Author: Nhi Nguyen
แนะนําตัวภาษาอังกฤษ เป็นหัวข้อพื้นฐานที่ปรากฏบ่อยมากในการสอบ IELTS Speaking Part 1 และนี่ก็เป็นหัวข้อที่คุ้นเคยในการสื่อสารภาษาอังกฤษ ถ้าอย่างงั้น ด้วยหัวข้อนี้ ทำยังไงถึงจะแนะนำตัวเองด้วยภาษาอังกฤษใน IELTS Speaking อย่างน่าประทับใจและทำคะแนนได้
คำศัพท์ทั่วไปในการแนะนำตัวเอง
แนะนําตัวภาษาอังกฤษ – แนะนำชื่อและอายุ
- Full name: ชื่อเต็ม
- Last name/ family name: นามสกุล
- First name: ชื่อ
- Nickname: ชื่อเล่น
E.g: My full name is James Blunt, but everyone calls me James or Jimmy. I am in my 40s.
- In my 20s/30s/…: ในวัยยี่สิบ/สามสิบ/…
- I’m over/ almost/ nearly …: ฉันอายุเกิน/ประมาณ/เกือบ…
แนะนําตัวภาษาอังกฤษ – แนะนำบ้านเกิด
- Urban (adj): อยู่ในเมือง
- Rural (adj): อยู่ชนบท
- Suburban (adj): อยู่ชานเมือง
- Hustle and bustle (idiom): มักใช้อธิบายเมืองใหญ่ที่มีวิถีชีวิตที่เร่งรีบและมีกิจกรรมสนุกสนานมากมายในยามเย็น
- Grow up (v): โตขึ้น
E.g: I was born and grew up in London, and I love living among the hustle and bustle of the city.
>> Read more: แนะนำวิธีการง่าย ๆ เพื่อซื้อคอร์สเรียน ELSA Speak ตลอดชีพ
แนะนําตัวภาษาอังกฤษ – แนะนำอาชีพการงาน
- Self-employed (adj): ฟรีแลนซ์ อาชีพอิสระ
- Unemployed (adj): ตกงาน
- Department (n): ฝ่าย/แผนก
- Retired (adj): เกษียณ
- Intern (n): ฝึกงาน
- Part-time: งานเสริม
- Full-time: เต็ทเวลา
E.g: I am working part-time for an international company, and I work as an intern in the Marketing department.
แนะนําตัวภาษาอังกฤษ – แนะนำงานอดิเรก
- Have a soft spot for sth (idiom): ชอบบางคนหรือบางสิ่งมาก
- Let my hair down (idiom): ปล่อยตัวตามสบาย
- Cup of tea (idiom): สิ่งที่เราชื่นชอบหรือมีความสุขที่ได้ดู ได้ทำ
- Not my cup of tea: มันไม่ใช่สิ่งที่ฉันชอบ
- Have some time off from sth: ใช้เวลาว่างจากการไม่ทำบางสิ่ง
- Passion (for sth) (n): ความหลงใหล
Eg: I have a passion for music, so I usually let my hair down by going to concerts a few times a month.
แนะนําตัวภาษาอังกฤษ – คำศัพท์เกี่ยวกับบุคลิกภาพ
- easy-going: ง่าย
- frank: ตรงไปตรงมา
- humorous: ตลก
- modest/humble: เจียมเนื้อเจียมตัว
- sincere: จริงใจ
- ambitious: ทะเยอทะยาน
- cooperative: เกี่ยวกับความร่วมมือกัน
- decisive: เด็ดขาด
- dedicated: ความทุ่มเท
- dynamic: มีพลัง / กระตือรือร้น
- proactive: เชิงรุก
โครงสร้างไวยากรณ์ที่ใช้สำหรับหัวข้อแนะนำตัว
แนะนำชื่อและอายุ
- Let me introduce myself: ขอแนะนำตัวเอง
- I am glad to say a little bit about myself: ฉันดีใจที่ได้แนะนำเกี่ยวกับตัวเองเล็กน้อย
- I go by the name…/ I am known by the name…: ฉันเป็นที่รู้จักในชื่อ
- My name is… /I am…: ฉันชื่อ/ฉันคือ
- My full/ first/ last name is…: ชื่อเต็มของฉันคือ
- You can call me…: คุณสามารถเรียกฉันว่า
แนะนำบ้านเกิด
- I was born in… but now I live in…: ฉันเกิดที่…แต่ตอนนี้อยู่ที่….
- My hometown is… which is…: บ้านเกิดของฉันคือ….ซึ่งเป็น….
- I am from…: ฉันมาจาก….
- I have……nationality: ฉันมีสัญชาติ….
- I’ve been living here since…: ฉันอยู่ที่นี่ตั้งแต่
แนะนำเกี่ยวกับอาชีพการงาน
- I am currently working as…
- I am currently studying at…
- I have been a/an … for many years.
- … is my area of expertise
- I am an experienced/ a skillful…
- I like my job/major because…
แนะนำงานอดิเรก
- In my spare time, I usually….
- When I’m not at work/at school, I like to…
- I am a big fan of…
- I’m really into
- I prefer…/I enjoy…
- I’m obsessed with…
- I’m keen on…
- I’m passionate about…
- I can’t stand/bear…
- … is my cup of tea/ passion/ what I like the most/ favorite activity
- I have got a soft spot for …
แนะนำเกี่ยวกับครอบครัว
- There are …people in my family.
- My family has…people
- We are a big/small family of…..
- I am the only child…./I don’t have any siblings
- I have … brothers and … (number) sister
คำถามที่พบบ่อยในหัวข้อแนะนำตัว – IELTS Speaking Part 1
Do you work or study?
Currently I am working as a Teacher of IELTS at ELSA Speak. I have been working here for a few months, and besides IELTS, I also teach communicative classes for adult language learners.
→ ปัจจุบัน ฉันเป็นครูสอน IELTS ที่ ELSA Speak ฉันทำงานที่นี่ได้บางเดือนแล้ว และนอกจากสอน IELTS แล้ว ฉันยังสอนวิชาการสื่อสารสำหรับผู้ใหญ่ด้วย
What is the most interesting part of being a [candidate’s occupation]?
I think when I work as an English teacher, I enjoy seeing my students’ learning progress and their achievements the most, especially if they can achieve their goals while developing an interest in learning the language. That makes me realize my job is meaningful.
→ ฉันคิดว่า ในฐานะเป็นครูสอนภาษาอังกฤษ ฉันชอบสังเกตกระบวนการเรียนรู้ของนักเรียนและความก้าวหน้าของพวกเขา โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าพวกเขาสามารถบรรลุเป้าหมายและพัฒนาความรักในการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศได้ นั่นคือสิ่งที่ทำให้งานของฉันมีความหมายมากขึ้น
What kind of work would you like to do in the future?
Obviously, I will continue to be an English teacher because I am passionate about teaching. However, I would like to try in a managerial position in the future and make a positive difference within my workplace.
→ แน่นอน ฉันจะเป็นครูสอนภาษาอังกฤษต่อไป เพราะฉันหลงใหลในงานสอนหนังสือมาก อย่างไรก็ตาม ฉันอยากจะลองตำแหน่งผู้บริหารในอนาคตและเปลี่ยนแปลงสภาพแวดล้อมการทำงานในเชิงบวก
>> Read more: วิธีเปิดใช้งาน ELSA Speak/ELSA Pro ได้เร็วที่สุด
Where is your hometown? / Did you grow up in a city or the countryside?
I was born and raised in Chieng Mai city, which is in the North of Thailand. I grew up and studied there until I was 18 years old, then I left to go to Bangkok for tertiary education.
→ ฉันเกิดและเติบโตในเมืองเชียงใหม่ ซึ่งอยู่ในภาคเหนือของไทย ฉันโตขึ้นและเรียนที่นั่นจนอายุ 18 ปี ก็มาศึกษาต่อในระดับอุดมศึกษาที่กรุงเทพฯ
Are there any special things about your city?/ Is your city famous for anything?
Chieng Mai is famous as the city of flowers, because its soil makes the area an ideal place for growing flowers. Therefore, flower is a big part of the city’s culture and we are proud of our captivating and beautifully-grown flowers.
→ เชียงใหม่ขึ้นชื่อในฐานะเมืองแห่งดอกไม้ เนื่องจากดินที่นี่เหมาะสำหรับปลูกดอกไม้หลากหลายชนิด ดังนั้น ดอกไม้จึงกลายเป็นส่วนสำคัญของวัฒนธรรมของเชียงใหม่ และเราภูมิใจดอกไม้ที่สวยงามหลายชนิดที่ไม่มีที่ไหนสามารถปลูกได้
Do you think it’s a good place to live?
Yes, I believe so. The city is the economic center of the whole area, and it has been developing significantly during the past few years. The people there are also very friendly.
→ ฉันคิดว่ามันเป็นสถานที่น่าอยู่ เมืองนี้เป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจของภูมิภาค และมีความเจริญรุ่งเรืองในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ผู้คนที่นี่ก็เป็นมิตรมากเช่นกัน
บทความตัวอย่างในการแนะนำตัว
แนะนําตัวภาษาอังกฤษ – บทความตัวอย่างที่ 1
Hello, my name is Kookkai, and I am eighteen years old. This year, I am going to be a student of Kasetsart University . I was born in Chieng Mai province, but I just moved to Bangkok a few weeks ago. I am friendly but a bit shy, so it is difficult for me to start a conversation with other people.
On the weekend, I like going out with my friends. We usually go to the cinema and watch horror movies, then have dinner together.
→ สวัสดี ฉันชื่อกุ๊กไก่ และฉันอายุสิบแปดปี ฉันเพิ่งจบ ม.6 และกำลังจะเป็นนิสิต ม.เกษตรในปีนี้ ฉันเกิดที่จังหวัดเชียงใหม่ แต่เพิ่งย้ายมาอยู่กรุงเทพเมื่อไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา ฉันเป็นมิตรแต่ค่อนข้างขี้อาย ดังนั้นมันจึงเป็นเรื่องยากสำหรับฉันที่จะเริ่มสนทนากับคนอื่นๆ
ฉันชอบไปเที่ยวกับเพื่อนในวันหยุดสุดสัปดาห์ เรามักจะไปโรงหนังและดูหนังสยองขวัญ แล้วก็ทานอาหารเย็นด้วยกัน
แนะนําตัวภาษาอังกฤษ – บทความตัวอย่างที่ 2
I am going to tell you about my family. My father is 48 years old, but he looks much younger than his age, because he goes in for sports. He plays badminton almost every morning. My mother is 45, and she is a beautiful woman with long black hair and an oval face. She is a housewife, so it takes her a lot of time to take care of the house and of me and my father. However, she is an optimist and has a good sense of humor, which I admire greatly.
