบายของรถเก๋งเข้ากับความสามารถของเอสยูวี ทำให้เหมาะสำหรับการใช้งานในทุกสภาพพื้นผิว |
All-terrain vehicle | /ɔːl təˈreɪn ˈviː.ə.kəl/ | รถเอทีวี (รถที่สามารถขับผ่านทุกภูมิประเทศ) เหมาะสำหรับพื้นที่ที่มีพื้นผิวหลากหลายตั้งแต่เรียบจนถึงขรุขระ |
Dune buggy | /djuːn ˈbʌɡi/ | รถบักกี้น้ำหนักเบา ใช้งานหลักบนพื้นทรายหรือภูมิประเทศที่มีเนินทราย มีโครงสร้างเรียบง่ายและควบคุมได้ง่าย |
คำศัพท์เกี่ยวกับชิ้นส่วนต่าง ๆ ของรถ
ตารางคำศัพท์ภาษาอังกฤษนี้จะช่วยให้คุณเพิ่มคำศัพท์เกี่ยวกับยานพาหนะ ช่วยให้คุณสื่อสารและเข้าใจสถานการณ์ที่เกี่ยวข้องกับการขับขี่และการบำรุงรักษารถได้ง่ายขึ้น คำศัพท์เหล่านี้มีประโยชน์อย่างมากสำหรับผู้ที่กำลังเรียนขับรถ หรือผู้ที่ต้องการใช้ภาษาอังกฤษในการขับขี่ได้ดีขึ้น
คำศัพท์/วลี | การสะกดคำ | ความหมาย |
Cab | /kæb/ | ห้องคนขับ |
Boot/Trunk | /buːt/ /trʌŋk/ | กระโปรงท้ายรถ |
Tank | /tæŋk/ | ถังน้ำมัน |
Steering wheel | /ˈstɪərɪŋ wiːl/ | พวงมาลัย |
Seat | /siːt/ | ที่นั่ง |
Windscreen/ Windshield | /ˈwɪndskriːn/ /ˈwɪndʃiːld/ | กระจกหน้ารถ |
Rearview mirror | /ˈrɪəvjuː ˈmɪrə/ | กระจกมองหลัง |
Side mirror | /saɪd ˈmɪrə/ | กระจกมองข้าง |
Windscreen wiper / Windshield wiper | /ˈwɪndskriːn ˈwaɪpə/ /ˈwɪndʃiːld ˈwaɪpə/ | ที่ปัดน้ำฝน |
Seat-belt | /siːt bɛlt/ | เข็มขัดนิรภัย |
Airbag | /ˈɛəbæɡ/ | ถุงลมนิรภัย |
Wheel | /wiːl/ | ล้อ |
Tire | /taɪr/ | ยางรถยนต์ |
Engine | /ˈɛnʤɪn/ | เครื่องยนต์ |
Battery | /ˈbætəri/ | แบตเตอรี่ |
Transmission | /trænsˈmɪʃən/ | เกียร์ (ระบบส่งกำลัง) |
Accelerator | /ækˈsɛləˌreɪtə/ | คันเร่ง |
Brakes | /breɪks/ | เบรก |
Clutch | /klʌʧ/ | คลัตช์ |
Handbrake | /ˈhændˌbreɪk/ | เบรกมือ |
Headlights | /ˈhɛdˌlaɪts/ | ไฟหน้า |
Tail light | /teɪl laɪt/ | ไฟท้าย |
Muffler | /ˈmʌflə/ | ท่อไอเสีย |
EX:
- Remember to check your seat-belt before driving for safety.
-> อย่าลืมตรวจสอบเข็มขัดนิรภัยก่อนขับรถเพื่อความปลอดภัย - He opened the boot of the car to take out the luggage.
-> เขาเปิดกระโปรงหลังรถเพื่อนำกระเป๋าออก - Don’t forget to inspect the tire before going on a long trip, in case it’s damaged.
-> อย่าลืมตรวจสอบยางรถก่อนเดินทางไกล เผื่อในกรณียางเสียหาย - The rearview mirror helps the driver see what’s behind them better.
-> กระจกมองหลังช่วยให้คนขับมองเห็นด้านหลังได้ดีขึ้น - To slow down, you just need to press the brakes lightly.
-> เพื่อลดความเร็ว คุณแค่เหยียบเบรกเบา ๆ
>>> Read more: ป้ายจราจร ภาษาอังกฤษ : คำศัพท์ที่คุณไม่ควรพลาด
วลีเกี่ยวกับการ ใช้รถ ภาษาอังกฤษ
วลีต่างๆที่เกี่ยวกับการใช้รถยนต์ที่ใช้บ่อยในภาษาอังกฤษ ช่วยให้คุณสามารถสื่อสารเกี่ยวกับการขับขี่และสถานการณ์ที่เกี่ยวข้องกับการมีรถยนต์
คำศัพท์/วลี | การสะกดคำ | ความหมาย |
Drive a car | /draɪv ə kɑr/ | ขับรถ |
Own a car | /oʊn ə kɑr/ | เป็นเจ้าของรถ |
Rent a car | /rɛnt ə kɑr/ | เช่ารถ |
Fuel up | /fjuːl ʌp/ | เติมน้ำมัน |
Park the car | /pɑrk ðə kɑr/ | จอดรถ |
Get into the car | /ɡɛt ˈɪntu ðə kɑr/ | ขึ้นรถ |
Get out of the car | /ɡɛt aʊt ʌv ðə kɑr/ | ลงรถ |
Turn off the car | /tɜrn ɔf ðə kɑr/ | ปิดเครื่องยนต์ |
Unlock the car | /ʌnˈlɑːk ðə kɑːr/ | ปลดล็อกรถ |
Lock the car | /lɑːk ðə kɑːr/ | ล็อกรถ |
Open the door | /ˈoʊpən ðə dɔːr/ | เปิดประตูรถ |
Put on/fasten your seatbelt | /pʊt ɑːn/ˈfæsən jʊər ˈsiːtbɛlt/ | คาด/รัดเข็มขัดนิรภัย |
Take off/release the handbrake | /teɪk ɔːf/rɪˈliːs ðəˈhændbreɪk/ | ปลดเบรกมือ |
Start the car | /stɑːrt ðə kɑːr/ | สตาร์ทรถ |
Automatic vs manual cars | /ɔːtəˈmætɪk vɪs ˈmænjuəl kɑːrz/ | รถเกียร์อัตโนมัติและเกียร์ธรรมดา |
Put it into… | /pʊt ɪt ˈɪntuː/ | เข้าเกียร์… |
Step on the brake/accelerate | /stɛp ɑn ðə breɪk/əkˈsɛləˌreɪt/ | เหยียบเบรก / เหยียบคันเร่ง |
Turn/put on things | /tɜrn/pʊt ɑn θɪŋz/ | เปิด (เครื่องปรับอากาศ วิทยุ ไฟ ฯลฯ) |
Turn up/down | /tɜrn ʌp/daʊn/ | เพิ่ม/ลด (ความเย็น เครื่องทำความร้อน เสียงวิทยุ) |
Put the windows up/down | /pʊt ðə ˈwɪndoʊz ʌp/daʊn/ | ยกกระจกขึ้น / ลดกระจกลง |
Indicators/turn signals | /ˈɪndɪˌkeɪtərz/tɜrn ˈsɪɡnəlz/ | ไฟเลี้ยว |
We’re doing/going 70 MPH | /wir ˈduɪŋ/ˈɡoʊɪŋ 70 ˌɛmˌpiˈeɪʧ/ | เรากำลังขับ 70 ไมล์ต่อชั่วโมง |
Speed up and slow down | /spiːd ʌp ənd sloʊ daʊn/ | เพิ่มความเร็ว / ลดความเร็ว |
Turn left – take your second right | /tɜrn lɛft – teɪk jʊər ˈsɛkənd raɪt/ | เลี้ยวซ้าย – เลี้ยวขวาที่ทางแยกที่สอง |
Rush hour traffic | /rʌʃ ˈaʊər ˈtræfɪk/ | การจราจรในชั่วโมงเร่งด่วน |
To set off | /tə sɛt ɔf/ | ออกเดินทาง |
A long/short drive | /ə lɔŋ/ʃɔrt draɪv/ | การขับรถทางไกล/ทางใกล้ |
A backseat driver | /ə ˈbækˌsit ˈdraɪvər/ | คนนั่งหลังที่ชอบบอกทางคนขับ |
Check your mirrors | /ʧɛk jʊər ˈmɪrərz/ | ตรวจสอบกระจกมองหลัง |
Rev/stall your engine | /rɛv/stɔl jʊər ˈɛnʤən/ | เร่ง/ดับเครื่องยนต์ |
Take the back streets/Take the B roads | /teɪk ðə bæk strits/teɪk ðə bi roʊdz/ | ใช้ถนนเล็ก/ถนนรอง |
Hog the middle lane | /hɔɡ ðə ˈmɪdl leɪn/ | วิ่งอยู่เลนกลางตลอดเวลา |
Cut someone up | /kʌt ˈsʌmwʌn ʌp/ | ปาดหน้ารถคันอื่น |
Run a red light | /rʌn ə rɛd laɪt/ | ฝ่าไฟแดง |
Tailgating & rear-ending | /ˈteɪlˌɡeɪtɪŋ ənd rɪər ˈɛndɪŋ/ | ขับจี้ท้าย / ชนท้าย |
Get pulled over | /ɡɛt pʊld ˈoʊvər/ | โดนตำรวจเรียกให้จอดรถ |
Pay at pump/meter | /peɪ æt pʌmp/ˈmitər/ | จ่ายเงินที่ปั๊มน้ำมัน / ตามมิเตอร์ |
ตัวอย่างการใช้วลีเกี่ยวกับการใช้รถในประโยค
ตัวอย่างเหล่านี้ช่วยอธิบายการใช้วลีในบริบทจริง:
- I need to rent a car for the weekend.
