Pronoun คืออะไร? รวมประเภทของ Pronoun (คำสรรพนาม) ในภาษาอังกฤษ

คำสรรพนาม (Pronoun) เป็นคำที่มีบทบาทสำคัญอย่างมากในการสร้างประโยคที่สมบูรณ์ ชัดเจน และหลีกเลี่ยงการใช้คำซ้ำๆ แล้ว Pronoun คืออะไร? คำสรรพนามมีกี่ประเภท? และ pronoun ใช้ยังไง? บทความนี้จาก ELSA Speak จะช่วยตอบคำถามทั้งหมดนี้!

pronoun มีอะไรบ้าง?

คำสรรพนาม (Pronoun) ในภาษาอังกฤษคือคำประเภทหนึ่งที่ใช้แทนคำนาม (noun) หรือวลีคำนาม (noun phrase) โดยมีจุดประสงค์หลักเพื่อหลีกเลี่ยงการกล่าวถึงคำนามนั้นซ้ำๆ ในข้อความหรือบทสนทนา

สอบก่อนเข้าฟรี

{{(sIndex/sentences.length)*100}}%
{{ sentences[sIndex].text }}.
loading

คำสรรพนาม (Pronoun) ช่วยให้เรื่องราวหรือข้อความดูกระชับและเข้าใจง่ายขึ้น เป็นคำประเภทหนึ่งในภาษาอังกฤษที่มักใช้เมื่อคุณต้องการกล่าวถึงคน สัตว์ หรือแนวคิดที่ได้กล่าวถึงมาก่อนหน้า ในภาษาอังกฤษ เกือบทุกประโยคจะมีคำนามหรือคำสรรพนามอย่างน้อยหนึ่งคำ

Pronoun ตัวอย่างประโยค: The children were in the garden. They were getting wet. (เด็กๆ กำลังเล่นอยู่ในสวนและพวกเขาก็เริ่มเปียก)

→ ในประโยคทั้งสองคำว่า They เป็นคำสรรพนามที่ใช้แทน The children โดยทำหน้าที่เป็นประธานที่ระบุถึงบุคคลที่กำลังพูดถึงในประโยค

pronoun มีอะไรบ้าง?

ตำแหน่งและหน้าที่ของ pronoun คืออะไร?

เนื่องจากคำสรรพนามใช้แทนคำนามหรือวลีคำนามในประโยค ตำแหน่งและหน้าที่ของคำสรรพนามจึงมีความคล้ายคลึงกับคำนามในบางส่วน:

หน้าที่ตำแหน่งตัวอย่าง
ทำหน้าที่เป็นประธานอยู่ต้นประโยคThey have known each other for 8 years. (พวกเขารู้จักกันมา 8 ปีแล้ว)
ทำหน้าที่เป็นกรรมอยู่หลังคำกริยาShe sent me a gift three days ago. (เธอส่งของขวัญให้ฉันเมื่อสามวันก่อน)
ทำหน้าที่เป็นส่วนเสริมอยู่หลังกรรมหรือประธานOur sweetest songs are those that tell of saddest thoughts. (เพลงที่หวานที่สุดของเราคือเพลงที่เล่าถึงความคิดที่เศร้าที่สุด)You painted the living room this? (คุณทาสีห้องนั่งเล่นนี้เหรอ?)
ทำหน้าที่เป็นส่วนประกอบอยู่หลังวลีบุพบทShe received a lovve letter from him. (เธอได้รับจดหมายรักจากเขา)
ตำแหน่งและหน้าที่ของ pronoun คืออะไร?

Pronoun คืออะไร มีกี่ประเภท?

Personal pronoun คืออะไร? (บุรุษสรรพนาม)

Personal pronoun คืออะไร? บุรุษสรรพนาม (Personal pronoun) ความหมายในภาษาอังกฤษคือคำที่ใช้แทนคน สัตว์ สิ่งของ หรือเหตุการณ์ที่เรากล่าวถึงในข้อความหรือบทสนทนา เป็นคำสรรพนามที่พบได้บ่อยที่สุดในภาษาอังกฤษ

ตัวอย่าง: He saw me in the coffee shop. (เขาเห็นฉันในร้านกาแฟ)

→ He คือบุรุษสรรพนามที่ทำหน้าที่เป็นประธานของประโยค ส่วน me คือบุรุษสรรพนามที่ทำหน้าที่เป็นกรรมของประโยค