About me, my name is Samantha and I am 16 years old. I think I’ve got my father’s eyes but my mom’s nose and smile. I am not as athletic as my father, but sometimes I play badminton with him. When I have free time, I also help mom with the housework.
→ ฉันจะเล่าให้คุณฟังเกี่ยวกับครอบครัวของฉัน พ่อของฉันอายุ 48 ปี แต่เขาดูหนุ่มกว่าอายุจริงมาก เพราะเขาชอบเล่นกีฬา เขาเล่นแบดมินตันเกือบทุกเช้า แม่ของฉันอายุ 45 ปี เธอเป็นผู้หญิงที่สวยด้วยผมทรงยาวดำและใบหน้ารูปไข่ เธอเป็นแม่บ้าน ดังนั้นเธอใช้เวลาส่วนมากในการดูแลบ้านและพ่อกับฉัน อย่างไรก็ตาม เธอเป็นคนมองโลกในแง่ดีและมีอารมณ์ขัน ซึ่งฉันชื่นชมเธอมากๆ ก็เพราะอย่างนี้
เกี่ยวกับฉัน ฉันชื่อซาแมนธา อายุ 16 ปี ฉันคิดว่าฉันได้ดวงตาจากพ่อ ส่วนจมูกและรอยยิ้มจากแม่ ฉันไม่ได้เป็นนักกีฬาเหมือนพ่อ แต่บางครั้งฉันก็เล่นแบดมินตันกับพ่อ ฉันยังช่วยแม่ทำงานบ้านทุกครั้งที่มีเวลาว่าง
แนะนําตัวภาษาอังกฤษ – บทความตัวอย่างที่ 3
My name is Anna and I am working as a Customer Care officer at an English language center for kids. Now, I am in my 20s, and I am a caring and patient person. I think that’s why I am suitable for the position I am having right now. I love working with kids because they are innocent and adorable. However, sometimes my job is a bit stressful and exhausting as I have to deal with complaints from parents, but I am getting used to it.
Another thing that I really like about my job is the flexible working schedule, because I can choose to work in the morning or afternoon at my convenience. My colleagues are very friendly too, and they support me a lot during my work.
→ ฉันชื่อแอนนา ตอนนี้ทำงานเป็นเจ้าหน้าที่ดูแลลูกค้าที่ศูนย์ภาษาอังกฤษสำหรับเด็ก ฉันอายุ 20 เป็นคนชอบเอาใจใส่และอดทน ฉันคิดว่านั่นเป็นเหตุผลที่ฉันเหมาะสมกับตำแหน่งที่ฉันทำอยู่ตอนนี้ ฉันชอบทำงานกับเด็กๆ เพราะพวกเขาไร้เดียงสาและน่ารัก อย่างไรก็ตาม บางครั้งงานของฉันค่อนข้างเครียดและเหนื่อยนิดหน่อย เพราะฉันต้องรับมือกับคำตำหนิจากผู้ปกครอง แต่ยังไงฉันก็ชินกับมันไปแล้ว
อีกอย่างที่ฉันชอบในงานของตัวเอง คือตารางการทำงานที่ยืดหยุ่น เพราะฉันสามารถเลือกทำงานช่วงเช้าหรือบ่ายได้ตามสะดวก เพื่อนร่วมงานของฉันก็เป็นมิตรเช่นกัน และยังสนับสนุนฉันมากในระหว่างที่ฉันการทำงานด้วย
แนะนําตัวภาษาอังกฤษ – บทความตัวอย่างที่ 4
Hi all, I am Harvey, and I am a student at Bangkok University. I am an animal-lover and I am raising 2 dogs: one is a 4-month old puppy and the other one is 2 years old. They are loyal friends who can ease and comfort my worries. In my free time, I enjoy walking my dogs at the park and talking to other dog-owners there. They usually tell me interesting stories about their pets and we get along really well as we have a lot of things in common.
→ สวัสดีครับ ผมคือฮาร์วีย์ เป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยกรุงเทพ ผมเป็นคนรักสัตว์และเลี้ยงสุนัขไว้ 2 ตัว ตัวนึงอายุ 4 เดือน และอีกตัวอายุ 2 ปี พวกเขาเป็นเพื่อนที่ซื่อสัตย์ที่สามารถคลายความกังวลของผมได้ ในเวลาว่างผมชอบพาสุนัขไปเดินเล่นที่สวนสาธารณะและพูดคุยกับเจ้าของสุนัขคนอื่นๆ พวกเขามักจะเล่าเรื่องราวที่น่าสนใจเกี่ยวกับสัตว์เลี้ยงของพวกเขาให้ผมฟัง และเราก็เข้ากันได้ดีเพราะเรามีหลายสิ่งหลายอย่างเหมือนกัน
แนะนําตัวภาษาอังกฤษ – บทความตัวอย่างที่ 5
Hey, I’m Mateo but people here call me Matt. I grew up in Argentina, and lived there most of my life before moving to the United States. I speak Italian, Spanish and English. I’ve always wanted to improve my English so now that I have the time, I’ve finally signed up for classes online.
I’m not much of an outdoor person, as you can see. I love rainy days because I can wrap myself in a blanket and binge-watch series without feeling guilty.
→ ผมชื่อมาเตโอ แต่ทุกคนที่นี่มักเรียกผมว่าแมตต์ ผมเติบโตในอาร์เจนตินาและอาศัยอยู่ที่นี่เกือบทั้งชีวิตก่อนที่จะย้ายมาอยู่ที่สหรัฐอเมริกา ผมพูดภาษาอิตาลี ภาษาสเปน และภาษาอังกฤษ ผมต้องการพัฒนาภาษาอังกฤษมาโดยตลอด ดังนั้นเมื่อตอนนี้มีเวลาแล้ว ผมเลยสมัครเรียนออนไลน์
อย่างที่คุณเห็นผมไม่ใช่คนชอบออกไปข้างนอกมากนัก ผมชอบฝนตกเพราะสามารถนอนขดตัวในผ้าห่มและดูหนังได้โดยไม่รู้สึกผิด
10 เคล็ดลับในการตอบคำถามหัวข้อ แนะนำตัว
- ฝึกฝนและจดจำทุกหัวข้อและคำถามที่มักจะถูกถามก่อนสอบ เช่น การศึกษา การทำงาน ครอบครัว กิจวัตรประจำวัน แผนการในอนาคต
- คำตอบควรมีหัวเรื่องและคอมพลีเมนต์ครบทุกประโยค
- เวลาพูดอย่าเหลียวหลัง ให้มั่นใจและสบตากับผู้คุมสอบด้วย
- เตรียมไอเดียที่จะตอบ อย่าท่องจำ (การท่องจำจะส่งผลต่อการออกเสียงของคุณ)
- สำหรับคำถาม Yes/No อย่าตอบเพียงว่า “ใช่” หรือ “ไม่ใช่” แต่ให้อธิบายเพิ่มเติมหรือขยายความในคำตอบของคุณ เพราะผู้สอบจะไม่สามารถประเมินความสามารถทางภาษาอังกฤษของคุณได้
- ใช้เวลาสองสามวินาทีในการคิดก่อนที่จะให้คำตอบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับคำถามที่ยากหรือคำถามที่ไม่เคยพบมาก่อน
- คำตอบต้องมีความสอดคล้องกัน คุณสามารถใช้คำและโทโพโลยี ตัวอย่างเช่น วลีเช่น however, nevertheless, all in all, moreover… จะทำให้สุนทรพจน์ของคุณสมบูรณ์ยิ่งขึ้น
- ตั้งใจฟัง ฟังอย่างละเอียด หากคุณไม่เข้าใจหรือได้ยินไม่ชัดเจน ขอให้ผู้ตรวจสอบ IELTS พูดซ้ำอีกครั้ง
- จงตอบอย่างจริงจัง! โดยใช้ความรู้สึกและประสบการณ์ของตัวเอง วิธีนี้จะทำให้คำพูดของคุณมั่นใจมากขึ้นและยังทำให้การพูดคุยของคุณขยายออกไปได้ง่ายขึ้นด้วย
- ต้องจัดสรรข้อมูลให้เหมาะสม ไม่ควรเน้นข้อมูลส่วนตัวที่มีรายละเอียดมากเกินไป ซึ่งจะทำให้บทความของคุณดูเลื่อนลอยและอาจทำให้ผู้ฟังเบื่อโดยไม่ได้ตั้งใจ
ในบทความข้างต้น ELSA Speak ได้แนะนำให้คุณเกี่ยวกับความรู้ที่จำเป็นและให้ตัวอย่างสำหรับหัวข้อ แนะนำตัว – IELTS Speaking หวังว่าข้อมูลดังกล่าวเหล่านี้จะเป็นประโยชน์กับคุณในกระบวนการเรียน IELTS ด้วยตนเอง!
Passive Voice คืออะไร
Passive Voice เป็นประโยคที่เน้นว่าวัตถุ (subject) ที่เป็นบุคคลหรือสิ่งที่ได้รับผลกระทบจากการกระทำแทนที่จะเป็นวัตถุที่กระทำ
โครงสร้างไวยากรณ์ Passive Voice
โครงสร้างไวยากรณ์ของ Passive Voice คือ
Subject + be + V3/ed + (by + doer) + (…). |
* ซึ่งประกอบด้วย
- Subject :วัตถุที่ได้รับผลกระทบจากการกระทำ
- be + V3/ed: ‘be’ จะเปลี่ยนรูปร่างตาม tenses ที่ใช้ในประโยค Active Voice
- V3/ed จะไม่เปลี่ยนรูปร่าง สิ่งที่เปลี่ยนตาม tenses คือ ‘be’
- (by + doer): ‘by’ หมายความว่า “โดย/ด้วย” ใช้ในการแนะนำวัตถุที่ดำเนินการตามหลัง ‘by’
- ‘doer’ คือผู้ที่ดำเนินการ
- ‘by + doer’ อยู่ใน (…) เพราะจะมีกรณีที่ไม่ต้องใช้
- (…): เป็นข้อมูลเกี่ยวกับสถานที่และเวลาที่ subject ได้รับผลกระทบจากการกระทำ โดยส่วนนี้ไม่จำเป็นต้องมี แต่จะขึ้นอยู่กับแต่ละกรณี
ตัวอย่าง
+ She is loved by everyone.