(ฉันต้องการเช่ารถสำหรับวันหยุดสุดสัปดาห์) - She owns a car and drives to work every day.
(เธอมีรถและขับไปทำงานทุกวัน) - Don’t forget to fuel up before the trip.
(อย่าลืมเติมน้ำมันก่อนเดินทาง) - He parked the car and got out.
(เขาจอดรถและลงจากรถ)
คำศัพท์และวลีเกี่ยวกับการตรวจสอบและบำรุงรักษารถในภาษาอังกฤษ
ด้านล่างนี้คือตารางคำศัพท์ทั่วไปในการตรวจสอบและบำรุงรักษายานพาหนะที่คุณจะพบและใช้บ่อยๆ
คำศัพท์
คำศัพท์ที่เกี่ยวข้องกับการบำรุงรักษาและตรวจสอบสภาพรถในภาษาอังกฤษ โดยเฉพาะในเรื่องการดูแลรักษารถตามระยะเวลา หรือการซ่อมแซม
คำศัพท์ (ชนิดคำ) | การสะกดคำ | ความหมาย |
Inspect (v) | /ɪnˈspɛkt/ | ตรวจสอบ |
Maintenance (n) | /ˈmeɪntənəns/ | การบำรุงรักษา |
Oil change (n) | /ɔɪl ʧeɪndʒ/ | การเปลี่ยนน้ำมันเครื่อง |
Brake fluid (n) | /breɪk fluːɪd/ | น้ำมันเบรก |
Tire rotation (n) | /ˈtaɪər roʊˈteɪʃən/ | การสลับยาง |
Battery check (n) | /ˈbætəri ʧɛk/ | การตรวจสอบแบตเตอรี่ |
Tune-up (n) | /ˈtuːn ʌp/ | การปรับแต่งเครื่องยนต์ |
Spark plug (n) | /spɑːrk plʌg/ | หัวเทียน |
Fluid levels (n) | /fluːɪd ˈlɛvəlz/ | ระดับของเหลว |
Alignment (n) | /əˈlaɪnmənt/ | การตั้งศูนย์ |
Transmission repair (n) | /trænzˈmɪʃən rɪˈpɛr/ | การซ่อมเกียร์ |
Windshield wipers (n) | /ˈwɪndʃiːld ˈwaɪpərz/ | ที่ปัดน้ำฝน |
Headlights (n) | /ˈhɛdˌlaɪts/ | ไฟหน้า |
Jumpstart a car (v) | /ˈdʒʌmpˌstɑːrt ə kɑːr/ | การสตาร์ทรถด้วยสายพ่วง |
License plate (n) | /ˈlaɪsəns pleɪt/ | แผ่นป้ายทะเบียนรถ |
Traffic jam (n) | /ˈtræfɪk dʒæm/ | การจราจรติดขัด |
Rearview mirror (n) | /ˈrɪrˌvjuː ˈmɪrər/ | กระจกมองหลัง |
Fuel economy (n) | /fjul ɪˈkɒnəmi/ | ความประหยัดน้ำมัน |
Car maintenance (n) | /kɑːr ˈmeɪntənəns/ | การบำรุงรักษารถยนต์ |
Air filter (n) | /ɛr ˈfɪltər/ | ไส้กรองอากาศ |
Steering wheel (n) | /ˈstɪrɪŋ wiːl/ | พวงมาลัย |
Dashboard (n) | /ˈdæʃbɔːrd/ | แผงหน้าปัด |
Gas pedal (n) | /ɡæs ˈpɛdəl/ | คันเร่ง |
Turn signal (n) | /tɜrn ˈsɪɡnəl/ | ไฟเลี้ยว |
Backup camera (n) | /ˈbækʌp ˈkæmərə/ | กล้องมองหลัง |
Emergency brake (n) | /ɪˈmɜrdʒənsi breɪk/ | เบรกฉุกเฉิน |
Fuel tank (n) | /fjul tæŋk/ | ถังน้ำมัน |
Spare tire (n) | /spɛr taɪər/ | ยางสำรอง |
วลี
นอกจากคำศัพท์แล้ว ยังมีวลีที่เกี่ยวข้องกับการบำรุงรักษาและซ่อมแซมรถที่ใช้บ่อย ด้านล่างนี้คือตารางคำศัพท์และวลีเกี่ยวกับการบำรุงรักษาและซ่อมแซมรถ พร้อมคำอธิบายและตัวอย่างประโยค:
วลี | ความหมาย | ตัวอย่าง |
Oil change | การเปลี่ยนน้ำมันเครื่อง | It’s time for an oil change to keep the engine running smoothly. (ได้เวลาที่จะเปลี่ยนน้ำมันเครื่องเพื่อให้เครื่องยนต์ทำงานได้อย่างราบรื่น) |
Brake inspection | การตรวจสอบเบรก | The mechanic recommended a brake inspection before our long trip. (ช่างเครื่องแนะนำให้ตรวจสอบเบรกก่อนการเดินทางไกลของเรา) |
Tire rotation | การสลับยาง | Tire rotation helps to ensure even wear on all the tires. (การสลับยางช่วยให้มั่นใจว่ายางทั้งหมดสึกหรอเท่ากัน) |
Battery replacement | การเปลี่ยนแบตเตอรี่ | The car wouldn’t start, so I had to do a battery replacement. (รถไม่สตาร์ท ฉันจึงต้องเปลี่ยนแบตเตอรี่) |
Fluid flush | การล้างของเหลว | A fluid flush is necessary to remove old fluid and prevent overheating. (การล้างของเหลวเป็นจำเป็นเพื่อกำจัดของเหลวเก่าและป้องกันความร้อนสูงเกินไป) |
Engine tune-up | การปรับแต่งเครื่องยนต์ | A regular engine tune-up can improve fuel efficiency. (การปรับแต่งเครื่องยนต์อย่างสม่ำเสมอสามารถปรับปรุงประสิทธิภาพการใช้น้ำมันได้) |
Filter replacement | การเปลี่ยนไส้กรอง | It’s crucial to perform a filter replacement regularly for clean air intake. (การเปลี่ยนไส้กรองอย่างสม่ำเสมอมีความสำคัญมากเพื่อให้อากาศที่เข้าสู่ระบบยังคงสะอาดอยู่เสมอ) |
Alignment check | การตรวจสอบการตั้งศูนย์ | An alignment check can help your tires last longer. (การตรวจสอบการตั้งศูนย์ช่วยให้ยางของคุณมีอายุการใช้งานนานขึ้น) |
Spark plug replacement | การเปลี่ยนหัวเทียน | We need a spark plug replacement to ensure the engine runs efficiently. (เราต้องเปลี่ยนหัวเทียนเพื่อให้เครื่องยนต์ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ) |
Exhaust system repair | การซ่อมระบบไอเสีย | The car was making a strange noise, so we took it in for an exhaust system repair. (รถส่งเสียงแปลก ๆ เราจึงนำรถไปซ่อมระบบไอเสีย) |
วลีเกี่ยวกับยานพาหนะภาษาอังกฤษ
วลีที่เกี่ยวข้องกับยานพาหนะมักใช้ในชีวิตประจำวัน โดยเฉพาะเมื่อเดินทางในเมืองใหญ่หรือระหว่างการท่องเที่ยว
ตารางคำศัพท์เกี่ยวกับยานพาหนะภาษาอังกฤษที่ใช้บ่อย
วลี | ความหมาย | ตัวอย่าง |
Get on the bus | /ɡɛt ɒn ðə bʌs/ | ขึ้นรถบัส |
Catch the bus | /kæʧ ðə bʌs/ | ขึ้นรถบัส (ทันเวลา) |
Take a taxi | /teɪk ə ˈtæksi/ | นั่งแท็กซี่ |
Miss the train | /mɪs ðə treɪn/ | พลาดขบวนรถไฟ |
Buy a ticket | /baɪ ə ˈtɪkɪt/ | ซื้อตั๋ว |
Get off the train | /ɡɛt ɒf ðə treɪn/ | ลงจากรถไฟ |
Change buses | /ʧeɪnʤ bʌsɪz/ | เปลี่ยนรถบัส |
Wait for the bus | /weɪt fɔr ðə bʌs/ | รอรถบัส |
Reserve a seat | /rɪˈzɜrv ə siːt/ | จองที่นั่ง |
Board the plane | /bɔrd ðə pleɪn/ | ขึ้นเครื่องบิน |
ตัวอย่างประโยคกับวลีที่ใช้บ่อย
- I usually get on the bus at 7 a.m.
(ฉันมักขึ้นรถบัสตอน 7 โมงเช้า) - I missed the train because I was late.
(ฉันพลาดรถไฟเพราะมาสาย) - Can we take a taxi instead of the bus?
(เราสามารถนั่งแท็กซี่แทนรถบัสได้ไหม?)