บุรุษสรรพนามส่วนใหญ่มีรูปแบบที่แตกต่างกันระหว่างประธานและกรรม ยกเว้น you และ it ด้านล่างนี้คือตัวอย่างการใช้บุรุษสรรพนาม:

บุรุษสรรพนามบุรุษสรรพนามที่ทำหน้าที่เป็นประธานบุรุษสรรพนามที่ทำหน้าที่เป็นกรรม
บุรุษที่หนึ่งI/WeMe/Us
บุรุษที่สองYouYou
บุรุษที่สามHe/She/It/TheyHim/Her/It/Them
Pronoun คืออะไร มีกี่ประเภท?

Possessive pronouns (คำสรรพนามแสดงความเป็นเจ้าของ)

คำสรรพนามแสดงความเป็นเจ้าของ (Possessive pronoun) คือคำที่ใช้เพื่อแสดงว่าสิ่งของ คน หรือความคิดของคนๆหนึ่ง คำสรรพนามแสดงความเป็นเจ้าของสามารถทำหน้าที่เป็นประธานหรือกรรมในประโยคได้ ในบางกรณี คำสรรพนามแสดงความเป็นเจ้าของที่ตามหลังคำบุพบทจะเรียกว่า double possessive

ตัวอย่าง: Charlotte noticed that Seth’s dog was bigger than hers. (ชาร์ลอตต์สังเกตว่าหมาของเซธตัวใหญ่กว่าของเธอ)

→ คำสรรพนามแสดงความเป็นเจ้าของ hers ชี้ให้เห็นว่า Charlotte’s dog (วลีคำนามที่ถูกแทนด้วยคำว่า hers) เป็นของชาร์ลอตต์

คำสรรพนามแสดงความเป็นเจ้าของคือรูปแบบหนึ่งของบุรุษสรรพนามตามลำดับบุรุษในภาษาอังกฤษ ดังนี้:

บุรุษสรรพนามคำสรรพนามแสดงความเป็นเจ้าของตัวอย่าง
IMine (ของฉัน)This book is mine. (หนังสือเล่มนี้เป็นของฉัน)
YouYours (ของคุณ)Is this pen yours? (ปากกานี้เป็นของคุณหรือเปล่า)
HeHis (ของเขา)Laptop is his. (แล็ปท็อปเป็นของเขา)
SheHers (ของเธอ)The blue dress is hers. (ชุดเดรสสีน้ำเงินเป็นของเธอ)
WeOurs (ของพวกเรา)The house is ours. (บ้านหลังนี้เป็นของพวกเรา)
TheyTheirs (ของพวกเขา)The project’s success is theirs. (ความสำเร็จของโครงการเป็นของพวกเขา)
Possessive pronouns (คำสรรพนามแสดงความเป็นเจ้าของ)

Reflexive pronoun คืออะไร? (สรรพนามที่อ้างถึงตนเองหรือสรรพนามสะท้อน)

Reflexive pronoun คืออะไร? สรรพนามที่อ้างถึงตนเองหรือสรรพนามสะท้อน (Reflexive pronoun) ในภาษาอังกฤษคือคำที่ใช้เมื่อคนหรือสิ่งอื่นๆ เป็นผู้กระทำและรับการกระทำในเวลาเดียวกัน คำสรรพนามประเภทนี้มักใช้เพื่อทดแทนชื่อเฉพาะของบุคคล

สรรพนามที่อ้างถึงตนเองหรือสรรพนามสะท้อน ได้แก่:

บุรุษสรรพนามสรรพนามที่อ้างถึงตนเองหรือสรรพนามสะท้อน
IYouHeSheItWeYouTheyMyself (ตัวฉันเอง)Yourself (ตัวคุณเอง)Himself (ตัวเขาเอง)Herself (ตัวเธอเอง)Itself (ตัวมันเอง)Ourself (ตัวพวกเราเอง)Yourself (ตัวพวกคุณเอง)Themself (ตัวพวกเขาเอง)Oneself (ตัวเอง)

ตัวอย่าง: I taught myself to play the guitar. (ฉันสอนตัวเองเล่นกีตาร์)

Reflexive pronoun คืออะไร? (สรรพนามที่อ้างถึงตนเองหรือสรรพนามสะท้อน)

คำสรรพนามเชื่อมความ (Relative pronouns)