- เธอเป็นที่รักของทุกคน
- วิเคราะห์: คำกริยา ‘love’ ถูกผันในรูปแบบ V-ed: ‘loved’
- กริยา ‘be’ ถูกผันเป็น ‘is’ ใน Present Simple
+ She was loved by everyone.
- เธอเคยเป็นที่รักของทุกคน
- วิเคราะห์: คำกริยา ‘love’ ยังถูกผันในรูปแบบ V-ed: ‘loved’
- คำกริยา ‘be’ ถูกผันเป็น ‘was’ ตาม Past Simple
วิธีการเปลี่ยนจากประโยค Active เป็นประโยค Passive
ตารางแปลงสูตรของ passive voice จาก active voice
Tense (รูปแบบของประโยคที่มีคำกริยา) | Active voice | Passive voice |
---|---|---|
Present Simple | S + V(s/es) + O | S + am/is/are + V3/ed |
Present Continuous | S + am/is/are + V-ing + O | S + am/is/are + being + V3/ed |
Present Perfect | S + have/has + P2 + O | S + have/has + been + V3/ed |
Present Perfect Continuous | S + have/has + been + V-ing + O | S + have/ has been being + V3/ed |
Simple Past | S + V(ed/Ps) + O | S + was/were + V3/ed |
Past Continuous | S + was/were + V-ing + O | S + was/were + being + V3/ed |
Past Perfect | S + had + P2 + O | S + had + been + V3/ed |
Past Perfect Continuous | S + hadn’t + been + V-ing + O | S + had been being + V3/ed |
Future Simple | S + will + V-infi + O | S + will + be + V3/ed |
Future Perfect | S + will + have + P2 + O | S + will + have + been + V3/ed |
Future Continuous | S + am/is/are going to + V-infi + O | S + am/is/are going to + be + V3/ed |
Future Perfect Continuous | S + will + have + been + V-ing + O | S + will have been being + V3/ed |
Modal Verbs | S + Model Verb + V-infi + O | S + Model Verb + be + V3/ed |
>> Read more: แนะนำวิธีการง่าย ๆ เพื่อซื้อคอร์สเรียน ELSA Speak ตลอดชีพ
เปลี่ยนจาก Active เป็น Passive
เพื่อเปลี่ยนจาก Active เป็น Passive ให้ทำตามขั้นตอนต่อไปนี้
ประโยค Active ที่ต้องการเปลี่ยน
Yesterday, my mother bought a new TV.
→ เมื่อวานแม่ซื้อโทรทัศน์เครื่องใหม่
วิเคราะห์
- สิ่งที่ถูกกระทำ : ‘a new TV’ (โทรทัศน์เครื่องใหม่)
- Tense: Simple Past
- กริยา : ‘bought’
- ผู้กระทำ : ‘my mother’ (แม่)
ขั้นตอนการเปลี่ยน
ขั้นตอน | ค่อย ๆ กลายเป็นประโยค Passive ในแต่ละขั้นตอน |
---|---|
ขั้นตอนที่ 1 เอาผู้ที่ถูกกระทำ หรือเรียกอีกชื่อว่า object ในประโยค Active ให้นำหน้าประโยค | Yesterday, a new TV |
ขั้นตอนที่ 2 วางคำกริยาไว้หลังผู้ที่ได้รับผลกระทบ เปลี่ยนกริยาเป็น V3/ed ถ้าคำกริยาอยู่ในรูปแบบ V3/ed อยู่แล้ว ก็ปล่อยไว้อย่างนั้น | Yesterday, a new TV bought |
ขั้นตอนที่ 3 เพิ่ม ‘be’ หน้าคำกริยา เปลี่ยน ‘be’ เป็น tense ของประโยค Active ดังนั้น เราต้องสังเกตกริยาในประโยค Active และองค์ประกอบอื่น ๆ เช่นคำวิเศษณ์บอกเวลา เป็นต้น เพื่อดูว่า Tense ของประโยคเป็นอย่างไร | Yesterday, a new TV was bought |
ขั้นตอนที่ 4 เพิ่มกลุ่ม ‘by + ผู้/สิ่งกระทำ’ หลังคำกริยา และเขียนส่วนที่เหลือตามหลัง (ถ้ามี) หมายเหตุ → เราสามารถไม่ต้องเพิ่มกลุ่ม ‘by + ผู้/สิ่งกระทำ’ หากผู้กระทำตกอยู่ในสรรพนามที่ไม่เฉพาะเจาะจงและชัดเจนเช่น: ‘they’, ‘everyone’, ‘someone’, ‘somebody’ เป็นต้น → ในกรณีที่ผู้กระทำเป็นหนึ่งในสรรพนามสรรพนาม 7 สรรพนาม ‘I’, ‘we’, ‘you’, ‘he’, ‘she’, ‘it’ และ ‘they’ เมื่อย้ายไปหลัง ‘by’ เราต้องผันให้เป็นรูปแบบสรรพนามวัตถุ เช่น ‘me’, ‘us’, ‘you’, ‘him’, ‘her’, ‘it’ và ‘them’. ตัวอย่าง This cake was made by he. → ผิด This cake was made by him. → ถูก | Yesterday, a new TV was bought by my mother. |
โครงสร้างประโยค Passive ตาม Tense
โครงสร้างของประโยค Passive ตามกาลในภาษาอังกฤษผ่านตารางด้านล่างนี้
Present
Tense | โครงสร้าง | ตัวอย่าง |
Present Simple | Subject + am/ is/ are (not) + V3/ed +(by+doer)+(…) โดย → am: ประธานเป็นเอกพจน์บุรุษที่หนึ่ง – I → is: ประธานเอกพจน์บุรุษที่ 3 – he/ she/ it/ my mother/ his cat/… → are: ประธานที่เหลือ – we/ you/ they/ those people/ my parents/… | Those kids are educated well. → เด็กเหล่านั้นได้รับการสั่งสอนที่ดี I am loved by many people. → ฉันเป็นที่รักของผู้คนมากมาย That employee is given lots of tasks. → พนักงานคนนั้นได้รับการมอบหมายงานหลายอย่าง |
Present Continuous | Subject + am/ is/ are (not) being+V3/ed+(by + doer)+(…) โดย → am: ประธานเป็นเอกพจน์บุรุษที่หนึ่ง – I → is: ประธานเอกพจน์บุรุษที่ 3 – he/ she/ it/ my mother/ his cat/… → are: ประธานที่เหลือ – we/ you/ they/ those people/ my parents/… | Our house is being built this month. → บ้านเรากำลังก่อสร้างในเดือนนี้ I am being scolded by my mother right now. → ฉันกำลังโดนแม่ดุอยู่ตอนนี้ Those trees are being cut down. → ต้นไม้เหล่านั้นกำลังถูกตัดลง |
Present Perfect | Subject+have/ has (not) been +V3/ed+(by + doer)+(…) โดย → has: ประธานเป็นเอกพจน์บุรุษที่หนึ่ง – he/ she/ it/ my mother/ his cat/… → have: ประธานที่เหลือ – I/ we/ you/ they/ those people/ my parents/… | His favorite vase has been broken buy his little sister. → แจกันใบโปรดของเขาแตกเพราะน้องสาวของเขาทำ Those houses have been sold. → บ้านเหล่านั้นถูกขายไปแล้ว |
Present Perfect Continuous | Subject +have/ has (not) been being+V3/ed+(by + doer)+(…) โดย → has: ประธานเป็นเอกพจน์บุรุษที่หนึ่ง – he/ she/ it/ my mother/ his cat/… → have: ประธานที่เหลือ – I/ we/ you/ they/ those people/ my parents/… | That machine has been being used for many years. → เครื่องนั้นนั้นถูกใช้งานโดยไม่หยุดเป็นเวลาหลายปี Those chairs have been being stepped on for hours. → เก้าอี้เหล่านั้นถูกเหยียบและถูกเหยียบอยู่เรื่อยๆ |
Past
Tense | โครงสร้าง | ตัวอย่าง |
Simple Past | Subject+was/ were (not) + V3/ed+(by + doer) + (…) โดย → ประธานเป็นเอกพจน์บุรุษที่หนึ่ง – I → ประธานเอกพจน์บุรุษที่ 3 – he/ she/ it/ my mother/ his cat/… | 2 months ago, her company was bought by a big corporation. → เมื่อสองเดือนก่อน บริษัทของเธอถูกซื้อกิจการโดยบริษัทขนาดใหญ่ Yesterday, they weren’t chosen to join the race. → เมื่อวานพวกเขาไม่ได้รับเลือกให้เข้าร่วมการแข่งขัน |
Past continuous | Subject+was/ were (not) being+V3/ed +(by + doer) + (…) โดย → ประธานเป็นเอกพจน์บุรุษที่หนึ่ง – I → ประธานเอกพจน์บุรุษที่ 3 – he/ she/ it/ my mother/ his cat/… → ประธานที่เหลือ – we/ you/ they/ those people/ my parents/… | This morning, when you came, the floor was being mopped. → เช้านี้เมื่อคุณมาถึง พื้นกำลังถูกถูอยู่ Yesterday, when they left, lots of delicious dishes were being cooked. → เมื่อวานนี้ เมื่อพวกเขาออกไป อาหารอร่อยหลายๆ อย่างกำลังถูกทำอยู่ |
Past Perfect | Subject +had (not) been + V3/ed +(by + doer)+(…) | All the beer had been drunk when we got there. → เบียร์ทั้งหมดถูกดื่มจนหมดเมื่อพวกเราไปถึงที่นั่น |
Past Perfect Continous | Subject + had (not) been being + V3/ed + (by + doer) + (…) | My laptop hadn’t been being used by my son before I got home. → แลบท๊อปของฉันไม่ได้ถูกลูกชายฉันใช้งานตลอดเวลาก่อนที่ฉันจะกลับถึงบ้าน |
Future
Tense | โครงสร้าง | ตัวอย่าง |
Future | Subject +will (not) be +V3/ed + (by + doer) + (…) | Those trees won’t be cut down. → ต้นไม้เหล่านั้นจะไม่ถูกโค่น |
Future Perfect | Subject +will (not) be being + V3/ed +(by + doer) + (…) | This time next month, these trees will be being cut down. → เวลานี้ในเดือนหน้า ต้นไม้เหล่านี้จะถูกตัดลง |
Future Continuous | Subject +will (not) have been +V3/ed +(by + doer) +(…) | I think all of the clothes will have been bought by the time we get there. → ฉันคิดว่าเสื้อผ้าทั้งหมดจะถูกซื้อก่อนที่เราจะไปถึงที่นั่น |
Future Perfect Continuous | Subject + will (not) have been being+V3/ed +(by + doer) + (…) | Before I get to the meeting, my group will have been being asked hard questions. → ก่อนที่ฉันจะไปถึงประชุม ทีมของฉันจะถูกถามคำถามยากๆ อยู่เรื่อยๆ |
กรณีประโยค Passive พิเศษ
ประโยค Active ที่มีสองกรรม (object)
ในภาษาอังกฤษ มีคำกริยาบางคำที่ตามด้วยสองกรรม (object) ตัวอย่างเช่น
+ send:
She sent me a present.