คำศัพท์เกี่ยวกับ ยี่ห้อรถ ภาษาอังกฤษ ที่มีชื่อเสียงในโลก
รถยนต์เป็นสัญลักษณ์ของเทคโนโลยี การออกแบบ และไลฟ์สไตล์ที่แตกต่าง โดยมีแบรนด์ที่มีชื่อเสียงจากหลายประเทศซึ่งสร้างชื่อเสียงในระดับโลก
ตารางคำศัพท์เกี่ยวกับ ยี่ห้อรถ ภาษาอังกฤษ
ยี่ห้อ | ประเทศ | การสะกดคำ |
Ford | สหรัฐอเมริกา | /fɔːrd/ |
Toyota | ญี่ปุ่น | /toʊˈjoʊtə/ |
BMW | เยอรมนี | /biː em ˈdʌbəl juː/ |
Mercedes-Benz | เยอรมนี | /mərˈseɪdiz bɛnz/ |
Audi | เยอรมนี | /ˈaʊdi/ |
Chevrolet | สหรัฐอเมริกา | /ˈʃɛvrəˌleɪ/ |
Ferrari | อิตาลี | /fəˈrɑːri/ |
Honda | ญี่ปุ่น | /ˈhɒndə/ |
Hyundai | เกาหลีใต้ | /ˈhaɪʌnˌdaɪ/ |
Lamborghini | อิตาลี | /ˌlæmˌbɔrˈɡɪni/ |
Nissan | ญี่ปุ่น | /ˈnɪsæn/ |
Porsche | เยอรมนี | /pɔːrʃ/ |
Tesla | สหรัฐอเมริกา | /ˈtɛslə/ |
Volvo | สวีเดน | /ˈvɔlˌvoʊ/ |
Volkswagen | เยอรมนี | /ˈvoʊksˌwɑːɡən/ |
Renault | ฝรั่งเศส | /rəˈnoʊ/ |
Subaru | ญี่ปุ่น | /ˈsuːbəruː/ |
Bentley | อังกฤษ | /ˈbɛntli/ |
Maserati | อิตาลี | /ˌmæsəˈrɑːti/ |
Land Rover | อังกฤษ | /ˈlænd ˌroʊvər/ |
Kia | เกาหลีใต้ | /kiːˈɑː/ |
Peugeot | ฝรั่งเศส | /ˈpɜːʒoʊ/ |
Rolls-Royce | อังกฤษ | /ˌroʊlzˈrɔɪs/ |
Cadillac | สหรัฐอเมริกา | /ˈkædɪˌlæk/ |
Alfa Romeo | อิตาลี | /ˈælfə roʊˈmeɪoʊ/ |
Aston Martin | อังกฤษ | /ˈæstən ˈmɑrtɪn/ |
Bugatti | ฝรั่งเศส | /buˈɡɑːti/ |
Chrysler | สหรัฐอเมริกา | /ˈkraɪslər/ |
Citroën | ฝรั่งเศส | /ˈsɪtroʊˌɛn/ |
Jaguar | อังกฤษ | /ˈdʒæɡwər/ |
Suzuki | ญี่ปุ่น | /sʊˈzʊki/ |
แยกแยะระหว่าง Truck และ Van
Truck และ Van เป็นยานพาหนะที่ใช้สำหรับขนส่งสินค้า หรือผู้โดยสาร และมักใช้เพื่อวัตถุประสงค์เชิงพาณิชย์ แม้ทั้งสองจะหมายถึงรถบรรทุก แต่แต่ละประเภทมีหน้าที่และลักษณะเฉพาะที่แตกต่างกัน ด้านล่างคือตารางเปรียบเทียบระหว่าง Truck และ Van ในภาษาอังกฤษ:
ความแตกต่าง | Truck | Van |
การใช้งาน | ใช้สำหรับขนส่งสินค้าหนัก วัสดุก่อสร้าง หรือสินค้าขนาดใหญ่ | ใช้สำหรับบรรทุกผู้โดยสาร หรือสินค้าน้ำหนักเบาในงานส่งของ |
การสะกดคำ | /trʌk/ | /væn/ |
คำศัพท์ | – Cargo (สินค้า) | – Passengers (ผู้โดยสาร) |
– Haul (ขนส่ง) | – Delivery (การส่งของ) | |
– Freight (การขนส่งสินค้า) | – Load (น้ำหนักบรรทุก) | |
– Bed (กระบะบรรทุก) | – Sliding door (ประตูเลื่อน) | |
– Pickup truck (รถกระบะ) | – Minivan (รถตู้เล็ก) |
Ex:
- The moving van is parked outside. (รถตู้ขนย้ายจอดอยู่ด้านนอก)
- He drives a delivery truck for work. (เขาขับรถบรรทุกส่งของในการทำงาน)
การเข้าใจคำศัพท์เกี่ยวกับยานพาหนะประเภทต่าง ๆ จะช่วยให้คุณมั่นใจมากขึ้นเมื่อสื่อสารในหัวข้อนี้ในชีวิตประจำวัน เพื่อออกเสียงได้อย่างถูกต้องและใช้วลีได้อย่างเป็นธรรมชาติมากขึ้น คุณสามารถฝึกซ้อมกับ ELSA Speak – แอปพลิเคชันฝึกออกเสียงที่มีเทคโนโลยี AI ช่วยให้คำแนะนำอย่างละเอียด เรียนรู้กับ ELSA Speak และเริ่มต้นการพัฒนาทักษะภาษาอังกฤษของคุณได้แล้ววันนี้!
สายรุ้งเป็นสัญลักษณ์ของความหวัง ความสดใส และการเริ่มต้นใหม่หลังฝนตกเสมอ ในชีวิต ภาพสีรุ้งมักใช้เพื่อสื่อข้อความในแง่ที่ดีและให้กำลังใจเรา วันนี้ ELSA Speak จะรวบรวม แคปชั่นสายรุ้ง ภาษาอังกฤษ ที่ไม่เพียงแต่ดีเท่านั้น แต่ยังมีความหมายที่ลึกซึ้งอีกด้วย ช่วยให้คุณถ่ายทอดอารมณ์เชิงบวกให้กับผู้คนรอบตัวคุณผ่านโพสต์บนโซเชียลมีเดีย
สายรุ้ง ภาษาอังกฤษ แปลว่าอะไร
สายรุ้งในภาษาอังกฤษเรียกว่า rainbow นี่เป็นปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่สวยงามเกิดขึ้นเมื่อแสงแดดสะท้อนผ่านเม็ดฝน ทำให้เกิดแถบสีสดใสบนท้องฟ้า
คำว่า rainbow มาจากคำสองคำ rain (ฝน) และ bow (โค้งคำนับ) เป็นสัญลักษณ์ของรูปทรงโค้งมนของช่วงสี สายรุ้งไม่เพียงแต่มีความสำคัญทางวิทยาศาสตร์เท่านั้น แต่ยังเป็นสัญลักษณ์ของความหวัง ความสดใส และสิ่งดีๆหลังที่ผ่านทุกเรื่องยากลำบากของชีวิตอีกด้วย
>>> Read more: 100+ คําให้กําลังใจ ภาษาอังกฤษ สั้นๆ ช่วยให้คุณรู้สึกมองโลกในแง่ดีมากขึ้น
รวบรวมแคปชั่นสายรุ้งภาษาอังกฤษ
คำคมสายรุ้ง | แปล |
It takes both rain and sunshine to make a rainbow. | ต้องมีทั้งฝนและแสงแดดจึงจะเกิดสายรุ้ง |
Everybody wants happiness, nobody wants pain. But you can’t have a rainbow without a little rain. | ทุกคนใครๆ ก็อยากมีความสุข ไม่มีใครอยากมีความทุกข์ แต่คงไม่มีสายรุ้งหากไม่มีฝนสักเม็ด |
If you want the rainbow, you must put up with the rain. | ถ้าคุณอยากมีสายรุ้ง คุณต้องยอมรับการมีฝนตก |
You’ll never find a rainbow if you’re looking down. | คุณจะไม่มีวันเห็นสายรุ้งหากคุณได้แต่ก้มศีรษะแล้วมองลงไป |
She was a rainbow, but he was color blind. | เธอคือสายรุ้ง แต่เขาตาบอดสี |
When it rains, look for rainbows. When it’s dark, look for stars. | เมื่อฝนตกให้มองหาสายรุ้ง เมื่อมืดให้มองหาดวงดาว |
Try to be a rainbow in someone’s cloud. | จงเป็นสายรุ้งในเมฆของใครสักคน |
I find happiness in the rainbow. | ฉันมองเห็นความสุขในสายรุ้ง |
After every storm comes a rainbow. | หลังพายุย่อมมีสายรุ้งเสมอ |
The greater your storm the brighter your rainbow. | ยิ่งพายุของคุณใหญ่ขึ้น สายรุ้งของคุณก็จะยิ่งสดใสมากขึ้นเท่านั้น |
You are your own rainbow. | คุณคือสายรุ้งของคุณเอง |
Thank you for always being my rainbow after the storm. | ขอบคุณที่เป็นสายรุ้งของฉันเสมอหลังจากพายุผ่านไป |
Without the rain, there would be no rainbow. | หากไม่มีฝน ก็จะไม่มีสายรุ้ง |
When it rains, look for rainbows and when it’s dark, look for stars. | เมื่อฝนตกให้มองหาสายรุ้ง เมื่อมืดให้มองหาดวงดาว |
