Author: Tươi Triệu Thị
ในประเทศไทย รวมทั้งประเทศอื่นๆ ในทั่วโลก ป้ายจราจรหรือเครื่องหมายจราจรถือเป็นภาษาประจำชาติและภาษาสากล – ภาษาอังกฤษ การรู้และเข้าใจ ป้ายจราจร ภาษาอังกฤษ เป็นสิ่งสำคัญในการเดินทางที่ต่างประเทศ มาดูคำศัพท์เกี่ยวกับป้ายจราจรภาษาอังกฤษที่ใช้กันทั่วไปในบทความด้านล่างค่ะ
รวบรวมคำศัพท์เกี่ยวกับ ป้ายจราจรภาษาอังกฤษ
การเข้าใจป้ายจราจรภาษาอังกฤษจะช่วยให้เรารู้กฎจราจร เราสามารถเข้าใจความหมาย ข้อความและคำเตือนที่ป้ายจราจรสื่อถึง ซึ่งช่วยให้เราร่วมการจราจรได้อย่างปลอดภัยและปฏิบัติตามกฎอย่างถูกต้อง ด้านล่างคือวลีเกี่ยวกับ ป้ายจราจร ภาษาอังกฤษ ที่ใช้บ่อยที่สุด
- Stop sign – ป้ายหยุด
- Yield sign – ป้ายให้ทาง
- No entry sign – ป้ายห้ามเข้า
- One-way sign – ป้ายให้เดินรถทางเดียว
- Speed limit sign – ป้ายจำกัดความเร็ว
- No parking sign – ป้ายห้ามจอดรถ
- No overtaking sign – ป้ายห้ามแซง
- Pedestrian crossing sign – ป้ายคนเดินเท้า
- School zone sign – ป้ายเขตโรงเรียน
- No U-turn sign – ป้ายห้ามกลับรถ
- Roundabout sign – ป้ายวงเวียน
- Slippery road sign – ป้ายถนนลื่น
- Road works sign – ป้ายเตือนงานก่อสร้าง
- Crossroad sign – ป้ายเตือนทางแยก
- Road narrows sign – ป้ายเตือนทางแคบทั้งสองด้าน
- No horn sign – ป้ายห้ามใช้เสียง
- No left turn – ห้ามเลี้ยวซ้าย
- No right turn – ห้ามเลี้ยวขวา
- No overtaking zone – ห้ามแซง
- Watch for cyclists – ระวังนักปั่นจักรยาน
- Give way – ให้ทาง
- No parking – ห้ามจอดรถ
- No stopping – ห้ามหยุด
- No entry – ห้ามเข้า
- School zone – เขตโรงเรียน
- No overtaking – ห้ามแซง
- Pedestrian crossing – ทางม้าลาย
- Slippery road – ถนนลื่น
- Road works ahead – ด้านหน้ามีการสร้างถนน
- No U-turn – ห้ามกลับรถ
- Yield to pedestrians – ให้ทางแก่คนเดินเท้า
- No horn – ห้ามบีบแตร
- Road closed – ถนนปิด
- Intersection ahead – สี่แยกข้างหน้า
- No through road – ทางตัน
- Road ahead closed to all vehicles – ถนนข้างหน้าห้ามรถทุกคัน
- No left turn allowed – ห้ามเลี้ยวซ้าย
- No right turn allowed – ห้ามเลี้ยวขวา
- No overtaking allowed – ห้ามแซง
- No entry for vehicles – ห้ามรถเข้า
>>> Read more
- ประโยคเงื่อนไข If Clause: โครงสร้าง วิธีใช้ แบบฝึกหัด และเคล็ดลับการท่องจำ
- ตาราง Irregular Verbs ในภาษาอังกฤษที่ครบถ้วนและถูกต้องที่สุด
- บทกวีเกี่ยวกับการใช้ “IN” “ON” “AT” ช่วยให้คุณแยกแยะได้ง่า
- Passive Voice: สูตร ตัวแปร และการใช้งานที่แม่นยำที่สุด (พร้อมแบบฝึกหัด)
คำศัพท์เกี่ยวกับ ป้ายจราจร ภาษาอังกฤษ ที่สำคัญ
การเรียนคำศัพท์เกี่ยวกับ ป้ายจราจร ภาษาอังกฤษ ช่วยเราในการเรียนการสื่อสารภาษาอังกฤษและสามารถสื่อสารกับชาวต่างชาติได้ เมื่อเดินทางหรือทำงานที่ต่างประเทศ การเข้าใจคำศัพท์เกี่ยวกับป้ายจราจรจะทำให้เราเดินทางได้ง่าย และปลอดภัย ในขณะเดียวกัน เราก็สามารถเข้าใจและปฏิบัติตามกฎจราจรของประเทศนั้นได้อย่างถูกต้องอีกด้วย ต่อไปนี้เป็นวลีป้ายจราจรที่ควรรู้จัก
- Crosswalk ahead – ทางม้าลายข้างหน้า
- No horn between 10 pm and 6 am – ห้ามใช้สัญญาณแตรจาก 22.00 น. ถึง 06.00 น
- Merge ahead – รวมรถที่ข้างหน้า
- Give way to emergency vehicles – หลีกทางให้รถพยาบาล
- No vehicles carrying hazardous materials – ห้ามรถที่บรรทุกวัตถุอันตราย
- Road closed for repairs – ปิดถนนเพื่อซ่อมแซม
- No left turn from 7 am to 7 pm – ห้ามเลี้ยวซ้ายตั้งแต่ 07.00 น. ถึง 19.00 น
- Beware of falling rocks – ระวังหินหล่นใส่
- No idling – ห้ามสตาร์ทเครื่องยนต์
- Watch for pedestrians crossing – ระวังคนเดินเท้าที่ข้ามถนน
- Do not block intersection – อย่าปิดกั้นทางแยก
- No parking on weekdays – ป้ายห้ามจอดตลอดเวลาเว้นวันอาทิตย์
- Yield to oncoming traffic – หลีกทางให้กับรถที่สวนทาง
- No turn on red – ห้ามเลี้ยวเมื่อไฟเป็นสีแดง
- No entry except bicycles – ห้ามเข้ายกเว้นจักรยาน
- No parking within 10 meters of intersection – ห้ามจอดรถในระยะ 10 เมตรจากทางร่วมทางแยก
- Beware of animals crossing – ระวังสัตว์ข้ามถนน
- No vehicles over 3 tons – ห้ามรถที่มีน้ำหนักเกิน 3 ตัน
- No pedestrians allowed on roadway – ห้ามคนเดินเท้า
แบบฝึกหัดเกี่ยวกับป้ายจราจรภาษาอังกฤษ
การเรียนคำศัพท์เกี่ยวกับ ป้ายจราจร ภาษาอังกฤษ ช่วยให้เรามีสติในการเดินทาง ด้วยการฝึกฝนภาษาอังกฤษเป็นประจำและใช้คำศัพท์อย่างถูกต้อง เราสามารถปฎิบัติตามกฎจราจร ซึ่งส่งผลดีต่อความปลอดภัยของทุกคน ด้านล่างนี้คือแบบฝึกหัดเกี่ยวกับป้ายจราจรภาษาอังกฤษกับคำตอบด้วย
แบบฝึกหัด
- แบบฝึกหัดที่ 1: Choose the correct meaning for each traffic sign:
1. Stop sign
a. Slow down
b. Stop and give way to other vehicles
c. No entry
2. Yield sign
a. Give way to pedestrians
b. Stop and wait for the green light
c. No overtaking
3. No entry sign
a. No left turn
b. No right turn
c. No entry
4. One-way sign
a. No parking
b. No overtaking
c. Road with traffic flowing in one direction only
5. No parking sign
a. No stopping or parking
b. No U-turn
c. No entry
- แบบฝึกหัดที่ 2: Match the following phrases with their corresponding meanings:
1.Give way
a. Slow down and prepare to stop
b. Allow others to go before you
c. No stopping or parking
2. Road narrows
a. Road with traffic flowing in one direction only
b. The width of the road becomes narrower ahead
c. No left turn
3. No horn
a. Cautious, watch out for pedestrians
b. Do not use the horn
c. Yield to oncoming traffic
4. Pedestrian crossing
a. Road for pedestrians to cross
b. Road with sharp turns ahead
c. Road with slippery surface
5. Slippery road
a. Road with traffic flowing in one direction only
b. Road surface is slippery when wet
c. Slow down and be prepared to stop
- แบบฝึกหัดที่ 3: Translate the Phrase (แปลคำศัพท์ต่อไปนี้เป็นภาษาไทย).