คำสรรพนามเชื่อมความ (Relative pronouns) มักปรากฏที่จุดเริ่มต้นของอนุประโยคและช่วยเชื่อมอนุประโยคเข้ากับประโยคหลัก คำสรรพนามเชื่อมความที่พบบ่อย ได้แก่:

คำสรรพนามเชื่อมความ (Relative pronoun)การใช้งานตัวอย่าง
Whoใช้เมื่ออ้างถึงคนThe person who called me is my friend. (คนที่โทรหาฉันคือเพื่อนของฉัน)
Whomใช้เมื่ออ้างถึงคน มักปรากฏหลังคำบุพบทThe person whom I talked to is my boss. (คนที่ฉันคุยด้วยคือเจ้านายของฉัน)
Whichใช้เพื่อระบุสิ่งของ สัตว์ หรือเหตุการณ์The book which is on the table is mine. (หนังสือที่อยู่บนโต๊ะเป็นของฉัน)
Thatใช้ได้ทั้งคนและสิ่งของThe car that I bought is red. (รถที่ฉันซื้อมาคือมีสีแดง)
Whoseใช้เพื่อแสดงความเป็นเจ้าของของคนหรือสิ่งของThe girl whose bag was stolen is upset. (เด็กผู้หญิงที่ถูกขโมยกระเป๋าไปรู้สึกเสียใจ)
คำสรรพนามเชื่อมความ (Relative pronouns)

>>> Read more: Subordinating Conjunctions ในภาษาอังกฤษ กลุ่มคำที่พบบ่อยพร้อมแบบฝึกหัด

คำสรรพนามชี้เฉพาะ (Demonstrative pronouns)

คำสรรพนามชี้เฉพาะ (Demonstrative pronouns) ได้แก่ this, that, those และ these คำเหล่านี้ใช้เพื่อเน้นย้ำสิ่งที่ถูกกล่าวถึงก่อนหน้านี้หรือสิ่งที่ชัดเจนในบริบท

คำสรรพนามชี้เฉพาะ (Demonstrative pronouns)การใช้งานตัวอย่าง 
Thisมักใช้เพื่อระบุบุคคลหรือสิ่งของที่อยู่ใกล้ผู้พูดCan you pass me this book? (คุณช่วยส่งหนังสือเล่มนี้ให้ฉันได้ไหม)
Theseใช้เพื่อระบุบุคคลหรือสิ่งของหลายอย่างที่อยู่ใกล้ผู้พูดI like these flowers in the garden. (ฉันชอบดอกไม้เหล่านี้ที่อยู่ในสวน)
Thatมักใช้เพื่อระบุบุคคลหรือสิ่งของที่อยู่ไกลจากผู้พูดWhat is that building across the street? (อาคารที่อยู่ฝั่งตรงข้ามถนนนั้นคืออาคารอะไร)
Thoseใช้เพื่อระบุบุคคลหรือสิ่งของหลายอย่างที่อยู่ไกลจากผู้พูดI don’t like those shoes on the shelf. (ฉันไม่ชอบรองเท้าคู่นั้นที่วางอยู่บนชั้น)
คำสรรพนามชี้เฉพาะ (Demonstrative pronouns)

สรรพนามแสดงคำถาม (Interrogative pronouns)

สรรพนามแสดงคำถาม (Interrogative pronouns) คือคำที่ใช้เพื่อสร้างประโยคคำถามในภาษาอังกฤษ สรรพนามแสดงคำถามที่สำคัญ ได้แก่ who, whom, what, which และ whose ในบางครั้งประโยคคำถามอาจมีสรรพนามแสดงคำถามมากกว่าหนึ่งคำ

สรรพนามแสดงคำถาม (Interrogative pronouns)การใช้งานตัวอย่าง
Whoใช้เพื่อถามเกี่ยวกับคนWho is that? (นั่นคือใคร?)
Whomคล้ายกับ “who” แต่มักปรากฏหลังคำบุพบทWhom did you meet? (คุณเจอใคร?)
Whatใช้เพื่อถามเกี่ยวกับคนหรือสิ่งของWhat did you say? (คุณพูดว่าอะไร?)
Whichใช้เพื่อถามเกี่ยวกับการเลือกหรือความแตกต่างระหว่างคนหรือสิ่งของWhich car do you prefer? (คุณชอบรถคันไหน?)
Whoseใช้เพื่อถามเกี่ยวกับความเป็นเจ้าของ มักเป็นประธานของคำกริยาWhose book is this? (หนังสือเล่มนี้เป็นของใคร?)
สรรพนามแสดงคำถาม (Interrogative pronouns)