If you want to see a rainbow, you must go through the rain. | ถ้าคุณอยากเห็นสายรุ้ง คุณต้องผ่านสายฝนไปก่อน |
Try to be a rainbow in someone’s cloud. | ลองพยายามกลายเป็นสายรุ้งในเมฆของใครบางคน |
Life throws challenges and every challenge comes with rainbows and lights to conquer it. | ชีวิตก่อให้เกิดความท้าทาย และแต่ละความท้าทายมาพร้อมกับสายรุ้งและแสงสว่างเพื่อเอาชนะมัน |
In our world, I rank music somewhere between hair ribbons and rainbows in terms of usefulness. | ในโลกของเรา ฉันจัดอันดับดนตรีให้อยู่ระหว่างริบบิ้นติดผมและสายรุ้งในแง่ของประโยชน์ใช้สอย |
When I set a glass prism on a windowsill and allow the sun to flood through it, a spectrum of colors dances on the floor. What we call “white” is a rainbow of colored rays packed into a small space. The prism sets them free. Love is the white light of emotion. | เมื่อฉันวางปริซึมแก้วไว้ที่ขอบหน้าต่างและปล่อยให้ดวงอาทิตย์ลอดผ่าน สเปกตรัมของสีจะเต้นอยู่บนพื้น สิ่งที่เราเรียกว่า “สีขาว” คือสายรุ้งหลากสีที่อัดแน่นอยู่ในพื้นที่เล็กๆ ปริซึมทำให้พวกเขาเป็นอิสระ ความรักคือแสงสีขาวแห่งอารมณ์ |
Formal education teaches how to stand, but to see the rainbow you must come out and walk many steps on your own. | การศึกษาสอนให้เรายืนหยัดอย่างเข้มแข็ง แต่ถ้าอยากเห็นสายรุ้ง เราต้องก้าวออกไปหลายก้าวบนเส้นทางของเราเอง |
Gender is not sane. It’s not sane to call a rainbow black and white. | เพศที่ไม่เท่าเทียม การเรียกสายรุ้งขาวดำก็ไม่เท่าเทียมเช่นกัน |
Sometimes it’s important to work for that pot of gold. But other times it’s essential to take time off and to make sure that your most important decision in the day simply consists of choosing which color to slide down on the rainbow. | บางครั้งการทำงานเพื่อให้ได้หมวกทองคำก็เป็นสิ่งสำคัญ แต่ในบางครั้ง สิ่งสำคัญคือต้องหยุดพักและตรวจสอบให้แน่ใจว่าการตัดสินใจที่สำคัญที่สุดของคุณในแต่ละวันคือการเลือกสีที่จะไหลลงมาบนสายรุ้ง |
A rainbow is a promise of sunshine after rain. Of calm after storms. Of joy after sadness. Of peace after pain. Of love after loss. | สายรุ้งคือคำสัญญาของแสงแดดหลังฝนตก ความสงบหลังพายุ แห่งความสุขหลังความทุกข์ แห่งความสงบสุขหลังความเจ็บปวด แห่งความรักหลังการสูญเสีย |
The way I see it, if you want the rainbow, you gotta put up with the rain. | เท่าที่ฉันเห็น ถ้าคุณอยากได้สายรุ้ง ก็ต้องทนกับฝน |
Don’t seek to be happy; let everyone else chase after that rainbow. Seek to be kind, and you’ll find the rainbow follows you. | อย่าแสวงหาความสุข ปล่อยให้ทุกคนไล่ตามสายรุ้งนั้น พยายามมีน้ำใจ แล้วคุณจะพบว่าสายรุ้งจะติดตามคุณไปเอง |
And when it rains on your parade, look up rather than down. Without the rain, there would be no rainbow. | และเมื่อฝนตกในขบวนแห่ของคุณ จงมองขึ้นแทนที่จะมองลง หากไม่มีฝนก็จะไม่มีสายรุ้ง |
>>> Read more: 99+ แคปชั่นฝนตก ภาษาอังกฤษ ความหมายดีๆ เข้าถึงอารมณ์เหงานที่คุณไม่ควรพลาด
คำถามที่พบบ่อย
สายรุ้งหลังฝนตก ภาษาอังกฤษ คืออะไร?
สายรุ้งหลังฝนตก ภาษาอังกฤษ คือ After the rains comes the rainbow.
หวังว่าบทความนี้ของ ELSA Speak คุณจะได้รู้ แคปชั่นสายรุ้ง ภาษาอังกฤษ น่าประทับใจและมีความหมายลึกซึ้ง สายรุ้งไม่เพียงแต่เป็นสัญลักษณ์ของความงามตามธรรมชาติเท่านั้น แต่ยังกระตุ้นให้เกิดความหวัง ความศรัทธา และสีสันที่สดใสในชีวิตอีกด้วย แคปชั่นเหล่านี้จะช่วยให้คุณมองโลกในแง่ดีและสร้างแรงบันดาลใจให้กับคนรอบข้าง
ในการสื่อสารภาษาอังกฤษ เมื่อทักทายคนที่ไม่ได้เจอกันมานาน คนมักจะใช้ Long time no see เพื่อเปิดบทสนทนา แล้วประโยคนี้หมายความว่าอะไร? วิธีใช้ Long time no see ในภาษาอังกฤษมีกรณีไหนบ้าง และประโยคทักทาย เปิดการสนทนามีรูปแบบไหนบ้าง? มาเรียนรู้กับ ELSA Speak ผ่านบทความนี้กันเถอะ
Long time no see แปลว่าอะไร?
Long time no see เป็นคำทักทายที่คุ้นเคยกันดีทั้งภาษาอังกฤษ-อังกฤษ และภาษาอังกฤษ-อเมริกัน หมายถึง ไม่ได้พบกันเป็นเวลานาน และมักใช้เพื่อเปิดการสนทนาเมื่อคนสองคนได้มาพบกันอีกครั้งหลังจากไม่ได้พบกันหรือติดต่อมาเป็นเวลานาน
แม้ว่าจะไม่เป็นไปตามโครงสร้างไวยากรณ์มาตรฐานในภาษาอังกฤษ แต่ประโยค Long time no see ยังคงได้รับการยอมรับจากผู้ใช้ส่วนใหญ่ในการสื่อสาร และมักนิยมใช้ในชีวิตประจำวัน
>>> Read more: ทักทายภาษาอังกฤษ : คำถาม คำตอบกลับ ทุกสถานการณ์ที่ควรรู้
Long time no see ใช้ยังไง?
Long time no see มักใช้เพื่อแสดงความใกล้ชิด มักมาพร้อมกับความประหลาดใจ หรือความสุขเมื่อได้พบใครบางคนอีกครั้งหลังจากที่ไม่ได้เจอมานาน
นี่เป็นคำทักทายที่เป็นมิตรและใช้ในสถานการณ์การสื่อสารที่ไม่เป็นทางการ เช่น เมื่อคุณพบกับญาติ เพื่อน เพื่อนร่วมงานเก่า… หลังจากไม่ได้เจอกันพักหนึ่ง
ตัวอย่าง:
ความสัมพันธ์ | บทสนทนา | ความหมาย |
เป็นเพื่อนกันมานาน | A: Long time no see! B: Yeah, it’s been ages! How have you been? | A: ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ! B: ใช่ นานมากแล้วนะ ช่วงนี้เป็นยังไงบ้าง? |
เพื่อนร่วมงานเก่า | A: Long time no see, Sarah! B: I know! It’s so nice to see you again. How’s everything? | A: ไม่ได้เจอกันนานเลยนะซาร่าห์ B: ใช่ ยินดีที่ได้พบคุณอีกครั้ง ช่วงนี้เป็นยังไงบ้าง? |
ญาติห่างไกล | A: Long time no see, Uncle Tom! B: Oh, my dear! You’ve grown so much! | A: ไม่ได้เจอกันนานนะลุงทอม B: โอ้หลานที่รัก หลานดูโตขึ้นมากเลย |
กรณีไหนไม่ควรใช้ Long time no see?