– No entry
– School zone
– Speed limit
– Pedestrian crossing
– No overtaking
คำตอบ
- แบบฝึกหัดที่ 1:
– Stop and give way to other vehicles
– Give way to pedestrians
– No entry
– Road with traffic flowing in one direction only
– No stopping or parking
- แบบฝึกหัดที่ 2:
– Allow others to go before you
– The width of the road becomes narrower ahead
– Do not use the horn
– Road for pedestrians to cross
– Road surface is slippery when wet
- แบบฝึกหัดที่ 3:
– ห้ามเข้า
– เขตโรงเรียน
– จำกัดความเร็ว
– ทางม้าลาย
– ห้ามแซง
- แบบฝึกหัดที่ 4: เขียนบทความภาษาอังกฤษสั้นๆ เกี่ยวป้ายจราจรในประเทศไทย
ตัวอย่าง:
In Thailand, traffic signs play a crucial role in guiding and regulating the flow of traffic across the nation. From bustling cities to serene countryside roads, a variety of traffic signs can be found, each serving a specific purpose.
One commonly seen traffic sign in Thailand is the Stop sign. This octagonal red sign with white letters demands drivers to come to a complete halt at intersections, ensuring the safety of all road users. Another prominent sign is the Speed Limit sign, which displays the maximum allowed speed on a particular road or highway. It serves as a reminder for drivers to adhere to the specified speed limit for their safety and the safety of others.
In addition to these, there are various other traffic signs that provide essential information and warnings to drivers. Furthermore, Thailand also utilizes signs to indicate parking regulations.
It is important for drivers in Thailand to familiarize themselves with these traffic signs and understand their meanings. By adhering to the guidance provided by these signs, drivers can contribute to safer roads and a smoother traffic experience across the country.
คุณศัพท์แสดงความเป็นเจ้าของในภาษาอังกฤษ (Possessive adjective) คือองค์ประกอบสำคัญในการสร้างประโยค และมักใช้ทั่วไปในการพูดและการเขียน ปกติ ผู้เรียนมักจะสับสนระหว่างคุณศัพท์แสดงความเป็นเจ้าของ สรรพนามแสดงความเป็นเจ้าของ และ บุรุษสรรพนาม ในภาษาอังกฤษ ดังนั้น เพื่อเข้าใจคุณศัพท์แสดงความเป็นเจ้าของในภาษาอังกฤษ มาดูบทความด้านล่างกับ ELSA Speak นะ
Possessive adjectives คืออะไร
คุณศัพท์แสดงความเป็นเจ้าของ (Possessive adjective) คือองค์ประกอบที่บอกถึงการครอบครอง มักจะนำหน้าคำนามเพื่อขยายความ หน้าที่หลักของคุณศัพท์แสดงความเป็นเจ้าของคือช่วยให้ผู้ฝังและผู้อ่านรู้ว่าคำนามนั้นเป็นของใครหรืออะไร
ตัวอย่าง:
- My umbrella is purple: ร่มของฉันสีม่วง
- Our house was built eight years ago: บ้านของเราได้สร้างขึ้นมาเมื่อ ๘ ปีที่แล้ว
Read more: Adjective คืออะไรและต้องใช้อย่างไรในภาษาอังกฤษ
คุณศัพท์แสดงความเป็นเจ้าของในภาษาอังกฤษ
บุรุษสรรพนามแต่ละคำจะมาพร้อมกับคุณศัพท์แสดงความเป็นเจ้าของที่สอดคล้องกัน ตารางด้านล่างจะช่วยคุณเข้าใจวิธีแปลี่ยนแปลงบุรุษสรรพนามเป็นคุณศัพท์แสดงความเป็นเจ้าของ
ชนิด | บุรุษสรรพนาม | คุณศัพท์แสดงความเป็นเจ้าของ | คำอ่าน | ความหมาย |
บุรุษที่ ๑ เอกพจน์ | I | My | /maɪ/ | ของฉัน |
บุรุษที่ ๑ พหูพจน์ | We | Our | /’auə/ | ของเรา |
บุรุษที่ ๒ เอกพจน์ | You | Your | /jʊr/ | ของคุณ |
บุรุษที่ ๒ พหูพจน์ | You | Your | /jʊr/ | ของพวกคุณ |
บุรุษที่ ๓ เอกพจน์ | He | His | /hiː/ | ของเขา |
บุรุษที่ ๓ เอกพจน์ | She | Her | /ʃiː/ | ของเธอ |
บุรุษที่ ๓ เอกพจน์ | It | Its | /ɪts/ | ของมัน |
บุรุษที่ ๓ พหูพจน์ | They | Their | /ðer/ | ของพวกเขา |
โครงสร้างคุณศัพท์แสดงความเป็นเจ้าของ
คุณศัพท์แสดงความเป็นเจ้าของนำหน้าคำนามเพื่อแสดงการครอบครอง
คุณศัพท์แสดงความเป็นเจ้าของ + คำนาม
Possessive adjectives + Nouns
ตัวอย่าง:
- This is my phone: นี่คือโทรศัพท์ของฉัน
- She visits her father: เธอไปเยี่ยมพ่อของเธอ
Possessive adjective ใช้ยังไง
ใช้ Possessive adjective เพื่อแสดงคนหรือสิ่งของที่ถูกครอบครอง
ตัวอย่าง: My hair, My shoes
ในตัวอย่างนี้ “hair, shoes” คือสิ่งที่ถูกครอบครอง ซึ่งเป็นของ “My” -> ผมของฉัน รองท้าวของฉัน
ข้อสังเกต: ในบางกรณี เช่น “My friend, My sister” คุณไม่ควรเข้าใจว่า “ฉัน” ครอบครอง “เพื่อน” หรือ “น้องสาว” เราจึงต้องแปลอย่างยืดหยุ่น
ใช้ Possessive adjectives กับ ส่วนของร่างกาย
ตัวอย่าง:
- He broke his arm, so he had to go to the hospital: แขนของเขาหักจึงต้องไปโรงพยาบาล
- My head hurts: ฉันปวดหัวมาก
ใช้ Possessive adjective นำหน้าคำนามที่ไม่มี a/an/the
ตัวอย่าง:
- My hat is red: หมวกของฉันสีแดง
- Her name is Jenny: เธอชื่อ Jenny
อย่างไรก็ตาม “the” มักจะแทนคุณศัพท์แสดงความเป็นเจ้าของในสำนวน โดยเฉพาะสำนวนที่มีคำว่า “in”
ตัวอย่าง:
- I was shot in the arm: ฉันถูกยิงที่แขน
- He took me by the hand: เขาจับมือฉัน
ความเหมาะสมระหว่างคำคุณศัพท์แสดงความเป็นเจ้าของและประธานในประโยค
คำคุณศัพท์แสดงความเป็นเจ้าของใช้สอดคล้องกับเจ้าของ ไม่ใช่สิ่งที่ถูกครอบครอง ดังนั้น ไม่ว่าคำนามที่ถูกครอบครองจะเป็นเอกพจน์หรือพหูพจน์ รูปแบบของคำคุณศัพท์แสดงความเป็นเจ้าของก็ไม่เปลี่ยยนแปลง
ตัวอย่างที่ ๑:
- My house is beautiful: บ้านของฉันสวยมาก
-> “I” เป็นเจ้าของบ้าน -> ใช้ “My”
- His wife works in a restaurant: ภรรยาของเขาทำงานที่ร้านอาหาร
-> “He” เป็นผู้ครอบครอง > ใช้ “His”
ตัวอย่างที่ ๒:
- คำนามเอกพจน์ : My dress is pink: ชุดเดรสของฉันสีชมพู
- คำนามพหูพจน์: My dresses are pink: ชุดเดรสของฉันหลายชุดสีชมพู
