แม้เรียนภาษาอังกฤษมานานแล้ว แต่หลายๆ คนยังคงรู้สึกสับสนเมื่อต้องเติม s และ es หลังคำนามในการพูดและการเขียน มาเรียนรู้หลักการเติม s es หลังคำนามในบทความต่อไปนี้นะคะ
หลักการเติม s/ es ต่อคำนามในภาษาอังกฤษ
ในภาษาอังกฤษ เราจะเติม s/es ต่อท้ายคำนามเพื่อเปลี่ยนคำนามเอกพจน์เป็นคำนามพหูพจน์ อย่างไรก็ตาม หลักการนี้ใช้กับคำนามที่นับได้เท่านั้น หลักการเติม s/ es ต่อคำนาม ดังนี้
สอบก่อนเข้าฟรี
เติม s ต่อท้ายคำนามนับได้เอกพจน์เพื่อเปลี่ยนเป็นคำพหูพจน์
ตัวอย่าง:
Road | roads |
Horse | horses |
Book | books |
Chair | chairs |
Rose | roses |
Image | images |
Window | windows |
เติม es ต่อท้ายคำนามที่ลงท้ายด้วย s, ss, sh, ch, z และ x
ตัวอย่าง:
Bus | buses |
Box | boxes |
Glass | glasses |
Quiz | quizzes |
Fox | foxes |
Church | churches |
เติม es ต่อท้ายคำนามที่ลงท้ายด้วยพยัญชนะ + o
ตัวอย่าง:
Tomato | tomatoes |
Potato | potatoes |
Hero | heroes |
หลักการการเติม s/ es ต่อท้ายคำนาม ยกเว้นบางกรณีพิเศษ ดังนี้ สำหรับคำที่ลงท้ายด้วยสระ + o คำนามที่มาจากต่างประเทศ หรือคำย่อ จะได้เติม s ต่อท้ายคำคำนั้นเพื่อเปลี่ยนเป็นคำพหูพจน์
ตัวอย่าง: Radio -> Radios
สำหรับคำนามที่ลงท้ายด้วยพยัญชนะ + y y จะได้เปลี่ยนเป็น i แล้วเติม es ต่อท้ายคำ
ตัวอย่าง
Baby | babies |
Fly | flies |
Lady | ladies |
Duty | duties |
Party | parties |
Country | countries |
คำนามที่ลงท้ายด้วยสระ a, o, u, e, i + y ยังคงเหมือนเดิมและเติม s
ตัวอย่าง:
Boy | boys |
Donkey | donkeys |
Valley | valleys |
Monkey | monkeys |
สำหรับคำนามที่ลงท้ายด้วย f หรือ fe หลักการเติม s/ es ได้แบ่งออกเป็น 2 ประการ ดังนี้
คำนามที่จะได้เปลี่ยน f หรือ fe เป็น “v” แล้วเติม es ดังนี้
Calf | calves |
Half | halves |
Knife | knives |
Leaf | leaves |
Life | lives |
Loaf | loaves |
Self | selves |
Shelf | shelves |
Thief | thieves |
Wife | wives |
Wolf | wolves |
สำหรับกรณีที่เหลือ f หรือ fe ยังคงเหมือนเดิม แล้วเติม s ตามปกติ
ตัวอย่าง:
Cliff | cliffs |
Safe | safes |
Chief | chiefs |
บางกรณีพิเศษเปลี่ยนคำนามเป็นคำนามพหูพจน์
หลักการเติม s/ es ต่อคำนามจะใช้ได้กับคำนามนับได้เอกพจน์เท่านั้น
นอกจากนี้ยังมีบางกรณีพิเศษที่ต้องสังเกตไว้ โดยเฉพาะเมื่อคุณต้องการพัฒนาทักษะการเขียน ดังนี้:
คำนามมีสระอยู่ตรงกลาง ซึ่งมีรูปแบบพหูพจน์ของตัวเอง จึงไม่ได้เติม s/ es ตามปกติ
ตัวอย่าง:
Foot | feet |
Tooth | teeth |
Goose | geese |
Man | men |
Woman | women |
Mouse | mice |
Child | children |
คำนามบางคำเป็นคำพหูพจน์และใช้พร้อมกับกริยาพหูพจน์เท่านั้น
ตัวอย่าง: Clothes, police, cattle, arms, goods, stairs, riches…
คำนามที่ลงท้ายด้วย s หรือ es แต่เป็นคำเอกพจน์
ตัวอย่าง: News, mumps, darts, bowls, dominoes, shingles…
คำนามที่มาจากต่างประเทศหรือ Latin มีรูปแบบพหูพจน์ของตัวเอง จึงไม่ได้เติม s/ es ตามปกติ
ตัวอย่าง:
Radius | radii |
Basis | bases |
Oasis | oases |
Datum | data |
นอกจากนี้ ยังมีคำนามมีรูปแบบพหูพจน์และเอกพจน์เหมือนกัน
ตัวอย่าง: Deer, swine, fish, salmon…
วิธีออกเสียง s/ es ได้อย่างถูกต้องในภาษาอังกฤษ
นอกจากเรียนรู้เกี่ยวกับหลักการเติม s/ es ต่อคำนามแล้ว คุณต้องสังเกตกับวิธีออกเสียง “s” และ “es” เพื่อสื่อสารได้อย่างมีประสิทธิภาพ
s ได้ออกเสียงเป็น /s/ เมื่อคำลงท้ายด้วยพยัญชนะที่ไร้เสียง ไร้การสั่นสะเทือน ได้แก่: /p/, /t/, /k/, /f/, /θ/.