แม้ว่าการทักทาย Long time no see จะเป็นที่นิยมมากและแสดงถึงความใกล้ชิด แต่ก็ยังมีบางสถานการณ์ที่ผู้สื่อสารไม่ควรใช้เพื่อทักทาย มาดูตัวอย่างกรณีด้านล่างกับ ELSA Speak เพื่อหลีกเลี่ยงกัน
ในสถานการณ์การสื่อสารที่เป็นทางการ
ในการสื่อสารกับผู้นำ หัวหน้า หรือลูกค้าและหุ้นส่วนคนสำคัญ ในสถานการณ์ที่ต้องการความเป็นมืออาชีพและสุภาพ การทักทาย Long time no see ดูไม่เหมาะสมที่จะใช้เพราะไม่ถูกต้องตามหลักไวยากรณ์และไม่แสดงความสุภาพและเป็นทางการของการประชุม
เมื่อพบใครบางคนหลังจากเหตุการณ์อันไม่พึงประสงค์
หากเพิ่งพบเพื่อน ญาติ เพื่อนร่วมงาน…หลังจากเหตุการณ์ที่เสียใจ เช่น เพิ่งประสบความยากลำบาก การสูญเสีย งานศพ… วลีนี้ไม่เหมาะสมที่จะใช้เพราะเป็นการแสดงออกถึงการร่าเริง มองโลกในแง่ดี และไม่สามารถแสดงความเห็นอกเห็นใจต่อเหตุการณ์ที่ผ่านมาได้
ในการสื่อสารกับผู้คนที่ไม่คุ้นเคยกับวัฒนธรรมภาษาอังกฤษ
สำหรับคนที่ไม่เก่งภาษาอังกฤษหรือไม่คุ้นเคยกับคำสแลงและวิธีการสื่อสารภาษาอังกฤษแบบไม่เป็นทางการ หากคุณทักทายพวกเขาด้วยวลี Long time no see พวกเขาจะสับสนและไม่เข้าใจความหมายของการทักทายข้างต้น
คำทักทายทั่วไปในการสื่อสารภาษาอังกฤษ
หลังจากเข้าใจคำทักทาย Long time no see แล้ว เรามาสำรวจวิธีการทักทายและเปิดการสนทนาทั่วไปอื่นๆ ที่ใช้บ่อยในภาษาอังกฤษกัน เพื่อเพิ่มคำศัพท์และช่วยให้การสื่อสารของคุณไหลลื่นเหมือนเจ้าของภาษา
คำทักทาย | ความหมาย | วิธีใช้ |
How’s your day going? | วันนี้ของคุณเป็นยังไงบ้าง | ใช้ได้ทั้งในการสื่อสารที่เป็นทางการและไม่เป็นทางการ เหมาะสำหรับการเริ่มบทสนทนาอย่างค่อยเป็นค่อยไป |
What’s going on? | เกิดอะไรขึ้น | การทักทายอย่างเป็นมิตรสร้างบรรยากาศที่แสนสบาย แสดงความสนใจและเปิดการสนทนา |
How have you been? | ช่วงนี้คุณเป็นอย่างไรบ้าง | ใช้เพื่อสื่อสารกับเพื่อนที่คุณไม่ได้เจอมาเป็นเวลานาน เหมาะสำหรับการใช้งานทั้งที่เป็นทางการและไม่เป็นทางการ |
Hey, man! | เฮ้เพื่อน | คำทักทายที่เป็นมิตรและสั้น ๆ ใช้ในการสื่อสารอย่างไม่เป็นทางการเท่านั้นใช้กับผู้ที่มีอายุเท่ากันหรือน้อยกว่า |
Good to see you! / Nice to meet you! | ยินดีที่ได้พบกัน | ใช้ได้ในทุกสถานการณ์ตั้งแต่ใกล้ชิดไปจนถึงเป็นทางการ แสดงความดีใจเมื่อได้พบกับอีกฝ่าย |
It’s a pleasure to meet you. | ยินดีที่ได้พบคุณ | การทักทายอย่างเป็นทางการ ใช้ในการสื่อสารกับผู้บังคับบัญชา ลูกค้า และคู่ค้าที่สำคัญ แสดงความเคารพและความเป็นมืออาชีพ |
คำถามที่พบบ่อย
แคปชั่น Long time no see
ลองดูแคปชั่นบางส่วนกับวลี Long time no see กัน
Long time no see แคปชั่น | ความหมาย |
Long time no see, old friend! | ไม่เจอกันนานนะเพื่อนเก่า! |
Finally reunited! Long time no see! | ในที่สุดก็กลับมาเจอกันแล้ว ไม่เจอกันนานเลยนะ! |
Long time no see! Let’s catch up soon. | ไม่เจอกันนานเลยนะ ไว้เจอกันใหม่นะ |
Long time no see, but it feels like yesterday! | ไม่เจอกันนานเลยนะ แต่รู้สึกเหมือนเมื่อวานนี้เอง |
Long time no see, miss you so much! | ไม่เจอกันนานเลยนะ คิดถึงมาก |
Life took us different ways, but long time no see, my friend! | ชีวิตพาเรามาในเส้นทางที่แตกต่างกัน แต่ไม่เจอกันนานเลยนะเพื่อน |
Long time no see! Feels great to reconnect. | ไม่เจอกันนานเลยนะ รู้สึกดีจังที่ได้ติดต่อกันอีกครั้ง |
ความหมายของ Long time no see you แปลว่าอะไร?
วลี Long time no see you แปลว่า ไม่ได้เจอกันนาน เป็นรูปแบบที่ไม่เป็นทางการของ Long time no see และพบได้น้อยในการสื่อสารภาษาอังกฤษมาตรฐาน อย่างไรก็ตาม บางครั้งผู้เรียนภาษาอังกฤษจะเติม you ที่ท้ายประโยคเพื่อเน้นย้ำถึงบุคคลที่เขากำลังพบกันอีกครั้ง
Long time no see ยังคงเป็นการแสดงออกที่เป็นพื้นฐานและเป็นธรรมชาติมากกว่า ซึ่งหมายถึงการไม่เจอกันนาน วลีนี้สามารถใช้เพื่อเริ่มการสนทนาในสถานการณ์ที่ไม่เป็นทางการ เพื่อแสดงความดีใจที่ได้พบคนรู้จักอีกครั้งหลังจากห่างกันไปนาน
ฝึกสื่อสารกับ ELSA Speak
นอกจากนี้ เพื่อเพิ่มความมั่นใจเมื่อสื่อสารภาษาอังกฤษ คุณสามารถฝึกฝนออนไลน์ได้ทุกที่ทุกเวลากับ ELSA Speak
- ประเมินความสามารถของนักเรียน: คุณสามารถเข้าร่วมการทดสอบเพื่อทดสอบและประเมินความสามารถในปัจจุบัน จากนั้น แอปพลิเคชันจะระบุคะแนนสำหรับแต่ละทักษะของคุณ เช่น การออกเสียง น้ำเสียง ความคล่องแคล่ว ไวยากรณ์ คำศัพท์ และคุณจะได้แผนการเรียน
- ในการปรับปรุงแต่ละบทเรียนให้เหมาะสมกับระดับของคุณ
- ปรับปรุงคำศัพท์สำหรับการสื่อสาร ปรับปรุงความแม่นยำในการออกเสียงเพื่อช่วยเพิ่มคะแนน
- หลักสูตรประกอบด้วยสี่ส่วน: Speech Analyzer, ELSA AI และ ELSA Pro และหลักสูตรเตรียมสอบ แบบฝึกหัดและการสนทนาเหมือนจริงของ ELSA จะช่วยให้คุณมั่นใจมากขึ้นเมื่อสื่อสาร
- หลักสูตรไม่ได้ขายแยก ซึ่งคุณสมบัติต่างๆนี้มีอยู่ในแพ็คเกจ ELSA Premium – 4 in 1 ราคาเรียนเริ่มต้นเพียง 12 บาท/วัน
แพ็กเกจ ELSA Speak Pro | ราคาเดิม | ข้อเสนอพิเศษ |
ELSA Pro ตลอดชีวิต | 14,865 บาท | 2,944 บาท |
ELSA Pro 1 ปี | 2,499 บาท | 1,319 บาท |
ELSA Pro 6 เดือน | 2,099 บาท | 1,049 บาท |
ELSA Pro 3 เดือน | 1,119 บาท | 559 บาท |
ในบทความนี้ของ ELSA Speak ทำให้คุณสามารถเข้าใจความหมายของ Long time no see รวมถึงความรู้ที่เกี่ยวข้องกับคำทักทาย หวังว่าบทความนี้คงเป็นการเปิดเผยมุมมองเกี่ยวกับการสื่อสารและการทักทายของประเทศต่างๆ เช่น อังกฤษและอเมริกา เพื่อให้คุณได้รับความรู้ ข้อมูล และคำศัพท์ใหม่ๆ มากยิ่งขึ้นนะ
เมื่อต้องการแสดงอารมณ์เป็นภาษาอังกฤษ คุณมักจะใช้คำ ว่า wow, oh no, well,… คำเหล่านี้เรียกว่าคำอุทาน คำอุทานคืออะไร? คำอุทานจะใช้อย่างไร? มาดูรายละเอียดกับ ELSA Speak ได้ในบทความด้านล่างนี้กันเลย!
Interjection คืออะไร?
Interjection (คำอุทาน) คือคำที่ใช้เพื่อแสดงอารมณ์ของผู้พูด คำอุทานมักจะใช้เพียงอย่างเดียวและสามารถตามหลังด้วยเครื่องหมายอัศเจรีย์
Interjection ตัวอย่างประโยค :
- Oh my God! You are so beautiful! (โอ้โห! สวยจังเลย!)
- Dear me! That’s a surprise! (โอ้โห ฉันเซอร์ไพรส์นะเนี่ย!)