>>> Read more: Object pronouns (สรรพนามรูปกรรม) คืออะไร? หลักการใช้และแบบฝึกหัดการใช้งาน

คำสรรพนามที่แสดงการจำแนก (Distributive pronouns)

คำสรรพนามที่แสดงการจำแนก (Distributive pronouns) ในภาษาอังกฤษคือคำที่ใช้เพื่อระบุคนหรือสิ่งของบางอย่างในกลุ่ม คำเหล่านี้ประกอบด้วย all, most, each, both, either และ neither

คำสรรพนามที่แสดงการจำแนก (Distributive pronouns)การใช้งานตัวอย่าง
Allใช้เพื่อแสดงถึงจำนวนทั้งหมดของคนหรือสิ่งของในกลุ่มตั้งแต่สามขึ้นไปAll students should bring their textbooks to class. (นักเรียนทุกคนควรนำหนังสือเรียนมาที่ชั้นเรียน)
Mostใช้เพื่อแสดงถึงส่วนใหญ่ของกลุ่มคนหรือสิ่งของMost people enjoy spending time with their families. (คนส่วนใหญ่ชอบใช้เวลากับครอบครัว)
Eachใช้เพื่อแสดงถึงแต่ละบุคคลหรือหน่วยในจำนวนตั้งแต่สองขึ้นไปEach student is responsible for completing their own homework. (นักเรียนแต่ละคนต้องรับผิดชอบในการทำการบ้านของตนเอง)
Bothใช้เพื่อแสดงถึงทั้งสองคนหรือทั้งสองสิ่งBoth of my parents are doctors. (พ่อแม่ของฉันทั้งสองคนเป็นหมอ)
Eitherใช้เมื่อมีสองตัวเลือกและคุณต้องการระบุหนึ่งในนั้นYou can take either the bus or the train to get to the city. (คุณสามารถเลือกได้ว่าจะนั่งรถบัสหรือรถไฟเพื่อไปในเมือง)
Neitherใช้เมื่อไม่มีตัวเลือกใดในสองตัวเลือก และคุณต้องการปฏิเสธทั้งสองNeither of the restaurants was open late. (ร้านอาหารทั้งสองแห่งไม่ได้เปิดดึก)
คำสรรพนามที่แสดงการจำแนก (Distributive pronouns)

คำสรรพนามไม่เจาะจง (Indefinite pronoun)

คำสรรพนามไม่เจาะจง (Indefinite pronoun) คือคำสรรพนามที่ไม่ได้ระบุถึงบุคคล สิ่งของ หรือจำนวนใด ๆ อย่างเฉพาะเจาะจง คำสรรพนามประเภทนี้มีความหมายที่คลุมเครือและ “ไม่เจาะจง” ว่าหมายถึงอะไร

ตัวอย่าง: Someone ate the last slice of pizza. (มีใครบางคนกินพิซซ่าชิ้นสุดท้ายไป)

→ คำว่า someone เป็นคำสรรพนามไม่เจาะจงในประโยคนี้ คำว่า someone ใช้แทนคน แต่เราไม่ทราบข้อมูลอื่นใดเกี่ยวกับเขา

คำสรรพนามไม่เจาะจงในภาษาอังกฤษ ได้แก่:

Some (บาง)something, someone, somebody, somewhere(บางสิ่ง ใครบางคน คนใดคนหนึ่ง ที่ใดที่หนึ่ง)
Any (ใด ๆ อะไรก็ได้)anything, anyone, anybody, anywhere(อะไรก็ได้ ใครก็ได้ ใครก็ตาม ที่ใดก็ได้)
Every (ทุก แต่ละ)everything, everyone, everybody, every where(ทุกสิ่ง ทุกคน ทุกที่)
None (ไม่มี)nothing, no one, nobody(ไม่มีอะไร ไม่มีใคร)
คำสรรพนามไม่เจาะจง (Indefinite pronoun)

คำสรรพนามซึ่งกันและกัน (Reciprocal pronoun)