→ เธอส่งให้ฉันของขวัญหนึ่งชิ้น
หรือ
She sent a present to me.
→ เธอส่งของขวัญให้ฉัน
ทั้งสองประโยคนี้มีกรรม (object) อยู่ 2 อย่างที่เป็นผู้ได้รับสิ่งของและสิ่งของที่ถูกส่งไปยังผู้รับ
+ give:
He usually gives me flowers.
→ เขามอบให้ฉันดอกไม้เป็นประจำ
หรือ
He usually gives flowers to me.
→ เขาให้ดอกไม้ฉันเป็นประจำ
ทั้งสองประโยคนี้มีกรรม (object) อยู่ 2 อย่างที่เป็นผู้ได้รับสิ่งของและสิ่งของที่ถูกส่งไปยังผู้รับ
+ buy:
They sometimes buy me new clothes.
→ บางครั้งพวกเขาก็ซื้อให้ฉันเสื้อผ้าใหม่
หรือ
They sometimes buy new clothes for me.
→ บางครั้งพวกเขาก็ซื้อเสื้อผ้าใหม่ให้ฉัน
ทั้งสองประโยคนี้มีกรรม (object) อยู่ 2 อย่างที่เป็นผู้ได้รับสิ่งของและสิ่งของที่ถูกส่งไปยังผู้รับ
โครงสร้างประโยค Passive
ในกรณีนี้ เรามีโครงสร้างประโยค Passive 2 โครงสร้าง ซึ่งเทียบเท่ากับโครงสร้างประโยค Active 2 โครงสร้าง
โครงสร้าง | Active Voice | Passive Voice |
---|---|---|
ผู้รับอยู่หลังวัตถุ | Subject (doer) + verb (ผันกริยา) + person + object ตัวอย่าง Last week, my parents bought me a phone. → อาทิตย์ที่แล้ว พ่อแม่ซื้อให้ฉันโทรศัพท์หนึ่งเครื่อง | Person + be (ผันกริยา) + V3/ed + object + (by + doer). ตัวอย่าง Last week, I was bought a phone by my parents. → อาทิตย์ที่แล้ว ฉัยได้โทรศัพท์ใหม่โดยพ่อแม่ซื้อให้ |
ผู้รับอยู่หลังวัตถุ | Subject (doer) + verb (ผันกริยา) + object + to/ for/… + person ตัวอย่าง Last week, my parents bought a phone for me. → อาทิตย์ที่แล้ว พ่อแม่ซื้อโทรศัพท์ให้ฉัน | Object + be (ผันกริยา) + V3/ed + to/ for/ … + person + (by + doer). ตัวอย่าง Last week, a phone was bought for me by my parents. → อาทิตย์ที่แล้ว โทรศัพท์เครื่องหนึ่งถูกซื้อให้ฉันโดยพ่อแม่ฉัน |
ประโยคพาสซีฟที่มีกริยารายงาน (Reporting Verbs) – กริยาของความคิดเห็น (Verbs of Opinion)
ในภาษาอังกฤษ จะมีประโยค Active ที่ใช้งานด้วยกริยารายงาน (say, announce, v.v.) หรือกริยาแสดงความคิดเห็น (think, believe, v.v.)
ตัวอย่าง
+ People say that he is famous. (1)
→ ทุกคนบอกว่า เขาเป็นคนดัง
+ They believed that that family had sold the house. (2)
→ พวกเขาเชื่อว่าครอบครัวนี้เคยขายบ้านหลังนี้ไปแล้ว
เมื่อพิจารณาจากสองตัวอย่างข้างต้น คุณจะเห็นว่ามีหลายกรณีที่กริยาที่อยู่ข้างหน้า ‘that’ และกริยาในประโยคที่อยู่หลัง ‘that’ ใช้กาลเดียวกัน (ตัวอย่างที่ 1) หรือต่างกัน (ตัวอย่างที่ 2) จะเป็นการสร้างโครงสร้าง 2 แบบในวิธีที่ 1 ดังภาพด้านล่าง
กรณี | วิธีที่ 1 | วิธีที่ 2 (รวมให้ทั้ง 2 กรณี) |
---|---|---|
กรณีที่ 2 กริยาที่อยู่ก่อน ‘that’ และกริยาในประโยคหลัง ‘that’ ใช้กาลต่างกัน → Present Simple – Past Simple → Past – Past Perfect | Active voice Subject 1 + verb 1 (ผัน) + that + subject 2 + verb 2 (ผัน) + … ตัวอย่าง They say that Rebecca is friendly → พวกเขาบอกว่ารีเบคก้าเป็นคนที่เป็นมิตร | Active voice Subject 1 + verb 1 (chia) + that + subject 2 + verb 2 (chia) + … ตัวอย่าง People believed that they had left the town in the middle of the night. ⟶ ทุกคนเชื่อกันว่าพวกเขาออกจากเมืองตอนกลางดึก |
Passive Voice Subject 2 + be (ผันตาม verb 1 ในประโยค Active) + verb 1 (V3/ed) + to + V-infi + … ตัวอย่าง Rebecca is said to be friendly. → รีเบคก้าได้รับการอธิบายว่าเป็นคนเป็นมิตร | Passive Voice It + be (ผันตาม verb 1 ในประโยค Active) + that + ซ้ำกับส่วนในประโยค Active. ตัวอย่าง It was believed that they left the town in the middle of the night. | |
กรณีที่ 2 กริยาที่อยู่ก่อน ‘that’ และกริยาในประโยคหลัง ‘that’ ใช้กาลต่างกัน → Present Simple – Past Simple → Past – Past Perfect | Active voice Subject 1 + verb 1 (ผัน) + that + subject 2 + verb 2 (ผัน) + … ตัวอย่าง They believed that he had stolen her wallet. | |
Passive Voice Subject 2 + be (ผันตาม verb 1 ในประโยค Active) + verb 1 (แบบ V3/ed) + to + have + V3/ed + … ตัวอย่าง He was believed to have stolen her wallet. → เชื่อกันว่าเขาเคยขโมยกระเป๋าสตางค์ของเธอมาก่อน |
ประโยคขอให้ใครทำอะไร ด้วยคำว่า ‘get’ และ ‘have’
ในภาษาอังกฤษ เพื่อขอให้ใครทำอะไรให้ เรามักจะใช้ ‘get’ และ ‘have’ ในสองโครงสร้างต่อไปนี้:
Subject + have (ผันกริยา) + somebody + V-infi + something |
Subject + get (ผันกริยา) + somebody + to + V-infi + something |
โครงสร้างทั้งสองนี้เมื่อแปลงเป็น Passive Voice จะกลายเป็น
Subject + have/get (ผันกริยา) + something + V3/ed + by + somebody. |
Subject + have/get (ผันกริยา) + something + V3/ed + by + somebody. |
ตัวอย่าง
+ Active Voice
Yesterday, I got/had a plumber to fix the pipe.
→ เมื่อวาน ฉันได้ขอให้ช่างมาซ่อมท่อประปา
+ Passive Voice
Yesterday, I got/ have the pipe fixed by a plumber
→ เมื่อวาน ท่อประปาได้ถูกแก้ไขโดยช่างประปาคนหนึ่ง
ประโยคแสดงความเป็นกรรมวาจกด้วย Need + V-ing
เมื่อเราต้องการแสดง ผู้/สิ่งใดที่ต้องถูกกระทำ เราสามารถใช้โครงสร้างต่อไปนี้
Subject + need (ผันกริยา) + V-ing |
ตัวอย่าง
→ ถ้าเราต้องการพูดว่า “โต๊ะนี้ต้องการทำความสะอาด” ให้พูดว่า: This table needs cleaning
→ ถ้าเราต้องการพูดว่า “เมื่อวาน ผมต้องการตัดผม” ให้พูดว่า: Yesterday, my hair needed cutting.
>> Read more: วิธีเปิดใช้งาน ELSA Speak/ELSA Pro ได้เร็วที่สุด
ประโยค Passive Voice ที่มีคำกริยาแสดงประสาทสัมผัสการรับรู้
ในภาษาอังกฤษ มีบางกรณีที่ผู้ที่เป็นประธานใช้กริยาแสดงประสาทสัมผัสการรับรู้ (see, hear, notice, v.v.) และพยาน/ได้ยิน/… ใคร (กำลังทำ) อะไรบางอย่าง
เมื่อประโยค Active อยู่ในกรณีนี้ เราจะเปลี่ยนเป็นประโยค Activeในสองกรณีต่อไปนี้
กรณี | Active Voice | Passive Voice |
---|---|---|
คนที่ได้เห็น/ได้ยิน/… การกระทำทั้งหมดของผู้อื่น | Subject + verb (ผัน) + object + V-ing + … ตัวอย่าง Yesterday, Josh heard Mary singing. → เมื่อวานนี้ Josh ได้ยิน Mary ร้องเพลง (ได้ยินเพียงบางส่วน) | Subject (object ในประโยค Active) + be (ผัน) + V3/ed + V-ing + by + doer (ประธานประโยค Active) ตัวอย่าง Yesterday, Mary was heard singing by Josh. → เมื่อวาน Mary กำลังร้องเพลง ก็ถูก Josh ได้ยิน |
คนที่ได้เห็น/ได้ยิน/… การกระทำทั้งหมดของผู้อื่น | Subject + verb 1 (ผัน) + object + V-infi + … ตัวอย่าง Yesterday, Josh heard Mary sing. → เมื่อวานนี้ Josh ได้ยิน Mary ร้องเพลง (ตั้งแต่ต้นจนจบ) | Subject (object ในประโยค Active) + be (ผัน) + V3/ed + to + V-infi + by + doer (subject ในประโยค Active) ตัวอย่าง Yesterday, Mary was heard to sing by Josh. → เมื่อวาน Mary กำลังร้องเพลง ก็ถูก Josh ได้ยิน (ตั้งแต่ต้นจนจบ) |
หมายเหตุเมื่อแปลงเป็นประโยค Passive Voice
การแปลง Object Pronoun (สรรพนามรูปกรรม) เป็นคำ Subject pronoun (คำสรรพนามที่ทำหน้าที่เป็นประธาน)
→ ถ้ารูปกรรม (ผู้ที่ถูกกระทำ) ในประโยค Active เป็นสรรพนามรูปกรรม: : ‘me’, ‘us’, ‘you’, ‘him’, ‘her’, ‘it’ และ ‘them’,เมื่อเรานำคำเหล่านี้ไปนำหน้าเพื่อให้เป็นประธานของประโยค Passive เราต้องเปลี่ยนเป็นสรรพนามประธาน: ‘I’, ‘we’, ‘you’, ‘he’, ‘she’, ‘it’ และ ‘they’
Subject | Object |
---|---|
I | Me |
We | Us |
You | You |
He | Him |
She | Her |
It | It |
They | Them |
ตัวอย่าง
+ Active Voice: He likes her.