หน้าที่ของคำอุทาน (Interjection)
อธิบาย | ตัวอย่าง | |
แสดงอารมณ์ | แสดงอารมณ์ เช่น ประหลาดใจ สุข เศร้า ความสุข… | Oh wow! This dish is so delicious! (โอ้โห! เมนูนี้น่าทานมากๆ!) → Oh wow แสดงความประหลาดใจและยินดี |
เสริมสร้างภาษาพูด | อย่าเปลี่ยนความหมายของประโยคต้นฉบับ แต่ให้เพิ่มคำอุทานเพื่อทำให้ประโยคมีความชัดเจนมากขึ้น | Oops, I didn’t mean to drop that. (อุ๊ย ฉันไม่ได้ตั้งใจจะทิ้งมัน) → Oops ช่วยให้พูดได้อย่างเป็นธรรมชาติและแสดงความสำนึกผิด |
ช่วยให้การสื่อสารน่าสนใจและน่าดึงดูดยิ่งขึ้น | ทำให้การสนทนามีชีวิตชีวา แสดงอารมณ์และสื่ออารมณ์ส่วนตัว | Yay! We finally finished the project! (เย้! ในที่สุดเราก็ทำโครงการนี้เสร็จ) → Yay แสดงความดีใจและตื่นเต้น |
แสดงออกถึงคำสั่งหรือคำขอ | บางครั้งใช้เพื่อแสดงคำขอหรือความเร่งด่วนในสถานการณ์เฉพาะ | Hey! Listen to me carefully. (เฮ้! ฟังฉันดีๆนะ) → Hey เน้นย้ำคำขอ ดึงดูดความสนใจ |
เป็นการแสดงออกถึงการตกลงหรือการปฏิเสธ | คำอุทานใช้เพื่อตอบสั้น ๆ และชัดเพื่อแจ้งแสดงความเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย | Uh-huh, I agree with you. (อืม ฉันเห็นด้วยกับคุณ) → Uh-huh แสดงข้อตกลงในลักษณะที่เป็นมิตร |
ส่งต่อความคิด | คำอุทานสามารถช่วยถ่ายทอดความคิดหรือสร้างการพักสั้นๆ เพื่อคิดต่อไปในบทสนทนา | Well, I think we should reconsider the plan. (ฉันคิดว่าเราควรพิจารณาแผนนี้อีกครั้ง) → Well ช่วยถ่ายทอดความคิด |
>>> Read more: 40+ ประโยคบอกว่าเห็นด้วยภาษาอังกฤษในการสื่อสารแบบไม่เป็นทางการและเป็นทางการ
หลักการใช้คำอุทาน
Interjection หลักการใช้ | ตัวอย่าง |
คำอุทานสามารถปรากฏที่จุดเริ่มต้นหรือจุดสิ้นสุดของประโยคได้อย่างเป็นธรรมชาติ | My mom told me to buy some milk on my way home. Oops, I forgot to do it. (แม่บอกให้ซื้อนมก่อนกลับบ้าน อุ๊ยลืมเลย) |
เมื่อวางคำอุทานไว้ตรงกลางประโยคจะต้องคั่นด้วยเครื่องหมายจุลภาคหรือยัติภังค์ | I, uhm, want to tell you that, uhm I hate it when you slurp ramen loudly in the office. (ฉันอยากจะบอกคุณว่า ฉันเกลียดเวลาที่คุณซดราเม็งดังๆ ในออฟฟิศ) |
หลีกเลี่ยงการใช้คำอุทานในบริบทที่เป็นทางการ เช่น การเขียนเชิงวิชาการหรือรายงานการทำงาน เพื่อรักษาความเป็นกลาง | ห้ามใช้คำอุทานในรายงานการทำงาน เอกสารวิจัยทางวิทยาศาสตร์ หรือเอกสารที่เป็นทางการ |
ใส่ใจกับน้ำเสียงของคุณเมื่อถ่ายทอดอารมณ์ผ่านคำอุทานเพื่อให้ผู้ฟังเข้าใจอารมณ์ที่คุณต้องการถ่ายทอดได้ชัดเจน | Ah, I know what you mean. (อ๋อ ฉันรู้ว่าคุณหมายถึงอะไร) |
Interjection มีกี่ประเภท
คำอุทานแสดงความประหลาดใจ
คำอุทาน | การสะกดคำ | ความหมาย | ตัวอย่าง |
Crikey | /ˈkraɪki/ | โอ้ | Crikey! I never thought I’d see you again. (โอ้พระเจ้า! ฉันไม่เคยคิดว่าจะได้เจอคุณอีกครั้ง) |
Hmm | /həm/ | เอ่อ… (นึกไม่ออก ไม่แน่ใจ) | Hmm… what shall we do today? (เอ่อ…วันนี้เราจะทำอะไรกันดีล่ะ?) |
Golly | /ˈɡɒli/ | โอ้โห (คำอุทานแสดงความสงสัย / ประหลาดใจ) | Golly, it’s really raining hard! (โอ้โห ฝนตกหนักจริงๆ เลย!) |
Egad | /ɪˈɡæd/ | คำอุทานแสดงความตกใจหรือแปลกใจ (คำโบราณ) | Egad, I didn’t expect that to happen! (โอ้พระเจ้า ฉันไม่คาดคิดว่าจะเกิดขึ้น!) |
Indeed | /ɪnˈdiːd/ | อย่างแท้จริง โดยแท้จริง | Indeed, he has improved so much! (เขาพัฒนาขึ้นมากจริงๆ!) |
Oh! | /oʊ/ | คำอุทานแสดงความตกใจ | Oh! I can’t believe this is happening! (โอ้! ฉันไม่เชื่อว่าสิ่งนี้จะเกิดขึ้น!) |
Eh! | /eɪ/ | เอ๊ะ (คำอุทานแสดงความประหลาดใจ) | Eh! You mean you’ve finished it already? (เอ๊ะ! ทำเสร็จไปแล้วเหรอ?) |
Oho! | /oʊˈhoʊ/ | โอ้โห (คำอุทานแสดงความประหลาดใจ ความปีติยินดีหรืออื่น ๆ) | Oho! That’s the spirit! (โอ้โห! นั่นคือจิตวิญญาณ!) |
Wow! | /waʊ/ | ว้าว (คำอุทานประหลาดใจหรือยินดี) | Wow! This place is amazing! (ว้าว! ที่นี่น่าทึ่งมาก!) |
Gee | /dʒiː/ | คำอุทานแสดงความประหลาดใจ ความกระตือรือร้นหรือการย้ำ | Gee, I didn’t know you could do that! (โอ้ ฉันไม่รู้ว่าคุณสามารถทำแบบนั้นได้!) |
Ho | /hoʊ/ | คำอุทานแสดงความประหลาดใจ ดีใจ เรียกร้องความสนใจ | Ho, there’s a rainbow over there! (เฮ้ย มีรุ้งอยู่ตรงนั้น!) |
Uh | /ʌ/ | คำอุทานแสดงความสงสัยหรือความแปลกใจ | Uh, are you sure about that? (เอ่อ คุณแน่ใจแล้วเหรอ?) |
Oh my | /oʊ maɪ/ | คำอุทานแสดงความสงสารเวทนา | Oh my, I can’t believe she said that! (โอ้พระเจ้า ฉันไม่เชื่อเลยว่าเธอพูดแบบนั้น!) |
Oh my god | /oʊ maɪ ɡɒd/ | โอ้พระเจ้า | Oh my god! I’ve never seen anything like this before! (โอ้พระเจ้า! ฉันไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้มาก่อน!) |
Oh my goodness | /oʊ maɪ ˈɡʊdnəs/ | พระเจ้าช่วย โอ้ว พระเจ้า | Oh my goodness, look at how big it’s grown! (โอ้พระเจ้า ดูสิว่ามันใหญ่ขนาดไหน) |
คำอุทานแสดงความดีใจ
คำอุทาน | การสะกดคำ | ความหมาย | ตัวอย่าง |
Yay | /jeɪ/ | เสียงหัวเราะ เสียงเฮ | Yay! We’re going to the beach tomorrow! (เย้! พรุ่งนี้เราจะไปเที่ยวทะเลกันแล้ว !) |
Woohoo | /ˈwuːˌhuː/ | คำอุทานแสดงความตื่นเต้นมีความสุข | Woohoo! We finally did it! (ว้าว! ในที่สุดเราก็ทำสำเร็จแล้ว!) |
Hooray | /hʊˈreɪ/ | คำอุทานแสดงความยินดี | Hooray! Our team won the championship! (เย้ๆ ทีมเราชนะเลิศแล้ว!) |
Yippee | /ˈjɪpi/ | คำอุทานแสดงความปีติยินดี ประหลาดใจ | Yippee! School’s out for the summer! (เย้! โรงเรียนปิดเทอมแล้ว!) |
Bravo | /ˈbrɑːvoʊ/ | ไชโย เก่งจริง | Bravo! That was an amazing performance! (เยี่ยมมาก! การแสดงสุดยอดจริงๆ!) |
Hallelujah | /ˌhælɪˈluːjə/ | คำอุทานสรรเสริญพระผู้เป็นเจ้า / แสดงความโล่งใจ | Hallelujah! The test results are all good. (ฮัลเลลูยาห์ ขอให้ผลสอบออกมาดีนะ ทุกคน) |
Whee | /wiː/ | คำอุทานแสดงถึงความดีใจ ตื่นเต้น หรือสนุกสนาน | Whee! This roller coaster is amazing! (ว้าว! รถไฟเหาะนี้สุดยอดจริงๆ!) |
Yayness | /jeɪnəs/ | คำอุทานแสดงถึงความยินดี | Yayness! I got the job! (เย้ๆ ได้งานแล้ว!) |
Yesss | /jɛs/ | คำอุทานแสดงออกถึงความพึงพอใจอย่างมีอารมณ์ขัน | Yesss! I got the highest score in class! (เย้ๆ! ได้คะแนนสูงสุดในชั้นเรียนแล้ว เย้!) |
Hip hip hooray | /hɪp hɪp hʊˈreɪ/ | คำอุทานแสดงความปีติยินดี | Hip hip hooray! We’re so proud of you! (ฮู ฮู่ เย่ เย้! เราภูมิใจในตัวคุณมาก!) |
Yahoo | /ˈjæhu/ | คำอุทานแสดงความยินดี | Yahoo! I passed my exams! (ย่ะฮู้!! ฉันสอบผ่านแล้ว!) |
Alright | /ɔːlˈraɪt/ | สุดยอด เยี่ยม (พอใจ) | Alright! Everything is going as planned. (โอเค! ทุกอย่างเป็นไปตามแผน) |