ในตัวอย่างนี้ Possessive adjectives “My” ไม่เปลี่ยนแปลง ไม่ว่าคำนาม “dress” เป็นเอกพจน์หรือพหูพจน์ก็ตาม
แยกแยะคำคุณศัพท์แสดงความเป็นเจ้าของ ( Possessive adjective ) และ สรรพนามแสดงความเป็นเจ้าของ(Possessive pronoun)
คำคุณศัพท์แสดงความเป็นเจ้าของ (Possessive adjectives) และสรรพนามแสดงความเป็นเจ้าของ (Possessive pronoun) ต่างใช้เพื่อแสดงการครอบครอง จึงทำให้เกิดความสับสน ก่อนที่จะเรียนความแตกต่างของคำเหล่านี้ มาดูวิธีเปลี่ยน Possessive adjectives เป็น Possessive pronoun ในตารางต่อไปนี้:
เปรียบเทียบคุณศัพท์แสดงความเป็นเจ้าของ (Possessive adjective) และ สรรพนามแสดงความเป็นเจ้าของ(Possessive pronoun)
คุณศัพท์แสดงความเป็นเจ้าของ (Possessive adjectives) | สรรพนามแสดงความเป็นเจ้าของ (Possessive pronoun) | |
วิธีใช้ | นำหน้าคำนามเพื่อแสดงความเป็นเจ้าของ | ใช้แทนคำนามเพื่อไม่ใช้ซ้ำคำนี้ |
โครงสร้าง | คุณศัพท์แสดงความเป็นเจ้าของ + คำนาม | – |
ตัวอย่าง | This is my new pen → นี่คือปากกาใหม่ของฉัน | My new pen is quite similar to yours (your new pen). → ปากกาใหม่ของฉันคล้ายกับอันของคุณ |
ข้อสังเกตเมื่อใช้คุณศัพท์แสดงความเป็นเจ้าของ (Possessive adjective) และ สรรพนามแสดงความเป็นเจ้าของ (Possessive pronoun)
ข้อสังเกต: เมื่อนำหน้าคำนาม
คุณศัพท์แสดงความเป็นเจ้าของ(Possessive adjective) | สรรพนามแสดงความเป็นเจ้าของ(Possessive pronoun) | |
มี | ไม่มี | |
ตัวอย่าง | my new pen –> ถูก your old home –> ถูก | mine new pen –> ผิด yours old home –> ผิด |
ข้อสังเกต: แยกแยะ“its” และ “it’s”
ITS | IT’S | |
คุณศัพท์แสดงความเป็นเจ้าของของประธาน “it”สรรพนามแสดงความเป็นเจ้าของของประธาน “it” | คำย่อของวลี “It is + sth”คำย่อของวลี “It has + sth”(*) ไม่ค่อยใช้ | |
ตัวอย่าง | Look at that puppy, its tail is wagging. –> ดูลูกหมาตรงนั้นสิ หางของมันกระดิกอยู่ | We have a dog at home, it’s turning 10 years old this summer. –> บ้านของฉันเลี้ยงสุนัขหนึ่งตัว ฤดูร้อนนี้มันได้อายุครบ 10 ขวบแล้ว |
แบบฝึกหัดคุณศัพท์แสดงความเป็นเจ้าของในภาษาอังกฤษ
แบบฝึกหัด
1. I have finished ___ homework tonight.
A. Their B. My C. Our
2. This isn’t her skirt. ___ is blue.
A. Hers B. Her C. She
3. Your bike is a lot faster than ___
A. My B. Its C. Mine
4. Lyly is sick. I will bring her ___ homework.
A. My B. Her C. Mine
5. I looked everywhere for my keys but I could only find ___
A. Your B. Yours C. Them
6. We live in a nice house but ___ neighbors are horrible.
A. Us B. We C. Out
7. Why did ___ eat my food but not his?
A. He B. My C. His
8. She wants to borrow my book because ___ book is amazing.
A. Her B. She C. My
9. Next month, he is going to visit ___ parent and ___ grandmother.
A. Her B. He C. His
10. She is wearing shoes. ___ shoes are very lovely.
A. Her B. My C. She
คำตอบ
1 | 2 | 3 | 4 | 5 | 6 | 7 | 8 | 9 | 10 |
B | A | C | A | C | C | A | C | C | A |
โครงสร้างของคำคุณศัพท์แสดงความเป็นเจ้าของในภาษาอังกฤษเป็นหลักไวยากรณ์ที่สำคัญ หวังว่าบทความข้างต้นจะให้ความรู้ที่จำเป็น เพื่อช่วยคุณพัฒนาทักษะภาษาอังกฤษของตน
โดยเฉพาะ เพื่อพัฒนาทักษะภาษาอังกฤษได้อย่างครอบคลุม จงฝึกฝนกับแอปฯ ELSA Speak ทุกวัน แอปฯนี้จะมีประโยคและ บทสนทนาที่ใกล้เคียงกับความเป็นจริง โดยใช้ โครงสร้าง และคำศัพท์ทั่วไปเพื่อช่วยให้เรียนไวยากรณ์ได้ดีขึ้น
เทคโนโลยีการรู้จำเสียงพิเศษของ ELSA Speak จะให้คะแนนและแก้ไขข้อผิดพลาดในการออกเสียงให้คุณได้ทันที ดังนั้น คุณสามารถสื่อสารภาษาอังกฤษ ได้อย่างมั่นใจและคล่องแคล่วเหมือนเจ้าของภาษา
โดยการฝึกฝนวันละ 10 นาทีกับ ELSA Speak ทักษะภาษาอังกฤษของคุณจะพัฒนาขึ้นถึง 40% ดาวน์โหลดและลงทะเบียน ELSA Pro เดี๋ยวนี้เลย
คําอุทาน ภาษาอังกฤษ คือคำที่แสดงความรู้สึกและทัศนคติของคนพูด การใช้คำอุทานในการพูดไม่ใช่แค่ทำให้ประโยคมีอารมณ์มากขึ้น แต่ยังทำให้บทสนทนากลายเป็นเรื่องที่น่าสนใจและน่าดึงดูดมากขึ้น รวมถึงแสดงความเข้าใจอย่างลึกซึ้งของผู้ใช้ภาษาอีกด้วย อย่างไรก็ตาม การใช้คำอุทานได้อย่างถูกต้องไม่ใช่เรื่องง่ายเพราะมีกฎบังคับ ดังนั้น เรามาเรียนวิธีใช้คำอุทานกับ ELSA Speak ในบทความนี้กันนะ
คําอุทาน ภาษาอังกฤษ มีอะไรบ้าง
คำอุทาน (Exclamatory sentence) คือคำที่มักใช้ในการสื่อสารภาษาอังกฤษ เพื่อแสดงอารมณ์ (emotion) และทัศนคติ (attitude) ต่อวัตถุหรือเหตุการณ์ที่ถูกกล่าวถึง โดยผู้พูดใช้คำอุทานภาษาอังกฤษเพื่อแสดงความเอ็นดู ความรู้สึกต่างๆ เช่น ดีใจ เศร้าใจ ชมเชย วิจารณ์ โกรธหรือประหลาดใจ ฯลฯ
ตัวอย่าง:
That’s really awesome! (สุดยอด)
วิธีการรับรู้และการจำแนกคำอุทานภาษาอังกฤษ
คำอุทานมักใช้ในการสื่อสารในชีวิตประจำวันหรือในวรรณกรรม เราสามารถรู้จำคำเหล่านี้ได้ง่ายๆ เพราะมักจะลงท้ายด้วยเครื่องหมายอัศเจรีย์
ในภาษาอังกฤษ คำอุทานมีหลายประเภทและมีโครงสร้างที่แตกต่างกันมากมาย แต่มักจะแบ่งเป็นสองประเภท: แบบมีโครงสร้าง และ แบบไม่มีโครงสร้าง
คำอุทานมีโครงสร้าง
นี่เป็นคำที่มีโครงสร้างหรือมีประธานอย่างชัดเจน
ตัวอย่าง:
- What awful weather today! (อากาศวันนี้แย่มาก)
- That’s great! (สุดยอด)
- How beautiful Tom’s voice is! (เสียงของ Tom เพราะจัง)
คำอุทานไม่มีโครงสร้าง
คำอุทานเหล่านี้มักจะมีคำเดียวหรือวลีเดียวเท่านั้น
- Cheer up! (ร่าเริงหขึ้น)
- God! (โอ้พระเจ้า)
รวบรวมโครงสร้างคำอุทานภาษาอังกฤษ
คำอุทานใช้กับ “What”
คำอุทานใช้กับ “What” เป็นโครงสร้างที่ซับซ้อน เพราะการใช้แต่ละโครงสร้างแตกต่างกัน ซึ่งขึ้นอยู่กับคำนามที่เป็นพหูพจน์หรือเอกพจน์ นับได้หรือนับไม่ได้
แบบที่ ๑: คำนามนับได้เอกพจน์
โครงสร้าง:
What + a/an + adj + N (เอกพจน์) (+ S + to be)!