เราใช้คำสรรพนามซึ่งกันและกัน (Reciprocal pronoun) เมื่อสองหรือหลายบุคคลมีการกระทำต่อกันในลักษณะเดียวกัน

ตัวอย่าง:  A and B are talking to each other. (A และ B กำลังพูดคุยกัน)

คำสรรพนามซึ่งกันและกันในภาษาอังกฤษ ได้แก่ each other และ one another

• Each other (กันและกัน)
John and Mary love each other. (John และ Mary รักกัน)

• One another (ซึ่งกันและกัน)

The ten prisoners were all blaming one another. (นักโทษทั้งสิบคนต่างโทษกันและกัน)

คำสรรพนามเน้นย้ำ (Emphatic pronoun)

คำสรรพนามเน้นย้ำ (Emphatic pronoun) ในภาษาอังกฤษใช้ตามหลังคำนามที่มันอ้างถึง เพื่อเน้นความสำคัญ

คำสรรพนามเน้นย้ำมีรูปแบบเหมือนกับสรรพนามที่อ้างถึงตนเองหรือสรรพนามสะท้อน (Reflexive pronoun)

คำสรรพนามคำสรรพนามเน้นย้ำ (Emphatic pronoun)
IYouHeSheItWeYouTheyMyself (ตัวฉันเอง)Yourself (ตัวคุณเอง)Himself (ตัวเขาเอง)Herself (ตัวเธอเอง)Itself (ตัวมันเอง)Ourself (ตัวพวกเราเอง)Yourself (ตัวพวกคุณเอง)Themself (ตัวพวกเขาเอง)Oneself (ตัวเอง)

ตัวอย่าง: I myself had to do all the cooking as no one was home. (ฉันต้องทำอาหารด้วยตัวเองทั้งหมดเพราะไม่มีใครอยู่บ้าน)

แม้ว่าสรรพนามที่อ้างถึงตนเองหรือสรรพนามสะท้อน (Reflexive pronoun) และคำสรรพนามเน้นย้ำ (Emphatic pronoun) จะมีรูปแบบเหมือนกัน แต่การใช้งานแตกต่างกัน:

  • สรรพนามที่อ้างถึงตนเองหรือสรรพนามสะท้อน อาจทำหน้าที่เป็นกรรมตรง กรรมรอง หรือกรรมของบุพบท เมื่อมันแสดงถึงวัตถุของประธานในประโยคเดียวกัน

ตัวอย่าง: Bev ordered pepperoni pizza for herself and vegetarian pizza for her friends. (เบ้บสั่งพิซซ่าเปปเปอโรนีให้ตัวเองและพิซซ่ามังสวิรัติให้เพื่อนของเธอ)

  • คำสรรพนามเน้นย้ำ ไม่ได้ทำหน้าที่เป็นกรรมในประโยค แต่ใช้เพื่อเน้นย้ำคำนามอื่น

ตัวอย่าง: Bev picked up the pizza herself. (เบ้บไปรับพิซซ่าด้วยตัวเอง)

คำสรรพนามเน้นย้ำ (Emphatic pronoun)

กรณีพิเศษในการใช้ pronoun คืออะไร?