+ Passive Voice
Her is liked by him. → ผิด
She is liked by him. → ถูก
ลำดับของสถานที่ ‘by…’ และเวลา
ในประโยค Passive Voice ลำดับของสถานที่ ‘by…’ และเวลาจะถูกเรียงไว้ดังนี้
สถานที่ ⟶ ‘by…’ ⟶ เวลา |
แม้หนึ่งในสามองค์ประกอบนี้จะขาดหายไป ลำดับข้างต้นจะไม่เปลี่ยนแปลง
ตัวอย่าง
+ Milk is left in front of our house (สถานที่) by a kind person (by + doer) every morning (เวลา).
→ นมถูกวางไว้หน้าบ้านโดยผู้ใจดีคนหนึ่งทุกเช้า
+ Milk is left in front of our house (สถานที่) by a kind person (by + doer)
→ นมถูกวางไว้หน้าบ้านโดยผู้ใจดีคนหนึ่ง
+ Milk is left in front of our house (สถานที่) every morning (เวลา).
→ นมถูกวางไว้หน้าบ้านเราทุกเช้า
‘by…’ หรือ ‘with…’?
ผู้เรียนหลายคนอาจสงสัยว่าเราใช้ ‘by’ นำหน้าผู้กระทำ แล้วเราจะใช้อะไรนำหน้าเครื่องมือการกระทำ คำตอบคือ ใช้ ‘with’
ผู้เรียนหลายคนเวลาพูดมักจะแปลจากภาษาไทยเป็นภาษาอังกฤษ และคำว่า ‘by’ ที่มีความหมายในภาษาไทยว่า ‘โดย’ (ใช้กับพาหนะ)
แต่ในประโยค Passive Voice เมื่อคุณต้องการพูดถึงวัตถุที่ใช้เพื่อกระทำต่อผู้ที่ถูกการกระทำ เราจะใช้ ‘with’
ตัวอย่าง
The window was broken by a hammer. → ผิด
The window was broken with a hammer. → ถูก
หมายเหตุ: การใช้ Passive Voice เป็นหนึ่งในการถอดความที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดใน IELTS Writing
แบบฝึกหัดประโยค Passive Voice
Passive Voice กับ 12 Tenses
Change the active sentences below into passive sentences
1. Yesterday, a strange sound woke me up in the middle of the night.
2. Her children respect her.
3. That family have used that car for more than 15 years.
4. They had eaten all the food before we arrived at the party.
5. By the time we get to the store, other customers will have bought all of the clothes.
6. They are cutting down the apple tree in front of our house.
7. This morning, when I came, he was baking a delicious cake.
8. I think our boss will choose that hard-working employee for that position.
9. Our children have been watching that TV series since 7 pm.
10. I think that when we get to the meeting, the bosses will be asking our team a lot of questions.
11. By the time we got home, our children had been using the air conditioner for hours.
12. They will have been driving that expensive car for years when we buy it.
คำตอบ
1. Yesterday, I was woken up by a strange sound in the middle of the night.
2. She is respected by her children.
3. That car has been used by that family for more than 15 years.
4. All the food had been eaten before we arrived at the party.
5. By the time we get to the store, all of the clothes will have been bought by other customers.
6. The apple tree in front of our house is being cut down.
7. This morning, when I came, a delicious cake was being baked by him.
8. I think that hard-working employee will be chosen for that position by our boss.
9. That TV series has been being watched by our children since 7 pm.
10. I think that when we get to the meeting, our team will be being asked a lot of questions by the bosses.
11. By the time we got home, the air conditioner had been being used by our children for hours.
12. That expensive car will have been being driven for years when we buy it.
Passive Voice พิเศษ
Change the active sentences below into passive sentences
1. You really need to cut your long hair.
2. Last night, that family saw a stranger trying to steal your motorbike.
3. People said that a poor man in our district had won a lottery.
4. This morning, I got a professional mechanic to fix my car.
5. We really need to wash this dirty and dusty armchair.
6. They believe that Sophie’s family is very rich.
7. Yesterday, when they were walking pass that room, they heard someone singing inside.
8. This afternoon, one of my employees witnessed a stranger sneak into our office.
9. I will have my father take care of my plants when I’m on my business trip.
10. 2 days ago, her parents bought her a laptop.
คำตอบ
1. Your long hair really needs cutting.
2. Last night, a stranger was seen trying to steal your motorbike by that family.
3. A poor man in our district was said to have won a lottery.
4. This morning, I got my car fixed by a professional mechanic.
5. This dirty and dusty armchair really needs washing.
6. Sophie’s family is believed to be very rich.
7. Yesterday, when they were walking pass that room, someone was heard singing inside by them.
8. This afternoon, a stranger was witnessed to sneak into our office.
9. I will have my plants taken care of by my father when I’m on my business trip.
10. 2 days ago, she was bought a laptop by her parents.
ทั้งหมดข้างต้นคือการสรุปความรู้ที่สำคัญเกี่ยวกับประโยค Passive ELSA Speak หวังว่าบทความนี้จะช่วยให้คุณเชี่ยวชาญและใช้ความรู้ด้านไวยากรณ์นี้ได้อย่างมั่นใจ ขอบคุณมากๆ ค่ะที่อ่านบทความนี้จนจบ แล้วพบกันใหม่บทความต่อไปนะคะ!
สวัสดีค่ะ ฉันชื่อนุช
สวัสดีค่ะ ฉันชื่อนุช ฉันอายุ 25 ปีและกำลังทำงานเป็นเจ้าหน้าที่ Content Marketing ให้แก่นิตยสารแฟชั่นที่กรุงเทพฯ
ในฐานะผู้รับผิดชอบในการสร้างเนื้อหาของนิตยสาร ฉันจำเป็นต้องใช้ภาษาอังกฤษบ่อยมาก และยิ่งกว่านั้นคือต้องสื่อสารได้อย่างคล่องแคล่ว เพราะฉันมักจะมีการสัมภาษณ์คนดังทั้งในและต่างประเทศอยู่บ่อยๆ
แต่น้อยคนนักที่จะรู้ว่าก่อนจะพูดภาษาอังกฤษได้คล่องเหมือนตอนนี้ ผมเกือบเรียนไม่จบเพราะไม่เก่งภาษาอังกฤษ
ฉันเคยมองว่าภาษาอังกฤษไม่มีประโยชน์
ในช่วงมัธยมปลาย ภาษาอังกฤษของฉันอยู่ในระดับปานกลาง-แย่ ในคืนก่อนวันสอบที่โรงเรียน ฉันจะตั้งใจทบทวนบทเรียนที่เพิ่งเรียนไปอย่างรอบคอบ แต่เพราะไม่รู้ว่าจะนำไปใช้อย่างไร คะแนนของจึงได้แค่ 4 5 นอกจากประโยคสื่อสารง่ายๆ อย่าง ““Hi, how are you?” หรือ “What’s your name?” ฉันไม่รู้จะพูดอะไรอีก
อย่างไรก็ตาม ฉันไม่เสียใจเลยและไม่รู้สึกว่าภาษาอังกฤษเป็นวิชาที่จำเป็น สำหรับฉันในตอนนั้น การหมกมุ่นอยู่กับวิชาวรรณคดีเป็นสิ่งที่ฉันชอบที่สุด
ฉันคิดว่าถ้าไม่มีภาษาอังกฤษ ฉันก็ยังทำงานอื่นได้อีกมากมาย และนั่นคือความคิดที่ผิดมากๆ
เมื่อเข้ามหาวิทยาลัย ฉันอดไม่ได้ที่จะรู้สึกประหลาดใจ สับสน และกังวล เมื่อหลักสูตรใช้คำศัพท์ภาษาอังกฤษมากมาย ไม่เพียงเท่านั้น ตำราหรือเอกสารอ้างอิงของหลักสูตรก็เขียนเป็นภาษาอังกฤษหมดเลย แม้ว่าอาจารย์ยังคงสอนนักศึกษาเป็นภาษาไทย
มันทำให้ฉันตกใจ “โอ้พระเจ้า จะทำยังไงดีล่ะทีนี้? ฉันไม่รู้ภาษาอังกฤษเลยแม้แต่คำเดียว”
แต่สิ่งสุดท้ายที่ทำให้ฉันกลัวที่สุดคือ ถ้าไม่มีใบรับรองภาษาต่างประเทศ จะไม่ได้รับการพิจารณาให้สำเร็จการศึกษา
ฉันยังจำได้ว่าหลังจากได้ยินข่าวนั้นเป็นเวลาหนึ่งเดือน ฉันกินไม่ได้ นอนไม่หลับ และกลัวอยู่เสมอว่าจะเรียนจบไม่ทันเพื่อนๆ แม้อย่างนั้น ฉันก็ยังไม่มีความสนใจในภาษาอังกฤษเลยแม้แต่นิดเดียว
บทเรียนภาษาอังกฤษในชั้นเรียนมักจะทำให้ฉันเสียสมาธิ ฉันไม่สามารถซึมซับความรู้ได้ ทำแต่งานส่วนตัวในห้องเรียน ซึ่งมันกระทบถึงผลการเรียนไม่น้อยเลยทีเดียว
จนกระทั่งวันหนึ่ง ฉันโชคดีที่มีอาจารย์คนหนึ่งมาแบ่งปันเกี่ยวกับความสำคัญของการเรียนภาษาอังกฤษ การสนทนากับครูเป็นในเวลา 30 นาทีนั้นได้เปลี่ยนมุมมองของฉันเกี่ยวกับการเรียนภาษาต่างประเทศอย่างสิ้นเชิง
ตอนนั้น ฉันไม่รู้สึกว่าภาษาอังกฤษน่าเบื่อหรือไร้ประโยชน์อีกต่อไป แต่เริ่มเห็นว่ามันเป็นเครื่องมือที่ช่วยให้ฉันทำในสิ่งที่ฉันอยากทำ
ฟื้นภาษาอังกฤษขั้นพื้นฐานในเวลาเพียง 3 เดือน
ฉันจึงเริ่มลงทุนเรียนภาษาอังกฤษ โดยนำคำแนะนำที่อาจารย์ให้มาใช้อย่างถูกต้อง
ประการแรก ฉันพิจารณาแล้วว่าระดับภาษาอังกฤษของฉันในตอนนั้นต่ำกว่าขั้นเฉลี่ยที่โรงเรียนกำหนด ฉันไม่รู้วิธีใช้โครงสร้างไวยากรณ์พื้นฐานที่สุด แม้ได้เรียนมาแล้วตอนมัธยมปลาย แต่คลังคำศัพท์ของฉันก็มีไม่มากนัก ดังนั้นเวลาสื่อสารหรือเขียนภาษาอังกฤษ ฉันมักจะใช้คำพวกนี้บ่อยๆ เช่น “very, so, and,…”.