สำหรับโครงสร้างนี้ เราต้องเติมคำบุพบท “a/an” ข้างหน้าคุณศัพท์
ตัวอย่าง:
- What a pretty girl!/What a pretty girl she is! (เธอสวยจัง)
- What a delicious apple pie!/What a delicious apple pie it is! (เค้กแอปเปิ้ลอร่อยจัง)
แบบที่ ๒: คำนามนับได้พหูพจน์
โครงสร้าง:
What + adj + N (คำนามพหูพจน์) + (S + to be)!
หากใช้กริยา “tobe” ที่ท้ายประโยค กริยานั้นจึงต้องเป็นพหูพจน์
ตัวอย่าง:
- What big apples!/ What big apples they are! (แอปเปิ้ลเหล่านี้ใหญ่มาก)
- What beautiful dresses! What beautiful dresses they are! (ชุดสวยมาก!)
แบบที่ ๓: คำนามนับไม่ได้
โครงสร้าง:
What + adj + N (นับไม่ได้)+ (S + to be) !
ตัวอย่าง:
- What nice weather! (อากาศดีจัง)
- What sweet chocolate! (ช็อกโกแลตหวานมาก)
แบบที่ ๔: คำอุทานแบบขยาย
โครงสร้าง:
What (+ a/an) + adj + noun + S + V!
สำหรับโครงสร้างนี้ เราแค่ต้องเพิ่มส่วนประธาน-กรรมข้างหลังคำอุทาน
ตัวอย่าง:
- What a interesting book I read! (หนังสือเล่มนี้น่าสนใจมาก)
- What beautiful pictures I saw! (ฉันเคยเห็นภาพที่สวยงามจริงๆ)
คำอุทานใช้กับ “How”
คำอุทานกับ “How” มีรูปแบบเดียวกัน แต่เรียบง่ายกว่า
โครงสร้าง:
How + adv + S + V !
How + adj + S + to be !
ตัวอย่าง:
- How interesting these books are! (หนังสือเหล่านี้น่าสนใจมาก!)
- How well Tom sings! (Tom ร้องเพลงเพราะจัง)
คำอุทานใช้กับ “So”
สำหรับคำอุทานกับ “So” “So” จะอยู่หน้าคำคุณศัพท์ หรือคำวิเศษณ์เพื่อเพิ่มความรู้สึกให้กับประโยค
โครงสร้าง:
S + V + so + adj/ adv
ตัวอย่าง:
- This house is so beautiful! (บ้านหลังนี้สวยจัง)
- You run so fast! (คุณวิ่งเร็วมาก)
คำอุทานใช้กับ “Such”
คำอุทานกับ “Such” มีโครงสร้างคล้ายกับ โครงสร้าง “So” แต่ข้างหลัง “Such” คือนามวลีที่มีส่วนเสริมเป็นคำคุณศัพท์
โครงสร้าง:
S + V + such + adj + N!
ตัวอย่าง:
- He has such an expensive ship! (เขามีเรือที่มีราคาแพงมาก!)
- That was such an unforgettable holiday! (นั่นคือวันหยุดที่ลืมไปไม่ได้)
บางที เราสามารถใช้โครงสร้างอื่นกับ “Such”
โครงสร้าง:
It is/was + such + adj + N!
ตัวอย่าง:
It was such a tedious film! (หนังเรื่องนี้น่าเบื่อมาก)
โครงสร้างคำอุทานอื่นๆ
ในการสื่อสารภาษาอังกฤษยังมีโครงสร้างคำอุทานอื่นๆ อีกมากมาย เช่น การใช้คำอุทาน คำอุทานปฏิเสธ เป็นต้น
คำอุทานปฏิเสธ
แม้ว่าเป็นโครงสร้างแบบปฏิเสธ แต่คำอุทานประเภทนี้แสดงความหมายแบบยืนยันเสมอ
โครงสร้าง:
TO BE + not + S + adj!
ตัวอย่าง:
- Isn’t this tea bitter! (ชานี้มีขมมาก)
- Aren’t these trees high! (ต้นไม้เหล่านั้นสูงจัง)
ประโยคอุทานกับคำอุทาน
คำอุทานคือคำหรือวลีที่ใช้เพื่อแสดงความรู้สึกและดึงดูดความสนใจ คำอุทานมักจะนำหน้าประโยค
ตัวอย่าง:
- Oops! I broke your phone! (อ๊ะ! ฉันทำโทรศัพท์ของคุณพังแล้ว)
- Oh no! I lost the key. (อ๊ะ ฉันทำกุญแจหายไปแล้ว)
ต่อไปนี้คือคำอุทานทั่วไปในการสื่อสารที่ได้ ELSA รวบรวมไว้ เด็กๆ มาดูกันนะ
- Oh no! ( ไม่นะ)
- Alright! (ได้เลย)
- Congratulations! (ยินดีด้วย)
- Oh my god!/ Oh my goodness! (โอ้พระเจ้า)
- No way! (ไม่มีทาง)
- Yay! (สุดยอด)
- Hooray! (ไชโย!)
- Well! (ดี)
คําอุทาน ภาษาอังกฤษ แบบหยาบๆ
คำอุทานตกใจภาษาอังกฤษ
- Wow! (ว้าว)
- My God! (พระเจ้า)
- Dear! (โอ้พระเจ้า!)