Fantastic | /fænˈtæstɪk/ | มหัศจรรย์ เยี่ยมยอด | Fantastic! You got the promotion! (เยี่ยมมาก! คุณได้รับการเลื่อนตำแหน่ง!) |
Sweet | /swiːt/ | คำอุทานแสดงความดีใจและความพึงพอใจ | Sweet! I got tickets to the concert! (เย้! ได้บัตรคอนเสิร์ตแล้ว!) |
Awesome | /ˈɔːsəm/ | สุดยอด (แสดงความชื่นชม) | Awesome! Let’s celebrate tonight. (เยี่ยมเลย! งั้นเรามาฉลองกันเลยคืนนี้) |
คำอุทานแสดงความโกรธ
คำอุทาน | การสะกดคำ | ความหมาย | ตัวอย่าง |
Ugh | /ʌɡ/ | คำอุทานแสดงความรังเกียจไม่พอใจหรืออื่น ๆ | Ugh! I can’t believe it’s raining again! (โอ้ย! ไม่น่าเชื่อว่าฝนจะตกอีกแล้ว!) |
Argh | /ɑːɡ/ | เสียงโวยวาย แสดงความไม่พอใจ | Argh! I forgot my keys at home! (อ๊าก! ฉันลืมกุญแจไว้ที่บ้าน!) |
Grr | /ɡɜːr/ | โกรธ | Grr! Why won’t this work?! (โอ๊ย ทำไมมันถึงไม่ได้ผลล่ะ?!) |
Darn | /dɑːrn/ | คำที่เปล่งออกมาแสดงอาการรังเกียจสิ่งใดสิ่งหนึ่ง | Darn! I missed the bus! (บ้าเอ้ย! ฉันมาไม่ทันรถบัส!) |
Shoot | /ʃuːt/ | เฮ้ย | Shoot! I left my wallet at home. (เฮ้ย! ฉันลืมกระเป๋าสตางค์ไว้ที่บ้าน) |
Drat | /dræt/ | คำอุทานแสดงความรำคาญ / สับสน | Drat! The printer’s out of ink again! (โถ่! หมึกปริ้นเตอร์หมดอีกแล้ว!) |
Blast | /blæst/ | คำอุทานแสดงความโกรธ | Blast! I forgot my password! (เฮ้ย! ฉันลืมรหัสผ่านแล้ว!) |
Rats | /ræts/ | คำอุทานแสดงความผิดหวัง ความรังเกียจหรืออื่น ๆ | Rats! My phone just died. (เฮ้อ! โทรศัพท์ของฉันเพิ่งจะพัง) |
Dang | /dæŋ/ | โอ้ย | Dang! I spilled coffee on my shirt. (โอ้ย! กาแฟหกใส่เสื้อฉัน) |
For Pete’s sake | /fɔːr piːts seɪk/ | แสดงความแปลกใจ ไม่พอใจ | For Pete’s sake! Can you be quiet?! (ฮื้อ! เงียบได้ไหม?!) |
Oh, come on | /oʊ kʌm ɒn/ | เฮ้ย | Oh, come on! That’s just unfair! (เฮ้ย! มันไม่ยุติธรรมเลย!!) |
Jeez | /dʒiːz/ | แสดงถึงความประหลาดใจ หรือรำคาญ | Jeez! How many times do I have to tell you? (โอ้พระเจ้า ฉันบอกคุณกี่ครั้งแล้ว?) |
Bother | /ˈbɒðər/ | วุ้ย (โกรธ) | Bother! I forgot to save the document. (วุ้ย! ลืมบันทึกไฟล์) |
D’oh | /doʊ/ | คำที่เน้นมุมมองความรู้สึกเจ็บปวด | D’oh! I left my phone at work. (โธ่! ฉันลืมโทรศัพท์ไว้ที่ที่ทำงาน) |
Tsk | /tsk/ | แสดงความไม่พอใจ | Tsk! This is not what I expected at all. (อ้าว! นี่ไม่ใช่สิ่งที่ฉันคาดหวังเลย) |
คำอุทานแสดงความโศกเศร้า
คำอุทาน | การสะกดคำ | ความหมาย | ตัวอย่าง |
Oh no | /oʊ noʊ/ | โอ้ไม่ | Oh no! I lost my favorite bracelet. (โอ้ไม่! ฉันทำสร้อยข้อมือเส้นโปรดของฉันหาย) |
Sigh | /saɪ/ | เฮ้อ | Sigh… I really miss those days. (เฮ้อ…คิดถึงวันเก่าๆจังเลย) |
Alas | /əˈlæs/ | อนิจจา โถ | Alas, I couldn’t make it in time. (โถ! ฉันมาไม่ทันเวลา) |
Oh dear | /oʊ dɪr/ | โอ้ โธ่ | Oh dear, I’m sorry to hear that. (โอ้! ฉันเสียใจที่ได้ยินเช่นนั้น) |
Poor me | /pʊr miː/ | เฮ้อ | Poor me, I have no one to talk to. (เฮ้อ! ฉันไม่มีใครคุยด้วยเลย) |
Boohoo | /ˈbuːhuː/ | คำแทนเสียงร้องในภาษาเขียน | Boohoo! I really wanted to go to that concert. (ฮืออออ! ฉันอยากไปคอนเสิร์ตนั้นจริงๆ) |
Oh well | /oʊ wɛl/ | เอาล่ะ | Oh well, I guess it wasn’t meant to be. (เอาล่ะ! ฉันเดาว่ามันคงไม่ใช่แบบนั้น) |
Aw man | /ɔː mæn/ | โอ้โห โธ่เอ๊ย | Aw man, I forgot my wallet at home. (โอ้โห! ฉันลืมกระเป๋าสตางค์ไว้ที่บ้าน) |
Oh bother | /oʊ ˈbɒðər/ | โธ่เอ๊ย | Oh bother! I missed the deadline. (โธ่เอ๊ย! ฉันลืมกำหนดเวลา) |
Bummer | /ˈbʌmər/ | น่าเสียดาย เสียใจ | Bummer, we won’t have a vacation this year. (โอ้โหน่าเสียดาย! ปีนี้เราจะไม่ได้พักร้อนเลย) |
So sad | /soʊ sæd/ | เศร้ามาก | So sad… he didn’t get the job. (เศร้านะ!… เขาไม่ได้รับงาน) |
Too bad | /tuː bæd/ | เสียใจมาก | Too bad you can’t join us tonight. (เสียใจมากที่คุณไม่สามารถเข้าร่วมกับเราคืนนี้ได้) |
What a pity | /wɒt ə ˈpɪti/ | น่าเสียดาย | What a pity you missed the show. (ปัทโธ่ คุณเสียใจการแสดง) |
Sob | /sɒb/ | สะอื้นสะอื้น | Sob… I can’t believe it’s over. (ฮือ…ไม่น่าเชื่อว่าจะจบแล้ว) |
Oh, alas | /oʊ əˈlæs/ | คำอุทานแสดงความเศร้าหรือเสียใจ | Oh, alas, I am left with nothing. (โอ้ เสียดายที่ฉันไม่เหลืออะไรเลย) |
คำอุทานแสดงถึงความไม่สบาย
Interjection คําศัพท์ | การสะกดคำ | ความหมาย | ตัวอย่าง |
Eww | /ɛu/ | อี๋ | Eww, what is that smell? (เอ๋ย นั่นกลิ่นอะไรนะ?) |
Yuck | /jʌk/ | ยี้ | Yuck! I don’t want to eat that. (ยี้! ฉันไม่อยากกินมัน) |
Phew | /pjuː/ | ว้า | Phew, that was a close call! (ว้า! เกือบไปแล้ว) |
Faugh | /fɔː/ | คำอุทานแสดงความรังเกียจ | Faugh! This is disgusting! (ฮึ่ม! นี่มันน่ารังเกียจ!) |
Bah | /bɑː/ | คำอุทานแสดงความดูถูก หรือความรำคาญ | Bah! This is not what I expected. (เฮ้ย! นี่ไม่ใช่สิ่งที่ฉันคาดหวังไว้) |
Pooh | /puː/ | คำอุทานแสดงการดูถูกเหยียดหยาม | Pooh! That’s ridiculous! (บ้า! ไร้สาระมาก!) |
Shoo | /ʃuː/ | คำอุทานเพื่อขับไล่หรือตะเพิด | Shoo! Get away from me! (เห้ย! ออกไป!) |
Yah | /jɑː/ | คำอุทานแสดงความรังเกียจหรือรำคาญ | Yah, that’s just gross! (ฮึ่ม! น่ารังเกียจมาก!!) |
Oi | /ɔɪ/ | คำอุทานแสดงความไม่พอใจ | Oi, that’s not right! (เฮ้ย! ไม่ถูกต้องนะ!) |
คำอุทานแสดงน้ำเสียง
คำอุทาน | การสะกดคำ | ความหมาย | ตัวอย่าง |
Mmm | /mː/ | ใช้เมื่อไม่เห็นด้วยกับบางสิ่ง แสดงความไม่แน่ใจ | Mmm, this cake is delicious! (อืม เค้กอันนี้อร่อยจังเลย!) |
Shhh | /ʃ/ | ใช้เวลาที่จะบอกให้อีกฝ่ายเงียบ ๆ คล้ายภาษาไทยคือ “ชู่ว” | Shhh! Be quiet during the movie. (ชู่ว ระหว่างดูหนังเงียบๆ หน่อยนะ) |
Ouch | /aʊtʃ/ | คำอุทานแสดงความเจ็บปวดอย่างกะทันหัน | Ouch! That hurts! (โอ๊ยยย เจ็บจังเลย!) |
Ah | /ɑː/ | คำอุทานแสดงความเข้าใจ ความประหลาดใจ | Ah, now I understand! (อ๋อ เข้าใจแล้ว!) |
Gasp | /ɡæsp/ | คำอุทานแสดงความตกใจความ ความเจ็บปวด | Gasp! Did you see that? (อุ๊ย! คุณเห็นไหมว่า?) |
Hooray | /həˈreɪ/ | เย้ ไชโย | Hooray! We won the game! (เย้! เราชนะแล้ว!) |
Whoops | /wʊps/ | คำอุทานแสดงความประหลาดใจ ความอาย | Whoops! I dropped the glass. (อุ๊ย! ฉันทำแก้วหล่น) |
Yay | /jeɪ/ | คำอุทานของการเฉลิมฉลองหรือชัยชนะ | Yay! It’s my birthday! (เย้ๆ วันเกิดฉันแล้ว!) |
Ahem | /əˈhɛm/ | คำอุทานเรียกความสนใจ | Ahem! Can I have your attention, please? (อะแฮ่ม! โปรดฟังผมหน่อยได้ไหม?) |
คำอุทานทั่วไป
คำอุทาน | การสะกดคำ | ความหมาย | ตัวอย่าง |