ดังนั้น ฉันจึงตั้งเป้าหมายให้ตัวเองว่า ต้องฟื้นภาษาอังกฤษพื้นฐานทั้งหมดให้ได้ภายใน 3 เดือน ด้วยเป้าหมายนั้น ฉันจึงมองหาหลักสูตรและเครื่องมือเพิ่มเติมเพื่อช่วยให้ฉันเรียนได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
ฉันไม่ได้เลือกเรียนที่ศูนย์ภาษาอังกฤษเพราะค่าเล่าเรียนค่อนข้างแพง มีเวลาจำกัด และฉันรู้สึกไม่มั่นใจหากหาศูนย์ที่มีชื่อเสียงไม่ได้ สุดท้ายก็เลยตัดสินใจเรียนเอง จะได้เรียนตามสิ่งที่เราต้องการ ทั้งยังสามารถฝึกฝนวินัยให้ตนเองได้ด้วย
เพื่อให้เก่งแกรมม่า ฉันซื้อหนังสือ English Grammar In Use และเรียนรู้อีกครั้ง เพราะหนังสือเล่มนี้อธิบายอย่างละเอียดและเข้าใจง่าย นอกจากการทบทวนแบบฝึกหัดในหนังสือแล้ว ฉันยังหาแบบฝึกหัดอื่นๆ บนเว็บไซต์ภาษาอังกฤษที่น่าเชื่อถือในไทยเพื่อทำอีกด้วย ในแต่ละวันฉันใช้เวลาเฉลี่ย 2 ชั่วโมงกับการเรียนไวยากรณ์และทำแบบฝึกหัด
เมื่อเรียนภาษาต่างประเทศ ไม่ใช่เพียงแต่เรียนรู้ไวยากรณ์เท่านั้น แต่ยังต้องเรียนรู้คำศัพท์ ฝึกการฟังและการออกเสียงอีกด้วย
ในการฝึกฟัง ผมมองหาหนังอเมริกันที่วัยรุ่นไทยนิยม มีฉากต่างๆ เกี่ยวกับกิจวัตรประจำวันและการสื่อสารเพื่อเรียนรู้วัฒนธรรม วิธีสื่อสาร และฝึกการฟัง
ในแต่ละตอน เราจะดูซับไทยกับอังกฤษก่อน พอเข้าใจเนื้อหาแล้ว จะดูเฉพาะซับอังกฤษเพื่อเรียนรู้คำศัพท์ บางครั้งฉันเลียนแบบคำพูดของตัวละครในภาพยนตร์เพื่อจดจำประโยคนั้น รวมทั้งเลียนแบบการออกเสียงของพวกเขาด้วย เมื่อได้คำศัพท์ใหม่ ฉันจะจดลงในสมุดบันทึกทันทีและทบทวนทุก 2 วัน
ฉันเริ่มจำโครงสร้างประโยคที่ใช้กันทั่วไปในภาษาอังกฤษ และสะสมคำศัพท์ที่ใช้ในการสื่อสารประจำวันได้มากพอสมควร แต่ตอนนั้น ฉันก็ยังไม่มั่นใจอยู่ดีเพราะออกเสียงภาษาอังกฤษไม่เก่ง จนกระทั่งได้เจอแอป ELSA Speak ใน App Store
หลังจากอ่านข้อมูลและดาวน์โหลดมาเพื่อทดลองใช้ เราชอบและประหลาดใจอย่างมากกับคุณสมบัติอัจฉริยะที่ยอดเยี่ยมของ ELSA Speak ที่เป็นแอปพลิเคชั่นที่ใช้เทคโนโลยี A.I. (ปัญญาประดิษฐ์) และเทคโนโลยีการจดจำเสียงที่เป็นกรรมสิทธิ์
สิ่งที่ทำให้ฉันประทับใจมากที่สุดเมื่อใช้ ELSA Speak คือทุกครั้งที่อ่านประโยคใดๆ ในหมวด Speak ส่วนพจนานุกรม แอปจะจดจำเสียงของเราทันทีและวิเคราะห์โดยละเอียดว่าเราออกเสียงอย่างไร วิธีเน้นเสียงและน้ำเสียง เพื่อดูว่าเราออกเสียงเป็นธรรมชาติหรือไม่ จากนั้นระบบจะชี้คำ (หรือพยางค์) ที่เราอ่านผิด แล้วแนะนำวิธีออกเสียงให้ถูกต้อง
ฉันทดลองใช้ ELSA Speak เป็นเวลาประมาณหนึ่งสัปดาห์ และไม่ลังเลเลยที่จะสมัครใช้แพ็คเกจตลอดชีพหลังจากนั้น ELSA ไม่ทำให้ฉันผิดหวังกับสิ่งที่ได้มาจริงๆ
ได้งานที่ตนเองใฝ่ฝัน
ตั้งแต่เรียนภาษาอังกฤษตามวิธีการข้างต้น ทักษะของฉันดีขึ้นอย่างมาก ไม่ใช่แค่พูดภาษาอังกฤษดีขึ้นเท่านั้น ฉันยังได้รับคำชมว่าเป็น “นักเรียนที่ออกเสียงภาษาอังกฤษได้ดีที่สุดคนหนึ่งในชั้นเรียน” ทำให้รู้สึกอิ่มใจเหมือนเป็นเครื่องพิสูจน์ความพยายามที่ทุ่มเทลงไป
หลังจากเรียนจบ ฉันตัดสินใจจะทำงานเกี่ยวกับแฟชั่นและคอนเท้นต์ เพราะเป็นสองสิ่งที่ฉันชอบมาตั้งแต่เด็กๆ หลังจากทำงานและเรียนรู้ในบริษัทหลายแห่งมาระยะหนึ่ง ฉันก็ “หยุด” ที่กองบรรณาธิการนิตยาสาร และทำงานเป็นผู้เชี่ยวชาญด้าน Content Marketing ด้านแฟชั่นจนถึงปัจจุบัน
เมื่อมองย้อนกลับไปตลอดเวลาที่ผ่านมา ฉันรู้สึกขอบคุณอาจารย์ที่ปีนั้นได้ให้คำแนะนำที่เป็นประโยชน์มากมาย และยังช่วยให้ฉันตระหนักว่าไม่มีวิชาใดที่ไม่จำเป็น มีเพียงผู้เรียนเท่านั้นที่ไม่รู้วิธีเรียนรู้และนำความรู้นั้นไปใช้ในทางปฏิบัติ
สวัสดีครับ เราชื่อเกรท
สวัสดีครับ เราชื่อเกรท อายุ 24 งานหลักของเราคือเป็นพนักงาน IT ในองค์กรด้านเทคโนโลยีแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ
แม้ว่าลักษณะของงานนี้ไม่ต้องการให้ผมสื่อสารกับคู่ค้าและทีมงานมากเกินไป แต่การทำงานให้กับบริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่ยังหมายถึงการมีส่วนร่วมในโครงการข้ามชาติมากขึ้นและทำงานร่วมกับลูกค้าจากต่างประเทศบ่อยๆ
ดังนั้น อาจพูดได้ว่าภาษาอังกฤษเป็นภาษาที่เราใช้ในทุกๆ วัน นอกจากภาษาไทย แต่หากคุณรู้จักผมตั้งแต่ในรั้วมหาลัย คุณอาจจะไม่เชื่อเลยว่า จะมีวันที่ผมสามารถพูดอังกฤษได้คล่องขนาดนี้
เรื่องคือ…
เก่งคณิตศาสตร์แต่ก็สามารถ…สอบได้ที่โหล่ภาษาอังกฤษได้
ผมชอบเรียนคณิตศาสตร์ ช่วงที่เรียน ม.ปลายเป็นช่วงที่ผมชอบมากที่สุด เพราะผมอยู่ในกลุ่มที่เรียนคณิตเก่งที่สุดของโรงเรียน โดยทุกครั้งที่แก้โจท ผมจะพยายามหาวิธีแก้เลขหลายวิธีสำหรับโจทที่ครูส่งมา
ผมจบ ม.ปลายด้วยคะแนนสอบเข้ามหาวิทยาลัยวิชาคณิตศาสตร์สูงมาก จนได้กลายเป็นนักศึกษาคณะ เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ตอนนั้นก็นึกว่า ทุกอย่างคงจะราบรื่นเหมือนตอนเรียน ม.ปลายนั่นแหละ จนวันหนึ่ง ผม…สอบตกวิชาภาษาอังกฤษ
นอกจากจะเก่งคณิตศาสตร์และเขียนโปรแกรมแล้ว ผมต้องเรียนรู้คำศัพท์ด้านไอทีจำนวนมาก และเอกสารทั้งหมดเขียนเป็นภาษาอังกฤษ ทำให้ผมช็อกไปเลยเพราะแม้เป็นแค่นักศึกษาปี 1 แต่จำนวนเอกสารที่จะต้องเรียนรู้เป็นภาษาอังกฤษนั้นมีมากมายมหาศาล