- Oh! (โอ้)
คำอุทาน ภาษาอังกฤษ aww แสดงความดีใจ
- How lucky! (โชคดีจัง)
- Excellent/Awesome! (สุดยอด)
- That’s amazing! (น่าประหลาดใจมาก)
- That’s great! (สุดยอด)
- That’s really awesome! (สุดยอด)
- Thank God! (ขอบคุณพระเจ้า)
- I did it! (ฉันทำได้แล้ว)
- I have nothing more to desire! (ฉันพอใจอย่างยิ่ง)
คำอุทานแสดงความโกรธ
- Gosh Damn it/Dash it! (ประณามมัน)
- Shut up! (หุบปากเดี๋ยวนี้)
- Damn you! (ไอ้สารเลว)
- Scram (ออกไป)
คำอุทานแสดงความเบื่อหน่าย
- What a bore! (น่าเบื่อจริงๆ)
- What a sad thing it is! (น่าเศร้าจัง)
- Poor fellow! (น่าสงสารจังเลย)
- What a pity! (น่าเสียดาย)
- Too bad! (แย่มาก)
คําอุทานกรี๊ดภาษาอังกฤษ เพื่อสร้างกำลังใจ
- Go for it! (พยายามมากขึ้น)
- Cheer up! (ร่าเริงขึ้น)
- Calm down! (ใจเย็นๆ)
- It’s over! (ทุกเรื่องจบแล้ว)
- Well-done/ Good job! (ดีมาก)
แบบฝึกหัด คําอุทาน ภาษาอังกฤษ
โปรดเลือกคำตอบที่ถูกต้อง
1. I didn’t know ______ tedious it was!
A. what
B. when
C. so
D. how
2. You have _____ a huge house!
A. how
B. so
C. such
D. what
3. They have ______ trees in their garden!
A. how many
B. how much
C. so much
D. so many
4. Your neighbors are _____ friendly people!
A. extremely
B. such
C. so
D. really
5. _____ easily she forgot it!
A. What
B. Such
C. How
D. Why
6. It takes _____ time to go to school by train!
A. so many
B. so much
C. so such
D. so
7. You can guess ______ disappointed they were!
A. how
B. why
C. what
D. such
8. ____ a big surprise!
A. Which
B. What
C. Such
D. Both B & C are correct
9. ______, you finally passed the exam!
A. Congratulations
B. On no!
C. What a pity!
D. Calm down!
10. ______ a lovely garden your parents have!
A. Such
B. What
C. How
D. Which
เขียนประโยคใหม่โดยมีความหมายเหมือนเดิม
1.Their children are very naughty
2. The weather is so beautiful today.
3. The painting is very valuable.
4. The living room is very lovely.
5. These questions are so difficult.
6. The chocolate is so sweet
7. Lisa dances very skillfully.
8. Nam runs very fast.
9. She speaks so confidently.
10. Jin solved the problem very quickly.
สรุป
จากบทความที่รวบรวมความรู้เกี่ยวกับ คําอุทาน ภาษาอังกฤษ ELSA Speak หวังว่าคุณจะใช้ประเด็นไวยากรณ์นี้ได้อย่างเชี่ยวชาญ และหลีกเลี่ยงความสับสน เราจึงต้องฝึกฝนเป็นประจำและมีประสิทธิภาพ
คุณสามารถทบทวนความรู้และเรียนความรู้ใหม่กับ ELSA Speak ลงทะเบียนบัญชีทันทีเพื่อได้ใช้คำถามทดสอบภาษาอังกฤษหลายร้อยข้อ ซึ่ง ELSA ได้รวบรวมและอัปเดตอย่างสม่ำเสมอ โดยเฉพาถูกออกแบบมาให้สะดุดตาเพื่อช่วยการเรียนและการทบทวนน่าสนใจมากขึ้น
และอย่าลืมเข้าร่วมกลุ่มเตรียมสอบ Cambridge & TOEFL กับ ELSA Speak เพื่อติดตามสื่อภาษาอังกฤษล่าสุดนะ
Imperative (คำสั่ง) คือข้อความของผู้ที่ออกคำสั่งให้ผู้ฟังทำสิ่งใดสิ่งหนึ่ง Imperative Sentences (ประโยคคำสั่ง) คือประโยคที่ใช้เพื่อขอร้อง แนะนำ หรือสั่ง ซึ่งเป็นประโยคที่ใช้กันทั่วไปในภาษาอังกฤษ แล้วประโยคคำสั่งมีกี่ประเภท โครงสร้างของประโยคคำสั่งมีอะไรบ้าง มาหาคำตอบกับ ELSA Speak ในบทความด้านล่างด้วยกันนะ
นิยาม ประโยคคำสั่ง
ประโยคคำสั่ง (Imperative Sentences) คือประโยคที่ใช้เพื่อ ขอร้อง สั่ง ปฐมนิเทศ หรือให้คำแนะนำ โดยปกติประโยคสั่งมักจะไม่มีประธาน ยกเว้นบางกรณีพิเศษ นอกจากนี้ ประโยคสั่งสามารถจบลงด้วยเครื่องหมายจุดหรือเครื่องหมายอัศเจรีย์ ซึ่งขึ้นอยู่กับการแสดงออกของผู้พูด
ตัวอย่าง
– Open the door, Lan. (เปิดประตูหน่อย Lan)
– Be quiet! (เงียบ)
การจำแนกประโยคคำสั่งภาษาอังกฤษ
Imperative form คือรูปแบบของประโยคคำสั่ง ประโยคคำสั่งภาษาอังกฤษได้แบ่งออกเป็นหลายประเภท ดังนี้:
ประโยคคำสั่ง โดยตรง
ประโยคคำสั่งทั่วไป: Imperative verb คือคำกริยาสั่ง ประโยคคำสั่งทั่วไปเป็นประเภทที่ใช้บ่อยที่สุด ปกติ ประโยคประเภทนี้ไม่ต้องใช้ประธาน แค่ต้องใช้ “imperative verb” เพื่อให้ผู้ฟังทำสิ่งใดสิ่งหนึ่ง
ตัวอย่าง Get up and make breakfast for me! (ตื่นขึ้นและทำอาหารเช้าให้ผมหน่อย)
ประโยคสั่งมีวัตถุที่ได้กำหนด: สำหรับประโยคประเภทนี้ เรารู้กันว่าประธานคือผู้ฟัง อย่างไรก็ตาม สำหรับประโยคเต็มรูปจำเป็นต้องกำหนดอย่างชัดเจนว่าวัตถุของคำสั่งคือใคร
ตัวอย่าง Students from class 11A, move to the yard. (นักเรียนชั้น 11A ย้ายไปที่สนาม)
ประโยคสั่งใช้กับ “Do”: ช่วยเน้นความหมาย
ตัวอย่าง Do make sure you prepare documents for tomorrow’s meeting. (อย่าลืมเตรียมเอกสารสำหรับการประชุมในพรุ่งนี้)
ประโยคสั่งใช้กับ “please”: ประโยคคำสั่งใช้กับ please มักจะสุภาพและไม่นักหนา
ตัวอย่าง Please lend me the receipt to check! (กรุณาให้ยืมใบเสร็จเพื่อตรวจหน่อย)
ประโยคสั่งใช้กับคำถาม: เมื่อสั่งหรือขอร้อง ผู้คนมักจะใช้คำถามเพื่อหลีกเลี่ยงการกดดันต่อผู้ฟัง เรามักใช้คำว่า Can, May, Could หรือ Would, Will,…
ตัวอย่าง Can you show me the way to the university? (คุณช่วยชี้ทางไปมหาวิทยาลัยให้ฉันหน่อยได้ไหม)