กรณีพิเศษรายละเอียดตัวอย่าง
You ในรูปพหูพจน์คำสรรพนาม You โดยปกติจะใช้พูดถึงบุคคลที่อยู่ตรงข้ามกับผู้สื่อสาร แต่ในบางกรณีสามารถใช้เพื่อพูดถึงกลุ่มคนได้เช่นกันThe exercise here is your homework. You’ll need to finish it before Friday. (แบบฝึกหัดนี้คือการบ้านของพวกคุณ พวกคุณต้องทำให้เสร็จก่อนวันศุกร์)There must have been many cases in which you felt exhausted with your work. (อาจมีหลายกรณีที่พวกคุณรู้สึกเหนื่อยล้ากับงานของตัวเอง)
They ในรูปเอกพจน์เมื่อพูดถึงบุคคลที่ไม่ระบุเพศหรือไม่ทราบเพศ คำสรรพนามในภาษาอังกฤษ They จะถูกนำมาใช้ อย่างไรก็ตาม กริยาที่ตามหลัง “they” ในกรณีนี้ยังคงต้องใช้รูปพหูพจน์หรือใช้กริยา to be รูป areA person may become more prone to obesity if they refuse to do exercise. (บุคคลหนึ่งอาจมีแนวโน้มที่จะเป็นโรคอ้วนได้ง่ายขึ้นหากพวกเขาปฏิเสธที่จะออกกำลังกาย) → “A person” หมายถึงบุคคลใดๆ ที่ไม่ระบุเพศหรือไม่ชัดเจนในเรื่องเพศ ดังนั้นจึงใช้อ้างถึงด้วยคำสรรพนาม “they”)We can tell someone’s personality based on the type of music they listen to. (เราสามารถบอกลักษณะนิสัยของใครบางคนได้จากประเภทของเพลงที่พวกเขาฟัง)–> “Someone” หมายถึงบุคคลใดๆ ที่ไม่ระบุเพศหรือไม่ชัดเจนในเรื่องเพศ ดังนั้นจึงใช้อ้างถึงด้วยคำสรรพนาม “they”)
สรรพนามประธานหลังคำว่า “be” ใน cleft sentencesในโครงสร้าง cleft sentence ส่วนประกอบของประโยคที่ต้องการเน้นจะถูกยกขึ้นมาต้นประโยคหลังจาก “it + be” โดยในกรณีที่คำสรรพนามเป็นส่วนที่เน้น จะต้องใช้ในรูปประธานแทนที่จะเป็นกรรมIt was she who passed the exam with the highest score. (เธอคือคนที่สอบผ่านด้วยคะแนนสูงสุด)It is he who wins the lottery. (เขาคือคนที่ถูกลอตเตอรี่)
สรรพนามแทนยานพาหนะ (vehicles) และประเทศ (countries)ในภาษาอังกฤษ ยานพาหนะ โดยเฉพาะเรือ และประเทศมักถูกใช้ด้วยคำสรรพนามเพศหญิง (she/her/hers) ในบุคคลที่สาม (อย่างไรก็ตาม ในภาษาไทยคำเหล่านี้จะไม่ถูกแปลเป็น “มัน”)Mary Rose was a famous warship in the 15th century. People still don’t know why she sank. (Mary Rose เป็นเรือรบที่มีชื่อเสียงในศตวรรษที่ 15 แต่คนยังไม่รู้ว่าทำไมมันจม)The Titanic sank in the early 20th century, but her body was found much later than that. (Titanic จมในช่วงต้นศตวรรษที่ 20 แต่ร่างของมันถูกค้นพบในภายหลัง)
สรรพนามแทนองค์กร (บริษัท องค์การ รัฐบาล…)เมื่อพูดถึงองค์กรในบุคคลที่สาม คำสรรพนามที่ใช้จะเป็น it แม้ว่าภายในองค์กรจะมีคนทำงานหลายคนก็ตาม ในภาษาไทย คำว่า it ในกรณีนี้มักแปลเป็น “พวกเขา” แทนที่จะเป็น “มัน”Coca-Cola has just released its annual report. (Coca-Cola เพิ่งเผยแพร่รายงานประจำปีของพวกเขา)The government promised a lot of changes in the area. However, it has failed the people. (รัฐบาลสัญญาว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงมากมายในพื้นที่ แต่พวกเขาทำให้ประชาชนผิดหวัง)
ห้ามใส่เครื่องหมาย (‘) ในสรรพนามแสดงความเป็นเจ้าของห้ามใส่เครื่องหมาย (‘) ในคำสรรพนามแสดงความเป็นเจ้าของ เนื่องจากคำสรรพนามเหล่านี้มีความหมายว่า “ของ” อยู่แล้ว และไม่จำเป็นต้องใส่เครื่องหมาย (‘s) เครื่องหมายดังกล่าวใช้สำหรับคำนามแสดงความเป็นเจ้าของเท่านั้นThe black dress is hers. (ชุดสีดำเป็นของเธอ)หมายเหตุ: ห้ามใช้: The black dress is Her’s
กริยาหลังสรรพนามขึ้นอยู่กับคำนามที่แทนเมื่อใช้คำสรรพนามในประโยค กริยาที่ตามหลังคำสรรพนามต้องสอดคล้องกับคำนามที่คำสรรพนามนั้นแทน โดยต้องปฏิบัติตามกฎของเอกพจน์และพหูพจน์อย่างชัดเจน กล่าวคือ หากคำสรรพนามแทนคำนามเอกพจน์ กริยาต้องใช้ในรูปเอกพจน์ แต่ถ้าคำสรรพนามแทนคำนามพหูพจน์ กริยาต้องใช้ในรูปพหูพจน์Those cars are nice. They look expensive. (รถเหล่านั้นดูดีมาก พวกมันคงดูมีราคาสูง)→ คำสรรพนามหรือประธานในที่นี้คือ “Those cars” ซึ่งเป็นคำนามพหูพจน์ ดังนั้นกริยา to be จะต้องอยู่ในรูปพหูพจน์คือ are
สรรพนามบางคำมักใช้ในรูปเอกพจน์เสมอ ดังนั้นกริยาจะต้องผันเป็นเอกพจน์ด้วยคำเหล่านี้ ได้แก่ He, she, everybody, anyone, somebody, each, neither, everyone, nobody, either เป็นต้นEverybody is tired after the exam. (ทุกคนเหนื่อยหลังจากการสอบเสร็จ)She is reading a book. (เธอกำลังอ่านหนังสือ)
กรณีพิเศษในการใช้ pronoun คืออะไร?