จากการเป็นนักเรียนเก่งคณิตศาสตร์ที่สอบเข้ามหาวิทยาลัยได้ด้วยเกรดสูง ผมดันสอบตกเพราะวิชาภาษาอังกฤษ
ณ ตอนนั้น ผมถึงจะนึกออกได้ว่า ภาษาอังกฤษคืออุปสรรคที่ขัดขวางไม่ให้ผมเป็นโปรแกรมเมอร์มืออาชีพได้ ผมรู้แล้ว “เราต้องหาทางเปลี่ยนแปลง! เราจะปล่อยให้เรื่องเป็นแบบนี้ตลอดไปไม่ได้”
หลังจากนั้นประมาณ 1 อาทิตย์ เราเลื่อนนัดเที่ยวกับเพื่อนทั้งหมด แล้วเริ่มจริงจังกับการเรียนภาษาอังกฤษ
การเรียนภาษาอังกฤษก็เหมือนกับการแก้โจทย์ปัญหาในวิชาคณิตศาสตร์
ส่วนตัวผมคิดว่า การเรียนภาษาอังกฤษก็เหมือนกับการแก้โจทย์ปัญหาในวิชาคณิตศาสตร์ ขั้นตอนแรกคือ ต้องรู้ว่าปัญหาอยู่ที่ไหน หลังจากนั้นถึงจะไปแก้ได้
แม้เราสามารถอ่าน-เข้าใจได้บ้าง แต่ทักษะการอ่าน-ฟังและพูดของเรายังแย่มากๆ เมื่อเทียบกับเพื่อนๆ รุ่นเดียวกัน เราก็ไม่ชอบภาษานี้ด้วยแหละ ดังนั้น ไม่ว่าจะเรียนเยอะขนาดไหน แป๊ปเดียวเราก็จะลืมไปหมดแล้ว
เราเก็นว่า เพื่อเก่งภาษาอังกฤษ เราต้องอยู่ร่วมกับมัน ไม่ใช่คิดเป็นวิชาที่จำเ็นต้องเรียน ดังนั้น เราเริ่มที่จะให้ภาษาอังกฤษเข้ามาในชีวิตเรามากขึ้น
สำหรับของใช้ในบ้าน ผมใช้กระดาษโน้ตเขียนชื่อภาษาอังกฤษและติดไว้ เพื่อสะดวกต่อการ “มอง” ทุกครั้งที่ผ่านไป เวลาดูหนังหรือเล่นเกมบันเทิง แทนที่จะดู thaisub ผมเปลี่ยนไปดูเว็บสองภาษา แล้วค่อยๆ เลิกดูภาษาเวียดนาม ดูแต่หนังที่มีซับอังกฤษ
เพื่อพัฒนาทักษะการฟังให้ดียิ่งขึ้น ผมใช้เวลาว่างทั้งหมดในการค้นหาพอดแคสต์ดีๆ เกี่ยวกับหัวข้อเทคโนโลยีสารสนเทศเป็นภาษาอังกฤษเพื่อเพิ่มความสนใจและฟังทุกครั้งที่ขึ้นรถไปโรงเรียน ด้วยเหตุนี้ ผมจึงสามารถฝึกฟังได้อย่างน้อย 2 ชั่วโมงต่อวัน
ผมคิดว่าวิธีการเรียนแบบนี้จะทำให้เรารู้สึกว่าภาษาอังกฤษน่าสนใจและนำไปใช้ได้จริงมากขึ้น เหมือนกับวิธีที่ผมเรียนคณิตศาสตร์ คือต้องนำไปใช้ได้จริง เป็นการนำความรู้ไปใช้ในการดำรงชีวิต ถึงจะจำและเข้าใจได้ง่าย
เรื่องทักษะการอ่าน ผมไม่อ่านเอกสารเฉพาะทางระดับยากทันทีเพราะจะทำให้ท้อใจได้ง่าย แต่ผมจะเริ่มด้วยบทความในหนังสือพิมพ์ ที่ง่ายๆ และไม่มีศัพท์ยากๆ มากนัก แล้วค่อยๆ เพิ่มระดับความยากขึ้นไปจนกระทั่งสามารถอ่านเอกสารทางเทคนิคที่ซับซ้อนได้อย่างคล่องแคล่ว
แต่ทักษะการพูดเป็นทักษะที่ทำให้ผมปวดหัวนานมาก ผมเป็นคนที่มีโลกส่วนตัวสูง ชอบขี้อายและไม่กระฉับกระเฉงพอที่จะเริ่มบทสนทนาและทำความรู้จักกับเพื่อนต่างชาติได้ง่ายๆ
ผมกลัวที่จะฝึกพูดกับเพื่อนร่วมชั้น เพราะเขาเก่งกว่าเราเยอะ และผมก็กลัวจะถูกล้อว่าพูดภาษาอังกฤษไม่เก่ง นั่นเป็นเหตุผลที่ผมไม่รู้ว่าควรจะใช้วิธีเรียนการพูดภาษาอังกฤษที่บ้านด้วยตัวเองอย่างไรดี เพื่อ สามารถประหยัดเงินได้โดยไม่ต้องกลัวว่าจะถูกคนอื่นหัวเราะเยาะเพราะไม่รู้คำศัพท์
บังเอิญเราได้ดูคลิปรีวิวของ YouTube คนหนึ่งหลังจากที่ได้เรียนภาษาอังกฤษผ่านแอปพลิเคชั่น ELSA Speak สักระยะหนึ่ง
เนื่องจากเป็นคนที่ชอบเทคโนโลยี ผมจำได้ว่า ผมประทับใจถึงขั้นที่ต้องพูดว่า “เริ่ดโคตรๆ!” เมื่อรู้ว่าแอปพลิเคชั่น ELSA Speak มีการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์และการจจำรู้เสียงพูดในฟังค์ชั่นต่างๆ ของแอปฯ ด้วย
ผมตัดสินใจสมัครแพ็กเกจ 1 ปีทันทีโดยไม่ลังเล และเริ่มเรียนรู้ที่จะพูดบน ELSA Speak ตั้งแต่นั้นมา ถ้าผมรู้จักกับ ELSA Speak เร็วกว่านี้น่าจะดีมากๆ!
ฟังค์ชั่นของ ELSA ที่เราชอบและประทับใจที่สุดในครั้งแรกที่ใช้งานคือความอัฉจริยะของปัญญาประดิษฐ์ ซึ่งเราแค่พูดขึ้นมาหนึ่งประโยคสั้น ๆ แอปพลิเคชันสามารถวิเคราะห์รายละเอียดเกี่ยวกับสำเนียง น้ำเสียง และความสามารถของเขา จากนั้น ชี้ให้เห็นถึงข้อผิดพลาดและแนะนำวิธีการแก้ไข
นอกจากนี้ ELSA ยังมีหัวข้อการเรียนรู้ด้านการสื่อสารอีกมากมายที่จำเป็นและใกล้เคียงกับชีวิตจริง ตัวอย่างเช่น ประโยคที่ควรพูดเมื่อสัมภาษณ์งานเป็นภาษาอังกฤษ จะพูดอย่างไรเมื่อไปเดท จะพูดอย่างไรเมื่อเข้าสังคมกับเพื่อนร่วมงาน เป็นต้น ดังนั้นไม่เพียงแค่ปรับปรุงการออกเสียงให้ดีขึ้น ตอนนี้ผมยังสามารถพูดคุยกับเพื่อนร่วมงาน ลูกค้าได้ด้วย และทุกครั้งที่ไปสัมภาษณ์ ก็มั่นใจที่จะเม้าท์เป็นภาษาอังกฤษได้
กลายเป็นโปรแกรมเมอร์ได้ด้วยการเรียนภาษาอังกฤษด้วยตนเอง
หลังจากขยันเรียนภาษาอังกฤษมาสักพัก ในที่สุด ผมก็เรียนจบและสมัครเข้าบริษัทเทคโนโลยีนานาชาติที่มีอ๊อฟฟิศอยู่ในประเทศไทยอย่างมั่นใจ แตกต่างจากเมื่อก่อน ผมไม่อายหรือกลัวที่จะถูกคนอื่นหัวเราะเยาะเมื่อพูดภาษาอังกฤษอีกแล้ว เอกสารและบทความที่มีคำศัพท์ยาวมากมายก็ไม่ได้ทำให้ผมลำบากใจอีกต่อไปได้
ผมใช้ ELSA Speak เป็นเครื่องมือในการเรียนภาษาอังกฤษจนถึงตอนนี้ หลังจากเรียนจบ แม้ว่าไม่จำเป็นต้องเรียนผ่านแอปพลิเคชันทุกวันเหมือนเมื่อก่อนแล้ว แต่บางครั้งเมื่อพบคำศัพท์ใหม่ที่ไม่รู้จะออกเสียงอย่างไร ผมยังต้องใช้ฟังค์ชั่นพจนานุกรมของ ELSA Speak เพื่อค้นหาความหมายและวิธีการอ่าน
เมื่อนึกย้อนกลับไป หากก่อนหน้านี้ผมไม่รู้ตัวว่าตัวเองเสียพื้นฐานภาษาอังกฤษ และไม่รู้จักแอป ELSA Speak ผมคงกำลังดิ้นรนกับพวกความรู้ภาษาอังกฤษอยู่ และคงไม่มีโอกาสเป็นโปรแกรมเมอร์ ในสภาพแวดล้อมที่ดีอย่างตอนนี้
สวัสดีค่ะ ฉันชื่อมิ้นต์ค่ะ!