ประโยคสั่งปฏิเสธ: ประโยคสั่งประเภทนี้คล้ายกับประโยคคำสั่งทั่วไปที่ใช้คำกริยาสั่ง แต่จะใช้เมื่อผู้พูดไม่อยากให้ผู้ฟังทำอะไรสักอย่าง
ตัวอย่าง Don’t forget to bring materials to class for presentations. (อย่าลืมนำเอกสารมาเพื่อใช้ในการบรรยายในห้องเรียน)
ประโยคคำสั่ง แบบอ้อมค้อม
ประโยคคำสั่งอ้อมค้อมแบบยืนยัน: เป็นประโยคบอกเล่าที่มีความหมายขอร้อง มักใช้คำกริยาต่างๆ เช่น ask, tell, order, …
โครงสร้าง: S + ask/order/tell + O + to V
ตัวอย่าง: My mother told me to sweep the house often. (แม่บอกให้ฉันกวาดบ้านบ่อยๆ)
ประโยคคำสั่งอ้อมค้อมแบบปฏิเสธ: เป็นประโยคสั่งที่ไม่อยากให้ผู้ฟังทำสิ่งใดสิ่งหนึ่ง
โครงสร้าง: S + ask/order/tell + O + not + to V
ตัวอย่าง My mom told me not to play on my mobile phone all day. (แม่บอกว่าอย่าเล่นโทรศัพท์ทั้งวัน)
ประโยคสั่งใช้กับ Let
ประโยคคำสั่งใช้กับ Let เป็นประเภทที่ใช้บ่อยที่สุดในปัจจุบัน ซึ่งใช้เมื่อวัตถุของคำสั่ง คือคนอื่นที่ไม่ใช้ผู้ฟัง
โครงสร้าง: Let + O + V
ตัวอย่าง Let the doctors check your disease first! (ให้หมอตรวจโรคของคุณก่อน)
ประโยคสั่งภาษาอังกฤษ
ประโยคสั่งโคยสรรพนามบุรุษที่ ๑
ประโยคยืนยัน: Let us (Let’s) + bare infinitive
ประโยคปฏิเสธ: Let us (Let’s) + not + bare infinitive
ตัวอย่าง
- Let us stand together in this emergency. (เราอยู่ข้างๆ กันในยามฉุกเฉินนี้นะ)
- Let us not be alarmed by rumours. (เราอย่าตื่นตระหนกเพราะข่าวลือ)
ประโยคสั่งโคยสรรพนามบุรุษที่ ๒
ประโยคยืนยัน: V – infinitive
ประโยคปฏิเสธ: Do + not + V – infinitive
หมายเหตุ: คำสรรพนาม “you” ปรากฏเมื่ออยากแสดงทัศนคติที่หยาบคายเท่านั้น จึงไม่ค่อยใช้ในประโยคประเภทนี้
ตัวอย่าง
- Don’t hurry! (อย่ารีบร้อน)
- Eat your dinner, boy! (กินข้าวเย็นสิ)
ประโยคสั่งโคยสรรพนามบุรุษที่ ๓
ประโยคยืนยัน: Let him/ her/ it/ them + Bare-infinitive
ประโยคปฏิเสธ: Let + him/her/them+not + Infinitive (ไม่ค่อยใช้ในรูปแบบไหม่)
ตัวอย่าง Let them go by train (ให้พวกเขาไปโดยรถไฟเถอะ)
ประโยคคำสั่งภาษาอังกฤษที่ใช้กันทั่วไป
ด้านล้างคือประโยคคำสั่งภาษาอังกฤษที่ใช้กันทั่วไปที่คุณควรรู้จัก
แบบฝึกหัดเกี่ยวกับ ประโยคคำสั่ง
แบบฝึกหัด โปรดระบุประโยคคำสั่งในประโยคด้านล่าง
1. Move this bookshelf to the left.
2. Today, I walked to school with my best friend.
3. Did you buy the apples I asked?
4. Could you buy me some carrots for dinner?
5. Don’t make too much noise at midnight, children.
6. He complained the children made too much noise at midnight.
7. Do remember to write down your name on both the answer sheet and the paper test.
8. Can you visit me when you’re off work this Sunday?
คำตอบ ประโยคคำสั่งคือประโยคที่ 1, 4, 5, 7 และ 8
บทความนี้รวบรวมความรู้ทั้งหมดเกี่ยวกับประโยคคำสั่งเพื่อชว่ยคุณอ้างอิง หวังว่าจะช่วยให้คุณพัฒนาทักษะภาษาอังกฤษ นอกจากนี้ อย่าลืมเยี่ยมชม ELSA Speak เพื่ออัพเดทบทเรียนภาษาอังกฤษล่าสุดทุกวัน
คุณเพิ่งได้รับข้อเสนองานเป็นภาษาอังกฤษจากบริษัทข้ามชาติ แต่ไม่รู้จะตอบอย่างไร ไม่ต้องกังวลเลย ELSA Speak จะแนะนำ การตอบ email confirm สัมภาษณ์งาน เป็นภาษาอังกฤษอย่างมืออาชีพและน่าประทับใจ
ทำไมต้องตอบ email confirm สัมภาษณ์งานเป็นภาษาอังกฤษ
หลังจากได้รับ “Offer Letter” คุณควรตอบ email confirm สัมภาษณ์งานเป็นภาษาอังกฤษเพื่อสร้างความประทับใจต่อนายจ้าง และแสดงความเป็นมืออาชีพและทัศนคติที่จริงจัง นอกจากนี้ ยังเป็นมารยาทที่แสดงว่าคุณเคารพบริษัทและการงานนั้น
แม้ว่าคุณสัมภาษณ์งานและได้รับข้อเสนองานทางโทรศัพท์ คุณก็จำเป็นต้องเขียน email ภาษาอังกฤษเพื่อขอบคุณผู้จ้าง ซึ่งจะทำให้คุณได้รับการชื่นชมจากผู้บริหาร
Offer Letter มักระบุถึง: ตำแหน่ง นโยบายค่าตอบแทน สวัสดิการพนักงาน และข้อกำหนดต่างๆ คุณควรอ่านข้อมูลเหล่านั้นอย่างละเอียดและตอบกลับให้เหมาะสม โครงสร้างของ email รับงานเป็นภาษาอังกฤษประกอบด้วย
- ขอบคุณนายจ้าง
- รับข้อเสนองาน
- ยืนยันข้อกำหนดและเงื่อนไขในการทำงานอีกครั้ง นำเสนอเนื้อหาที่ต้องตกลงกัน (ถ้ามี)
- ยืนยันเวลาเริ่มงานหรือขอเปลี่ยนแปลง (ถ้ามี)
วิธี การตอบ email confirm สัมภาษณ์งาน เป็นภาษาอังกฤษอย่างถูกต้องและมืออาชีพ
วิธีการเขียนชื่อเรื่อง – Subject line
การตอบ email confirm สัมภาษณ์งานเป็นภาษาอังกฤษจะต้องมีชื่อเรื่องที่ชัดเจนและรัดกุม แต่ยังมีข้อมูลที่ครบถ้วน หากชื่อเรื่องที่ไม่ชัดเจนจะทำให้ผู้อ่านรู้สึกไม่สบายใจ
อีกทั้ง email นั้นสามารถอยู่ในโฟลเดอร์ “Spam” ของนายจ้างได้
ชื่อเรื่อง email ตามมาตรฐาน: [Accepting ตัวอย่าง (Company Name)’s Offer] – (Your Name)
ตัวอย่าง: [Accepting ELSA’s Offer] – Ruang Sak
วิธีเขียน email
ปกติ เนื้อหา email รับงานเป็นภาษาอังกฤษจะประกอบด้วย
1. บทนำ
ส่วนนี้ต้องมีคำทักทายอย่างเป็นทางการและแสดงความขอบคุณนายจ้างที่ให้โอกาสในการทำงาน
ตัวอย่าง:
Dear Mr./Ms. + Last Name
Thank you very much for offering me the position of SEO Executive at ABC Company. I am glad to accept the offer and can not wait to begin this journey.