ตัวอย่าง: meets, coats, books, roofs, maps…
s ได้ออกเสียงเป็น /z/ เมื่อคำลงท้ายด้วยพยัญชนะที่ออกเสียงเป็น /b/, /d/, /g/, /v/, /ð/, /m/, /n/, /ŋ, /l/ , /r/ หรือสระที่ออกเสียงสั่นสะเทือน
ตัวอย่าง: hands, girls, boys, birds, cars, windows…
es ได้ออกเสียงเป็น /ɪz/ เมื่อคำลงท้ายด้วยพยัญชนะที่ออกเสียงลม /s/, /z/, /ʃ/, /ʒ/, /tʃ/, /dʒ/ ปกติคำเหล่านี้จะลงท้ายด้วย ce, x, z, sh, ch, s, ge
ตัวอย่าง: Classes, dishes, rouges, changes, boxes…
แบบฝึกหัดหลักการเติม s/ es
แบบฝึกหัดที่ 1: เปลี่ยนคำนามต่อไปนี้เป็นคำนามพหูพจน์
Fan | Book | Class | Apple |
Phone | Toy | Tree | Lession |
แบบฝึกหัดที่ 2: เลือกคำที่ออกเสียง s/ es แตกต่างกับคำอื่นๆ
1 | A. grasses | B. potatoes | C. comprises | D. stretches |
2 | A. sings | B. coughs | C. sleeps | D. stops |
3 | A. signs | B. becomes | C. profits | D. survives |
4 | A. mends | B. equals | C. values | D. develops |
5 | A. wishes | B. introduces | C. practices | D. leaves |
คำตอบ
แบบฝึกหัดที่ 1:
Fans | Books | Classes | Apples |
Phones | Toys | Trees | Lessons |
แบบฝึกหัดที่ 2:
1 | 2 | 3 | 4 | 5 |
B | A | C | D | D |
ELSA Speak – แอปพลิเคชั่นฝึกออกเสียงภาษาอังกฤษเหมือนเจ้าของภาษา
หลักการเติม s/ es ต่อคำนามเป็นหนึ่งในหลักไวยากรณ์ที่สำคัญในภาษาอังกฤษ ซึ่งสามารถประยุกต์ใช้ในการอ่านและการเขียนได้ อย่างไรก็ตาม การแยกแยะและออกเสียง s และ es ให้ถูกต้องไม่ใช่เรื่องง่าย
นอกจากฝึกอ่านเป็นประจำแล้ว คุณยังสามารถใช้แอปฯ ฝึกออกเสียงภาษาอังกฤษ ELSA Speak เพื่อฝึกการออกเสียงให้เหมือนกับเจ้าของภาษา โดยเฉพาะในการเรียนการสื่อสารภาษาอังกฤษออนไลน์
ELSA Speak สามารถตรวจจับการออกเสียงที่ผิดพลาดของคุณได้อย่างถูกต้อง โดยการใช้เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ที่มีการจำรู้เสียง นอกจากนี้ ELSA Speak ยังให้คะแนนเพื่อให้คุณทราบว่าทักษะการพูดภาษาอังกฤษของตนอยู่ระดับไหน รวมทั้งให้คำแนะนำการแก้ไขข้อผิดพลาด ซึ่งไม่ใช่แค่เสียง s/es เท่านั้น แต่รวมถึงเสียงอื่นๆ ด้วย ดังนั้น คุณสามารถพัฒนาทักษะการพูดมากขึ้นเรื่อยๆ
ปัจจุบัน ELSA Speak มีมากกว่า 25,000 บทเรียน แบ่งเป็น +290 หัวข้อที่น่าสนใจและใกล้ชิดกับชีวิตประจำวัน ดังนั้น คุณสามารถเลือกหัวข้อที่ชื่นชอบหรือมีประโยชน์ต่อการทำงาน ซึ่งทำให้การเรียนน่าสนใจยิ่งขึ้น
จากบทความนี้ หวังว่าคุณจะเข้าใจหลักการเติม s/ es ต่อคำนาม รวมถึงการออกเสียงที่ถูกต้อง เพื่อพัฒนาทักษะภาษาอังกฤษได้อย่างมีประสิทธิภาพ คุณควรฝึกฝนกับ ELSA Speak 10 นาทีแต่ละวัน อาจไม่นาน คุณจะสามารถเห็นความก้าวหน้าในการเรียนได้อย่างชัดเจน
READMORE