สวัสดีค่ะ ก่อนที่จะเล่าเรื่องราวที่ทำให้ชีวิตเราเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง ขอแนะนำสักนิดเกี่ยวกับตัวเองก่อนค่ะ
ฉันชื่อมิ้นต์ อายุ 30 ตอนนี้เป็นเจ้าหน้าที่ฝ่ายขายให้แก่บริษัทเทคโนโลยีที่ทันสมัยแห่งหนึ่งที่สหรัฐอเมริกา งานของเราต้องสื่อสารภาษาอังกฤษ 100% และได้เงินเดือนที่ดีมากๆ ค่ะ
ต้องยอมรับว่า ฉันโชคดีกว่าหลาย ๆ คน เพราะหลังจาก 2 ปีที่อยู่ร่วมกับ โรคระบาด COVID-19 ชีวิตของเรานอกจากไม่ถึงทางตันแล้ว ยังสบายกว่าเดิมอีกเยอะเลย
ในขณะที่เพื่อนรุ่นเดียวกันต้องดิ้นรนหางานใหม่หลังช่วงเว้นระยะห่างทางสังคม หรือต้องค้าขายออนไลน์นอกเวลาทำงานเพื่อหารายได้เสริม ฉันกลับได้ไปท่องเที่ยวต่างประเทศ ทำงานที่บ้าน ทานอาหารแนวตะวันตก และมีความชอบที่หรูหรา
ถ้ามองย้อนไปเมื่อ 2 ปีที่แล้ว เราคงไม่กล้าฝันถึงเรื่องพวกนี้เลย
เพราะว่า เราพูดอังกฤษแย่มาก
ตกงานเพราะพูดอังกฤษไม่ได้เลย
แต่ก่อน เราเป็นพนักงานฝ่ายขายที่ธรรมดาๆ คนหนึ่งของบริษัทเล็กๆ แห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ สะภาพแวดล้อมการทำงานตอนนั้นไม่ได้บังคับให้เราต้องพูดอังกฤษได้ เพราะลูกค้าส่วนมากเป็นคนไทย
ก็เพราะสาเหตุนั้น ทำให้เราละทิ้งการเรียนและละเลยการฝึกภาษาอังกฤษด้วยตัวเอง พอเวลาผ่านไป ความรู้ที่ได้เรียนมาในโรงเรียนก็จางหายไป เหลือเพียงบางประโยคง่ายๆ แต่ก็ต้อง “เอิ่ม เอ่อ” ไม่รู้จะกี่ครั้งถึงจะพูดจบได้ คำศัพท์และแกรมม่าก็พอใช้สำหรับการอ่านแล้วพอเข้าใจเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม เราก็เฉยเพราะคิดว่าทำงานที่นี่ การเรียนภาษาอังกฤษเป็นสิ่งที่ไม่จำเป็น
พอถึงปี 2019 เมื่อโรค COVID-19 เริ่มแพร่ระบาด บริษัทต้องลดจำนวนพนักงานเพื่อประหยัดรายจ่าย และเราก็กลายเป็นคนตกงานซะงั้น
ตอนนั้น เพื่อมีเงินสำหรับใช้จ่ายในช่วงที่เว้นระยะห่างทางสังคม เราเริ่มหางานที่เป็น freelance แต่ชีวิตไม่ได้ดั่งฝัน ตลาด freelance มีการแข่งขันกันอย่างดุเดือดมาก
โครงการที่ใหญ่และน่าเชื่อถือได้มักต้องการภาษาอังกฤษ ส่วนโครงการเล็กๆ รายได้ก็เล็กไปด้วย
วัยรุ่นหลายคนที่มีทัศนคติที่กระตือรือร้น พูดภาษาอังกฤษได้ดี และมีคุณวุฒิวิชาชีพสูง พวกเขาจะสามารถหาโครงการที่มีรายได้สูงอย่างง่ายดายใน Upwork หรือ Fiverr ส่วนคนที่อายุประมาณเรา เขาเป็น freelancer มานานหลายปี พอจะมีประวัติที่น่าเชื่อถือ เลยมีหลายฝ่ายเข้าหาอยู่เสมอ
เราท้อ ไปต่อไม่ถูกแล้วรู้สึกผิดกับตัวเองมาก ๆ เพราะไม่ลงทุนเรียนภาษาอังกฤษอย่างจริงจังตั้งแต่แรก จากนั้น เราถึงได้เห็นความสำคัญของภาษาที่มีการเรียนทั่วโลกนี้
เราเริ่มเข้าอินเทอร์เน็ตแล้วหาวิธีแก้การเสียพื้นฐานภาษาอังกฤษอย่างรวดเร็วและได้ผลได้มากที่สุด ตั้งแต่หนังสือเรียนภาษาอังกฤษที่ขายทั่วไปในร้านหนังสือ ตลอดจนคอร์สเรียนภาษาอังกฤษออนไลน์ที่แพงๆ แต่ก็ไม่ได้ผลอยู่ดี
กับแต่ละวิธี เราต่างทุ่มเวลาเพื่อใช้ก่อน แล้วก็ตกอยู่ในปัญหาที่ลืมบทเรียน ลืมคำศัพท์ เรียนไม่ตรงประเด็น ทำให้รู้สึกเบื่อ ไม่อยากเรียนเองอีก เราวนเวียนอยู่ในกองเอกสารภาษาอังกฤษที่ตนเองเป็นคนรวบรวมมาเอง แต่ไม่เคยอ่านให้หมดเลย
การเปลี่ยนแปลงชีวิตด้วยวิธีการเรียนรู้ที่ถูกต้อง
โชคดีที่อีกไม่นานหลังจากนั้น การเรียนภาษาอังกฤษของเราเริ่มง่ายขึ้นหลังจากที่ได้รับคำแนะนำจากเพื่อนที่เรียนภาษาอังกฤษเองเหมือนกัน แต่เขาประสบความสำเร็จ ในครั้งหนึ่งที่เราเม้าท์กันในเฟสบุ๊ค
คือ เพื่อเรียนอังกฤษเองแล้วไม่เบื่อเร็วได้ เราต้องรู้ตัวว่าตอนนี้เราอยู่ในระดับไหน ถึงจะรู้ได้ว่า สิ่งที่เราอยากเรียนแล้วควรเรียนคืออะไรบ้าง
หลังจากที่รู้ระดับความสามารถของตนเองแล้ว ต้องหาวิธีเรียนที่เหมาะกับเรามากที่สุด ซึ่งเป็นวิธีที่ทำให้เรารู้สึกสนุก ไม่กดดัน และสามารถเข้าใจสิ่งที่กำลังเรียนได้ง่าย
กระบวนการเรียนที่สม่ำเสมอและเหมาะกับเวลาของตนเอง เป็นปัจจัยที่สำคัญในการตัดสินใจว่าคุณเรียนเองสำเร็จหรือไม่
สุดท้ายแล้ว การเรียนภาษาอังกฤษจะกลายเป็นไร้ความหมายถ้าเราไม่สามารถนำความรู้ที่ได้เรียนมานั้นปรับใช้ในชีวิตจริงได้แม้จะเรียนนานและละเอียดขนาดไหน
เพื่อให้การเรียนและฝึกเคล็ดลับดังกล่าวมีประสิทธิภาพมากขึ้น เพื่อนได้แนะนำให้เราเครื่องมืออันหนึ่งในการเรียนภาษาอังกฤษที่ได้ผลมากๆ นั้นก็คือ ELSA Speak.
ELSA Speak เป็นแอปพลิเคชั่นเรียนภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสาร ที่ใช้เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ ด้วยความสามารถในการเรียนแบบ deep learning และการจำรู้เสียงพูด (speech recognition) ที่เป็น exclusive
เมื่อ เรียนภาษาอังกฤษผ่านแอปพลิเคชัน ELSA Speak ระบบจะออกแบบกระบวนเรียนให้ผู้เรียนโดยเฉพาะอ้างจากข้อผิดที่ตนเองเป็นบ่อย
เห็นไหมคะ เมื่อเราลงทุนเรียน ก็ต้องเรียนกับเครื่องมือที่อัจฉริยะแบบนี้
แต่ละวัน ไม่ว่าจะยุ่งขนาดไหน เราก็ต้องสละเวลาอย่างน้อย 1 ชั่วโมงเพื่อเรียนกับแอป ELSA Speak
อดทนสัก 3 เดือน เห็นได้ว่า สำเนียงการพูดภาษาอังกฤษดีขึ้นอย่างชัดเจน ข้อผิดที่ก่อนหน้านี้เรามักเป็นบ่อย ตอนนี้จะไม่ค่อยเป็นแล้ว
นอกจากนั้น เรายังสามารถจำและใช้ได้คำศัพท์หลายคำระดับ C1 & C2 เพราะคุยกับผู้ช่วย A.I. ของ ELSA ทุกวัน
รายได้ $5,000 จากการเรียนภาษาอังกฤษด้วยตนเองที่บ้าน
หลังจากนั้นไม่กี่เดือน เมื่อสิ้นสุดช่วงเว้นระยะห่างทางสังคม เราก็เริ่มหางานทำอีกครั้ง ใช้ความกล้าทั้งหมดที่มีเพื่อสมัครตำแหน่งเจ้าหน้าที่ฝ่ายขายของบริษัทต่างประเทศแห่งหนึ่งที่เราหาได้ใน LinkedIn
ผลออกมาเกินคาดเลยค่ะ เราโชคดีที่ได้ผ่านการสัมภาษณ์รอบแรก แล้วมั่นใจไปสู้ต่อในรอบที่ 2 ที่ 3 ที่ 4…
สุดท้าย เราได้รับเข้าทำงานอย่างเป็นทางการ ทำกับทีมที่เป็นคนอเมริกาทั้งนั้น หมายความว่า จะต้องพูดภาษาอังกฤษหมดเลย แล้วได้รับ offer เงินเดือนหลังช่วงทดลองงานอยู่ที่ $5000
จนถึงปัจจุบัน เราได้ทำงานที่บริษัทแห่งนี้มา 2 ปีกว่าแล้ว ได้เข้าร่วมในโปรเจคใหญ่ๆ หลายโปรโจค และบ่อยครั้งได้มีโอกาสบินไปต่างประเทศเพื่อพบปะและทำงานกับลูกค้า เราจะทำสิ่งเหล่านี้ไม่ได้เลยหากไม่ได้รู้จักกับ ELSA Speak.
หากคุณกำลังพิจารณาการเรียนภาษาอังกฤษของตนเอง เราบอกจริงๆ ว่าคุณควรทำตั้งแต่ตอนนี้เลย เราต้องเรียน ต้องลอง ต้องผิด และอย่าไปกลัวว่าจะต้องผิดอีกหลายครั้ง เพื่อพัฒนาทักษะการสื่อสารภาษาอังกฤษของตนเอง
แต่มากกว่านั้น หากคุณต้องการหาเครื่องมือที่สามารถชี้จุดผิดในการสื่อสารอย่างละเอียด รวมทั้งให้คำแนะนำว่าทำยังไงถึงพูดภาษาอังกฤษได้ดีขึ้น เราแนะนำว่า คุณควรหาข้อมูลเกี่ยวกับ ELSA Speak วันนี้เลย ขอให้คุณประสบความสำเร็จกับการเลือกของตัวเองค่ะ