แปลว่า:
สวัสดีคุณ + ชื่อ
ผม/ดิฉันขอขอบคุณอย่างหญิ่งที่ได้รับโอกาสดำรงตำแหน่งเป็น SEO ของบริษัท ABC ผม/ดิฉันยินดีรับข้อเสนอนี้และพร้อมที่จะเริ่มงานโดยเร็วที่สุด
2. เนื้อเรื่อง
เนื้อเรื่องของการตอบ email confirm สัมภาษณ์งานจะประกอบด้วย
เนื้อเรื่อง | ตัวอย่าง |
ยอมรับข้อเสนองาน | I’m pleased to accept the position of assistant manager. →ผม/ดิฉันรู้สึกเป็นเกียรติที่ได้รับตำแหน่งผู้ช่วยผู้อำนวยการ |
ยืนยันนโยบายค่าตอบแทนและสวัสดิการพนักงาน และนโยบายการทำงานอีกครั้ง | As discussed at the job interview, I accept a starting salary of $500 a month. → ตามที่ตกลงกันในการสัมภาษณ์ ผม/ดิฉันยอมรับเงินเดือนเริ่มต้น $500/เดือน |
เสนอเวลาเริ่มงาน | I look forward to starting employment on Monday, October 24, 2022. → ผม/ดิฉันหวังว่าจะได้เริ่มงานในวันจันทร์ 24 ตุลาคม 2022 |
คำสัญญา แสดงความตื่นเต้นและความมุ่งมั่นในการงาน | I am very pleased to work for your company. I am willing to work hard to bring value to the company in the future. → ผม/ดิฉันยินดีที่ได้ทำงานให้กับบริษัท ผม/ดิฉันจะทำงานอย่างขยันหมั่นเพียรเพื่อสร้างมูลค่าให้กับบริษัทในอนาคต |
3. คำลงท้าย
ก่อนที่จะจบ email คุณควรกล่าวขอบคุณต่อนายจ้างและบริษัท หลังจากนั้นลงนามและฝากข้อมูลติดต่อไว้
ตัวอย่าง:
Thank you for giving me the opportunity to demonstrate my abilities to the company.
If you have any questions, please contact me by 0983xxxxxx
Sincerely,
Jenny
แปลว่า:
ขอบคุณที่ให้โอกาสผม/ดิฉันได้แสดงความสามารถของตนให้กับกับบริษัท
หากมีคำถามใด กรุณาติดต่อผม/ดิฉันที่หมายเลขโทรศัพท์ 0983xxxxxx
ขอแสดงความนับถือ
Jenny
ข้อสังเกต: สำหรับ email ปฏิเสธงาน เนื้อเรื่องจะประกอบด้วย
- ข้อปฏิเสธงาน
- ระบุเหตุผลและแสดงความเสียใจที่ไม่ทำงานกับบริษัทได้
- กล่าวขอบคุณและหวังว่าจะมีโอกาสได้ร่วมงานในอนาคต
ตัวอย่าง การตอบ email confirm สัมภาษณ์งาน เป็นภาษาอังกฤษที่ดีและน่าประทับใจ
แบบที่ 1:
Dear Mr. Sam,
As we discussed before, I am very pleased to accept the position of Financial adviser with ABC company. Thank you for the opportunity. I am eager to make a positive contribution to the company and to work with everyone on the Financial team.
As we discussed in my interview, I will work as a Financial adviser at ABC Company with a starting salary of 550$ per month. I will be joining the company on May 26th. I also have no idea about the terms and policies of the company that were detailed in the offer letter.
If there is any additional information or paperwork you need prior to then, please let me know.
Again, thank you so much for this opportunity.
Sincerely,
Daw
คำแปล
เรียนคุณ Sam
ตามที่ได้คุยกัน ผม/ดิฉันรู้สึกยินดีอย่างยิ่งที่ได้รับการคัดเลือกให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาทางการเงินของบริษัท ABC ขอขอบคุณบริษัทที่ให้โอกาส ผม/ดิฉันรู้สึกตื่นเต้นที่มีโอกาสได้เป็นส่วนร่วมกับบริษัทและได้ร่วมงานกับทุกคนในแผนกการเงิน
ตามที่คุยกันในการสัมภาษณ์ สำหรับตำแหน่งที่ปรึกษาทางการเงินของบริษัท ABC ผม/ดิฉันจะได้รับเงินเดือนเริ่มต้น $550/เดือน และวันที่เริ่มงานคือวันที่ 26 พฤษภาคม ผม/ดิฉันเห็นด้วยกับข้อกำหนดต่าง ๆ และสวัสดิการพนักงานตามจดหมายเสนองาน
หากต้องการเอกสารหรือข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาแจ้งมาล่วงหน้าด้วยครับ/ค่ะ
ขอขอบพระคุณอีกครั้งที่ให้โอกาส
ขอแสดงความนับถือ
Daw
แบบที่ 2:
Dear Mr. Simon,
It was wonderful to speak with you on the phone yesterday about the Marketing Director role at AIA Company. I’m thrilled to formally accept this job offer. I’m looking forward to working with you, and the rest of the senior management team at AIA, on charting a new direction for marketing strategy.
As we discussed, my start date will be Oct 13, 2022, with an annual salary of $100.000, and three weeks of paid leave annually. This salary does not include company-provided health insurance, which is effective on my start date.
I’m looking forward to seeing you next Monday. Please let me know if there is any paperwork or additional information you need from me beforehand. I’m always available by email: [email protected].
Again, thank you for accepting me for this position.
Best Regards,
Chantana
คำแปล
เรียนคุณ Simon
ผม/ดิฉันยินดีที่ได้คุยกันเกี่ยวกับดำแหน่งผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดของบริษัท AIA ผ่านโทรศัพท์เมื่อวาน ดีใจมากที่ได้รับข้อเสนองานนี้ หวังว่าจะได้ร่วมงานกับคุณและผู้บริหารคนอื่น ๆ ของ AIA เพื่อกำหนดทิศทางใหม่สำหรับกลยุทธ์การตลาด
ตามที่เราตกลงกันแล้ว ผม/ดิฉันจะเริ่มงานในวันที่ 13 ตุลาคม 2022 เงินเดือนประจำปีคือ $100,000 และมีวันหยุดสามสัปดาห์แต่ละปีที่มีค่าจ้าง โดยค่าตอบแทนดังกล่าวไม่รวมประกันสุขภาพ เริ่มมีผลบังคับในวันแรกที่ทำงาน
หวังว่าจะได้พบคุณในวันจันทร์หน้า หากต้องการเอกสารหรือข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาแจ้งมาล่วงหน้า ทางemail: [email protected].