แบบฝึกหัดเกี่ยวกับคำสรรพนามในภาษาอังกฤษ

แบบฝึกหัด

แบบฝึกหัดที่ 1: แทนคำที่ขีดเส้นใต้ด้วยคำสรรพนามแสดงความเป็นเจ้าของที่เหมาะสม:

1. Marianne liked my cookies more than your cookies.

2. Sherlock, is that your car?

3. Did you find the cat’s bell?

4. That is not their car. This black one is their car.

5. Whose bike is this? Is it his bike?

Người dùng review

แบบฝึกหัดที่ 2: อ่านเรื่องราวและเติมคำในช่องว่างด้วยคำสรรพนามที่เหมาะสม

Last year we went to Antalya to visit 1) ……………… grandparents. 2) ……………… were very glad to see 3) ……………… 4) ……………… was a very good holiday for 5) ………………. We went swimming with 6) ……………… brother. 7) ……………… swims well. 8) ……………… had picnics all together. The picnics were very funny. My grandmother made sandwiches for 9) ………………. 10) ……………… makes really delicious sandwiches. I love all 11) ……………… meals.

12) ……………… father and mother went to discos at night. 13) ……………… like dancing and at the weekend 14) ……………… go to a dance club. While 15) ……………… parents were out, 16) ……………… grandfather told us funny stories. 17) ……………… laughed all night. 18) ……………… grandmother made pop-corn for 19) ……………….

แบบฝึกหัดที่ 3: เติมคำถามต่อไปนี้ให้สมบูรณ์ด้วยคำสรรพนามคำถามที่เหมาะสม

1.  …………… is your name?

2. …………… are you going to the party with?

3. …………… is the capital of France?

4. …………… did you buy that beautiful dress?

5. …………… is knocking on the door?

6. …………… time does the train leave?

7. …………… was the movie last night?

8. …………… can I find the nearest gas station?

9. …………… are my keys?

10. …………… are you so late?

เฉลย

แบบฝึกหัดที่ 1: แทนคำที่ขีดเส้นใต้ด้วยคำสรรพนามแสดงความเป็นเจ้าของที่เหมาะสม

1. yours

2. yours

3. its 

4. theirs

5. his

แบบฝึกหัดที่ 2: อ่านเรื่องราวและเติมคำในช่องว่างด้วยคำสรรพนามที่เหมาะสม

12345678910
ourTheyusItUsourHeWeusShe
111213141516171819
herOurTheytheyourourWeOurus

แบบฝึกหัดที่ 3: เติมคำถามต่อไปนี้ให้สมบูรณ์ด้วยคำสรรพนามคำถามที่เหมาะสม

WhatWhoWhatWhereWho
WhatHowWhereWhereWhy

ทั้งหมดนี้คือเนื้อหาเกี่ยวกับคำสรรพนาม (Pronoun) และ pronoun คําศัพท์ในภาษาอังกฤษ หวังว่าความรู้นี้จะช่วยให้คุณมั่นใจมากขึ้นในการสื่อสารภาษาอังกฤษ นอกจากนี้ อย่าลืมเข้าไปใช้งาน ELSA Speak บ่อย ๆ เพื่ออัปเดตความรู้ภาษาอังกฤษใหม่ ๆ ทุกวันกันนะ!

ส่วนลด ELSA Premium ทั้งหมดสูงสุดถึง 50%