Thank God | /θæŋk ɡɒd/ | ขอบคุณพระเจ้า | Thank God you’re safe! (ขอบคุณพระเจ้าที่คุณปลอดภัย!) |
Oh dear | /oʊ dɪr/ | อุ๊ยตาย | Oh dear, what happened to your car? (อุ๊ยตาย! รถของคุณเกิดอะไรขึ้น?) |
Oh boy | /oʊ bɔɪ/ | โอ้วว | Oh boy, that’s a lot of work. (โอ้วว! งานหนักมาก) |
Heavens | /ˈhɛvənz/ | คำอุทานแสดงความตกใจ ประหลาดใจ | Heavens, that was a loud noise! (อุ๊ย! เสียงดังมาก) |
Help | /hɛlp/ | คำอุทานขอความช่วยเหลือ | Help! I can’t swim! (ช่วยด้วย! ฉันว่ายน้ำไม่เป็น!) |
Oh my God | /oʊ maɪ ɡɒd/ | โอ้ พระเจ้า | Oh my God, I can’t believe it! (โอ้พระเจ้า ฉันไม่เชื่อเลย!) |
My goodness | /maɪ ˈɡʊdnəs/ | โอ้ | My goodness, you look amazing! (โอ้ คุณดูดีมาก!) |
Well done | /wɛl dʌn/ | ดีจริง | Well done on passing the exam! ดีจังเลย! สอบผ่านแล้วนะ) |
Cool | /kuːl/ | ดีจัง เท่จัง เจ๋ง | Cool! That’s a great idea. (เจ๋งมาก! เป็นความคิดที่ดี) |
No way | /noʊ weɪ/ | ไม่มีทาง หมดหนทาง | No way, did that really happen? (ไม่มีทางเลย มันเกิดขึ้นจริงๆ เหรอ?) |
Sweet! | /swiːt/ | เจ๋ง | Sweet! We got tickets to the concert! (เจ๋ง! ได้ตั๋วคอนเสิร์ตแล้ว!) |
คำอุทานถือเป็นกลุ่มคำ
วลี | ความหมาย |
What a beautiful day! | วันนี้เป็นวันที่สวยงามจริงๆ! |
How wonderful it is! | สุดยอดเลย! |
What a great idea! | ไอเดียดีมาก! |
How exciting this is! | น่าตื่นเต้นจัง! |
What an interesting book! | หนังสือเล่มนี้น่าสนใจจริงๆ! |
How lovely the flowers are! | สวยจังเนาะดอกไม้อ่ะ! |
What a nice surprise! | เป็นเซอร์ไพรส์ที่ดีมาก! |
How terrible the weather is! | อากาศแย่มากเลย! |
What a shame it is! | น่าเสียดายจัง! |
How sweet she is! | เธอช่างน่ารักจริงๆ! |
ประโยคอุทานภาษาอังกฤษเริ่มต้นด้วย What
โครงสร้าง | ตัวอย่าง |
What + a + คำนามนับไม่ได้เอกพจน์! | What a shame! (น่าเสียดายจัง!) |
What + a (an) + คำคุณศัพท์ + คำนามนับได้เอกพจน์ + (S + Verb)! | What an amazing view (it is)! (ทำไมวิวสวยแบบนี้!!) |
What + Adj + คำนามนับไม่ได้ + (S + Verb)! | What good luck they had! (พวกเขาโชคดีจริงๆ!) |
What + Adj + คำนามพหูพจน์ + (S + Verb)! | What interesting books they are! หนังสือเล่มนี้น่าสนใจจริงๆ!) |
ประโยคอุทานภาษาอังกฤษเริ่มต้นด้วย How
โครงสร้าง | ตัวอย่าง |
How + Adj! | How nice! (ดีจริง!) |
How + Adj/Adv + S+ Verb! | How fast that dog runs! (สุนัขตัวนั้นวิ่งเร็วมาก!) |
How + Adj + Verb + S! | How beautiful am I! (ฉันดูสวยจัง!) |
ประโยคอุทานภาษาอังกฤษเริ่มต้นด้วย Such
โครงสร้าง | ตัวอย่าง |
Such + a/an + Adj + คำนามนับได้เอกพจน์ | She is such a nice girl! (เธอเป็นผู้หญิงที่น่ารักมาก!) |
Such + Adj + คำนามนับไม่ได้ / คำนามพหูพจน์! | They are such difficult examinations! (การสอบช่างยากเหลือเกิน!) |
>>> Read more: รวบรวมความรู้ทั้งหมดเกี่ยวกับคำอุทานภาษาอังกฤษ
แบบฝึกหัดเกี่ยวกับ Interjection (คำอุทาน)
แบบฝึกหัด
แบบฝึกหัดที่ 1: เลือกคำอุทาน (interjection) ที่เหมาะสมและเติมลงในช่องว่างในแต่ละประโยคต่อไปนี้:
1. ______, I can’t believe it’s already the weekend!
2. _____, that was a close call!
3. _____, this cake tastes delicious!
4. ______, I’m so excited about our upcoming vacation.
5. _____, that was a terrible accident.
แบบฝึกหัดที่ 2: เติมคำอุทาน (interjection) ที่เหมาะสมลงในประโยคต่อไปนี้:
1. ______! I just won the lottery!
2. ______, I burned my hand on the stove.
3. ______, this book is absolutely fascinating!
4. ______, that movie was so scary.
5. ______, I can’t believe you did that!
แบบฝึกหัดที่ 3: เติมคำอุทาน (interjection) ที่เหมาะสมในประโยคต่อไปนี้เพื่อแสดงอารมณ์:
1. _____, what a surprise to see you here!
2. _____, I’m so sorry to hear about your loss.
3. _____, this is the best news I’ve heard all day!
4. _____, be careful on that icy sidewalk!
5. _____, I can’t believe we finally made it!
แบบฝึกหัดที่ 4: ค้นหาและจดคำอุทาน interjection ทั้งหมดไว้ในย่อหน้าต่อไปนี้:
Wow! Today is truly a fantastic day to explore nature. Oh, the sky is so deep blue, the clouds are floating gently, and the lush greenery is just beautiful! Look over there, there’s a flock of birds soaring on top of the mountain. Hooray! It’s such an amazing feeling to see them flying high in the sky.
I step into the woods, and Eww, there’s a worm hiding under a leaf. Ouch! Well, it’s a part of nature too, I suppose. I feel a cool breeze on my skin, making me feel refreshed. Ouch! But then, I stumble upon a tree root and almost fall. Wow, I’m lucky I didn’t get hurt!
I continue my journey, and suddenly, Alas, an unexpected rain shower begins. Nevertheless, nothing can stop me from exploring. I keep walking in the rain, and it’s such an exhilarating feeling. Bravo, Mother Nature, your beauty is endlessly marvelous!
Finally, when I reach the mountaintop, I’m amazed by the breathtaking scenery. Oh, the vast and green mountain peak, it feels like I’m on top of the world. I feel like I’m a part of nature, and I can’t help but exclaim, “Wow, this journey is truly wonderful!”
เฉลย
แบบฝึกหัดที่ 1:
1. Wow, I can’t believe it’s already the weekend!
2. Phew, that was a close call!
3. Yum, this cake tastes delicious!
4. Hooray, I’m so excited about our upcoming vacation.
5. Oh no, that was a terrible accident.
แบบฝึกหัดที่ 2:
1. Eureka! I just won the lottery!
2. Ouch, I burned my hand on the stove.
3. Fascinating, this book is absolutely fascinating!
4. Yikes, that movie was so scary.
5. Gosh, I can’t believe you did that!
แบบฝึกหัดที่ 3:
1. Oh my goodness, what a surprise to see you here!
2. Condolences, I’m so sorry to hear about your loss.
3. Hurrah, this is the best news I’ve heard all day!
4. Caution, be careful on that icy sidewalk!
5. Congratulations, I can’t believe we finally made it!
แบบฝึกหัดที่ 4:
คำอุทาน (interjection) ในย่อหน้า: Wow, Hooray, Eww, Ouch, Alas, Phew, Yikes, Gosh, Hurrah, Congratulations
ข้างต้นเป็นความรู้เกี่ยวกับคำอุทาน (Interjection) และวิธีใช้ที่นำมาให้เพื่อนๆ ทุกคน หวังว่าการแบ่งปันข้างต้นจะช่วยให้การสื่อสารภาษาอังกฤษมีประสิทธืภาพมากขึ้น นอกจากนี้อย่าลืมเข้ามาชม ELSA Speak เพื่ออัปเดทความรู้ด้านภาษาอังกฤษล่าสุดทุกวัน!