ขอขอบพระคุณอีกครั้งที่ให้ฉันดำรงตำแหน่งนี้
ขอแสดงความนับถือ
Chantana
ข้อแนะนำในการตอบ email confirm สัมภาษณ์งานเป็นภาษาอังกฤษ
- เขียนสั้นๆ และกระชับ: นายจ้างต้องเลือกและส่งจดหมายถึงผู้สมัครจำนวนมาก ดังนั้น เราจำเป็นต้องเขียน email ที่มีชื่อเรื่องชัดเจนและเนื้อหากระชับ
- ตรวจ email หลายๆ ครั้ง: ตรวจสอบการสะกด ไวยากรณ์ และคำศัพท์ภาษาอังกฤษอย่างรอบคอบก่อนที่ส่งไป การสะกดคำผิดอาจทำให้ความเป็นมืออาชีพของเราลดลงในสายตาของนายจ้างได้
ด้วยคำแนะนำทั้งหมดข้างต้น ELSA Speak หวังว่าผู้สมัครจะรู้วิธีการตอบ email confirm การสัมภาษณ์งานเป็นภาษาอังกฤษได้อย่างมืออาชีพและน่าประทับใจที่สุด
ในขณะเดียวกัน คุณควรฝึกฝนทักษะการสื่อสารภาษาอังกฤษกับ ELSA Speak เพื่อเตรียมพร้อมในการทำงานระหว่างประเทศ นี่คือแอปฯเรียนภาษาอังกฤษสำหรับผู้สำนักงาน ที่มีประสิทธิภาพและได้รับความนิยมในปัจจุบัน
แอปพลิเคชันนี้มีหัวข้อมากกว่า 290 หัวข้อ และแบบฝึกภาษาอังกฤษกว่า 25,000 รายการแบบสำหรับทุกอาชีพงาน ทุกตำแหน่งและแผนกในบริษัท คุณจะได้เรียนประโยคและ การสนทนา กับเพื่อนร่วมงาน การเจรจากับคู่ค้า การโน้มน้าวลูกค้า หรือการนำเสนอเป็นภาษาอังกฤษ…
ด้วยบทเรียนเหล่านี้ คุณจะพูดภาษาอังกฤษได้อย่างคล่องแคล่วในสำนักงาน จากนั้นปรับปรุงประสิทธิภาพการทำงานและได้รับมีโอกาสพัฒนาในการทำงาน
โดยเฉพาะ เทคโนโลยิ A.I. ของ ELSA Speak ช่วยให้ผู้ใช้ 90% ออกเสียงได้ชัดเจนยิ่งขึ้น และผู้ใช้ 68% พูดได้คล่องเคล่วมากขึ้นหลังจาก 3 เดือน
แอปฯ จะจำรู้เสียงและบอกชี้การออกเสียงที่ผิดพลาดได้ทันที คุณจะได้รับคำแนะนำในการให้อ่านภาษาอังกฤษตามมาตรฐานสากล รวมทั้งน้ำเสียงและการเน้นเสียง
ลงทะเบียนใช้ ELSA Pro เดี๋ยวนี้เพื่อเตรียมทักษะการสื่อสารภาษาอังกฤษสำหรับการทำงานเลย
ตามกระแสการเรียนกับ AI ELSA เพิ่งเปิดตัวคุณสมบัติใหม่ที่ช่วยผู้เรียนฝึกพูดภาษาอังกฤษกับ AI โดยตรง ตอนนี้ เรามาทำความเข้าใจ ELSA AI คืออะไร และคุณสมบัตินี้ในบทความด้านล่างกันค่ะ
ELSA AI คืออะไร
ELSA AI เป็นคุณสมบัติล่าสุดของแอปฯ ELSA Speak ที่ได้เปิดตัวในเดือนกันยายนพ.ศ 2566 ซึ่งช่วยให้ผู้เรียนฝึกการสื่อสารกับ AI ตามบริบทต่างๆ คุณสมบัตินี้สามารถพูดกับคุณในทุกสถานการณ์ นอกจากนี้ คุณสามารถเลือกบริบทที่ได้เสนอหรือสร้างบริบทตามความต้องการ
ELSA AI เหมาะกับใครบ้าง
ELSA AI ได้ออกแบบมาสำหรับ:
- ผู้ต้องการมีเพื่อนที่เรียนการสื่อสารภาษาอังกฤษด้วยกัน
- อยากฝึกการสื่อสารแต่ไม่มีใครให้ฟีดแบค
- ผู้ต้องการพัฒนาการพูดภาษาอังกฤษ โดยเฉพาะผู้ที่กลัวถูกตำหนิ
- ผู้ที่เรียนการสื่อสารภาษาอังกฤษอยู่แล้วแต่ไม่ค่อยมีโอกาสที่ได้รับการประเมินแบบ 1:1 จากครูสอน
ลักษณะโดดเด่นของ ELSA AI
ด้วยอินเทอร์เฟซที่เป็นมิตรและใช้งานง่าย ELSA AI เปรียบเสมือนเพื่อนคนหนึ่งที่ช่วยให้คุณฝึกฝนได้อย่างสบาย นอกจากนี้ คุณสามารถได้รับประสบการณ์การเรียนที่ “ไม่จำกัด” โดยผู้ใช้สร้างบทสนทนาตามความต้องการ – ที่ไม่จำกัดหัวข้อและความยาว
นอกจากนี้ ELSA AI สามารถเปลี่ยนบทบาทได้อย่างยืดหยุ่น ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนที่คุยกัน เป็นครูสอนพิเศษส่วนตัวที่ให้การประเมินอย่างละเอียด ซึ่งช่วยให้คุณพัฒนาทักษะภาษาอังกฤษได้
ผู้เรียนจะได้รับอะไรบ้างจาก ELSA AI
พัฒนาทักษะการสื่อสารภาษาอังกฤษในทุกเหตุการณ์
ผู้ใช้สามารถสร้างบริบทต่างๆ เช่นสถานการณ์ในสำนักงานหรือในชีวิตประจำวัน นอกจากนี้ คุณสมบัตินี้ร่วมกับแอปฯ ELSA Speak ในโทรศัพท์ จะช่วยให้คุณสามารถฝึกฝนได้ทุกที่ทุกเวลา ดังนั้น ELSA AI จึงทำให้คุณมีความมั่นใจมากขึ้นในการสื่อสารภาษาอังกฤษ
ฝึกปฏิกิริยาตอบสนองภาษาอังกฤษ
ปฏิกิริยาตอบสนองในการใช้ภาษาอังกฤษเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยการสื่อสารภาษาอังกฤษคล่องแคล่วมากขึ้น แบบฝึกหัดของ ELSA AI ต้องการคำตอบทันทีหลังจากได้รับคำถาม ซึ่งช่วยให้คุณสือ่สารแบบเชิงรุกได้ มีความมั่นใจมากขึ้น และพัฒนาปฏิกิริยาตอบสนองภาษาอังกฤษ
รับการประเมินความสามารถในการสื่อสารภาษาอังกฤษ
แอปสามารถถอดเสียงคำพูดของคุณได้อย่างถูกต้อง หลังจากพูดจบแล้ว ELSA AI จะให้การประเมินระการสื่อสารอย่างละเอียดตามปัจจัย 4 ประการ ได้แก่ การออกเสียง คำศัพท์ ไวยากรณ์ และส่วนการประเมินโดยรวม การประเมินเหล่านี้จะชี้ให้เห็นจุดแข็งและจุดที่ต้องปรับปรุงในการพูดของคุณ
ฝึกทักษะ Speaking เพื่อเตรียมสอบ IELTS
ELSA AI สามารถเป็นครูสอนพิเศษ Speaking ที่ช่วยคุณเตรียมสอบ IELTS ได้อีกด้วย โดยเฉพาะ คุณสามารถสร้างหัวข้อใน IELTS แล้ว ELSA AI จะเป็นผู้ทดสอบที่ตั้งคำถาม “ผู้ทดสอบ” คนนี้จะทำให้คุณได้รับประสบการณ์ที่เหมือนการสอบ IELTS Speaking อย่างแท้จริง ผู้ใช้จะได้รับการประเมินและได้ปรับปรุงการพูด รวมทั้งปฏิกิริยาตอบสนอง
คู่มือการใช้คุณสมบัติ ELSA AI
ขั้นตอนที่ 1: เข้า ELSA AI
ขั้นตอนที่ 2: เลือกบริบทที่ต้องการฝึก คุณสามารถเลือกบริบทที่ ELSA AI เสนอแนะ หรือเลือก “My own scenario” (บริบทของตัวเอง) เพื่อสร้างบริบทตามความต้องการ
ขั้นตอนที่ 3: พูดกับ ELSA AI
ขั้นตอนที่ 4: รับการประเมินการพูดอย่างละเอียด
ข้อสังเกต: ปัจจุบัน ELSA AI ยังไม่ได้จำหน่ายปลีก คุณต้องซื้อ ELSA Premium เพื่อใช้คุณสมบัตินี้
สรุป
โดยคุณสมบัติพูดคุยกับผู้ใช้อย่างไม่จำกัด ELSA AI จะเป็นเครื่องมือการเรียนการสื่อสารภาษาอังกฤษที่มีประสิทธิภาพ ซื้อ ELSA Premium ตอนนี้เพื่อได้สัมผัสคุณสมบัตินี้นะ